Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore potho32010

Description: potho32010

Search

Read the Text Version

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๔๒ ๔. วเิ ศษณร์ าชาศพั ท์ คําวิเศษณ์ประกอบกริยาที่ต้องเปล่ียนแปลงตามหลักราชาศัพท์ คือคําบอกรับ (หรอื คําขานรบั ) ผู้พูด ราชาศัพท์ ผฟู้ ัง ชาย พระพทุ ธเจา้ ข้า ขอรับใสเ่ กลา้ ใส่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั กระหมอ่ ม หญงิ เพคะ ใสเ่ กลา้ ใสก่ ระหม่อม ชาย พระพทุ ธเจ้าข้า เจา้ นายชัน้ สงู หญงิ เพคะ กระหมอ่ ม ชาย ขอรบั กระหม่อม เจ้านายชนั้ รอง หญงิ เพคะกระหมอ่ ม ชาย ขอรบั กระผม, ขอรบั ผคู้ วรเคารพ หญิง เจา้ ข้า ค่ะ พระสงฆ์ ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว เจรญิ พร สภุ าพชน กล่าวโดยสรุป คาํ สุภาพ หมายถึง ราชาศัพท์ท่ีใช้สําหรับสุภาพชนและชนชั้นทั่วไป อันเป็นคํา สามญั ที่เปล่ยี นแปลงใหส้ ุภาพขน้ึ เชน่ ไม่เปน็ คําหยาบคาย ไม่เปน็ คาํ ผวน ไม่เปน็ คําห้วนหรือกระด้าง ไม่เป็นคําเปรียบเทียบกับของหยาบคาย ไม่เป็นคําอุทานท่ีแสดงความไม่เคารพอันสุภาพ ไม่พูดภาษาไทย ปนกับคําต่างประเทศ ศัพท์แสลงต่าง ๆ ส่วนคําราชาศัพท์น้ันเป็นคําที่ใช้สําหรับพระมหากษัตริย์หรือ คนสามัญใช้กับพระมหากษัตริย์ ต่อมาคําราชาศัพท์มีความหมายกว้างออกไปถึงการใช้ถ้อยคําให้ ถูกต้องเก่ียวกับ ยศ ฐานะ ของบุคคลนี้นับรองจากพระมหากษัตริย์ลงมา คือ เจ้านาย ตลอดจน ขา้ ราชการบรรดาศักด์ิ คําราชาศัพท์มี ๔ ชนิด คือ คํานาม คําสรรพนาม คํากริยา และคาํ วเิ ศษณ์

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๔๓ เรือ่ งท่ี ๒ คาํ และสํานวน ๑. การใช้คํา ความหมายของคาํ คํา หมายถึง การประสมเสียงพยัญชนะ เสียงสระและสียงวรรณยุกต์ ท่ีเรียกว่า “พยางค์” อาจมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ แต่ถ้าพยางค์ท่ีมีความหมายจะเรียกว่า “คํา” ดังน้ี คําว่า “พอ่ ” เป็นคาํ ที่มี ๑ พยางค์ คาํ วา่ “มะม่วง” เปน็ คาํ ทีม่ ี ๒ พยางค์ เป็นต้น คําในภาษาไทย คาํ ในภาษาไทย จาํ แนกตามลกั ษณะเด่นทสี่ าํ คัญได้ ๙ ประการ คอื ๑. ภาษาไทยมีเสียงสรรณยุกต์สูงต่ํา เพ่ือบอกความหมายของคํา เพราะความหมายของคํา จะเปลย่ี นไปตามเสียงวรรณยุกต์ เช่น คลอง-คล่อง-คล้อง ปา-ปา่ -ป้า-ปา๊ -ป๋า ๒. ภาษาไทยมีตัวสะกด ๘ มาตรา คือ แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กง แม่กน แม่กม แม่เกย แม่ เกอว ที่ใชส้ ะกดคาํ ต่าง ๆ เช่น ปาก บาด กราบ วาง จาน กลม เลย เรว็ ๓. ภาษาไทยอาศัยการเรียงคําเพ่ือบอกความหมายและหน้าท่ีของคํา เช่น ขันตักน้ํา ไก่ขัน เสนาะไพเราะยามเช้า สมชายพูดจาน่าขบขัน คําว่า “ขัน” คําเดียวเป็นคํานาม หมายถึง ภาชนะตักน้ํา ขันเป็นกรยิ าหมายถึงเสียงร้องของไก่ ๔. ภาษาไทยเป็นคําพยางค์เดียว ซึ่งอยู่ในตระกูลภาษาคําโดด สามารถนําคําที่ต้องการเขียน ไปใช้แต่งประโยคได้เลย โดยไมต่ อ้ งมกี ารเปล่ยี นแปลงรูปแบบคํากอ่ น เช่น เขาไปโรงเรยี นวนั น้ี เขาไปโรงเรยี นเมอื่ วานน้ี เขาจะไปโรงเรยี นพรุ่งน้ี ๕. เสียงสระในภาษาไทยมีความสัมพันธ์กับความหมายเสียงสระในภาษาไทยจะให้ความรู้สึก ต่าง ๆ กนั เช่น สระเอ มีความหมายว่า ไม่ตรง ควายเขาเก คนตาเข เดนิ โซเซ เป็นต้น ๖. การใช้คําลักษณะนามเพื่อบอกรูปร่าง ลักษณะ คํานามทุกคนและต้องมีลักษณะนาม เช่น เช้า ๓ เชอื ก ,แม่น้ํา ๒ สาย ,พระสงฆ์ ๓ รปู , ดนิ สอ ๑ แทง่ เปน็ ต้น ๗. การเว้นวรรคตอนหรือจังหวะของคํา ภาษาไทยจะให้ความสําคัญกับการเว้นวรรค ตอนมาก เพราะถา้ การเว้นวรรคผดิ จะทําให้ตคี วามต่างกนั ออกไป เช่น ราคาขา้ วตกลง เกวยี นละ ๕๐๐ บาท ราคาข้าวตก ลงเกวียนละ ๕๐๐ บาท

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๔๔ ๘. การหลากคําในภาษาไทย หมายถึง คําบางคําอาจจะมีความหมายหลักเหมือนกัน แต่ความหมายรองจะต่างกันออกไป เช่น ตัด หมายถึง ทําให้หลุดหรือขาดออกจากกัน นอกจากน้ี ยังมีคําในภาษาไทยคําอ่ืน ๆ อีกที่มีความหมายคล้าย ๆ กัน แต่มีลักษณะปลีกย่อยต่างกัน เช่น ห่ัน แล่ เชือด เฉอื น สับ ซอย เป็นตน้ ๙. การใช้คําราชาศัพท์และคําสุภาพ จัดเป็นเอกลักษณ์ทางภาษาท่ีแสดงให้เห็นว่า คนไทยมี ความละเอียดอ่อนต่อการใช้ภาษา เนื่องจากต้องเลือกสรรคําเพื่อใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลที่จะ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารดว้ ย ซง่ึ รายละเอยี ดของการใชค้ าํ ราชาศพั ทแ์ ละคําสภุ าพในบทท่ี ๓ เรือ่ งท่ี ๑ ๒. สํานวน ความหมายของสาํ นวน คําสํานวน หมายถึง ถ้อยคําหรือข้อความที่มีความหมายไม่ตรงตามตัว หรือมีความหมายอื่น แฝงอยู่ เชน่ สอนจระเขใ้ ห้ว่ายน้าํ รําไมด่ โี ทษปโี่ ทษกลอง เปน็ ต้น ลักษณะขอสาํ นวนไทย ๑. มีความหมายลึกซ้ึง ใช้แทนคําพูดธรรมดาได้อย่างคมคาย เช่น คว้านํ้าเหลว = ไม่ได้ผล ตามที่ตอ้ งการ ๒. มีความหมายไม่ตรงไปตรงมา พูดอย่างหนึ่งมีความหมายอีกอย่างหน่ึง เป็นลักษณะของ การเปรียบเปรย เช่น เขียนเสือให้วัวกลัว = ทําอย่างใด อย่างหนึ่งให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือ เกรงขาม ๓. มีลักษณะสัมผัสคล้องจอง เช่น น้ํามาปลากินมด น้ําลดมดกินปลา , คดในข้อ งอใน กระดูก , ขายผา้ เอาหนา้ รอด ตวั อย่างสาํ นวนไทย สํานวน ความหมาย กระดไี่ ด้นํ้า คนที่แสดงอาการดีใจต้ืนเตน้ จนตวั ส่นั กําแพงมีหูประตมู ีช่อง พูดหรอื ทาํ อะไรท่ตี ้องระมัดระวังแมเ้ ป็นความลบั ก็ อาจมีคนรู้ กนิ ตามนํ้า รับของสมนาคุณทเ่ี ขาเอามาให้โดยไม่ได้เรยี กรอ้ ง ขนมผสมน้าํ ยา พอดีกันจะว่าข้างไหนดกี ว่ากันไมไ่ ด้ ขา้ วแดงแกงร้อน บุญคุณ คมในฝกั มคี วามรู้ความสามารถ แต่เมอ่ื ยงั ไมถ่ งึ เวลากไ็ ม่ แสดงออกมา จบั เสือมอื เปลา่ แสวงหาผลประโยชนโ์ ดยตัวเองไม่ต้องลงทุน ชา้ ๆ ไดพ้ รา้ สองเลม่ งาม คอ่ ย ๆ คดิ ค่อยๆ ทาํ แล้วจะสาํ เร็จผล

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๔๕ สํานวน ความหมาย ดนิ พอกหางหมู งานทค่ี ั่งคา้ งพอกพูน ขึน้ เรอื่ ย ๆ ตาํ ข้าวสารกรอกหมอ้ หาเพยี งแคพ่ อกินไปม้ือหนึ่งๆ ทาํ พอให้เสรจ็ ไปชว่ั คร้งั หนงึ่ ๆ ตื่นแตด่ กึ สกึ แต่หนุม่ เรง่ รดั ทําการงานใหเ้ หมาะสมแก่วัยและเวลา แทงใจดาํ พดู ตรงกับความในใจของผ้ฟู ัง นา้ํ ขนึ้ ใหร้ ีบตกั มีโอกาสดีควรรบี ทํา นาํ้ ซมึ บอ่ ทราย หาไดเ้ รื่อย ๆ ปิดทองหลังพระ ทาํ ความดแี ตไ่ มไ่ ด้รับการยกย่องเพราะไม่มีใครเหน็ คุณคา่ มาเหนือเมฆ มคี วามคิดชน้ั เชงิ เหนอื กว่าผู้อนื่ มาหรอื ปรากฏขึน้ โดยไมค่ าดหมาย ตัวอย่างสาํ นวนทม่ี ีการเปลยี่ นแปลงความหมาย สาํ นวน ความหมายเดมิ ความหมายปจั จบุ นั เปา่ ปี่ สบู ฝน่ิ รอ้ งไห้ ลงแขก บอกเพื่อนบา้ นมาชว่ ยกนั ทาํ งาน รุมกันข่มขนื กระทําชาํ เราหญงิ เข้าพุง แม่นยาํ จนไม่ตอ้ งอาศยั ตําราสอบ ลมื ความร้ทู ี่ไดเ้ ล่าเรยี นมาหมด ผดู้ ีแปดสาแหรก ผสู้ บื เชอ้ื สายมาจากผดู้ ที ัง้ ฝา่ ย คนท่กี รดี กรายเอาอย่างผ้ดู ี บิดา มารดา ดัดจรติ ดัดแปลงความประพฤตใิ ห้ดี แสร้งทาํ กิรยิ าหรอื วาจาให้เกนิ ควร แมวมอง กองทหารท่มี ีหนา้ ท่คี อยเหตุ ผู้มีหนา้ ทหี่ าผทู้ จี่ ะมาเป็นดารา กลา่ วโดยสรปุ “คํา” เปน็ การประสมเสยี งพยญั ชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ ที่เรียกว่า “พยางค”์ อาจมีหรือไม่มีความหมายก็ได้แต่ถ้าพยางค์ท่ีมีความหมายจะเรียกว่า “คํา” คําภาษาไทยมี ลักษณะเด่นหลายประการ เช่น ภาษาไทยมีเสียงวรรณยุกต์สูงต่ํา มีตัวสะกด ๘ มาตรา เป็นคําพยาค์ เดียว ซึ่งอยู่ในตระกูลคําโดด เป็นต้น ส่วนคําว่า “สํานวน” คือถ้อยคําหรือข้อความท่ีมีความหมายไม่ ตรงตามตวั หรือมีความหมายอน่ื แฝงอยู่ เช่น สอนจรเข้ให้วา่ ยนํา้ รําไม่ดีโทษปโี่ ทษกลอง เป็นตน้

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๔๖ เรอื่ งที่ ๓ ประโยคและชนดิ ของประโยค ประโยค หมายถึง ถ้อยคําหลายคําที่นํามาเรียงกันแล้วเกิดใจความสมบูรณ์ ประโยค ประกอบด้วย ภาคประธานและภาคแสดง ประโยคสามารถใช้ติดต่อส่ือสารกันได้ ทั้งทางภาษาพูด และภาษาเขียน ลกั ษณะของประโยค จาํ แนกตามโครงสร้างไดด้ ังต่อไปนี้ ๑. ประโยคความเดยี ว (เอกรรถประโยค) ประโยคความเดียว หมายถึง ประโยคที่กล่าวถึงสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว และส่ิงนั้น แสดงกิริยาอาการ หรือ อยู่ในสภาพอย่างใด อย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ประโยค ประกอบด้วยภาค ประธานและภาคแสดง เช่น ภาคประธาน ภาคแสดง ปลา วา่ ยน้ําไปหากิน สุนขั เหา่ ดัง โฮ่ง โฮ่ง รถ แลน่ ไปชา้ ๆ รูปประโยคความเดยี ว แบ่งได้เป็น ๔ แบบ ดังน้ี ๑.๑ ประโยคที่ขนึ้ ต้นดว้ ยผกู้ ระทํา เช่น - แม่ทาํ กับขา้ ว - น้าป้อนขนมน้อง ๑.๒ ประโยคท่ีขน้ึ ต้นดว้ ยผูถ้ ูกกระทํา เช่น - กระดาษถูกนกั เรียนตัด - ต้นไมถ้ กู ปลูกหลายตน้ ๑.๓ ประโยคท่ขี ึน้ ต้นด้วยกรยิ า เชน่ - เกดิ เหตกุ ารณ์จลาจลทตี่ า่ งประเทศ - มฝี นตกหนกั ที่สงขลา ๑.๔ ประโยคเชิงคําส่งั และขอรอ้ ง เชน่ - อยา่ เดินลัดสนาม (คาํ สง่ั ) - กรณุ าเดินชดิ ขอบถนน (ขอร้อง) นอกจากน้นั ยังมีการแบง่ รปู แบบของประโยคความเดียวตามลักษณะของการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ ประโยคบอกเล่า โดยมากประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม และ อาจมีส่วนขยายต่าง ๆ เพื่อใหม้ จี ติ ใจความชัดเจนยิ่งขน้ึ เช่น - สมใจกําลงั สอนหนังสอื นกั เรียน ม.ตน้ - ผมเดนิ ไปตลาดนดั คนเดียว

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๔๗ ประโยคปฏเิ สธ โดยมากมกั มีคาํ วา่ ไม่ มใิ ช่ หามไิ ด้ - เขาไม่ได้มาหาฉนั นานแลว้ - เธอมิได้อ่านคาํ แนะนํากอ่ นขับรถ ประโยคคําสั่งและขอร้อง โดยมากจะละประธานไวใ้ นฐานท่เี ข้าใจ มเี ฉพาะแต่ภาคแสดง เชน่ - โปรดฟงั ทางนี้ - ยกของขนึ้ เดียวน้ี ประโยคคําถาม โดยมากจะมีคาํ ถามกาํ กับอยู่ต้นหรือทา้ ยประโยค เช่น - หนเู ปน็ ลูกของใคร - มดชอบกินอะไร ๒ ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค) ประโยคความรวม หมายถึง ประโยคที่รวมประโยคความเดียว ตั้งแต่ ๒ ประโยคข้ึนไป โดยมี คําสัญธาน เชน่ และ แต่ หรือ ก็ เป็นตวั เชอ่ื ม ประโยคความรวม มี ๔ ชนดิ คอื ๒.๑ ประโยคความรวมแบบคลอ้ ยตาม คือประโยคท่ีมีเน้ือความคล้อยตามกนั เช่น - พนักงานดับไฟสงบแลว้ จงึ เข้าไปตรวจในพืน้ ที่ - คร้ันสอบไดค้ ะแนนไมด่ ีแลว้ เขาจงึ ต้งั ใจเรียน ๒.๒ ประโยคความรวมแบบขัดแยง้ คือ ประโยคท่มี เี นื้อความขัดแย้งกนั เช่น - กว่าเขาจะสาํ นึกไดก้ ส็ ายไปเสยี แล้ว - เธอเปน็ คนปากหวานแตก่ ็ไมจ่ รงิ ใจ ๒.๓ ประโยคความรวมแบบเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ประโยคท่ีมีเนื้อความให้เลือก อย่างใดอย่างหนง่ึ เช่น - ไม่เขากเ็ ธอตอ้ งออกไปพดู หนา้ หอ้ ง - คณุ ตอ้ งการดื่มชา หรอื กาแฟ ๓. ประโยคความซ้อน (สังกรประโยค) หมายถึง ประโยคที่มีใจความหลักประโยคหนึ่ง แล้วมปี ระโยคยอ่ ยอกี ประโยคหนง่ึ ซอ้ นอยู่ ซ่ึงประโยคย่อยน้ันอาจทําหน้าท่ีเป็นคํานามขยายนามหรือ สรรพนาม หรือขยายกรยิ าหรือวเิ ศษณ์ ประโยคความซอ้ น ๓ ชนิด ไดแ้ ก่ ๓.๑ นามานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทําหน้าท่ีแทนนาม ซ่ึงนามน้ัน อาจทําหน้าท่ีเป็น ประธาน กรรมหรือส่วนเตมิ เต็มในประโยคกไ็ ด้ เชน่ - คนเหน็ แกต่ วั เปน็ คนทีส่ งั คมรังเกยี จ - นกั ศึกษาทีส่ อบได้ที่ ๑ ให้ออกมารับรางวลั ๓.๒ คุณานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทําหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม โดยมี “ประพันธ์ สรรพนาม” ที่ ซึ่ง อนั ผู้ เปน็ ตวั เชอ่ื ม เชน่ - ฉันไดร้ ับรางวลั ที่ราคาไมแ่ พงแต่มากไปด้วยคณุ ค่าทางจติ ใจ - เธอเปน็ คนเหนือผูซ้ ่งึ อยากไปทาํ งานในภาคใต้

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๔๘ ๓.๓ วเิ ศษณานปุ ระโยค คอื ประโยคยอ่ ยทท่ี ําหน้าทีข่ ยายกรยิ าหรือวิเศษณ์ โดยมี เมอื่ เพื่อ เพราะ ตาม จน ตั้งแต่ เป็นตน้ เชื่อม เชน่ - เธอออกกาํ ลงั กายทุกวนั เพอ่ื ใหร้ า่ งกายแขง็ แรง - เธอวงิ่ เปน็ ลมเมื่อวงิ่ ถงึ เสน้ ชัย โครงสรา้ งประโยคชนดิ ภาคประธานและภาคแสดง โครงสร้างประโยคของภาษาไทยประกอบดว้ ยภาคประธานและภาคแสดง หากมีสว่ นขยาย สว่ นขยายมักอยู่หลงั คาํ ที่ถกู ขยาย ตวั อย่าง ภาคประธาน ภาคแสดง ประธาน ขยายประธาน กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกรยิ า สงิ โต - คําราม - - - ครู - สอน หนงั สือ - - วนั ดี เพ่อื นของผม ถูก สลากออมสิน - - แมว ข้างบา้ น เหยยี บ ผกั ทีผ่ มปลกู ไว้ - นักเรียน ห้องน้ี ทํา ข้อสอบ วชิ าภาษาไทย อยา่ งตั้งใจ ลงุ ของผม เล่น กฬี า - เก่ง อยา่ งไรกต็ าม แมป้ ระโยคในภาษาไทยสว่ นใหญจ่ ะมีโครงสร้างแบบประธาน กริยา กรรม แต่ รูปประโยคก็มิได้เรียงลําดบั ส่วนของประโยคเช่นนี้เสมอไป บางประโยคอาจนาํ กริยาหรอื กรรมมาไว้ ต้นประโยค หรอื บางประโยคอาจนํากรยิ ามาทาํ หน้าท่ีประธาน ดงั นั้น ประโยคในภาษาไทย จึงจําแนกออกได้ ๔ ประเภท ดังนี้ ๑. ประโยคประธาน ได้แก่ ประโยคท่ีมปี ระธานอยูต่ น้ ประโยค เช่น ชาวสวนปลกู ผัก ผูส้ อ่ื ขา่ วรายงานขา่ ว ๒. ประโยคกรยิ า ได้แก่ ประโยคทมี่ กี รยิ าอย่ตู ้นประโยค เช่น เกิดไฟไหมท้ ี่ศนู ยก์ ารค้า มีการทําร้ายรา่ งกายนกั ท่องเท่ยี วในโรงแรม ๓. ประโยคกรรม ไดแ้ ก่ ประโยคท่มี ีกรรมอย่ตู น้ ประโยค เชน่ ผ้รู ้ายถูกตํารวจจับ กวางถกู สงิ โตตะปบ ๔. ประโยคการิต ไดแ้ ก่ ประโยคท่มี ีผรู้ บั ใชแ้ ทรกเข้ามาในประโยค เชน่ หัวหนา้ ให้ลกู นอ้ งแก้ไขโครงการ พอ่ ใชล้ ําดวนไปซอื้ ผลไม้

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๔๙ แบบฝกึ หดั ทบทวนบทท่ี ๓ คาํ ชีแ้ จง จงเติมคาํ ลงในช่องว่างใหไ้ ดใ้ จความทส่ี มบูรณ์ ๑. คาํ สุภาพ หมายถงึ ………………………………………………………………………………………............... …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. ตัวอยา่ งคาํ สุภาพ เช่น............................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ๓. คําราชาศัพท์ หมายถึง.......................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ๔. คําในภาษาไทย มีลักษณะเดน่ ๙ ประการ คืออะไร ๔.๑......................................................................................................................................... ๔.๒......................................................................................................................................... ๔.๓........................................................................................................................................ ๔.๔......................................................................................................................................... ๔.๕......................................................................................................................................... ๔.๖......................................................................................................................................... ๔.๗......................................................................................................................................... ๔.๘......................................................................................................................................... ๔.๙......................................................................................................................................... ๕. ประโยคความเดยี ว คอื ............................................................................................................. ประโยคความรวม คอื ............................................................................................................... ประโยคความซ้อน คอื .............................................................................................................. ๖. ประโยคความเดียว ยกตัวอย่าง เช่น....................................................................................... ประโยคความรวม ยกตัวอย่าง เชน่ …………………………………………………………………………….. ประโยคความซอ้ น ยกตัวอยา่ ง เชน่ .......................................................................................

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๐ ทดสอบบทท่ี ๓ ลกั ษณะและการเลอื กใชค้ ํา คําชีแ้ จง จงเลอื กคาํ ตอบทถี่ กู ท่ีสดุ ๑. คาํ หยาบ “ไอน้ นั่ ไอ้น่”ี เปล่ยี นเป็นคําสุภาพ คือขอ้ ใด ก. นัน่ -น่ี ข. อยา่ งนี้-อยา่ งโน้น ค. สงิ่ น้ัน-สงิ่ นี้ ง. คณุ ทําอย่างไรดีครับ ๒. ขอ้ ใดเปน็ คาํ ผวน ก. พ่งุ บกั ข. ผกั บ่งุ ค. ผงึ่ แดด ง. อยา่ งไร ๓. ข้อใดใช้คําวา่ “พระบรม” ถกู ตอ้ ง ก. พระบรมรปู ถ่าย ข. พระบรมราโชวาท ค. พระบรมโองการ ง. พระบรมราชอถุ มั ภ์ ๔. ขอ้ ใดใชร้ าชาศัพท์ คําว่า “หลวง” ถูกตอ้ ง ก. มา้ หลวง ข. ของหลวง ค. เรือนหลวง ง. ช้างหลวงต้น ๕. ขอ้ ใดใช้ราชาศัพท์ “ทรง” ไม่ถูกต้อง ก. ทรงศลี ข. ทรงบาตร ค. ทรงบรรทม ง. ทรงม้า

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๕๑ ๖. ภาษาไทยมเี สยี งวรรณยุกต์ สูงตาํ่ เพอื่ อะไร ก. บอกคําทม่ี าจากภาษาอน่ื ข. บอกความหมายของคํา ค. บอกคาํ นาม คาํ กริยา ง. บอกเพศ บอกอายุ ๗. คําวา่ “ขัน” ท่ีคํากริยา คอื ข้อใด ก. ขนั ตกั นาํ้ ข. เขาพดู นา่ ขบขัน ค. เขาไปซ้อื ขนั ง. ไกข่ นั ยามเชา้ ไพเราะมาก ๘. จงเติมคาํ ในชอ่ งว่าง “ช้าง ๓ ................, แมน่ ้ํา ๒ ....................” ก. ตัว - เสน้ ข. เชอื ก – สาย ค. ตัว – ลาํ ง. คอก – เสน้ ๙. การรบั ของสมนาคุณท่ีเขาเอามาให้โดยไมไ่ ด้เรยี กรอ้ งตรงกับสาํ นวนไทย คอื ขอ้ ใด ก. กนิ ตามน้ํา ข. ขนมผสมนาํ้ ยา ค. คมในฝกั ง. จบั เสือมือเปล่า ๑๐. ประโยคเชิงคําส่ัง คือข้อใด ก. ไปหลายวนั ไหม ข. ใหข้ นมกนิ ทกุ วนั ค. อย่าเดินลดั สนาม ง. กรุณาเดินชิดขอบถนน

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๒ บทที่ ๔ สาํ นวน คาํ พังเพย และสภุ าษิต สาระสําคญั การใช้สํานวน คําพังเพยและสุภาษิต คําเหล่านี้ใช้ปนกันจนแยกออกลําบาก ภาษาไทยเป็น ภาษาที่มีความไพเราะเพราะพร้ิงและมีโวหารเป็นถ้อยคําสั้น ๆ กะทัดรัด การใช้ศัพท์บัญญัติก็เป็นคํา เฉพาะวิชาที่ผู้คิดค้นขึ้น เพ่ือใช้สื่อความหมายในวงการอาชีพ นอกจากน้ัน คําศัพท์เฉพาะกลุ่มและใน วงการตา่ ง ๆ การใชภ้ าษาในการแสวงหาความรู้ เช่น พจนานกุ รม-สารานกุ รมด้วย ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง ๑. สามารถอธิบายและใชส้ าํ นวน คาํ พังเพยและสภุ าษติ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม ๒. อธบิ ายไดเ้ ก่ียวกับคาํ ศพั ท์บัญญัติ ศพั ทเ์ ฉพาะกลุม่ วงการตา่ ง ๆ และการใชพ้ จนานกุ รมได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา เรอ่ื งท่ี ๑ การใช้สํานวน คาํ พังเพยและสุภาษิต เรื่องท่ี ๒ คาํ ศพั ท์บญั ญตั ิ เร่ืองที่ ๓ คําศพั ท์เฉพาะกลมุ่ เรือ่ งท่ี ๔ คาํ ศพั ท์ในวงการตา่ ง ๆ เรือ่ งที่ ๕ การใช้พจนานกุ รม เรือ่ งที่ ๖ การใชส้ ารานกุ รม

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๓ เรือ่ งที่ ๑ การใชส้ าํ นวน คําพังเพย และสุภาษติ คําว่า “สํานวนไทย” มีความหมายคลุมไปถึงภาษิต สุภาษิต คําพังเพย รวมท้ังคํากล่าวเป็น โวหาร คําคม คําขวัญ และคติพจน์ด้วย เพราะคําต่าง ๆ เหล่านี้ใช้ปนกันไปจนแยกออกลําบากว่า อะไรเป็นอะไร เป็นคําประเภทใด ดังราชบัณฑิตยสถานว่า “ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีความไพเราะ เพราะพร้ิงและมีสํานวนโวหารในแบบต่าง ๆ มากมาย รวมท้ังสุภาษิตและคําพังเพยที่มีลักษณะเป็น ถ้อยคําสั้น ๆ กะทัดรัด.......” เพ่ือให้เห็นความแตกต่างของคําประเภทต่าง ๆ ในข่ายของสํานวนไทย คาํ พังเพยและสุภาษิต ดังนี้ ความหมายของสาํ นวน สํานวน หมายถึง ความหมายพิเศษไม่ตรงตามอักษร อาจใช้เสียงสัมผัสกันเพ่ือให้เกิดความ คลอ้ งจอง ทําให้จดจํางา่ ย รวมทัง้ กอ่ ใหเ้ กิดมโนภาพคล้อยตาม เชน่ ขม่ เขาโคขืน ให้กลืนหญา้ คอทั่ง สนั หลังเหล็ก มดแดงแฝงพวงมะม่วง การใชส้ ํานวน สํานวนไทย หมายถงึ คาํ พูดท่มี ลี ักษณะคล้องจอง มีการเปรียบเทียบ และมีความหมายลึกซ้ึง กินใจ สํานวนไทยมีที่มาจากแหล่งต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ๑. สํานวนที่มาจากศาสนา เช่น ผ้าเหลืองร้อน (ไม่สามารถอยู่ในเพศบรรพชิตได้) กรวดน้ําควํ่าขัน (ตดั ขาดความสมั พันธ์) ปิดทองหลงั พระ(ทาํ ดีไม่ให้ใครเห็น) ๒. สํานวนที่มาจากวัฒนธรรมและประเพณี ความเชื่อและค่านิยม เช่น เข้าตาม ตรอกออกตามประตู (การคบหาสมาคมของหนุ่มสาวควรอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่) ขนทรายเข้าวัด (ทาํ ประโยชนใ์ ห้แก่ส่วนรวม) ๓. สํานวนที่มาจากวิถีทางการดําเนินชีวิต เช่น ข้าวแดงแกงร้อน (บุญคุณท่ีเคยเล้ียงดู) ลงเรอื ลาํ เดียวกัน(เมือ่ ไปด้วยกันกต็ อ้ งไปด้วยกัน) ๔. สํานวนที่มาจากสัตว์ เช่น เสือซ่อนเล็บ(ไม่แสดงความเก่งกล้าให้ปรากฏ) วัวแก่ กนิ หญ้าออ่ น (ชายมีอายแุ ตร่ กั เดก็ สาวรนุ่ ) ๕. สํานวนทมี่ าจากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ เชน่ นํา้ ซึมบอ่ ทราย (ทรัพย์สินถึงแม้ จะมีน้อยแต่สามารถกินและใช้ได้ไม่มีวันหมด) ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (พ่อแม่มีนิสัยอย่างไร ลูกก็มีนิสัย อยา่ งน้ัน)

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๔ . ๖. สํานวนที่มาจากวรรณคดีและการละเล่นในท้องถิ่น เช่น ปากพระร่วง (วาจาศกั ด์ิสทิ ธิ์ มาจากพระรว่ งสาปทหารขอมทดี่ าํ ดินมาทํารา้ ยพระองค์) การใช้สํานวนไทยทพ่ี บในปจั จบุ ัน การใช้สาํ นวนไทยในปจั จุบนั แบง่ ออกเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ ๆ ได้ ดงั น้ี ๑. สาํ นวนท่ใี ช้เกย่ี วขอ้ งกับร่างกายและจิตใจ จบั เขา่ คุยกัน พูดคยุ อยา่ งสนิทสนม จงู จมกู ถูกใชช้ ักจูงหรอื สง่ั ใหก้ ระทําอะไรกต็ ามเขา โดยไม่มขี ้อโตแ้ ย้ง ลนิ้ ทอง พดู จาน่าฟัง, พดู เก่ง ๒. สาํ นวนทใ่ี หค้ ติ / ข้อคดิ และคําสอนใจตา่ ง ๆ กระโถนท้องพระโรง ผู้ทใ่ี ครกใ็ ช้ได้, คนทีร่ องรบั อารมณ์ความรู้สกึ ของคนอ่นื เก็บเบยี้ ใตถ้ ุนรา้ น เก็บทลี ะเล็กทลี ะน้อยจากทรัพย์สินทีต่ นมอี ยเู่ ดมิ ขนทรายเขา้ วดั หาประโยชน์ใหก้ บั ส่วนรวมหรือสังคม คําพงั เพย คาํ พังเพยเปน็ ถอ้ ยคาํ ทก่ี ลา่ วแสดงความเป็นจรงิ ความคดิ เห็นหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์ หนึ่งไว้เป็นกลาง ๆ เพื่อนําไปใช้ประกอบการพูดให้ได้ความดียิ่งข้ึน คําพังเพยส่วนมากจะเป็นข้อคิด และมีความหมายลกึ ซ้ึง คําพงั เพย หมายถงึ ถอ้ ยคาํ หรือข้อความท่ีกลา่ วเปน็ กลาง ๆ เพอื่ ใหต้ ีความเข้ากบั เรือ่ ง ตวั อย่างคาํ พังเพย ขช่ี า้ งจบั ต๊กั แตน ตํานา้ํ พริกละลายแม่น้ํา กลิ้งครกขนึ้ ภูเขา กินปนู รอ้ นทอ้ ง ความร้ทู ว่ มหวั เอาตวั ไมร่ อด ช้างตายทั้งตวั เอาใบบัวมาปดิ ไม่มดิ นายวา่ ข้ขี า้ พลอย ปลกู เรือนตามใจผอู้ ยู่

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๕ สภุ าษติ สุภาษิต หมายถึง คํากล่าวที่ดีหรือคําพูดท่ีเป็นคติ เป็นถ้อยคําท่ีแสดงหลักความจริง มุ่งแนะนาํ สัง่ สอนหรอื เตอื นสติให้คิด อาจใชค้ าํ ท่มี เี สยี งสัมผัสกัน เพอื่ ใหเ้ กิดความคลอ้ งจองกนั เช่น รักยาวใหบ้ ัน่ รกั สน้ั ให้ทอน ไมต้ ่างปล้อง พ่นี อ้ งตา่ งใจ นํา้ ขุ่นอย่ใู น นํ้าใสอยู่นอก เป็นตน้ ลักษณะของสภุ าษิต มดี งั นี้ ๑. เป็นคํากล่าวทด่ี ี เช่น คบคนให้ดูหน้า ซือ้ ผ้าให้ดเู น้อื น้ําพ่ึงเรือ เสือพง่ึ ป่า เปน็ ต้น ๒. มีคตสิ อนใจ เช่น เดินตามผ้ใู หญ่หมาไมก่ ดั ดูชา้ งใหด้ ูหาง ดูนางใหด้ แู ม่ ๓. ใหห้ ลกั ความจรงิ เช่น ท่ใี ดมีรกั ทน่ี ั่นมีทกุ ข์ กงกํา กงเกวียน เปน็ ต้น

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๖ เรอ่ื งที่ ๒ คําศัพท์บัญญัติ ศัพท์บัญญัติ หมายถึง คําเฉพาะวงการ หรือคําเฉพาะวิชาท่ีผู้คิดข้ึนเพื่อใช้ส่ือความหมายใน วงการอาชีพ หรือในวิชาการแขนงใดแขนงหนึ่งโดยเฉพาะ ท้ังน้ีเพราะการศึกษาของไทยได้ขยายตัว อย่างกว้างขวางมากขึ้น เป็นยุคของโลกาภิวัฒน์ มีการติดต่อขยายตัวท่ัวโลก เราต้องรู้ศัพท์ของ ประเทศน้นั ๆ โดยเฉพาะคาํ ศัพท์ภาษาอังกฤษ ใน พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้มีการตั้งคณะกรรมการบัญญัติศัพท์ภาษาไทยข้ึนเพื่อพิจารณา บัญญัติศัพท์แล้วเสนอให้คณะอนุกรรมการของวรรณคดีสมาคมพิจารณาเห็นชอบก่อนที่จะเสนอให้ คณะรฐั มนตรีประกาศใช้อยา่ งเปน็ ทางการ คณะกรรมการได้พิจารณาบัญญัติศัพท์ภาษาไทย ศัพท์วิทยาศาสตร์ ศัพท์แพทย์ ศัพท์สถิติ ศัพท์คณิตศาสตร์ และนํามาใช้ภายใน ๓ ปี และต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๘ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ ราชบณั ฑติ ยสถานเปน็ ผ้พู ิจารณาศัพท์บญั ญตั แิ ทนวรรณคดสี โมสร แนวทางการบญั ญตั ิศพั ท์ มดี งั นี้ ๑ การบัญญตั ิศัพท์จะตอ้ งพิจารณาความหมายของศัพท์เดมิ ให้ชัดแจง้ ๒. ศัพท์บัญญติจะต้องเป็นศัพท์ท่ีคนไทยฟังแล้วเกิดความเข้าใจถูกต้อง หรือใกล้ความหมาย เดิมโดยให้คาํ จํากัดความหรอื คําอธิบายไวด้ ว้ ย ๓. ศพั ท์บญั ญตั คิ วรใช้คําไทยกอ่ น เมอื่ หาไมไ่ ดจ้ ึงหาคาํ ท่ีมาจากภาษาอื่น เช่น บาลี สันสกฤต เขมร ฯลฯ และตอ้ งเป็นรูปศพั ทท์ ก่ี ะทัดรัด เขียนและอ่านไดส้ ะดวก ๔. ศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีศัพท์เดียว แต่มีความหมายหลายอย่าง อาจบัญญัติศัพท์ไทยคําให้ ตรงความหมายแต่ละอย่าง ๕. ตอ้ งพยายามยึดหลกั ภาษาศาสตร์เปน็ หลักในการบญั ญัตศิ ัพท์ ศัพท์บัญญัติท่ีใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นศัพท์ที่ใช้ในวงการต่าง ๆ เช่น ทางการศึกษา ปรัชญา แพทย์ สังคม วิทยาศาสตร์ สถิติ อุตสาหกรรม และสาขาวิชาอืน่ ๆ ตัวอย่าง ศัพทบ์ ัญญัติ มดี ังนี้ ๑. ศัพท์บญั ญัติทางการแพทย์ anatomy กายวิภาคศาสตร์ tranchoma รดิ สดี วง phamascist เภสชั กร senile ชราภาพ pharmacy เภสชั กรรม midwife นางผดุงครรภ์ senility ชราภาพ physician อายรุ แพทย์

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๕๗ ๒. ศพั ทบ์ ัญญตั ิทางปรชั ญา logic ตรรกศาสตร์ natural ธรรมชาติ animalism สัตว์นยิ ม intellect พทุ ธปิ ญั ญา humanism มนษุ ยนยิ ม liberalism เสรีนิยม morality ศลี ธรรม ๓. ศพั ทบ์ ญั ญัตทิ างสงั คมศาสตร์ custom ธรรมเนียม, ประเพณี fashion สมยั นยิ ม freedom เสรีภาพ tradition ประเพณีนิยม guorum องค์ประชมุ policy นโยบาย culture วฒั นธรรม revolution ปฏิวัติ reform ปฏริ ูป constitution รัฐธรรมนญู democracy ประชาธิปไตย ๔. ศัพทบ์ ญั ญัติทางวทิ ยาศาสตร์ energy พลงั งาน vacuum สูญญากาศ analyse วิเคราะห์ motor เครอ่ื งยนต์ basic มูลฐาน structure โครงสรา้ ง entomology กฏี วิทยา solution สารละลาย electric ไฟฟ้า ๕. ศพั ท์บัญญตั ทิ างคณิตศาสตรส์ ถติ ิ applied ประยกุ ต์ equation สมการ factor ตัวประกอบ ratic อตั ราสว่ น area พื้นท่ี assume สมมุติ balance ดุล, ส่วนดลุ bank ธนาคาร base ฐาน business ธรุ กจิ case กรณี chart แผนภูมิ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๕๘ ๖. ศัพทบ์ ัญญตั ิทางจิตวทิ ยา situation สถานการณ์ progress ความก้าวหนา้ achieve สัมฤทธ์ิ nature ธรรมชาติ capability สมรรถภาพ aim ความมงุ่ หมาย ๗. ศพั ทบ์ ัญญตั อิ ื่น ๆ ศัพทบ์ ัญญตั ิ ขีปนาวุธ คาํ เดิม บทความ missile บทคดั ยอ่ article เค้าโครง abstract ประสทิ ธิผล outline พจนานุกรม effect เชงิ อรรถ dictionary footnote ภาษาศาสตร์ linguistics มลพษิ pollution park วนอทุ ยาน campus วิทยาเขต thesis วทิ ยานพิ นธ์ กล่าวโดยสรุป ศัพท์บัญญัติ เป็นคําศัพท์เฉพาะวงการหรือคําเฉพาะวิชาท่ีผู้คิดข้ึนเพ่ือใช้สื่อ ความหมายในวงอาชพี หรือวืฃชิ าการแขนงใดแขนงหนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งนี้ก็เฉพาะการศึกษาของไทยได้ ขยายตัวอย่างกว้างขวางมากข้ึน ตัวอย่างการบัญญัติในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น ศัพท์บัญญัติทางปรัชญา สังคมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และสถติ ิ จิตวิทยา และศพั ท์บญั ญตั อิ ่นื ๆ เป็นตน้

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๕๙ เรอ่ื งที่ ๓ คําศพั ท์เฉพาะกล่มุ คําศัพทเ์ ฉพาะกลมุ่ หรอื เฉพาะวงการ เป็นคาํ เรียกการใชภ้ าษาหรือคําศัพทส์ ําหรับเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะอาชีพ ซึ่งมีลักษณะของศัพท์แสลงหรือภาษาพูด ภาษาพูดเฉพาะกลุ่มมักใช้การพูดสําหรับ เข้าใจกันเฉพาะกลุ่มเพ่ือไม่ต้องใช้ภาษาหรือคําท่ียืดยาว ซ่ึงมักจะทําให้ผู้ฟังหรือผู้ใช้ภายนอกกลุ่มไม่ เขา้ ใจความหมายในการสือ่ สารระหวา่ งกล่มุ ขึ้นได้ เพื่อการพูดแต่ละกลุ่มสามารถเป็นท่ีเข้าใจของกลุ่ม อ่ืน ๆ ได้จึงจําเป็นท่ีจะต้องเรียนรู้คําศัพท์เฉพาะกลุ่มให้เข้าใจ เพ่ือก่อให้เกิดความเข้าใจของคนใน สงั คมได้ดีย่งิ ขน้ึ ในส่วนของคณะกรรมการจัดทําพจนานุกรมคําใหม่ ของราชบัณฑิตยสถานก็เป็นอีก หน่วยงานหนึ่งท่ีได้จัดทําพจนานุกรมคําศัพท์เฉพาะกลุ่มขึ้น เพราะจากการสํารวจจากสื่อต่าง ๆ มี คําศัพท์ใหม่ ตีพิมพ์เป็นจํานวนมาก จึงต้องการบันทึกถ้อยคําที่มีใช้ในภาษาไทย โดยมีคําแปลหรือ คําอธิบายที่คนร่วมสมัยเข้าใจ อีกทั้งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ คํานั้น ๆ ว่าเกิดในสมัยใด หากไม่ได้ บันทึกไว้ เม่ือมีเด็กรุ่นหลังมาอ่านหนังสือต่าง ๆ จะไม่เข้าใจคําใหม่หรือคําแสลงได้ นอกจากนั้น ราชบัณฑติ ยสถาน กาํ หนดคาํ ใหม่ ๆ ในพจนานุกรมดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. คาํ ทีเ่ กิดข้ึนใหม่ เช่น องคก์ รอสิ ระ สนึ ามิ จอแบน เดก็ ซิล เดก็ แวนซ์ เป็นตน้ ๒. คําท่ีมีอยู่แล้วแต่มีการใช้ความหมายใหม่ เช่น แห้ว กลับลํา จัดฉาก ใส่เกียร์ว่าง กระบอกเสียง เป็นตน้ ๓. คําเดิมท่มี กี ารขยายคาํ ใหม่ เชน่ ขํา-ขาํ กลิง้ เมา-เมาปล้ิน กร๊ดี -กรี๊ดสลบ เป็นตน้ ๔. สํานวนหรือวิธีการเปรียบเทียบที่ยังไม่ได้เก็บไว้ เช่น ดื่มนํ้าผ้ึงพระจันทร์ บานขาสั้น โยนหินถามทาง เผือกร้อน ลว้ งลูก ขานรบั นโยบาย นกน้อยในไร่สม้ เป็นตน้ ๕. สาํ นวนทีม่ คี วามหมายใหม่ เชน่ กระด๊ีกระด๊า ชา้ ไปตอ๋ ย เจา้ จาํ ปี เป็นต้น ๖. คาํ เลยี นเสียง คาํ แสดงท่าทางหรือแสดงอารมณ์ เชน่ หวือหวา เหลน็ เปน็ ตน้ ๗. คําภาษาต่างประเทศที่ใช้กันมาก เช่น อัลบั้ม โกอินเตอร์ คาราโอเกะ อีเมล์ เม้าส์ โนเนม แอบ๊ แบ๊ว เป็นตน้ ตวั อย่างคาํ ศัพทเ์ ฉพาะในกลุ่ม ๑. ภาษาทไ่ี มเ่ ปน็ ทาการใช้พูดกบั คนสนิทอยา่ งเป็นกันเอง ไม่ใช้ภาษาเขยี น เปน็ คําท่ีตัด ย่อจากคาํ เตม็ เช่น เหน็ด ตดั ย่อมาจาก อินเตอรเ์ นต็ โหลด ตดั ยอ่ มาจาก ดาวนโ์ หลด คอม ตดั ยอ่ มาจาก คอมพิวเตอร์ ซดี ี ตัดยอ่ มาจาก ซีดีรอม บายดี ตัดย่อมาจาก สบายดี

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๖๐ ๒. เป็นคําแสลง เชน่ เยีย่ ม นิ้ง หมายถึง ง่าย ชิลชลิ หมายถงึ ดี จ๊าบ หมายถงึ ดมี าก เจง๋ เปง้ หมายถึง

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๑ เร่อื งท่ี ๔ คําศัพทใ์ นวงการตา่ ง ๆ การเรียนรู้ในศาสตร์แขนงต่าง ๆ ตําเป็นจะต้องเรียนรู้คําศัพท์ในสาขาท่ีเราต้องศึกษาด้วย คําศัพท์ในปัจจุบัน มีมากมาย เช่น คําศัพท์ในวงการเกษตร การค้าขาย การช่าง ซ่ึงเกี่ยวข้องกับการ ประกอบอาชีพ แต่ในยุคปัจจุบัน มีอาชีพเพ่ิมข้ึนมากมาย จึงจําเป็นจะต้องเรียนรู้คําศัพท์เพ่ิมขึ้น อย่างนอ้ ยจะเป็นพืน้ ฐานความรใุ้ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ คําศัพย์คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่ง สอดคล้องกับอาชีพเก่ียวกับการใช้คอมพิวเตอร์ คําศัพท์ด้านรัฐธรรมนูญเก่ียวข้องกับวิชารัฐศาสตร์ คาํ ศัพท์เครอื่ งปรบั อากาศ เก่ยี วข้องกบั อาชพี เครือ่ งปรับอากาศ ศัพท์อาหารและโภชนาการเกี่ยวข้องกับ การประกอบอาชีพด้านอาหาร ศัพทใ์ นวงการค้าขายเกีย่ วข้องกบั อาชพี ธุรกิจค้าขายตา่ ง ๆ เปน็ ต้น ดังน้ัน เพ่ือเป็นการเรียนรู้คําศัพท์ขั้นพ้ืนฐาน ในท่ีนี้จะขอยกตัวอย่าง ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึง คําศัพทเ์ หล่าน้ี ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ตวั อย่างศพั ท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศ command คําสั่งงาน cold start เปิดเครอ่ื ง computer vision คอมพิวเตอร์วิทัศน์ context บริบท control file แฟม้ ควบคุม kill ลบท้ิง key แป้น on demand ตามคําขอ sensor ตัวรบั ร้,ู เครอ่ื งรับรู้ kilobit (kb) กิโลบิตต่อวินาที light shift การเล่ือนขวา

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๒ ๒. ตัวอย่างศัพทร์ ัฐธรรมนูญ/รัฐศาสตร์ constitution รัฐธรรมนญู equal rights มีสิทธิเทา่ เทยี มกนั file สํานวน list of candidate บัญชรี ายชื่อผู้สมคั ร รับเลอื กตง้ั public utilities สาธารณปู โภค supporter ผ้สู นับสนุน superior ผบู้ ังคบั บญั ชา virtue ศุภมสั ดุ vote – counting การนบั คะแนน ๓. ศัพทก์ ารชา่ งตา่ ง ๆ ๓.๑ คาํ ศพั ทเ์ ครอ่ื งปรับอากาศ ชุดดูดกลนื อปุ กรณท์ ี่บรรจตุ ัวดดู ทปี่ ระกอบขน้ึ เปน็ ชดุ พร้อมใชง้ าน วาลว์ ระเหยสารทาํ ความเย็นอัตโนมัติ วาลว์ ทีใ่ ชค้ วบคมุ อัตราการไหลของสารทาํ ความเย็นเขา้ ไป ในเครอ่ื ง ระเหยโดยอัตโนมตั ิ น้าํ หล่อเย็น ในระบบปรับอากาศจะเป็นนํ้าทร่ี ะบายความรอ้ นจากเครอ่ื ง ควบแน่น ซึง่ จะทําใหส้ ารทาํ ความเยน็ กลนั่ ตวั เป็นของเหลว ท่อลมอ่อน ทอ่ ลมทส่ี ามารถวางใหค้ ดเค้ียวไปมาได้โดยไม่ตอ้ งใช้ขอ้ งอ ๓.๒ คาํ ศพั ท์ชา่ งกอ่ สรา้ ง - สายคอนโทรล - เหลก็ แกนกลาง - เหลก็ เส้น - สายแรงสูง - หินทราย - พี.ว.ี ซี - อฐิ มอญ - ร้อยท่อ - กะบะถอื ปนู - เกียวเหลก็ - เทคอนกรีตพนื้ - ฉาบปูนบัว

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๖๓ ๓.๓ ศพั ทอ์ าหารและโภชนาการ กลูตามนี เปน็ กรดอมโิ นไม่จําเปน็ ต่อร่างกายชนิดหน่งึ นาํ้ บรสิ ุทธ์ นํ้าทต่ี ้องผ่านกระบวนการกลน่ั หรือใชว้ ิธีทางกายภาพคือ การกรอง เป็นต้น แอลฟา - แคโรทนี เปน็ แคโรทนี ชนิดหน่งึ ที่สามารถเปลีย่ นเป็นวติ ามนิ เอได้ใน รา่ งกาย ๔. ศพั ท์ในวงการคา้ ขาย ยอดเงินคงเหลือในบญั ชีต่าง ๆ ณ เวลาใดเวลาหนึง่ ๔.๑ การบญั ชี สทิ ธิเรียกร้องของบคุ คลอ่ืนท่มี ีตอ่ กิจการ ไมว่ า่ จะเปน็ ยอดเงนิ คงเหลือในบัญชี ทรพั ยส์ ินหรอื บรกิ าร เจ้าหนี้ ศิลปะของการเกบ็ รวบรวม บนั ทึก จาํ แนกและทาํ ขอ้ สรปุ ขอ้ มลู อันเก่ียวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกจิ ในรูปตวั เงิน การบัญชี คา่ ตอบแทนทคี่ ิดให้ เน่ืองจากการใช้ประโยชนจ์ าก ทรัพย์สิน คา่ เชา่ รายได้ของงวดเวลาหนึ่งทีค่ งเหลือหลังจากหกั ค่าใชจ้ ่าย ต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง กําไรสทุ ธิ ๔.๒ การโฆษณา ส่ือสงิ่ พิมพ์ ขนาดของกระดาษซงึ่ ผู้โฆษณาใช้เพ่ือทําเพลทแมพ่ มิ พ์ การโฆษณากบั บคุ คลเฉพาะอาชีพ การโฆษณาทีม่ งุ่ ทีก่ ลมุ่ เฉพาะสาขาวชิ าชพี เช่น แพทย์ นกั การบญั ชี นกั กฎหมาย เปน็ ต้น ๔.๓ การเงิน จํานวนเงนิ ทร่ี ับ หรือจ่ายหลาย ๆ งวดในมลู คา่ งวดละเท่า ๆ เงนิ งวด กนั และในชว่ งระยะเวลาเท่า ๆ กนั ใบรับฝากเงนิ ท่ีระบุจํานวนเงนิ ฝาก และระยะเวลาของการ ใบรบั ฝากเงิน ฝากอยา่ งแนน่ อน

๔.๔ การบริหาร ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๖๔ เป้าหมายงานอาชีพ ตําแหน่งงานอาชีพในอนาคตท่ีบุคคลต้องการบรรลุ เครือข่ายลูกโซ่ เป้าหมายเป็นแนวทางสําหรบั เส้นทางอาชีพของบุคคล เครือข่ายกลุ่มงานขนาดเล็ก ซ่ึงสมาชิกแต่ละคนจะ ตดิ ตอ่ สื่อสารกบั บคุ คลระดบั สูงและต่ําได้ ๔.๕ การจัดการ ทางเลือก ทางเลือกหลายทาง ซึ่งผู้ท่ีทําการตัดสินใจจะต้องทําการ บันไดของความสําเรจ็ ในงานอาชีพ ตดั สนิ ใจเลือกทางเลอื กทด่ี ีทีส่ ดุ ความก้าวหน้าของเส้นทางการทํางานท่ีมีแผน ยึดถือ ลักษณะงานเปน็ หลัก โดยผา่ นการวิเคราะหง์ าน ๔.๖ การตลาด ส่วนทีล่ ดให้ผูบ้ ริโภค ลกู คา้ หรอื คนกลาง การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตราสินค้าของผู้บริโภคโดย สว่ นลด พิจารณาถึงกลุ่มของคุณสมบัติต่าง ๆ ท่ีใช้เป็นเกณฑ์ในการ การประเมนิ ผลทางเลือก ประเมินผลตราสนิ คา้ กล่าวโดยสรุป คําศัพท์ในวงการต่าง ๆ ในปัจจุบันมีมากมายที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อเป็นพื้นฐาน ในการศึกษาต่อขั้นสูงข้ึน คําศัพท์พื้นฐานท่ีจะเป็นที่ต้องเรียนรู้ เช่น คําศัพท์ในวงการธุรกิจ การค้าขาย การช่าง เกษตร คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซ่ึงคําศัพท์ต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าหากผู้เรียนศึกษาต่อในข้ัน สูงขึ้น จะทําให้ได้รับความรู้มากข้ึน หรือสามารถเรียนรู้ในชีวิตประจําวันเพ่ือการพัฒนาอาชีพ ใหไ้ ดร้ ับความรคู้ วามเขา้ ใจ คาํ ศัพท์และความหมายมากยง่ิ ขน้ึ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๖๕ เรื่องที่ ๕ การใชพ้ จนานกุ รม พจนานุกรม เป็นหนังสือที่รวบรวมคําท่ีมีใช้อยู่ในภาษาโดยจัดเรียงตามตัวอักษร บอกการ ออกเสยี งอา่ น นิยามความหมายใหค้ วามรูเ้ รอ่ื งอกั ขรวธิ ี และบอกประวัตขิ องคาํ เทา่ ที่จาํ เปน็ การทราบถึงวิธีการใช้พจนานุกรม เป็นวิธีการหาความรู้ด้านภาษาได้อย่างถูกต้อง ทําให้ ผู้เรียนมีความชัดเจนเกี่ยวกับคําต่าง ๆ ได้และเป็นพื้นฐานของการแสวงหาความรู้ในศาสตร์แขนงต่าง ๆ อย่างลึกซง้ึ ความหมายของพจนานุกรม จากพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ใหค้ วามหมายของ “พจนานุกรม” ดังน้ี “พจนานุกรม (- กรม) น. หนังสือสําหรบั ค้นความหมายของคําท่เี รียงลาํ ดับตามตวั อกั ษร พจนานุกรมฉบับมาตรฐานท่ีใช้ในปัจจุบัน คือพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ประโยชน์ของพจนานกุ รม ๑. ประโยชน์ในด้านการใช้ภาษา เพราะพจนานุกรมจะบอกความหมายของการออกเสียงคํา ตวั สะกดการนั ต์ และลักษณะการใชค้ ําไวอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ๒. ประโยชน์ในด้านการศึกษาโครงสร้างของภาษา เพราะพจนานุกรมจะบอกส่วนประกอบ ของคํา การสร้างคํา ชนิดของคําตามหลักไวยากรณ์ ประวัติของคําทําให้ทราบถึงการยืมคําและ เปล่ยี นแปลงของภาษา ๓. ประโยชน์ในด้านการศึกษาวรรณคดี เพราะจะมีการอธิบายความหมาย และท่ีมาของคํา วา่ มาจากวรรณคดีเรื่องใด ส่วนประกอบของพจนานุกรม ๑. คํานํา จะบอกถึงความรู้ทั่วไปเก่ียวกับพจนานุกรมที่ควรทราบ เช่น พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ กล่าวถึงพจนานุกรมเป็นหนังสือรวบรวมคําท่ีมีใช้อยู่ในภาษาและ กําหนดอักขรวธิ ี การอา่ น ความหมาย ตลอดจนประวัติทมี่ าของคํา เปน็ ตน้ ๒. คําช้แี จง หลักการจัดทาํ และวิธีใช้พจนานุกรมอนั ได้แก่ - การเรยี งลาํ ดบั คํา และวิธเี ก็บคาํ เช่น พยัญชนะ สระ ฯลฯ - อกั ขรวธิ ี เป็นตัวสะกด การประวสิ รรชนยี ์ ฯลฯ - เครือ่ งหมายตา่ ง ๆ เชน่ ตวั สะกดตรงตามแต่ละมาตรา คาํ ภาษาบาลีและสนั สกฤต ฯลฯ - การบอกคําอา่ น เชน่ การนยิ ามทม่ี คี วามหมายหลายนยั อกั ษรยอ่ ในวงเล็บ ฯลฯ - ประวัตขิ องคํา เช่น ที่มาของคาํ ได้บอกไวท้ า้ ยคํานัน้ ฯลฯ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๖ ๓. บัญชีอักษรย่อและคําย่อที่ใช้ในพจนานุกรม เช่น อักษรย่อในวงเล็บท้ายบทนิยาม บอก ท่ีมาของคํา ฯลฯ ๔. หนังสอื อ้างองิ ๕. ภาพประกอบ ขนั้ ตอนการใชพ้ จนานุกรม การใชพ้ จนานุกรม มขี ัน้ ตอนในการใช้ ดงั น้ี ๑. อ่านคํานําให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะคํานําจะกล่าวถึงวิธีการใช้พจนานุกรม อยา่ งละเอียด ๒. อา่ นคาํ ชแี้ จง หลกั การจัดทํา และวธิ ีการใช้อย่างละเอียดทุกหัวข้อ คอื ๒.๑ การเรียงลําดับคําและวิธีเก็บคํา เริ่มจากการเรียงลําดับสระและพยัญชนะ ซ่ึงจะ เรียงลําดับตัวอักษร โดยสระจะลําดับตามรูปสระ ไม่ลําดับตามเสียง ะ –ั -ัะ -า -ำ -ิ -ี -ึ -ื -ุ -ู เ- เ-ะ เ-าะ เ- ิ เ- ี เ ื- ะ แ- แ-ะ โ- โ-ะ ใ- ไ- ส่วนพยัญชนะจะเรยี งลําดบั ต้งั แต่ ก ข ฃ ค ต ไปจนถึง ฮ สาํ หรบั ฤ ฤา จะจดั ลําดบั ไวห้ ลังตวั ร และ ฦ ฦา จะอยู่หลังตัว ล ๒.๒ การเรียงลําดับคํา จะลําดับตามพยัญชนะก่อนเป็นสําคัญ แล้วจึงลําดับตามรูปสระ ดงั นนั้ คําทไี่ ม่มีสระปรากฏเป็นรปู ประสมอยดู่ ้วย จงึ อย่ขู า้ งหน้า เชน่ กก อยู่หน้า กะ หรอื ขลา อยนู่ ัน้ ขะขํ่า ส่วนคําท่ีมีพยัญชนะกับสระปรากฏเป็นรูปประสมกันก็ใช้หลักการลําดับคําดังข้างต้น เช่นเดียวกัน เช่น จริท จริม จรี จรึง จรุก และโดยปรกติจะไม่ลําดับตามวรรณยุกต์ เช่น ไต้ก๋ง ไต้ฝุ่น ไต่ไม้ แต่จะจัดวรรณยุกต์เข้าในลําดับต่อเม่ือคํานั้นเป็นคําท่ีมีตัวสะกดการันต์เหมือนกัน และไม่มีคํา อื่นมาต่อท้าย เชน่ ไต ไต่ ไต้ ไต๋ หรือ กระตนุ่ กระตุ้น ๒.๓ อักขรวิธีหรือสะกดการันต์ มีรายละเอียดเก่ียวกับตัวสะกดท่ีมีอักษรซ้ํา เช่น กิจจ เขตต จิตต การประวิสรรชนีย์ การใช้ไม้ไต่คู้ อักษรควบ อักษรนํา และการเขียนตามแบบอักขรวิธี โบราณ ๒.๔ เครื่องหมายตา่ ง ๆ (๑) เคร่ืองหมายจุลภาค ( , ) เคร่ืองหมายอัฒภาค ( ; ) ใช้ค่ันบทนิยามและค่ัน ตวั อกั ษรย่อเพ่อื บอกทีม่ าของคํา โดยเฉพาะคําทมี่ าจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤต เชน่ วงการ น. กจิ การ, หน้าท,ี่ ธรุ ะ เขม-, บอกทม่ี าว่า (ป. ; ส.เกษม) (๒) เครือ่ งหมายยัติภงั ค์ ( - ) ก. ใช้วางแทนสว่ นหนา้ ของคาํ เช่น - กระสา่ ย ใชเ้ ขา้ คูก่ บั คาํ กระสบั เป็น กระสบั กระสา่ ย - กระเฟยี ด ใชเ้ ขา้ คูก่ บั คาํ กระฟัด เป็น กระฟัดกระเฟยี ด

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๗ ข. ใช้วางไว้หลงั คําบาลี สนั สกฤต เพ่อื แสดงว่ามีคาํ อื่นมาสมาส เชน่ - จาตรุ ................... อัคร....................... - จาตุ..................... สม.......................... - ฐาปน................... ศาสตร................... ค. ใชแ้ ทนคําอ่านของพยางคท์ ่ไี ม่มปี ัญหาในการอ่าน เชน่ - ชบา (ชะ...... ) ยีหร่า (......หร่า) - กระหวัด (......หวัด) กระลด (.......หลด) ง. ใช้เขียนระหว่างพยางค์แต่ละพยางค์เพื่อบอกคําอ่านของคําท่ีอาจอ่านเป็น อย่างอืน่ ได้ เช่น - เพลา (เพ-ลา) เสมา (เส-มา) ๓. เครือ่ งหมายมหภาค (•) ใช้เมือ่ จบบทนยิ าม เช่น ก. ใช้เมือ่ จบบทนิยาม เชน่ เสร็จ ก. แลว้ , จบ. กาํ แหง (....แหง) ว.แข็งแรง, กล้า แขง็ , เขม้ แขง็ . ก.อวดด.ี ข. ใช้หลงั วงเล็บซ่งึ บอกทมี่ าของคําหรือทีม่ าของตวั อยา่ ง เชน่ กาํ จาย ๑ ก. กระจาย. (ข. ข.จาย). กระสัง ๒ น. ช่ือนกชนิดหน่ึง เช่น กระสังกระสาสาว กระสันวัง กระลับดู. (เสอื โค) ๒.๕ การบอกคาํ อา่ น มรี ายละเอียด ดงั นี้ (๑) คาํ ท่ีมตี วั สะกดตรงตามแต่ละมาตรา เช่น แม่กน น สะกด แม่กบ บ สะกด อยา่ งคาํ คน พบ จะไมบ่ อกคําอา่ น (๒) คําภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตท่ีเข้าสมาสกัน ตามปรกติต้องอ่านตามหลัก คือ อา่ นเสียงตัวสะกดนนั้ ๆ อย่างมีสระอะประสมอยู่ คาํ ประเภทนจ้ี ะบอกคําอ่านไว้ เช่น ทารณุ กรรม (ทารุนนะกาํ ) สุขนาฏกรรม (สกุ ขะนาดตะกํา) รปู ธรรม (รปู ปะทํา) ส่วนการบอกคําอ่าน ในรายละเอียดหาอ่านได้จากพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ๒.๖ การบอกความหมาย มรี ายละเอียด ดงั นี้ (๑) การนิยามคําท่ีมีความหมายหลายนัย จะเร่ืองบทนิยามท่ีมีความหมายเด่น หรือ บทนิยามที่ใช้อยู่ก่อนเสมอ ยกเว้นคําที่ประสงค์จะแสดงประวัติ จะเรียงบทนิยามท่ีมีความหมายเดิมไว้ก่อน แล้วบอกทม่ี าคาํ ตรงขา้ มหรือคําคู่

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๘ (๒) คําท่ีมีความหมายหลาย ๆ สิ่งรวมกัน จะแยกบทนิยามของพืช หรือสัตว์ออกจาก นยิ ามอน่ื โดย จะยกคาํ นั้นเป็นคาํ ต้งั ตา่ งหาก เชน่ คาํ วา่ แก้ว (ให้ดตู ัวอย่างในพจนานุกรม) (๓) อักษรย่อในวงเล็บ บอกลักษณะของคําท่ีใช้เฉพาะแห่ง เช่น (โบ) (แบบ) (กฎ) ถ้าอยู่หน้าคําบอกชนิดไวยากรณ์ หมายความว่า ทุกบทนิยามเป็นคําท่ีใช้เฉพาะแห่งตามที่ระบุไว้ในวงเล็บ เช่น เข้า ๒ (โบ) น. ข้าว; ขวบปี ถ้าอยู่หลังคําบอกชนิดไวยากรณ์ เฉพาะบทนิยามท่ีอยู่หน้าเคร่ืองหมาย อัฒภาคเท่าน้ัน เป็นคําท่ีใช้เฉพาะแห่งตามที่ระบุไว้ในวงเล็บ เช่น ข้าราชการ น. (โบ) คนท่ีทําราชการตาม ทาํ เนียบ; ผูป้ ฏิบัตริ าชการในส่วนราชการ........ (๔) คาํ ท่เี ป็นช่ือพืชและสัตว์ มีหลกั ในการนยิ าม ดังนี้ ก. พืชที่มีชื่อเดียวกัน แต่เป็นพืชต่างวงศ์กัน จะนิยามรวมไว้ท่ีคําตั้งเดียวกัน เแต่มีวงเล็บกํากับเลขไว้ที่หน้าบทนิยามของพืชที่ต่างวงศ์กัน เช่น กระโดงแดง น. (๑) ช่ือต้นไม้ขนาดใหญ่ (๒) ช่อื ตน้ ไม้ขนาดกลาง (๕) การเก็บลูกคําของคําท่ีเป็นพืชและสัตว์ จะเก็บลูกคําของพืชและสัตว์ท่ีอยู่ในวงศ์ เดยี วกันกบั แม่คํา เช่น กระโดน มลี ูกคาํ คือ กระโดนดิน หมอ มีลกู คาํ คอื หมอตาล ซึ่งเปน็ สัตว์วงศเ์ ดียวกนั แต่ถ้าช่ือพืชหรือสัตว์ใช้เรียกรวมตามลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันหลาย ๆ ชนิด ลูกคํา ต้องมีความหมายทส่ี มั พันธ์หรอื เกย่ี วเนื่องกนั กับแม่คาํ ซ่ึงอาจจะต่างชนิด หรือตา่ งวงศก์ บั แม่คาํ กไ็ ด้ เชน่ จันทน์ มีลูกคํา คือ จันทนก์ ะพ้อ จันทน์ขาว จนั ทนช์ ะมด ฯลฯ เขยี ว ๒ มีลกู คํา คอื เขยี วไขก่ า เขยี วหวาน ฯลฯ ๒.๗ ประวัตขิ องคาํ บอกท่ีมาของคําไว้ท้ายคําน้ัน ๆ โดยเขียนไว้ในวงเล็บ เล็ก ( ) หลังคํานิยามโดยใช้ อกั ษรย่อบอกทมี่ าของคํา ดงั น้ี ข. = เขมร ป. = บาลี จ. = จนี ฝ. = ฝร่ังเศส ช. = ชวา ส. = สันสกฤต ญ. = ญวน อ. = อังกฤษ ต. = ตะเลง ฮ = ฮินดู บ. = เบงคอลี ตัวอยา่ งเช่น โคบอลต์ (อ.cobalt มาจาก cobalt ภาษาอังกฤษ เผด็จ (ข. ผฏาจ) มาจากภาษาเขมรดํา ผฏาจ์ ๓. บญั ชีอักษรยอ่ อักษรย่อในวงเล็บบอกลักษณะคําท่ีใช้เฉพาะแห่ง จะพิมพ์ด้วยอักษรตัวเล็กไว้ในวงเล็บก่อน ( ) เช่น

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๖๙ (กฎ) คือ คาํ ทใี่ ชใ้ นกฎหมาย (กลอน) คอื คาํ ที่ใชใ้ นบทกลอน (คณิต) คอื คําที่ใชใ้ นคณติ ศาสตร์ (ถ่นิ ) คือ คําที่ใช้ในภาษาถน่ิ (ราชา) คือ คาํ ทีใ่ ชเ้ ป็นราชาศพั ท์ อกั ษรย่อหน้าบทนยิ าม บอกชนิดของคาํ ตามหลักไวยากรณ์ เช่น ก. = กริยา น. = นาม น.ิ = นบิ าต บ. = บรุ พบท ว. = วเิ ศษณ์ (คณุ ศัพทห์ รือกริยาวเิ ศษ) ส. = สรรพนาม สนั . = สนั ธาน อ. = อุทาน ๔. หนงั สอื อา้ งองิ จะบอกวา่ คํานน้ั ๆ มาจากหนังสือวรรณคดีเรื่องใด ๆ เช่น สมุทรโฆษคําฉันท์ พระอภยั มณี ฯลฯ ๕. ภาพประกอบ ซึ่งจะช่วยให้ย่อคําอธิบายความหมายของคํา ให้ผู้อ่านเข้าใจได้รวดเร็วชัดเจน มากยิ่งขนึ้ การหม่ันอ่าน ฝึกฝนการใช้พจนานุกรม ตามข้ันตอนดังกล่าวแล้วทําให้เกิดความชํานาญในการ ค้นความหมายของคํา ประวัติของคํา คําย่อ หนังสืออ้างอิง ภาพประกอบได้เป็นอย่างดีและทําให้เกิด ความรกู้ ว้างขวางย่ิงขึ้น

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๐ เรื่องท่ี ๖ การใชส้ ารานกุ รม ความหมายของสารานุกรม สารานกุ รม คือ หนังสอื ท่ีรวบรวมเร่ืองราวต่าง ๆ ทุกหัวข้อวิชา และทุกแขนงโดยให้ความรู้ท่ี เป็นพ้ืนฐานกว้าง ๆ เขียนโดยผู้ชํานาญในแต่ละสาขาวิชานั้น ๆ การเรียงลําดับเน้ือหาเร่ืองอาจ เรียงลําดับตามตัวอักษรหรือ หมวดหมู่ดรรชนีเร่ืองอย่างละเอียด หนังสือสารานุกรมชนิดเล่มเดียวจบ และเป็นชุดหลายเล่ม เช่น สารานุกรมสําหรับเด็ก ซ่ึงใช้ภาษาง่ายและสารานุกรมสําหรับผู้ใหญ่ รากฐานของคําว่า สารานุกรม มาจากคําสมาส จากคําว่า “สาร” และ “อนุกรม” คือเป็นความรู้ท่ี เปน็ เรือ่ งราวถกู จัดเรียงในลําดบั จะมีท้งั ประเภทความรูท้ ัว่ ไป และความรู้เฉพาะด้าน เช่น สารานุกรม เกี่ยวกับการแพทย์ คณติ ศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ หรือจัดทาํ เพือ่ จุดประสงค์เฉพาะ วธิ ีใชส้ ารานุกรม สารานกุ รมทุกชนิดจะเรยี งลําดับตามตัวอักษรของเนื้อเร่ืองทุก ๆ บทความ และมีส่วนต่าง ๆ ท่ี ชว่ ยให้เราค้นหาเร่อื งทีต่ อ้ งการไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ คอื ๑. มี volume guide คอื ตัวแนะนาํ หรือตัวช่วยค้น ๒. มีดรรชนีช่วยในการค้นหาเร่ืองท่ีเราต้องการ มักจะอยู่ท้ายเล่มของทุกเล่ม หรือมีดรรชนี รวมอยเู่ ลม่ สุดทา้ ยของชดุ ๓. บทความหรอื หวั เร่ืองที่มชี อ่ื ประกอบหลายคํา ให้ใชค้ ําแรกเปน็ หลกั ๔. หัวเรอื่ งทมี่ คี าํ ยอ่ ใหด้ ทู ีค่ าํ เตม็ เชน่ Mt.Everest ใหด้ ทู ่ี Mount Everest ๕. สําหรับสารานุกรมภาษาอังกฤษ เมื่อต้องหาเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคล ให้ดูที่ช่ือสกุล หรอื ช่อื สุดท้ายเป็นหลัก ประโยชน์ของสารานกุ รม หนังสือสารานุกรมใช้ในการตอบปัญหาเกี่ยวกับเร่ืองทั่ว ๆ ไป โดยให้คําอธิบาย อยา่ งกวา้ ง ๆ ทกุ แขนงวิชา ซึง่ เปน็ ประโยชนส์ าํ หรับการคน้ ควา้ ความรู้พื้นฐานทั่วไป การจดั แบ่งกลุม่ ประเภทของสารานกุ รม การจดั แบ่งประเภทของสารานกุ รม ออกเปน็ ๔ ประเภท คือ ๑. แบ่งตามผู้แตง่ หรอื เรยี บเรยี งเนือ้ หา ๒. แบ่งตามความเจาะจงของเน้ือหา ๓. แบ่งตามการเรียงลาํ ดบั ของเนอื้ หา ๔. แบง่ ตามรปู แบบการนําเสนอ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๑ ตวั อย่างสว่ นประกอบสารานกุ รมศึกษาศาสตร์ ๑. หนา้ ปก - สารานกุ รมศกึ ษาศาสตร์ คณะกรรมการอาํ นวยการจดั งานฉลองสิรริ าชสมบตั ิครบ ๕๐ ปี จัดพมิ พเ์ ปน็ ท่ี ระลกึ เนอ่ื งในมหามงคลสมัยฉลองสริ ิราชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี พุทธศกั ราช ๒๕๓๙ ๒. ใบรองปก ทรงพระเจรญิ หลงั ใบรองปก กาญจนาภเิ ษกาดุดี รปู พระบรมฉายาลักษณ์ พระราชกรณยี กิจ ๓. คาํ ปรารภ ลงนามโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ อาํ นวยการจดั งานฉลองราชสมบตั ิ ครบ ๕๐ ปี ๔. คาํ นํา โดยคณะกรรมการโครงการสารานกุ รมศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ๕. สารบญั มี ๕ หน้า ๑๖ สาขาวชิ า ๖. เน้ือเร่ือง มี ๘๕๘ หน้า ๗. บรรณานุกรม จํานวน ๑ หน้า ๘. ดรรชนชี ่อื เร่ือง มี ๓ หน้า ๙. คําสงั่ นายกรฐั มนตรี เร่อื งแต่งตั้งคณะกรรมการอํานวยการฉลองสริ ิราชสมบตั ิ ครบ ๕๐ ปี

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๗๒ แบบฝกึ หัดทบทวนบทท่ี ๔ คําช้ีแจง จงเติมคาํ ลงในช่องว่างใหไ้ ด้ใจความทีส่ มบรู ณ์ ๑. สาํ นวนมที ่ีมาจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ๒. ตัวอยา่ งศพั ท์บัญญัติ การแพทย์ เชน่ ...................................................................................................................... ปรัชญา เช่น .......................................................................................................................... สงั คมศาสตร์ เชน่ .................................................................................................................. ๓. ยกตัวอย่าง คาํ ศัพทเ์ ฉพาะกลมุ่ ดังน้ี วยั รุ่น ..................................................................................................................................... คําเกดิ ขึ้นใหม่......................................................................................................................... ๔. ยกตัวอยา่ งศพั ท์ ต่าง ๆ ดงั น้ี คอมพิวเตอร์ ......................................................................................................................... ชา่ งก่อสร้าง ........................................................................................................................... ช่างเคร่ืองปรบั อากาศ............................................................................................................. ๕. ประโยชนข์ องพจนานุกรม คอื .............................................................................................. ............................................................................................................................................... ๖. วธิ ีใช้ สารานกุ รม คือ ............................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๓ แบบทดสอบบทที่ ๔ สาํ นวน พงั เพย และสุภาษิต คาํ ชี้แจง จงเลอื กคาํ ตอบท่ถี กู ท่ีสุด ๑. สํานวนไทยทีม่ าจากวฒั นธรรมประเพณี คอื อะไร ก. ข้าวแดงแกงรอ้ น ข. เขา้ ตามตรอกออกตามประตู ค. ผ้าเหลอื งรอ้ น ง. ปิดทองหลังพระ ๒. จากสํานวนไทยท่วี า่ “ลกู ไม้หล่นไม่ไกลต้น” หมายถงึ อะไร ก. ลูกมนี ิสัยดเี หมอื นครอบครวั และวงศต์ ระกูล ข. การจะทาํ อะไรใหด้ ตู ามา้ ตาเรือใหด้ ีเสยี กอ่ น ค. ตามธรรมชาตผิ ลไม้หลน่ ไม่ไกลจากต้นเดิม ง. พ่อแม่มนี ิสยั อยา่ งไร ลูกก็มีนสิ ัยอย่างนั้น ๓. “ถอ้ ยคําหรือข้อความที่กลา่ วเปน็ กลาง ๆ เพือ่ ให้ตีความเขา้ กับเรื่อง” หมายถึงคาํ อะไร ก. สํานวน ข. สุภาษิต ค. คําพังเพย ง. คาํ คม ๔. ข้อใดเปน็ คําสภุ าษิต ก. ขช่ี ้างจับตัก๊ แตน ข. กินปนู รอ้ นทอ้ ง ค. ปลกู เรือนตามใจผอู้ ยู่ ง. คบคนให้ดูหนา้ ซอ้ื ผา้ ใหด้ ูเน้ือ ๕. ปัจจบุ ันหน่วยงานใด มหี นา้ ทพี่ จิ ารณาศพั ท์บัญญตั ิ ก. ราชบณั ฑิตยสถาน ข. กรมศลิ ปากร ค. หอสมุดแห่งชาติ ง. กรรมการวัฒนธรรม

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๔ ๖. การบัญญัตศิ ัพท์ ควรพจิ ารณาอย่างไร ก. ตอ้ งเปน็ ภาษาไทยเทา่ นนั้ ข. ควรใชค้ ําไทยกอ่ น ค. ยดึ หลกั ภาษาเดมิ ง. ทับศัพทภ์ าษาองั กฤษ ๗. ข้อใดเปน็ ศพั ท์บญั ญัติทางสงั คมสาสตร์ ก. ตวั ประกอบ ข. นโยบาย ค. ชราภาพ ง. ประยุกต์ ๘. คําศพั ทช์ ่างปรับอากาศ คอื ข้อใด ก. สายคอนโทรล ข. พี.ว.ี ซี ค. เหล็กเส้น ง. นํ้าหลอ่ เยน็ ๙. คําวา่ “แอลฟา – แคโรทนี ” เปน็ ศพั ท์เฉพาะสาขาใด ก. สขุ ศึกษา ข. สังคมศาสตร์ ค. คณติ สาสตร์ ง. ช่างยนต์ ๑๐. ขอ้ ใดเปน็ ศพั ท์ทางด้านการค้าขาย ก. โฆษณา ข. สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ค. กําไรสุทธิ ง. เงนิ งวด

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๕ บทที่ ๕ การแสวงหาความรู้จากสอ่ื ต่าง ๆ สาระสําคญั การหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดประชาชน หอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดต่าง ๆ ฯลฯ นอกจากนั้นการแสวงหาความรู้จากสํานักงาน กศน.และจากเว็บไซด์ต่าง ๆ มีการศึกษาจาก E-learning ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงมีมากมายให้เลือกแสวงหาความรู้ เพื่อให้การเรียนประสบผลสําเร็จ ตามวัตถุประสงคข์ องหลกั สตู รวชิ านัน้ ๆ อันจะนํามาซงึ่ คณุ ภาพของผ้เู รียน ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง สามารถแสวงหาความรูจ้ ากสอื่ ต่าง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ขอบขา่ ยเน้ือหา เรอ่ื งที่ ๑ การแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๗๖ เรอ่ื งท่ี ๑ การแสวงหาความร้จู ากสอื่ ตา่ ง ๆ การศึกษาในปัจจุบัน มุ่งให้ผู้เรียนมีโอกาสได้รู้จักแสวงหาความรู้โดยการค้นคว้าจากแหล่ง เรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งมอี ยูม่ ากมาย ผู้เรยี นควรศกึ ษาหาความร้จู ากแหล่งต่อไปน้ี เช่น ห้องสมุดหรือหอสมุด พิพิธภัณฑ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษา การจัดนิทรรศการต่าง ๆ ความรู้จากอินเทอร์เน็ท จาก www. ต่าง ๆ เช่น www.nfe.go.th ของสํานักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เปน็ ตน้

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๗ หนังสือนี้ มมี ากมาย หลายชนิด นําดวงจติ เรงิ รนื่ ชนื่ สดใส ให้ความรู้ สาํ เรงิ บันเทงิ ใจ ฉันจงึ ใฝ่ ใจสมาน อา่ นทุกวัน หลายอยา่ ง ตา่ งจาํ พวก มวี ิชา ค้นได้ ใหส้ ุขสนั ต์ ลว้ นสะดวก สรรมา สารพัน วชิ าการ ฉันอา่ นได้ ไม่เบื่อเลย ช่วั ชวี ัน (พระราชนพิ นธ์ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เรือ่ ง ฉันชอบอา่ น หนงั สือ คดั จากหนงั สือประจําปี โรงเรยี นจติ รลดา ๒๖ มนี าคม ๒๕๑๒) ปัจจุบัน การศึกษาหาความรู้จากส่ือต่าง ๆ มีขอบเขตกว้างไกล ทันสมัยและสามารถเลือกใช้ บริการมากย่ิงข้ึน เช่น ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดเฉพาะสื่ออิเล็กทรอนิกส์ E-book ตลอดจนแหล่ง ความรตู้ า่ ง ๆ เชน่ พิพิธภณั ฑ์ แหล่งประกอบการ หน่วยงานต่าง ๆ ของรฐั และเอกชน เป็นตน้ เพื่อให้ผู้เรียนรู้มีโลกทัศน์อันกว้างไกล จะขอแนะนําตัวอย่างการแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ดังน้ี คอื ๑. ห้องสมดุ ห้องสมุด คือ แหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท ท้ังที่เป็นวัสดุตีพิมพ์ วัสดุ ไม่ตีพิมพ์ อิเล็กทรอนิกส์ มีการคัดเลือกและจัดหาเข้ามาอย่างทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการ และความสนใจของผู้ใช้บริการอย่างเป็นระบบ ความสําคัญของหอ้ งสมดุ ๑. เปน็ ท่รี วบรวมทรพั ยากรสารสนเทศตา่ ง ๆ ที่ผู้ใชส้ ามารถคน้ คว้าหาความรทู้ ุกสาขาวชิ า ๒. เปน็ ทที่ กุ คนเข้าศกึ ษา ค้นควา้ ได้ ๓. เปน็ การส่งเสริมการอา่ น ทุกเพศ ทุกวัย ๔. ให้ผใู้ ช้บริการมคี วามทันสมยั ๕. ส่งเสรมิ การรักการอา่ น ๖. ร้จู ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ ๗. สง่ เสริมความเจริญก้าวหน้าในสงั คมและประเทศชาติ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๘ ประเภทของห้องสมุด ๑. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น เช่น ห้องสมดุ โรงเรียนหอวงั ๒. ห้องสมุดมหาวทิ ยาลัย เช่น สํานักหอสมดุ กลางมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ๓. ห้องสมุดเฉพาะ เช่น ห้องสมุดคุรสุ ภา ๔. ห้องสมดุ ประชาชน เช่น ห้องสมดุ ประชาชนจังหวัดสงขลา เปน็ ต้น ๕. หอสมดุ แหง่ ชาติ สงั กดั กรมศิลปากร เปน็ ต้น (หอ้ งสมุดกลาง มศว.) (อาคารหอ้ งสมุด กศน.)

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๗๙ ๒. สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและสถาบันส่งเสริมและ พัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ (สพร.) เป็นสถานศึกษาขึ้นตรงกับสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเปิด www.nfe.go.th ภายในเว็บมีระบบ online ต่าง ๆ มากมาย เช่น E-learning ศึกษาวิชา สาระต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ผู้เรียนสามารถใช้บริการข่าวสารข้อมูล มากมายท่ีเก่ียวข้องกับนักศึกษา กศน.โดยตรง เช่น เว็บไซด์ภายในสํานักงาน กศน. เช่น กลุ่มข้อมูล พฒั นาการศึกษา สถาบนั การศึกษาทางไกล เปน็ ต้น ๓. ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์แนะนําเว็บไซดต์ า่ ง ๆ ที่จาํ เปน็ ต่อการเรียนรู้ - www.nfe.go.th ของสํานกั งาน กศน. - รวมเว็บบ้านอิเล็กทรอนิกส์ www.dir.thaijobpost.com - ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น www.home.dsd.go.th www.thaigoodview.com www.wikipedia.org - หอ้ งสมุดในกรุงเทพมหานคร www.bflybook.com - ห้องสมุดประชาชน www.tlcthai.com

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๐ แบบฝกึ หัดทบทวนบทท่ี ๕ คาํ ช้ีแจง จงเตมิ คาํ ลงในช่องว่างให้ได้ใจความทสี่ มบรู ณ์ ๑. หอ้ งสมุด คอื ................................................................................................................... ........................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………. ๒. ความสําคญั ของห้องสมดุ คือ ......................................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ๓. ประเภทของห้องสมดุ คอื ............................................................................................... ........................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. การที่นักศึกษาจะคน้ คว้าสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกสค์ วรจะคน้ ควา้ ทใี่ ด ....................................... ........................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. Web ของสํานักงาน กศน. คอื ....................................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๑ แบบทดสอบบทที่ ๕ เรอื่ ง การแสวงหาความรจู้ ากส่อื ตา่ ง ๆ คําช้ีแจง จงเลอื กคําตอบท่ถี กู ท่สี ุด ๑. การศกึ ษาในปจั จบุ นั มุ่งใหผ้ ูเ้ รยี นเปน็ แบบใด ก. ควรเรยี นรูด้ ้วยตนเองทง้ั หมดไม่พึ่งตํารา ข. การเรยี นรใู้ นยุคน้ีควรเครง่ ครัดในการดตู ํารา ค. รู้จกั แสวงหาความรโู้ ดยการค้นควา้ จากแหล่งเรยี นรู้ ง. การเรียนรขู้ องนกั ศึกษาให้เป็นไปตามท่คี รสู ั่งใหท้ าํ ๒. เว็ปของสาํ นักงาน กศน. คือข้อใด ก. www.nfe.go.th ข. www.korsornor.com ค. www.non-formal.go.th ง. www.KSN.co.th ๓. สื่อใดสามารถเรียนรใู้ นอนิ เตอร์เน็ตได้สะดวก รวดเร็ว ก. สอื่ หอ้ งสมุดประชาชน ข. สอื่ การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ค. ส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ง. สื่อหนังสอื ๔. ห้องสมดุ คอื อะไร ก. แหลง่ รวบรวมหนังสอื อ้างองิ ทกุ ประเภท ข. แหลง่ ทาํ งานของบรรณารักษแ์ ละเจา้ หนา้ ท่ีหอ้ งสมดุ ค. แหลง่ รวบรวมหนงั สือหมวดต่าง ๆ ทุกประเภท ง. แหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทกุ ประเภท ๕. ขอ้ ใดไม่ใชค่ วามสําคญั ของห้องสมุด ก. เปน็ ท่ี ๆ ทกุ คนเขา้ คน้ ควา้ ได้ ข. แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ค. ส่งเสรมิ การรกั การอา่ น ง. รูจ้ กั ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๘๒ ๖. ห้องสมดุ ทม่ี ีขนาดใหญ่ ทนั สมัยทีส่ ดุ คือ ห้องสมุดอะไร ก. หอ้ งสมดุ เคลอ่ื นที่ ข. หอ้ งสมดุ เฉพาะกจิ ค. หอ้ งสมุดประชาชนจังหวดั ง. ห้องสมดุ ตูค้ อนเทนเนอร์ ๗. เวป็ ของสํานักงาน กศน. มีระบบออนไลน์การเรยี นรู้ในดา้ นใด ก. หางานทํา ข. โหราศาสตร์ ค. ทอ่ งเที่ยวอทุ ยาน ง. E-Learning ๘. www.bflybook.com คือห้องสมุดอะไร ก. หอ้ งสมุดในกรุงเทพมหานคร ข. หอ้ งสมุดของ กศน. ค. ห้องสมดุ ของมหาวทิ ยาลัย ง. หอ้ งสมดุ กระทรวงต่าง ๆ ๙. ถา้ ต้องการเรียนร้จู ากส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ของสาํ นักงาน กศน. ควรเข้าเวป็ ใด ก. www.home.dsd.go.th ข. www.nfe.go.th ค. www.wikipedia.org ง. www.tlcthai.com ๑๐. นักศกึ ษาเรียน กศน.ในตา่ งประเทศ ควรศึกษาหาความรจู้ ากส่ือใดสะดวกทส่ี ุด ก. ห้องสมดุ ข. หนังสอื ตา่ งประเทศ ค. อินเทอรเ์ น็ต ง. สัมภาษณ์บุคคลใกลช้ ิด

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๘๓ แบบทดสอบหลงั เรยี น หลักการใช้ภาษาเพื่อความสาํ เรจ็ คาํ ชแี้ จง จงเลอื กคําตอบทีถ่ ูกทสี่ ดุ ๑. ภาษาไทยเปน็ ภาษาคาํ โดด หมายถงึ ข้อใด ก. แต่ละคาํ มคี วามหมายสมบูรณ์ในตัวเอง ข. คําแต่ละคาํ ไม่มีตายตัว เปลี่ยนความหมายได้ ค. การใชภ้ าษาไทยมีการเปลยี่ นรูปคําอยเู่ สมอ ง. คําบางคาํ มคี วามหมายเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา ๒. คาํ ในข้อใดเปน็ “เสียงกรอ่ น” ก. มะพรา้ ว - หมากพร้าว ข. หมากมว่ ง - มะมว่ ง ค. มะม่วง - หมากม่วง ง. ตะไคร้ - ตน้ ไคร้ ๓. คาํ ในข้อใดเป็น “คําเปน็ ” ทงั้ หมด ก. อิด – บท – จิก ข. พบ – ชก – สก ค. จบั – คัด – สดั ง. ใบ – มา – จงั ๔. คําซ้อนเพื่อเสยี ง คือขอ้ ใด ก. ยยู่ ี่ ข. เบิกบาน ค. สมใจ ง. ดีเลิศ ๕. ขอ้ ใดเปน็ คําสมาส ก. วิทยาลัย ข. ธนาคาร ค. อสิ รภาพ ง. มหศั จรรย์

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๔ ๖. ขอ้ ใดเป็นภาษาราชการ ก. เรียนรามคําแหง อดุ มและเพ่ือน ข. อดุ มจะไปเรียนรามกับเพื่อน ๆ ค. มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหงซ่งึ อดุ มเรยี นจบมา ง. อดุ มเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรามคําแหง ๗. คําว่า “ให้” คําราชาศพั ท์คือข้อใด ก. ข้าพระพุทธเจ้า นาย................................... ข. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ค. ล้นเกล้าลน้ กระหม่อม ง. ปกเกล้าปกกระหม่อม ๘. คาํ สาํ นวนไทยทมี่ าจากศาสนา คอื อะไร ก. นา้ํ ทว่ มทงุ่ ผกั บงุ้ โหรงเหรง ข. เข้าตามตรอก ออกตามประตู ค. กรวดนา้ํ ควาํ่ ขนั ง. ขนทรายเขา้ วดั ๙. ขอ้ ใดเปน็ ศัพท์บญั ญตั ขิ องคาํ วา่ “applied” ก. กรณี ข. ฐาน ค. ตวั ประกอบ ง. ประยกุ ต์ ๑๐. การเรยี งลาํ ดบั คําในพจนานกุ รม ขอ้ ใดไม่ถกู ต้อง ก. ะ ั ั ะ ข. า ำ ิ ค. เ เ- ะ เ ี ง. โอ โ- ะ ใ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พื่ อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๕ เฉลยแบบฝกึ หัดทบทวนบทที่ ๑ ลักษณะของภาษาไทยเพอ่ื ความสาํ เรจ็ ขอ้ ๑ แนวคําตอบอยใู่ นบทท่ี ๑ เรอ่ื งที่ ๑ ลกั ษณะของภาษาไทย ข้อ ๒-๓ แนวคาํ ตอบอยใู่ นบทท่ี ๑ เร่ืองที่ ๒ คําเป็น คาํ ตาย ขอ้ ๔ แนวคาํ ตอบอยู่ในบทท่ี ๑ เร่อื งที่ ๓ คาํ ซา้ํ คําซอ้ น ข้อ ๕-๖ แนวคาํ ตอบอย่ใู นบทที่ ๑ เรอื่ งที่ ๔ คําสมาส คําสนธิ ขอ้ ๗ แนวคาํ ตอบอยูใ่ นบทที่ ๑ เรือ่ งท่ี ๕ คาํ ทม่ี าจากภาษาต่างประเทศ เฉลยแบบฝกึ หดั ทบทวนบทที่ ๒ ธรรมชาตขิ องภาษา ข้อ ๑ แนวคาํ ตอบอยใู่ นบทท่ี ๒ เร่ืองที่ ๑ ธรรมชาตขิ องภาษา ข้อ ๒ แนวคําตอบอยูใ่ นบทท่ี ๒ เรือ่ งท่ี ๑ ธรรมชาตขิ องภาษา ข้อ ๓ แนวคาํ ตอบอยู่ในบทที่ ๒ เร่อื งที่ ๒ ระดบั ของภาษา ข้อ ๔ แนวคําตอบอยู่ในบทที่ ๒ เร่อื งที่ ๒ ระดบั ของภาษา เฉลยแบบฝกึ หัดทบทวนบทที่ ๓ ลักษณะและการเลอื กใช้คาํ กล่มุ คาํ และประโยค ข้อ ๑-๓ แนวคําตอบอย่ใู นบทท่ี ๓ เรอื่ งที่ ๑ คาํ สุภาพและราชาศพั ท์ ข้อ ๔ แนวคําตอบอย่ใู นบทท่ี ๓ เรอ่ื งท่ี ๒ คาํ และสาํ นวน ขอ้ ๕ แนวคาํ ตอบอยูใ่ นบทท่ี ๓ เรื่องที่ ๓ ประโยคและชนดิ ของประโยค

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๖ เฉลยแบบฝกึ หดั ทบทวนบทท่ี ๔ สาํ นวน คาํ พงั เพยและสภุ าษิต ข้อ ๑ แนวคําตอบอยู่ในบทท่ี ๔ เรื่องที่ ๑ การใชส้ าํ นวน-คาํ พังเพยและสุภาษติ ขอ้ ๒ แนวคาํ ตอบอยใู่ นบทที่ ๔ เร่ืองท่ี ๒ ศัพท์บัญญัติ ขอ้ ๓ แนวคาํ ตอบอยูใ่ นบทที่ ๔ เรอ่ื งที่ ๓ คําศัพท์เฉพาะกลุ่ม ขอ้ ๔ แนวคําตอบอยใู่ นบทท่ี ๔ เรื่องท่ี ๔ คําศัพทใ์ นวงการต่าง ๆ ข้อ ๕ แนวคําตอบอยู่ในบทท่ี ๔ เรอื่ งที่ ๕ การใชพ้ จนานุกรม ข้อ ๖ แนวคําตอบอย่ใู นบทท่ี ๔ เรอื่ งท่ี ๖ การอา่ นสารานุกรม เฉลยแบบฝกึ หัดทบทวนบทท่ี ๕ การแสวงหาความรู้จากสอื่ ตา่ ง ๆ ขอ้ ๑-๕ แนวคําตอบอยใู่ นบทท่ี ๕ เร่อื งที่ ๑ การแสวงหาความรจู้ ากสอ่ื ตา่ ง ๆ

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๘๗ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี น หลกั การใช้ภาเพอ่ื ความสาํ เร็จ เฉลยแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น เฉลยแบบทดสอบ หลงั เรยี น ขอ้ เฉลย ข้อ เฉลย ๑ง ๑ก ๒ค ๒ข ๓ค ๓ง ๔ง ๔ก ๕ข ๕ค ๖ข ๖ง ๗ก ๗ข ๘ง ๘ค ๙ก ๙ง ๑๐ ค ๑๐ ค เฉลยแบบทดสอบ หลักการใชภ้ าษาเพอื่ ความสําเรจ็ บทที่ ๑ บทที่ ๒ บทท่ี ๓ บทท่ี ๔ บทท่ี ๕ ๑-ข ๑–ข ๑–ค ๑–ข ๑–ค ๒–ก ๒–ง ๒–ก ๒–ง ๒–ก ๓–ง ๓–ก ๓–ข ๓–ค ๓–ค ๔–ค ๔–ง ๔–ก ๔–ง ๔–ง ๕–ก ๕–ง ๕–ค ๕–ก ๕–ข ๖–ข ๖–ก ๖–ข ๖–ข ๖–ค ๗–ค ๗–ก ๗–ง ๗–ข ๗–ง ๘–ก ๘–ข ๘–ข ๘–ง ๘–ก ๙–ง ๙–ก ๙–ก ๙–ก ๙–ก ๑๐ - ข ๑๐ - ก ๑๐ - ค ๑๐ - ค ๑๐ - ค

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ | ๘๘ บรรณานุกรม การศกึ ษานอกโรงเรยี น กรม. ชดุ วชิ าภาษาไทย ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๖. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน, สาํ นักงาน. หนังสอื อเุ ทศภาษาไทย กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว, ๒๕๕๒. คณนิ บญุ สวุ รรณ อธบิ ายศพั ท์รัฐธรรมนญู กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ เดอื นตลุ าคม, ๒๕๔๗. จารุณี กองพลพรหม และขนั ธช์ ยั อธิเกียรติ “สํานวนไทย” ภาษาไทยเพอื่ การสอ่ื สารอยา่ งมี ประสิทธภาพ กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๔๖. โชษติ า มณใี ส การใช้ภาษาไทยเพอื่ ประสิทธผิ ล กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๓. ธนู ทดแทนคณุ ภาษาไทย ๑ พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๑. กรงุ เทพฯ : แมค็ , ๒๕๔๗. ปรชี า นทั ตาภวิ ฒั น์ ประวตั ริ าชาศัพท์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์สตู รไพศาล, ๒๕๔๙. เปรมจติ ชนะวงศ์ หลกั ภาษาไทย พมิ พค์ รง้ั ที่ ๘ นครศรีธรรมราช : โครงการตําราและเอกสารทาง วชิ าการ สถาบันราชภฏั นครศรธี รรมราช, ๒๕๓๘. ราชภฏั สวนสุนันทา, มหาวิทยาลัย. โครงการการใชภ้ าษาไทย เรื่อง ใช้ราชาศัพท์ไดถ้ ูกตอ้ งสนอง พระมหากรณุ าธิคณุ (อดั สําเนา) ราชบณั ฑติ ยสถาน ศพั ทค์ อมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศ (พิมพค์ ร้ังท่ี ๗) กรุงเทพฯ : นานมบี คุ๊ , ๒๕๔๙. เรืองอุไร อนิ ทรประเสรฐิ และคณะ ภาษาไทยเพื่ออาชพี ๑. กรุงเทพฯ : ศุนยส์ ่งเสริมวชิ าการ, ๒๕๔๑. วิชาการ, กรม. กระทรวงศกึ ษาธิการ วรรณสารศึกษา เลม่ ๑ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๖. สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ภาษาไทยสาระที่ควรรู้ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓.

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๘๙ สมถวลิ วเิ ศษสมบตั ิ “ราชาศพั ท์ทใ่ี ชก้ บั พระเจา้ อยูห่ วั และพระราชวงศ”์ สาขาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ร่วมกับมลู นธิ ิเพชรภาษาจดั โครงการสัมมนาการใชภ้ าษาไทย ณ หอ้ งประชมุ ชอ่ แก้ว ๑๗ กันยายน ๒๕๕๐. หอการค้าไทย, มหาวิทยาลยั ภาษาไทยเพ่อื การสือ่ สาร กรุงเทพฯ : ดอกหญ้า, ๒๕๔๑. เอกฉัท จารเุ มธีชน ภาษาไทยสาํ หรบั ครู พมิ พ์ครงั้ ที่ ๓ กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร,์ ๒๕๔๑. อลงกรณ์ อิทธพิ ล ภาษาไทย ๑ กรุงเทพฯ : จติ รวัฒน,์ ม.ป.ป.

ห ลั ก ก า ร ใ ช ห ลั ก ภ า ษ า ไ ท ย เ พ่ื อ ค ว า ม สํา เ ร็ จ | ๙๐ คณะผูจ้ ัดทาํ ๑. นางศริ ิกาญจน์ ธนวฒั นเ์ ดชากุล ๒. นางสาวสภุ สั สร โห้ยุขัน ๓. นายบุญชนะ ล้อมสิรอิ ดุ ม ๔. นางสาวฐิตาพร จินตะเกษกรณ์ ๕. นางสาวอญั ชษิ ฐา สุขกาย ๖. นายสพุ จน์ เช่ียวชลวชิ ญ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook