แผนการจดั การเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๒ กาพย์เห่ชมเคร่อื งคาวหวาน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๓๒ อา่ นเพื่อความปลอดภยั ครูผ้สู อน นางสาวจิราพร กุลให้ วนั ทสี่ อน.................................................................................. 1. สาระสาคัญ การอ่านและปฏิบัติตามเอกสารคู่มือจะทาให้ผู้อ่านสามารถใช้เครื่องมือเคร่ืองใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกดิ ประโยชน์สูงสุด และยังเปน็ การถนอมอายกุ ารใชง้ านใหย้ าวนาน 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอา่ น 3. ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๗ ปฏิบัตติ ามคมู่ ือแนะนาวิธีการใช้งานของเครอ่ื งมือหรือเคร่ืองใช้ในระดบั ทย่ี ากขน้ึ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ สรุปแนวทางการอ่านและปฏิบตั ิตามเอกสารคู่มอื ทักษะกระบวนการ - อา่ นเอกสารคู่มือการใชง้ านของเครอื่ งมือหรือเครื่องใชแ้ ละปฏิบตั ติ าม - บันทกึ ผลการปฏบิ ัติลงในแบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นความสาคญั ในการอ่านและปฏิบตั ติ ามเอกสารคมู่ ือเพื่อความปลอดภยั ในการใช้ เครื่องมือเครื่องใชต้ ่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั 5. สาระการเรียนรู้ การอ่านและปฏิบตั ิตามเอกสารค่มู อื 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าสูบ่ ทเรียน นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามว่าการอ่านและปฏบิ ัตติ ามเอกสารคูม่ ือมีความสาคญั อยา่ งไร ขั้นพฒั นาผู้เรยี น ๑. ครนู าเอกสารคู่มือเก่ียวกับการใชเ้ ครือ่ งมือเคร่ืองใชต้ า่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวัน ท่ีสามารถหาไดใ้ กลต้ วั ไดแ้ ก่ - เอกสารคู่มือการใชพ้ ัดลม
- เอกสารคู่มือการใชเ้ คร่ืองปรับอากาศ - เอกสารคู่มอื การใชเ้ ครื่องซักผ้า - เอกสารคู่มอื การใชเ้ คร่ืองรบั สัญญาณโทรทัศน์ ๒. นักเรยี นแบง่ กล่มุ ตามเอกสารคูม่ ือ ชว่ ยกนั อ่านและสรุปขอ้ ปฏบิ ัติ นาเสนอหน้าชัน้ เรยี น เพือ่ ฝึก ทักษะในการอา่ นและการปฏบิ ัตติ ามเอกสารคู่มอื ๓. ครูทบทวนความรู้ แนวทางการอ่านและปฏิบัติตามเอกสารคู่มอื และข้อควรคานึงในการอ่าน และปฏิบตั ติ ามเอกสารคมู่ ือ ๔. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเร่ืองการประกอบอาหารในปัจจุบันท่ีนิยมใช้เตาแก๊สเพื่อความ สะดวกรวดเร็ว แต่เตาแก๊สก็มีอันตรายหากใช้ไม่ถูกวิธี แล้วให้นักเรียนอ่านคู่มือการใช้เตาแก๊สอย่างปลอดภัย แล้วนาไปปฏบิ ัติตามให้ถูกตอ้ ง พร้อมบันทกึ ผลการปฏบิ ตั ิลงในใบงานเรอื่ ง การอา่ นและปฏิบตั ติ ามเอกสารค่มู อื ขน้ั สรุป นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ การอา่ นและปฏบิ ัติตามเอกสารคมู่ ือจะทาให้ผู้อ่านสามารถใช้ เครื่องมือเคร่อื งใชไ้ ด้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ และยังเป็นการถนอมอายุการใช้งานให้ ยาวนาน ขณะเดยี วกันเป็นการเพิ่มความละเอยี ดรอบคอบใหแ้ กผ่ อู้ า่ นไดม้ ากยิง่ ขึ้น ดังนน้ั จงึ ควรอา่ นเอกสาร คมู่ อื ก่อนเริ่มใช้งานเคร่ืองมอื เครอื่ งใช้ เพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจและคนุ้ เคยกับการใชง้ านมากยงิ่ ข้ึน 7. สอ่ื การเรยี นรู้ ตวั อยา่ งเอกสารคู่มอื 8. การวดั ผลประเมินผล เปา้ หมาย หลกั ฐาน เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การ ประเมิน สาระสาคัญ แบบฝกึ หดั แบบประเมินแบบฝึกหดั การอ่านและปฏบิ ตั ติ าม “การอ่านและปฏิบตั ติ าม “การอ่านและปฏบิ ตั ิตาม ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ เอกสารคู่มอื จะทาใหผ้ ู้อ่านสามารถใช้ เอกสารคู่มอื ” เอกสารคู่มอื ” เครอื่ งมอื เครื่องใช้ได้อย่างมี ร้อยละ ๖๐ ประสิทธภิ าพ และเกิดประโยชน์สงู สุด แบบฝกึ หดั แบบประเมนิ แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์ “การอ่านและปฏบิ ตั ติ าม “การอ่านและปฏบิ ตั ติ าม ตวั ชวี้ ัด ร้อยละ ๖๐ - ท ๑.๑ ม. ๑/๗ ปฏบิ ัติตามค่มู ือ เอกสารคู่มอื ” เอกสารคู่มอื ” ผ่านเกณฑ์ แนะนาวิธกี ารใชง้ านของเครอื่ งมอื หรือ เครอื่ งใชใ้ นระดบั ทยี่ ากข้ึน แบบฝึกหดั แบบประเมินแบบฝกึ หัด “การอ่านและปฏิบัติตาม “การอ่านและปฏิบตั ิตาม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เห็นความสาคัญในการอ่านและ เอกสารคู่มอื ” เอกสารคู่มอื ” ปฏิบตั ติ ามเอกสารคมู่ ือเพ่ือความ ปลอดภยั ในการใชเ้ ครือ่ งมือเครื่องใช้ ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวัน
เกณฑ์การประเมินผล (รบู ริกส์) ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรยี นสรปุ แนว สรปุ แนวทางการอ่าน สรุปแนวทางการอา่ น สรุปแนวทางการอา่ น สรปุ แนวทางการอ่าน ทางการอ่านและ และปฏบิ ัตติ าม และปฏบิ ตั ติ าม และปฏบิ ตั ติ าม และปฏิบตั ิตาม ปฏบิ ตั ิตามเอกสาร เอกสารคู่มือ ได้ เอกสารคู่มือ ได้ เอกสารคู่มือ ได้ เอกสารคู่มือ ได้ถูกตอ้ ง ค่มู ือ (K) ถูกต้อง ชัดเจน หลาย ถกู ต้อง ชัดเจน หลาย ถกู ต้อง แต่สรปุ เพยี ง แต่สรปุ เพียง ๑ ประเดน็ แงม่ ุม และสามารถ แง่มมุ และสามารถ ๑ ประเดน็ และเสนอ ไมส่ ามารถเชอ่ื มโยงกับ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ แนวทางการนาไปใชใ้ น ชีวติ จรงิ ได้ ตอ้ งมีผู้ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริงได้ นาไปใชใ้ นชีวิตจริงได้ ชวี ติ จริงได้สมั พนั ธ์กัน แนะนาจึงจะเข้าใจ ดีและสร้างสรรค์ 2. นักเรยี นอา่ น อ่านจับใจความ จับใจความสาคญั ของ จับใจความสาคัญของ จับใจความสาคัญของ เอกสารคู่มือการใช้ สาคญั ของเนื้อหาได้ เนอื้ หาได้เกือบทัง้ หมด เนอื้ หาไดเ้ ล็กนอ้ ย และ เนือ้ หาไดน้ ้อยมาก ไม่ งานของเคร่ืองมือ ทั้งหมด และสามารถ และสามารถเสนอแนว เสนอแนวทางการอา่ น สามารถเช่ือมโยงกับ หรือเครือ่ งใช้และ เสนอแนวทางการ ทางการอ่านคู่มือ ค่มู ือนาไปใช้ในชวี ิตจริง ชีวติ จริงได้ ตอ้ งมีผู้ ปฏิบัตติ าม (P) อ่านคูม่ ือนาไปใช้ใน นาไปใชใ้ นชวี ติ จริงได้ ได้สมั พนั ธ์กัน แนะนาจึงจะเข้าใจ ชวี ิตจรงิ ไดด้ แี ละ สร้างสรรค์ ๓. นกั เรียนเหน็ เห็นความสาคญั ใน เห็นความสาคญั ใน เหน็ ความสาคญั ใน เห็นความสาคัญในการ ความสาคญั ในการ การอ่านและปฏิบตั ิ การอา่ นและปฏบิ ตั ิ การอ่านและปฏิบตั ิ อ่านและปฏิบัติตาม อ่านและปฏบิ ัติตาม ตาม จับใจความ ตาม จับใจความ ตาม จบั ใจความ จับใจความสาคญั ของ เอกสารคู่มือเพื่อ สาคัญของเน้ือหาได้ สาคัญของเนอ้ื หาได้ สาคัญของเน้ือหาได้ เน้ือหาไดน้ ้อยมาก ไม่ ความปลอดภัยในการ ทงั้ หมด และสามารถ เกือบทัง้ หมด และ เล็กน้อย และเสนอ สามารถเชือ่ มโยงกับ ใช้เครือ่ งมือเคร่ืองใช้ เสนอแนวทางการ สามารถเสนอแนว แนวทางการอ่านคู่มือ ชีวิตจริงได้ ต้องมีผู้ ตา่ ง ๆ ใน อ่านค่มู ือนาไปใชใ้ น ทางการอ่านคู่มือ นาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ แนะนาจึงจะเข้าใจ ชวี ิตประจาวนั (A) ชวี ิตจรงิ ได้ดีและ นาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ สัมพนั ธก์ นั สร้างสรรค์ เกณฑ์การประเมนิ การผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หน่วยท่ี ๒ กาพย์เห่ชมเคร่อื งคาวหวาน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ ๒ แผนการเรียนรทู้ ี่ ๓๓ วธิ ีการเขยี นรายงาน ครูผูส้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ วนั ทส่ี อน.................................................................................. 1. สาระสาคญั การเขยี นรายงานเป็นการนาเสนอความรทู้ ี่ได้จากการศึกษาคน้ ควา้ ซ่ึงมวี ิธกี ารจัดทาและรปู แบบการ นาเสนอเพื่อให้ไดร้ ายงานท่ีมีคุณภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียน เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ 3. ตวั ชว้ี ัด ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าและโครงงาน ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขียน 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธิบายวิธกี ารและรูปแบบการเขยี นรายงาน 2. ทักษะกระบวนการ (P) วเิ คราะห์ความสาคัญของการเขยี นรายงาน 3. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) เหน็ ความสาคัญของวิธีการเขียนรายงานเพ่ือให้ไดร้ ายงานท่ีมคี ุณภาพ 5. สาระการเรียนรู้ วิธีการเขียนรายงาน 6. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า ปัจจบุ ันการนาเสนอความรมู้ วี ธิ ีใดบา้ ง ขั้นพฒั นาผู้เรียน ๑. นักเรียนศกึ ษาความรู้เร่ือง การเขยี นรายงาน แล้วรว่ มกนั สนทนาในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ - การเขยี นรายงานเป็นการเขียนในลักษณะใด - วิธกี ารเขียนรายงานมีหลักการและขน้ั ตอนอยา่ งไร - ส่วนประกอบสาคัญของรายงานมอี ะไรบ้าง
๒. นักเรียนรว่ มกนั สรปุ วิธกี ารเขียนรายงานเป็นแผนภาพความคิด ๓. ครูนาตัวอย่างรูปแบบของรายงานให้นักเรยี นรว่ มกันศกึ ษาเพื่อเปน็ ความรู้เพิ่มเติม ๔. นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายและยกตัวอยา่ งจากประสบการณใ์ นประเด็นต่อไปนี้ - สิ่งสาคญั ของการนาเสนอความรใู้ นรายงานคืออะไร เพราะเหตุใด - การรวบรวมข้อมูลเพื่อทารายงานควรรวบรวมจากหลาย ๆ แหลง่ เพราะเหตุใด - การจัดข้อมลู มปี ระโยชนใ์ นการเขยี นรายงานอย่างไร - การทารายงานใหน้ า่ สนใจมีวิธีใดบา้ ง - เพราะเหตใุ ดรายงานจงึ ต้องมกี ารอ้างอิงแหล่งท่ีมาของข้อมูล ครสู รปุ ร่วมกับนักเรยี นเก่ียวกับการเขียนรายงาน ขน้ั สรุป นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การเขียนรายงานเปน็ การนาเสนอความร้ทู ี่ไดจ้ ากการศึกษา ค้นควา้ ซงึ่ มวี ธิ กี ารจดั ทาและรูปแบบการนาเสนอเพ่ือให้ได้รายงานที่มีคุณภาพ 7. สอ่ื การเรยี นรู้ ตัวอยา่ งรายงาน 8. การวดั ผลประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐาน เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ าร ประเมนิ สาระสาคญั แบบฝึกหัด แบบประเมินแบบฝกึ หดั การเขยี นรายงานเปน็ การ ร้อยละ ๖๐ “แผนภาพความคดิ พิชิต “แผนภาพความคิด พิชติ ผา่ นเกณฑ์ นาเสนอความรทู้ ี่ไดจ้ ากการศึกษา คน้ คว้า ซง่ึ มวี ิธีการจัดทาและรปู แบบ การเขียนรายงาน” การเขยี นรายงาน” ร้อยละ ๖๐ การนาเสนอเพื่อใหไ้ ด้รายงานท่มี ี ผ่านเกณฑ์ คณุ ภาพ แบบฝกึ หัด แบบประเมนิ แบบฝึกหดั ตวั ชวี้ ัด ร้อยละ ๖๐ - ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขยี นรายงาน “แผนภาพความคิด พิชิต “แผนภาพความคิด พชิ ติ ผา่ นเกณฑ์ การศกึ ษาค้นควา้ และโครงงาน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การเขียนรายงาน” การเขียนรายงาน” เหน็ ความสาคญั ของวธิ กี ารเขียน แบบฝึกหัด แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั รายงานเพื่อใหไ้ ด้รายงานท่ีมคี ุณภาพ “แผนภาพความคิด พชิ ติ “แผนภาพความคิด พิชิต การเขยี นรายงาน” การเขียนรายงาน”
เกณฑก์ ารประเมินผล (รูบรกิ ส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรียนอธิบาย อธบิ ายวิธกี ารและ อธบิ ายวธิ กี ารและ อธบิ ายวิธกี ารและ อธิบายวิธกี ารและ วธิ กี ารและรูปแบบ รปู แบบการเขียน รปู แบบการเขียน รูปแบบการเขียน รูปแบบการเขียน การเขียนรายงาน (K) รายงานไดถ้ ูกต้อง รายงานไดถ้ ูกต้อง รายงานได้ถูกต้อง แต่ รายงานไดถ้ ูกต้อง แต่ ชัดเจน หลายแง่มุม ชัดเจน หลายแงม่ ุม สรุปเพียง ๑ ประเด็น สรปุ เพยี ง ๑ ประเด็น ไม่ และสามารถเสนอ และสามารถเสนอ และเสนอแนว สามารถเชื่อมโยงกับ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ ทางการนาไปใช้ในชวี ติ ชีวิตจริงได้ ต้องมีผู้ ในชีวิตจริงได้ดีและ ในชีวิตจรงิ ได้ จรงิ ไดส้ มั พนั ธ์กนั แนะนาจึงจะเข้าใจ สรา้ งสรรค์ 2. นักเรยี นวเิ คราะห์ วเิ คราะหค์ วามสาคัญ วิเคราะห์ความสาคัญ วเิ คราะห์ความสาคัญ วิเคราะห์ความสาคญั ความสาคญั ของการ ของการเขียนรายงาน ของการเขียนรายงาน ของการเขียนรายงาน ของการเขยี นรายงานที่ เขียนรายงาน (P) ท่ีได้จากการเรียนร้ใู น ท่ไี ด้จากการเรียนรู้ใน ทต่ี ามบทเรยี น ไดร้ บั จากบทเรยี น แง่มุมท่นี ่าสนใจ แงม่ ุมที่น่าสนใจ สอดแทรกความคิด เป็นความรู้แบบท่องจา เป็นประโยชน์ใน เปน็ ประโยชน์ใน ที่เพ่ิมเติมขน้ึ เล็กนอ้ ย ไม่สามารถเชอ่ื มโยงกับ การดาเนนิ ชีวิตทง้ั ต่อ การดาเนินชีวติ ให้เช่ือมโยงกับ ชวี ิตจรงิ ได้ ตนเองและผ้อู ่ืน ของตนเอง ชวี ิตจรงิ ๓. นกั เรยี นเหน็ นักเรียนใชค้ าใน นักเรยี นใช้คาใน นกั เรียนใชค้ าใน นกั เรียนใชค้ าใน ความสาคญั ของ ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยไม่ถูกต้อง วิธกี ารเขยี นรายงาน ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ เขียนยงั ไมถ่ กู ตอ้ ง เขียนคาพนื้ ฐาน เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ายงานทีม่ ี ถกู บริบทและ ถูกบริบทและ ตาม อักขรวิธี เขียน ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง คณุ ภาพ (A) เหมาะสม เขียนคา เหมาะสม เขียนคา คาพนื้ ฐานไดถ้ ูกตอ้ ง พื้นฐานได้ถกู ต้อง พื้นฐานมีข้อผดิ พลาด บ้าง ท้ังหมด เล็กนอ้ ย เกณฑ์การประเมนิ การผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรงุ คะแนนร้อยละ ๖๐ ถือว่าผ่านเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ชั่วโมง หนว่ ยท่ี ๒ กาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวาน เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรยี นรู้ที่ ๓๔ การเขียนรายงาน ครผู ู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ วันทสี่ อน.................................................................................. 1. สาระสาคญั การเขียนรายงานต้องนาเสนอความรู้ท่ีศึกษาค้นควา้ มาอยา่ งถูกต้องและชดั เจน การจะเขยี นรายงานได้ดี ต้องกาหนดขอบเขตเนื้อหาและวางแผนการทางาน เพ่ือให้ทางานได้รวดเร็วและมปี ระสิทธภิ าพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียน เรอ่ื งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ความรู้ (K) สรุปวิธีการและสว่ นประกอบของการเขียนรายงาน 2. ทักษะกระบวนการ (P) - วางแผนและกาหนดขอบเขตเน้อื หาในการเขียนรายงาน - เขยี นรายงาน 3. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) เห็นความสาคัญของการเขียนรายงานเพ่ือนาเสนอความร้แู ลกเปลี่ยนกบั ผู้อื่น 5. สาระการเรียนรู้ การเขียนรายงาน 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นว่านกั เรียนสามารถคน้ คว้าข้อมลู ไดจ้ ากแหลง่ การเรียนรใู้ ดบ้าง ข้ันพฒั นาผเู้ รียน ๑. นกั เรยี นร่วมกันทบทวนความรู้เรอ่ื ง การเขียนรายงาน ๒. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสมเพื่อศึกษาค้นคว้าอาหารไทย ๔ ภาค และอาหารยอดนิยม ในประเทศสมาชกิ อาเซียน โดยศกึ ษาคน้ คว้ารายละเอยี ด ดังนี้ - ลกั ษณะเดน่ ของอาหาร
- วิธกี ารปรุง เคล็ดลับความอร่อย ๓. นักเรยี นแต่ละกลุ่มจับฉลากหัวขอ้ อาหารท้งั 4 ภาค แล้วสนทนาภายในกลมุ่ วา่ มคี วามรู้ อะไรบา้ ง เก่ียวกับอาหารน้นั ๆ บันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้ แลว้ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอ กลมุ่ อื่น ๆ ช่วยเสนอ ความรูเ้ พมิ่ เตมิ หากเปน็ ขอ้ มูลทนี่ ่าสนใจให้เจ้าของกลุม่ บันทึกไว้ ๔. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ประชุมเพอ่ื กาหนดขอบเขตเนอ้ื หาของรายงาน โดยบันทกึ เปน็ แผนภาพ ความคดิ ลงในกระดาษที่ครูแจกให้ จากนนั้ วางแผนการทางาน มอบหมายหน้าทใ่ี ห้สมาชิก ของกลุ่ม และกาหนด ระยะเวลาการทางาน ๕. หวั หน้ากลุ่มของแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอแผนภาพความคดิ และการวางแผนใหเ้ พ่ือนฟงั กลมุ่ อ่นื ช่วยเสนอแนะเพิม่ เตมิ ครูรว่ มแสดงความคดิ เห็นและเสนอแนะเพมิ่ เติมให้นักเรียนทุกกลมุ่ ๖. นักเรยี นทุกกลุม่ ไปศึกษาค้นคว้าและจดั ทารายงานตามแผนงานทีก่ าหนดไว้ ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ การเขียนรายงานตอ้ งนาเสนอความรทู้ ่ีศึกษาค้นคว้ามาอยา่ ง ถูกต้องและชดั เจน การจะเขียนรายงานไดด้ ีต้องกาหนดขอบเขตเน้อื หาและวางแผนการทางาน เพ่ือให้ทางานได้ รวดเรว็ และมปี ระสิทธิภาพ 7. สอ่ื การเรียนรู้ ๑. ฉลาก ๒. กระดาษสาหรับทากจิ กรรม ๓. ปากกาเคมี
8. การวดั ผลประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐาน เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ าร ประเมิน สาระสาคัญ การวางแผนการทา แบบประเมนิ การเขยี นรายงานตอ้ งนาเสนอ รายงานอาหาร 4 “การทารายงาน ๔ ภาค” รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ ความรทู้ ศ่ี ึกษาค้นคว้ามาอยา่ งถูกต้องและ ภาค แบบประเมิน ชดั เจน การจะเขียนรายงานได้ดตี ้อง “การทารายงาน ๔ ภาค” ร้อยละ ๖๐ กาหนดขอบเขตเนื้อหาและวางแผนการ รูปเล่มรายงาน ผา่ นเกณฑ์ ทางาน เพื่อให้ทางานไดร้ วดเรว็ และมี อาหาร 4 ภาค แบบประเมนิ ประสทิ ธภิ าพ “การทารายงาน ๔ ภาค” รอ้ ยละ ๖๐ ตัวชีว้ ดั รปู เล่มรายงาน ผ่านเกณฑ์ - ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขยี นรายงานการศึกษา อาหาร 4 ภาค คน้ คว้าและโครงงาน - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เหน็ ความสาคญั ของการเขียน รายงานเพื่อนาเสนอความรแู้ ลกเปลย่ี นกับ ผอู้ ื่น เกณฑ์การประเมินผล (รูบรกิ ส)์ ประเด็นการประเมิน ระดับคณุ ภาพ ๑. นักเรียนสรุป (๔) ดีมาก (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ วธิ กี ารและ สว่ นประกอบของการ สรุปวธิ ีการและ สรปุ วธิ กี ารและ สรปุ วธิ ีการและ สรุปวิธีการและ เขยี นรายงาน (K) ส่วนประกอบของการ สว่ นประกอบของ 2. นกั เรียนเขยี น เขียนรายงานไดถ้ กู ตอ้ ง สว่ นประกอบของการ ส่วนประกอบของ การเขยี นรายงานได้ รายงาน (P) ทงั้ หมด เลก็ นอ้ ย เขียนรายงานได้ การเขียนรายงานได้ มีส่วนประกอบของ มสี ่วนประกอบของ รายงานครบถ้วน ถูกต้อง ถกู ต้องบางส่วน รายงานครบถว้ น นาเสนอข้อมูล นาเสนอข้อมลู ละเอียดชดั เจน มสี ่วนประกอบของ มสี ว่ นประกอบของ ยงั ไมล่ ะเอยี ด และหลากหลาย มขี ้อมูลบางสว่ น ทุกข้อมูลเชอ่ื มโยง รายงานครบถ้วน รายงานครบถว้ น ไม่สัมพันธ์ สัมพันธก์ บั หัวข้อ กบั หวั ข้อ การเรียบ เรียบเรียงเนอื้ หา นาเสนอข้อมลู นาเสนอข้อมูล เรียงเนื้อหาและการ ละเอยี ดชดั เจน ไม่ละเอยี ดมากนัก และหลากหลาย แต่กเ็ ชือ่ มโยงสมั พันธ์ ทุกข้อมลู เชอ่ื มโยง กับหวั ข้อ สัมพนั ธก์ บั หัวข้อ และเรียบเรียงเน้ือหา เรยี บเรียงเนอ้ื หา ตามลาดบั
ตามลาดบั และ ตามลาดบั การจัด ส่วนการจดั วาง จัดวางหวั ข้อยัง สับสน ต่อเน่อื งกนั ดี วางหวั ข้อชดั เจน หวั ขอ้ ยงั สบั สน มภี าพประกอบเพียง เลก็ นอ้ ย จดั รูปแบบการ ทาใหเ้ ข้าใจง่าย เลก็ นอ้ ย และมี นักเรียนใชค้ าใน นาเสนอน่าสนใจ และเป็นระเบยี บ ภาพประกอบ ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เขยี นคาพ้นื ฐาน เรียงลาดบั หัวขอ้ มีภาพประกอบ พอสมควร ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง ชดั เจน เข้าใจงา่ ย หลายภาพ ชว่ ยเพ่ิม มีภาพประกอบ ความน่าสนใจ สวยงามและอยู่ใน ตาแหน่งทเ่ี หมาะสมทกุ ภาพ ๓. นกั เรียนเหน็ นกั เรียนใช้คาใน นักเรยี นใชค้ าใน นักเรียนใช้คาใน ความสาคญั ของการ เขยี นรายงานเพอ่ื ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง นาเสนอความรู้ แลกเปลยี่ นกับผู้อื่น ตามอักขรวธิ ี ใชค้ าได้ ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ เขยี นยังไม่ถูกต้อง (A) ถกู บรบิ ทและเหมาะสม ถูกบรบิ ทและ ตาม อกั ขรวิธี เขยี น เขียนคาพ้นื ฐานได้ เหมาะสม เขียนคา คาพื้นฐานได้ถูกต้อง ถกู ต้องทงั้ หมด พน้ื ฐานมขี ้อผิดพลาด บา้ ง เล็กน้อย เกณฑ์การประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรงุ คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจดั การเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง หน่วยที่ ๒ กาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๓๕ การพูดรายงาน ครผู ู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ วนั ท่ีสอน.................................................................................. 1. สาระสาคญั การพูดรายงานเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าเป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังได้รับทราบข้อมูลและเกิดความเข้าใจ ซึ่งผู้พูด ต้องรายงานข้อมูลทถี่ ูกต้อง ชดั เจน เพือ่ ให้ผู้ฟงั ได้รบั ประโยชน์จากการฟงั อยา่ งเตม็ ที่ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ 3. ตัวช้วี ดั ท ๓.๑ ม. ๑/๕ พดู รายงานเรื่องหรอื ประเด็นท่ศี ึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ความรู้(K) อธิบายหลกั การพดู เสนอความรใู้ นรปู แบบของการพดู รายงาน 2. ทักษะกระบวนการ (P) พูดรายงานเรื่องที่ศึกษาคน้ ควา้ 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) เห็นความสาคญั ของการพูดเพื่อนาเสนอความรู้ท่สี ามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง 5. สาระการเรียนรู้ การพูดเสนอความรู้ในรปู แบบของการพดู รายงาน 6. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรียน นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับความร้แู ละประสบการณใ์ ดบ้างจากการทารายงานในครงั้ น้ี ขั้นพฒั นาผเู้ รียน ๑. นักเรียนร่วมกนั ทบทวนความรเู้ รือ่ ง การพดู เสนอความรู้ในรปู แบบของการพดู รายงาน
๒. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาพูดรายงานเก่ยี วกับอาหารไทย ๔ ภาคและอาหารยอดนิยม ในประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้า เมื่อพูดรายงานเสร็จให้นารายงานท่ีจัดทาเป็นเล่มเรียบร้อย แลว้ ส่งครูเพื่อประเมินผลงาน ๕. นักเรยี นทุกคนรว่ มกนั ฟัง จดบันทึกข้อมูลทีน่ ่าสนใจ ประเมินการพดู อภิปรายและเสนอแนะ ครู ช่วยแนะนาเพ่ิมเติม ขัน้ สรปุ นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การพดู รายงานเรื่องท่ีศกึ ษาค้นควา้ เปน็ การพูดเพอ่ื ใหผ้ ู้ฟงั ได้รับทราบข้อมูลและเกดิ ความเขา้ ใจ ซึ่งผู้พดู ต้องรายงานข้อมลู ทีถ่ ูกต้อง ชดั เจน เพื่อให้ผฟู้ ังไดร้ ับประโยชน์จาก การฟังอยา่ งเต็มที่ 7. สอ่ื การเรยี นรู้ เอกสาร ภาพ หรืออุปกรณท์ ี่ใช้ประกอบการพูดรายงาน 8. การวัดผลประเมินผล หลกั ฐาน เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ าร การพูดรายงาน ประเมิน เป้าหมาย อาหาร 4 ภาค แบบประเมินแบบฝึกหดั การพดู รายงาน ร้อยละ ๖๐ สาระสาคญั การพดู รายงาน อาหาร 4 ภาค ผ่านเกณฑ์ การพดู รายงานเรื่องที่ศึกษา อาหาร 4 ภาค แบบประเมินแบบฝกึ หดั ร้อยละ ๖๐ คน้ คว้าเป็นการพดู เพื่อใหผ้ ู้ฟงั ไดร้ ับ การพดู รายงาน การพดู รายงาน ผ่านเกณฑ์ ทราบข้อมลู และเกดิ ความเขา้ ใจ อาหาร 4 ภาค อาหาร 4 ภาค ตวั ช้วี ัด แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั ร้อยละ ๖๐ - ท ๓.๑ ม. ๑/๕ พูดรายงานเร่อื ง การพูดรายงาน ผ่านเกณฑ์ หรือประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้ จากการฟัง อาหาร 4 ภาค การดู และการสนทนา - ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมารยาทใน การฟัง การดู และการพูด คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เหน็ ความสาคญั ของการพูดเพ่ือ นาเสนอความรทู้ ี่สามารถนาไป ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส์) ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรยี นอธบิ าย อธิบายหลักการพดู อธบิ ายหลักการพดู อธิบายหลักการพูด อธบิ ายหลกั การพูด หลกั การพดู เสนอ เสนอความรใู้ น เสนอความร้ใู น เสนอความรูใ้ น เสนอความรใู้ นรปู แบบ ความรใู้ นรปู แบบของ รปู แบบของการพดู รูปแบบของการพดู รูปแบบของการพดู ของการพูดรายงาน การพดู รายงาน (K) รายงาน ไดถ้ ูกตอ้ ง รายงานถูกต้อง รายงาน ไดถ้ ูกต้อง ถูกต้อง แต่สรปุ เพยี ง ๑ ชดั เจน หลายแง่มมุ ชดั เจน หลายแงม่ มุ แตส่ รุปเพียง ๑ ประเด็น ไมส่ ามารถ และสามารถเสนอ และสามารถเสนอ ประเด็น และเสนอ เช่ือมโยงกับชีวติ จรงิ ได้ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ใน ตอ้ งมผี ู้แนะนาจงึ จะ ในชีวิตจรงิ ได้ดแี ละ ในชวี ิตจรงิ ได้ ชีวิตจริงไดส้ ัมพันธ์กัน เขา้ ใจ สรา้ งสรรค์ 2. นักเรียนพดู พูดได้คลอ่ งแคลว่ พดู พูดได้คล่องแคลว่ พูด พูดได้คล่องแคลว่ แต่ไม่ พดู เหมือนท่องจา มี รายงานเรอื่ งทศี่ ึกษา เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติประสาน เปน็ ธรรมชาตปิ ระสาน การประสานสายตา ค้นคว้า (P) ประสานสายตากบั สายตากบั ผฟู้ ัง มีการ สายตากบั ผฟู้ งั น้อย กบั ผู้ฟงั บ้างเป็นระยะ ผฟู้ งั มกี ารแสดงออก แสดงออกทางสีหน้า ทางสีหน้าและท่าทาง และทา่ ทางบ้าง อยา่ งเหมาะสม เล็กนอ้ ย ๓. นักเรยี นเหน็ ส่ือสารได้ตรง สื่อสารได้ตรงประเด็น ส่อื สารได้ตรง สอ่ื สารได้เน้ือหาน้อย ความสาคัญของการ ประเด็นเนื้อหา เนอ้ื หาถูกต้องเป็น ประเด็นเปน็ ออกเสยี ง พดู เพ่ือนาเสนอ ถูกต้องตามหัวข้อท่ี ส่วนใหญอ่ อกเสยี งได้ บางส่วนเนอ้ื หาและ ไม่ถูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ความรทู้ ่ีสามารถ กาหนด ออกเสียง ถกู ต้อง การออกเสียงถูกต้อง นาไปประยุกตใ์ ช้ใน ถูกต้องใช้คาศัพท์ เปน็ บางสว่ น ชีวิตจริง(A) สานวน และ โครงสร้างภาษา ถูกต้อง เกณฑก์ ารประเมินการผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรงุ คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง หน่วยที่ ๒ กาพย์เหช่ มเครอื่ งคาวหวาน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี ๒ แผนการเรียนรทู้ ี่ ๓๖ คุณค่ากาพย์เหช่ มเครอ่ื งคาวหวาน ครูผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ วนั ทีส่ อน.................................................................................. 1. สาระสาคัญ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานมีความไพเราะจากการเลือกสรรถ้อยคา และการใช้โวหารเปรียบเทียบที่คม คาย เนื้อหากล่าวถึงอาหารไทยหลายชนิด ทาให้ผู้อ่านรู้จักอาหารเหล่านั้นซ่ึงเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยอีกทาง หน่งึ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ยั รักการอา่ น มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเหน็ คุณค่า และนามาประยุกต์ใช้ในชีวติ จรงิ 3. ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๘ วิเคราะหค์ ุณค่าท่ีได้รับจากการอา่ นงานเขียนอย่างหลากหลาย ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ ่าน ท ๕.๑ ม. ๑/๔ สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากการอา่ นเพื่อประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) - สรุปความรูจ้ ากกาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวาน - อธิบายคณุ ค่าของกาพยเ์ ห่ชมเครอื่ งคาวหวาน 2. ทักษะกระบวนการ (P) - วิเคราะห์คุณคา่ ของกาพย์เห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน - เขยี นบันทึกการเรียนร้จู ากกาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน 3. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) เห็นความสาคัญของการศึกษาวรรณคดีท่สี ามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ 5. สาระการเรยี นรู้ การวเิ คราะห์คุณคา่ ของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน 6. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรียน
ครูและนกั เรยี นทบทวนลักษณะคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ และทบทวนกาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวาน ขัน้ พฒั นาผู้เรียน ๑. นกั เรียนชว่ ยกนั ทอ่ งคาประพนั ธ์ต่อจากวรรคที่ครขู ึน้ ตน้ ให้จบบท เช่น มสั มั่นแกงแกว้ ตา ก้อยกงุ้ ปรุงประทิ่น ผกั โฉมชื่อเพราะพร้อง ๒. ครนู าบัตรคาหรือแถบข้อความติดบนกระดาน ให้นกั เรยี นช่วยกันอธบิ ายวา่ คาหรอื ขอ้ ความนั้น สัมพนั ธ์กบั กาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวานอย่างไร เชน่ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย กาพย์เห่ อาหารไทย ๓. นักเรียนรว่ มกันวิเคราะห์คุณคา่ ของกาพยเ์ หช่ มเคร่อื งคาวหวานทตี่ นเองไดร้ ับ แลว้ บอกคนละ ๑ ข้อ ครเู ขียนบนั ทึกบนกระดาน ๔. นกั เรียนรว่ มกันพจิ ารณาคุณค่าของกาพยเ์ ห่ชมเครือ่ งคาวหวานทง้ั หมดท่ีบันทึกไวว้ า่ มีคณุ ค่า ดา้ นใดบ้าง แล้วช่วยกันจดั หมวดหมสู่ รปุ สาระสาคัญของคณุ ค่าแต่ละด้านและบันทกึ ไว้ ๕. นกั เรียนทบทวนบทเรียน แล้วบันทึกการเรยี นร้แู สดงความรสู้ ึกหรือความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น อยา่ งอสิ ระท่ีมตี ่อวรรณคดเี ร่ืองน้ีในแบบฝึกหดั เร่ือง การเขียนบนั ทกึ วรรณคดีศึกษา : กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาว- หวาน และครตู รวจผลงานของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ข้ันสรปุ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ี กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวานมคี วามไพเราะจากการเลือกสรร ถอ้ ยคา และการใช้โวหารเปรยี บเทียบท่คี มคาย เน้ือหากล่าวถึงอาหารไทยหลายชนดิ ทาให้ผูอ้ า่ นร้จู ักอาหาร เหลา่ นั้นซึ่งเป็นการอนรุ กั ษ์ความเปน็ ไทยอีกทางหนงึ่ 7. สือ่ การเรยี นรู้ บัตรคาหรือแถบข้อความ 8. การวัดผลประเมินผล เปา้ หมาย หลกั ฐาน เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การ ประเมิน สาระสาคญั ร้อยละ ๖๐ กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานมี ผา่ นเกณฑ์ ความไพเราะจากการเลอื กสรรถ้อยคา แบบฝกึ หัด แบบประเมินแบบฝึกหดั และการใชโ้ วหารเปรยี บเทยี บทค่ี มคาย “การเขยี นบันทกึ “การเขยี นบนั ทกึ วรรณคดี เนื้อหากล่าวถึงอาหารไทยหลายชนิด วรรณคดศี กึ ษา : กาพย์ ศกึ ษา : กาพยเ์ ห่ชมเคร่ือง ทาใหผ้ ู้อา่ นรูจ้ ักอาหารเหล่าน้ันซงึ่ เป็น เหช่ มเครื่องคาว-หวาน” คาว-หวาน” การอนรุ ักษ์ความเปน็ ไทยอีกทางหน่งึ
ตวั ช้ีวดั แบบฝึกหดั แบบประเมินแบบฝกึ หัด รอ้ ยละ ๖๐ - ท ๑.๑ ม. ๑/๘ วเิ คราะหค์ ณุ ค่าท่ี “การเขยี นบันทกึ “การเขียนบันทึกวรรณคดี ผ่านเกณฑ์ วรรณคดีศึกษา : กาพย์ ศกึ ษา : กาพย์เหช่ มเคร่ือง ได้รบั จากการอา่ นงานเขียนอยา่ ง เห่ชมเครอ่ื งคาว-หวาน” รอ้ ยละ ๖๐ หลากหลาย คาว-หวาน” ผา่ นเกณฑ์ แบบฝึกหัด - ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเนอ้ื หา “การเขียนบันทึก แบบประเมนิ แบบฝึกหัด วรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่าน วรรณคดศี กึ ษา : กาพย์ “การเขียนบนั ทกึ วรรณคดี เหช่ มเครอ่ื งคาว-หวาน” ศึกษา : กาพย์เห่ชมเคร่ือง - ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธบิ ายคณุ ค่าของ วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ น คาว-หวาน” - ท ๕.๑ ม. ๑/๔ สรปุ ความรแู้ ละ ข้อคิดจากการอา่ นเพ่ือประยุกตใ์ ช้ใน ชวี ิตจรงิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เหน็ ความสาคัญของการศกึ ษา วรรณคดีทีส่ ามารถนามาประยกุ ต์ใชใ้ น ชีวิตจรงิ เกณฑ์การประเมินผล (รูบริกส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นกั เรยี นความรู้ สรปุ ความรู้และ สรปุ ความรแู้ ละข้อคิด สรปุ ความรแู้ ละ สรปุ ความรแู้ ละข้อคิด และคณุ คา่ จากกาพย์ ขอ้ คิดจากเรื่องได้ จากเรื่องได้ถูกต้อง ขอ้ คิดจากเรื่องได้ จากเร่อื งได้ถูกต้อง แต่ เหช่ มเครื่องคาว ถูกต้อง ชัดเจน หลาย ชดั เจน หลายแง่มุม ถูกต้อง แต่สรปุ เพยี ง สรปุ เพยี ง ๑ ประเดน็ ไม่ หวาน (K) แง่มมุ และสามารถ และสามารถเสนอ ๑ ประเด็น และเสนอ สามารถเช่อื มโยงกับ เสนอแนวทางการ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ใน ชีวติ จรงิ ได้ ตอ้ งมผี ู้ นาไปใชใ้ นชีวิตจริงได้ ในชีวติ จริงได้ ชวี ิตจริงไดส้ ัมพนั ธ์กัน แนะนาจงึ จะเข้าใจ ดีและสร้างสรรค์ 2. นักเรยี นเขยี น เขยี นบนั ทึก เขียนบันทกึ เขยี นบนั ทกึ เขยี นบนั ทกึ บนั ทึกการเรยี นรู้จาก การเรยี นรู้ไดด้ ี การเรยี นรู้ไดด้ ี การเรียนร้ทู ่ีมี การเรยี นรูไ้ ด้เพียง กาพย์เห่ชมเครื่อง สามารถสะท้อน แต่ยังสะท้อน ความยาวมากขึ้น ๒-๓ บรรทัด คาวหวาน (P) ความรู้ ความร้สู ึก ความรู้ ความรสู้ ึก แต่ยังจาแนกประเดน็ และความคิดเห็น และความคดิ เหน็ การเขยี นไมช่ ัดเจน จากการอ่านวรรณคดี ไม่ชดั เจนเท่าทคี่ วร หรอื วรรณกรรมได้ ชดั เจนเป็นระบบ
๓. นักเรียนเหน็ นกั เรียนใช้คาใน นกั เรยี นใชค้ าใน นกั เรยี นใชค้ าใน นกั เรียนใชค้ าใน ความสาคัญของ ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง การศกึ ษาวรรณคดีท่ี ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง เขยี นยังไม่ถกู ต้อง เขียนคาพน้ื ฐาน สามารถนามา ตาม อักขรวธิ ี เขยี น ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิต ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ คาพื้นฐานไดถ้ ูกตอ้ ง จรงิ (A) บา้ ง ถกู บรบิ ทและ ถูกบริบทและ เหมาะสม เขียนคา เหมาะสม เขียนคา พื้นฐานได้ถูกต้อง พ้นื ฐานมขี ้อผดิ พลาด ทง้ั หมด เล็กน้อย เกณฑก์ ารประเมนิ การผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หนว่ ยท่ี ๒ กาพย์เหช่ มเครือ่ งคาวหวาน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรยี นรู้ที่ ๓๗ โครงเรอ่ื งการเขยี นเรยี งความ ครผู สู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ วันที่สอน.................................................................................. 1. สาระสาคญั การเขียนเรียงความเป็นการเขียนท่ีมุ่งถ่ายทอดความคิดและประสบการณ์ ประกอบด้วย คานา เน้ือเรื่อง และสรุป ก่อนการเขียนเรียงความต้องเขียนโครงเรื่องให้ดี เนื่องจากโครงเรื่องที่ดี ยอ่ มทาให้การเขียนเรียงความมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธภิ าพ 3. ตวั ช้วี ดั ท ๒.๑ ม. ๑/๔ เขยี นเรยี งความ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขียน 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ความรู้ (K) อธบิ ายโครงสรา้ งของเรียงความ 2. ทักษะกระบวนการ (P) เขยี นโครงเร่ืองเรยี งความ 3. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - เหน็ ความสาคัญของการเขยี นโครงเรือ่ งเรยี งความ - มมี ารยาทในการเขียน 5. สาระการเรยี นรู้ การเขยี นโครงเร่ืองเรยี งความ 6. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน ครูถามตอบโดยตัง้ คาถามวา่ นักเรยี นคดิ วา่ การวางแผนการทางานมปี ระโยชนอ์ ย่างไรบ้าง
ข้ันพัฒนาผเู้ รยี น ๑. นกั เรียนร่วมกนั เรียงแถบขอ้ ความทค่ี รูกาหนดให้เปน็ ลาดับอย่างเหมาะสม คานา ความหมายของนิทานพ้ืนบ้าน ประเภทของนิทาน ลกั ษณะของนทิ านพน้ื บ้าน นทิ านพนื้ บ้านแต่ละภาค ตัวอยา่ งนทิ านพน้ื บา้ น สรปุ ๒. นักเรยี นรว่ มกันต้ังช่อื เรอื่ งใหส้ อดคล้องกบั เน้ือหา จากน้ันสนทนาเกย่ี วกับ การเขียนเรยี งความ ๓. นักเรียนศึกษาความรู้เร่อื ง การเขยี นเรียงความ แล้วรว่ มกนั ตอบคาถาม จากน้ันรว่ มกันสรุปความ เข้าใจ ครูเปน็ ผอู้ ธิบายเพ่มิ เติม - เรียงความคอื อะไร - โครงสร้างของการเขยี นเรียงความมีอะไรบา้ ง - ขั้นตอนการเขียนเรยี งความตอ้ งทาอย่างไร - การเขยี นเรียงความมีประโยชน์อยา่ งไรบา้ ง ๔. นกั เรยี นเขยี นโครงเรอื่ งเรียงความ ในหวั ข้อ “นา้ มวี นั หมด ใชท้ กุ หยดอยา่ งรู้คณุ คา่ ” นกั เรยี นฝึก เขยี นโครงเรื่องเรยี งความ จากขอบเขตเน้ือหาท่ีครกู าหนด ๕. นักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง และให้ ขอ้ เสนอแนะเพื่อนาไปปรบั ปรุงโครงเรื่องให้ดีขน้ึ ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้ การเขยี นเรยี งความเป็นการเขยี นท่มี งุ่ ถา่ ยทอดความคิดและ ประสบการณป์ ระกอบด้วย คานา เนือ้ เร่ือง และสรุป ก่อนการเขยี นเรยี งความต้องเขยี นโครงเรื่องใหด้ ี เนื่องจากโครงเรอ่ื งทดี่ ยี อ่ มทาใหก้ ารเขยี นเรยี งความมีประสิทธภิ าพ 7. สอื่ การเรียนรู้ แถบข้อความ
8. การวดั ผลประเมนิ ผล หลักฐาน เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การ ประเมิน เป้าหมาย แบบฝกึ หดั แบบประเมินแบบฝกึ หัด “โครงเรอื่ งสู่การเขียน “โครงเรื่องสู่การเขยี น ร้อยละ ๖๐ สาระสาคัญ ผา่ นเกณฑ์ การเขียนเรียงความเป็นการ เรยี งความ” เรียงความ” รอ้ ยละ ๖๐ เขียนทม่ี ่งุ ถ่ายทอดความคิดและ แบบฝึกหดั แบบประเมนิ แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์ ประสบการณ์ ประกอบด้วย คานา “โครงเรอ่ื งสู่การเขยี น “โครงเรอ่ื งสู่การเขียน เนอ้ื เรอื่ ง และสรปุ ก่อนการเขยี น ร้อยละ ๖๐ เรียงความตอ้ งเขยี นโครงเร่ืองใหด้ ี เรียงความ” เรยี งความ” ผา่ นเกณฑ์ เนอ่ื งจากโครงเร่ืองทด่ี ี ย่อมทาใหก้ าร เขยี นเรยี งความมปี ระสิทธภิ าพ แบบฝกึ หดั แบบประเมินแบบฝกึ หดั ตวั ชว้ี ัด “โครงเร่อื งสู่การเขยี น ““โครงเร่อื งสู่การเขยี น - ท ๒.๑ ม. ๑/๔ เขยี นเรียงความ เรียงความ” เรยี งความ” - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทใน การเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มมี ารยาทในการเขยี น
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นกั เรียนอธบิ าย อธบิ ายโครงสรา้ งของ อธิบายโครงสร้างของ อธิบายโครงสร้างของ อธิบายโครงสร้างของ โครงสร้างของ เรยี งความได้ถกู ต้อง เรียงความ ได้ถูกต้อง เรียงความ ได้ถูกต้อง เรียงความ ไดเ้ ล็กน้อย เรยี งความ (K) ชัดเจนท้ังหมด ชดั เจน บ้าง 2. นักเรยี นเขียน เขียนโครงเรื่อง เขยี นโครงเร่ือง เขียนโครงเรอ่ื ง เขียนโครงเรื่อง โครงเร่ืองเรยี งความ เรียงความ มี เรยี งความ มี เรยี งความ มี เรยี งความ มี (P) องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ ครบถ้วน คานา ครบถ้วน คานา ครบถว้ น คานา และ ครบถว้ น คานาและสรุป และสรปุ น่าสนใจ และสรปุ น่าสนใจหวั ขอ้ สรุปได้ดีหัวขอ้ กับ ไดด้ ีแต่เนื้อหากบั หัวข้อ หวั ข้อกบั เนื้อหา กับเนอ้ื หาสัมพันธ์กนั เนื้อหาสัมพนั ธ์กัน การ ไมค่ ่อยสัมพันธ์กัน สัมพันธ์กนั เน้อื เร่ืองมี เน้อื เร่อื งมเี อกภาพ เรียบเรยี งเน้ือเร่ือง เอกภาพมีเน้ือหา สบั สนเล็กนอ้ ย ๓. นักเรยี นมีมารยาท นกั เรยี นใชค้ าใน นักเรียนใชค้ าใน นกั เรยี นใช้คาใน นกั เรียนใชค้ าใน ในการเขยี น (A) ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ ตามอักขรวิธี ใชค้ าได้ เขยี นยงั ไม่ถกู ต้อง เขยี นคาพนื้ ฐาน ถูกบรบิ ทและ ถกู บริบทและ ตาม อักขรวธิ ี เขยี น ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เหมาะสม เขียนคา เหมาะสม เขียนคา คาพนื้ ฐานไดถ้ ูกตอ้ ง พื้นฐานได้ถกู ต้อง พ้ืนฐานมีข้อผิดพลาด บา้ ง ท้งั หมด เล็กน้อย เกณฑ์การประเมนิ การผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรงุ คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หนว่ ยท่ี ๒ กาพยเ์ ห่ชมเครอื่ งคาวหวาน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี ๒ แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๓๘ การเขยี นเรียงความ ครูผสู้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ วันทสี่ อน.................................................................................. 1. สาระสาคญั การเขียนเรียงความจะต้องมีคานา เน้ือเรอื่ ง และสรุป การเขียนองคป์ ระกอบแต่ละสว่ นของเรียงความ ได้ดี ทาใหเ้ รียงความมีคณุ ภาพเกิดประโยชน์ตอ่ ผอู้ า่ น 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 3. ตวั ช้ีวดั ท๒.๑ ม. ๑/๔ เขียนเรยี งความ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขียน 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธบิ ายโครงสร้างของเรยี งความ 2. ทกั ษะกระบวนการ (P) เขยี นเรยี งความ 3. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - เหน็ ความสาคญั ของการเขยี นโครงเรอื่ งเรยี งความ - มีมารยาทในการเขียน 5. สาระการเรยี นรู้ การเขียนเรียงความ 6. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าส่บู ทเรียน ครถู ามตอบนกั เรยี นวา่ นักเรียนจะนาทักษะที่ไดจ้ ากการเขียนเรียงความไปใช้ประโยชน์อะไรได้บา้ ง ขน้ั พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นักเรียนทบทวนความรเู้ รื่อง การเขียนเรยี งความ ๒. นักเรยี นศึกษาตวั อยา่ งการเขยี นคานา เนอ้ื เรื่อง และสรุปของการเขียนเรียงความ จากแถบขอ้ ความ จากนน้ั ร่วมกนั บอกลกั ษณะของการเขยี นคานา เนื้อเรื่อง และสรปุ
ตวั อย่างการเขียนคานา ในนิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี ของสนุ ทรภู่ มีขอ้ ความบางตอนอ้างของวเิ ศษอย่างหนึง่ เรยี กว่า ตราราหู มีลกั ษณะประหลาดโดยรปู ลกั ษณ์และคุณสมบัติทท่ี าให้เกิดความทึ่งแกผ่ ้อู ่านว่า สิง่ นค้ี อื อะไรกนั แน่ และสุนทรภู่ไดค้ วามคิดเกยี่ วกับส่งิ นี้มาจากไหน เรอ่ื งตราราหูเป็นอย่างไร น่าจะพิจารณา (ศักดิ์ศรี แย้มนดั ดา “ตราราหใู นพระอภยั มณี” ใน วรรณวิทยา หน้า ๘๑) คาว่า “ลาว” มาจากคาว่า “ละวา้ ” หรือ ลัวะ เป็นชอื่ ของคนพวกหนึ่งซึง่ เคยเปน็ ใหญ่ อยู่ในแผ่นดนิ แถบลุม่ แมน่ า้ เจ้าพระยา และลุ่มแมน่ ้าโขงก่อนสมัยขอม พวกอ่ืนทีม่ าอยแู่ ทน พวกละวา้ หรอื ลวั ะในภายหลงั ก็เลยพลอยไดน้ ามตามเจ้าของถ่นิ เดิมว่า “ลาว” ไปด้วย (ลาว : สมเด็จพระธรี ญาณมุนี) ตัวอยา่ งการเขียนเน้ือเรอ่ื ง เหตผุ ลอีกประการหน่งึ ที่พวกลาวได้รน่ ลงมาทางใต้น้นั เปน็ เพราะชนชาตินีเ้ ป็นชาติ ที่ชอบความสงบสุขและเปน็ พวกท่ีไม่ติดถิ่น ชอบโยกย้ายหาแหลง่ ทามาหากินท่เี หมาะสม แกก่ ารเพาะปลูกและเล้ยี งสตั ว์ จึงขยายตวั หยอ่ ยกนั ลงมาทางใต้เพื่อแสวงหาทาเลทีด่ ี เมื่อได้พบ ทาเลที่ใดก็เข้าตง้ั อยู่ และไดบ้ อกกลา่ วแกญ่ าติพนี่ ้องทางถิ่นเดมิ วา่ มีภูมลิ าเนาที่เหมาะ แก่การประกอบอาชีพอยทู่ างภาคใต้น้ี พวกท่ีอยูท่ างถ่ินเดิมได้ทราบว่า ใครหลักฐานไมส่ ู้ดี ก็ได้ย้ายถน่ิ เลื่อนลงมาทางใต้ตาม ๆ กัน ฉะน้นั จงึ ได้มชี นชาตลิ าวแพร่หลายอยู่ทางแหลมทอง หรือแหลมอนิ โดจนี น้ี (ลาว : สมเดจ็ พระธรี ญาณมุนี) คุณคา่ อนั ประมาณมิได้ในการท่องเท่ยี วแบบอนรุ ักษใ์ นอุทยานแห่งชาติ คอื นักท่องเทยี่ ว จะมโี อกาสได้สมั ผัสกับธรรมชาตอิ ย่างใกล้ชิด จนตระหนกั ว่าตนเองเปน็ ส่วนหนึง่ ของธรรมชาติ เกดิ ความรักธรรมชาติอย่างลึกซ้งึ เรยี นรู้ทจ่ี ะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรกับธรรมชาติ อนั จะนาไปสู่ การปกป้องและคุ้มครองธรรมชาตติ ่อไป การเข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติอยา่ งใกลช้ ิดจะทาให้มนุษย์ ได้พัฒนาตนเอง เกดิ ความรัก ความงดงามหรือสนุ ทรยี สานึกขน้ึ ในจิตใจ อนั จะทาให้ร่างกาย หลัง่ สารชนิดหน่ึงคอื สารแห่งความสขุ หรือท่ีทางแพทย์เรียกวา่ เอนดอร์ฟนิ สารชนิดน้ี จะก่อให้เกิดพลงั ความคิดสร้างสรรค์ขึน้ ในกายของมนุษย์อีกด้วย (การทอ่ งเทยี่ วแบบอนรุ ักษ์ : ภาษาเพอ่ื พัฒนาการสอื่ สาร หน้า ๒๗๕)
ตัวอยา่ งการเขียนสรุป การแก้ไขภาวะวกิ ฤตทางเศรษฐกิจครงั้ น้จี ะสาเรจ็ ลลุ ว่ งได้ เพราะความร่วมมือของเรา คนไทยในการลดอตั ราเงินไหลออกนอกประเทศ และนาเงนิ ตราต่างประเทศเข้ามา โดยแนวทางนี้ จะส่งผลใหโ้ ครงสร้างระบบเศรษฐกจิ ไทยมน่ั คงแขง็ แรง เป็นการสนบั สนุนใหร้ ัฐบาลพาชาตไิ ทย ฝา่ มรสุมทางเศรษฐกจิ ได้เร็วย่งิ ข้นึ ในไมช่ ้า... ประเทศไทยจะผงาดในยุทธจักรเศรษฐกจิ แหง่ เอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต้ไดอ้ ยา่ งเต็มภาคภมู ิอกี ครัง้ หน่ึง หากเพียงคนไทยมคี วามเช่ือมนั่ สามคั คี มคี วามหวังและพลังใจส้กู ับอุปสรรคนานาประการ เราคนไทยช่วยชาติได้อย่างแนน่ อน (เราคนไทย... จะช่วยชาตอิ ยา่ งไรในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ : เถาพลู สุขศริ ิสัมพันธ์) แมอ้ าหารการกินและการออกกาลังกายจะทาให้คนเราสวยงามตามธรรมชาติอยู่ได้นาน แต่วันหนึ่งเรากค็ งหนีไม่พน้ วัฏจกั รของธรรมชาติ คือ การเกดิ แก่ เจบ็ และตาย รา่ งกาย และความงามก็คงต้องเส่อื มไปตามกาลเวลา ฉะน้ันกอ็ ย่าไปยึดตดิ กับความสวยงามมากนัก แตค่ วรยึดถือความงามของจิตใจเปน็ เร่ืองสาคัญ เพราะสิง่ ท่ีจะเหลืออย่ใู นโลกนี้เมื่อความตาย มาถึงคือ ความดี ความชัว่ ของเราเท่านัน้ ดังพระราชนิพนธข์ องพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชโิ นรส ในเรือ่ งกฤษณาสอนน้องคาฉันท์ว่า พฤษภกาสร อกี กุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สาคัญหมายในกายมี นรชาตวิ างวาย มลายส้นิ ทง้ั อนิ ทรีย์ สถิตทวั่ แต่ช่วั ดี ประดบั ไวใ้ นโลกา ที่มา : http://eastern.nfe.go.th/elearning/courses/60/thai21010.html ๓. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถาม และครูอธบิ ายและให้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ ๑) การเขียนเรยี งความให้เนื้อเรื่องสัมพนั ธ์กันควรทาอย่างไร ๒) การเขียนเรยี งความควรใช้ภาษาอยา่ งไร ๓) การยอ่ หนา้ มีประโยชน์อย่างไร ๔. นกั เรียนเขียนเรยี งความตามโครงเร่ืองที่เขยี นในช่ัวโมงท่ีผา่ นมา ความยาว ๑ หน้า และออกมา นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น ครแู ละนักเรียนรว่ มกันวจิ ารณ์และประเมนิ คา่ จากนน้ั คัดเลอื กผลงานทดี่ นี าไปติด บนป้ายนิเทศ ๕. นักเรยี นเขยี นสรุปปัญหา สาเหตุ และวิธกี ารแก้ไขปญั หาการเขยี นเรยี งความเป็นแผนภาพความคิด
ขั้นสรุป นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ การเขยี นเรียงความจะต้องมีคานา เนือ้ เรอ่ื ง และสรุป การ เขยี นองค์ประกอบแตล่ ะสว่ นของเรยี งความได้ดี ทาให้เรยี งความมคี ุณภาพเกิดประโยชน์ตอ่ ผู้อ่าน 7. ส่อื การเรียนรู้ แถบข้อความ 8. การวัดผลประเมนิ ผล หลักฐาน เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ าร ประเมิน เปา้ หมาย เรียงความ เรอ่ื ง แบบประเมนิ แบบฝึกหัด “น้ามีวันหมด ใชท้ ุกหยด เรยี งความ เรอ่ื ง ร้อยละ ๖๐ สาระสาคญั ผ่านเกณฑ์ การเขียนเรียงความเป็นการ อยา่ งรูค้ ุณค่า” “นา้ มวี นั หมด ใชท้ ุกหยด อยา่ งรู้คุณค่า” รอ้ ยละ ๖๐ เขยี นทีม่ ุง่ ถ่ายทอดความคิดและ ผา่ นเกณฑ์ ประสบการณ์ ประกอบด้วย คานา เรียงความ เร่อื ง แบบประเมนิ แบบฝกึ หัด เนอ้ื เรอื่ ง และสรปุ ก่อนการเขยี น “นา้ มวี นั หมด ใชท้ กุ หยด เรียงความ เร่ือง รอ้ ยละ ๖๐ เรยี งความต้องเขียนโครงเร่ืองให้ดี ผา่ นเกณฑ์ เน่อื งจากโครงเร่อื งท่ีดี ยอ่ มทาใหก้ าร อยา่ งรคู้ ุณค่า” “นา้ มวี นั หมด ใช้ทุกหยด เขยี นเรยี งความมีประสทิ ธิภาพ อย่างร้คู ุณคา่ ” ตัวชี้วัด เรยี งความ เรื่อง “น้ามีวันหมด ใชท้ ุกหยด แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั - ท ๒.๑ ม. ๑/๔ เขียนเรียงความ เรยี งความ เรอ่ื ง - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทใน อยา่ งรคู้ ุณค่า” การเขียน “นา้ มีวันหมด ใช้ทุกหยด คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ อยา่ งรู้คุณคา่ ” มมี ารยาทในการเขียน
เกณฑ์การประเมนิ ผล (รบู ริกส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นกั เรียนอธิบาย อธิบายโครงสร้างของ อธบิ ายโครงสร้างของ อธิบายโครงสรา้ ง อธิบายโครงสร้างของ โครงสรา้ งของ เรยี งความได้ถกู ต้อง เรยี งความ ได้ถกู ต้อง ของเรยี งความ ได้ เรยี งความ ไดเ้ ล็กน้อย เรียงความ (K) ชดั เจนทงั้ หมด ชัดเจน ถูกต้องบา้ ง 2. นกั เรียนเขยี น เขียนเรียงความ เขยี นเรียงความ เขียนเรียงความ เขยี นเรยี งความ เรยี งความ (P) มอี งค์ประกอบ มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งค์ประกอบ มอี งค์ประกอบ ครบถว้ น คานา คานา และสรปุ นา่ สนใจ ครบถว้ น คานา ครบถว้ น คานา และสรปุ นา่ สนใจ หวั ขอ้ กบั เนื้อหาสัมพันธ์ และสรุปได้ดีหัวข้อกับ และสรปุ ได้ดี แต่เนอื้ หา หวั ข้อกับเนื้อหา กันเน้อื เร่ืองมเี อกภาพ เนอ้ื หาสัมพันธ์กนั กบั หัวข้อไม่ค่อยสมั พันธ์ สมั พันธก์ ัน เนอื้ เร่ืองมี แต่ใช้ภาษาบกพร่อง การเรียบเรยี ง เนอื้ กนั และต้องปรบั ปรุง เอกภาพมเี นื้อหา เล็กนอ้ ย เร่อื งสับสนเล็กนอ้ ย เรอื่ งการใชภ้ าษา ในเชงิ สรา้ งสรรค์ และใช้ภาษาไม่ดี และเปน็ ประโยชน์ เทา่ ทคี่ วร ใช้ภาษาไดด้ ี ๓. นักเรียนมมี ารยาท นกั เรียนใชค้ าใน นกั เรยี นใช้คาใน นักเรยี นใช้คาใน นักเรียนใชค้ าใน ในการเขียน (A) ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ เขียนยังไมถ่ ูกตอ้ ง เขียนคาพน้ื ฐาน ถกู บริบทและ ถูกบรบิ ทและเหมาะสม ตาม อักขรวิธี เขียน ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง เหมาะสม เขยี นคา เขียนคาพน้ื ฐานมี คาพ้นื ฐานได้ พนื้ ฐานได้ถูกต้อง ขอ้ ผดิ พลาดเล็กน้อย ถูกต้องบ้าง ทัง้ หมด เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถือว่าผ่านเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หนว่ ยที่ ๒ กาพยเ์ ห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ ๒ แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๓๙ การเขยี นย่อความ ครผู สู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ วันทีส่ อน.................................................................................. 1. สาระสาคัญ การเขียนย่อความเป็นการเขยี นสาระสาคญั ของเร่ือง โดยนามาเรยี บเรยี งใหมด่ ้วยภาษา ของตนเอง โดยที่ความหมายไมเ่ ปล่ียนแปลงไปจากเดิม การย่อความมีความจาเปน็ ต่อการศึกษาความรู้ ช่วยให้ จดบันทกึ สาระสาคญั ของเร่ืองได้ถูกต้อง รวดเร็ว สามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3. ตวั ช้วี ัด ท๒.๑ ม. ๑/๕ เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองท่ีอ่าน ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ความรู้ (K) อธบิ ายหลักการและรูปแบบการเขียนย่อความ 2. ทักษะกระบวนการ (P) เขียนย่อความ 3. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - เห็นความสาคัญของการเขยี นย่อความ - มมี ารยาทการเขียนและนิสัยรักการเขียน 5. สาระการเรยี นรู้ การเขยี นย่อความ 6. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรยี น นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ วา่ เพราะเหตุใดเราจงึ สามารถนาเรื่องราวของละครหรอื ภาพยนตร์ ทีด่ ู ๒-๓ ชว่ั โมง มาเล่าให้เพ่อื นฟงั ไดโ้ ดยใชเ้ วลาเพียงนิดเดียว
ข้ันพฒั นาผ้เู รียน ๑. นักเรียนอา่ นขา่ วหนังสอื พิมพ์ท่ีครนู ามา ๑ ข่าว แลว้ รว่ มกนั ตอบคาถาม จากนน้ั สนทนาเกยี่ วกับ การยอ่ ความ - ใคร ทาอะไร ท่ีไหน อย่างไร - ใจความสาคัญของข่าวคอื ข้อความใด - สรปุ ข่าวไดว้ า่ อย่างไร ๒. นักเรยี นศึกษาความรู้เรือ่ ง การเขยี นย่อความ แล้วรว่ มกันสรุปความเข้าใจครเู ปน็ ผู้อธิบายเพ่ิมเติม ๓. นักเรียนร่วมกนั อา่ นข้อความจากแถบข้อความ แล้วบอกใจความสาคัญ หนงั สอื ใบลานแตล่ ะผูกมีความชารดุ แตกต่างกัน โดยท่วั ไปแลว้ หนงั สอื ใบลานที่เกา่ มอี ายุมาก ๆ เมื่อลานจะแห้งมคี วามกรอบเปราะมรี อยแตกร้าว ๆ รอยฉกี เปน็ รว้ิ ๆ รอยขาด ปรพุ รนุ อนั เกิดจากหนอน แมลง หรือปลวกกัดกิน หรอื เกิดจากเหตุอ่นื ๆ มีเชอ้ื รา หรอื ความสกปรกอนื่ ๆ หรือหนงั สือใบลานท่ตี ดิ กนั แน่นจนคล่ไี ม่ออก ทีม่ า : http://thrai.sci.ku.ac.th/node/705 เวลาท่ดี ีทส่ี ดุ ของการดืม่ นมแพะ คือ ดื่มในขณะท้องว่างและก่อนนอน ไม่ควรด่มื นมแพะหลังอาหารในแต่ละม้ือ เพราะเมื่ออาหารตกถงึ กระเพาะอาหารจะใชเ้ วลาย่อยประมาณ ๔ ช่วั โมง หากดมื่ นมแพะตามเข้าไปแทนท่ีสารอาหารจากนมแพะจะผ่านไปยังลาไสเ้ ลก็ ได้เลยกจ็ ะต้องถูกขดั ขวางจากอาหารทรี่ อการยอ่ ยเหลา่ นน้ั ที่มา : http://www.royalsiamgoat.com/p08.html ไขป่ ลาคาเวียร์ หรือ คาเวียร์ (Caviar) ไมใ่ ช่ชอื่ ปลา แตเ่ ป็นชอื่ ไขป่ ลาชนิดทีเ่ อามา ดองเคม็ แลว้ และไขป่ ลาท่ีจะนาเอามาดองเคม็ ไดน้ น้ั ไมใ่ ชใ่ ช้ได้ทกุ ชนิด ซงึ่ สว่ นมาก ปลาชนดิ ทน่ี ามาทาไข่คาเวียร์ คือ “ปลาสเตอร์เจียน” เป็นปลาขนาดใหญ่และจะต้องมีอายุ ๑๐-๒๐ ปี จงึ จะนามาทาเปน็ คาเวียรไ์ ด้ ปลาสเตอร์เจยี นน้ี มีด้วยกนั ๒๕ สายพันธุท์ วั่ โลก อาศยั อยไู่ ด้ท้งั น้าจืด นา้ กร่อย และทะเล ทม่ี า : http://www.manager.co.th
ศิลปวฒั นธรรมในบา้ นเมอื งเรามกั จะสอดคล้องกบั การดาเนินชีวิตประจาวนั ตวั อยา่ ง บางคนชอบปลูกไม้ดอกไม้ผล เมือ่ เกิดดอกออกผลกช็ ่ืนใจ เกิดความคิดทจี่ ะทาดอกผลนั้น ใหง้ ดงามน่าดูยงิ่ ขนึ้ จึงมีผู้นาผลไม้มาประดิษฐล์ วดลาย แล้วจัดวางในภาชนะใหม้ องดูแปลกตา นา่ รับประทาน ลวดลายนน้ั เกิดจากการตัด ผ่า ปอก ควา้ น และแกะสลัก ส่วนไม้ดอกท่ีออกดอก ก็นามาผกู มัดเป็นชอ่ บา้ ง เปน็ พวงเป็นพู่บา้ ง เสียบเปน็ พุ่มหรอื ปกั ลงในแจกันก็ได้ ตามแต่จะเห็นงาม ชีวิตชาวไทยกบั ศิลปะความงามจงึ แยกกนั ไม่ออก (การเตรยี มเพอ่ื การพูดและการเขียน : ฉตั รวรณุ ตนั นะรัตน์) ๔. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๔ กลุม่ แล้วอ่านเนอ้ื หาที่ครูเตรยี มให้กลมุ่ ละ ๑ เรือ่ ง เขียนสรปุ ใจความสาคญั เป็น แผนภาพความคิด กลุ่ม ๑ อ่านบทความ กลมุ่ ๒ อ่านเรอ่ื งสน้ั กลมุ่ ๓ อ่านสารานุกรม กลุ่ม ๔ อ่านกวีนพิ นธ์ ๕. นักเรียนแต่ละกลมุ่ เขยี นย่อความ โดยเรียบเรยี งจากแผนภาพความคิด ตวั แทนกลุ่มออกมานาเสนอ ผลงาน ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและใหข้ ้อเสนอแนะ ๖. นักเรียนร่วมกนั ระดมความคิดบอกข้อดี ข้อบกพร่อง และหาแนวทางในการปรบั ปรงุ หรือพัฒนาการเขยี นย่อความ ๗. นกั เรยี นทาใบงานเร่ือง การเขยี นยอ่ ความ แล้วร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขน้ั สรุป นักเรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การเขียนย่อความเปน็ การเขยี นสาระสาคัญของเรอ่ื ง โดย นามาเรียบเรียงใหม่ดว้ ยภาษาของตนเอง โดยที่ความหมายไมเ่ ปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ การยอ่ ความมีความ จาเป็นต่อการศกึ ษาความรู้ ช่วยใหจ้ ดบันทึกสาระสาคญั ของเร่ืองไดถ้ ูกตอ้ ง รวดเรว็ สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ 7. สื่อการเรียนรู้ ๒. แถบข้อความ ๑. หนังสือพิมพ์ ๔. เรือ่ งส้ัน ๓. บทความ
8. การวดั ผลประเมนิ ผล หลกั ฐาน เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ าร ประเมนิ เป้าหมาย แบบฝึกหัด แบบประเมินแบบฝึกหัด รอ้ ยละ ๖๐ สาระสาคัญ การเขยี นยอ่ ความเปน็ การเขยี น “การเขยี นย่อความ” “การเขียนย่อความ” ผ่านเกณฑ์ สาระสาคญั ของเร่ือง โดยนามาเรยี บ แบบฝกึ หดั แบบประเมนิ แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ ๖๐ เรยี งใหม่ด้วยภาษาของตนเอง ตวั ชวี้ ัด “การเขยี นย่อความ” “การเขยี นย่อความ” ผา่ นเกณฑ์ - ท ๒.๑ ม. ๑/5 เขยี นย่อความ แบบฝกึ หัด แบบประเมินแบบฝึกหัด ร้อยละ ๖๐ จากเรอ่ื งที่อ่าน “การเขียนย่อความ” “การเขยี นย่อความ” ผา่ นเกณฑ์ - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทใน การเขยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มมี ารยาทการเขยี นและนสิ ยั รัก การเขยี น
เกณฑ์การประเมนิ ผล (รูบริกส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรยี นอธิบาย อธิบายหลักการและ อธบิ ายหลักการและ อธิบายหลักการและ อธบิ ายหลกั การและ หลักการและรูปแบบ รปู แบบการเขยี นย่อ รปู แบบการเขยี นย่อ รูปแบบการเขยี นย่อ รปู แบบการเขยี นย่อ การเขยี นย่อความ ความได้ถกู ต้อง ความได้ถูกต้อง ความได้ถกู ต้อง แต่ ความได้ถกู ต้อง แต่ (K) ชดั เจน หลายแง่มมุ ชดั เจน หลายแงม่ มุ สรุปเพยี ง ๑ ประเด็น สรปุ เพยี ง ๑ ประเด็น ไม่ และสามารถเสนอ และสามารถเสนอ และเสนอแนว สามารถเช่อื มโยงกับ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ ทางการนาไปใช้ในชีวติ ชวี ิตจรงิ ได้ ต้องมีผู้ ในชวี ิตจริงไดด้ ีและ ในชวี ติ จริงได้ จริงไดส้ มั พนั ธก์ นั แนะนาจงึ จะเข้าใจ สร้างสรรค์ 2. นกั เรยี นเขยี นย่อ เขียนรูปแบบของ เขยี นรูปแบบของ เขยี นรูปแบบของ เขียนรปู แบบของ ความ (P) ย่อความได้ถูกตอ้ ง ยอ่ ความไดถ้ ูกต้อง ย่อความไดถ้ ูกตอ้ ง ยอ่ ความได้ถูกต้อง สรุปใจความสาคญั สรปุ ใจความสาคัญ สรปุ ใจความสาคัญ แตย่ งั สรุปใจความสาคัญ ไดค้ รบถ้วน ชัดเจน ได้ครบถ้วนและใช้ ไดแ้ ตเ่ ปน็ การนา ไดไ้ มค่ รบถว้ น และ โดยใช้ภาษาของตนเอง ภาษาของตนเอง ข้อความในเรื่อง คดั ลอกขอ้ ความจากเน้อื เป็นส่วนใหญ่ มาตดั ต่อกนั โดยใช้ เรอื่ งมาเรยี งต่อกัน คาเชือ่ มหรือข้อความ บางตอนของตนเอง ๓. นักเรียนมมี ารยาท นักเรยี นใช้คาใน นักเรียนใช้คาใน นกั เรยี นใช้คาใน นกั เรยี นใชค้ าใน การเขียนและนิสัยรัก ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง ภาษาไทยไม่ถูกต้อง การเขยี น (A) ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ เขยี นยังไมถ่ กู ตอ้ ง เขยี นคาพนื้ ฐาน ถกู บรบิ ทและ ถูกบริบทและ ตาม อักขรวธิ ี เขียน ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง เหมาะสม เขยี นคา เหมาะสม เขยี นคา คาพน้ื ฐานไดถ้ ูกตอ้ ง พื้นฐานได้ถูกต้อง พนื้ ฐานมีข้อผิดพลาด บา้ ง ทง้ั หมด เลก็ น้อย เกณฑก์ ารประเมินการผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรงุ คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๒๐ ชั่วโมง หนว่ ยท่ี ๒ กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวาน เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรยี นรู้ที่ ๔๐ การพูดสรปุ แนวคดิ จากการฟังการดู ครูผู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ วนั ท่ีสอน.................................................................................. 1. สาระสาคญั แนวคิดจากเรื่องที่ฟงั และดู สามารถนามาเปน็ แนวทางประยุกต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต การนาแนวคิดจาก เรอื่ งที่ฟงั และดมู าพูดใหผ้ ู้อ่นื ฟงั เปน็ การแลกเปลี่ยนความร้แู ละประสบการณ์ซึ่งกันและกัน 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสร้างสรรค์ 3. ตวั ช้วี ดั ท ๓.๑ ม. ๑/๑ พูดสรุปใจความสาคัญเกี่ยวกับเร่อื งที่ฟงั และดู ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ - อธิบายวธิ กี ารพดู สรปุ แนวคิดจากเรอ่ื งที่ฟังและดู ทกั ษะกระบวนการ - วเิ คราะห์แนวคดิ การใช้ภาษา และความน่าเชอ่ื ถือจากเร่ืองท่ีฟังและดู - แสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งทีฟ่ งั และดู - สรุปแนวคิดจากเร่อื งท่ีฟงั และดู - นาแนวคิดจากเร่ืองที่ฟังและดไู ปประยุกตใ์ ช้ในการดาเนินชวี ิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - เห็นคุณค่าของแนวคิดที่ได้จากเรื่องทฟี่ ังและดู 5. สาระการเรยี นรู้ การพดู สรปุ แนวคิดจากเรื่องที่ฟังและดู 6. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นว่านักเรียนมีวิธีเตรยี มการพูดอย่างไร ข้ันพัฒนาผ้เู รียน
๑. นกั เรียนรว่ มกันสนทนาวา่ เมอื่ นักเรียนฟังและดเู รื่องต่าง ๆ ส่งิ ทีน่ ักเรยี นได้รับจากการฟงั และดูน้ันมี อะไรบ้าง ๒. นกั เรียนศกึ ษาความรู้เรือ่ ง การพูดสรปุ แนวคิดจากเร่ืองที่ฟังและดู แลว้ รว่ มกนั สรปุ ความเข้าใจ ครู เป็นผู้อธิบายเพิม่ เติม ๓. นักเรยี นเลือกฟังและดูภาพยนตร์หรือละคร แล้ววเิ คราะห์แนวคดิ การใช้ภาษา และความนา่ เชอ่ื ถือ นามาประเมิน ๔. นักเรียนรา่ งบทพดู และฝึกซ้อมสาหรับพดู สรปุ แนวคดิ จากเร่อื งท่ีฟงั และดูให้เพ่ือนฟังหน้าชัน้ เรียน ครู และนักเรียนรว่ มกนั ประเมินการพูดและเสนอแนะ ขั้นสรุป นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ แนวคิดจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู สามารถนามาเป็นแนวทาง ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต การนาแนวคดิ จากเร่อื งท่ีฟังและดมู าพดู ให้ผู้อนื่ ฟังเปน็ การแลกเปลย่ี นความรแู้ ละ ประสบการณ์ซึง่ กนั และกนั 7. สื่อการเรียนรู้ ภาพยนตร์หรอื ละคร 8. การวดั ผลประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐาน เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สาระสาคญั แบบฝึกหัด แบบประเมิน แนวคิดจากเรอ่ื งที่ฟงั และดู เรอ่ื ง “การพดู แบบฝึกหดั ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ ค่าสอ่ื ที่มี เรอ่ื ง “การพูด ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สามารถนามาเปน็ แนวทางประยกุ ตใ์ ช้ เนอ้ื หาโนม้ นา้ วใจ” ประเมนิ ค่าสอ่ื ท่ีมี ในการดาเนินชีวติ การนาแนวคิดจาก เนือ้ หาโน้มน้าวใจ” เรอ่ื งที่ฟงั และดูมาพดู ใหผ้ ู้อนื่ ฟังเปน็ การแลกเปลีย่ นความรู้ แบบฝกึ หัด แบบประเมนิ เรื่อง “การพูด แบบฝึกหัด ตวั ช้วี ัด ประเมนิ ค่าสอ่ื ท่ีมี เรอื่ ง “การพดู - ท ๓.๑ ม. ๑/๑ พูดสรปุ ใจความ เนือ้ หาโน้มน้าวใจ” ประเมนิ ค่าสอ่ื ที่มี สาคัญเกีย่ วกบั เร่ืองที่ฟังและดู เนือ้ หาโน้มน้าวใจ” - ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด แบบฝึกหดั แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด เห็นคุณคา่ ของแนวคดิ ท่ีได้จาก เรอื่ ง “การพดู เร่ือง “การพูด เร่อื งที่ฟังและดู ประเมนิ ค่าสอื่ ที่มี ประเมินค่าสอ่ื ที่มี เนอ้ื หาโน้มน้าวใจ” เน้อื หาโน้มน้าวใจ”
เกณฑ์การประเมินผล (รูบรกิ ส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นกั เรยี นอธบิ าย อธิบายวธิ ีการพดู สรปุ อธบิ ายวิธีการพดู สรปุ อธิบายวิธกี ารพดู สรปุ อธิบายวิธกี ารพูด วธิ ีการพดู สรุป แนวคดิ จากเร่ืองที่ฟัง แนวคิดจากเร่ืองที่ฟงั แนวคดิ จากเร่ืองที่ฟัง สรุปแนวคิดจาก แนวคิดจากเรื่องที่ฟงั และดไู ด้ถกู ต้อง และดไู ด้ถกู ต้อง และดไู ด้ถูกต้อง แตส่ รปุ เร่ืองที่ฟังและดูได้ และดู (K) ชัดเจน หลายแงม่ มุ ชัดเจน หลายแงม่ มุ เพียง ๑ ประเด็น และ ถูกต้อง แต่สรปุ เพียง และสามารถเสนอ และสามารถเสนอ เสนอแนวทางการนาไปใช้ ๑ ประเดน็ ไม่ แนวทางการนาไปใช้ แนวทางการนาไปใช้ ในชวี ิตจริงไดส้ มั พันธก์ นั สามารถเชอื่ มโยง ในชวี ติ จรงิ ได้ดแี ละ ในชวี ติ จริงได้ กับชีวิตจรงิ ได้ ตอ้ ง สรา้ งสรรค์ มีผู้แนะนาจึงจะ เขา้ ใจ 2. นักเรียนวิเคราะห์ วเิ คราะหแ์ ละประเมิน วิเคราะห์และ วเิ คราะห์และ วิเคราะหแ์ ละ แนวคดิ การใช้ภาษา คา่ ได้ถูกต้อง ประเมินค่าได้ถูกต้อง ประเมินค่าได้ถูกต้อง ประเมินค่าอยา่ ง และความนา่ เช่ือถือ มีรายละเอยี ดชดั เจน ละเอยี ดชดั เจนทุก แตร่ ายละเอยี ดยงั ไม่ ส้ัน ๆ ตอ้ งพัฒนา จากเรื่องทฟ่ี งั และดู ทกุ ประเด็นเสนอ ประเดน็ มีการแสดง ชดั เจน เหตผุ ลประกอบ การเรยี บเรยี ง (P) ความคิดนา่ สนใจ เหตุผลประกอบ ไมค่ ่อยสัมพันธ์กัน มี เนอ้ื หาและ มีเหตผุ ลทดี่ เี รยี บเรยี ง เลก็ นอ้ ยเรียบเรยี ง ข้อบกพร่องเลก็ น้อยใน บคุ ลิกภาพ เนื้อหาอยา่ งเป็น เน้ือหาได้ดีและมี การเรยี บเรียงเนือ้ หา ลาดับและมีคลิกภาพ บคุ ลกิ ภาพดี และบุคลกิ ภาพ ท่ีดีมาก ๓. นกั เรียนเหน็ เหน็ คุณค่าของ เห็นคณุ คา่ ของ เหน็ คณุ ค่าของแนวคิดที่ เหน็ คณุ ค่าของ คุณคา่ ของแนวคิดท่ี แนวคิดที่นาแนวคดิ แนวคดิ ที่นาแนวคิด นาแนวคดิ จากเรื่องท่ีฟงั แนวคิดทนี่ าแนวคดิ นาแนวคิดจากเรื่องท่ี จากเร่ืองทฟี่ งั และดู จากเรื่องทฟ่ี งั และดู และดู เสนอแนวทางการ จากเร่ืองทฟี่ ังและดู ฟังและดไู ป สามารถนาเสนอแนว สามารถนาเสนอแนว นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ ไม่สามารถเช่ือมโยง ประยกุ ต์ใช้ในการ ทางการนาไปใชใ้ น ทางการนาไปใช้ใน สัมพันธ์กนั กับชวี ิตจริงได้ ตอ้ ง ดาเนนิ ชีวติ (A) ชีวติ จรงิ ได้ดีและ ชวี ิตจรงิ ได้ มผี แู้ นะนาจงึ จะ สร้างสรรค์ เข้าใจ เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
บนั ทึกหลังสอน ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน ๑. ผลการสอน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ๒. ปัญหาและอุปสรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด
Search