วธิ ีปฏบิ ตั ิทีเ่ ปน็ เลิศ (Best practice) การขยายผลการเรียนรูห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งโดยฐาน เรียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลดงดำ นายจอมแก่น พศิ วงค์ ครู กศน.ตำบลดงดำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอล้ี สำนกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย จงั หวดั ลำพูน
คำนำ เอกสารฉบับน้ี เป็นการสรุปการดำเนินงาน เร่ืองการขยายผลการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงโดยฐานเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลดงดำ ซ่ึงเป็นผลงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เป็นการนำเสนอผลงาน ที่เกิดจากการ พัฒนาศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ประจำตำบลดงดำให้เป็นแหล่งเรียนรู้และขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียง เป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม แนว ทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมพี ื้นฐานมาจากวถิ ีชีวิตดงั้ เดิมของสงั คมไทย สามารถนำมา ประยกุ ต์ใชไ้ ด้ตลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชงิ ระบบท่มี ีการเปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจาก ภัยและวิกฤติ เพ่ือความมั่นคงและความยงั่ ยนื ของการพฒั นา ผจู้ ัดทำ ขอขอบพระคุณ ผอ.อรนีรา ปุ้มแพง คุณครูมะลวิ รรณ ศรีแกว้ ท่ีให้คำแนะนำให้คำปรึกษาและ คณะครู กศน.อำเภอล้ีผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือ สนับสนุนการดำเนินงาน จนทำให้เอกสารวิธปี ฏิบตั ิท่ี เป็นเลิศฉบับน้ีสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารฉบับน้ีจะเป็น ประโยชน์กับบุคลากร และผู้สนใจ ทว่ั ไป ได้ใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏบิ ัติงานหรอื แก้ปัญหาการดำเนนิ งานที่ผา่ น มาและพฒั นางานให้กา้ วหน้าต่อไป ผจู้ ดั ทำ นายจอมแก่น พิศวงค์ กศน.ตำบลดงดำ
สารบัญ หน้า วิธปี ฏบิ ัตทิ ่เี ป็นเลศิ (Best practict) ๑ ความสำคัญของผลงาน ๑ วตั ถปุ ระสงค์ของวธิ หี รอื แนวปฏิบตั ทิ ีเ่ ป็นเลิศ ๑ วิธีหรือแนวทางปฏบิ ตั ิที่เปน็ เลศิ ๒ ผลการดำเนนิ งาน ๓-๓๐ ปัจจัยความสำเรจ็ ๓ บทเรียนทไ่ี ดร้ ับ ๔ การเผยแพร่ การได้รบั การยอมรบั ๔ ภาคผนวก ๖
วิธีปฏบิ ัตทิ ี่เปน็ เลศิ (Best practice) ชือ่ ผลงาน การขยายผลการเรียนร้หู ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงโดยฐานเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียง ประจำตำบลดงดำ เจ้าของผลงาน นายจอมแก่น พิศวงค์ ครู กศน.ตำบลดงดำ ความสำคัญของผลงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยเกี่ยวกับ การดาเนินชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นปรัชญาที่ต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลางและ ความไม่ประมาทโดยคำนึงการรู้จักพ่ึงตนเองความพอประมาณพอมีพอกินพอมีพอใช้ความมีเหตุผลการสร้าง ภมู ิคมุ้ กันท่ีดีในตวั ตลอดจนใชค้ วามร้คู วามรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผนตัดสนิ ใจและกระทาในส่ิงที่ ควรจะเป็นเพอื่ ใหส้ ามารถดารงชวี ิตอย่างยง่ั ยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลยี่ นแปลงต่างๆ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนทุกระดับ ต้ังแต่ระดับ ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิด จากการเปลย่ี นแปลงทั้งภายนอกและภายใน ท้ังนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง อย่างย่ิงในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้อง เสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกใน คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ ท่ีเหมาะสมดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดีสถานการณ์ในปัจจุบันเกษตรกร ประสบปัญหาจากสภาวะราคาผลผลิตตกต่ำ ในช่วงท่ีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจพอเพียง เป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง เน่ืองจากเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ การส่งเสริมเพื่อปลูกพืชผสมผสานให้มี กนิ และบริโภคในครัวเรือน ให้เกษตรกรรู้จักความพอเพียง และสรา้ งความเข้มแขง็ ทางสงั คมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอล้ี ได้ตระหนกั ถึงการจัดกระบวนการเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ได้มอบหมายให้ กศน.ตำบลดงดำ จัดทำโครงการเรียนรู้พัฒนาอาชีพตาม แนวเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจสามารถปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งได้อยา่ งถกู ต้องมหี ลกั คิดในดำเนนิ ชีวติ และพัฒนาอาชีพตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงต่อไป วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความเข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียงและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ๒. เพ่ือใหก้ ลุม่ เปา้ หมายสามารถนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปฏบิ ัติได้อย่างถกู ต้อง ๓. เพ่ือใหก้ ลุม่ เปา้ หมาย สามารถนำมาประยุกตใ์ ช้ความรใู้ นการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันและพฒั นาอาชีพได้
เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ - ประชาชนในเขตพื้นท่ีตำบลดงดำ เชิงคณุ ภาพ - สามารถนำหลกั เศรษฐกิจพอเพียงใช้ในการดำเนินชวี ิตสกู่ ารพัฒนาอาชีพ วธิ ีหรอื แนวทางปฏบิ ัตทิ ่ีเป็นเลศิ ขน้ั ตอนการดำเนนิ งาน Work flow จากสภาพปัญหาของประชาชนตำบลดงดำมรี ายได้นอ้ ยค่ำกวา่ เกณฑ์ จปฐ. ประชุมวางแผน ออกแบบกิจกรรม ฐานการเรยี นรู้ ดำเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามฐานการเรยี นรู้ การนำไปใช้ ตดิ ตามและประเมินผล สรุปรายงานผลการดำเนนิ งาน การขยายผลลงสชู่ มุ ชน
ข้ันตอนและวิธกี ารดำเนนิ งาน ๑.วางแผนงานและเตรยี มการ ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ กำหนดปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ประชุม ปรึกษา หารือ ดำเนินการศึกษาการสร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาเพ่ือ การเรียนรู้พัฒนาอาชีพตามแนว เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. ดำเนินการสรา้ งกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารปฏบิ ัติ ดำเนนิ การสร้างกระบวนการเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียงสู่การปฏิบัติจากการศึกษาหาข้อมลู จาก Internet และนำมาสรุปเป็นข้นั ตอนการดำเนนิ งาน - รว่ มประชุมกับหน่วยงานภาคีเครอื ข่ายและผู้นำชุมชนเพอ่ื รับทราบปัญหาตา่ งๆของการ ดำเนินงาน - สรุปรวบรวมปญั หา และจัดลำดับการแก้ปญั หาที่เร่งดว่ นและสามารถแก้ไขได้ - หาแนวทางการแก้ไขปญั หาด้านต่างๆ - ดำเนนิ การแก้ไขปญั หาตามท่ีกำหนดไว้ ๓. จัดทำโครงการ จัดลำดับขึ้นตอนของกระบวนการปฏิบัติงาน ให้สามารถปฏิบัติงานไค้อย่างถูกต้อง มีทิศทาง เดียวกัน สามารถนำไปปฏิบัติงานไค้จริง โดยใช้ภาพประกอบ พร้อมคำอธิบายขึ้นตอนการปฏิบัติงานอย่าง ละเอียด ใช้ภาษาท่ีอ่านได้ง่าย ซัดเจน อ่านแล้วรู้ลำดับของการปฏิบัติว่าอะไรก่อนหลัง พร้อมท้ังให้คณะทำงาน ร่วมทบทวนเอกสาร เพื่อแก่ไขเอกสารให้สอดคล้องกบั การปฏบิ ตั จิ ริง ๔. การนำกระบวนการเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏิบัติไปใชใ้ นพน้ื ท่ี นำกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ เพื่อการบูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง สู่วิถีการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะบรรลุเป้าหมายต้อง นำไปสู่การปฏิบัติจึงจะเกิดการพัฒนาที่สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้าน เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี ๕.การเผยแพร่กระบวนการจัดกจิ กรรมกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียงสกู่ ารปฏบิ ตั ิ เผยแพร่กระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏิบัติ ผ่านการจัดกจิ กรรมการส่งเสริมการ เรยี นรูด้ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ในตำบล ๖. การประเมนิ ผลและปรับปรงุ ระบบ ดำเนนิ การตรวจสอบประสิทธภิ าพของการนำกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏิบัติ โดยสรุปผลของการแก้ไข พร้อมท้ัง ประเมิน ความพึงพอใจในการนำกระบวนการแก้ไขปัญหาเพื่อการบูรณาการ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ สู่วิถกี ารดำเนนิ ชีวิตของคนในชุมชน ผลการดำเนนิ งาน จากการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับความพึงพอใจในการนำงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร ทฤษฎีใหม่ การ พบว่า กลุ่มเป้าหมายที่เจ้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจในการใช้กรจัดกระบวนการเรียนรู้ เศรษฐกจิ พอเพียงสกู่ ารปฏิบัติ ทีร่ ะดับดี และสามารถเปน็ แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหมท่ ด่ี ี ทีร่ ะดบั ความพึงพอใจ ดี
Model การนำหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารปฏิบัติ : ตามรอยพอ่ ของแผ่นดนิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภมู ิคุม้ กนั มีความรู้ มีคุณธรรม (รอบรู้ รอบคอบ ระวงั ) (ซื่อสตั ย์ สุจริต อดทน ขยนั แบง่ ปัน) ชีวติ / เศรษฐกิจ/ สงั คม/ ส่ิงแวดลอ้ ม สมดุล/ มงั่ คงั่ / ยงั่ ยนื บูรณาการส่กู ิจกรรมการศกึ ษา ต่อเน่ือง(เศรษฐกิจพอเพียง) กิจกรรมชมุ นุม
ฐานการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งประจำตำบลดงดำ กศน.ตำบลดงดำ หมู่ที่ ๑ ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ฐานการเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียงประจำตำบลดงดำ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสาย กลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมคิ ุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมผี ลกระทบ ใดๆ อันเกิดจากการเปล่ยี นแปลงท้ังภายนอกและภายใน ทง้ั น้ี จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมัดระวังอย่างย่ิงในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี สำนึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ ที่เหมาะสมดำเนินชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพียร มี สติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ กว้างขวาง ท้ังด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดีสถานการณ์ในปัจจุบัน เกษตรกรประสบปัญหาจากสภาวะราคาผลผลิตตกต่ำ ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ทอ้ งตลาดเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจ พอเพียงเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาอย่างหน่ึง เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการส่งเสริมเพื่อปลูกพืช ผสมผสานให้มีกิน และบริโภคในครัวเรอื น ใหเ้ กษตรกรรจู้ กั ความพอเพยี ง และสรา้ งความเข้มแขง็ ทางสังคมตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอล้ี ได้ตระหนักถึงการจัด กระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ได้มอบหมายให้ กศน.ตำบลดงดำ จัดทำโครงการ เรียนรู้พัฒนาอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้กลุ่มเปา้ หมายมคี วามรู้ความเข้าใจสามารถปฏิบัติตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างถูกต้องมีหลักคิดในดำเนินชีวิตและพัฒนาอาชีพตามแนวทางของปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งตอ่ ไป การใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชวี ิต หลักปรชั ญา ๓ หว่ ง ๒ เงอื่ นไข เข้ามาใช้ในการดำรงชวี ิตโดย เดนิ ทางสายกลาง ๓ ห่วง คอื ๑. มคี วามพอประมาณ ประชาชนมีอาชีพหลักคือ เกษตรผสมผสาน ครอบครัวมีรายได้จากการทำอาชีพน้ีพอสมควร จึงนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ พออยู่ พอกิน พอใช้ โดยได้ปลูกผักไว้กินเอง เลี้ยงไก่ขาย เลี้ยงหมู ถ้า เหลอื จากการขาย จงึ นำไปแบง่ ปันเพอ่ื นบา้ น ทำให้ สามารถลดร่ายจา่ ย และเพม่ิ รายได้ ได้อีกดว้ ย ๒. ความมีเหตุผล ประชาชนทำอาชีพเกษตรผสมผสาน โดยยดึ หลักการของเกษตรอินทรีย์ มาปรบั เปล่ียนการดำอาชีพ ซึ่ง เดิม ได้ใช้ปุ๋ยเคมี มากกว่าปุ๋ยชีวภาพ และการใช้ปุ๋ยเคมีทำให้มีรายจ่ายท่ีมาก จึงเกิดแนวคิดว่าควรใช้ความรู้จาก การท่ไี ด้เขา้ ร่วมอบรมมาแล้ว มาเปล่ยี นแปลงตนอง เพื่อประหยดั ค่าใช้จา่ ย โดยการเปล่ียนจากการใช้ปุ๋ยเคมี มา ใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนในการทำเกษตร การใช้ปุ๋ยชีวภาพยังปลอดภัยกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี และยังรักษาสภาพดิน ผลผลติ ท่ไี ด้ก็มากกวา่ การใช้ป๋ยุ เคมี จงึ ได้ทำปุ๋ยชีวภาพใชเ้ อง
๓. มีภูมิคมุ้ กนั ท่ีดี ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำให้มีรายไดท้ ่ีม่ันคงและแน่นอนและพอใช้ในครอบครัว ก็ยังยึด หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผักสวนครัว ปลูกทุกอย่างที่กินได้ และเล้ียงไก่เล้ียงหมูเอง ทำให้ ประหยัดค่าใชจ้ า่ ย ลดรายจ่าย และยังเพ่ิมรายได้ ไม่สุรุ่ยสุรา่ ย ทำให้ครอบครัวของ ดำเนนิ ชีวิตได้อย่างมคี วามสุข ได้นำหลักการบัญชีครัวเรือนมาใช้ในการประเมินค่าใช้จ่ายของตนเองและครอบครัว ได้พัฒนาตนเองเพ่ิมพูน ความรู้จากเรื่องท่ี อบรมมา เพอื่ พัฒนาคุณภาพชวี ิตใหด้ ีย่งิ ๆขึน้ ไป ๒ เงอื นไข คอื มีความรู้ คู่ คุณธรรม ประชาชนไดพ้ ฒั นาอาชพี การทำเกษตรกรรม โดยการเข้าร่วมอบรมกับหน่วยงานตา่ งๆ มคี วามรู้ความ เข้าใจและสามารถปรับเปลี่ยนการดำรงชวี ิตของตนเองให้ดีข้นึ ได้และสามารถเปน็ ตน้ แบบใหก้ ับกลมุ่ เกษตรกรใน หมบู่ า้ นได้ดว้ ย ประชาชนยงั มีความตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความซ่ือสัตยส์ ุจรติ และมคี วามอดทนตอ่ ส่งิ ต่างๆ มคี วาม เพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนินชีวติ
ฐานที่ ๑ การเรียนรกู้ ารเลีย้ งไก่ไข่ ไก่น้นั กม็ ีท้ังแบบเล้ยี งเองตามธรรมชาติ กนิ เปลือกข้าว รำข้าว แมลง ตามท้องนา และอีกแบบที่นยิ มเลีย้ ง กันกค็ ือแบบโรงเรือน เกษตรวนั น้ี ก็อยากนำเสนอการเลย้ี งไก่ไข่ในโรงเรือน สำหรับเปน็ ข้อมลู ของเกษตกร รวมถงึ พ่ีน้องทางภาคอื่นๆ ดว้ ย ไม่วา่ จะเป็นผู้เริม่ ต้นเล้ียงในครัวเรอื นหรือผู้ท่ีคิดจะเล้ียงเปน็ อาชพี กอ่ นอ่ืนส่งิ หนึง่ ท่เี ราควรรูก้ ็คือพันธุ์ไก่ใข่ โดยจะแยกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ กค็ ือ ๑.ไกพ่ นั ธแุ์ ท้ เปน็ ไกท่ ่ีไดร้ บั การคดั เลือกและผสมพันธม์ุ าเป็นอย่างดี จนลกู หลานในรนุ่ ต่อๆ มามีลักษณะรูปร่าง ขนาด สี และอ่ืนๆ เหมือนบรรพบรุ ุษไก่พันธุ์แท้ยกตัวอยา่ ง ไก่พันธุ์แท้ท่ีเปน็ ทนี่ ยิ ม ได้แก่ โรด๊ ไอสแ์ ลนดแ์ ดง บาร์ พลมี ัทร็อค เลก็ ฮอร์นขาวหงอนจกั ร ๒.ไก่พนั ธุ์ผสม ฟงั ดอู าจจะดเู ปน็ ไก่ไม่ดี แตท่ ่ีจรงิ แลว้ เป็นไกท่ ่เี กดิ จากการผสมพนั ธุร์ ะหว่างไก่พันธ์ุแท้ ๒ พันธ์ุ โดยมี จดุ ประสงคใ์ หล้ ูกไกไ่ ด้ข้อดีของพ่อพนั ธแุ์ ละแม่พันธ์ุ เช่น ไข่ดก ทนทานโรค เป็นตน้ ยกตัวอย่างไก่ผสมทเ่ี ปน็ ท่ี็ นยิ มกค็ ือ ไก่ไฮบรดี อุปกรณ์ในการเลย้ี งไก่ไข่ ส่วนนีเ้ ปน็ สิง่ จำเปน็ มากในการเล้ยี งไก่ไข่ ไมว่ ่าจะเปน็ อปุ กรณพ์ ้ืนฐานอย่างเช่น ถาดหรือ รางอาหาร รางน้ำ และอุปกรณ์ท่ีพิเศษขน้ึ มากย็ กตวั อย่าง เชน่ ๑.อปุ กรณก์ ารใหอ้ าหาร มหี ลายแบบ เช่น ถาดอาหาร รางอาหาร ถงั อาหาร เปน็ ตน้ ๒.อปุ กรณใ์ ห้น้ำ มหี ลายแบบข้ึนอยกู่ ับอายุไก่ เช่น แบบรางยาว แบบขวดมีฝาครอบ ๓.เครอ่ื งกกลกู ไก่ ทำหนา้ ทใ่ี ห้ความอบอุน่ แทนแม่ไกใ่ นตอนที่ลกู ไก่ยังเลก็ อยู่ ๔.รงั ไข่ โดยปกติรังไข่จะควรมีความมดื พอสมควร และมอี ุณหภมู ิทเ่ี ยน็ ซ่ึงถ้าหากเลี้ยงแบบโรงเรอื นกจ็ ะ เป็นรางท่ีควรทำความสะอาดงา่ ย หรือถา้ ใครเล้ียงแบบปล่อย กค็ วรมีสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสำหรับการออกไข่ อยา่ งที่ได้กลา่ วมาขา้ งต้น
๕.วสั ดรุ องพ้ืน จำพวก ฟางข้าว ซังข้าวโพด แกลบ เปน็ ต้น เพ่อื ความสะอาดและความสบายของตวั ไก่ ๖. อุปกรณก์ ารให้แสง ท้งั แสงจากธรรมชาติ และแสงจากอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนคิ สม์ าท่ีสว่ นที่สำคัญทส่ี ดุ อกี อยา่ งหน่ึงก็คือ อาหารและการให้อาหารของไก่ไข่ ผลผลติ ทอ่ี อกมานนั้ จะคุ้มคา่ กบั การลงทนุ หรือไม่ ในสว่ นของ อาหารและวิธีการให้อาหารจึงสำคัญมากเพราะเป็นตัวชวี้ ดั ผลกำไรและขาดทนุ ไดเ้ ลยทีเดียว อาหารของไก่ไข่ ส่วนประกอบของสารอาหารท่ีจำเป็นต่อไก่ไข่ ก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์มากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ วัตถุดิบท่ี นำมาใช้จะต้องเหมาะสมท้ังในเรือ่ งของ ราคา ปริมาณ และคณุ ภาพของสารอาหารทีใ่ ห้ โดยทางทีมงานอีสานร้อย แปด จะแบ่งใหท้ กุ คนดงู ่ายๆ เป็น สารอาหาร ๖ ประเภทใหญ่ๆ ๑.โปรตีน ช่วยในการสร้างเน้ือเย่ือและกลา้ มเนื้อในการเจริญเติบโตซ่อมแซมรักษา ในอาหารไก่ไข่ควรจะ มีโปรตีนประมาณ ๑๓-๑๙ % ๒.คาร์โบไฮเดรต มีหน้าท่ีให้พลังงาน ให้ความอบอุ่น และเพื่อนำไปใช้ในสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ควรจะ มอี ยใู่ นอาหารไก่ไข่ประมาณ ๓๘-๖๑% ๓.น้ำ เป็นส่วนประกอบท่ีสำคัญสำหรับส่ิงมีชีวิตทุกชนิด ช่วยในการย่อย การดูดซึม รักษาอุณหภูมิใน ร่างกาย และชว่ ยในการขบั ถา่ ยของเสียออกจากรา่ งกาย ๔.ไขมัน มีหนา้ ทีใหค้ วามอบอุน่ และพลังงานแกร่ ่างกาย แตไ่ มค่ วรมากเกนิ ไป ๕.วติ ามิน ช่วยใหไ้ ก่มคี วามตา้ นทานโรค และบำรุงระบบประสาท ๖.แรธ่ าตุ ช่วยในการสร้างโครงกระดูก สรา้ งเลือด สรา้ งเปลอื กไข่ ชนดิ ของอาหารท่ีใชเ้ ล้ียงไกไ่ ข่ ๑.อาหารผสม เป็นอาหารผสมจากวัตถุดิบท่ีบดละเอียดแล้วหลายๆ อย่างคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถ นำไปเล้ียงไกไ่ ดท้ ันที ๒.หัวอาหาร เปน็ อาหารเข้มข้นที่ผสมจากวตั ถุดิบพวกโปรตีนจากพชื สตั ว์ ไวตามนิ แรธ่ าตุ และยาตา่ ง ๆ เพ่ือให้เหมาะสมและลดต้นทนุ คา่ อาหาร ๓.อาหารอดั เมด็ เปน็ อาหารสำเร็จรูปมีให้เลอื กหลากหลาย ขึ้นอยกู่ บั อายุของไก่
๔.อาหารเสรมิ เป็นอาหารท่ีนำไปเสริมเพ่ือเพ่ิมสารอาหารดา้ นต่าง ๆ ทย่ี ังขาด เพ่ือให้ไก่ไดร้ บั สารอาหาร ครบถว้ น ต่อมาเป็นที่อยู่อาศัยของไก่ไข่ ซึ่งในเนื้อหาน้ีจะเป็นการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ในโรงเรือน ซ่ึงจะต้องสร้างให้เหมาะสมกับ ปจั จัยต่าง ๆ โรงเรอื นจะต้องสร้างใหถ้ ูกต้อง มีความแข็งแรง ทนทาน และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม โรงเรอื นที่ ดคี วรจะมีลกั ษณะดงั น้ี โรงเรือนในการเล้ียงไกไ่ ข่ ๑.ป้องกนั แดด ลม และฝนได้ ๒.แข็งแรง ทนทาน ป้องกนั นก หนู แมว หรอื สุนขั ได้ ๓.ทำความสะอาดได้ง่าย ๔.หา่ งจากชมุ ชน และอย่ใู ตล้ มของบ้าน เพราะจะได้ไม่มีกลน่ิ รบกวน ๕.ใช้วัสดุที่หาง่าย ราคาถูก ๖.ถ้าสร้างหลายหลังควรมีระยะห่างมากกว่า ๑๐ เมตร เพื่อให้ระบาย อากาศได้ดีและปอ้ งกนั การแพร่ระบาดของโรค แบบโรงเรอื นในการเลีย้ งไก่ไข่ ลกั ษณะของโรงเรอื นไก่ไขจ่ ะมหี ลายแบบข้นึ อยู่กับงบประมาณ วสั ดุ ความยากง่ายในการสรา้ ง รูปแบบ ของโรงเรือนไกไ่ ข่มีดังน้ี ๑.แบบเพงิ หมาแหงน แบบน้ีจะสรา้ งง่าย ลงทุนน้อย แตจ่ ะมีข้อเสยี คือฝนอาจจะสาดเข้าทางดา้ นหน้าได้ งา่ ย และมีความแข็งแรงน้อย ๒.แบบหนา้ จั่วช้ันเดียว ข้อดีคือแขง็ แรงกวา่ แบบเพงิ หมาแหงน สามารถปอ้ งกันแดด ลม ฝนได้ดีกวา่ แต่ จะมีคา่ วัสดุ อปุ กรณ์ และค่าก่อสร้างมากกว่าแบบเพิงหมาแหงน เพราะรูปแบบมีความซับซอ้ นมากกว่า ๓.แบบหน้าจั่วสองชน้ั แบบนจี้ ะคลา้ ย ๆ กบั หนา้ จวั่ ช้นั เดียว แตจ่ ะตา่ งกนั ตรงทม่ี ีหนา้ จ่วั ชัน้ ที่ ๒ เพ่ิง ขึน้ มาเพ่ือช่วยระบายอากาศ ทำให้แบบนจี้ ะระบายความร้อนได้ดีและเยน็ กวา่ แบบหน้าจั่วช้ันเดยี ว แต่กจ็ ะมีค่า ก่อสร้างแพงกว่าหนา้ จว่ั ชน้ั เดยี ว ๔.แบบหน้าจั่วกลาย คล้ายเพิงหมาแหงน แตส่ ามารถกนั ฝนไดด้ ีกวา่ และมีคา่ ใช้จ่ายในการกอ่ สรา้ ง มากกวา่ เพงิ หมาแหงน ๕.แบบเพงิ หมาแหงนกลาย แบบนีจ้ ะมกี วา่ เพิงหมาแหงนและแบบหนา้ จ่ัว เพราะมกี ารระบายอากาศ และกนั ฝน กันแดดได้ดกี วา่ แต่คา่ ใชจ้ า่ ยถูกกวา่ แบบหน้าจ่ัวหล
ฐานที่ ๒ การเรียนรูก้ ารเลี้ยงไก่พื้นเมือง ปัจจุบันไก่พ้ืนบ้านได้รับความนิยมเพ่ิมสูงขึ้นมาก เป็นเพราะไก่พื้นบ้านมี เนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคท่ัวไป จนมแี นวโน้มว่า จะสามารถส่งเนื้อไก่พ้ืนบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ ปัญหาคือปริมาณไก่ บ้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเกษตรกรส่วนมากประมาณร้อยละ ๗๐ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ จะเล้ียงไก่พื้นบ้านแบบหลังบ้านประมาณ ๑๐ ๒๐ ตัวต่อครัว เรือน และมีการเสริมอาหารให้บ้าง เล็กน้อยไกพ่ นื้ บ้านเหล่าน้มี ีสตี ่างๆ กนั แตท่ ี่นยิ มเล้ียงกันมากและตลาดต้องการคอื ไกท่ ีม่ ีผิวหนงั สีเหลืองและสีขนดำ ๑. ขอ้ ดีของไกพ่ นื้ บ้าน ๑.๑ หาอาหารเกง่ สามารถเลี้ยงแบบปลอ่ ยตามธรรมชาตไิ ด้ ทำใหป้ ระหยดั คา่ อาหารได้มาก ๑.๒ ทนต่อสภาพภูมิประเทศ และภมู อิ ากาศได้เป็นอยา่ งดี ๑.๓ ทนต่อโรคพยาธิไดด้ ีกวา่ ไกพ่ นั ธ์อุ ่ืน ๆ ๑.๔ มคี วามสามารถในการเลย้ี งลูกไดเ้ ก่ง ๑.๕ เนอ้ื ของไก่พื้นบ้านมีรสชาติถูกปากคนไทยมากกวา่ เนอื้ ของไก่ท่ผี ลติ เป็นอาหารโดยเฉพาะ ๒. ข้อเสียของไก่พื้นบ้าน ๒.๑ โตชา้ ใช้เวลาเลยี้ งนานกวา่ ไก่ทางการค้ามาก ๒.๒ ใหไ้ ข่น้อยปีหน่งึ ๆ ให้ไขเ่ ฉลีย่ ประมาณ ๔๐-๕๐ ฟองต่อปี โดยจะให้ ไข่เปน็ ชุด ๆ ละ ๗ - ๑๕ ฟอง ๒ ๓ เมอื่ ไข่ครบชดุ แลว้ ไก่พน้ื บ้านมีนสิ ยั ชอบฟักไข่ โดยจะฟักไขป่ ระมาณ ๒๑ วนั ไขจ่ ะออกเป็นลกู เจยี๊ บ และจะ เลี้ยงลกู เจย๊ี บตอ่ ไปอีกประมาณ ๒ เดอื น จงึ จะเร่ิมกลับมาให้ไขใ่ หม่อีก
การสร้างเรือนโรงไกจ่ ะมจี ดุ ประสงคห์ ลัก ๆ ดังนี้คือ 1. ใชเ้ ป็นทก่ี กลูกไก่แทนแมไ่ ก่ 2. ใหใ้ กห่ ลับพักผ่อนในช่วงกลางคนื 3. เป็นท่ใี หอ้ าหารและน้ำในชว่ งภาวะอากาศแปรปราน เช่น ฝนตกหนกั 4. ใช้เป็นที่ขังไก่เพ่ือทำวคั ซนี 5. ใชเ้ ป็นที่ขังไกเ่ พ่ือให้ยาหรือยาปฎชิ วี นะป้องกนั รกั ษาโรค ขนาดของเรือนโรงขนึ้ อยู่กบั จำนวนไก่ ขนาดอายุของไก่ทจ่ี ะเล้ยี ง เชน่ ถ้าต้องการเล้ยี งเฉพาะระยะลูกไก่จนถงึ ระยะไก่ร่นุ ท่ีได้น้ำหนักระหว่าง ๑.๕ - ๒.๐ กโิ ลกรัม จำนวนทจ่ี ะเลย้ี งได้นัน้ จะใชส้ ดั ส่วนประมาณ ๘ ตัวต่อพน้ื ที่ ๑ ตาราง เมตร ดังน้ันถ้าเรือนโรงมขี นาดกว้าง x ยาว ประมาณ ๓ X ๕ เมตร จะสามารถเลย้ี ง ไก่ได้ประมาณ ๑๒๐ ตวั แตถ่ ้าต้องการเลี้ยงเป็นพอ่ และแม่ พันธุ์ ควรใชส้ ัดส่วน ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิหรือขอ้ ควรจำในขณะท่ีใหว้ คั ซีนไก่คือ ๑. ต้องทำวัคซนี ในขณะท่ีไก่อยู่ในสภาพท่สี มบูรณ์และแข็งแรงเท่าน้ัน ๒. ควรทำวคั ซีนในขณะที่อากาศเยน็ สบาย คอื ช่วงเชา้ หรอื เย็น การทำวัคซีนในขณะทอ่ี ากาศร้อน จะ สร้างภาวะเครียดใหก้ ับไก่เพิ่มข้นึ และอาจก่อใหเ้ กิดความสูญเสียได้มาก ๓. การใหว้ คั ซนี ควรปฏบิ ัติตามคำแนะนำของชนิดวคั ซนี น้ัน ๆ ว่าจะให้ไดใ้ นทางใดบ้าง เช่น ให้โดย วิธีการแทงปกี หรือวธิ กี ารหยอดจมกู ๔. กอ่ นและหลงั การทำวัคซีน ๑ วัน ควรละลายยาป้องกนั ความเครยี ดให้ไก่กนิ ๕. วคั ซีนควรเก็บไว้ในตู้เย็นหรอื ตู้แชแ่ ขง็ ตามชนิดของวัคซีนนั้น ๆ ๖. วัคซีนท่ีผสมเสร็จแลว้ ควรรบี นำไปใหไ้ กท่ นั ที ไม่ควรปล่อยท้งิ ไว้นาน เพราะวัคซนี จะเสือ่ ม และไม่ควร ให้แสดงแดดส่องถูกวัคซีนโดยตรง ๗. ขวดวคั ซนี ท่ีใช้แลว้ ควรนำไปฝังดนิ ลกึ ๆ หรือนำไปเผาหรือตม้ ให้เดือดกอ่ นท้ิง
๘. ควรจำไวว้ า่ การทำวคั ซนี น้นั ไมไ่ ด้หมายถึงว่าจะให้ผลป้องกนั โรคได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะผลที่ได้ยัง ข้ึนอยู่กับปัจจัยอ่ืน ๆ อีกมากประมาณ ๔ ตัวต่อ ๑ ตารางเมตร ดังนั้นในเรือนโรงดังกล่าวจะสามารถเล้ียงได้ ประมาณ ๖๐ ตัวสาเหตุต่างๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดกับไก่นั้นมีดังน้ี อากาศร้อนจัดแล้วเปลี่ยนเป็นฝนตกทันที ลมกรรโชกรุนแรงตลอด การไล่จับไก่ที่อาจเกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือของสัตว์ชนิดอื่น ไก่ได้กินอาหารไม่ เพียงพอ การทำวคั ซนี ไก่ การนำไก่จากตา่ งถิน่ มาเล้ยี งรวมกัน เปลีย่ นอปุ กรณก์ ารเล้ียงไกอ่ ยา่ งกระทันหนั ไกท่ ี่เรมิ่ แสดงอาการป่วย เปน็ ต้นวัคซีนไก่ชนิดต่าง ๆ ที่สำคญั ๆ และเกษตรกรควรทราบมีดงั น้ี ๑.๑ วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคนิวคาสเซลิ หรอื ท่ีชาวบา้ นนิยมเรียกกนั ว่า โรคกะล้หี รือโรคห่า ซ่ึงสาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อไวรสั ถา้ เกิดโรคระบาดขึน้ อตั ราการตายจะสงู มาก บางคร้งั อาจตายหมด วัคซีนชนดิ น้ีแบ่งไดเ้ ปน็ ๒ ชนิด คอื
๑.๑.๑ สเตรน เอฟ (F)เป็นชนิดท่ใี ช้ทำในระยะลูกไก่ อายุลกู ไก่ทเ่ี หมาะสำหรบั การทำวัคซนี ชนิดนคี้ อื อยู่ ระหวา่ ง ๑-๓ สัปดาห์ วธิ กี ารใหจ้ ะทำโดยการหยอดตาหรือหยอดจมูก ๑.๑.๒ สเตรน เอ็ม พี (MP) เป็นชนดิ ที่ใชส้ ำหรับไก่ท่ีเคยผ่านการทำวคั ซีนนวิ คลาสเซิล เสตรน เอฟมา ก่อน วธิ ีการใหโ้ ดยใชฉ้ ดี เขา้ กลา้ มเนือ้ หรือแทงปีก
ฐานท่ี ๓ การเรยี นรกู้ ารเล้ยี งหมหู ลมุ ๑. ต้องการศึกษา เรยี นรู้ วิธีการ เลี้ยงสกุ รแบบธรรมชาติ และแก้ไขปญั หาสิง่ แวดล้อมเรยี นรูก้ ารแก้ไขปัญหาท่ี เผชญิ ได้ดว้ ยตัวเอง ๒. เป็นแนวทางการสง่ เสรมิ อาชพี ใหก้ ับประชาชน ตามภารกิจงานการศึกษานอกโรงเรยี น ๓. เปน็ อาชีพเสรมิ ให้กับครอบครวั มีสว่ นร่วมในกระบวนการคิด บริการจัดการสร้างความสมั พนั ธก์ ับ ครอบครัวอยากให้ชาวบ้าน และแนวทางการเล้ียงในการแก้ปัญหาเรือ่ งกลิน่ เหมน็ โรงเรือน สกุ ร ๑๐ ตัว จะใชพ้ น้ื ท่ีในการเลย้ี งขนาดความกว้าง ๓ เมตร x ความยาว ๖ เมตร หลังคายกสูงให้ อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก ลกั ษณะของโรงเรอื น ๑. ตัง้ อยู่บนท่ีสงู ทีด่ อน ๒. สร้างโรงเรือนตามแนวทศิ ทางของตะวนั ออก – ตะวันตก ๓. วสั ดมุ ุงหลังคาควรเปน็ กระเบ้ือง หรือ คา ๔. หลงั คาสูง – เอน เช่น - เพิงหมาแหงน - แบบจั่ว - เพิงหมาเหงนกลาย - จวั่ ๒ ชน้ั - จว่ั ๒ ช้ันกลาย พนื้ คอก การเตรยี มคอก ขุดดินออกไปท้งั หมด ให้ลกึ ประมาณ ๙๐ เซนตเิ มตร ปรบั ขอบรอบๆ แลว้ ผสมวสั ดเุ หลา่ นี้ ใสแ่ ทน ดนิ ทข่ี ดุ ออกไป วสั ดทุ ใ่ี ช้ได้แก่ - ข้ีเล่อื ย หรอื แกลบหยาบ ๑๐๐ สว่ น - ดินทีข่ ุดออก ๑๐ สว่ น - เกลอื ๐.๓ - ๐.๕ สว่ น นำวัสดุเหล่าน้ี คลุกเคล้าผสมกนั ลงไป ๓๐ เซนตเิ มตร ใช้จุลนิ ทรียท์ ไี่ ด้จากการหมักพชื จลุ ินทรยี เ์ ช้อื ราขาวจาก ป่าไผ่ อัตราสว่ น ๒ ชอ้ นโตะ๊ ตอ่ น้ำ ๑๐ ลิตร ราดลงบนวสั ดุรองพน้ื โรยดินชวี ภาพเชอื้ ราขาวบางๆ ชน้ั ท่ี ๒ และ ๓ ทำเหมือนชั้นแรก ช้ันสุดทา้ ยโรยแกลบดบิ ปดิ หน้า หน่ึงฝามือ
การเตรียมหลุม และพื้นคอกหมหู ลุม อาหารและการใหอ้ าหาร ถงั นำ้ และรางอาหาร ควรตงั้ ไวค้ นละดา้ น เพ่ือหมูจะเดนิ ไปมาเป็นการออกกำลงั กาย การเรมิ่ ต้นเลีย้ ง สุกร เมอ่ื หย่านม จะเป็นการดีท่ฝี ึกวิธกี ารเล้ียงแบบธรรมชาติ การให้อาหารใหเ้ พียงวันละ ๑ คร้งั (ปรับตามความ เหมาะสม) อาหารที่ให้ ใช้พชื ผักสเี ขยี ว เปน็ อาหารเสริม อาหารหมัก ใชผ้ ักสีเขยี ว หยวกกลว้ ย มะละกอดิบ ใบบอน วัชพชื ต่างๆ ท่หี มชู อบ สับผกั เปน็ ชนิ้ เล็กๆ คลุกน้ำตาลทรายแดง โดยหมกั ในอัตราส่วน ๑๐๐ : ๔ : ๑ คอื ใช้พชื ๑๐๐ กิโลกรม : นำ้ ตาล ๔ กโิ ลกรม : เกลือ ๑ กิโลกรัม นำไปเลยี้ งสกุ รโดยผสมปลายข้าว รำอ่อน กจ็ ะช่วยลด ต้นทนุ ในการเลีย้ ง ข้ันตอนการเตรยี ม อาหาร และนำ้ ดื่ม สำหรับสุกร ๑. น้ำดม่ื สำหรับหมูหลมุ สำหรับ น้ำ ๑ ถงั ( ๒๐ ลติ ร) สว่ นผสมนำ้ ด่ืมให้สุกร ๑. หวั เชอื้ จุลินทรยี ์ผัก หรือผลไม้ ๒ ชอ้ นโต๊ะ ๒. นำ้ ฮอร์โมน สมุนไพร ๒ ชอ้ นโต๊ะ (เหล้าดองยา) ๓. นมเปร้ียว ๒ ชอ้ นโต๊ะ ๔. น้ำหมกั แคลเซยี ม ๒ ช้อนโต๊ะ ๕. น้ำสะอาด ๒๐ ลิตร ผสมให้ดม่ื เป็นประจำทุกวัน หากพ้นื คอกสุกรแนน่ หรือแขง็ กใ็ ช้นำ้ ดงั กล่าวราดบนพ้นื คอก จะทำให้เกดิ กลน่ิ หอม จูงใจให้สุกรขุดคยุ้ เป็นการกลับหน้าดิน ชว่ ยให้พนื้ คอกร่วนโปร่ง มีอากาศถ่ายเท เกิดจลุ นิ ทรียม์ ากมาย ๒. การทำอาหารหมัก วัสดุอุปกรณ์ ๑. ผักใบเขยี วต่างๆ หยวกกล้วยใบบอนพชื ใบเขยี ว ๒. ถงุ พลาสตกิ ๓. นำ้ ตาลทรายแดง ๔. เกลือปน่ หรือเกลือเม็ด ๕. กระดาษสขี าว ๖. เชอื กฟาง วิธีนำอาหารหมกั ไปใช้ ใชอ้ าหารหมัก ๗ สว่ น ตอ่ อาหารเมด็ ๑ สว่ น ตอ่ รำ ๒ สว่ น หรอื ๗ : ๑ : ๒ ถ้าคดิ เป็น ๑๐๐ % (อาหารหมัก ๗๐ % : อาหารเม็ด ๑๕ % : รำ ๑๕ % ) สามารถปรับไดต้ ามความต้องการของผ้เู ลีย้ ง ๗. ในฤดรู อ้ น กระบวนการหมกั ใช้เวลา ๔ – ๕ วนั สว่ นในฤดฝู นกระบวนการหมักใชเ้ วลา ๗ – ๑๐ วัน ส่วนในฤดู หนาว จะใช้เวลาในการหมัก ๑๐-๑๕ วนั ๘. เก็บภาชนะหมกั ไวใ้ นที่รม่ และมีอากาศเย็น ไม่ให้ถูกแสงแดด ไม่ควรปดิ ภาชนะในระหวา่ งกระบวนการหมกั กำลงั ดำเนนิ การอยู่
ฐานที่ ๔ การเรียนรู้การเลยี้ งกบในลอ้ รถยนตเ์ กา่ (กบคอนโด) การเล้ียงกบในล้อรถยนตเ์ กา่ (กบคอนโด) เป็นการนำเอายางรถยนตเ์ กา่ มาเรยี งซ้อนกันประมาณ ๓ ชัน้ แล้วใส่น้ำในลอ้ รถยนต์เล็กน้อยเพื่อทก่ี บจะไดเ้ ข้าไปอาศัย ทำให้ประหยดั เน้ือที่และงบประมาณมากกว่าการสรา้ ง บอ่ ซีเมนต์ พันธก์ุ บที่นำมาเลย้ี ง กบทเ่ี หมาะสมจะนำมาทำการเพาะเล้ียงน้ีได้แก่ กบนา ชอื่ วิทยาศาสตร์ Rana rugulosa Wiegmann ช่ือสามัญ Common Lowland frog กบนาเป็นกบท่ีมีความเจริญเติบโตเร็ว โดยมีอัตราการแลกเปล่ียนอาหาร ๓-๔ กิโลกรัม ได้เนื้อกบ ๑ กิโลกรัม ทั้งยังเป็นกบที่มีผู้นิยมนำไปประกอบอาหารบริโภคมากกว่ากบพันธุ์อื่น ๆ ลักษณะของกบนานั้นตัวผู้ จะมีขนาดเล็กกว่ากบตัวเมีย และส่วนที่เห็นได้ชัดก็คือ กบตัวผู้เมื่อจับพลิกหงายขึ้นจะเห็นมีกล่องเสียงอยู่ใต้ คางแถว ๆ มุมปากล่างทั้งสองข้าง ในช่วงฤดูผสมพันธุ์กบตัวผู้จะส่งเสียงร้อง และในขณะท่ีร้องนั้นส่วนของ กล่องเสียงจะพองโตและใส ส่วนกบตัวเมียจะมองไม่เห็นส่วนของกล่องเสียงดังกล่าว กบตัวเมียก็ร้อง เช่นเดียวกันแต่ร้องเสียงเบา ถ้าอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธ์ุ กบตัวเมียที่มีไข่แก่จะสังเกตเห็นส่วนของท้องบวมและ ใหญ่กว่าปกติ ขณะเดียวกันท่ีกบตัวผู้จะส่งเสียงร้องบ่อยครั้งและสีของลำตัวออกเป็นสีเหลืองอ่อน หรือมีสี เหลอื งใตข้ าเหน็ ชดั กวา่ ตวั เมยี ถงึ อยา่ งไรสขี องกบจะเปล่ยี นแปลงไปตามสภาพสงิ่ แวดล้อมและท่ีอยู่อาศยั การเลอื กสถานที่ 1. ใช้พน้ื ท่บี รเิ วณท่ีมแี สงรำไร ไม่ควรวางตากแดด 2. ควรห่างจากเสียงรบกวนพอสมควรเพ่ือกบจะได้พกั ผ่อนและเตบิ โตเรว็ การเตรียมคอนโด เร่ิมแรกให้เตรียมยางรถยนต์เก่า ๓ เส้น โดยนำเส้นแรกมาวางกับพ้ืนดิน หลังจากน้ันให้เอาทราย หรือดนิ มาอัดบริเวณชอ่ งว่างท่ีอยู่ตดิ กบั ดิน ให้ดนิ หรือทรายเสมอกบั ขอบยาง ตดั แผ่นพลาสติกหรอื ถุงพลาสติก วางทับบนทรายหรือดินก่อนที่จะวางยางรถยนต์ทับบนดินจากนั้นให้เจาะท่อระบายน้ำทิ้งด้วยท่อ PVC เมื่อทำ ความสะอาดนำ้ จะไหลออกมาได้ง่าย สำหรบั ดา้ นบนปิดด้วยฝาพดั ลมเกา่
อตั ราการปล่อย การเลี้ยงใหเ้ ลือกซ้ือลกู กบท่ีมอี ายุประมาณ ๑-๒ เดือน นำมาปล่อยเล้ียง (คัดเลือกกบท่ีกินอาหารเม็ด ได้แลว้ ) ซ่งึ ลอ้ รถยนต์เก่า ๑ ชุด (๑ ชุด = ๓ เสน้ ) สามารถลีย้ งกบได้ ๑๕๐ ตวั การให้อาหาร ระยะแรกใช้อาหารปลาดุกเล็ก ประมาณ ๑ กิโลกรัม ให้กินประมาณ ๑ เดือน ต่อจากน้ันก็ให้กิน อาหารปลาดุกใหญ่ ประมาณ ๓-๔ เดือน ถ้าเป็นไปได้ควรจะเสริมด้วยอาหารสด เช่นกุ้ง, หอย, ปู และ ปลา เป็นตน้ ควรให้อาหารกบในช่วงตอนเยน็ ระยะเวลาทเ่ี ลยี้ ง ใช้ระยะเวลาเลย้ี ง ๓-๔ เดอื น ก็ได้ขนาด ๔-๖ ตัว / กิโลกรัม ขอ้ ควรระวัง ๑. การเลย้ี งกบคอนโด จะต้องวางคอนโดในบรเิ วณท่ีมีแสงรำไร (อยา่ วางตากแดดเพราะยางจะร้อน ทำใหน้ ำ้ ร้อนไปด้วย) ๒. อายขุ องกบท่ีนำมาเลีย้ งถ้ามอี ายุเกิน ๙๐ วัน ไปแล้วจะพบปัญหาเร่อื งกบเครียด ๓. การผสมพนั ธแ์ุ ต่ละรุน่ ควรเปล่ียนพ่อพนั ธุต์ ลอดเพือ่ ป้องกนั ปัญหาเลอื ดชิด ต้นทนุ - อาหารปลาดุกเลก็ ๑ กิโลกรัม ๑๐๐ บาท - อาหารปลาดุกใหญ่ ๑ กระสอบ ๓๙๐ บาท รวม ๔๙๐ บาท จับกบขายได้ประมาณ ๒๕ กิโลกรมั ๆ ละ ๕๐ บาท เปน็ เงิน ๑,๒๕๐ บาท หักค่าใช้จา่ ยแล้วจะได้กำไร ๗๕๐ บาท/๑ ชุด (๓ ล้อ)
ฐานที่ ๕ การเรียนรู้การเพาะเห็ดนางฟา้ เห็ดนางฟ้า เหด็ ยอดนิยม เป็นเห็ดทนี่ า่ สนใจเพราะมีความต้องการของตลาดอยู่ในระดับสงู อกี ทงั้ แนวโน้มการบริโภคเหด็ เพื่อสขุ ภาพยงั สูงข้นึ เพราะเหด็ มีประโยชนห์ ลายอย่าง อีกทั้งเห็ดนางฟ้าเป็นเห็ดทเ่ี พาะ งา่ ย มอี ายุการพักเชอ้ื ทส่ี ัน้ เพาะได้เกือบทุกฤดูยกเวน้ ในช่วงฤดรู ้อน สำหรับท่านใดท่สี นใจเหด็ นางฟา้ บางกอกทู เดย์เรามขี ้อมูลเห็ดนางฟ้าและวธิ ีการเพาะเห็ดนางฟ้ามาให้ลองได้ทำตาม.. รู้จกั กบั เหด็ นางฟา้ เป็นเหด็ ในสกลุ เดียวกนั กับเห็ดนางรมและเห็ดเปา๋ ฮื้อ แต่เห็ดนางฟ้าจะมีหมวกดอกหนา เน้ือแนน่ กวา่ เหด็ นางรมในปัจจุบนั ไดม้ ีการผสมและปรบั ปรงุ พันธเ์ุ พ่ือใหไ้ ด้เห็ดพนั ธ์ดุ ีอยูต่ ลอดเวลา ซึ่งพบว่าเหด็ นางฟ้าภฐู านท่ี นำมาจากภูฐาน เปน็ พนั ธ์ทุ ่ีมีข้อดีหลายประการดังนี้ ▪ เส้นใยเหด็ เจริญเติบโตได้ดีในอาหารวุ้น พ.ี ด.ี เอ โดยเฉพาะอาหารวุน้ ทีผ่ สมถัว่ เหลืองหรือถ่วั เขียว ▪ เสน้ ใยเห็ดสามารถเจรญิ เติบโตได้อย่างรวดเรว็ ในเมลด็ ธญั พืชท่ที ำหัวเชือ้ ▪ เหด็ นางฟ้าภฐู านเปน็ พนั ธท์ุ ี่ออกดอกเรว็ หลงั จากเขีย่ หัวเชื้อลงปยุ๋ หมักแล้วจะใชเ้ วลาประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ ก็เจริญเตม็ ถุงก้อนเชือ้ และสามารถเปดิ ถงุ ให้ออกดอกได้ นอกจากนี้ชว่ งห่างในการเกบ็ ผลจะสนั้ กล่าวคือ หลงั จากเกบ็ ผลผลิตแลว้ เห็ดจะพักตัว ๕-๗ วนั เท่านัน้ กจ็ ะออกดอกและเกบ็ ผลผลิตรนุ่ ต่อไปได้ ▪ เหด็ นางฟา้ ภูฐานมีประสทิ ธภิ าพในการเปลี่ยนอาหารทีอ่ ยูใ่ นวสั ดุเพาะมาใช้ในการเจรญิ เติบโตได้สูงมาก นอกจากน้ยี ังมีความต้านทานต่อราเขียว ราดำได้ดี จงึ ทำให้กอ้ นเชื้อมโี อกาสน้อยเสยี น้อยลง ▪ ให้ผลผลติ สูงกวา่ เหด็ ท่ีอยูใ่ นสกลุ เดยี วกันกับเห็ดนางรมพนั ธุอ์ ืน่ ๆ และสามารถเพาะได้ทุกฤดใู นวัสดุชนดิ ตา่ งๆไดเ้ ป็นอยา่ งดี ▪ เหด็ นางฟา้ ภูฐานเปน็ เหด็ ที่มรี สชาตอิ รอ่ ย มกี ลนิ่ หอม รสหวาน และมคี วามกรอบสามารถเก็บเอาไวไ้ ด้ นานกวา่ เหด็ นางรม โดยเฉพาะถา้ เกบ็ ไวใ้ นต้เู ย็นจะเก็บไว้ในตูเ้ ยน็ จะเก็บไว้ได้นาน ๓-๔ วัน ปัจจยั ที่มผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของเหด็ นางฟา้ ๑.อุณหภูมิ ระดบั อณุ หภมู ิทีเ่ หมาะสมต่อการเจริญเป็นดอกของเห็ดนางฟา้ จะประมาณ ๒๕ องศาเซลเซยี ส หาก อุณหภมู ติ ่ำกว่า ๑๕ องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า ๓๕ องศาเซลเซียส เห็ดนางฟา้ จะไม่ออกดอก และการทำให้ ก้อนเช้ือไดร้ ับอณุ หภมู ติ ่ำกวา่ ๒๐ องศาเซลเซียส ในระยะเวลาสนั้ ๆ หรือไดร้ บั อุณหภมู ิต่ำในชว่ งเวลากลางคืน ก็ จะชว่ ยชักนำให้การออกดอกของเห็ดดีขึน้ ๒.ความชืน้ เห็ดนางฟ้าเป็นเห็ดที่ตอ้ งการสภาพความชืน้ ของอากาศค่อนขา้ งสูงสภาพของโรงเรอื นที่เหมาะสมควร มคี วามชน้ื ไม่ต่ำกว่า ๘๐-๘๕ เปอร์เซน็ ต์ ๓.ปริมาณธาตอุ าหารในวัสดเุ ฉพาะ นบั ว่ามคี วามสำคัญตอ่ การเพ่ิมผลผลติ เหด็ นางฟา้ เป็นอยา่ งมาก พบว่าหากให้ อาหารเสริมพวกแอมโมเนียมไนเตรท จะทำใหผ้ ลผลติ เหด็ นางฟา้ เพ่มิ ขน้ึ ประมาณ ๕๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ วธิ กี ารเพาะเห็ดนางฟ้า วิธีการทำกอ้ นเชอื้ เหด็ นางฟ้า เห็ดนางฟ้าเปน็ เห็ดท่สี ามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ ีในวัสดเุ พาะหลายชนดิ เช่น ขเี้ ลื่อย ฟางสับ หรือซังขา้ วโพด แต่วัสดุทดี่ ีทสี่ ุดคือ ขเี้ ลือ่ ยไมย้ างพารา ซ่งึ มีวธิ ีการผลิตกอ้ นเชือ้ ดังตอ่ ไปน้ี
การทำกอ้ นเชือ้ จากฟางสับ ฟางท่ีใชเ้ พาะควรเปน็ ฟางทแ่ี หง้ สนิท ไมม่ ีเชื้อราปะปนหรือมกี ลิน่ เหมน็ สูตรอาหาร ทใ่ี ช้คอื ใช้ฟางสบั ยาว ๒-๓ นิ้ว ๑๐๐ กก. ปุ๋ยนา(สตู ร ๑๖-๒๐-๐) ๑ กก. ดเี กลือ ๐.๒ กก. ปนู ขาว ๑ กก. ความช้ืน ๗๐-๗๕ % โดยมี ขน้ั ตอนการทำดังน้ี ๑. นำฟางสบั ไปแช่น้ำหรือรดนำ้ ใหท้ ่วั แลว้ ผสมปยุ๋ และดีเกลอื ลงไปคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั แลว้ ทำเป็นกองสูง คลุมดว้ ย พลาสติก หมักทง้ิ ไว้ ๓ วัน ในวนั ที่ ๓,๔,๕ และ๖ ใหก้ ลบั กองฟางทุกวัน ๒. ในวันที ๗ ใหใ้ สป่ ูนขาวเพือ่ ปรับความเป็นกรด-ด่าง และไลก่ ๊าซแอมโมเนยี ทเ่ี กิดขึ้นระหวา่ งการหมัก ฟางคลุกเคล้าให้เข้ากนั แล้ว ต่ออีก ๑-๒ วนั ๓. บรรจใุ ส่ถุงพลาสตกิ ทใ่ี ชเ้ พาะเหด็ ซง่ึ ควรบรรจใุ ห้หมดภายในวันเดยี ว ถุงก้อนเช้ือควรมขี นาด ๘ ขีด ถงึ ๑ กก. เม่อื อดั กอ้ นเชื้อแน่นดแี ล้ว ใส่คอขวดพลาสตกิ อุดดว้ ยสำลแี ละปิดด้วยกระดาษ แลว้ รดั ยางให้แน่น ๔. นำก้อนเชอ้ื ท่ีไดไ้ ปนึ่งฆา่ เช้ือทนั ที ใช้เวลาประมาณ ๓-๔ ชม. นับจากน้ำเดือด แล้วทงิ้ ไว้ใหเ้ ยน็ ๕. นำหัวเชือ้ เหด็ ที่เลี้ยงไว้ในเมลด็ ข้าวฟ่าง ใชป้ ระมาณ ๑๐-๒๐ เมลด็ ต่อกอ้ นเขยี่ ลงในก้อนเชอื้ ท่เี ยน็ ดี แลว้ แลว้ รีบปดิ ปากถุงดว้ ยสำลแี ละกระดาษทันที สถานที่ท่ีใชถ้ ่ายหวั เชื้อเหด็ ลงก้อนเชื้อควรสะอาดลมสงบ วสั ดทุ ี่ ใช้เข่ียหัวเชอ้ื ควรทำความสะอาดดว้ ยแอลกอฮอล์ก่อนทุกคร้ัง ๖. แลว้ นำกอ้ นเชอื้ ท่ถี า่ ยหัวเช้ือเหด็ ลงเรยี บร้อยแลว้ ไปบ่มไว้ในโรงบ่มก้อนเชอ้ื ต่อไป การทำกอ้ นเช้ือเหด็ นางฟ้าจากขเี้ ลอื่ ย ขเี้ ลอื่ ยทีใ่ ช้เปน็ วสั ดเุ พาะท่ดี ีท่ีสุด ไดแ้ ก่ ข้เี ล่ือยไม้ยางพารา การทำก้อนเชื้อจากข้ีเลื่อยน้ไี ม่ตอ้ งหมัก เหมอื นใชฟ้ างสับ แต่การเลอื กหวั เชื้อควรให้แนใ่ จว่าเป็นหัวเชอ้ื ทสี่ ามารถย่อยขเ้ี ล่ือยเป็น อาหารได้ สำหรับสตู รที่ ใช้ เชน่ ขีเ้ ลือ่ ยไมย้ างพารา ๑๐๐ กก. รำละเอียด ๕ กก. แปง้ ข้าวเจา้ หรือนำ้ ตาลทราย ๑ กก. ดเี กลือ ๐.๒ กก. ปูนขาว ๑ กก. ความชนื้ ๖๐-๗๐% ซง่ึ มีขัน้ ตอนดงั นี้ ๑. ขเี้ ล่อื ยทีใ่ ช้ควรเป็นขี้เล่อื ยกลางเกา่ กลางใหม่จะดที ่สี ุด หากเป็นขเี้ ลื่อยใหม่ควรกองทิ้งไว้ ๑ สปั ดาห์ เนือ่ งจากขีเ้ ลื่อยใหมจ่ ะสลายธาตอุ าหารบางอย่างทำให้เกิดกา๊ ซแอมโมเนยี ซึ่งจะเปน็ อันตรายต่อเช้ือเห็ดและทำ ให้ความรอ้ นในก้อนเชอ้ื สูงเกินไป แตถ่ า้ เปน็ ขี้เลอื่ ยเกา่ อาจมกี ารปะปนของเช้อื โรคหรือเชอื้ ราชนดิ อ่นื ได้งา่ ย อีก ทั้งมกั ไม่ค่อยมีธาตุอาหารสะสมอยมู่ ากนกั
๒. หลงั จากเตรียมสูตรอาหารไดแ้ ลว้ ใหน้ ำสว่ นผสมท้ังหมดไปคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กัน แล้วบรรจใุ ส่ ถุงพลาสติกท่ใี ช้เพาะเห็ด ซึ่งควรบรรจุใหห้ มดภายในวันเดียว ถุงก้อนเชอื้ ควรมขี นาด ๘ ขดี ถึง ๑ กก. เมื่ออดั กอ้ นเช้ือแนน่ ดแี ล้ว ใสค่ อขวดพลาสตกิ อุดดว้ ยสำลแี ละปดิ ดว้ ยกระดาษ แลว้ รัดยางให้แนน่ ๓. นำกอ้ นเช้ือที่ได้ไปน่ึงฆา่ เช้ือทนั ที ใชเ้ วลาประมาณ ๓-๔ ชม. นับจากนำ้ เดือดแลว้ ทิ้งไว้ใหเ้ ยน็ ๔. นำหัวเชอ้ื เหด็ ทีเ่ ล้ียงไวใ้ นเมลด็ ขา้ วฟ่าง ใชป้ ระมาณ ๑๐-๒๐ เมลด็ ตอ่ กอ้ น เขีย่ ลงในก้อนเช้อื ที่เยน็ ดี แล้ว แล้วรีบปิดปากถุงดว้ ยสำลีและกระดาษทันที สถานท่ีที่ใชถ้ ่ายหัวเช้อื เห็ดลงก้อนเชื้อควรสะอาด ลมสงบ วัสดุ ท่ีใช้เขยี่ หัวเชอ้ื ควรทำความสะอาดดว้ ยแอลกอฮอล์ก่อนทุกครง้ั ๕. นำก้อนเช้อื ที่ถา่ ยหวั เชื้อเห็ดลงเรยี บร้อยแลว้ ไปบ่มไวใ้ นโรงบม่ ก้อนเชือ้ ต่อไป การบ่มกอ้ นเช้ือ หลงั จากใส่เช้อื เหด็ ลงในถุงก้อนเชื้อแล้ว ให้นำไปบ่มในโรงบม่ เชือ้ หรือบรเิ วณทมี่ ีอุณหภูมิปกติ เพื่อใหเ้ ส้น ใยเจริญในก้อนเชอื้ ในการจดั วางหากวางในแนวต้ังไมค่ วรให้ถงุ ทับซ้อนกนั ถ้าจดั วางในแนวนอนสามารถจดั วาง ซ้อนกนั ได้แตต่ ้องหม่นั กลับก้อนเชอ้ื ดา้ นลา่ ง ขน้ึ ดา้ นบน เพ่อื ให้อากาศถา่ ยเทสะดวก ในช่วงทเ่ี สน้ ใยจะเดนิ เตม็ ถงุ ต้องหมั่นตรวจดูโรคแมลง มด มอดแมลงสาบ ปลวกหรือไร หากพบใหร้ ีบนำก้อนเชอ้ื ออกไปกำจัดทันที หรือฉดี พ่นดว้ ยสารสกัดตะไคร้หอมรอบ ๆ โรงบ่มเพ่ือป้องกันไวก้ ่อนได้ การทำใหเ้ กิดดอก ในการทำให้เหด็ เกิดดอกต้องยา้ ยก้อนเชอื้ จากโรงบ่มไปไว้โรงเพาะ โรงเรือนท่เี หมาะสำหรบั การเพาะเห็ด นางฟ้า ควรเป็นโรงเรือนท่ีสามารถเก็บความชื้นได้ดี มีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ ๘๐-๘๕% อุณหภูมิที่ดีที่สุด สำหรับการเกิดดอกคอื ๒๕ องศาเซลเซยี ส มีระบบถา่ ยเทอากาศดแี ละสะดวกตอ่ การทำความสะอาด การคัดแยก ก้อนเช้ือจากโรงบม่ ใหส้ งั เกตดูว่าก้อนเชอ้ื นน้ั มีเส้นใยเดินเต็ม ถุงแล้ว และควรปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้เส้น ใยรดั ตัวและสะสมอาหารกอ่ นนำไปเปิดปากก้อนเชอื้ ให้เกดิ ดอกคลา้ ย เหด็ นางรมต่อไป ๑. วธิ วี างก้อนเช้ืออาจวางในลักษณะแนวนอนบนชนั้ วางซอ้ น ๆ กันชั้นละ ๓-๕ ก้อนหรือเรียงโดยใช้ เชือกแขวนแลว้ ตัดปากถุงบริเวณคอขวด เพือ่ ใหด้ อกเหด็ ออกดอกออกมา ๒. วธิ ีการควบคมุ ความชื้นในระยะนี้ หากไม่ไดเ้ พาะในชว่ งปลายฝนตน้ หนาว ซ่ึงมอี ณุ หภูมิและความช้ืน ทีพ่ อเหมาะอาจใชว้ ิธีการพ่นน้ำฝอย ๆ หรอื รดนำ้ ที่พน้ื โรงเพาะก็ได้(ถา้ ใชน้ ำ้ ประปาควรพักน้ำไว้ ๓-๔ วัน เพ่อื คลอรนี ระเหยออกไปก่อน) วิธีการเกบ็ เห็ดนางฟา้ การเก็บเห็ดนางฟ้าควรเก็บในขณะที่กลุ่มของดอกเห็ดยังไม่บานเต็มที่ และควรเก็บเห็ดท้ังกลุ่มไม่ควร เลอื กเก็บเฉพาะดอกใหญ่ในกลมุ่ เดยี วกัน เพราะจะทำให้ดอกอืน่ ๆ ในกลุ่มนน้ั ฟ่อเสยี หายทั้งกลุ่ม กรณีทีก่ ลุ่มดอก เห็ดมีทั้งดอกเล็กและดอกใหญ่ โดยดอกเล็กมจี ำนวนมากกวา่ ควรรอให้ดอกเล็กโตได้ท่กี ่อนแลว้ ค่อยเก็บ การเก็บ ให้ใช้มือไม่ควรใช้มีดตัด เพราะจะทำให้ส่วนของโคนก้านท่ีเหลือติดอยู่เน่าและสร้างความเสียหายให้กับ ดอกเห็ด อ่นื ๆ ในก้อนได้ วิธีการเก็บให้ใชม้ อื จับที่โคนของดอกแล้วดึงเบา ๆ จากนั้นจงึ ใชม้ ีดคม ๆ ตัดสิ่งสกปรกท่ีติดมากับ โคนดอกทิง้ ไป ปญั หาที่พบมากในการเพาะเหด็ นางฟ้า หากเปน็ เห็ดนางฟา้ ภฐู านมกั จะไม่คอ่ ยมปี ัญหาเรื่องการปลอมปนของเชื้อ ราชนดิ อ่ืนในก้อนถุง เน่อื งจาก เป็นพนั ธ์ุท่มี ีความตา้ นทานต่อเช้อื ราชนดิ อ่ืนสงู โดยเฉพาะราเขียวและราดำ ซ่ึงเปน็ ราท่ีสร้างความเสยี หายใหก้ ับ เห็ดหลายชนดิ และในข้ันการเพาะ หากมีการดแู ลรกั ษาทด่ี ี ปญั หาที่อาจเกดิ ขึน้ มกั พบในช่วงเหด็ ออกดอกอาจพบ
ปญั หาแมลงเข้าทำลายดอกเห็ด โดยเฉพาะพวกแมลงหว่ี เนอ่ื งจากเห็ดนางฟ้าภฐู านจะมกี ลิ่นหอม วิธีป้องกนั ให้ใช้ สารสมุนไพรฉีดบรเิ วณรอบ ๆ โรงเรอื นหรือหากพบการทำลายทก่ี ้อนเช้ือเห็ดให้รีบกำจัดออกไปเผาทำลายทนั ที เห็ดนางฟา้ เหด็ ยอดนิม มีประโยชนต์ ่อร่างกาย นอกจากจะมปี ระโยชนเ์ หมอื นเหด็ อน่ื ๆแล้ว เห็ดนางฟ้ายงั ชว่ ย ป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวยี นเลอื ดให้ดขี ้ึนและชว่ ยปอ้ งกันโรคกระเพาะอีกด้วย ราคาเหด็ นางฟ้า จะขน้ึ ลงตามความต้องการของตลาด ถ้าเปน็ ช่วงกนิ เจ หรือในช่วงท่ผี ลติ ได้นอ้ ย ราคาก็จะสงู ขึ้น ราคาเฉล่ียตน้ ปี ๒๕๕๘ จะราวๆท่ี ๔๐-๕๕ บาท
ฐานท่ี ๖ การเรยี นรู้การทำฝายชะลอนำ้ ฝายชะลอน้ำ หรือ Check Dam คือส่ิงก่อสร้าง ที่ทำข้ึนเพ่ือขวางหรือก้ันทางน้ำ โดยปกติมักจะกั้นลำ ห้วย ลำธารขนาดเล็กในบริเวณท่ีเป็นต้นน้ำ หรือ พ้ืนที่ท่ีมีความลาดชันสูงให้สามารถกักตะกอนอยู่ได้ และหาก เป็นชอ่ งที่น้ำไหลแรงก็สามารถช่วยในการชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลงด้วย เพ่ือการกกั เกบ็ ตะกอนเอาไว้ไม่ให้ไป ทับถมลำนำ้ ตอนล่าง อันเปน็ เปน็ วิธีการอนรุ ักษ์ดินและแหลง่ น้ำนอกจากน้ียงั นิยมสร้างฝายชะลอนำ้ ในพ้ืนท่ีตน้ น้ำ ท่แี หง้ และเส่อื มโทรม โดยมกั จะสรา้ งในบรเิ วณร่องน้ำ เมื่อฝนตกฝายจะทำการชะลอน้ำไมใ่ ห้ไหลเร็วจนเกนิ ไป ทำ ใหใ้ นบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ ดินเกิดการอุ้มน้ำ ต้นไมเ้ จรญิ เตบิ โตได้ดยี ง่ิ ข้ึน พื้นทม่ี ีความชุม่ ชนื้ อนั จะ ส่งผลดีต่อบริเวณโดยรอบซึ่งสอดคล้องกับแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับการ พฒั นาและฟนื้ ฟูป่าไม้ ด้วยการใช้ทรัพยากรทเ่ี อ้อื อำนวย เกิดการสัมพันธ์ซึ่งกันและกนั ให้เกดิ ประโยชน์สงู สุดฝาย ชะลอน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ ฝายชะลอน้ำแบบท้องถ่ิน (หรือฝายแม้ว ที่ทำโดยวัสดุจาก ธรรมชาติ เช่น ก่ิงไม้ ไม้ล้ม หรือก้อนหินชนิดต่างๆ มาวางเรียงซ้อนกัน) ฝายชะลอน้ำแบบเรียงด้วยหิน (ฝายกึ่ง ถาวร) และฝายชะน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก (ฝายแบบถาวร) ซึ่งการก่อสร้างฝายชะลอน้ำน้ันควรได้รับ การศกึ ษาโดยละเอียด ให้มีความเหมาะสมกบั สภาพพน้ื ทแ่ี ละปัญหา เพราะไมเ่ ช่นน้ันอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ได้ เช่น ทำให้น้ำน่ิง ไม่เกิดการไหลเวียน ส่งผลให้น้ำเน่าเสีย ระบบนิเวศเสื่อมโทรม หรือแม้กระท่ังการก่อสร้าง ฝาย อาจไปทำลายทรพั ยากรธรรมชาตติ า่ งๆ ทมี่ ีอยโู่ ดยรอบได้ ประโยชน์ทไี่ ด้จากฝายชะลอน้ำ ๑.ชว่ ยลดความรุนแรงจากสายนำ้ – ลำธาร ๒.ปอ้ งกนั หนา้ ดินให้แข็งแรงและไม่พังทลาย ๓.ช่วยกักเกบ็ นำ้ ได้เปน็ อย่างดี มนี ำ้ ในลำห้วยเยอะข้ึนกว่าไม่มฝี ายชะลอ ๔.สามารถนำนำ้ ทถี่ ูกกักจากฝายชะลอนำ้ มาใช้ในหน้าแลง้ ได้ ๕.สร้างความชุ่มชน่ื ความอุดมสมบูรณ์
๖.มีความเปน็ อยู่ท่ีดตี อ่ สัตวท์ ี่อาศยั บรเิ วณนั้น และความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ ๗.ฝายชะลอนำ้ จะสามารถช่วยกักเก็บตะกอนต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณตน้ น้ำ ทำให้น้ำใสมากขนึ้ คอื ๗ ประโยชนห์ ลักสง่ิ ท่ีไดจ้ ากฝายชะลอน้ำ นอกจากนย้ี งั มีประโยชน์เล็กๆ นอ้ ยๆ ท่ไี ด้อีกมากมายเช่น การ สรา้ งความชุม่ ชื่นจากฝายชะลอน้ำจะชว่ ยให้ลดความรนุ แรงจากเหตุไฟปา่ ไดอ้ ีกดว้ ย วธิ กี ารสร้างฝายชะลอนำ้ ง่ายๆ
ฐานที่ ๗ การเรยี นรู้การขยายพนั ธขุ์ องพชื ความสำคัญ การขยายพนั ธพุ์ ืชจดั ว่ามคี วามสำคัญในการปลกู พชื เพราะข้นั ตอนแรกของการเพาะปลูกต้องมตี น้ กล้า พืชเสียก่อน การเลอื กวธิ กี ารขยายพนั ธุ์พชื ทีเ่ หมาะสมจะทำให้สามารถผลติ ตน้ กล้าได้ตามปริมาณและคณุ ภาพที่ ต้องการ ซึง่ เป็นผลไปถึงคณุ ภาพหรือปริมาณของผลผลิตของพืชน้ันๆ นอกจากน้ีการขยายพนั ธุ์พืชยังมี ความสำคญั ในด้านการอนุรกั ษ์พนั ธพ์ุ ชื ทห่ี ายากหรอื ใกล้จะสูญพันธ์ุ ๒. การขยายพนั ธ์ุพืชวธิ ีต่างๆ การขยายพันธุพ์ ืชแบง่ ออกเป็น ๒ แบบคือ การขยายพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ ได้แก่ การขยายพนั ธุ์โดยการใชเ้ มลด็ กบั การขยายพันธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธโ์ุ ดยการใช้ส่วนตา่ งๆ ของตน้ พืช เชน่ การปักชำ การตอน กิ่ง การตดิ ตา การต่อกิ่ง รวมถึงการเพาะเล้ียงเนือ้ เย่ือ ๒.๑. การขยายพนั ธุพ์ ืชแบบอาศัยเพศ การเพาะเมลด็ (seeding) การขยายพันธพ์ุ ชื แบบอาศยั เพศ เป็นการขยายพนั ธ์ุโดยใช้ส่วนของเมลด็ ทเ่ี กิดจากการผสมเกสรระหวา่ ง เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย โดยนำมาเพาะในวสั ดุเพาะ เช่น ทรายหยาบ แกลบดำ ปุ๋ยคอก และดนิ ใน อัตราสว่ น ๑ : ๑ : ๑ : ๐.๕ โดยปรมิ าตร วิธกี ารเพาะใหก้ ดเมลด็ ด้วยนว้ิ มือลึกประมาณ ๒-๓ เทา่ ของขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลางเมล็ด ดูแลรดน้ำให้วสั ดุมี ความช้ืนพอเหมาะ ระวังอยา่ งให้แฉะ ๒.๒ การขยายพันธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศ การขยายพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศ หมายถึง การขยายพันธุพ์ ชื ด้วยการใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของพชื ไดแ้ ก่ ราก ลำ ตน้ ใบ โดยส่วนตา่ งๆ ของพืชเหลา่ ท่ีสามารถเกิดราก และเจริญเติบโตเป็นต้นพชื ได้ การขยายพันธุแบบไม่อาศัย เพศ เชน่ การปักชำกงิ่ การตอนกงิ่ การติดตา การทาบกงิ่ เปน็ ต้น การปักชำก่ิง (Stem Cutting) ๑.เลอื กใช้กิง่ ชนิดก่ึงแก่กง่ึ อ่อนลักษณะสีเขียวปนนำ้ ตาล ความยาวประมาณ ๒๕-๓๐ เซนตเิ มตร ตดั สว่ น โคนกง่ิ ใต้ข้อห่าง ๑ เซนติเมตร เป็นรูปปากฉลามเอียงทำมุม ๔๕ องศา ๒.แลว้ นำมาจุม่ ในสารละลายเรง่ การเกิดราก ผง่ึ ใหแ้ ห้งเล็กนอ้ ย นำกิ่งไปปกั ในถงุ ขเ้ี ถ้าแกลบใหก้ ิ่งเอยี ง ทำมุม ๓๐ องศา จากแนวตั้งฉาก ๓.ประมาณ ๒๐-๓๐ วนั กง่ิ ปักชำมกี ารเกิดราก จากนัน้ นำไปย้ายเลี้ยงในดินผสมบรรจุในถงุ ดำประมาณ ๑-๒ เดอื น จนกง่ิ ปกั ชำมีการแตกใบใหมอ่ อกมา แลว้ จึงนำลงปลูกในแปลง การตอนกิง่ (Layering) เป็นการทำให้กิง่ พชื เกิดใหมใ่ นขณะทีย่ ังอยู่บนตน้ แม่ข้อดคี ือมีอาหารจากตน้ แมม่ าเลีย้ งในช่วงที่รอให้เกดิ รากนิยมทำในฤดูฝน โดยเลอื กตอนกิ่งท่แี ข็งพอสมควร มักนิยมใชก้ งิ่ ทตี่ ้ังตรง เพราะออกรากง่ายกว่ากิง่ ท่ีอยูใ่ น แนวนอน ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลางต้งั แต่ ๐.๕ ซม. ข้ึนไป มีวิธกี ารดงั น้ี
๑.การเลือกกิ่ง เลือกกง่ิ ตอนท่ีมีความสมบูรณ์ ไม่ออ่ นหรือแก่เกนิ ไป ขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลางกิง่ ต้งั แต่ ๐.๕ เซนติเมตรข้ึนไป มักใชก้ งิ่ ตงั้ ตรงมากกวา่ ก่ิงท่ีอยู่ในแนวนอน เชน่ กง่ิ กระโดง เพราะมีการเกดิ รากดีกวา่ ๒.การควนั่ ก่งิ เพื่อใหเ้ กิดการสะสมอาหารบริเวณตอนบนของรอยควน่ั ความยาวแผลที่คว่นั กง่ิ ประมาณ ๑ นวิ้ จากนั้นใชม้ ีดขูดเน้อื เย่ือดา้ นนอกออก ๓.การใช้สารเร่งราก นำเซราดิกซ์ (IBA ความเข้มข้น ๓,๐๐๐ ppm) ละลายดว้ ยน้ำ ใช้พู่กันทาบริเวณ รอยแผลดา้ นบน ทิง้ ให้แหง้ พอหมาดๆ ๔.การหุ้มกงิ่ ตอน ใชข้ ยุ มะพร้าวเปน็ ตมุ้ ตอน โดยนำมาแช่น้ำแลว้ บีบพอหมาดๆ บรรจใุ ส่ถงุ พลาสติก ขนาดประมาณ ๒ x ๔ นว้ิ แล้วนำไปหุ้มกง่ิ ตอน ๕.การดูแลรักษาก่งิ ตอนขณะออกราก ต้องรักษาความช้ืนให้เหมาะสม ถา้ เป็นชว่ งหน้าแล้งตอ้ งมีการให้ นำ้ ต้มุ ตอนเพ่ิมขนึ้ หลังจากตอนประมาณ ๑-๒ เดือน ตดั กิ่งตอนลงถุง และเลีย้ งไวใ้ นโรงเรือนเพาะชำประมาณ ๑-๒ เดือน แลว้ จงึ นำปลกู ในแปลงได้ การต่อกง่ิ แบบเสียบยอด ( Cleft Grafting) การต่อกง่ิ คือ การนำกิง่ พนั ธุด์ มี าตอ่ บนต้นตอ มักใชส้ ำหรับการเปลย่ี นพนั ธพ์ุ ชื มากกวา่ การขยายพนั ธุ์ นยิ มใช้แพรห่ ลายและไดผ้ ลดีกับทง้ั ไม้ผลและไมป้ ระดับ เชน่ มะม่วง ขนนุ เฟื่องฟ้า ชบา โกศล เปน็ ตน้ ปัจจัย สำคญั ท่ีสุดในการต่อกง่ิ คือ ต้นตอและตน้ พันธ์ดุ เี ม่ือต่อแล้ว เน้ือเยื่อเจริญของตน้ ตอและกิ่งพนั ธ์ุดตี ้องเช่อื มต่อกนั ได้ สามารถเจริญเติบโต ออกดอก และตดิ ผลได้ ๑.การเตรียมต้นตอ เลอื กต้นตอขนาดใกลเ้ คียงกบั กงิ่ พันธ์ุดี ตัดตน้ ตอบริเวณท่ีไม่มีขอ้ หรือตาให้เปน็ มมุ ฉาก ผา่ ตน้ ตอตามยาวใหล้ ึกประมาณ ๑-๒ นว้ิ แลว้ แตข่ นาดของกิ่ง ๒.การเตรยี มกงิ่ พนั ธุ์ดี เลอื กกงิ่ พนั ธดุ์ ใี ห้มีขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ เฉอื นโคนกิง่ พนั ธดุ์ ีให้เฉยี งลงทั้งสอง ข้างเปน็ รปู ลิ่มยาวประมาณ ๑-๑/๒ นว้ิ ๓.การเสียบกิง่ พนั ธุ์ดบี นตน้ ตอ เผยรอยผ่าบนตน้ ตอโดยใช้ใบมดี สอดเข้าไป บดิ มดี ใหร้ อยผา่ เผยออก สอดโคนก่งิ พนั ธ์ุดใี ห้แนวเน้ือเย่ือเจรญิ ของต้นตอและกิง่ พนั ธุด์ ีทบั กัน พันด้วยเทปพลาสติกใหแ้ น่น
การทาบกิง่ (Approach Grafting) การทาบกง่ิ คือ การนำพืชสองต้นมาทำการต่อเชือ่ มให้เป็นตน้ เดียวกัน โดยมเี ซลลเ์ นอ้ื เยื่อเปน็ ตวั เช่ือม ติดกนั การทาบก่งิ ประกอบส่วนทเี่ ป็นต้นตอ (Stock) ทำหนา้ ทเี่ ป็นระบบรากของตน้ พชื ใหม่ และสว่ นของก่งิ พันธ์ุ ดี (Scion) อย่เู หนือรอยต่อ ทำหน้าทเี่ ป็นสว่ นยอดหรือก่งิ ก้านลำต้นของพืชต้นใหม่ ๑.เลือกต้นตอขนาดใกล้เคยี งกบั ก่งิ พนั ธุด์ ี เฉอื นกิ่งตน้ ตอให้เปน็ ปากฉลามยาวประมาณ ๒ น้ิว แลว้ เฉอื น ปลายเป็นรปู ลิม่ ๒.เลอื กกิ่งพันธ์ุดีใหข้ นาดใกล้เคยี งกับตน้ ตอ เฉือนกิ่งพันธ์ุดีใหเ้ ขา้ ในเน้ือไม้เฉียงขน้ึ ไปยาวประมาณ ๒ นิ้ว ตัดส่วนปลายของเปลือกไมท้ ่เี ฉือนไว้เหลือประมาณ ½ นวิ้ ๓.นำต้นตอประกบเขา้ กับกิง่ พนั ธ์ดุ ี จดั ใหแ้ นวเนือ้ เยื่อเจริญสมั ผัสกันมากท่ีสดุ แล้วพันดว้ ยเทปพลาสติก ใหแ้ น่น ๔.เม่อื รอยแผลต่อเชอื่ มกันสนิทดแี ลว้ ให้ตดั ท่ีโคนกงิ่ พันธุ์ดีใตร้ อยตอ่ และนำไปปกั ชำต่อไป
ปัจจัยความสำเร็จ ๑. ผู้บริหารและเครือข่ายให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฏใี หม่สกู่ ารปฏิบัติ ๒. การยอมรับของคนในชมุ ชน ใหเ้ ป็นแหลง่ เรียนรู้ของชุมชน ๓. ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมและความต้ังใจที่นำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาปรับปรุง กระบวนการแก้ไขปัญหา ในการทำงานดำเนนิ งานดา้ นเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งต่อเน่ือง บทเรยี นที่ได้รับ ๑. การปฏิบัติงานท่ีเป็นระบบมีแนวปฏิบัติท่ีซัดเจนมีการสนับสนุนมีการนิเทศกำกับ ติดตามอย่าง ต่อเนอ่ื งส่งผลให้งานบรรลุผลสำเร็จตามเปา้ หมาย ๒. การน้อมนำหลักปรัชญาชองเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีดีใหม่มาประยุกต์ใช้ในการ ดำเนินงานช่วยทำให้ มีหลักคิดและแนวทางในการดำเนินงานท่ีหลากหลายขึ้นเช่นการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ เหมาะสม พอประมาณกบั งบประมาณเป็นต้น ๓. การปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาระบบการทำงานนั้นมีการประชุมช้ีแจงถึงความสำคัญและ ผลดีท่ีจะเกิด จากการพัฒนางานร่วมกันความจริงจังในการปฏิบัติงานการทำงานเป็นทีมการมี ส่วนรับผิดชอบร่วมกันในการ ปฏิบัติงานความร่วมมือร่วมใจการเอาใจใส่เสียสละการอุทิศตนชองบุคลากร ส่งผลให้งานประสบผลสำเร็จได้ ผลงานท่มี ีคณุ ภาพ ๔. ความรู้สึก/ความภาคภูมิใจความสำเร็จท่ีใช้ความเพียรพยายามมายาวนานเม่ือความสำเร็จสู่เป้า หมายความภาคภูมิใจก็คือการท่ีได้ทำหน้าที่ที่รับผิดซอบอย่างสมบูรณ์สามารถพัฒนางานได้ตามเป้าหมายและ การนำองค์กรสู่การใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเป็นท่ียอมรับของบุคลากรในหน่วยงาน สถานศึกษาในสังกัด และ หน่วยงานภายนอก ๕. ควรมีการถอดบทเรียนองค์ความรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับคนในชุมชนได้เข้าใจใน หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอย่างแท้จริง และนำไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ จนเกดิ การขยายผลในชมุ ชนตอ่ ไป การเผยแพร่ การไดร้ บั การยอมรบั เผยแพรผ่ ลงานผ่านแหล่งเรียนรู้การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้กระบวนการเศรษฐกจิ พอเพยี งและ เกษตรทฤษฏีดใี หม่ในตำบลดงดำ โดยผ่านสอื่ ออนไลน์
ภาคผนวก
วิธีปฏบิ ัตทิ ่เี ปน็ เลิศ (Best practict) คณะครู กศน.อำเภอลี้ ไดร้ ว่ มประชมุ กับหน่วยงานภาคีเครือขา่ ย และผูน้ ำชมุ ชน ประชมุ วางแผนการ พัฒนาศนู ยเ์ รียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ประจำตำบล การขยายผลการเรียนร้หู ลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งโดยฐานเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลดงดำ
พัฒนาศนู ย์การเรยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏใี หม่ การสรา้ งฐานการเรียนรูก้ ารเล้ยี งไกไ่ ข่ และไกพ่ นื้ เมอื ง
การสรา้ งฐานการเรยี นร้กู ารเลี้ยงหมหู ลมุ
การสรา้ งฐานการเรยี นรู้การเพาะเหด็ นางฟา้
การสร้างฐานการเรยี นรกู้ ารเลี้ยงกบในล้อรถยนต์เกา่ (กบคอนโด)
การสรา้ งฐานการเรยี นรกู้ ารทำฝายชะลอนำ้ ฐ
การสรา้ งฐานการเรยี นรกู้ ารขยายพนั ธ์พุ ชื
หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยผนู้ ำชุมชนและประชาชนร่วมกันพฒั นาพัฒนาศูนยก์ าร เรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่
หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยผนู้ ำชุมชนและประชาชนร่วมกันพฒั นาพัฒนาศูนยก์ าร เรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่
หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยผนู้ ำชุมชนและประชาชนร่วมกันพฒั นาพัฒนาศูนยก์ าร เรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่
หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยผนู้ ำชุมชนและประชาชนร่วมกันพฒั นาพัฒนาศูนยก์ าร เรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่
ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการดแู ลศูนย์การเรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียง และเกษตรทฤษฏใี หม่
ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในการดูแลศูนยก์ ารเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง และเกษตรทฤษฏีใหม่
ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในการดูแลศูนยก์ ารเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง และเกษตรทฤษฏีใหม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: