เครื่องมือและอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์(Hardware)
เครื่องมือและอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์(Hardware) คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อช่วยให้ทำงานได้ เร็ว สะดวก และแม่นยำมากขึ้น การใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทำงานอย่างได้มี ประสิทธิภาพ ต้องเรียนรู้ และเข้าใจ ส่วนประกอบ วิธีการทำงานของ คอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยอุปกรณ์ ต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีหน้าที่และ ความส าคัญแตกต่างกันไป จึงจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจถึงหน้าที่การทำงานของ อุปกรณ์แต่ละส่วน เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานก่อนที่จะพิจารณาเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มา ประกอบเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฮาร์ดแวร์(Hardware) หมายถึงโครงสร้างของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ สามารถมองเห็นและจับต้องได้ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอคอมพิวเตอร์ และตัวเครื่อง นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ช่วยเสริมให้คอมพิวเตอร์ ทำงานได้ กว้าง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องดิจิไตส์เซอร์ ชุดมัลติมีเดีย อุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ดังนั้น ส่วนประกอบ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งตาม หน้าที่การทำงานของเครื่องได้ดังนี้
1. หน่วยรับข้อมูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเข้า ทำหน้าที่รับโปรแกรม และข้อมูล เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ คือ แป้นพิมพ์ (Keyboard) และเมาส์ (Mouse) นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์รับเข้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ สแกนเนอร์ (Scanner), วีดีโอคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน(Microphone), ทัชสกรีน (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจิตเซอร์ เท เบิ้ล แอนด์ ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair) แป้นพิมพ์ (Keyboard) เมาส์ (Mouse) สแกนเนอร์ (Scanner) เว็บแคม (Webcam) ไมโครโฟน (Microphone)
แป้นพิมพ์จะรับข้อมูลจากกดแป้น แล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส สัญญาณทางไฟฟ้าเพื่อส่งเข้าไปในหน่วยประมวลผล ของเครื่อง แป้นพิมพ์ส่วนใหญ่จะถูกออกแบบ แป้นเป็นกลุ่มคือ แป้นอักขระ (Character Keys) แป้นควบคุม (Control Keys) แป้นฟังก์ชั่น (Function Keys) แป้นตัวเลข (Numeric Keys) เมาส์ (Mouse) ผู้ใช้เพียงแต่เลื่อนเมาส์ ที่จอภาพจะปรากฏ เป็นลูกศร เรียน กว่าตัวชี้เมาส์ (Mouse Pointer) เคลื่อนที่ไปมาบนจอภาพในทิศทางเดียวกันกับที่ผู้ใช้ เมาส์เลื่อนไป เมื่อตัวชี้เมาส์เลื่อนออกไปอยู่ยังตำแหน่งที่ต้องการ ให้ผู้ใช้ กดปุ่มด้านซ้าย ที่อยู่บนตัวเมาส์ (คลิก) เพื่อเลือกรายการนั้น ๆ ขึ้นมา
ตัวเลื่อนเมาส์พอยท์เตอร์แบบสัมผัส (Touching Pad) เป็นอุปกรณ์น าเข้า ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว (Note book) ซึ่งใช้งานแทนเมาส์ มีลักษณะ เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ด้านล่างมีปุ่มอยู่ 2 ปุ่ม ทำหน้าที่เหมือนกับปุ่มซ้ายและขวา ของเมาส์ สามารถเลื่ อนเมาส์พอยท์เตอร์ได้โดยการสัมผัสที่แผ่นสี่เหลี่ยม จอยสติก (Joystick) เป็นก้านส าหรับใช้โยกขึ้นลงและซ้ายขวา เพื่อย้าย ต า แหน่งของตัวชี้ต าแหน่งบนจอภาพ หลักการท างานเช่นเดียวกับเมาส์แต่ต่าง กันตรงมี แป้นกดเพิ่มเติมมาจ านวนหนึ่งส าหรับสั่งงานพิเศษ นิยมใช้กับการ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ หรือควบคุมหุ่นยนต์ Joystick Game Pad
จอภาพระบบสัมผัส (Touch Screen) เป็นจอภาพแบบพิเศษซึ่งผู้ใช้เพียง แตะปลายนิ้วลงบนจอภาพในตำแหน่ง ที่กำหนดไว้เพื่อเลือกการทำงาน ที่ต้องการ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะเป็นตัวค้นหา ว่าผู้ใช้เลือกทางใดและสั่งให้ทำงาน ตามนั้น จอภาพ ระบบสัมผัสนี้ในปัจจุบัน เป็นที่นิยมกันมากสมาร์ทโฟน หรือแท็บแล็ต สไตลัส (Stylus) เป็นปากกาที่ใช้ กับแท็บแล็ตและอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ซึ่ง ใช้แรงกดในการวาดบนหน้าจอ สามารถใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์รู้จำลายมือ (handwriting recognition software) เพื่อแปลงจากลายมือที่วาด หรือเขียนให้อยู่ใน รูปแบบที่หน่วยระบบ สามารถประมวลผลได้ ปากการแสง (Light pen) ใช้เซลล์ แบบซึ่งมีความไวต่อแสงเป็นตัวกำหนด ตำแหน่งบนจอภาพ รวมทั้งสามารถ ใช้วาดลักษณะหรือรูปแบบของข้อมูล ให้ปรากฏบน จอภาพ การใช้งานทำได้ โดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพ ตามตำแหน่งที่ต้องการ นิยมใช้กับงาน คอมพิวเตอร์ช่วยการออกแบบ (CAD หรือ Computer Aided Design)
เครื่องอ่านภาพ (Scanner) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านหรือสแกนข้อมูล บนเอกสารเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้วิธีส่องแสงไปยังวัตถุ ที่ต้องการสแกน แสงที่ส่องไป ยังวัตถุแล้วสะท้อนกลับมาจะถูกส่งผ่านไป ที่เซลล์ไวแสง (Charge-Coupled Device หรือ CCD) ปัจจุบันสแกนเนอร์ที่นิยมมากที่สุด คือเครื่องสแกนเนอร์แบบแท่น เครื่องอ่านแทบสี (Bar-Core Reader) ทำหน้าที่อ่านรหัสที่มีลักษณะ เป็น แถบสีขาวสลับด า (Bar-code) ที่นิยมกันมากคือ UPC (Universal Product Code) เป็นรหัสที่ติดอยู่บนห่อสินค้าทั่วไป เครื่องอ่านแถบสีจะทำการอ่านแถบรหัสบนสินค้า แล้วแปลเป็นสัญญาณไฟฟ้า ส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID readers) เป็นเครื่องอ่านความถี่คลื่นวิทยุซึ่ง จะอ่านข้อมูล จากไมโครงชิปอาร์เอฟไอดีที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ หรือสิ่งต่าง ๆ เช่น สินค้า ใบขับขี่ บัตรประชาชน ในชิปอาร์เอฟไอดีจะมีการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส กล้องถ่ายภาพดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพ แบบไม่ต้องใช้ฟิล์ม ภาพที่ได้จะประกอบด้วย จุดเล็ก ๆ จำนวนมาก และสามารถนำเข้า เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานได้โดยไม่ต้อง ใช้อุปกรณ์ สแกนเนอร์อีก เป็นอุปกรณ์ที่เริ่ม ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแทนที่กล้องฟิล์ม แบบเดิมเนื่องจากสามารถถ่ายดู ผลลัพธ์ได้ทันที อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (Voice Input DeVeces) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลในรูปแบบเสียง โดยจะทำการแปลงสัญญาณ เสียงเป็นสัญญาณดิจิทัลแล้วจึงส่งไปยังคอมพิวเตอร์
2.หน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central Processing Unit) จะทำหน้าที่ เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยนำข้อมูล จากอุปกรณ์รับข้อมูลมาท าการประมวลผลข้อมูลตามค าสั่งของโปรแกรม และส่ง ผลลัพธ์ที่ได้ออกไปที่หน่วยแสดงผลในรูปแบบที่ผู้ใช้เข้าใจ หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบขึ้นมาจากวงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่ 2 ส่วน คือ หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU) ส่วนควบคุม (Control Unit) หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU) ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องคำนวณอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทำงาน เกี่ยวกับการคำนวณ ทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร มีความสามารถ อีกอย่างหนึ่งที่เครื่อง คำนวณธรรมดาไม่มีคือความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ ส่วนควบคุม (Control Unit : CU) ทำหน้าที่ควบคุมลำดับขั้นตอน การประมวลผล รวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นำเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และ หน่วยความจำสำรองด้วย 3 หน่วยความจำ (Memory Unit) เป็นที่เก็บโปรแกรม ข้อมูล และผลลัพธ์ ไว้ภายในคอมพิวเตอร์ หน่วยนี้รวมถึงสื่อข้อมูลที่ช่วยในการจดจำ เช่น แผ่นบันทึก เป็นต้น สำหรับหน่วย ความจำของคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 3.1 หน่วยความจ าหลัก (Primary Memory Unit) หน่วยความจำหลักทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำหลัก จะอยู่ ภายในตัวเครื่องและเป็นส่วนที่จำเป็นต้องมีสำหรับคอมพิวเตอร์
1) แรม (Ram : Random Access Memory) ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ ลักษระเด่นคือสามารถเขียนข้อมูลลงไปและเรียกข้อมูลได้ แรมจะเก็บ ข้อมูลตราบเท่าที่มีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงวงจรไว้ เรียกว่า โวลาไทล์ (Volatile Memory) หากไฟฟ้าเลี้ยงวงจรขาดหายไปข้อมูลที่เก็บไว้ ก็จะสูญหายไป หรือเรียกว่าหน่วยความ ชั่วคราว (Read Write Memory) สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด คือ DRAM, SRAM DRAM (Dynamic Random Access Memory) เป็นชิปของ หน่วยความจำที่นิยมใช้หน่วยความจำหลักในเครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC : Personal Computer) มีเวลาในการเข้าถึงข้อมูลค่อนข้างช้า ข้อดีของ DRAM คือ มีความจุสูงมากและราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย SRAM (Static Random Access Memory) เป็นชิปที่มีเวลาในการ เข้าถึงข้อมูล ที่เร็วกว่า DRAM มาก SRAM มักนำไปใช้ในหน่วยความจำ แบบแคช (Cache Memory) เนื่องจากมีความเร็วสูงกว่า DRAM มาก ซึ่งใกล้เคียงกับการทำงาน ของซีพียู ทำให้ไม่มีสภาวะรอคอยเกิดขึ้น SRAM จะมีราคาค่อนข้างสูง ความจุต่อชิปก็ น้อยเมื่อ เทียบกับ DRAM
2) รอม (Rom : Read Only Memory) เป็นหน่วยความจำที่ได้รับ การบรรจุข้อมูลไว้ภายในก่อนแล้ว โดยทั่วไปแล้วรอมจะถูกอ่านอย่างเดียว เท่านั้น จะเก็บคำสั่งที่ใช้อยู่เป็นประจำและค าสั่งเฉพาะโปรแกรมที่อยู่ในรอมนี้ จะอยู่อย่างถาวร แม้จะปิดเครื่องโปรแกรมก็จะไม่ถูกลบไป เรียกว่า นอน-โวลาไทล์ (Non-Volatile Memory) คือข้อมูลจะไม่หายไป เมื่อปิดเครื่อง ในหน่วยความจำหลักที่เป็นประเภท ของ ROM มีอีก 3 อย่างคือ Prom (Programmable Read Only Menory) PROM เป็น ROM ชนิดที่ยังไม่มีการบันทึกโปรแกรมใด มาจากผู้ผลิต -EPROM (Erasable Programmable Read Only Memory) EPROM มี ลักษณะคล้าย ROM มาก แต่สามารถลบข้อมูลได้หลายครั้ง โดยการใช้ แสง อัลตราไวโอเลต (UV) หลังจากลบข้อมูลแล้วสามารถลงโปรแกรมได้ EEPROM (Electronic Erasable Programmable Read Only Memory) มีลักษณะคล้ายกับ EPROM ซึ่งสามารถเขียนและลบ โปรแกรมที่ถูกจัดเก็บ ภายในหน่วยความจ าได้โดยการใช้กระแสไฟฟ้า
3.2 หน่วยความจำสำรอง (Secondary Memory Unit) เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยสื่อบันทึกข้อมูล และอุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลชนิดต่างๆ หน่วยความจำ สำรองมีลักษณะ non-volatile แม้ว่าจะปิดเครื่อง (ไม่มีกระแสไฟฟ้า) ข้อมูลก็ไม่สูญหายได้แก่ ฟล็อปปี้ ดิสก์ (Floppy Disk) เป็นแผ่นพลาสติก วงกลมปัจจุบันมีขนาด 3.5 นิ้ว (วัดจากเส้นผ่า ศูนย์กลางของวงกลม) สามารถอ่านได้ด้วยดิสก์ไดร์ฟ มีความจุ 1.44 MB มีแถบป้องกันการบันทึก (Write- protection) ผู้ใช้สามารถเปิดแถบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ มีการบันทึกข้อมูลอื่นทับไปหรือลบข้อมูลทิ้ง ปัจจุบันไม่ นิยมใช้งานแล้ว ฟล็อปปี้ ดิสก์กลายเป็นรูปสัญลักษณ์ (Icon) ที่ใช้สื่อถึงการบันทึกข้อมูลในโปรแกรม ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) ทำมากจากแผ่น โลหะแข็ง ฮาร์ดดิสก์มีหลักการทำงานคล้ายกับ ฟล็อปปี้ ดิสก์ แต่ฮาร์ดดิสก์ทำมาจากแผ่นโลหะ แข็ง ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากและทำงาน ได้รวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะถูกยึดติดอยู่ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ก็มีบางรุ่นที่เป็น แบบเคลื่อนย้ายได้ (Removable disk) เก็บข้อมูลได้ถึงหน่วย TB ฮาร์ดดิสก์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน จะประกอบด้วย จานแม่เหล็กหลายๆแผ่น และสามารถบันทึก ข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ ทุกแทรก (Track) และเซกเตอร์ (Sector) ที่มี ตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียก ว่า ไซลินเดอร์ (Cylinder)
โซลิดสเตตไดร์ฟ (Solid State Drive หรือ SSD) เป็นชิปวงจรรวมที่ ประกอบเป็นหน่วยความจำ เก็บข้อมูลซึ่งถูกสร้างมาเพื่อทดแทนการใช้งาน จานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสก์แบบเดิม ชิปวงจรรวมนี้ส่งผลให้ความเสียหายจาก แรงกระแทกของโซลิดสเตตนั้นน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ ไม่ใช้วิธีการอ่านข้อมูล ด้วยวิธีหมุนจานแม่เหล็ก ทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้กินไฟน้อยกว่าเดิม เวลาในการ เข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้น ขนาดที่เล็ก และเบาลงกว่าฮาร์ดดิสก์ทำให้ในถูกนำไปเป็น ชิ้นส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา สมาร์ทโฟน แท๊บแล็ต เป็นต้น ซีดี-รอม ( CD-ROM หรือ Compact Disk Read Only Memory) แผ่นซีดีรอมจะมีลักษณะคล้ายซีดีเพลง สามารถเก็บข้อมูลได้สูงถึง 700 เมกะไบต์ การใช้งานแผ่นซีดีรอมต้องใช้ร่วมกับซีดีรอมไดร์ฟ (CD-ROM Drive) ซึ่งจะมีหลายชนิดขึ้นกับความเร็วในการทำงาน ซีดีรอมไดร์ฟรุ่นแรก สุดนั้นมีความเร็วในอ่านข้อมูลที่ 150 กิโลไบต์ต่อวินาที เรียกว่ามีความเร็ว 1 เท่าหรือ 1X รุ่นหลังๆจะอ้างอิงความเร็วในการอ่านข้อมูลจากรุ่นแรก เช่น ความเร็ว 2 เท่า (2X)5 ความเร็ว 4 เท่า (4x) เป็นต้น ปัจจุบันนี้ซีดีรอมไดร์ฟ ที่จะมีความเร็วตั้งแต่สิบเท่าขึ้นไป ซีดี-รอม ( CD-ROM หรือ Compact Disk Read Only Memory)
ดีวีดี (DVD หรือ Digital Versatile Disk) แผ่นดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่ 4.7 จิกะไบต์ ดีวีดีจะสามารถมีความจุได้ตั้งแต่ 4.7 GB ถึง 17 GB และมีความเร็วในการเข้า ถึง (Accesstime) อยู่ที่ 600 กิโลไบต์ ต่อวินาที ถึง 1.3 เมกะไบต์ต่อวินาที สามารถ อ่านแผ่นซีดีรอมแบบเก่าได้ด้วย ดีวีดี (DVD หรือ Digital Versatile Disk) เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) หลัก เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) การทำงานคล้ายเทปบันทึกเสียง การอ่านข้อมูลแบบลำดับ (Sequential access) ทำให้อ่านข้อมูลได้ช้า นิยมนำเทปแม่เหล็กมาสำรองข้อมูลเท่านั้น ใช้ กับข้อมูลที่สำคัญและไม่ถูกเรียกใช้บ่อยๆอ่าน และลบกี่ครั้งก็ได้ ราคาต่ำ ี รีมูฟเอเบิลไดร์ฟ (Removable Drive) เป็น อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่สามารถพกพาไปไหนได้โดยต่อ เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย Port USB ปัจจุบัน ความจุมี ตั้งแต่ 4,16,32,64,128,256 กิกะไบต์ และขยายจนถึง 1 เทอราไบต์ ยังมีไดร์ฟ ลักษณะ เดียวกันเรียกในชื่ออื่นๆ เช่น Pen Drive,Thump Drive,Flash Drive, Handy Drive เป็นต้น รีมูฟเอเบิลไดร์ฟ (Removable Drive)
ซิบไดร์ฟ (Zip Drive) เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่หวังจะมาแทนแผ่นฟล็อปปี้ ดิสก์ มีขนาดความจุ 100 เมกะไบต์ ซึ่งการใช้งานซิปไดร์ฟจะต้องใช้งานกับซิปดิสก์ (Zip Disk) ความสามารถในการเก็บข้อมูลของซิปดิสก์จะเก็บข้อมูลได้มากกว่า ฟล็อปปี้ ดิสก์ ซิปไดร์ฟ (Zip Drive) การ์ดเมมโมรี (Memory Card) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็ก พัฒนาขึ้น เพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์เทคโนโลยีแบบต่างๆ เช่น กล้องดิจิทัล คอมพิวเตอร์มือถือ (Personal Data Assistant - PDA) โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น การ์ดเมมโมรี (Memory Card)
4 หน่วยแสดงผล (Output Unit) แบ่งเป็น 2 ประเภท 1) อุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลลัพธ์ชั่วคราว หมายถึง อุปกรณ์ที่ให้ผลลัพธ์ แก่ผู้ใช้ในระยะเวลาหนึ่งไม่สามารถเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ เช่น จอภาพ เป็นต้น คอมพิวเตอร์จอภาพ (Monitor) ใช้แสดงข้อมูลหรือผลลัพธ์ให้ผู้ ใช้ เห็นได้ทันที มีรูปร่างคล้ายจอภาพของโทรทัศน์ บนจอภาพประกอบ ด้วยจุดจำนวนมากมาย เรียกจุดเหล่านั้นว่า พิกเซล (Pixel) ถ้ามีพิเซล จำนวนมากก็จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพบนจอได้ชัดเจนมากขึ้น จอภาพที่ ใช้ในปัจจุบันแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ - จอซีอาร์ที (Cathode Ray Tube) นิยม ใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ส่วนมากใน ปัจจุบัน ใช้หลักการยิงแสงผ่านหลอดภาพ คล้ายกับโทรทัศน์ จอซีอาร์ที (Cathode Ray Tube) จอแอลซีดี (Liquid Crystal Display) - จอแอลซีดี (Liquid Crystal Display) นิยมใช้เป็นจอภาพของเครื่อง คอมพิวเตอร์ แบบพกพาทำให้เป็นจอภาพที่มีความหนาไม่ มาก มีน้ำหนักเบาและกินไฟ น้อยกว่า จอภาพซีอาร์ที แต่มีราคาสูงกว่า
อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector) เป็น อุปกรณ์เสียง อุ ปกรณ์ที่ นิยมใช้ในการเรียน (Audio Output) การสอน หรือการประชุม เนื่ องจากสามารถนำ เสนอข้อมูลให้ผู้ชมจำนวนมากเห็นพร้อมๆกัน ใน คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ มัก ปัจจุบันจะมีอยู่หลายแบบ ทั้งที่สามารถต่อ จะมีหน่วยแสดงเสียง ซึ่ง สัญญาณจากคอมพิวเตอร์โดยตรง หรือใช้ ประกอบขึ้นจากลำโพง อุ ปกรณ์พิเศษในการวางลงบนเครื่ องฉายภาพ (Speaker) และการ์ด ข้ามศีรษะ (Overhead Projector) ธรรมดา เสียง (Sound card) เหมือนกั บอุ ปกรณ์นั้นเป็นแผ่นใส่แผ่นหนึ่ ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถฟัง เพลงในขณะทำงาน หรือ อุปกรณ์ฉายภาพ (projector) ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ รายงานเป็นเสียงให้ ทราบ เมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ อุปกรณ์เสียง (Audio output)
2) อุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์แบบถาวร หมายถึง อุปกรณ์ที่ให้ผลลัพธ์ที่สามารถเก็บไว้ เป็นหลักฐานได้ต่อๆไปในอนาคต เช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ ในการแปลงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปของ อักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดงผลที่นิยมใช้ อย่างแพร่หลายมากที่สุด เครื่องพิมพ์แบบกระทบ (Impact Printer) เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink Jet Printer) เครื่องพิมพ์แบบกระทบ (Impact เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink Jet Printer) เครื่องพิมพ์แบบกระทบมีหลาย Printer) เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก โดย ลักษณะ เป็นเครื่องพิมพ์ที่อาศัยการกดหัว หัวพิมพ์ซึ่งเป็นตลับหมึกของเครื่องพิมพ์ พิมพ์กับแถบผ้าหมึก เพื่อให้เกิดตัวอักษร จะมีรูเล็กๆไว้พ่นหมึกลงบนกระดาษใช้ ได้แก่ เครื่องพิมพ์แบบเรียงจุด (Dot หลักการพ่นหมึกลงในตำแหน่งที่ต้องการ Matrix Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ได้รับ โดยการควบคุมด้วยไฟฟ้าสถิตย์จาก ความนิยม คอมพิวเตอร์ทำให้ไม่เกิดเสียงดังในขณะ ใช้งาน และยังสามารถพ่นหมึกเป็นสีต่างๆ เป็นเครื่องพิมพ์สีได้อีกด้วย
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) ใช้หลักการเปลี่ยนตัวอักษร และภาพให้เป็นสัญญาณภาพ ที่มีความ ละเอียดตั้งแต่ 200 จุดถึง 1,200 จุด ต่อนิ้ว จากนั้นใช้แสงเลเซอร์วาดภาพที่ จะพิมพ์ลงบนกระบอกรับภาพ การทำงานคล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) พล็อตเตอร์ (Plotter) Plotter เป็นอุปกรณ์แสดงข้อมูลที่มักจะใช้กับ งาน ออกแบบ (CAD) โดยจะแปลง สัญญาณข้อมูลเป็นเส้นตรง หรือเส้น โค้ง ก่อนพิมพ์ลงบนกระดาษ ทำให้แสดงผลเป็นกราฟแผนที่ แผนภาพต่างๆ ได้โดยตัวพล็อตเตอร์ พล็อตเตอร์ (Plotter)
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: