หนงั สือเรียนวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทัย(3) รหสั สค13014 บทท่ี 1 ความเป็นมาของประวัติศาสตร์สมยั สุโขทัย ในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เริ่มนับตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยเป็น ต้นมา หากแต่ในอาณาเขตประเทศไทย พบหลักฐานของมนุษย์ซ่ึงมีอายุเก่าแก่ท่ีสุดถึงห้าแสนปี ทั้งยังมี หลกั ฐานของอารยธรรมและรฐั โบราณในอาณาเขตดังกลา่ วเปน็ จาํ นวนมาก อาณาจักรสุโขทัยซึ่งก่อต้ังขึ้นในปี พ.ศ. 1781 ขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวางในรัชสมัยพ่อ ขุนรามคําแหงมหาราช นอกจากนี้ ในรัชสมัยของพระองค์ยังมี แต่เสถียรภาพของอาณาจักรได้อ่อนแอลง ภายหลังการสวรรคตของพระองค์ อาณาจักรอยุธยาก่อตั้งข้ึนใน พ.ศ. 1893 มีความย่ิงใหญ่กว่าอาณาจักร สุโขทัยเดิม เนื่องจากมีการติดต่อกับชาติตะวันตก ก่อนจะล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิงใน พ.ศ. 2310 พระยา ตากได้รวบรวมไพร่พลกอบกู้เอกราช และย้ายราชธานีมาอยู่ท่ีกรุงธนบุรี ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟา้ จุฬาโลกทรงสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์ขึ้นเมอ่ื วันท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2325 การลงนามในสนธสิ ัญญาเบาว์รงิ ทาํ ให้ชาตติ ะวนั ตกหลายชาตเิ ขา้ มาทําสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม อกี หลายฉบับ ตอ่ มา แมจ้ ะมกี ารเสยี ดินแดนหลายครั้งให้แก่ฝร่ังเศสและอังกฤษ แต่อาณาจักรสยามก็ไม่ตก เปน็ อาณานคิ มของชาติตะวันตก กุศโลบายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทําให้ไทยเข้าร่วม สงครามโลกครั้งท่ีหน่ึง โดยอยู่ฝ่ายเดียวกับฝ่ายพันธมิตร ทําให้สยามได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ อนั นาํ มาซ่ึงการแก้ไขสนธสิ ญั ญาอนั ไม่เป็นธรรมทงั้ หลาย วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย ทํา ให้คณะราษฎรเข้ามามีบทบาทในทางการเมือง ระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ีสอง ประเทศไทยได้ลงนามเป็น พันธมิตรทางทหารกับญ่ีปุ่น ในช่วงสงครามเย็น ประเทศไทยได้ดําเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับ สหรัฐอเมริกา โดยมีนโยบายต่อตา้ นการขยายตวั ของคอมมวิ นสิ ตใ์ นภูมิภาค หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยยังถือได้ว่าอยู่ในระบอบเผด็จการในทางปฏิบัติอยู่ หลายทศวรรษ ประเทศไทยประสบกับความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และได้มีการสืบทอดอํานาจของ รัฐบาลทหารผ่านการก่อรัฐประหารหลายสิบคร้ัง อย่างไรก็ดี หลังจากน้ันได้มีเหตุการณ์เรียกร้อง ประชาธิปไตยคร้ังสําคัญในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ประชาธิปไตยในประเทศเริ่มมีความม่ันคงย่ิงข้ึน ปจั จบุ นั ประเทศไทยกําลังเกิดวกิ ฤตการณก์ ารเมือง ซ่งึ เรมิ่ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2548
หนังสอื เรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหสั สค13014 2 เร่ืองที่ 1 ยคุ ก่อนราชอาณาจักรสุโขทยั (ก่อนปี พ.ศ.1761) จากการศึกษารอ่ งรอยทางโบราณและโบราณวตั ถุ ศลิ าจารกึ และตํานานพงศาวดา ท้องถ่ินหลายฉบับทําให้เข้าใจว่า ระยะก่อนปี พ.ศ. 1761 น้ัน ปรากฏว่าอํานาจของอาณาจักรเขมรรุ่งเรือง มากในดินแดนสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะต้ังแต่ประมาณ ปี พ.ศ. 1600 เป็นต้นมา จนถึงสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาณาจักรเขมรมีศูนย์กลางอํานาจทางลุ่มแม่น้ําเจ้าพระยาอยู่ท่ีเมืองละโว้ (ลพบุรี) อาณาจักรเขมรมีการปกครองแบบประชาธิปไตย กษัตริย์จะส่งขุนนางมาปกครองเมืองบริวาร โดยเมือง บริวารจะต้องส่งส่วยเป็นเครื่องราชบรรณาการให้แก่นครหลวง ขณะเดียวกับบางท้องถ่ินอาจเป็นอิสระมี อํานาจปกครองตนเอง กลุ่มชนมีขนาดไม่ใหญ่โต ผู้ปกครองเป็นผู้ท่ีได้รับการยกย่องจากกลุ่มชนให้เป็น ผู้ปกครอง ไม่มีความซับซ้อนในการปกคอรงเพราะประชาชนยังมีน้อย บริเวณที่มีความสําคัญในบริเวณ ภาคเหนือตอนลา่ ง คอื 1. บริเวณเมืองศรีเทพ ลุม่ แม่นาํ้ ปา่ สกั ซง่ึ มซี ากโบราณสถานเปน็ ปรางคท์ ี่สรา้ งด้วยศลิ า แลงและอฐิ รวมท้งั เทวรูปศิลาหลายองค์ ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นศลิ ปกรรมแบบเขมร 2. บริเวณเมืองสองแคว (พษิ ณโุ ลก) ซึ่งปรากฏมีโบราณสถานเป็นศิลปกรรมแบบเขมร ได้แก่ พระปรางคว์ ัดจุฬามณี ซ่งึ กอ่ สร้างด้วยศลิ าแลง 3. บรเิ วณเมอื งสุโขทัย และเมอื งศรสี ชั นาลยั ซ่ึงมโี บราณสถานที่เป็นศิลปกรรมแบบเขมร คือ พระปรางค์วัดเจ้าจันทร์ พระปรางค์ 3 องค์วัดพระพายหลวง ศาลตาผาแดง และฐานพระปรางค์วัด ศรีสวาย เมืองเกา่ สุโขทยั ปรางค์เขมรแบบบาปวนทีเ่ ขาป่จู ่า ต.นาเชิงคีรี เปน็ ตน้ สโุ ขทยั ในฐานะทเ่ี ปน็ แควน้ ทางการปกครองอยา่ งเป็นเอกเทศ ไดป้ รากฏรูปร่างข้นึ มาเมอ่ื พุทธศตวรรษที่ 18 เม่ือวีรบุรุษไทย 2 คน คือ พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราดและพ่อขุนบางกลางหาวเจ้า เมืองบางยาง สหายท้ัง 2 ท่าน ได้ร่วมมือกันยึดเมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัยคืนมาจากข้าศึกที่ช่ือว่า “ขอมสบาดโขลญลาํ พง” เมืองสุโขทัยเดมิ พญาศรนี าวนําถมเป็นเจ้าเมืองครองอยู่ แตค่ ร้ังเมอ่ื พญาศรนี าวนาํ ถมถงึ แก่กรรมลง ได้เกดิ เรือ่ งยุ่งยากขึ้น โดยต้องตกอยู่ในอํานาจปกครองของขอมสบาดโขลญลําพง ดังนั้น พ่อ ขุนผาเมืองผู้เป็นโอรส จึงได้ร่วมกับพ่อขุนบางกลางหาวยึดอํานาจคือ สําหรับพ่อขุนผาเมืองน้ันนอกจาก เป็นโอรสของเจ้าเมืองสุโขทัยเก่าและเป็นเจ้าเมืองราดแล้ว ยังดํารงฐานะเป็นราชบุตรเขยของกษัตริย์ เขมร และได้รับมอบนามเกียรติยศคือ “ศรีอินทราบดินทราทิตย์” กับพระขรรค์ชัยศรีจากกษัตริย์เขมร ดว้ ย
หนงั สือเรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหสั สค13014 3 เมื่อทงั้ สองยึดเมอื งศรีสชั นาลัยกบั สโุ ขทยั ไดแ้ ลว้ พ่อขุนผาเมอื งจึงได้มอบเมอื งสุโขทัยให้ สหายตนครอบครอง พร้อมทั้งนามเกียรติยศตนให้แก่สหาย ส่วนตัวเองกลับไปครองเมืองราดเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้ พ่อขุนบางกลางหาวจึงได้เป็นที่รู้จักกันภัยหลังในนามว่า “ศรีอินทราบดินทราทิตย์” หรือ “ศรอี นิ ทราทิตย์” เรอื่ งที่ 2. ยุคอาณาจักรสุโขทัยตอนต้น (พ.ศ.1761-1921) พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ครอบครองสุโขทัยเป็นศูนย์กลางมีอํานาจอยู่แถบบริเวณลุ่ม แม่น้ํายมและแม่น้ําปิงตอนล่าง ทรงมีโอรสที่ปรากฏนามอยู่สองพระองค์ คือ พ่อขุนบานเมือง ผู้พี่และ พอ่ ขนุ รามราชผู้นอ้ ง ในขณะนนั้ บ้านเมืองยังอยใู่ นความไม่สงบ ยงั มผี ้นู ําของกลุ่มชนอสิ ระอยู่อีกหลายกลุม่ ทีค่ ิดจะ ต้ังตัวเป็นใหญ่ ดังนั้น ในการรวบรวมกลุ่มชนต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าด้วยกันจึงต้องมีการทําสงครามต่อสู้กัน ดังเช่นคร้ังหนึ่งเมื่อพ่อขุนรามราช อายุได้ 19 ปี ประมาณปี พ.ศ. 1800 ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดตีเมือง ตาก ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในอาณาเขตปกครองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ครั้งนั้นพ่อขุนรามราชได้ช่วยพระราช บดิ าออกส้รู บด้วย และสามารถชนช้างชนะขุนสามชนได้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จึงเฉลิมพระนามพ่อขุนราช ราชวา่ “พระรามคาํ แหง” เมื่อขุนศรีอินทราทิตย์ส้ินพระชนม์พ่อขุนบานเมือง ได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา แต่อยู่ในช่วง ระยะสั้น ๆ ไม่ปรากฏเหตุการณ์สําคัญทางประวัติศาสตร์ เม่ือพ่อขุนบานเมืองสิ้นประชนม์ ในปี พ.ศ. 1822 พอ่ ขนุ รามคาํ แหง จงึ ได้ครองราชยต์ ่อมาและไดท้ รงเปน็ มหาราชพระองค์แรกของชนชาติไทย ในสมัยพ่อขุนรามคําแหงมหาราชถือได้ว่าเป็นยุคทองของสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรือ กวา่ ในรชั กาลใด ๆ ในราชวงศพ์ ระร่วง ราชอาณาจกั รแผ่ขยายไปอย่างกวา้ งขวาง ทิศเหนือ อาณาเขตถงึ เมืองหลวงพระบาง โดยมีเมอื งตา่ ง ๆ คอื เมอื งแพร่ เมอื งนา่ น เมอื งปวั ทศิ ใต้ อาณาเขตถึงฝงั่ ทะเลสุดเขตมาลายู โดยมเี มอื งตา่ ง ๆ คือ เมืองคนที เมืองพระบาง เมืองแพรก เมอื งสุพรรณภมู ิ เมอื งเพชรบุรี และเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวนั ออก อาณาเขตถงึ เมืองเวยี งจันทน์ และเมืองเวยี งคาํ โดยมเี มอื งสระหลวง เมืองสองแคว เมืองลุมบาจาย และเมอื งสคา ทศิ ตะวนั ตก อาณาเขตถึงเมืองฉอด และเมอื งหงสาวดี ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคําแหงมหาราช บ้านเมืองอยู่อย่างสงบ มีความร่วมเย็นเป็นสุข ดังท่ีปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า “ในนํ้ามีปลา ในนามีข้าว” การพาณิชย์เจริญก้าวหน้า พระองค์ได้ทรง วางระเบียบปกครองบ้านเมือง ท้ังยังประดิษฐ์อักษรไทยข้ึนเมื่อปี พ.ศ. 1826 กับทั้งทรงดูแลการเพิ่ม ผลผลิตของประชากร เพื่อความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ ของอาณาจักร
หนังสือเรยี นวิชาเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหสั สค13014 4 พระราชโอรสพระองคห์ นง่ึ ของพ่อขนุ รามคําแหงมหาราช คือ พญาเลอไท ซ่งึ สันนษิ ฐาน ว่าเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย ในขณะท่ีพ่อขุนรามคําแหงมหาราชครองราชสมบัติอยู่ เมือพ่อขุนรามคําแหงมหาราชสวรรคตในราว พ.ศ. 1842 เมืองต่าง ๆ ที่เคยอยู่ในอํานาจของอาณาจักร สโุ ขทัย ไดแ้ ตกแยกกนั ออกเป็นอสิ ระทาํ ให้เสถยี รภาพของอาณาจักรสุโขทยั อยใู่ นฐานะท่ีคับขนั กษัตรยิ ์ท่ี ครองราชสมบัติสืบต่อจากพ่อขุนรามคําแหง คือ พญาไสสงคราม การที่เมืองต่าง ๆ พยายามแยกตัว ออกเป็นอิสระ รวมท้ังเมืองท่ีอยู่ใกล้กับเมืองหลวงพยายามแยกตัวออกไป แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่เกิดความ ยุ่งยากในราชวงศ์ก็ขึ้นอยู่กับการปกครองเป็นสําคัญ เพราะการปกครองในสมัยนั้นเป็นแบบนครรัฐ คือ แตล่ ะเมืองกม็ ผี ูป้ กครองนครเปน็ อิสระเขา้ มารวมกันได้ก็เพราะศรทั ธาในกษตั ริยอ์ งค์เดยี วกนั เทา่ น้ัน หลังจากรัชกาลของพญาไสสงครามแล้ว พญาเลอไทได้ครองราชสมบัติต่อมาราว พ.ศ. 1866 ซ่ึงน่าจะต้องดําเนินนโยบายในการพยายามรวบรวมอาณาจักรเข้ามาอีกคร้ังหน่ึง ตลอด ระยะเวลา 18 ปี ท่ีพระองค์ครองราชสมบัติอยู่นั้นไม่มีรายละเอียดปรากฏอยู่มากนัก พระองค์สวรรคต ราวปี พ.ศ. 1884 ต่อจากรชั กาลพญาเลอไทย มีกษัตรยิ ท์ ีอ่ อกพระนามในศลิ าจารึกอีกพระองค์หน่ึง คอื พญางวั นําถม ในฐานะพระอนชุ าแต่เปน็ โอรสของพ่อขนุ บานเมือง ได้ข้ึนครองเมืองสโุ ขทัยและได้โปรดให้ พญาลิไท ผู้เปน็ โอรสของพญาเลอไทไปครองเมอื งศรีสชั นาลยั ในฐานะอปุ ราชครองเมืองลูกหลวง เมอื่ พญา งัวนําถมสวรรคตในราว พ.ศ. 1890 เกดิ ความเปลี่ยนแปลงภายในราชสาํ นกั กรุงสโุ ขทัยท่ีไมช่ อบตาม ขนมธรรมเนียม บรรดาหวั เมืองต่าง ๆ แสดงตัวอยา่ งเปิดเผยถึงการดํารงอย่อู ยา่ งอสิ ระ ไม่ยอมขึ้นกบั สว่ นกลางพญาลไิ ทยจึงลอยเสดจ็ ยกทัพจากเมอื งศรีสัชนาลยั ใชก้ าํ ลังเขา้ ขดึ เมอื งไวไ้ ด้ แลว้ ปราบดาภิเษก เปน็ กษตั รยิ ก์ รุงสโุ ขทยั ทรงพระนามว่า “ศรสี ุริพงศ์รามมหาธรรมราชาธริ าช” เมืองครองกรงุ สโุ ขทยั แล้ว ทรงปราบปรามเจา้ เมอื งตา่ งๆ ภายในเขตแคว้นแลว้ แต่งตง้ั พระบรมวงศานวุ งศ์ทีไ่ วว้ างพระราชหฤทัย ไป ปกครองรวมอาํ นาจไว้ท่ศี นู ยก์ ลาง คือ กรุงสโุ ขทยั บ้านเมอื งจึงอยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยอกี ครงั้ หนึ่ง ความพยายามของพระมหาธรรมราชาลิไท ภายหลังขึ้นครองราชสมบัติแล้ว คือ ความ มุ่งหวังท่ีจะรวบรวมเมืองต่าง ๆ ที่แตกแยกกันออกไปให้กลับเข้ามารวมในอาณาจักรเดียวกันอีก และมี ความหวงั ว่าจะใหม้ อี าณาเขตใหญ่โตเทา่ กบั สมยั พ่อขุนรามคาํ แหงมหาราช จนถึงกับเสด็จไปยังเมืองต่าง ๆ เพ่ือเผยแพร่และกระทํากิจทางศาสนา ซึ่งขณะเดียวกันก็แสดงให้เมืองต่าง ๆ ท่ีพระองค์เสด็จไปเห็นว่า พระองค์มีแสนยานภุ าพและมีพระราชอํานาจเต็มในกิจการต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ เช่นในปี พ.ศ. 1902 พระองค์เสด็จยกทัพไปตีเมืองแพร่ กวาดต้อนครัวเรือนมาเป็นข้าพระทีวัดป่าแดงศรีสัชนาลัย และในปีนั้นกไ็ ดป้ ระดษิ ฐร์ อยพระพทุ ธบาทจาํ ลองท่เี ขาสุมนกฎู เมืองสุโขทัย
หนงั สือเรียนวิชาเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหสั สค13014 5 ในฐานะผู้ครอบครองแคว้นสุโขทัย พระมหาธรรมราชาลิไท ทรงพยายามดําเนินรอยตามเบ้ือง พระยุคลบาท พ่อขุนรามคําแหงมหาราช คือ เป็นทั้งนักปราชญ์ผู้สนพระทัยในทางศาสนา โดยให้ความ อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ส่งสมณทูตไปเผยแพร่พระพุทธศาสนายังที่ต่าง ๆ ที่พระองค์ต้องการเป็น พันธมิตรด้วย เช่น เมืองน่าน หลวงพระบาง และกรุงศรีอยุธยา แต่ขณะเดียวกันก็ได้แสดงบทบาทของ การเปน็ นกั รบทีพ่ ยายามขยายอํานาจของแคว้นสุโขทัยให้กว้างขวางย่ิงขึ้น ในสมัยของพระองค์ นอกจาก จะได้ยกทัพไปตีเมืองแพร่ทางทิศเหนือแล้ว ทางทิศตะวันออก ได้พยายามขยายขอบเขตออกไปถึงเมือง ลุ่มแม่นํ้าป่าสัก จากบทบาทการเป็นนักรบของพระองค์ท่ีขยายพระราชอํานาจไปยังเมืองลุ่มแม่น้ําป่าสัก น้ีเอง ทําให้กระทบกระท่ังกับกรุงศรีอยุธยา ท่ีมีความเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองแถบนั้น สมเด็จพระ รามาธบิ ดีที่ 1 (พระเจา้ อูท่ อง) จึงเสด็จลอบยกทพั มายดึ เมอื งสองแควไว้ได้ และได้โปรดให้ขุนหลวงพ่อง่ัว พระเชษฐาของพระมเหสี ซ่ึงขณะนั้นครองเมืองสุพรรณบุรี มาปกครองเมืองสองแคว ทําให้พระมหา ธรรมราชาลิไท ต้องถวายบรรณาการเป็นอันมาก ในที่สุดสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงทรงมอบเมืองสอง แควคอื และโปรดใหข้ ุนหลวงพ่อง่วั ไปครองเมอื งสพุ รรณบุรดี ังเดมิ ในการคืนเมืองสองแควน้นั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ 1 ทรงต้งั เงือ่ นไขวา่ พระมหาธรรมราชาลไิ ท ต้องเสด็จไปประทบั ทเี่ มืองสองแคว จงึ เป็นเหตใุ หแ้ คว้นสุโขทัยทเี่ รมิ่ จะรวมตัวกนั ได้ต้องสนั่ คลอน เมอื่ พระมหาธรรมราชาลิไทเสดจ็ ไปประทับอยเู่ มอื งสองแควได้โปรดใหพ้ ระอนชุ าปกครองเมืองสุโขทัยแทน ในปี พ.ศ. 1912 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 สวรรคต สมเด็จพระราเมศวรข้ึนครองราชสมบัติ เม่ือพระมหาธรรมราชาลิไททรงทราบ จึงคาดสถานการณ์ว่า ทางกรุงศรีอยุธยาต้องมีเหตุไม่เรียบร้อยขึ้น แน่ พระองค์จึงรวบรวมพลจากเมืองต่าง ๆ ในแคว้นสุโขทัยที่เจ้าเมืองยังคงจงรักภักดีต่อพระองค์ เสด็จ ยกพลมายงั กรงุ สโุ ขทยั การเสดจ็ กลับคืนสุโขทัยในครั้งน้ี หลังจากท่ีต้องทรงประทับอยู่ท่ีเมืองสองแควถึง 7 ปี จึงเป็นการเตรียมการท่ีจะใช้ตําแหน่งของเจ้าเมืองสุโขทัย อันเป็นบัลลังก์ที่บรรพบุรุษของพระองค์ ได้สั่งสมอํานาจไว้นั้น เพ่ือเป็นศูนย์กลางในการระดมกําลังก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยมีฐานะม่ันคงสืบไป พระองค์ทรงเริ่มบทบาทโดยการเป็นพันธมิตรกับแคว้นล้านนา ซ่ึงขณะน้ันมีพระเจ้ากือนา เป็นกษัตริย์ ปกครอง โดยพระองค์ไดส้ ่งพระสุมนะเถระเป็นสมณะทตู ขึ้นไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาทเ่ี มอื งเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1913 ขุนหลวงพอ่ ง่วั ซึ่งขน้ึ ครองเมอื งสุพรรณบุรี ไดเ้ ห็นความเคลอ่ื นไหวของพระ มหาธรรมราชาลิไทท่ีกรุงสุโขทัย พระองค์จึงเข้ายึดอํานาจกรุงศรีอยุธยาด้วยความยินยอมของสมเด็จ พระราเมศวร ซึ่งได้ทรงกลับไปครองเมืองลพบุรีตามเดิม ขุนหลวงพ่อง่ัวเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงพระนาม ว่า “สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ 1”
หนงั สือเรียนวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหัส สค13014 6 เรอื่ งท่ี 3. ยุคอาณาจกั รสโุ ขทัยตอนปลาย (พ.ศ.1921-1981) พระมหาธรรมราชาลิไท เสด็จสวรรคตเม่ือปีใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอยู่ ในระหว่าง พ.ศ. 1913-1916 หลังจากนั้นอาณาจักรสุโขทัยเกิดความแตกแยกเนื่องจากขาดผู้นํา อาณาจักรท่ีเป็นท่ียอมรับของญาติพ่ีน้องท่ีครองเมืองต่าง ๆ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 จึงเสด็จ ขึ้นมายึดอาณาจักรสุโขทัยได้ทั้งหมด หากแต่ยังโปรดให้เช้ือพระวงศ์ทางสุโขทัยปกครองตนเอง โดยขึ้น ตรงกับอาณาจักรอยุธยา คือพระมหาธรรมราชาที่ 2 ซึ่งในสมัยของพระองค์ อาณาจักรสุโขทัยอยู่ใน ฐานะเปน็ รัฐกนั ชนระหว่างอาณาจกั รเชยี งใหมก่ บั อาณาจกั รอยุธยา ซงึ่ ต่างก็แสดงความเคล่อื นไหวในการ ที่จะผนวกเอาดินแดนของอาณาจักรสุโขทัยตลอดเวลา ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาพระบรมราชาธิราชท่ี 1 (ขุนหลวงพ่องั่ว) พระองคท์ รงเกรงวา่ อาณาจกั รสุโขทยั จะมไี มตรกี บั อาณาจกั รเชยี งใหม่เพราะหากทัง้ สอง อาณาจักรร่วมมือกันแล้วจะทําให้อาณาจักรอยุธยาอยู่ในฐานะลําบาก จึงทรงยกทัพมาปราบปราม หัวเมืองชายแดนที่ติดต่อกับอาณาเขตของสุโขทัย และหาเหตุเข้าโจมตีเมือง ในอาณาจักรสุโขทัยด้วย ตามพงศาวดารอยุธยากล่าววา่ พ.ศ. 1914 สมเด็จพระบรมราชาธริ าช (ขนุ หลวงพ่องว่ั ) มชี ยั ชนะตอ่ หัวเมอื งเหนอื ทง้ั ปวง พ.ศ. 1915 อยธุ ยายกทัพไปตเี มืองนครพงั คา และเมืองแสงเชรา พ.ศ. 1916 อยธุ ยายกทัพไปตีเมืองชากังราว พญาไสแกว้ กับพญาคาํ แหงสู้รบป้องกนั เมอื ง พญาไสแก้วเสยี ชวี ติ ในทีร่ บ พญาคาํ แหงถอยทัพกลบั เขา้ เมืองได้ พ.ศ. 1918 อยุธยายกทัพไปตีเมืองพิษณุโลก ขุนสามแก้ว เจ้าเมืองพิษณุโลกถูกจับได้ ทพั อยธุ ยาได้เมืองและกวาดตอ้ นผู้คนจากเมอื งพิษณุโลกกลับมามาก พ.ศ. 1919 อยุธยาไปตีเมืองชากังราวครั้งท่ีสอง คราวน้ีกองทัพพญาผากองเจ้าเมืองน่านมา ชว่ ยรบรว่ มกับพญาคาํ แหงดว้ ย แตก่ ็ไมส่ ามารถสู้กองทัพอยุธยาได้ พญาผาเมอื งยกกองทพั หนไี ป กองทัพ อยธุ ยาตามจบั ตวั แมท่ พั นายกองไดม้ าก พ.ศ. 1921 อยุธยายกกองทัพไปตีเมอื งชากังราว เป็นคร้ังท่ี 3 พระมหาธรรมราชา ยกกองทพั ออกมาป้องกันเมืองด้วยพระองค์เอง แต่ก็ต้อยยอมพ่ายแพ้แก่กองทัพอยุธยา จนถึงกับต้องยอมถวาย บังคมอ่อนน้อมต่ออาณาจักรอยุธยา เมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 2 ยอมถวายบังคมต่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชแห่งอยุธยาแล้ว เสถยี รภาพทางการเมืองของสุโขทัยยิ่งลดน้อยลงตามลําดับ ทั้งนี้เพราะถูกอาณาจักรอยุธยาจํากัดอํานาจ ลงกับรวมท้ังการทีก่ ษตั รยิ ์สโุ ขทัยย้ายท่ปี ระทบั อย่ทู ีเ่ มอื งสองแควดว้ ย
หนังสอื เรียนวชิ าเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหัส สค13014 7 พระมหาธรรมราชาท่ี 2 สวรรคตราว พ.ศ. 1942 และพญาไสลือไทยขนึ้ ครองราชสมบตั ิตอ่ มา ทรงพระนามว่า “พระมหาธรรมราชาที่ 3” อาจกล่าวได้ว่าภายหลังที่ทางอาณาจักรอยุธยาตัดกําลังหัว เมืองต่าง ๆ ของของสุโขทัยลงแล้ว เสถียรภาพทางการเมืองของอาณาจักรสุโขทัยก็ทรุดลงและยากที่จะ แก้ไขให้ม่ันคงข้ึนได้ เนื่องจากอาณาจักรอยุธยาสามารถขยายตัวออกไปได้อย่างกว้างขวางแต่ถึงกระน้ัน พระมหาธรรมราชาที่ 3 ก็ได้ทรงกู้เสถียรภาพทางการเมืองของสุโขทัย โดยได้ทรงยกองทัพออกไป ปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ให้อยู่ในอํานาจแม้จะไม่ได้มากเท่ากับครั้งพญาลิไทก็ตาม แต่พระองค์ก็ได้ทํา สงครามหลายคร้ัง รวมท้ังเคยยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ เม่ือ พ.ศ. 1945 ด้วย ซึ่งแม้จะไม่ได้ผลทางชัย ชนะเลยก็ตาม แต่เป็นการแสดงถึงความพยายามในการสร้างอาณาจักรให้มีเสถียรภาพมาย่ิงข้ึนกว่าการ เป็นรัฐกนั ชนขนาดเล็กทีอ่ าจถูกผนวกไปอย่กู ับดนิ แดนของอาณาจกั รใดอาณาจักรหนึ่งได้ พญาไสลอื ไท ทรงมพี ระราชโอรสสองพระองค์ คอื พญาบาล และพญาราม หลงั จากทพ่ี ญาไส ลอื ไทเสด็จสวรรคต ในปี พ.ศ. 1962 ก็เกิดจลาจลแย่งชิงราชสมบัติสมเด็จพระนครินทรราชาธิราช (พระ อินทราชาธิราช) กษัตริย์อยุธยาต้องยกทัพมาปราบจลาจลโดยยกทัพไปถึงพระบาง (นครสวรรค์) พญา บาล และพญาราม ตอ้ งออกมากราบบงั คมตอ่ สมเดจ็ พระนครนิ ทราชาธิราชจึงโปรดให้สถาปนาพญาบาล ครองเมืองพษิ ณุโลก ทรงพระนามว่าพระเจ้าศรี สุริยวงศบ์ รมปาลมหาธรรมราชาธิราช และพญารามโปรดให้ครองเมอื งสโุ ขทัย พระเจ้าศรีสุริยวงศ์บรมปาลครองราชสมบัติอยู่19 ปี จึงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1981 การสวรรคตของพระเจ้าสุริยวงศ์บรมปาล (พระมหาธรรมราชาที่ 4) นักประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นการ สิน้ สุดยุคอาณาจกั รสโุ ขทัยด้วย เมื่อพระเจ้าสุริยวงศ์บรมปาลสวรรคตสมเด็จพระบรมราชาท่ี 2 (เจ้าสามพระยา) จึงโปรดให้ สถาปนาพระราเมศวรราชโอรสซึ่งประสูติจากเจ้าหญงิ สุโขทยั พระองคห์ นึ่ง ซึง่ ขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 7 พรรษา เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองสองแคว ท้ังนี้เพราะทรงเห็นว่าเป็นพระราชโอรสท่ีมีเชื้อสาย ทางเจ้านายฝ่ายสุโขทัย คงจะเข้ากับทางราชวงศ์สุโขทัยได้ดี และเท่ากับเป็นการผนวกดินแดนของ อาณาจักรสโุ ขทัยในตัวไปด้วย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เสด็จสวรรคตเมือปี 1991 พระราเมศวรอุปราช จึงเสด็จจากเมืองสองแควไปครองกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรม ไตรโลกนารถ ส่วนที่เมืองสองแควโปรดให้พระยุษธิฐิระ โอรสของพญารามเป็นเจ้าเมือง แต่ก็ทรงรวม อํานาจจาการบริหารราชการแผ่นดินเข้าสู่ส่วนกลางท่ีกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายพระยุษธิฐิระไม่พอใจอย่างมาก ที่เป็นเพียงเจ้าเมืองสองแคว จึงหันไปผูกมิตรกับพระเจ้าติโลกราชเมืองเชียงใหม่ ทําให้เกิดการสู้รบ ยืดเย้ือระหว่างอาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรเชียงใหม่ ตลอดรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และเพ่ือแก้ปัญหาเก่ียวกับกลุ่มหัวเมืองเหนือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ จึงเสด็จขึ้นมาครองเมืองสอง แคว และโปรดให้พระอินทราชาครองกรุงศรีอยุธยาแทนพระองค์ ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตร โลกนาถ ไดท้ รงเปล่ยี นแปลงฐานะของเมอื งต่าง ๆ ทอี่ ยู่ในอาณาจักรสุโขทยั เดมิ เสียใหม่คอื
หนังสอื เรยี นวชิ าเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหัส สค13014 8 1. เมอื งทอี่ ยู่ในฐานะหวั เมอื งช้นั เอก คอื เมอื งสองแคว 2. เมืองที่อยู่ในฐานะหัวเมืองช้ันโท คือ เมืองศรีสัชนาลัย เมืองสุโขทัย เมืองชากังราว และเมอื งเพชรบรู ณ์ 3. เมอื งที่อยใู่ นฐานะหวั เมืองช้นั ตรี ได้แก่ เมืองพชิ ยั เมืองสระหลวง และเมอื งพระบาง จะเห็นได้ว่าในบรรดาหัวเมืองในอาณาจักรสุโขทัยเดิม เมืองสองแควนับว่าเป็นเมืองท่ีสําคัญท่ีสุด ขณะเดียวกนั เมืองสโุ ขทยั เมอื งศรสี ัชนาลัย อยูใ่ นฐานะหวั เมอื งช้ันโทไดล้ ดความสําคัญลง เมืองสุโขทัยยังคงมีประชาชนอาศัยอยู่สืบมา จนกระท่ังในสมัยราชกาลสมเด็จพระมหา ธรรมราชา แต่อยู่ในฐานะท่ีต้องส่งส่วยอากรและผลผลิตให้แก่อยุธยาบ้าง เก็บผลประโยชน์ให้พม่าบ้าง ตามเหตุการณ์ของสงคราม จวบจนกระท่ังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพไม่ยอมอยู่ ภายใต้การปกครองของพม่าท่ีเมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 พระองค์ได้โปรดให้กวาดต้อนคนจากหัวเมือง เหนือลงไปไว้เมอื งอยุธยาท้งั หมด เนื่องจากกรุงศรีอยุธยามกี าํ ลงั น้อย และเพอ่ื เปน็ การปอ้ งกันมิให้พม่าใช้ กําลังจากหวั เมอื งเหนอื เปน็ ฐานในการสนบั สนนุ ส่งกําลังบํารุง ทาํ ใหส้ ุโขทยั ตอ้ งกลายเป็นเมืองอ่อนกําลังลง การที่สุโขทัยอ่อนกําลังลงเช่นน้ี เป็นผลให้บรรดาส่ิงก่อสร้าง ปราสาทราชวังวัดวาอาราม คูเมือง กําแพงเมือง และระบบชลประทานต่าง ๆ ถูกภัยธรรมชาติทําลายให้เสียหาย พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเห็นว่าศิลปโบราณวัตถุทางศาสนา เช่น เทวรูปและพระพุทธรูปท่ี งดงามถูกทอดท้ิงจึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายประติมากรรมลํ้าค่าเหล่าน้ัน ไปประดิษฐานตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ศิลปกรรมของเมืองสุโขทัยส่วนหนึ่ง จึงเก็บรักษาอยู่ในกรุงเทพมหานครสืบมา จนกระทงั่ บัดนี้ ส่งิ ทเี่ หลอื เป็นอนสุ รณข์ องความยิ่งใหญ่ของเมืองในอดีตมีเพียงแต่ซากของสถาปัตยกรรม ท่ปี รักหกั พงั เพียงอย่างเดียวเท่าน้ัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: