Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน

โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน

Description: ประจำปีงบประมาณ 2564 (ไตรมาส 1-2)

Search

Read the Text Version

บันทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอล้ี ท่ี ศธ 0210.6807/1256 วนั ท่ี 26 เมษายน 2564 เร่อื ง รายงานผลการจดั โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน (Lamphun Reading Club) ประจำปี 2564 เรยี น ผอู้ ำนวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอลี้ ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 เพื่อให้นักศึกษา กศน.อำเภอลี้ ได้ฝึกฝนนิสัยรักการอ่าน การคิด วเิ คราะห์ และจดบนั ทึกการอ่านอย่างสม่ำเสมอ ก่อใหเ้ กดิ การอา่ นออก เขยี นได้ อ่านคล่อง ฝึกการ เขียน และฝึกการจดจำรายละเอียดโดยการจดบันทึก เกิดการเรียนรู้แบบกลุ่มในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกัน การนำความรู้และทักษะที่ได้จากการอ่าน ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักศึกษา กศน. ทง้ั ในด้านการเรยี น การทำงาน การประกอบอาชีพ และทักษะชวี ติ บัดนี้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 เสร็จสิ้นแล้ว จึงขอรายงานผลการจัดโครงการชมรมคนลำพูน รกั การอ่าน (Lamphun Reading Club) ประจำปี 2564 จงึ เรยี นมาเพ่อื โปรดทราบ (นางสาวกานตช์ นก แกว้ ทิพย์) บรรณารกั ษ์ปฏิบตั กิ าร (นางสาวศิรญิ ญา บญุ มาทอง) งานแผนงานและโครงการ ทราบ (นางฟ้าวณิชย์ ชลมนสั สรณ์) ผู้อำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลี้

คำนำ ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ จัดทำโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ข้ึน เพื่อสร้างชมรมรักการอ่านของนักศึกษา กศน.อำเภอล้ี ให้ได้ฝึกฝนนิสัยรักการอ่าน การคิด วิเคราะห์ และจดบันทึกการอ่านอย่างสม่ำเสมอ ก่อให้เกิดการอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง ฝึกการเขียน และฝึก การจดจำรายละเอียดโดยการจดบนั ทกึ เกิดการเรยี นรู้แบบกลมุ่ ในการแลกเปลย่ี นเรียนร้รู ว่ มกัน การนำความรู้ และทักษะที่ได้จากการอ่าน ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักศึกษา กศน. ทั้งในด้านการเรียน การทำงาน การประกอบอาชพี และทักษะชวี ิต บัดนี้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 (ไตรมาสที่ 1-2) เสร็จสิ้นแล้ว จึงได้จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินกิจกรรม โครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 (ไตรมาสที่ 1-2) ขึ้น เพื่อเป็นการ เผยแพร่ผลการดำเนนิ กิจกรรม และเปน็ แบบอย่างในการดำเนนิ งานให้แก่ผ้อู ื่นต่อไป ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ขอขอบคุณบุคลากร กศน.อำเภอลี้ทุกท่าน นักศึกษาภาคี เครือข่าย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน (Lamphun Reading Club) ประจำปี 2564 น้ี ห้องสมดุ ประชาชนอำเภอล้ี เมษายน 2564 .

สารบัญ หนา้ ก คำนำ ข สารบญั 1 ตอนท่ี 1 หลักการและเหตุผล ตอนที่ 2 สรุปผลการดำเนนิ กจิ กรรมโครงการชมรมรกั การอ่าน ไตรมาสท่ี 1-2 2-11 12-18 1) สรุปผลการดำเนนิ กิจกรรม 19-24 2) สรุปแบบประเมินพฤติกรรมการอา่ น (ก่อน) 25-30 3) สรปุ แบบประเมนิ พฤติกรรมการอา่ น (หลัง) 31-38 4) แผนภมู ิแสดงการเปรียบเทยี บข้อมลู รปู ภาพประกอบการดำเนินกจิ กรรม ภาคผนวก

ตอนท่ี 1 หลกั การและเหตุผล การอ่าน เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิดของคนให้เพิ่มพูน ทันต่อเหตุการณ์ สร้างความเพลิดเพลิน และระดับสติปัญญาให้สูงขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งในการ แก้ไขปัญหาต่างๆ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเป็นรูปแบบหนึ่งใน การกระต้นุ ความสนใจในการอ่านใหต้ ่อเน่ือง และพฒั นาการอ่านให้ถึงระดับการอ่านเป็น และอา่ นจนเป็นนิสัย อันเป็นลักษณะของสังคมแห่งการอ่าน ชมรมรักการอ่าน เป็นการรวมกลุ่มกันของสมาชิกเพื่ออ่านหนังสือใน เรื่องเดียวกัน เนื้อหาเดียวกัน และนำความรู้ เนื้อหาจาหหนังสือที่ได้ อ่าน มาสรุปความคิด รวบยอด แลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้จากการอ่านร่วมกัน เพื่อเป็นการสังเคราะห์ความรู้จากการอ่านในแต่ละ มุมมองของสมาชิกแต่ละคน และมีการจดบันทึกการอ่าน ตลอดจนนำความรู้ ที่ได้รับไปปรับใช้ ในชวี ติ ประจำวันของสมาชกิ แต่ละคนตอ่ ไป ตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีเป้าประสงค์ ในการพัฒนาให้ ประชาชนให้ได้รับการสร้างและส่งเสรมิ ให้มีนิสัยรักการอ่าน เพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งมีตัวชี้วัดร้อย ละการอ่านของคนไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยงั มีนโยบายเพือ่ ร่วมขบั เคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ด้าน การพฒั นาและเสริมสรา้ งศกั ยภาพคนให้มีคณุ ภาพ โดยเพ่มิ อตั ราการอา่ นของประชาชน โดยการจดั กจิ กรรมใน รูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถในระดับอ่านคล่อง เข้าใจความคิดวิเคราะห์พื้นฐาน และ สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและทันเหตุการณ์รวมทั้งสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการ ปฏิบัติจริง อีกทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และพัฒนาความสามารถในการ อ ่ า น แ ล ะ ศ ั ก ย ภ า พ ก า ร เ ร ี ย น ร ู ้ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ท ุ ก ก ล ุ ่ ม เ ป ้ า ห ม า ย แ ล ะ มี ก า ร ส ่ ง เ ส ร ิ ม ใ ห้ มีการสร้างบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมทีเ่ อื้อต่อการอ่านให้เกิดข้ึนในสังคมไทย โดยสนับสนุนการพัฒนาแหลง่ การเรยี นรู้ใหเ้ กดิ ข้นึ อยา่ งกวา้ งขวางและทั่วถึงต่อไป ดังนั้น กศน.อำเภอลี้ ร่วมกับสำนักงาน กศน.จังหวัดลำพูน จึงได้จัดทำโครงการชมรม รกั การอา่ น Lamphun Reading Club ขึน้ เพอ่ื สร้างชมรมรักการอ่านของนักศึกษา กศน.ทัว่ ทง้ั จังหวัดลำพูน ให้ได้ฝึกฝนนิสัยรักการอ่าน การคิด วิเคราะห์ และจดบันทึกการอ่านอย่างสม่ำเสมอ ก่อให้เกิด การอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง ฝึกการเขียน และฝึกการจดจำรายละเอียดโดยการจดบันทึก เกิดการเรียนรู้แบบกลุ่มในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน การนำความรู้และทักษะที่ได้จากการอ่าน ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักศึกษา กศน. ทั้งในด้านการเรียน การทำงาน การประกอบอาชีพ และทักษะชวี ิต เปน็ ตน้

ตอนท่ี 2 สรปุ ผลการดำเนนิ กจิ กรรม โครงการชมรมรกั การอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 (ไตรมาสท่ี 1-2) 1. กลุ่มงาน......การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ...... 2. ชื่อโครงการ โครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 3. วตั ถุประสงค์โครงการ 3.1 เพ่ือใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมมีนสิ ยั รักการอ่าน การคดิ วเิ คราะห์ และจดบนั ทกึ การอา่ น 3.2 ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรมสามารถนำความรู้ท่ีได้รับจากการอา่ น ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวันได้ 4. การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ วัตถปุ ระสงค์ การบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ เหตผุ ล บรรลุ ไม่บรรลุ 4.1 เพือ่ ใหผ้ ู้เข้ารว่ มกิจกรรมมีนิสัย  นักศกึ ษาที่เข้ารว่ มเป็นสมาชกิ ชมรม รักการอ่าน การคิด วิเคราะห์ และ ได้รับการปลูกฝังนสิ ยั รักการอ่านรู้จัก จดบันทึกการอา่ น  การคิด วิเคราะหข์ ้อมลู จากการอา่ น และสามารถจดบนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้รับ 4.2 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำ ออกมาในรปู แบบบันทึกการอ่านได้ ความรู้ที่ได้รับจากการอ่าน ไป นักศึกษาทีเ่ ขา้ ร่วมเปน็ สมาชิกชมรม ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ ได้รบั ความรู้จากการอา่ น และนำ ความรู้เหลา่ นนั้ ไปประยุกต์ใชใ้ นการ ดำรงชวี ติ ประจำวันของตนเองได้ 5. ผลการจดั กิจกรรม ตวั ชีว้ ดั เกณฑ์ ระดบั ผล เป้าหมายการบรรลุ เหตผุ ล บรรลุ ไมบ่ รรลุ - นักศกึ ษา กศน.อำเภอ รอ้ ยละ 80 90.59  - ผเู้ ข้าร่วมโครงการมี ล้ีทีเ่ ขา้ ร่วมโครงการ ข้ึนไป (ดมี าก) ความพึงพอใจต่อ มคี วามพึงพอใจต่อการ กจิ กรรมทีเ่ ข้าร่วม อยู่ใน เขา้ รว่ มกจิ กรรม ระดับดี คิดเป็นร้อยละ 90.59 ข้ึนไป - จำนวนนักศึกษา กศน. ร้อยละ 90 คน  นักศกึ ษา กศน.อำเภอล้ี อำเภอล้ี ที่เข้ารว่ ม 100 เขา้ รว่ มกจิ กรรม กิจกรรม จำนวน 90 คน เป็นไป ตามเปา้ หมายทีว่ างไว้ รอ้ ยละ 100

6. การบรรลเุ ป้าหมายของโครงการ สรุป นักศกึ ษา กศน.อำเภอล้ี จำนวนท้งั สิ้น 90 คน กลุ่มเป้าหมาย ประเภท/จำนวน แผน ผล นักศึกษา กศน.อำเภอลี้ จำนวน 90 คน 90 คน 7. งบประมาณ 7.1 ใช้เงินงบประมาณ แผนงาน : พื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ผลผลิตท่ี 5 งบบรหิ ารห้องสมุด รหัส 07500001 จำนวน 1,032.-บาท - คา่ จัดจ้างทำป้าย จำนวน 1,032.-บาท 8. พื้นท่ีดำเนนิ งาน 8.1 ห้องศาสตร์พระราชา ณ หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอล้ี จังหวัดลำพูน 8.2 ศาลาฮักเฮียน ณ ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ จังหวัดลำพนู 9. วนั เวลา การจดั กิจกรรม วันที่ 16, 18, 22, 23 มกราคม 2564 และ 15-18 มนี าคม 2564 10. ผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการ 10.1 กลุ่มงานการศึกษาตามอธั ยาศยั 11. วิทยากร - บรรณารักษ์ - ครู กศน.ตำบลท้ัง 8 ตำบล 12. หลักสูตร/วธิ ดี ำเนนิ งาน/กิจกรรม กล่มุ เปา้ หมายและเปา้ หมาย พืน้ ท่ี งบประม ดำเนนิ การ าณ กิจกรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย เปา้ หมาย ระยะเวลา (เชงิ คณุ ภาพ) 8 อำเภอ ต.ค. 63 - สำรวจข้อมลู การอา่ น - เพื่อทราบขอ้ มูลใน นกั เรียน ได้รับขอ้ มลู ใน ในจังหวดั นักศึกษา และ การวางแผนจดั ลำพูน พ.ย.63 ของประชาชนในจงั หวดั การวางแผนการจดั ประชาชนทัว่ ไป กิจกรรม สำนกั งาน ลำพนู กิจกรรมชมรมรกั กศน.จ. กล่มุ งาน มีแผนการจดั ลำพนู การอ่าน อธั ยาศัย และ กจิ กรรมที่มี บรรณารกั ษ์ ประสิทธภิ าพ - วางแผนการจดั - เพอื่ ทราบ กิจกรรมตามโครงการ แนวทางในการ ชมรมรักการอา่ น ดำเนินงาน - ประสานงานครู - เพอื่ วางแผนการ ครู กศน. ได้รบั ความ กศน. พ.ย. 63 กศน.ตำบล จัดกจิ กรรมตาม ตำบล ร่วมมือจากภาคี อำเภอล้ี

กลมุ่ เป้าหมายและเป้าหมาย พ้ืนที่ งบประม ดำเนนิ การ าณ กจิ กรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย เปา้ หมาย ระยะเวลา (เชิงคณุ ภาพ) โครงการชมรมรกั เครอื ขา่ ยในการ การอา่ นร่วมกนั จัดกจิ กรรม - ดำเนนิ การจดั กิจกรรม 1. เพ่ือให้ นักศึกษา กศน. นกั ศึกษา หอ้ งสมุด พ.ย. 63 1,032.- ดังน้ี ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรม จำนวน 90 คน กศน.อำเภอลี้ ประชาชน ถงึ ก.ย. 1. รบั สมัครสมาชิกชมรม มีนสิ ยั รกั การอา่ น ทเ่ี ขา้ รว่ ม อำเภอล้ี 64 รักการอา่ น Lamphun 2. ผูเ้ ข้ารว่ ม โครงการ รจู้ ัก และ กศน. Reading Club กิจกรรมสามารถ ใช้เวลาวา่ งให้ ตำบลท้ัง 8 เปน็ ประโยชน์ ตำบล 2. ชีแ้ จงวตั ถปุ ระสงค์ใน นำความรู้ท่ไี ดร้ ับ แสวงหา การดำเนินกิจกรรมใหแ้ ก่ จากการอา่ น ไป ความร้ใู ห้แก่ สมาชกิ ชมรม ตนเอง รักการ ประยกุ ต์ใชใ้ น อา่ น ใฝเ่ รยี น 3. สมาชิกรว่ มกนั กำหนด ชวี ติ ประจำวันได้ ใฝร่ ู้ และมี หัวขอ้ ในการอา่ น เจตคติท่ีดตี ่อ การอ่าน - ไตรมาสที่ 1-2 เรื่อง ศาสตรพ์ ระราชา - ไตรมาส 3-4 เรอ่ื ง การ นำศาสตร์พระราชามาใช้ ในการดำรงชีวิต 4. ห้องสมุดประชาชนจดั มมุ การเรียนรู้ จดั หา หนงั สือ สือ่ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง กบั หัวขอ้ การอา่ น 5. สมาชกิ ชมรมแตล่ ะ อำเภอเขา้ ศกึ ษามมุ การ เรยี นรู้ ไตรมาสละ 1 คร้งั และจดบันทึกการ อา่ น 6. สมาชกิ ชมรมรวมกลมุ่ และแลกเปลยี่ นความรู้ รว่ มกัน 7. ประเมินความรู้ ความ เขา้ ใจของสมาชิกชมรม 8. คัดเลือกสมาชิกชมรม ดเี ดน่ อำเภอละ 1 คน

กลุ่มเป้าหมายและเป้าหมาย พืน้ ที่ งบประม ดำเนนิ การ าณ กิจกรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลุ่มเปา้ หมาย เป้าหมาย ระยะเวลา (เชิงคณุ ภาพ) หอ้ งสมดุ ต.ค.64 - นเิ ทศ ตดิ ตามผล วดั ผล - เพื่อตรวจสอบ กลุ่มงาน ไดร้ ับการนิเทศ ประชาชน อัธยาศัย ตรวจสอบ และ อำเภอลี้ ต.ค.64 และประเมนิ ผลการ และติดตาม สำนกั งาน นำผลการนเิ ทศ และ กศน. กศน.จ.ลำพนู มาปรบั ปรงุ ตำบลทัง้ 8 ดำเนนิ งาน ความกา้ วหนา้ แกไ้ ข ตำบล ของกจิ กรรม หอ้ งสมุด ประชาชน - เวทถี อดบทเรียน - เพ่ือสรปุ ผลการ นักศกึ ษา กศน. แลกเปลย่ี น อำเภอลี้ โครงการชมรมรักการ ดำเนนิ งานโครงการ ครู กศน.ตำบล เรียนรรู้ ว่ มกนั อ่าน Lamphun Reading ร่วมกนั และบรรณารักษ์ จากการเข้าร่วม Club โครงการ - สรุป/รายงานผล - เพอื่ จัดทำเป็น กลุ่มงาน มีเลม่ สรุปผล หอ้ งสมดุ ก.ย. ข้อมูลสารสนเทศ 64 และการเผยแพร่ อธั ยาศัยอำเภอลี้ การดำเนิน ประชาชน ประชาสมั พันธ์ งานโครงการ อำเภอลี้ ท่มี ีคณุ ภาพ และ และ กศน. สามารถเผยแพร่ ตำบลทัง้ 8 ใหแ้ ก่ผอู้ ่ืนได้ ตำบล - ประชุม สรปุ ผลการ - เพือ่ นำเสนอผล กลุม่ งาน สรุปผลการ สำนักงาน ก.ย. ดำเนนิ กิจกรรม การดำเนนิ งาน และ อธั ยาศยั และ ดำเนนิ งาน และ กศน.จ. 64 สรปุ ผลโครงการ บรรณารักษ์ ประเมนิ ผลการ ลำพูน รว่ มกัน จัดกจิ กรรม 13. หน่วยงานเครือขา่ ยทีร่ ่วมดำเนนิ งาน - แหลง่ เรยี นรู้ของ กศน.อำเภอลี้ ในแต่ละตำบล 14. สอดคลอ้ งมาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด/เกณฑ์ ความสอดคล้องกับนโยบายและจุดเนน้ การดำเนนิ งาน ปีงบประมาณ 2564 - สอดคล้องกับนโยบายและจุดเนน้ สำนกั งาน กศน. นโยบายเรง่ ดว่ นเพื่อร่วมขับเคล่ือนยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาประเทศ 3. ยทุ ธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ มีความพร้อม ในการให้บริการกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ เป็นแหล่งสารสนเทศสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึง มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นคาเฟ่พื้นที่การเรียนรู้สำหรับคนทุกช่วงวัย มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีบรรยากาศสวยงามมชี วี ติ ท่ีดึงดดู ความสนใจ และมคี วามปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการ

สอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน กศน. มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพผู้รบั บรกิ ารการศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 3 คณุ ภาพการบริหารจดั การของสถานศึกษา ภารกจิ เรง่ ดว่ น 6. พัฒนาระบบ Online Learning ONIE Digital Learning Platform รองรบั DEEP และ Digital Science Museum, ศูนย์เรียนรทู้ ุกช่วงวัย รวมทงั้ ส่อื การเรียนการสอน แหล่งเรยี นรู้ในทุกกล่มุ เปา้ หมาย เรียนรู้ ไดท้ กุ ที่ทุกเวลา ภารกิจต่อเนอ่ื ง 1. ดา้ นการจัดการศึกษาและการเรยี นรู้ 1.4 การศกึ ษาตามอธั ยาศยั 1) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ในระดับตำบล เพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ และ จัดกจิ กรรม เพ่อื เผยแพร่องคค์ วามรู้ในชุมชนได้อยา่ งท่ัวถึง 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และพัฒนาความสามารถ ในการอา่ น และศักยภาพการเรยี นรูข้ องประชาชนทุกกลมุ่ เป้าหมาย 3) ส่งเสริมให้มีการสร้างบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านให้เกิดขึ้นในสงั คมไทย โดยสนับสนุนการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น พัฒนาห้องสมุดประชาชน ทุกแห่งให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้าง เครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการ เรียนรู้ทหี่ ลากหลาย ใหบ้ รกิ ารกับประชาชนในพ้ืนทตี่ ่างๆ อย่างทว่ั ถงึ สม่ำเสมอ รวมทั้งเสริมสร้างความพร้อม ในดา้ นสอื่ อปุ กรณ์ เพ่ือสนับสนนุ การอ่าน และการจดั กิจกรรมเพอื่ สง่ เสรมิ การอา่ นอย่างหลากหลาย 15. การดำเนนิ งานกจิ กรรม Lamphun Reading Club ปงี บประมาณ 2564 (ไตรมาส 1-2) การดำเนินงานกจิ กรรม Lamphun Reading Club ไตรมาส 1-2 ปงี บประมาณ 2564 ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอลี้ ได้ดำเนินการ ดังน้ี 1. มีการประชาสัมพันธ์ รับสมัครสมาชิกชมรม และชี้แจงกิจกรรมชมรม Lamphun reading club แกน่ กั ศกึ ษา ในงานปฐมนิเทศนกั ศึกษาและประชาสัมพันธ์ผ่านครู กศน.ตำบล 2. จดั มุมความรู้และรวบรวมหนงั สือเกย่ี วกับ “ศาสตร์พระราชา” ณ หอ้ งสมุดประชาชน อำเภอลี้ จงั หวัดลำพนู เพ่ือเปน็ แหลง่ ค้นคว้าแกส่ มาชกิ ชมรมฯ และผู้สนใจ 3. บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ร่วมกับ ครู กศน.ตำบล และ ครู ศรช. จัดกิจกรรมชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club มีนักศึกษา กศน.ตำบล 8 ตำบล ในพื้นที่อำเภอล้ี เขา้ รว่ มกิจกรรม ณ ห้องสมดุ ประชาชนอำเภอล้ี โดยมีขั้นตอน ดังน้ี 3.1 ใหน้ กั ศกึ ษาทำแบบประเมนิ กอ่ นเข้ารว่ มกจิ กรรม 3.2 ให้นักศึกษาอ่านหนังสือทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์ และอิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ในหัวข้อ ศาสตร์พระราชา และโคก หนอง นา โมเดล 3.3 ใหน้ กั ศึกษาแตล่ ะคนสรปุ ความรู้-ข้อคิดท่ีไดล้ งสมุดบันทึกการอา่ น 3.4 ให้นักศึกษารวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยน เรยี นรู้เกย่ี วกับหนังสือทอี่ ่าน โดยสรุปความรทู้ ไ่ี ดร้ ับ จากการอา่ นในรูปแบบแผนภาพความรู้ (My Mapping)

16. ปัจจยั ทป่ี ระสบความสำเรจ็ 1. ได้รับการสนับสนุนการจัดกิจกรรมจากผู้อำนวยการ กศน.จังหวัดลำพูน ในการจัด ประชุม บรรณารักษห์ อ้ งสมดุ รว่ มกนั เพื่อออกแบบกิจกรรมเป็นประจำทุกเดอื น 2. ไดร้ บั ความรว่ มมือจากผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลใ้ี นการอนมุ ัตคิ ะแนนกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) และรว่ มเปน็ ประธานในการเปิดโครงการ ตลอดจนรว่ มนิเทศการจัดกิจกรรมทุกครง้ั 3. ได้รับความร่วมมือจาก ครู กศน.ตำบล ในการร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ ดูแล กำกับ ติดตาม นักศึกษา ตลอดจนประชาสัมพนั ธใ์ หน้ ักศกึ ษาเขา้ ร่วมกิจกรรม 4. ไดร้ ับความร่วมมอื ทดี่ ี จากนักศกึ ษา กศน. ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมแลกเปลย่ี นเรียนรู้ 5. ได้รับความอนุเคราะหห์ นังสือ สอื่ จากหอ้ งสมดุ อื่นๆ 6. มีมุมชมรมรักการอ่านทพี่ รอ้ มทัง้ ส่อื และสิง่ อำนวยความสะดวก 7. ห้องสมดุ มีบรรยากาศในการสง่ เสริมการอา่ นท่ดี ี 8. มีการสำรวจพฤตกิ รรมการอ่านของสมาชกิ แตล่ ะราย 17. ความรูท้ ี่ได้รบั จากการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1. การแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กัน ทำให้ได้ข้อคิดและมุมมองทีแ่ ตกตา่ ง 2. ฝึกการอา่ นจบั ใจความ และการวิเคราะหส์ ่ิงทอ่ี า่ น 3. ได้รบั ความรูจ้ ากเร่อื งทอ่ี ่านและสามารถนำความรู้ไปพฒั นาตนเอง และครอบครัว 4. รกั การอา่ น ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้ มีเจตคตทิ ่ีดีตอ่ การอา่ น และรู้จักการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 5. ไดร้ บั ความรู้เรอ่ื งการอ่าน การเขยี นคำท่ีถกู ตอ้ ง และรปู แบบการเขยี นบันทึกการอา่ น 18. ปญั หาและอปุ สรรค 1. ปัญหาการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของนักศึกษาบางคน ซึ่งในการจัดกิจกรรมต้องมีคณะครู บรรณารักษ์ คอยช่วยเหลือกำกบั ติดตามในการอา่ นอยา่ งสมำ่ เสมอ 2. ปญั หาดา้ นจำนวนหนังสอื สอ่ื ทใี่ ชใ้ นการจดั กิจกรรมการอา่ นมีจำนวนำไม่เพียงพอต่อนักศึกษา ทำ ให้ตอ้ งขอความร่วมมอื ในการยมื หนงั สอื สื่อ จากหอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภออ่ืนๆดว้ ย 3. ปัญหาด้านสมาธิของนกั ศกึ ษา ซง่ึ มสี มาธิสนั้ จดจ่อไมไ่ ด้นาน ดังน้ันจึงต้องมีการดึงดูดความสนใจใน การเขา้ ร่วมกิจกรรมอยู่เสมอ 19. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม/แนวทางการพัฒนา 1. จัดกจิ กรรม “อ่าน-แลก-แต้ม” เพ่ือจงู ใจใหน้ กั ศึกษาเขา้ ร่วมกิจกรรมรกั การอ่านมากยิ่งข้นึ 2. เรือ่ งทใ่ี ช้ในกิจกรรมรักการอ่าน ควรเปน็ เรือ่ งท่ีผู้อ่านสนใจ เพราะจะสามารถเข้าใจเน้ือหาของเร่ือง น้นั ๆไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ 3. ขยายผลโครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่านไปยัง กลุ่มผู้ใช้บริการห้องสมุด และโรงเรียนในเขต พนื้ ทอ่ี ำเภอล้ี ตลอดจนสร้างเครือขา่ ยชมรมรักการอ่านท้งั อำเภอลี้ “เลม่ เดียวกนั อา่ นท้งั เมอื ง” 20. สรุปแบบสอบถามความพงึ พอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล แบ่งระดับความสำคัญของการประเมินผล โดยกำหนดค่าลำดับความสำคัญ ของ การประเมินผลออกเปน็ 5 ระดบั ดังนี้

ดีมาก ใหค้ ะแนน 5 4 ดี ใหค้ ะแนน 3 2 ปานกลาง ใหค้ ะแนน 1 พอใช้ ใหค้ ะแนน = ควรปรบั ปรุง = พอใช้ ควรปรับปรุง ให้คะแนน = ปานกลาง = ดี ในการแปลผล ใช้เกณฑ์การพิจารณาจากคะแนนเฉลย่ี ดงั นี้ = ดมี าก ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ 50 รอ้ ยละ 51 - 64 รอ้ ยละ 65 - 79 ร้อยละ 80 - 89 ต้งั แตร่ ้อยละ 90 ขึน้ ไป ในการจัดโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งสิ้น 90 คน จากแบบสอบถาม สามารถนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด จำนวน 90 ชุด ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามทเ่ี ข้าร่วมกิจกรรม โครงการชมรมรกั การอา่ น Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ที่ตอบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามกลุม่ ตัวอย่าง เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ผู้จดั ทำได้นำเสนอแยกตามขอ้ มลู ดังกลา่ ว ดังปรากฏตามตาราง ดังต่อไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงค่ารอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง จำนวนผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรม จำนวนผตู้ อบ ร้อยละ แบบสอบถาม 100 โครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 จำนวนทั้งสิน้ 90 คน 90 คน รวม 90 100 จากตารางที่ 1 แสดงกลมุ่ ตัวอย่างตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการชมรมรกั การอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมท้งั สิน้ 90 คน โดยมีกล่มุ ตัวอยา่ ง จำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ตารางที่ 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ ข้อมูลทั่วไป จำนวน(คน) รอ้ ยละ เพศ 61 67.78 - ชาย 29 32.22 - หญงิ 100 รวม 90

จากตารางที่ 2 แสดงเพศผ้ตู อบแบบสอบถาม โครงการชมรมรกั การอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 เปน็ ชาย 61 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 67.78 หญงิ 29 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 32.22 ตารางที่ 3 แสดงค่ารอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ ข้อมูลท่ัวไป จำนวน(คน) ร้อยละ 0- 6 ปี - - 7 - 14 ปี -- 15 - 25 ปี 77 85.56 26 - 59 ปี 13 14.44 60 ปขี น้ึ ไป -- รวม 90 100 จากตารางที่ 3 แสดงช่วงอายุผู้ตอบแบบสอบถาม โครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 อยู่ในชว่ งอายุ 15 - 25 ปี จำนวน 77 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 85.56 ช่วงอายุ 26-59 ปี จำนวน 13 คน คดิ เป็นร้อยละ 14.44 ตารางที่ 4 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามระดบั การศกึ ษา การศึกษา จำนวน(คน) ร้อยละ ระดับการศึกษา 7 7.78 - ประถมศึกษา 51 56.67 - ม.ตน้ 22 24.44 - ม.ปลาย 10 11.11 - ปวช. - - ปวส. - - - ปริญญาตรี - - - สงู กว่า ปริญญาตรี - 90 - รวม 100 จากตารางที่ 4 แสดงระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม โครงการส่งเสริมการอ่านและพัฒนาทักษะ การเรียนรู้ประจำปี 2564 มีระดับการศึกษา ดังนี้ ระดับประถมศึกษา จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 7.78 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 56.67 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 22 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 24.44 และระดบั ปวช. จำนวน 10 คน คิดเปน็ ร้อยละ 11.11

ตารางที่ 5 แสดงคา่ ร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชีพ อาชีพ จำนวน(คน) ร้อยละ การประกอบอาชีพ 90 100 - นกั เรียน/นักศึกษา - - - รับจา้ ง - - - เกษตรกรรม - - - รับราชการ - - - คา้ ขาย - - - อ่นื ๆ รวม 90 100 จากตารางท่ี 5 แสดงอาชพี ของผู้ตอบแบบสอบถามโครงการชมรมรกั การอา่ น Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 ประกอบอาชีพนกั เรียน/นักศึกษา จำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความพึงพอใจ ของผู้เขา้ รว่ มโครงการชมรมรกั การอา่ น Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 ความพึงพอใจของกลมุ่ ตัวอย่าง จำนวน 90 ชดุ จากแบบสอบถามท้งั หมด 90 ชดุ ตารางที่ 6 ผลการประเมินระดับความพึงพอใจ โครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 ดังนี้ “โครงการชมรมรักการอา่ น Lamphun Reading Club ประจำปี 2564” (จากกลมุ่ ตัวอย่าง 90 คน) ระดับความพึงพอใจ ท่ี รายการ มากท่สี ดุ มาก ปาน น้อย น้อย กลาง ทีส่ ุด 5 4 3 21 1 กิจกรรมตา่ งๆ ในโครงการชมรมรักการอา่ น 60 24 6 - - Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 2 ความรทู้ ไ่ี ดร้ ับจากการจดั กิจกรรม 54 31 5 -- 3 สถานที่มคี วามเหมาะสมในการจัดกจิ กรรม 65 25 - -- 4 ระยะเวลาในการจดั กิจกรรมมีความเหมาะสม 50 40 - -- 5 สื่อ, อุปกรณ์ในการจดั กจิ กรรมมคี วาม 42 47 1 -- เหมาะสม 6 ความพงึ พอในการจดั กจิ กรรมโครงการชมรม 63 27 - -- รกั การอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 รวม 334 194 12 - - คูณระดบั คะแนน 1670 776 36 - -

ข้อเสนอแนะ - อภปิ รายผล จากคะแนนการประเมนิ ความพงึ พอใจ = ������,������������������������ 100 = คดิ เป็นรอ้ ยละ 90.59 2,700 สรุป จากโครงการชมรมรักการอ่าน Lamphun Reading Club ประจำปี 2564 ผลการประเมนิ ระดบั ความพงึ พอใจผู้เข้าร่วมกจิ กรรมในระดับดีขนึ้ ไป คิดเปน็ ร้อยละ 90.59 อย่ใู นระดบั ดมี าก

สรปุ ผลการประเมินพฤตกิ รรมการอ่าน (ก่อนเข้าร่วมชมรม) ของสมาชิกชมรมรกั การอ่าน (Lamphun Reading Club) ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอลี้ ก่อนเริ่มการจัดกิจกรรมตามโครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน (Lamphun Reading Club) ได้มี การสำรวจพฤติกรรมการอ่านของสมาชิกชมรมก่อน โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมการอ่าน (ก่อน) เพ่ือ ประเมินความสามารถในการอ่าน ความถี่ในการอ่าน และความต้องการในการอ่านเพิ่มเติมของสมาชิกชมรม จำนวน 90 คน ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด จำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 100 สามารถสรุปผลการ ประเมนิ พฤติกรรมการอา่ น (กอ่ น) ไดด้ งั นี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลพ้ืนฐาน ขอ้ มูลพื้นฐาน จำนวน(คน) รอ้ ยละ 1. เพศ รวม 61 67.78 เพศ 29 32.22 - ชาย 90 100 - หญงิ จากตาราง พบว่า มีผู้ตอบแบบประเมินจำนวน 90 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 61 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 67.78 เพศหญิง จำนวน 29 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 32.22 2. อายุ ข้อมูลพนื้ ฐาน จำนวน(คน) ร้อยละ 7 - 14 ปี - - 15 - 25 ปี 77 85.56 26 - 59 ปี 13 14.44 60 ปีข้นึ ไป - - รวม 90 100 จากตาราง พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่มีช่วงอายุระหว่างอายุ 15-25 ปี จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 85.56 และชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 26-59 ปี จำนวน 13 คน คิดเปน็ ร้อยละ 14.44 3. ระดับการศกึ ษา ข้อมูลพนื้ ฐาน จำนวน(คน) ร้อยละ ระดบั การศึกษา 7 7.78 - ประถมศกึ ษา 51 56.67 - ม.ตน้

ขอ้ มูลพน้ื ฐาน จำนวน(คน) รอ้ ยละ - ม.ปลาย 22 - ปวช. 10 24.44 - ปวส. - 11.11 - ปรญิ ญาตรี - - สูงกว่า ปริญญาตรี - - - รวม 90 - - 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินมีการศึกษาอยู่ในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น มากที่สุด จำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 56.67 รองลงมาได้แก่ มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 24.44 ระดับ ปวช. จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 และระดับประถมศึกษา จำนวน 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 7.78 ตอนที่ 2 แบบประเมินพฤตกิ รรม จำนวนคน (คน) ร้อยละ 8 8.89 1. นักศกึ ษาอา่ นหนงั สอื บอ่ ยแค่ไหน 17 18.89 21 23.33 รายการ 44 48.89 อา่ นทุกวนั 90 100 5-6 คร้งั /สัปดาห์ 3-4 คร้ัง/สัปดาห์ 1-2ครงั้ /สปั ดาห์ รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่อ่านหนังสือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 44 คน คิดเป็นร้อยละ 48.89 รองลงมา ได้แก่ อ่านหนังสือ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 23.33 อ่านหนังสือ 5-6 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 18.89 และอ่านทุกวันน้อยที่สุด จำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.89 2. นกั ศกึ ษาอ่านหนังสอื กีบ่ รรทดั /วัน รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ 1 - 10 บรรทัด 17 18.89 11 - 20 บรรทดั 57 63.33 21 - 30 บรรทัด 10 11.11 มากกวา่ 30 บรรทัด 6 6.67 90 100 รวม

จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่อ่านหนังสือจำนวน 11 - 20 บรรทัด/วัน จำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 63.33 รองลงมา ได้แก่ อ่านหนังสือ 1-10 บรรทัด/วัน จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 18.89 รองลงมา ได้แก่ 21 - 30 บรรทัด/วัน จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 และ มากกว่า 30 บรรทดั /วนั น้อยท่ีสุด จำนวน 6 คน คดิ เป็นร้อยละ 6.67 3. นักศึกษาอ่านหนังสือจากแหล่งสารสนเทศประเภทใด รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ 10 หนังสอื 9 3.33 83.33 นิตยสาร/หนงั สอื พิมพ์ 3 - 3.33 ส่ือสังคมออนไลน์ (Facebook, Twitter, Line) 75 - 100 สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ (e-Book, e-Journal) - บทความในอนิ เตอรเ์ น็ต 3 อ่นื ๆ - รวม 90 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ อ่านหนังสือจากสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook, Twitter, Line) มากที่สุด จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 83.33 รองลงมา ได้แก่ อ่านหนังสือ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 10 รองลงมาได้แก่ อ่านจากบทความในอินเตอร์เน็ต และอ่านนิตยสาร/หนังสือพิมพ์ จำนวน เท่ากนั คิดเปน็ รอ้ ยละ 3.33 4. เมอ่ื อา่ นหนงั สือเสร็จแล้วนักศกึ ษาจำเนอ้ื หาทีอ่ า่ นไดห้ รอื ไม่ รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ 8.89 จำและสามารถเล่าเนื้อหาได้ 8 68.89 22.22 จำได้บา้ ง 62 100 จำเนื้อหาไมไ่ ด้เลย 20 รวม 90 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมนิ สว่ นใหญ่เม่ืออ่านหนังสอื เสรจ็ แล้ว จำเนือ้ หาที่อ่านได้บ้าง มากทีส่ ุด จำนวน 62 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 68.89 รองลงมา ได้แก่ จำเน้ือหาไม่ได้เลย จำนวน 20 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 22.22 และอา่ นแลว้ จำและสามารถเลา่ เนื้อหาได้ จำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.89 5. นักศกึ ษามกี ารจดบนั ทกึ การอา่ นจากสง่ิ ทีไ่ ด้อา่ นไปแล้วหรือไม่ รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ - จดบนั ทกึ สม่ำเสมอ - 5.56 จดบันทกึ เปน็ คร้ังคราว 5 94.44 100 ไมม่ ีการจดบนั ทึก 85 รวม 90

จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ ไม่มีการจดบันทึกการอ่านจากสิ่งที่ได้อ่าน มากทีส่ ดุ จำนวน 85 คน คดิ เป็นร้อยละ 94.44 และมีการจดบันทกึ เป็นครงั้ คราว จำนวน 5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.56 6. นกั ศึกษาเขา้ ใจเน้อื หาทีอ่ า่ นหรือไม่ จำนวนคน (คน) ร้อยละ รายการ 3 3.33 77 85.56 เขา้ ใจและอธิบายได้ 10 11.11 เขา้ ใจบา้ ง 90 100 ไม่เขา้ ใจ รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน โดยเข้าใจบ้าง มากที่สุด จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 85.56 รองลงมาได้แก่ ไม่เข้าใจ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 และ เข้าใจและอธิบายได้ จำนวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 3.33 7. นกั ศกึ ษาชอบอา่ นหนังสอื ประเภทใดมากที่สดุ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ รายการ - - 5 หนงั สอื เรียน 7 5.56 การเกษตร - 7.78 อาหาร 2 การแพทย์ 40 - หนังสอื ภาษาตา่ งประเทศ 31 2.22 นวนยิ าย 2 44.44 หนงั สือการ์ตนู 3 34.45 ประวัตศิ าสตร/์ การทอ่ งเทย่ี ว - 2.22 เทคโนโลยี 90 3.33 อน่ื ๆ - รวม 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสือ ประเภทนวนิยาย มากที่สุด จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 44.44 รองลงมาได้แก่ หนังสือการ์ตูน จำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 34.45 รองลงมาได้แก่ ประเภทอาหาร การเกษตร เทคโนโลยี หนังสือภาษาต่างประเทศ และประวัติศาสตร์/ การทอ่ งเท่ียว ตามลำดบั

8. นกั ศกึ ษานำความรู้ท่ีได้จากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นใดมากทีส่ ุด รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ เพ่ือเตรียมสอบ 4 4.44 เพ่ือเพม่ิ พูนความรู้ ทนั ตอ่ เหตุการณ์ตา่ งๆ 18 20 เพอื่ ความบนั เทงิ เรงิ ใจ 59 65.56 เพือ่ นำไปประกอบอาชีพ 9 10 90 100 รวม จากตาราง สรปุ ไดว้ ่า ผูต้ อบแบบประเมินส่วนใหญ่ นำความรูท้ ี่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ ในด้าน เพื่อความบันเทิงเริงใจมากที่สุด จำนวน 59 คน คิดเป็นร้อยละ 65.56 รองลงมาได้แก่ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทันต่อเหตุการณ์ต่างๆ จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 20 รองลงมา ได้แก่ เพื่อนำไปประกอบอาชีพ และเพ่อื เตรยี มสอบ ตามลำดับ 9. นกั ศกึ ษาถา่ ยทอดความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการอา่ นแกค่ นในครอบครวั หรอื ผู้อนื่ ได้ รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ สามารถถา่ ยทอดได้ท้ังหมด - - สามารถถา่ ยทอดได้บางเร่อื ง 72 80 ไมส่ ามารถถา่ ยทอดได้ 18 20 90 100 รวม จากตาราง สรปุ ไดว้ า่ ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ สามารถถ่ายทอดความรู้ทไี่ ดจ้ ากการอ่านบางเรื่อง ให้แก่คนในครอบครัวหรือผู้อื่นได้ จำนวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 80 รองลงมาได้แก่ ไม่สามารถถ่ายทอดได้ จำนวน 18 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20 10. ปัจจัยใดทสี่ ง่ ผลกระทบต่อการอ่านของนกั ศกึ ษามากท่สี ุด รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ ไม่มเี วลา 27 30 ไมม่ หี นังสือทต่ี นเองสนใจ - - ไมม่ ีเงนิ ซ้อื หนังสือ/คา่ เดนิ ทางมาห้องสมุด 12 13.33 ไม่มสี มาธิ 6 6.67 อ่านหนงั สอื ไม่คล่อง 9 10 อุปกรณ์/โทรศพั ท์มือถือไมเ่ อ้ืออำนวย 36 40 อน่ื ๆ - - 90 100 รวม

จากตาราง สรุปได้ว่า ปัจจัยใดที่ส่งผลกระทบต่อการอ่านของผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่มากที่สุด คอื อุปกรณ/์ โทรศัพท์มือถือไม่เอื้ออำนวย จำนวน 36 คน คดิ เป็นร้อยละ 40 รองลงมาได้แก่ ไมม่ ีเวลา จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 30 รองลงมาไดแ้ ก่ ไมม่ ีเงินซ้ือหนังสอื /คา่ เดนิ ทางมาห้องสมุด อ่านหนังสือไม่คลอ่ ง และ ไมม่ สี มาธิ ตามลำดบั ตอนท่ี 3 ความต้องการให้ห้องสมุดประชาชนจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านในรูปแบบใดเพ่ิมเติม จากการตอบแบบประเมินพฤติกรรมการอ่าน (ก่อนเข้าร่วมชมรม) มีผู้ตอบแบบประเมิน เกี่ยวกบั รปู แบบกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านท่ตี อ้ งการใหห้ อ้ งสมุดประชาชนจัดเพิ่มเตมิ สามารถสรปุ ได้ ดังนี้ 1. จดั กจิ กรรมให้มีรปู แบบท่นี ่าสนใจมากขึ้น โดยใชว้ ิธกี ารเลน่ เกมกระตุ้นการอา่ น 2. จดั กิจกรรมภาคปฏบิ ตั ิ ใหม้ ีการทดลอง ต่ืนตาตนื่ ใจ 3. การอ่านแบบสะสมคะแนน เพอ่ื แลกของรางวัล สรา้ งความสนใจมากขึน้ 4. ให้อา่ นหนงั สอื ตามความชอบ ความสนใจของนกั ศกึ ษาแต่ละคน 5. จัดกจิ กรรมการอา่ นแบบเล่าเร่ือง

สรุปตารางการจัดกิจกรรม Lamphun Reading Club ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอล้ี ไตรมาส 1-2 ปีงบประมาณ 2564 กลุม่ เป้าหมาย จำนวนผู้เข้ารว่ ม วนั ที่จดั กิจกรรม วันท่จี ดั กจิ กรรม สถานทจี่ ดั กจิ กรรม กจิ กรรม ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 กศน.ตำบลลี้ 10 คน 16 ธ.ค.63 15 ม.ี ค 64 ห้องศาสตร์พระราชา กศน.ตำบลดงดำ 10 คน 16 ธ.ค.63 และศาลาฮกั เฮียน ณ กศน.ตำบลแมต่ นื 10 คน 22 ธ.ค.63 15 มี.ค 64 หอ้ งสมุดประชาชน กศน.ตำบลก้อ 10 คน 22 ธ.ค.63 กศน.ตำบลศรวี ชิ ยั 10 คน 23 ธ.ค.63 16 มี.ค 64 อำเภอลี้ กศน.ตำบลนาทราย 10 คน 23 ธ.ค.63 กศน.ตำบลแม่ลาน 10 คน 18 ธ.ค.63 16 มี.ค 64 กศน.ตำบลปา่ ไผ่ 10 คน 18 ธ.ค.63 หลักสตู ร ปวช. 10 คน 18 ธ.ค.63 17 ม.ี ค 64 90 คน รวมท้ังสนิ้ 17 ม.ี ค 64 18 มี.ค 64 18 ม.ี ค 64 18 มี.ค 64

สรปุ ผลการประเมินพฤติกรรมการอา่ น (หลงั เขา้ ร่วมชมรม) ของสมาชกิ ชมรมรักการอา่ น (Lamphun Reading Club) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอล้ี หลังจากจัดกิจกรรมตามโครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน (Lamphun Reading Club) ในเรื่อง ศาสตร์พระราชา และโคก หนอง นาอโมเดลอได้มีการสำรวจพฤติกรรมการอ่านของสมาชิกชมรมหลังการเขา้ ร่วมกิจกรรมของชมรมรักการอ่าน โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมการอ่าน (หลัง) เพื่อประเมินการพัฒนา สมรรถณะในการอ่าน ความถี่ในการอ่าน และความต้องการในการอ่านเพิ่มเติมของสมาชิกชมรมหลังจากการ เขา้ รว่ มกจิ กรรมเรียบร้อยแล้ว จำนวน 90 คน ซงึ่ มผี ู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด จำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 100 สามารถสรปุ ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมการอ่าน (หลัง) ไดด้ ังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมูลพน้ื ฐาน ข้อมูลพน้ื ฐาน จำนวน(คน) ร้อยละ 1. เพศ รวม 61 67.78 เพศ 29 32.22 - ชาย 90 100 - หญิง จากตาราง พบว่า มีผู้ตอบแบบประเมินจำนวน 90 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 61 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 67.78 เพศหญิง จำนวน 29 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 32.22 2. อายุ ขอ้ มูลพืน้ ฐาน จำนวน(คน) ร้อยละ 7 - 14 ปี - - 15 - 25 ปี 77 85.56 26 - 59 ปี 13 14.44 60 ปีขนึ้ ไป - - รวม 90 100 จากตาราง พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่มีช่วงอายุระหว่างอายุ 15-25 ปี จำนวน 77 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 85.56 และชว่ งอายุระหว่าง 26-59 ปี จำนวน 13 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 14.44

3. ระดับการศึกษา จำนวน(คน) ร้อยละ ข้อมูลพน้ื ฐาน 7 7.78 ระดบั การศกึ ษา 51 56.67 22 24.44 - ประถมศกึ ษา 10 11.11 - ม.ตน้ - - ม.ปลาย - - - ปวช. - - - ปวส. - - ปริญญาตรี 90 - - สงู กว่า ปริญญาตรี 100 รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินมีการศึกษาอยู่ในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น มากที่สุด จำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 56.67 รองลงมาได้แก่ มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 24.44 ระดับ ปวช. จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 และระดับประถมศึกษา จำนวน 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 7.78 ตอนท่ี 2 แบบประเมนิ พฤตกิ รรม 1. นักศกึ ษาอา่ นหนังสือบ่อยแคไ่ หน รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ อ่านทุกวนั 10 11.11 5-6 ครัง้ /สปั ดาห์ 25 27.78 3-4 ครงั้ /สัปดาห์ 39 43.33 1-2ครงั้ /สปั ดาห์ 16 17.78 รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่อ่านหนังสือ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 43.33 รองลงมา ได้แก่ อ่านหนังสือ 5-6 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 27.78 อ่านหนังสือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 17.78 และอ่านทุกวัน จำนวน 10 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 11.11 2. นกั ศึกษาอา่ นหนงั สอื กีบ่ รรทดั /วนั รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ 1 - 10 บรรทดั - - 11 - 20 บรรทัด 11 21 - 30 บรรทัด 45 12.22 50

มากกว่า 30 บรรทัด 34 37.78 รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่อ่านหนังสือจำนวน 21 - 30 บรรทัด/วัน จำนวน 45 คน คิดเป็นร้อยละ 50 รองลงมา ได้แก่ มากกว่า 30 บรรทัด/วัน จำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 37.78 และนอ้ ยท่สี ดุ ได้แก่ อา่ นหนังสอื 11 - 20 บรรทดั /วนั จำนวน 11 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 12.22 3. นักศกึ ษาอ่านหนังสือจากแหลง่ สารสนเทศประเภทใด รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ หนงั สือ 27 30 นิตยสาร/หนังสือพิมพ์ 10 11.11 สอื่ สังคมออนไลน์ (Facebook, Twitter, Line) 33 36.67 ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Book, e-Journal) -- บทความในอนิ เตอรเ์ นต็ 20 22.22 อื่นๆ - - รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ อ่านหนังสือจากสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook, Twitter, Line) มากที่สุด จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 36.67 รองลงมา ได้แก่ อ่านหนังสือ จำนวน 27 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 90 รองลงมาได้แก่ อ่านจากบทความในอินเตอร์เนต็ จำนวน 20 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 22.22 และ อา่ นนิตยสาร/หนงั สือพิมพ์ จำนวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 11.11 4. เมือ่ อ่านหนงั สอื เสร็จแล้วนกั ศกึ ษาจำเนอ้ื หาท่ีอ่านได้หรอื ไม่ รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ จำและสามารถเลา่ เนือ้ หาได้ 36 40 จำไดบ้ ้าง 45 50 จำเน้อื หาไม่ได้เลย 9 10 รวม 90 100 จากตาราง สรปุ ได้วา่ ผตู้ อบแบบประเมนิ สว่ นใหญ่เมื่ออ่านหนงั สือเสร็จแลว้ จำเนือ้ หาท่ีอ่านไดบ้ ้าง มากทส่ี ุด จำนวน 45 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 50 รองลงมา ไดแ้ ก่ อ่านแลว้ จำและสามารถเลา่ เน้ือหาได้ จำนวน 36 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 40 และจำเนื้อหาไม่ได้เลย จำนวน 9 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 10 ตามลำดับ 5. นักศกึ ษามีการจดบันทึกการอา่ นจากสงิ่ ที่ไดอ้ า่ นไปแลว้ หรอื ไม่ รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ จดบันทึกสม่ำเสมอ 6 6.67 จดบนั ทกึ เป็นครั้งคราว 61 67.78 ไมม่ ีการจดบันทึก 23 25.55 90 100 รวม

จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ มีการจดบันทึกเป็นครั้งคราว จำนวน 61 คน คิดเป็นร้อยละ 67.78 รองลงมาได้แก่ ไมม่ ีการจดบนั ทกึ การอ่านจากส่ิงที่ไดอ้ ่าน จำนวน 23 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.55 และมีการจดบนั ทกึ หลงั การอ่านอย่างสม่ำเสมอ จำนวน 6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.67 6. นักศึกษาเข้าใจเนอื้ หาทอ่ี ่านหรอื ไม่ รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ เข้าใจและอธบิ ายได้ 39 43.33 เขา้ ใจบ้าง 51 56.67 ไม่เข้าใจ -- รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ เข้าใจเนื้อหาที่อ่านบ้าง มากที่สุด จำนวน 51 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 56.67 และเขา้ ใจเนอ้ื หาทีอ่ ่านและสามารถอธิบายได้ จำนวน 39 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 43.33 7. นักศกึ ษาชอบอา่ นหนงั สือประเภทใดมากท่สี ุด รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ หนงั สือเรียน 10 11.11 การเกษตร 10 11.11 อาหาร 15 16.68 การแพทย์ -- หนังสอื ภาษาตา่ งประเทศ 2 2.22 นวนิยาย 28 31.11 หนงั สอื การต์ ูน 21 23.33 ประวัตศิ าสตร/์ การท่องเที่ยว 2 2.22 เทคโนโลยี 2 2.22 อนื่ ๆ - - รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสือ ประเภทนวนิยาย มากที่สุด จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 31.11 รองลงมาได้แก่ หนังสือการ์ตูน จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 23.33 รองลงมาได้แก่ ประเภทอาหาร จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 16.68 นอกจากนั้นยังมี หนังสือเรียน หนังสือ การเกษตร จำนวน 10 คนเท่ากัน คิดเป็นร้อยละ 11.11 และหนังสือภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยี และ ประวตั ศิ าสตร์/การท่องเที่ยว ตามลำดับ

8. นกั ศกึ ษานำความรู้ทไ่ี ด้จากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในด้านใดมากที่สดุ รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ เพอ่ื เตรยี มสอบ 18 20 เพ่อื เพิ่มพูนความรู้ ทันตอ่ เหตุการณต์ ่างๆ 11 12.22 เพอื่ ความบันเทงิ เรงิ ใจ 40 44.45 เพื่อนำไปประกอบอาชพี 21 23.33 รวม 90 100 จากตาราง สรุปไดว้ า่ ผู้ตอบแบบประเมนิ ส่วนใหญ่ นำความร้ทู ี่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ ในด้าน เพือ่ ความบันเทงิ เรงิ ใจมากท่สี ดุ จำนวน 40 คน คดิ เป็นร้อยละ 44.45 รองลงมาไดแ้ ก่ เพอ่ื นำไปประกอบอาชีพ จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 23.33 รองลงมาได้แก่ เพื่อเตรียมสอบ และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ตามลำดับ 9. นักศึกษาถ่ายทอดความร้ทู ไี่ ดจ้ ากการอา่ นแกค่ นในครอบครวั หรอื ผู้อืน่ ได้ รายการ จำนวนคน (คน) ร้อยละ สามารถถา่ ยทอดไดท้ ้ังหมด 38 42.22 สามารถถ่ายทอดได้บางเรอื่ ง 52 57.78 ไมส่ ามารถถา่ ยทอดได้ -- รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้วา่ ผูต้ อบแบบประเมินส่วนใหญ่ สามารถถ่ายทอดความรู้ทไี่ ดจ้ ากการอ่านบางเร่ือง ให้แก่คนในครอบครัวหรือผู้อื่นได้ จำนวน 52 คน คิดเป็นร้อยละ 57.78 รองลงมาได้แก่ สามารถถ่ายทอด ความรูจ้ ากเรอ่ื งท่อี ่านได้ทั้งหมด จำนวน 38 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 42.22 10. ปัจจยั ใดท่ีสง่ ผลกระทบต่อการอา่ นของนกั ศกึ ษามากท่สี ุด รายการ จำนวนคน (คน) รอ้ ยละ ไมม่ เี วลา 37 41.11 ไมม่ ีหนังสือทต่ี นเองสนใจ 9 10 ไม่มีเงินซ้ือหนงั สือ/ค่าเดินทางมาหอ้ งสมดุ 10 11.11 ไม่มสี มาธิ 5 5.56 อ่านหนังสือไม่คล่อง 2 2.22 อุปกรณ/์ โทรศัพท์มือถือไมเ่ อ้ืออำนวย 27 30 อ่ืนๆ - - รวม 90 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ปัจจัยใดที่ส่งผลกระทบต่อการอ่านของผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่มากที่สุด ได้แก่ ไม่มีเวลา จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 41.11 รองลงมาได้แก่ อุปกรณ์/โทรศัพท์มือถือไม่เอื้ออำนวย จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 30 และรองลงมาได้แก่ ไม่มีเงินซื้อหนังสือ/คา่ เดินทางมาหอ้ งสมุด ไม่มีหนังสอื ท่ีตนเองสนใจ ไม่มสี มาธิ และอา่ นหนงั สือไมค่ ล่อง ตามลำดับ

ตอนที่ 3 ความตอ้ งการให้หอ้ งสมุดประชาชนจดั กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นในรูปแบบใดเพ่ิมเติม จากการตอบแบบประเมินพฤติกรรมการอ่าน (หลังเข้าร่วมชมรม) มีผู้ตอบแบบประเมิน เกี่ยวกับรูปแบบกิจกรรมส่งเสริมการอา่ นที่ตอ้ งการให้ห้องสมุดประชาชนจัดเพ่ิมเตมิ สามารถสรุปได้ ดังน้ี 1. จดั กิจกรรมให้มรี ปู แบบที่น่าสนใจมากขึ้น โดยใช้วธิ ีการเลน่ เกมกระต้นุ การอา่ น 2. การอ่านแบบสะสมคะแนน เพอ่ื แลกของรางวัล สร้างความสนใจมากขึน้ 3. ใหอ้ า่ นหนังสือตามความชอบ ความสนใจของนักศกึ ษาแตล่ ะคน 4. จดั กิจกรรมการอา่ นแบบเล่าเร่ือง

แผนภมู ิแสดงการเปรยี บเทยี บข้อมลู รอ้ ยละแบบประเมินพฤติกรรมการอา่ น (ก่อนเขา้ รว่ มชมรม) และ (หลังเข้ารว่ มชมรม) จากการสำรวจแบบประเมินพฤติกรรมการอ่าน ทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม มีผลการ เปรียบเทียบร้อยละของขอ้ มูลแบบประเมนิ ซ่งึ มีการเปล่ียนแปลงไปหลงั จากเขา้ รว่ มกจิ กรรม ดงั นี้ 1. นกั ศึกษาอ่านหนังสือบ่อยแค่ไหน นกั ศึกษาอา่ นหนังสือบอ่ ยแคไ่ หน 60 50 27.78 43.33 48.89 40 18.89 23.33 17.78 30 20 10 8.89 11.11 0 อ่านทุกวัน 5-6 คร้ัง/สปั ดาห์ 3-4 คร้งั /สัปดาห์ 1-2คร้งั /สัปดาห์ กอ่ น หลงั 2. นกั ศึกษาอา่ นหนังสือกบ่ี รรทดั /วนั นกั ศกึ ษาอา่ นหนังสอื ก่ีบรรทัด/วนั 70 63.33 60 50 50 40 37.78 30 12.22 11.11 6.67 20 18.89 มากกว่า 30 บรรทัด 10 0 1 - 10 บรรทัด 11 - 20 บรรทดั 21 - 30 บรรทัด กอ่ น หลงั

3. นักศึกษาอ่านหนงั สือจากแหล่งสารสนเทศประเภทใด นกั ศึกษาอ่านหนงั สือจากแหล่งสารสนเทศประเภทใด 90 83.33 80 70 36.67 60 50 11.11 00 22.22 00 40 30 3.33 3.33 30 20 10 10 0 กอ่ น หลงั 4. เมอื่ อ่านหนังสือเสร็จแลว้ นักศกึ ษาจำเน้ือหาที่อา่ นไดห้ รอื ไม่ เมอื่ อา่ นหนังสือเสรจ็ แลว้ นกั ศกึ ษาจาเน้ือหาทอ่ี ่านไดห้ รอื ไม่ 80 70 68.89 60 50 50 40 40 30 22.22 20 10 10 8.89 0 จาได้บ้าง จาเน้อื หาไม่ไดเ้ ลย จาและสามารถเลา่ เนอื้ หาได้ กอ่ น หลงั

5. นักศึกษามีการจดบันทึกการอ่านจากสงิ่ ที่ไดอ้ ่านไปแล้วหรอื ไม่ นักศึกษามกี ารจดบันทึกการอา่ นจากสง่ิ ท่ไี ด้อา่ นไปแลว้ หรือไม่ 100 94.44 90 80 70 67.78 60 50 40 30 25.55 20 6.67 0 10 5.56 0 จดบันทึกเปน็ ครั้งคราว จดบันทกึ สมา่ เสมอ ไม่มีการจดบันทกึ กอ่ น หลัง 6. นักศกึ ษาเข้าใจเน้ือหาทอี่ ่านหรือไม่ นกั ศกึ ษาเขา้ ใจเนื้อหาที่อ่านหรอื ไม่ 90 85.56 80 70 60 56.67 50 43.33 40 30 20 11.11 0 10 3.33 ไม่เข้าใจ 0 เขา้ ใจและอธบิ ายได้ เขา้ ใจบ้าง ก่อน หลัง

7. นกั ศกึ ษาชอบอา่ นหนังสอื ประเภทใดมากท่สี ุด นกั ศกึ ษาชอบอา่ นหนังสอื ประเภทใดมากทส่ี ุด 50 44.44 45 40 34.45 35 31.11 30 23.33 25 20 16.68 15 11.11 11.11 0 0 2.222.22 2.222.22 3.332.22 00 10 5.56 7.78 50 0 กอ่ น หลัง 8. นกั ศกึ ษานำความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นใดมากทสี่ ดุ นกั ศกึ ษานาความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการอ่านไปใช้ประโยชนใ์ นดา้ นใดมากท่สี ดุ 70 65.56 60 50 44.45 40 30 20 23.33 20 20 12.22 10 10 4.44 0 เพื่อเตรยี มสอบ เพอื่ เพิ่มพูนความรู้ ทันตอ่ เพื่อความบนั เทงิ เริงใจ เพอื่ นาไปประกอบอาชีพ เหตุการณ์ตา่ งๆ กอ่ น หลัง

9. นักศึกษาถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากการอ่านแกค่ นในครอบครัวหรือผู้อ่นื ได้ นกั ศึกษาถ่ายทอดความร้ทู ี่ไดจ้ ากการอ่านแก่คนในครอบครัวหรือผู้อนื่ ได้ 90 80 20 80 70 0 60 57.78 50 42.22 ไม่สามารถถา่ ยทอดได้ 40 30 20 10 0 0 สามารถถา่ ยทอดได้ทัง้ หมด สามารถถา่ ยทอดไดบ้ างเรื่อง ก่อน หลัง 10. ปจั จัยใดทส่ี ่งผลกระทบตอ่ การอ่านของนกั ศกึ ษามากท่ีสุด ปจั จัยใดทสี่ ง่ ผลกระทบต่อการอ่านของนกั ศกึ ษามากทีส่ ดุ 45 41.11 40 40 30 35 30 30 10 13.3311.11 6.67 5.56 10 25 0 2.22 20 15 10 5 0 ก่อน หลงั

สรปุ การเปรยี บเทียบข้อมูลรอ้ ยละแบบประเมนิ พฤตกิ รรมการอา่ น (ก่อนเขา้ รว่ มชมรม) และ (หลังเข้าร่วมชมรม) จากการสำรวจแบบประเมินพฤตกิ รรมการอ่าน ท้ังก่อนและหลังเข้ารว่ มกิจกรรม พบวา่ สมาชิกชมรม คนลำพูนรักการอ่าน (Lamphun Reading Club) มีพฤติกรรมการอ่านท่ีเปลี่ยนแปลงไปหลังจากเข้าร่วม กิจกรรม สมาชิกชมรมอ่านหนังสอื บ่อยข้ึน จากที่ก่อนเข้ารว่ มกจิ กรรมมีการอ่านหนังสือมากท่ีสุด 1-2 ครั้งต่อ สัปดาห์ เปลี่ยนไปเป็นอ่านหนังสือมากที่สุด 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์หลังจากเข้าร่วมกิจกรรม และอ่านมากข้ึน จำนวน 21-30 บรรทัดต่อวัน จากเดิมที่อ่านเพียง 11-20 บรรทัดต่อวัน ด้านแหล่งสารสนเทศที่อ่านหนังสือ สมาชิกชมรมอ่านหนังสือจากแหล่งสารสนเทศ ประเภทสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ Facebook Twitter Line มากที่สุดทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม นอกจากนั้นยังพบว่าสมาชิกชมรมมีความจำเกี่ยวกับเนื้อหาที่อ่าน ได้มากขึ้น จากเดิมที่จำไดบ้ าง เปลี่ยนแปลงเป็น จำและสามารถเล่าเน้ือหาได้หลังจากรว่ มกจิ กรรมรักการอา่ น และสมาชิกชมรมยังเริม่ มีการจดบันทึกหลังการอ่านมากขึน้ โดยมกี ารจดบนั ทึกการอ่านเป็นคร้ังคราว จากเดิม ที่ไม่มีการจดบันทึกเลย รวมถึงมีความเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านมากยิ่งขึ้น และสามารถอธิบาย ถ่ายทอดให้แก่ คนในครอบครัวได้ ประเภทหนังสือที่สมาชิกชมรมชอบมากที่สุด ได้แก่ นวนิยาย มากถึงร้อยละ 44.44 รองลงมาได้แก่ หนังสือการ์ตูน ร้อยละ 34.45 และรองลงมาได้แก่ หนังสือประเภทการทำอาหาร เป็นต้น ในด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านสู่การนำไปใช้มากที่สุด ได้แก่ เพื่อความบันเทิงเริงใจ เพื่อนำไปประกอบ อาชีพ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทันต่อเหตุการณ์ และเพื่อเตรียมสอบ ตามลำดับ และในด้านปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ตอ่ การอา่ นของสมาชิกชมรมมากที่สุด ได้แก่ การมีเวลาว่างในการอ่าน อุปกรณ์/โทรศัพท์มือถือไม่เอ้ืออำนวย ไม่มีเงินซื้อหนังสือ/ค่าเดินทางมาห้องสมุด ไม่มีสมาธิ อ่านหนังสือไม่คล่อง และไม่มีหนังสือที่ตนเองสนใจ ตามลำดับ

รปู ภาพกจิ กรรม โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน Lamphun Reading Club วันท่ี 16 ธนั วาคม 2563 กศน.ตำบลลี้ และกศน.ตำบลดงดำ

รปู ภาพกิจกรรม โครงการชมรมคนลำพูนรกั การอ่าน Lamphun Reading Club วันท่ี 22 ธนั วาคม 2563 กศน.ตำบลแมต่ ืน และ กศน.ตำบลก้อ

รปู ภาพกิจกรรม โครงการชมรมคนลำพูนรกั การอ่าน Lamphun Reading Club วนั ท่ี 23 ธันวาคม 2563 กศน.ตำบลศรีวิชัย และกศน.ตำบลนาทราย

รปู ภาพกิจกรรม โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน Lamphun Reading Club วนั ท่ี 18 ธนั วาคม 2563 กศน.ตำบลป่าไผ่ กศน.ตำบลแม่ลาน และ ปวช.

รปู ภาพกิจกรรม โครงการชมรมคนลำพนู รกั การอ่าน Lamphun Reading Club วันท่ี 15 มนี าคม 2564 กศน.ตำบลลี้ และกศน.ตำบลดงดำ คร้งั ท่ี 2

รปู ภาพกจิ กรรม โครงการชมรมคนลำพูนรกั การอ่าน Lamphun Reading Club วนั ท่ี 16 มีนาคม 2564 กศน.ตำบลแม่ตนื และ กศน.ตำบลกอ้ ครงั้ ที่ 2

รปู ภาพกจิ กรรม โครงการชมรมคนลำพนู รักการอ่าน Lamphun Reading Club วันท่ี 17 มีนาคม 2564 กศน.ตำบลศรีวิชยั และกศน.ตำบลนาทราย ครง้ั ท่ี 2

รปู ภาพกจิ กรรม โครงการชมรมคนลำพูนรักการอ่าน Lamphun Reading Club วันท่ี 18 มีนาคม 2564 กศน.ตำบลปา่ ไผ่ กศน.ตำบลแมล่ าน และ ปวช. ครงั้ ท่ี 2

ภาคผนวก

ใบสมคั รสมาชกิ ชมรม Lamphun Reading Club

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการอา่ น (ก่อน-หลงั เขา้ รว่ มชมรม)

สมดุ บันทกึ การอา่ น

โครงการชมรมคนลำพูนรักการอา่ น Lamphun Reading Club

ตวั อยา่ งแผนภาพความรู้ที่ไดจ้ ากการอา่ น

ตวั อยา่ งแผนภาพความรู้ที่ไดจ้ ากการอา่ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook