ใบความรู้ เร่ือง ภาษาพดู และภาษาเขียน ภาษาพูดภาษาเขยี น การพดู การเขียนมีความสาคัญต่อการสือ่ สารในชวี ิตประจาวันมากเพราะเราใชแ้ สดงความ คิดเห็น ความรู้สกึ และถ่ายทอดความร้แู กผ่ ู้อื่น ดังน้ันจึงจาเป็นอยา่ งยงิ่ ที่ผู้พูดและผ้เู ขียนต้อง พจิ ารณาและเลอื กสรรถ้อยคา สานวนภาษาทีเ่ หมาะสมกับบุคคล โอกาส และสถานท่ี ภาษาพดู เปน็ ภาษาทีใ่ ชพ้ ดู จากนั ไมพ่ ถิ พี ิถันในการใช้หลกั ภาษามากนัก สร้างความรูส้ กึ ท่ีเป็นกนั เอง ใชใ้ นหมู่เพ่ือนฝูง ในครอบครวั ในการเขียนนวนิยายและการตดิ ต่อส่อื สารกนั อย่างไม่ เปน็ ทางการ การใชภ้ าษาพูดจะใชภ้ าษาท่ีเปน็ กันเอง สภุ าพ คานงึ ถึงบุคคลและกาลเทศะ ใช้ใน โอกาสทมี่ ีการสนทนา สมั ภาษณ์ อภปิ ราย พูดรายงาน โต้วาที การซ้อื ขาย ฯลฯ ซึ่งเป็นโอกาส ทผี่ พู้ ูดและผฟู้ งั ได้ส่ือสารกนั โดยตรง ภาษาเขยี น เปน็ ภาษาทีเ่ ครง่ ครดั ต่อการใชถ้ ้อยคาและคานึงถงึ หลกั ภาษา เพือ่ ใชใ้ นการ สอื่ สารให้ถกู ต้องและใช้ในการเขียนมากกวา่ การพูด ตอ้ งใช้ถอ้ ยคาสุภาพ เขยี นให้เป็นประโยค เลือกใช้ถ้อยคาเหมาะกบั บุคคลและกาลเทศะ เป็นภาษาท่ใี ชใ้ นพิธีการและเปน็ ทางการ ไม่ใชค้ า ฟมุ่ เฟือยหรือการเล่นคาจนกลายเป็นการพดู หรือการเขียนเล่นๆ การเขียนใช้ในโอกาสท่ีมีการบันทึก ข้อความจากการฟงั การแสดงความคิดเห็น แสดงความต้องการ เสนอความรู้ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การบันทึกรายงานการประชมุ การเขียนบรรยายเหตุการณจ์ ากประสบการณ์ การเขยี น บทความ สารคดี จดหมาย ยอ่ ความ เรยี งความ เอกสารประกอบการพูด การกลา่ วรายงาน กล่าวคาปราศรยั ตวั อย่างภาษาพูดและภาษาเขยี น ภาษาพดู ภาษาเขียน ๑.เป็นไง ๑.เปน็ อยา่ งไร ๒.เอาไงดี ๒.เอาอยา่ งไรดี ๓.จรงิ ๆแลว้ ๓.อนั ท่ีจริง ๔.งานยงุ่ ชะมัด ๔.มงี านมาก ๕.ขนนุ ลกู น้ีอรอ่ ยจงั ๕.ขนนุ ลูก(ผล)น้ีอร่อยมาก ๖.ที่ริมคลองมีต้นไม้เยอะแยะเลย ๖.ทร่ี มิ คลองมีตน้ ไม้มากมายหลายชนดิ ๗.ขอ้ สอบนีก้ ล้วยมาก ๗.ข้อสอบนง้ี ่ายมาก
ใบงาน โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรียนที่ …………... ปกี ารศึกษา ................. ชื่อ.......................................................................ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขที่.............. คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นหาภาษาพูดและภาษาเขยี น ลงในตารางขา้ งล่าง ตวั อยา่ ง ภาษาพูด ภาษาเขียน เปน็ ยงั ไง เปน็ อยา่ งไร
เกณฑ์การประเมนิ สาหรบั ประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาส่งั หรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ ู้อื่นปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ตั ิ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรือ่ งที่เรียน สนใจศึกษา ขอ้ มูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาคน้ ควา้ ๕. มคี วามสามคั คี คน้ ควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รับคาสง่ั ปฏิบตั ิพร้อมท้งั ชกั ชวนให้ ผูอ้ น่ื ปฏบิ ัติตาม มีความกระตือรอื รน้ กลา้ มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กิจกรรม พร้อมท้ังชกั ชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผ้อู น่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเน่ืองครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธ์กบั หัวข้อที่กาหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรือร้นศึกษา ค้นคว้า ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ คว้า ทางานด้วยความชื่นชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนุก สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชักชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวธิ ี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเน้น เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตัว ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ท่ไี ด้ ผา่ น ไมผ่ ่าน ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศกึ ษา หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรื่อง กทลตี านี เวลา ๑ ชว่ั โมง เร่อื ง การย่อความ การวเิ คราะห์เรอ่ื ง แผนผังความคิดประจาหน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ การอา่ นในใจบทเรยี น กทลีตานี การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง คาใหม่ คายากในบทเรียน คาและชนิดของคา การเลอื กใช้คาให้ถูกต้องตาม ความหมาย การยอ่ ความ การวิเคราะหเ์ รอ่ื ง การอา่ นออกเสียงบทเรียน ภาษาพดู ภาษาเขยี น การตคี วาม สรปุ ความ การหาขอ้ คดิ จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน การอ่านเสรมิ บทเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ : การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หา ในการดาเนินชีวติ และมีนิสัยรกั การอ่าน สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เป้าหมายการเรียนร้ปู ระจาหน่วย เมื่อเรยี นจบหนว่ ยน้ี ผู้เรยี นจะมคี วามรู้ความสามารถตอ่ ไปนี้ ๑. บอกลกั ษณะของการยอ่ ความและวเิ คราะห์เรอ่ื งได้ ๒. ยอ่ ความและวิเคราะหเ์ รื่องจากท่ีกาหนดให้ได้ คณุ ภาพท่ีพึงประสงคข์ องผเู้ รยี น ๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผนู้ าและผตู้ ามท่ดี ี ๓. มีความภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕. ประหยดั และอยู่อยา่ งพอเพยี ง ขอบข่ายสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวชิ า ภาษาไทย
ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ (๑) อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง มาตรฐาน ท ๒.๑ (๕) เขยี นย่อความจากเร่อื งท่ีอา่ น สาระพ้ืนฐาน ๑. การย่อความ ๒. การวเิ คราะหเ์ รอื่ ง ความรู้ฟังแนน่ ตดิ ตวั ผเู้ รียน ๑. การยอ่ ความ หมายถึงการนาเอาใจความสาคัญของเร่อื ง มาเรียบเรยี งเป็นสานวนของ ตนเอง โดยการตกแต่งถอ้ ยคาสานวนใหก้ ลมกลนื เปน็ เร่ืองเดยี วกัน ๒. การวเิ คราะหเ์ ร่อื ง เปน็ การพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ อย่างละเอียดต้ังแต่ต้นเรื่องจนจบ เร่ือง เพ่ือแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็นต่างๆ มกี ารใช้เหตผุ ลในการแยกข้อดี ข้อบกพร่องของ เรื่องนนั้ ๆ พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงดา้ นตนเอง มคี วามสนใจ ใฝ่ร้ใู ฝ่เรียน ๒. มีความพอเพยี งด้านสงั คม ดาเนนิ ชวี ิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยู่รว่ มกบั ผอู้ ืน่ ไดอ้ ย่างมี ความสขุ ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใชท้ รพั ยากรท่ีอยูอ่ ย่างคุ้มค่า ตามปรชั ญาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงดา้ นภมู ปิ ัญญา สามารถนาความรู้ทไ่ี ด้จากเรื่อง การอย่รู ่วมกนั และ ทางานร่วมกับผู้อืน่ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. ครูและนกั เรียนสนทนาทบทวนบทเรยี น เกย่ี วกบั ประสบการณ์เดมิ ของนกั เรียนใน เร่ือง การย่อความ และการวเิ คราะหเ์ ร่ือง โดยการซักถามนักเรียน ๒. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสมและสมัครใจ ๔ กลุ่ม ๓. ครแู จกใบความรู้ เร่ือง การย่อความ และการวิเคราะหเ์ ร่ือง ให้นักเรยี นไดศ้ ึกษา ๔. ครูนาแผนภมู คิ วามหมายของการย่อความ และการวิเคราะห์เรอื่ ง นักเรยี นทุกคนฝกึ อ่าน รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ แลว้ บันทกึ ลงสมุด ๕. หลังจากท่ีนักเรียนทุกกลมุ่ ศึกษาใบความรู้ แลว้ ให้ร่วมกันสนทนาแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เพ่ือ ทาความเข้าใจร่วมกนั ๖. นกั เรยี นส่งตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรียน ๗. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรุป และเพมิ่ เติมในสว่ นทขี่ าดหายไป เพ่ือนนักเรียน ปรบมอื และกลา่ วคาชมเชยกลมุ่ ที่ออกมารายงาน ๘. มอบหมายให้นกั เรยี นทากิจกรรมนอกเวลา โดยฝกึ ย่อความและวเิ คราะหเ์ ร่ือง แล้วนา ผลงานส่งให้ครตู รวจ ๙. นักเรียนทาใบงาน ๑๐. มอบหมายใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกทักษะภาษา ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เปน็ การบ้าน
ส่ือการเรียนการสอน ๑. ประเภทส่อื - หนงั สอื แบบเรียนภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ - แบบฝึกทักษะภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ - แผนภูมคิ า - กระเปา๋ ผนงั แผน่ ปา้ ยสาลี ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมดุ การวัดประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นของนักเรียน ๒. ประเมนิ การอ่าน ๒. เครือ่ งมือการวดั และประเมินผล ๑. แบบบันทึกพฤตกิ รรมการเรยี น ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๓ – ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ ๒. สังเกตพฤติกรรมการอา่ น ๕ หมายถงึ ระดบั ดีมาก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
ใบความรู้ เรอ่ื ง การย่อความ การย่อความ คอื การนาใจความสาคัญของเรื่อง มาเรยี บเรียงเปน็ สานวนของตนเอง โดย ตกแต่งถอ้ ยคาสานวนใหก้ ลมกลืนเป็นเร่ืองเดยี ว หากขอ้ ความหรือเรือ่ งทีน่ ามาย่อความเปน็ ขอ้ ความ ส้นั ๆ ใหเ้ ขยี นย่อหนา้ เดยี ว ตามเนือ้ หาสาระของเรื่อง และระบทุ ่มี าของข้อความหรือเรื่องทน่ี ามาย่อ ตามประเภทของเรื่อง ย่อความสว่ นใหญจ่ ึงมี ๒ ย่อหนา้ คอื ยอ่ หน้าท่ีเป็นส่วนตน้ ระบทุ ่ีมาของ เรือ่ งทน่ี ามาย่อ และยอ่ หนา้ ท่ีเปน็ สว่ นเนือ้ เร่ือง ๑. ส่วนต้นของยอ่ หน้า แยกตามประเภทของเร่ือง ดงั นี้ ประเภท:นทิ าน นยิ าย พงศาวดาร หนงั สือทั่วไป ยอ่ (ชื่อประเภท)…เร่ือง(ชือ่ เร่อื ง)….ผู้แตง่ (ช่ือผู้แตง่ )…จาก(ชือ่ หนงั สือ)… ความว่า ……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ประเภท:จดหมาย ประกาศ คาส่งั แถลงการณ์ ยอ่ (ชอื่ ประเภท)…ของ(ช่ือผู้เขยี น/ผู้ลงนาม/หนว่ ยงาน)….. เรอื่ ง(ช่อื เรื่อง)…ลงวันท่ี…..เดอื น……….พ.ศ………ความว่า ……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ประเภท:พระบรมราโชวาท พระราชดารสั โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์ คาปราศรยั และคากลา่ วอนื่ ๆ ยอ่ (ช่อื ประเภท)…ของ(ช่อื ผกู้ ล่าว)….กล่าวแก่(กลมุ่ ผู้ฟงั )….. เรอ่ื ง…(ช่ือเรื่อง)…..เน่อื งในงาน…(ชอ่ื งาน)…ณ…(ช่อื สถานที่)… เมอ่ื …(วันเดือนปี)…จากหนงั สือ…ความว่า ……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ประเภท:บทสนทนา ย่อเรื่อง(บทสนทนา)…ของ(ผพู้ ูด)…กบั (ผู้ฟัง)เรื่อง…(เรอ่ื งทส่ี นทนา)…. เมือ่ วนั ท่ี…เดือน……….พ.ศ……..ความว่า ……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………
๒. ย่อความท่ดี ีควรมเี นื้อหาสาระสาคัญของเร่ืองเดิม และเปน็ ไปตามหลกั การย่อความ ดังนี้ ๑.การย่อความต้องเก็บ ๒.การเกบ็ ใจความสาคัญของเร่ือง ใจความสาคญั ของเรอ่ื ง จะต้องคานึงถงึ สาระต่อไปน้ี ใคร ทาอะไร ใหค้ รบ และเรียบเรียงโดย ที่ไหน เม่ือใด อยา่ งไร ใจความสาคญั คืออะไร ใช้สานวนภาษาที่ถูกต้อง แลว้ นามาเขยี นเปน็ สานวนของตนเอง เน้นการ ใช้คาทมี่ ีความหมายกระชับตรงไปตรงมา และ ไม่ใชอ้ ักษรย่อ ๖.การย่อจดหมายซึ่งมรี าย ๓.ขอ้ ความที่มเี น้อื หาเปน็ ละเอียดอยทู่ ่ีข้อความที่เริ่มตน้ ข้อๆ ต้องเรยี บเรียงให้เป็น แลว้ ให้ยอ่ แต่ใจความของเนื้อ ความเรียง หาจดหมาย หลกั การยอ่ ความ ๕.คาศัพท์หรือคาศัพท์เฉพาะทาง ๔.เปลย่ี นสรรพนามในเร่ือง วชิ าการ ควรเปลย่ี นเปน็ คาธรรมดา เช่น ฉนั ผม ข้าพเจ้า คุณ เธอ ท่ีทุกคนเข้าใจ ยกเวน้ คาราชาศพั ท์ เปลีย่ นเปน็ พระองค์ ท่าน เขา ฯลฯ
ใบความรู้ เรอ่ื ง การวิเคราะหเ์ รือ่ ง การวเิ คราะห์ การพจิ ารณาเรือ่ งราวตา่ งๆนอกจากการจับใจความสาคัญได้แล้ว เราจาเป็นต้องพิจารณา เรือ่ งนนั้ ๆ อย่างละเอียดตั้งแตต้ ้นจนจบ เพอื่ แยกแยะขอ้ เทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ มีการใช้เหตผุ ลใน การแยกสว่ นดี สว่ นบกพร่อง การพิจารณาลักษณะนี้ เรียกว่าการวเิ คราะห์ เรอ่ื งทนี่ ามาวเิ คราะห์ จะเปน็ เรอ่ื งท่ีเก่ียวข้องกับงานวชิ าการ เช่น หนงั สอื ความรู้ บทความ สารคดี เร่ืองทไ่ี ด้รบั รจู้ ากการ อา่ น ฟัง ดู เช่น ขา่ วตา่ งๆ ประกาศ และโฆษณา ฯลฯ ตัวอย่างการวิจารณ์ วนั นี้ฝนตกหนกั อากาศตอนกลางคนื จะเย็นลงแนน่ อน ขอใหร้ ะวังสขุ ภาพ ก่อน นอนทุกคืนควรสวมเสอ้ื หนาๆ และหม่ ผา้ หม่ จะชว่ ยใหร้ า่ ยกายอบอุ่นและไม่เป็นหวัด ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคิดเห็น -วันน้ฝี นตกหนัก -อากาศตอนกลางคืนจะเยน็ ลงแน่นอน -สวมเสือ้ หนาๆและหม่ ผ้าห่ม จะชว่ ยให้ -ขอใหร้ ะวังสุขภาพ ร่างกายอบอุ่น -ควรสวมเสือ้ หนาๆและห่มผ้าหม่ -ถา้ รา่ งกายอบอุ่นแล้วจะไม่เป็นหวดั การพจิ ารณาสว่ นดแี ละสว่ นบกพร่อง ขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อคิดเหน็ -เปน็ ขอ้ ความที่เตือนให้ผ้อู า่ นระวงั สุขภาพ เมอ่ื อากาศเปลีย่ นแปลง -การคาดคะเนของผู้เขียนอาจไม่เกิดขึ้นจรงิ -ให้แนวปฏบิ ัตติ นเพื่อใหร้ ่างอบอุน่ ได้ในเร่ืองอากาศเยน็ ตอนกลางคืนของวันท่ี ฝนตกและการสวมเสื้อหนาๆ ห่มผ้าหม่ ใน การตัดสินใจเลือกนาไปใช้ เวลานอนจะทาใหไ้ ม่เปน็ หวัด วนั ใดที่อากาศเปล่ียนแปลง เราตอ้ งระวงั สขุ ภาพของตนเอง หากอาการเยน็ เราควรสวมเส้ือหนาๆ และห่มผ้าห่มในเวลานอนจะช่วยให้รา่ งกายอบอุ่น
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรยี นท่ี ……. ปกี ารศกึ ษา ………. ช่ือ.......................................................................ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เลขท่ี.............. วนั ที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง o ทาไมเราจึงเปรยี บเทียบสงิ่ ที่ทาไดง้ า่ ย ๆ ว่า “เรื่องกล้วย ๆ” เพราะเหตุใด นกั เรยี นเคยทาอะไรที่ตรงกับสานวนนั้นบา้ ง _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ o ทก่ี ล่าววา่ “ทุกส่วนของกล้วยมคี ุณประโยชน์” นักเรียนคิดว่าเปน็ ความจริงหรือไม่ เพราะเหตุใด _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ o นักเรียนคดิ ว่า ต้นไม้ชนดิ ใดบ้างทส่ี ่วนตา่ ง ๆ ของต้น ใหป้ ระโยชนไ์ ดม้ ากเช่นเดยี วกับ กลว้ ย เขยี นอธบิ ายใหม้ ากท่ีสุด _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรยี นที่ …….. ปีการศกึ ษา ………. ชอ่ื .......................................................................ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขที่.............. วนั ที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชี้แจง ให้นักเรยี นนิทานต่อไปน้ี แล้วย่อความให้ถูกต้องตามรปู แบบ เร่ือง ไก่กับกบ ครง้ั หน่งึ มีไก่กับกบเป็นเพื่อกนั วนั หน่ึงไก่บอกกบว่า “เหน็ เมฆนน่ั ไหม ในไมช่ ้าคงจะมี พายฝุ น เรามาชว่ ยกันสร้างบ้านไวอ้ ยู่กนั เถอะ” กบตอบว่า “อ๊อบ อ๊อบ บ้านฉันอย่ใู นรูใต้ แผน่ ดิน ไก่เหน็ กบไมช่ ว่ ย ไกจ่ ึงหาฟาง หญา้ และเศษไม้มาทาเปน็ บา้ น เมอื่ บ้านเสรจ็ แลว้ ไกจ่ งึ รอ้ ง บอกกบวา่ “บ้านเสร็จแล้วยังขาดเตยี งอยู่ มาชว่ ยกนั ทาเตยี งเถอะ” กบตอบวา่ “เตยี งของฉนั คอื ดนิ ในรู” ไกเ่ หน็ กบไม่ชว่ ยก็ไปหาเศษไมม้ าทาเป็นเตยี งตามลาพงั เม่ือทาเตียงเสรจ็ แล้วไกร่ ้องบอกกบ ว่า “ไปหาข้าวโพดมาเก็บไวก้ นิ กนั เถอะ” กบตอบวา่ “ออ๊ บ อ๊อบ แมลงแมลงในรูเปน็ อาหาร ของฉัน” ไก่เหน็ กบไมช่ ่วยก็ออกไปหาข้าวโพดมาเก็บไว้ในบ้าน ในไมช่ ้าฝนกต็ กใหญ่ พายุคะนองและน้าทว่ ม ไก่เข้าไปอยู่ในบา้ นอบอุ่นสบายกบจงึ ไปเคาะ ประตบู ้านไก่ “ไก่ ไก่ เพือ่ นรัก ขอฉนั เข้าไปอยูใ่ นบ้านด้วยเถดิ ” ไกต่ อบว่า “ก็บ้านของเธออยูใ่ นรู ใตแ้ ผ่นดนิ ไมใ่ ช่หรือ” กบบอกวา่ “ถ้าเธอไมใ่ หฉ้ ันเข้าไปในบ้าน ฉันจะเรยี กแมวให้มากินเธอ แมว แมว มากินไก่” ไก่ตกใจรีบเปิดประตใู ห้กบเข้ามาทนั ที เมือ่ กบเข้าไปในบ้านก็ข้ึนไปนอนเตยี ง ของไก่ ไก่รอ้ งวา่ “เตยี งของเธอ คอื แผน่ ดินไม่ใช่หรือ” กบตอบว่า “ถา้ เธอไมใ่ หฉ้ นั นอนบนเตยี ง ฉันจะเรียกแมวให้มากนิ เธอ แมว แมว มากินไก่” ไกจ่ งึ ยอมให้กบนอนบนเตียง เม่ือถงึ เวลาอาหาร ไกก่ ็เอาข้าวโพดมากนิ กบกข็ อขา้ วโพดไก่กินบ้าง ไกต่ อบว่า “อาหารของเธอ คอื แมลงในรูไมใ่ ช่ หรือ” กบตอบว่า “ถา้ เธอไมใ่ ห้ฉนั กนิ ขา้ วโพด ฉนั จะเรียกแมวมากินเธอ แมว แมว มากินไก่” ไก่ จงึ ต้องแบ่งข้าวโพดให้กบกิน ตอ่ มาวนั หนึ่งข้าวโพดหมดไก่จึงบอกกบวา่ “กบ กบช่วยข้ึนไปบนหลังชั่วโมงา้ นและ เกบ็ ฟักทองลงมา ฉันจะทาซปุ ฟกั ทองให้”กบชอบซุปฟกั ทองจึงลุกขน้ึ ไปบนหลงั ชั่วโมงเพอื่ เกบ็ ฟกั ทอง ทนั ใดน้ันเหยย่ี วบินผ่านมาเหน็ กบอยู่บนหลังคาก็ดีใจ โฉบลงมาชั่วโมงกบไปกนิ เป็นอาหาร ไก่ ก็อย่ตู ่อมาอย่างมีความสุข
ใบงาน โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรยี นที่ ......… ปกี ารศกึ ษา ............ ช่อื .......................................................................ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขที่.............. วนั ท่ี………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. ย่อนทิ านเรื่อง……..……………….ผู้แต่ง……………………………จาก……………..… ความวา่ …………………………………………………………………………….……………….………….…………………… …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….…………. …………………………………………………………………………………………………….………………………….………….
เกณฑ์การประเมนิ สาหรบั ประเมินผลงานของผเู้ รยี น ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ตั ิ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ขอ้ มูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี คน้ ควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กลา้ มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการร่วม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กิจกรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สัมพนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยังไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นคว้า ศึกษา คน้ ควา้ ทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเมื่อไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชักชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชักชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวธิ ี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเน้น เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตัว ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๘ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศกึ ษา หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เรื่อง กทลตี านี เวลา ๑ ช่ัวโมง เรอ่ื ง การตคี วาม สรปุ ความ การหาขอ้ คดิ จากเรื่องทอ่ี ่าน แผนผังความคิดประจาหน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ การอา่ นในใจบทเรียน กทลีตานี การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง คาใหม่ คายากในบทเรียน คาและชนดิ ของคา การเลือกใช้คาใหถ้ กู ตอ้ งตาม ความหมาย การยอ่ ความ การวเิ คราะห์เรื่อง การอา่ นออกเสยี งบทเรียน ภาษาพดู ภาษาเขยี น การตีความ สรปุ ความ การหาขอ้ คิด จากเรื่องที่อ่าน การอา่ นเสริมบทเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้สึกและความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอา่ น เป้าหมายการเรียนรู้ประจาหน่วย เม่ือเรยี นจบหน่วยน้ี ผเู้ รียนจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปนี้ ๑. รู้จกั การตคี วาม สรปุ ความและหาข้อคิดจากเรื่องที่ฟัง หรอื อา่ นได้ ๒. ตีความ สรุปความและหาข้อคิดจากเร่ืองท่ีฟัง หรืออ่านได้ คุณภาพที่พึงประสงคข์ องผู้เรยี น ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เปน็ ผนู้ าและผูต้ ามท่ีดี ๓. มีความภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อยา่ งพอเพียง ขอบขา่ ยสาระการเรยี นรแู้ กนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ๑. อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
๒. อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเปน็ โวหาร ๓. อา่ นเรอ่ื งสนั้ ๆ อย่างหลากหลาย โดยจับเวลาแล้วถามเกย่ี วกับเร่อื งท่อี ่าน ๔. แยกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เหน็ จากเรื่องทอี่ า่ น สาระพื้นฐาน ๑. การตีความ สรุปความ ๒. การหาข้อคิดจากเรื่องที่อา่ น ความรู้ฟงั แนน่ ตดิ ตัวผู้เรียน การตคี วาม สรปุ ความและหาข้อคิดจากเรื่องที่อา่ น คือการทาความเข้าใจเรอื่ งทั้งหมด จาก การฟัง การอ่าน แลว้ นามาตคี วามเพื่อสรปุ และหาข้อคิดจากเร่อื ง ควรทาความเข้าใจเร่ืองอย่าง แจ่ม แจง้ จะจะสามารถ สรุปความและหาข้อคิดของเรอ่ื ง ได้อยา่ งถูกต้อง พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝร่ ใู้ ฝเ่ รยี น ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนินชวี ิตตามกฎเกณฑข์ องสงั คม อยู่รว่ มกับผู้อนื่ ได้อยา่ งมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งดา้ นทรัพยากร ใชท้ รพั ยากรที่อย่อู ยา่ งคุ้มค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ๔. ความพอเพียงด้านภูมปิ ญั ญา สามารถนาความร้ทู ่ีได้จากเรอ่ื ง การอยู่ร่วมกนั และ ทางานรว่ มกบั ผู้อื่นประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. ครูและนกั เรียนสนทนาทบทวนบทเรยี น เกยี่ วกบั ประสบการณ์เดิมของนกั เรยี นใน เรื่อง การตีความ สรปุ ความและหาขอ้ คิดจากเรื่องทีอ่ า่ น โดยการซกั ถามนักเรียน ๒. นักเรยี นแบ่งกลุม่ ตามความเหมาะสมและสมัครใจ ๓. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง การตีความ สรุปความและหาข้อคิดจากเร่ืองที่อ่าน ให้นักเรยี น ได้ศึกษา ให้เข้าใจ ๔. ครูนาแผนภูมิความหมายของการตีความ สรปุ ความและหาข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน ติด ทีก่ ระเป๋าผนัง ให้นกั เรยี นทุกคนฝึกอ่าน รว่ มกันอภิปรายแสดงความคดิ เห็น แลว้ บันทึกลงสมุด ๕. หลงั จากทีน่ กั เรียนทกุ กลมุ่ ศึกษาใบความรู้ แล้วให้ร่วมกันสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อ ทาความเข้าใจรว่ มกัน ๖. นกั เรยี นสง่ ตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น ๗. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรปุ และเพมิ่ เติมในส่วนทขี่ าดหายไป เพ่ือนนักเรียน ปรบมือและกลา่ วคาชมเชยกลุ่มทอ่ี อกมารายงาน ๘. มอบหมายใหน้ ักเรียนทากิจกรรมนอกเวลา โดยฝึกการตีความ สรปุ ความและหาขอ้ คิด จากเรื่องทอี่ ่าน แล้วนาผลงานส่งใหค้ รูตรวจ ๙. นักเรียนทาใบงาน ๑๐. มอบหมายใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกทักษะภาษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เป็นการบ้าน
ส่ือการเรียนการสอน ๑. ประเภทส่ือ - หนังสือแบบเรียนภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แบบฝึกทกั ษะภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แผนภูมคิ า - กระเป๋าผนงั แผน่ ปา้ ยสาลี ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมุด การวัดประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นของนักเรียน ๒. ประเมินการอ่าน ๒. เครือ่ งมือการวัดและประเมนิ ผล ๑. แบบบันทกึ พฤตกิ รรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ น ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑ การประเมินพฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๕ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดับ ปรบั ปรุง
ใบความรู้ เรื่อง ตคี วาม สรุปความ การตคี วาม สรุปความ เมือ่ อ่าน ฟัง หรือดู เรอ่ื งใดๆ ก็ตาม บางครัง้ เราควรจดบนั ทึกสรปุ ความรู้และข้อคิดจากเร่อื ง ท่ไี ด้อา่ น ได้ฟัง และได้ดูไว้ เพื่อช่วยการจาและนาไปใชป้ ระโยชน์ ในการรบั สาร นอกจากผอู้ า่ น ผู้ฟัง ผ้ดู หู รือผชู้ มจะต้องรจู้ ักวเิ คราะห์ความแลว้ ยังต้องรู้จัก ตีความ และสรุปความ เพอ่ื ช่วยให้เรารบั สารได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยตอ้ งอาศัยการใชเ้ หตุผล และวิจารณ์ญาณประกอบดว้ ยดังตวั อย่างต่อไปน้ี ตวั อย่างที่ ๑ เมอ่ื ปีกลายสมชายอยู่กระบ่ี พอปลายปยี ้ายไปเรียนทสี่ งขลา อกี สองปตี อ้ งยา้ ยไปเรียนทยี่ ะลา ส่วนปีหนา้ กะจกไปอย่ชู มุ พร จากข้อความข้างตน้ ถ้าถามว่าสมชายอยูภ่ าคใดของประเทศใด เราจะตอ้ งข้อความท้ังหมดให้ ถ่องแทเ้ สยี ก่อน จงึ จะสรุปความได้วา่ สมชายอยู่ภาคใต้ ทัง้ นีเ้ น่ืองจากข้อความทัง้ หมดทีเ่ ป็นช่ือ จงั หวัดล้วนแตเ่ ปน็ จังหวัดท่อี ยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย ในขน้ั ของการตคี วามถ้าถามว่า พอ่ แม่ของ สมชายมอี าชีพใด หลงั จากวิเคราะห์ความอาจตีความไดว้ า่ ครอบครัวของสมชายมอี าชีพท่ีตอ้ งยา้ ย ตามงานไปเรือ่ ยๆอาจเป็นขา้ ราชการ ช่างกอ่ สร้าง เพราะวรรคท่ีสองมใี จความวา่ “พอปลายปยี ้ายไปเรียนท่สี งขลา” และวรรคที่สาม “อีกสองปีต้องไปเรียนยะลา” คาว่า เรยี น จงึ เปน็ ส่วนทเี่ ราใช้ในการตีความได้ ตัวอยา่ งที่ ๒ ย่าของแดงแต่งงานกบั บรรเจิด ยา่ มีลกู ๓ คน ปตู่ ้ังช่อื ลูกทุกคนขน้ึ ต้นวา่ “บรร” ลกู คนโต เปน็ ผ้ชู ายชื่อบรรทดั ลกู สาวคนท่ีสองชื่อบรรจง ลูกสาวคนเลก็ ช่ือบรรทม ขอ้ ความขา้ งต้นถา้ ถามว่าปู่ของแดงช่อื อะไร คาตอบก็คือบรรเจดิ เน่ืองจากข้อความ “ยา่ ของแดงแตง่ งานกับบรรเจดิ ” เป็นส่วนช่วยใหต้ ีความได้หลังจากเราได้อา่ นหรือฟงั เรื่องนี้โดยตลอด และคดิ วิเคราะหห์ าคาตอบ และถ้าจะสรุปความให้ได้ว่า พ่อของแดงช่ืออะไร เรากต็ ้องตีความจาก ขอ้ ความท่ีว่า “ลูกคนโตเป็นผชู้ ายชอ่ื วา่ บรรทัด” ดงั น้ันพ่อของแดงจึงชื่อ “บรรทดั ” เพราะบรรทดั เปน็ ลกู คนโตของปู่ สรปุ ความไดว้ ่าแดงเป็นลกู ของบรรทดั ซึ่งเปน็ ลูกชายคนโตของปู่ ทาไมจงึ รวู้ า่ พ่อของแดงชื่อบรรทัด คาตอบก็คือ บรรทัดเปน็ ลกู ชายคนเดยี ว แดงเรยี กปูแ่ ละย่า ดังนั้นแดงจะต้อง เป็นลกู ของบรรทดั ถา้ เปน็ ลกู ของบรรจง หรือบรรทม จะต้องเรยี กวา่ ตาและยาย
ใบความรู้ เร่ือง การหาข้อคดิ จากเรื่องที่อ่าน การหาข้อคิดจากเรือ่ งทีอ่ ่าน จะชว่ ยใหผ้ ูอ้ า่ นเขา้ ใจเรื่องทอ่ี ่านไดล้ ึกซ้ึงและเขา้ ใจความคิด ของผู้เขียนทีแ่ ฝงไวใ้ นเรอ่ื ง เชน่ คตธิ รรม คาสอน มุมมองตา่ งๆอันเป็นประโยชน์ต่อการนาไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดารงชีวิตได้ การหาข้อคดิ จากเร่อื งท่ีอ่าน ผอู้ า่ นตอ้ งมีความเข้าใจความหมายของคาและประโยค ตั้งจดุ มงุ่ หมายของการอา่ นอย่างพินจิ พิจารณา ใช้การวเิ คราะห์คา ความหมาย นยั ของคาและ ข้อความ จดบนั ทึกความรู้การแยกแยะข้อเท็จจริง การประเมินเหตุการณ์ โดยสามารถใช้การเขียน แผนภาพความคิดหรือแผนภาพโครงเร่อื งมาลาดบั ความคิดได้ แผนภาพโครงเรื่อง แมป่ ูกบั ลกู ปู่ ตัวละคร : แม่ปู ลกู ปู แมป่ กู ับลูกปูเดินไปหากินในนา แม่ปูเหน็ ลกู ลูกปู เหตุการณท์ ี่ ๑ : เดินไม่ตรงทางจึงร้องบอกใหล้ ูกเดินไปตรงทาง : ขอ้ บกพร่องของผู้อน่ื ย่อมเหน็ ไดง้ า่ ยกวา่ ข้อบกพร่องของ ขอ้ คิด ตนเอง ภาพโครงเรือ่ ง แม่ปูกับลูกปู : ลูกปขู อให้แมป่ ูเดินให้ดซู วิ า่ เดินอย่างไรจึงจะเดนิ ตรง เหตกุ ารณ์ท่ี ๒ แมป่ เู ดนิ ให้ลกู ปูดูก็เดนิ ไม่ตรงทางเหมือนกัน ข้อคิด : การทจี่ ะบอกหรอื สอนผู้ใด ผบู้ อกหรือผูส้ อนควรปฏบิ ัติ ใหไ้ ดก้ ่อน หรือ : การกระทาทีฝ่ ืนธรรมชาติย่อมทายาก จากข้อคดิ ของเร่ือง ผอู้ า่ นอาจคดิ เปรียบเทยี บกับสานวนที่สอดคลอ้ งกันได้ เช่น ว่าแตเ่ ขา อิเหนาเปน็ เอง เป็นตน้
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรียนท่ี …..… ปีการศึกษา …………. ชื่อ.......................................................................ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เลขท่ี.............. วนั ที่………….เดือน…………………………พ.ศ. ………. คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนอา่ นบทรอ้ ยกรองท่ีกาหนดใหด้ ้วยทานองเสนาะ แลว้ ตอบคาถามข้อ ๑) - ๓) ด้วยรักและศรทั ธา โลกเรานงี้ ดงามดว้ ยความรัก ท่เี ป็นหลักหลอมใจไว้ยึดเหน่ียว เราไม่อาจอยู่ไดด้ ้วยโดยคนเดียว ตอ้ งข้องเกี่ยวพงึ พาอาศยั กัน รกั เกิดแต่ความจรงิ ใจไมเ่ หหนั รกั เกิดจากเอื้อเฟื้อคอยเผ่ือแผ่ รักแบง่ ปนั ไมตรีทุกที่ไป รกั ร่วมทกุ ขร์ ่วมสุขจงึ ผูกพนั ยอ่ มประสานเปน็ พลังที่ยิ่งใหญ่ หมูบ่ า้ นใดรู้จกั รักสมคั รสมาน เมอื่ ทุกคนร่วมแรงและรว่ มใจ ทาการใดย่อมสาเรจ็ สมเจตนา เป็นหมู่บ้านท่รี ม่ เยน็ อยู่เปน็ สุข หมบู่ ้านยคุ สร้างสรรค์อนั ปรารถนา หมู่บ้านเราวิวฒั น์พัฒนา ด้วยศรัทธาและนา้ แรงแหง่ พวกเรา จากหนังสือเรียนภาษาไทย ชดุ พนื้ ฐานภาษา ช้นั ป.๖ กระทรวงศึกษาธิการ ๑. เพราะเหตุใดเราจงึ ตอ้ งแบ่งปนั ไมตรีให้แก่ผู้อนื่ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ๒. “รักเกดิ จากเออ้ื เฟื้อคอยเผ่ือแผ่ รกั เกิดแต่ความจริงใจไมเ่ หหนั รกั ร่วมทุกข์รว่ มสุขจึงผกู พัน รกั แบ่งปันไมตรที ุกท่ีไป” ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ๓. ใจความสาคัญของบทร้อยกรองน้ี คืออะไร ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรยี นท่ี ……… ปีการศึกษา ………….. ชอื่ .......................................................................ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เลขที่.............. วนั ที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนศึกษาเน้อื หาบทเรยี น หน่วยท่ี ๔ เรอ่ื ง เรอื่ งกล้วย ๆ แลว้ รวบรวมข้อคิด ทีไ่ ด้ จากบทเรยี นให้ถกู ต้อง ………………………………………………………………………………...…………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………...…………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………...…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………...…………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………...…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………...…………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงาน โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรียนท่ี ……… ปีการศึกษา ………….. ชอ่ื .......................................................................ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เลขท่ี.............. วนั ที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนเขียนแผนภาพความคดิ เก่ียวกบั ประโยชน์ของกล้วย ___________________ ____________________ ___________________ ____________________ ___________________ ____________________ ___________________ ____________________ ___________________ ____________________ ___________________ ____________________ ___________________ ___________________ ___________________
เกม “แขง่ ขนั กนั ต่อเรอื่ ง อปุ กรณ์ - ข้อความทค่ี รเู ตรียมมาเป็นเหตกุ ารณ์ในเรื่อง เดยี วกนั มเี นอ้ื เร่ืองต่อเนอ่ื งกัน แต่ ไดจ้ ดั คละกนั ไว้ จัดทาไวเ้ ปน็ ๒ ชุด – นกหวีด – นาฬกิ าจับเวลา วิธกี ารเล่นเกม มีดงั นี้ ๑. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ ๒ กลมุ่ กล่มุ ละ ประมาณ ๑๐ – ๑๕ คน ๒. ครอู ธิบายกตกิ าการเล่นโดย - ให้แต่ละกลุ่มมารับข้อความซ่ึงเปน็ ขอ้ ความชนดิ เดียวกนั กลุ่มละ ๑ ชุด - ครูจะใหเ้ วลาเล่นเกมประมาณ ๑๐ นาที โดยจะใหส้ ัญญาณเริ่มเลน่ ดว้ ยการเปา่ นกหวีด และให้สญั ญาณหยดุ เลน่ ดว้ ยการเป่านกหวดี เช่นกัน - เมือ่ ไดย้ นิ สญั ญาณให้นักเรียนเร่ิมเลน่ เกมทันที โดยการจดั ลาดบั ข้อความที่ไดร้ บั ให้ เน้อื ความต่อเนื่องกนั จากข้อความทนี่ ักเรยี นคิดว่าน่าจะอยู่อันดบั แรก หรือเรม่ิ ต้น ไปจนถงึ ขอ้ ความท่คี ิดวา่ นา่ จะอยู่สดุ ท้าย - ให้นกั เรยี นช่วยกนั เขยี นเรื่องราวเพิม่ เตมิ จากข้อความแรกจนถึงข้อความสุดท้ายให้ เปน็ เร่อื งราวทส่ี มั พนั ธ์ตอ่ เน่ืองกัน - เมอื่ ได้ยินสญั ญาณหมดเวลา ให้ตวั แทนของกลุ่มมาจบั สลากกันออกมารายงานโดย เลา่ เร่ืองให้เพอ่ื น ๆ ฟงั - ใหแ้ ต่ละกลุ่มติดข้อความท่ไี ด้รบั และสว่ นที่ได้ต่อเตมิ แตง่ ต่อเรอื่ งราวเสรจ็ ไวบ้ น กระดานดาให้เพ่ือนดู จากน้ันครูนาข้อความมาเฉลยใหน้ กั เรียนดู แลว้ พิจารณาว่า กลุ่มใดลาดบั เรื่องไดถ้ ูก และต่อ เติมไดด้ สี มบูรณ์เหมาะสม เป็นฝ่ายชนะ ขอ้ เสนอแนะ ๑. เกมนีอ้ าจนามาดดั แปลง ใชเ้ ปน็ แบบฝึกในการเขยี นเรียบเรยี งข้อความหรือ ประโยชนห์ รือฝึกการเขียนเรียบเรียงความได้ ๒. เมื่อเกมจบลงหรือหมดเวลา ครกู พ็ ูดโยงเข้าสบู่ ทเรียนต่อไป
เกณฑก์ ารประเมินสาหรับประเมนิ ผลงานของผู้เรียน ( Rubric Assessment) ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดมี าก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรุง ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจรว่ ม กระตือรอื ร้นสนใจรว่ ม ร่วมกจิ กรรมเมื่อ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมทั้งชกั ชวน กิจกรรม ได้รับคาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ อู้ น่ื ปฏบิ ัติตามได้ บังคบั ๔. ตอบคาถามและ มคี วามกระตือรือรน้ ปฏิบตั ิ สนใจศกึ ษาคน้ ควา้ หา ปฏิบตั ติ นในเรื่องที่ แสดงเหตผุ ล ในเร่อื งทีเ่ รียน สนใจศึกษา ขอ้ มลู ดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาคน้ ควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นคว้าหาข้อมลู นาไป นาไปปฏิบตั ิ เม่ือได้รับคาสง่ั ปฏบิ ัตพิ ร้อมทงั้ ชกั ชวนให้ ผอู้ ืน่ ปฏิบัตติ าม มีความกระตือรือรน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกิจกรรมเมื่อ แสดงออกในการร่วม กลา้ แสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาส่งั หรือถูก กจิ กรรม พร้อมท้ังชักชวน กิจกรรม บังคับ ใหผ้ ู้อน่ื ปฏิบตั ิตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลไดต้ ่อเนื่องครบถว้ น ผลไดต้ อ่ เน่ืองครบถว้ น ต่อเน่อื งครบถว้ น สัมพนั ธก์ บั หัวข้อที่กาหนด สมั พนั ธก์ บั หวั ข้อท่ี สัมพนั ธก์ บั หัวข้อที่ และตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแตย่ งั ไม่ สามารถแสดงเหตุผล ประกอบได้ กระตือรือร้นศึกษา คน้ ควา้ ศกึ ษา ค้นควา้ ทางาน ศึกษา คน้ คว้า ทางานดว้ ยความช่ืนชอบ ตามทผ่ี อู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเมื่อได้รบั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบังคับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อืน่ ปฏิบตั ิตาม
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวิธี ๒ คล่องแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเนน้ เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสยี งในการอ่านเหมือนเสยี งพดู ของตวั ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให้)
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๙ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศกึ ษา หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรื่อง กทลีตานี เวลา ๑ ช่วั โมง เรื่อง การอา่ นออกเสยี งบทเรียน แผนผังความคิดประจาหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ การอา่ นในใจบทเรียน กทลีตานี การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น คาและชนดิ ของคา การเลือกใช้คาใหถ้ ูกตอ้ งตาม ความหมาย การยอ่ ความ การวเิ คราะห์เรื่อง การอา่ นออกเสยี งบทเรียน ภาษาพดู ภาษาเขยี น การตีความ สรปุ ความ การหาขอ้ คดิ จากเร่อื งทอ่ี า่ น การอา่ นเสรมิ บทเรยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้สึกและความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน เป้าหมายการเรยี นรู้ประจาหนว่ ย เมื่อเรยี นจบหน่วยน้ี ผ้เู รียนจะมีความรู้ความสามารถต่อไปนี้ ๑. อา่ นออกเสียงบทเรยี นได้ถูกตอ้ ง ชดั เจน ๒. เขยี นคาตามคาบอกได้ถกู ต้อง ๓. คดั ลายมอื ได้ถกู ต้อง สวยงาม เปน็ ระเบยี บเรียบร้อย คณุ ภาพท่พี งึ ประสงค์ของผู้เรยี น ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผูน้ าและผู้ตามทดี่ ี ๓. มีความภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝ่เรยี นรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อย่างพอเพยี ง ขอบข่ายสาระการเรยี นรู้แกนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ท ๑.๑ (๑) อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง (๒) อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่เี ปน็ โวหาร
สาระพนื้ ฐาน ๑. การอา่ นออกเสียงบทเรยี นหน่วยที่ ๔ เรอ่ื ง เร่อื งกทลตี านี ๒. คัดและเขียนคาหรือข้อความตามคาบอก ความรู้ฟงั แน่นตดิ ตัวผู้เรยี น ๑. การอา่ นออกเสียงเรื่องตา่ งๆ ไดถ้ ูกต้องคลอ่ งแคล่ว ถา่ ยทอดอารมณ์และความรูส้ กึ จากเร่ืองที่อ่านได้เหมาะสม จะเปน็ พ้ืนฐานในการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๒. การคัดและเขียนคา ข้อความไดถ้ ูกตอ้ งรวดเร็ว สวยงาม เปน็ การสรา้ งนิสยั ท่ีดี ในการเขยี น และใช้ส่ือสารได้ถูกต้อง ชัดเจน พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งดา้ นตนเอง มีความสนใจ ใฝร่ ้ใู ฝเ่ รียน ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนินชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยู่รว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อยา่ งมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งดา้ นทรพั ยากร ใช้ทรัพยากรที่อยูอ่ ยา่ งคุ้มคา่ ตามปรัชญาหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ๔. ความพอเพยี งดา้ นภูมปิ ญั ญา สามารถนาความรูท้ ไี่ ด้จากเรื่อง การอยู่ร่วมกัน และ ทางานรว่ มกับผู้อ่นื ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นเลน่ เกมประกวดการอา่ น ๒. นักเรยี นและครรู ่วมกันทบทวนบทเรียน โดยอภปิ รายเร่อื งลักษณะการอา่ นออกเสียงท่ี ถกู ต้อง เช่น ทา่ ทางการอ่าน การอา่ นอย่างถกู ต้อง การอ่านอย่างคล่องแคล่ว การเวน้ จังหวะวรรค ตอน การใชน้ า้ เสียงในการอ่าน เปน็ ตน้ ๓. ครสู าธติ การอ่านออกเสียง ให้นักเรยี นฟัง ๔. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุม่ โดยครแู จกบัตรคาศพั ท์ท่คี วรศกึ ษา ใหร้ ว่ มกันอ่านออกเสยี ง และแนะนาเพ่ือนในกล่มุ ให้อ่านไดอ้ ย่างถกู ต้อง จากนัน้ ให้ทกุ กลุ่มฝึกอ่านออกเสียง เรื่องกทลตี านี จากหนังสอื เรียนภาษาไทย ชุดภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ โดยนกั เรยี นเลอื กเน้ือหาจาก บทเรียนในตอนที่กลมุ่ นักเรยี นชอบ แล้วฝึกอ่านออกเสยี งเนื้อหาการเรียนรใู้ นตอนทก่ี ลุ่มนกั เรียน เลือก และใหเ้ พ่ือนแนะนาข้อบกพร่อง แล้วปรับปรุงแก้ไข จากน้นั ผลัดเปล่ยี นกนั อ่านออกเสยี งทลี ะ คน และเพ่ือนท่ีเหลือในกลุ่มประเมินการอา่ นออกเสียง และใหต้ ัวแทนกลุ่มออกมาอ่านออกเสยี งหนา้ ช้นั เรียนให้เพอื่ น ๆ ฟัง แลว้ เพื่อน ๆ ช่วยกนั วิจารณ์การปฏิบตั ติ นในการอ่าน จดุ เดน่ จดุ ด้อย และขอ้ บกพร่องทีค่ วรแกไ้ ขปรับปรุง ๕. นักเรียนเขยี นตามคาบอกจานวน ๑๐ คา จากแผนภมู ิคาศพั ท์เขียนตามคาบอก โดยครู แจ้งเกณฑ์การประเมินการเขียนคาตามคาบอกให้นักเรยี นทราบ และวธิ ีการคดั ลายมือใหถ้ กู ต้อง สวยงาม โดยครกู ระตุ้นใหน้ ักเรียนต้งั เปา้ หมายการเขียนในใจ จากน้นั ครอู ่านคาศัพท์ให้นักเรียนฟัง อย่างน้อย ๒ รอบ แล้วนกั เรียนเขียนตามคาบอกและแลกเปลีย่ นกันตรวจผลงาน พรอ้ มทัง้ แก้ไขคาที่ เขียนไม่ถูกต้อง โดยครตู ิดบัตรคาเฉลยไวท้ ่ีกระเป๋าผนัง ๖. นกั เรยี นและครชู ่วยกันสรุปบทเรียน เรอ่ื ง แนวปฏิบัติการอา่ นออกเสียง แนวทางใน การแก้ไขการเขยี นคาใหถ้ ูกต้อง และแนวปฏบิ ัติในการคัดลายมือให้สวยงามเปน็ ระเบยี บ ๗. นกั เรียนทาใบงาน
๘. มอบหมายให้นกั เรียนทาแบบฝกึ เปน็ การบา้ น ส่อื การเรยี นการสอน ๑. ประเภทสอ่ื - หนงั สือแบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ - แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ - ใบความร้เู รื่อง การอ่านออกเสยี ง - เกมประกวดการอา่ น - กระเปา๋ ผนงั ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - บตั รคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหล่งการเรยี นรู้ - ครู ผปู้ กครอง - ห้องสมุด การวดั ประเมินผล ๑. วธิ กี ารวัดและประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่าน ๒. เครอ่ื งมือการวัดและประเมินผล ๑. แบบบันทึกพฤตกิ รรมการเรยี น ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ น ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดบั ดมี าก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดับ ปรับปรุง ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๕ หมายถึง ระดบั ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
ใบความรู้ การอ่านออกเสยี ง การอ่านออกเสียง เป็นการอ่านให้เกิดเสียงดัง คือ เปล่งเสียงตามตัวอักษร ถ้อยคา และ เครอ่ื งหมายต่างๆ ทเี่ ขยี นออกมาให้ถกู ตอ้ งชดั ถ้อยชัดคา และเปน็ ที่เข้าใจแกผ่ ู้ฟัง การอ่านออกเสียงผอู้ า่ นตอ้ งอาศัยการทางานท่ีสัมพันธ์กนั ระหว่างสายตา สมองและอวยั วะใน การออกเสยี ง กล่าวคือผู้อา่ นต้องใช้สายตากวาดไปบนตัวอักษรครงั้ ละหน่ึงวรรค และต้องแบ่งใจความ ไว้แปลงความคิดเป็นเสียง แล้วจึงเปล่งเสียงออกมาให้ตรงตามความหมายของถ้อยคา เพื่อให้ผู้ฟัง เขา้ ใจข้อความท่ีได้ยนิ ผอู้ ่านเปล่งเสียงออกมา หลักทั่วไปในการอ่านออกเสียง การอ่านออกเสียงน้ันมุ่งให้ผู้อ่านอ่านให้ชัดเจน ถูกต้อง และมีผลทาให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องได้ ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ การอ่านออกเสียงแบ่งออกได้ออกไปเป็น ๒ อย่าง ตามลักษณะของ ข้อความท่ีอ่าน คือ อ่านเรอื่ งที่เป็นรอ้ ยแก้ว กบั เรื่องท่ีเป็นบทร้อยกรองส่ิงที่ผู้อ่านควรคานึงถงึ ใน การอ่านออกเสยี งมดี ังน้ี ๑. ความชดั เจน ความชดั เจน หมายถึง การอ่านออกเสียงไดช้ ดั ถ้อยชัดคา ท้งั เสียงสระ เสยี งพยัญชนะ เสยี งวรรณยุกต์ และพยัญชนะควบกล้า รวมทงั้ ออกเสยี งตวั ร ล ให้ ชัดเจน ไม่สับเสียงจากเสียง ร เป็น ล น้าเสียงท่ีเปล่งออกมาต้องดัง ฟังชัด ไม่ดังมากหรือค่อย เกินไปเพอื่ ให้ผ้ไู ด้ยนิ ท่ัวถึงกนั ๒. ความถกู ตอ้ ง คอื ผูอ้ า่ นสามารถอา่ นออกเสยี งได้ถกู ต้องตามอักขรวธิ ีของไทยหรือ ตามอักขรวิธีของภาษาอ่ืนท่ีไทยนามาใช้ รวมท้ังการอ่านถูกต้องตามความนิยมด้วย ซึ่งผู้อ่าน จะต้องศึกษาหลักการอ่านที่ถูกต้องจากหนังสือตาราหลักภาษาไทย และหมั่นสังเกตศึกษารวบรวมคา และคาอ่านที่ถูกต้องอย่างสม่าเสมอ เมื่อสงสัยคาอ่านใดให้ยึด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นหลัก เช่น การอ่าน คาพ้องรูป อักษรนา อักษรควบ คาสมาส การอ่านคาที่มี ตัว ฤ ฑ การอ่านตามความนิยม การอา่ นไมย้ มก และการอา่ นเคร่ืองหมาย วรรคตอน อน่ื ๆ ๓. ความคลอ่ งแคลว่ หมายถงึ ความคล่องตวั ในการอ่านออกเสยี งไดต้ ่อเนอ่ื งกนั ไม่ ตดิ ขัดหรอื เสียจังหวะในการอ่านออกเสียง ความคล่องแคล่วน้ีจะเกดิ ได้จากการฝึกฝนทักษะการอ่าน ออกเสียง รวมท้ังการฝึกทักษะการใช้สายตากวาดไปบนตัวอักษรให้ได้จังหวะและความเร็ว สิ่ง เหล่าน้ีผู้อ่านจะต้องฝึกปฏิบัติโดยสม่าเสมอและฝึกบ่อย ๆ ก็จะเกิดทักษะในการอ่าน แล้วก็จะเกิด ความคลอ่ งแคล่วในการอา่ นได้ และสามารถแบง่ วรรคตอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ๔. การใชน้ ้าเสยี งไดต้ ามเนื้อเร่ือง หรอื อา่ นถกู ต้องตามลกั ษณะของคาประพนั ธ์ (อ่านร้อยกรอง) เช่น คาครุลหุในคาฉันท์ อ่านออกเสียงโท เสียงเอก ตามคาโคลงส่ีสุภาพมี การ เอ้ือนเสียงระหว่างวรรค การอ่านท้ังร้อยแก้ว และร้อยกรองมีการอ่านจังหวะทอดเสียงโดย เวน้ จังหวะ มนี ้าเสยี งหนกั เบาเพ่ือให้เกดิ ความไพเราะ ๕. การเวน้ จงั หวะวรรคตอน การเว้นจังหวะวรรคตอน เป็นสงิ่ สาคัญมากในการอา่ น ออกเสียง เพราะถ้าผู้อ่านเว้นจังหวะวรรคตอนที่ผิดท่ี เช่น เว้นวรรคตรงกลางประโยคหรือกลาง ข้อความ หรอื รวบคาจากวรรคแรกมาควบกับคาต้นของวรรคถดั ไป ก็อาจจะทาให้ความหมายผิดไป
จากสารเดิม ทาให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายคลาดเคล่ือนผิดไปจากความหมายที่แท้จริง หรือไม่เข้าใจ ความหมายท่ีถูกต้อง ผู้อ่านจึงควรได้ทดลองอ่านทาความเข้าใจข้อความ ให้ดีก่อนว่า ควรจะเว้น วรรคตอนที่ได อยา่ งไร จึงจะไมท่ าให้ความหมายผดิ ไปจากสารเดมิ ตัวอย่าง เชน่ “การชา เราจะต้องหาที่เหมาะ ๆ ใตต้ ้นไม้ย่ิงดี” “ยา น้กี นิ แล้วแขง็ แรง ไม่มโี รคภยั เบยี ดเบียน” ถา้ ผู้อา่ นอ่านเวน้ วรรคผิดทก่ี ็อ่านวา่ “การชาเรา จะต้องหาทเี่ หมาะ ๆ ใตต้ น้ ไม้ยิ่งด”ี และอา่ นตัวอยา่ งที่ ๒ วา่ “ยานี้กนิ แล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภยั เบียดเบยี น” เชน่ น้ีกจ็ ะทาให้ความหมายของสารเดมิ เปลย่ี นไป
เกม “ประกวดการอา่ น” ใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม “ประกวดการอา่ น” เพื่อปลูกฝังและสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ัยการอา่ น (รอ้ ยแก้ว, รอ้ ยกรอง) ให้กับนักเรยี น อปุ กรณ์ มดี งั น้ี นาฬิกาจบั เวลา นกหวดี ตารางให้คะแนน วิธีเลน่ เกม มีดงั น้ี แบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละประมาณ ๔-๕ คน ครูและนกั เรยี นร่วมกนั กาหนดเกณฑ์ การอ่านทีด่ ีเช่น 1. อา่ นร้อยแก้ว 2. อ่านถูกวรรคตอน 3. ไม่ตะกุกตะกกั 4. ออกเสียง ร ล คาควบกล้าชัดเจนและถูกตอ้ งตามอักขรวิธี 5. อ่านเหมือนเสียงพูด แสดงอารมณ์โดยใช้น้าเสียงเหมาะสมกบั เร่อื งทอี่ ่าน ตง้ั กรรมการตดั สนิ การประกวดโดยให้แต่ละกลุ่มเลือกตัวแทนมากลมุ่ ละ ๑ คน จากนั้นให้ แตล่ ะกลุ่มอา่ นออกเสียง (จะสง่ ใหต้ ัวแทนอ่านออกเสยี งหรืออา่ นออกเสยี งพร้อมกันท้ังกลุ่มก็ได้) แล้ว ใหก้ รรมการใหค้ ะแนน กลมุ่ ใดไดค้ ะแนนมากเป็นผชู้ นะ หมายเหตุ กรรมการบอกเร่ิมอา่ นโดยการเป่านกหวีดและต้ังเวลาตามความเหมาะสม ขอ้ เสนอแนะ - เกมนสี้ ามารถนาไปใช้ก่อนการสอนอา่ นหรือก่อนการใหน้ ักเรียนอ่านบทเรยี น ไดท้ กุ บท ไม่วา่ จะเป็นการอ่านในใจหรอื อ่านออกเสียงร้อยแกว้ หรอื รอ้ ยกรอง นกั เรยี นเป็นกรรมการอาจถูกกลา่ วหาว่าลาเอยี งเขา้ ขา้ งฝ่ายตนครอู าจเป็นกรรมการ เองก็ได้ *********************************************************
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรียนที่ ……… ปกี ารศึกษา ………. ชื่อ.......................................................................ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขท่ี.............. วนั ท่ี………….เดือน…………………………พ.ศ. ………. คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง ๑. ท่ีกล่าวว่า “ทุกสว่ นของกลว้ ยมีคณุ ประโยชน์”จรงิ หรอื ไม่ เพราะอะไร ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ๒. ผลิตผลจากกล้วยท่ีนาไปทาผลิตภณั ฑใ์ นโครงการ “หนึ่งตาบลหนง่ึ ผลิตภัณฑ์” ในท้องถ่นิ มี อะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ๓. เขยี นชอ่ื กล้วยท่ีเดก็ ๆร้จู ักและเคยเหน็ มาให้มากทส่ี ุด รวมท้งั อาหารจากกลว้ ยท่เี คยรับประทาน ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ๔. นักเรยี นเคยทาอะไรบ้างที่ตรงกบั สานวนทีว่ ่า “ของกทลีตานี” “เรื่องกลว้ ย” และ “กลว้ ยมาก” ใหย้ กตัวอย่างเหตกุ ารณเ์ ขยี นเล่ามาให้ชัดเจน ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ๕. นกั เรียนเคยไปงานลอยกระทงท่ีไหนบา้ ง ร้สู ึกอย่างไรกับประเพณีนี้ ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ๖. นกั เรยี นเคนเหน็ บายศรีในพิธใี ดบา้ ง ให้เขียนเลา่ ประสบการณใ์ หช้ ัดเจน ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….….........
เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรุง ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจรว่ ม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาคน้ ควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถ้วน ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพนั ธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ ควา้ ทางาน ศึกษา คน้ คว้า ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ นื่ บอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบตั ติ าม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไมน่ ้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ที่ได้ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวธิ ี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเนน้ เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพดู ของตวั ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๐ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศึกษา หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ เร่ือง กทลีตานี เวลา ๑ ช่ัวโมง เรื่อง การอ่านเสรมิ บทเรียน เรือ่ ง “เร่อื งของกล้วย” แผนผังความคิดประจาหน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๔ การอา่ นในใจบทเรียน กทลีตานี การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น คาและชนิดของคา การเลอื กใชค้ าให้ถูกต้องตาม ความหมาย การย่อความ การวเิ คราะห์เรอื่ ง การอา่ นออกเสียงบทเรียน ภาษาพูดภาษาเขยี น การตคี วาม สรุปความ การหาขอ้ คดิ จากเร่อื งทอ่ี า่ น การอา่ นเสรมิ บทเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรสู้ ึกและความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ัญหา ในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น เป้าหมายการเรียนรู้ประจาหนว่ ย เม่ือเรียนจบหนว่ ยนี้ ผเู้ รียนจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. อา่ นคาใหม่และคายากจากบทอ่านเสริมบทเรยี น ได้ ๒. อา่ นเสรมิ บทเรยี นแล้วสรุปใจความสาคัญและข้อคิดของเรอื่ งได้ คณุ ภาพท่พี ึงประสงคข์ องผู้เรียน ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผูน้ าและผู้ตามทด่ี ี ๓. มคี วามภาคภมู ใิ จในภาษาไทย ๔. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยดั และอยู่อยา่ งพอเพยี ง ขอบขา่ ยสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ (๘) อ่านหนงั สือตามความสนใจ และอธบิ ายคุณค่าทไ่ี ด้รบั
สาระพื้นฐาน ๑. เขียน คดั คาใหม่ จากบทอา่ นเสรมิ บทเรียน เร่ือง “เรื่องของกลว้ ย” ๒. อ่านเสริมบทเรียน เรื่อง “เรอื่ งของกลว้ ย” ความรูฟ้ งั แน่นติดตวั ผเู้ รียน การอ่านเสริมบทเรียน แลว้ สามารถสรุปสาระสาคญั และข้อคิดได้ ชว่ ยให้เกดิ ทักษะ ทางภาษาและเปน็ ประโยชนต์ ่อการนาไปใชใ้ นชีวติ จริง พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มคี วามสนใจ ใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น ๒. มคี วามพอเพยี งด้านสังคม ดาเนินชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสงั คม อยูร่ ว่ มกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมี ความสขุ ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใช้ทรพั ยากรท่ีอยอู่ ย่างคมุ้ ค่า ตามปรัชญาหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ๔. ความพอเพียงด้านภมู ปิ ญั ญา สามารถนาความรูท้ ่ีไดจ้ ากเร่ือง การอยู่ร่วมกนั และ ทางานร่วมกบั ผู้อ่ืนประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนเลน่ เกมขงิ กร็ า ข่าก็แรง ๒. นักเรียนและครูรว่ มกนั ทบทวนบทเรียน โดยอภิปรายเรอื่ งลกั ษณะการอ่านออก เสยี งทีถ่ กู ต้อง เช่น ทา่ ทางการอา่ น การอ่านอย่างถูกต้อง การอ่านอย่างคล่องแคลว่ การเวน้ จังหวะวรรคตอน การใช้นา้ เสียงในการอ่าน เปน็ ต้น ๓. ครสู าธิตการอ่านออกเสียง บทอา่ นเสรมิ บทเรยี น เร่ือง “ไม้มงคล”ให้นักเรยี นฟัง ๔. ครแู บง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม โดยครแู จกบัตรคาศัพท์ที่ควรศกึ ษา ให้รว่ มกนั อ่าน ออกเสยี ง และแนะนาเพ่ือนในกลมุ่ ให้อ่านได้อยา่ งถกู ต้อง จากนัน้ ให้ทุกกลมุ่ ฝึกอา่ นออกเสียง บทอ่านเสรมิ บทเรียน เรอ่ื ง “เรื่องของกลว้ ย” จากหนังสือเรียนภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ โดยฝกึ อ่านออกเสียง และให้เพ่ือนแนะนาข้อบกพร่อง แล้วปรับปรุงแก้ไข จากนั้นผลัดเปล่ียนกันอา่ นออกเสียงทีละคน และเพอ่ื นที่เหลอื ในกลุม่ ประเมนิ การอ่านออกเสียง และ ใหต้ ัวแทนกลมุ่ ออกมาอา่ นออกเสยี งหน้าชัน้ เรียนใหเ้ พ่ือนๆ ฟงั แลว้ เพื่อนๆ ช่วยกนั วิจารณ์การ ปฏิบัติตนในการอ่าน จดุ เด่น จดุ ด้อย และ ข้อบกพรอ่ งท่ีควรแกไ้ ขปรบั ปรงุ ๕. ครแู จ้งเกณฑ์การประเมนิ การเขียนคาตามคาบอกใหน้ ักเรยี นทราบ แจง้ วธิ กี าร คัดลายมอื ให้ถกู ตอ้ ง สวยงาม โดยกระตนุ้ ให้นักเรียนตัง้ เปา้ หมายการเขียนในใจ จากนนั้ ครูอา่ น คาศัพทใ์ ห้นักเรยี นฟงั อยา่ งน้อย ๒ รอบ แลว้ นักเรียนเขียนตามคาบอก จานวน ๑๐ คาและ แลกเปล่ียนกนั ตรวจผลงาน พรอ้ มทง้ั แกไ้ ขคาทเ่ี ขยี นไมถ่ ูกตอ้ ง โดยครูตดิ บัตรคาเฉลยไว้ที่กระเปา๋ ผนัง ๖. นกั เรียนและครชู ว่ ยกนั สรุปบทเรียน เร่อื ง แนวปฏิบัตกิ ารอ่านออกเสียง การอา่ น จับใจความสาคญั และข้อคดิ ที่ไดจ้ ากเรือ่ ง ตลอดจนแนวทางในการแกไ้ ขการเขียนคาให้ถูกต้อง และแนวปฏบิ ัติในการคัดลายมอื ใหส้ วยงามเป็นระเบยี บ ๗. นักเรยี นทาใบงาน ๘. มอบหมายให้นักเรียนทาแบบฝกึ ทักษะภาษา เปน็ การบ้าน ๙. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังการเรียนรู้
สอื่ การเรยี นการสอน ๑. ประเภทสือ่ - หนังสอื แบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ - แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แบบทดสอบหลงั การเรียนรู้ - เกมขงิ กร็ าขา่ ก็แรง - กระเปา๋ ผนงั - แผนภมู ิ ๒. วัสดุ / อุปกรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหล่งการเรียนรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมุด การวัดประเมนิ ผล ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ๒. ประเมินการอ่าน ๒. เครอื่ งมอื การวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบนั ทกึ พฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถึง ระดบั ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดับ ปรับปรุง ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๕ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดับ ปรับปรุง
เกม “ขิงกร็ าข่ากแ็ รง” ใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม “ขิงก็ราข่าก็แรง” เพ่ือให้นักเรยี นสามารถต่อคาคล้องจองและนาความรู้ เรอ่ื งคาคลอ้ งจองไปใช้ในการแตง่ คาประพนั ธ์ วิธีเลน่ มีดงั น้ี แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย แต่ละฝ่ายน่งั เป็นรูปคร่ึงวงกลม ทั้งสองฝ่ายจะชนกันเปน็ วงกลมพอดี เร่ิมการเล่นโดยท่ีให้ตัวแทนของทั้ง ๒ ฝ่าย ออกมาจับสลากว่าจะเป็นผู้เร่ิมเล่นก่อน เมื่อจับสลากได้ แล้วฝ่ายที่ได้เริ่มเล่นก่อน ก็จะลุกข้ึนทีละคนพร้อมท้ังพูดคา ๒ พยางค์ ท่ีคล้องจองกันออกมา ๒ คา เป็นจังหวะช้า ๆ พอพูดจบคนในหมู่ของตนก็ทาหน้าที่เป็นลูกคู่ปรบมือให้จังหวะ ๒ คร้ัง แล้วผู้ที่พูด อยู่นั้นก็น่ังลง เมอื่ สิ้นเสียงปรบมอื ๒ จังหวะของฝ่ายแรกแล้ว ให้อีกฝ่ายหน่ึงลุกขึ้นตอบคาคล้องจอง กับคาหลังของฝ่ายตรงข้ามทันที พอพูดจบลูกคู่ในหมู่ของตนก็จะปรบมือเป็นจังหวะเช่นกัน ๒ ครั้ง การเล่นดาเนินสลับเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป ฝ่ายใดต่อได้ช้ากว่าฝ่ายตรงข้ามก็จะถูกหักคะแนนไปทีละ ๑ คะแนน ในตอนสุดท้ายก็จะนับคะแนนว่าใครถูกหักคะแนนไปมากท่ีสุด โดยท่ีอาจจะต้ังคะแนน เบอ้ื งต้นของท้ัง ๒ ฝ่ายไวฝ้ ่ายละ ๑๕ คะแนนการตัดสินใจก็ดทู ี่คะแนนว่าฝ่ายใดเหลือมากที่สุด กเ็ ปน็ ฝ่ายชนะ ตัวอยา่ ง สมมุติฝ่าย ก จบั สลากไดเ้ ลน่ ก่อน ฝ่าย ก ฝา่ ย ข คนท่ี ๑ กางมุ้ง ยุงชุม คนที่ ๑ ยุงชมุ กลุ้มใจ คนที่ ๒ กลมุ่ ใจ ไปเที่ยว คนที่ ๒ ไปเท่ียว เห่ยี วแหง้ คนที่ ๓ เหยี่ วแห้ง แปง้ มัน คนท่ี ๓ แป้งมนั ฟันหลอ คนที่ ๔ ฟันหลอ คอยืน่ คนที่ ๔ คอยืน่ คนื คา่ (ผ้ทู เี่ หลอื จะเป็นลูกคคู่ อยปรบมือรับ ๒ จงั หวะ เม่ือฝ่ายตนพดู จบ) ขอ้ เสนอแนะ กจิ กรรมนนั้ อาจกระทามาเป็นกิจกรรมนาเขา้ สู่บทเรยี น ก่อนจะสอนเก่ยี วกับบทร้อยกรอง คาคลอ้ งจอง หรือคาประพนั ธ์ชนิดตา่ ง ๆ แลว้ ยังอาจดัดแปลงแบบฝึกหัดให้นักเรียนฝกึ หาคาคล้อง จองได้อีกด้วย
ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรยี นท่ี ……… ปีการศึกษา ……….. ช่ือ.......................................................................ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขท่ี.............. วันท…่ี ……….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชีแ้ จง ให้นักเรียนคัดบทอ่านเสริมบทเรยี น เรื่อง ไม้มงคล ใหส้ วยงาม ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….…......... ……………………………………………………………………………………………………….……………………………….…… …………………………………………………………………………………………………….……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………………………….….........
เกณฑ์การประเมนิ สาหรบั ประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรงุ ๑. สนใจร่วม กิจกรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เรื่องที่เรียน กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กล้าแสดงออก ให้ผ้อู ืน่ ปฏบิ ัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ตั ิ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องท่ีเรยี น สนใจศึกษา ขอ้ มูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาคน้ ควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบัติ เมอ่ื ได้รบั คาส่ัง ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบัตติ าม มีความกระตือรือรน้ กลา้ มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อืน่ ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเน่ืองครบถว้ น ผลได้ต่อเนื่องครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ บั หัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตุผล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นคว้า ศึกษา คน้ ควา้ ทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือได้รบั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อ่นื ปฏิบัตติ าม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวิธี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเน้น เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตัว ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผู้ประเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)
แบบทดสอบหลังการเรียนรู้ หน่วยที่ ๔ โรงเรยี น..........................................................ภาคเรียนที่ ......... ปกี ารศึกษา .............. ชอ่ื ........................................................ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖............ เลขท่ี.............. วนั ท่ี…… เดอื น ……………………………… พ.ศ……………… คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนทาเคร่ืองหมาย × หน้าคาตอบท่ีถูกต้อง ๑. จากบทเรียน “เร่อื ง กทลีตานี” น้ีนกั เรยี นคดิ ว่าเป็นเนื้อเร่ืองเก่ียวกับอะไร ก. ส่งิ ทง่ี ่ายมาก ข. เร่ืองงา่ ยๆ ค. ของงา่ ยๆ ง. เรอื่ งคุณค่าและประโยชนข์ องกล้วย ๒. เมอ่ื พูดถึงคาวา่ “กล้วย” ทุกคนท่ไี ด้ยินจะนกึ ถงึ ความหมายว่าอยา่ งไร ก. สง่ิ ท่ีงา่ ยมาก ข. เรือ่ งง่ายๆ ค. ของง่ายๆ ง. เรอ่ื งคณุ ค่าและประโยชน์ของกล้วย ๓. ทาไม จึงกล่าวว่า “กลว้ ยเปน็ สง่ิ ที่แสดงถึงอัจฉริยะของบรรพชนไทย” ก. กล้วยมีความสมั พนั ธก์ บั วิถีชวี ติ คนไทย ข. กลว้ ยมีคณุ คา่ และมีประโยชน์ ค. กลว้ ยสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ทุกสว่ น ง. ถูกทกุ ข้อ ๔. นักเรยี นคดิ วา่ ข้อใดไม่เป็นอาหารประเภทขนมหวานที่ทาจากกล้วย ก. กลว้ ยบวชชี ข. กล้วยกวน ค. ขนมกล้วย ง. กลว้ ยเผา ๕. ข้อใดเปน็ อาหารประเภทคาวทีท่ าจากกลว้ ย ก. ส้มตากล้วย ข. แกงเลยี งหัวปลี ค. ตม้ ยาหัวปลี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๖. ในสมยั ก่อนอบรมเลยี้ งดเู ด็กโดยหาเคร่ืองเล่นจะใหเ้ ด็กไดพ้ ฒั นาการท้งั ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา จากกลว้ ยอยา่ งไรบ้าง ก. ทามา้ กา้ นกล้วย ข. ทาปืนกา้ นกลว้ ย ค. ทาขนมกลว้ ย ง. ขอ้ ก และ ข ถูก ๗. นักเรยี นคดิ ว่า เต่ียว ทาจากพชื ชนิดใด ก. ใบกล้วย ข. ใบมะพร้าว ค. ใบตาล ง. ใบข้าวโพด ๘. นักเรียนคิดว่า ไมม้ งคล มีกี่ชนิด ก. ๗ ชนดิ ข. ๘ ชนิด ค. ๙ ชนิด ง. ๑๐ ชนดิ ๙. “มนุษย์และลงิ กินกลว้ ยเปน็ อาหาร” นกั เรยี นคิดว่ามีคานามก่ีคา ก. ๑๐ ชนดิ ข. ๙ ชนิด ค. ๕ ชนดิ ง. ๔ ชนดิ ๑๐. นกั เรยี นคิดว่าภาษาพดู กบั ภาษาเขยี น มีความแตกต่างกนั อย่างไร ก. ภาษพดู ไม่พิถีพถิ นั ในการใชห้ ลกั ภาษา ข. ภาษาเขยี นพิถีพิถันในการใช้หลกั ภาษา ค. ภาษาเขยี นเคร่งครัดในการใชถ้ ้อยคาและหลักภาษา ง. ถกู ทุกข้อ
เฉลยแบบทดสอบหลังการเรียนรู้ ๑. ง ๒. ก ๓.ง ๔. ง ๕. ง ๖. ง ๗. ข ๘. ค ๙. ง ๑๐. ง
เกณฑ์การให้คะแนน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่านออกเสยี ง เกณฑ์การประเมิน ดี ให้ ๒ พอใช้ ให้ ๑ ควรปรบั ปรุง ให้ ๐ การผ่านการประเมินทุกรายการต้องได้ ๑ ขน้ึ ไป สรุป ขอ้ รายการประเมนิ คะแนนท่ี ไม่ผา่ น หมายเหตุ ได้ ผ่าน ๑ อ่านไดช้ ัดเจนถกู ต้องตามอักขรวิธี ๒ อา่ นคล่องแคลว่ ไม่ตะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใชน้ า้ เสียงเหมาะสม มีจงั หวะ มกี ารเน้น เสียงหนักเบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสยี งในการอา่ นเหมือนเสียงพูดของตวั ละคร รวมคะแนน ประเมนิ กลุ่มท่ี ……………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กลุ ให้)
เกณฑ์การให้คะแนน แบบบันทกึ คะแนนพฤตกิ รรมการอา่ นในใจ เกณฑ์การประเมนิ ดี ให้ ๒ พอใช้ ให้ ๑ ควรปรับปรงุ ให้ ๐ การผ่านการประเมนิ ทุกรายการตอ้ งได้ ๑ ขนึ้ ไป รายการประเมิน เลขท่ี ช่ือ - สกุล การวาง / ัจบหนังสือได้ ูถก ้ตอง มีสมา ิธในการอ่าน การกวาดสายตาในการ ่อาน หมายเหตุ ไ ่มชี้ตาม ัตวอักษร ่ที ่อาน ไม่สายหน้าไปมาขณะอ่าน คะแนนรวม ๑๐ คะแนน สรุป ผ่าน / ไ ่มผ่าน ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน เกณฑ์การให้คะแนน ดี ให้ ๒ พอใช้ ให้ ๑ ควรปรบั ปรุง ให้ ๐ เกณฑ์การประเมนิ การผา่ นการประเมินทุกรายการต้องได้ ๑ ข้ึนไป คะแนน สรุป ขอ้ รายการประเมนิ ท่ไี ด้ ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ ๑ การวางแผน ๒ ความกระตอื รือร้น ๓ การแสดงความคดิ เห็น ๔ มรมารยาทในการพดู ๕ มีมารยาทในการฟงั รวมคะแนน ประเมนิ กลุ่มที่ ……………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ................................................................................ ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)
เกณฑ์การให้คะแนน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการรายงาน เกณฑ์การประเมิน ดี ให้ ๒ พอใช้ ให้ ๑ ควรปรบั ปรงุ ให้ ๐ การผ่านการประเมนิ ทุกรายการต้องได้ ๑ ขึน้ ไป ขอ้ รายการประเมนิ สรุป หมายเหตุ คะแนนท่ี ๑ พดู ทักทายแนะนาตัวเองได้ ๒ พดู ตรงกับหัวข้อเร่ืองที่อภิปราย ได้ ผ่าน ไม่ผา่ น ๓ บคุ ลิกท่าทางและมีความม่นั ใจในตนเอง ๔ เหตุผลสอดคล้องกบั หวั ขอ้ เรอ่ื งอภิปราย ๕ พดู สรปุ ได้ตรงประเด็น รวมคะแนน ประเมนิ กลุ่มท่ี ……………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้
แบบประเมินก่อนเรียน - หลังเรยี น หน่วยที่ ๔ เร่ือง กทลตี านี แบบทดสอบ แบบทดสอบ เลขที่ ชอ่ื – สกุล ก่อนเรยี น หลังเรยี น ผลต่าง สรุป ๑ ๑๐ ๑๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ลงช่ือ ................................................................................ ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจริ าพร กุลให)้
Search