แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓๓
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่ือง เรยี นร้ปู ระจักษภ์ าษา จานวน ๑๖ ชัว่ โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ือง ภาษามาตรฐาน – ภาษาถ่นิ เวลา ๑ ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒.ตัวช้วี ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๓ วเิ คราะหร์ ะดับภาษา ๓. สาระสาคญั ภาษาไทยมีทง้ั ภาษามาตรฐานทใ่ี ชเ้ ปน็ ภาษาราชการ และภาษาถนิ่ ซงึ่ เปน็ ภาษาที่มีลกั ษณะเฉพาะ แสดงถึงเอกลักษณ์ของคนแต่ละท้องถ่ิน การเรียนเร่ืองภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถ่นิ จะทาใหร้ ูค้ าศัพท์ มากขึ้น และเลอื กใชค้ าได้อยา่ งเหมาะสม ๔. จุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตวั ชวี้ ัด ๑. นักเรยี นอธิบายความหมายของภาษาราชการ และภาษาถิ่นได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถจาแนกภาษาราชการ และภาษาถ่ินได้ (P) ๓. นักเรียนใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มั่นในการทางาน (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ ภาษามาตรฐาน ภาษาถิ่น ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน ๑. นักเรียนทากิจกรรม โดยนาคาภาษาถ่นิ ทก่ี าหนด ใสใ่ นขบวนรถภาษาถ่นิ แต่ละภาค ๒. ครูถามนักเรียนว่า ทีบ่ ้านของนักเรยี นปกติพดู จากนั ด้วยภาษาสาเนียงอย่างไร ใหน้ กั เรยี น ออกมาพดู ใหเ้ พือ่ นฟงั ๒ – ๓ ประโยค เพอื่ ให้เพื่อนเหน็ วา่ ทีเ่ พอ่ื นพดู คือภาษาถิ่น ท่ีจะมโี ดยเฉพาะถนิ่ ของ ตนเอง ๓. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนร้ใู ห้นกั เรยี นทราบ และเชื่อมโยงกิจกรรมที่ทาเขา้ สู่บทเรยี น ขนั้ ที่ ๒ ขัน้ สอน ๑. นักเรียนเปดิ หนงั สอื เรียนภาษาไทย ววิ ธิ ภาษา ม.๓ บทท่ี ๖ เรอื่ ง มหัศจรรย์แหง่ มะละกอ หน้า ๗๔-๗๕ ภาษากลาง – ภาษาราชการ และภาษาถิน่ ๒. นักเรียนนกั เรยี นอา่ นทาความเข้าใจเนื้อหาเร่ืองภาษาถนิ่ ครูให้เวลา ๕ นาที
๓. ครูอธบิ ายให้นักเรยี นฟังวา่ ภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ภาษาที่ใช้เป็นภาษาราชการ สว่ น ภาษาถิน่ คือ ภาษาทใ่ี ช้เฉพาะในท้องถ่ินใดท้องถนิ่ หน่ึงท่มี ีรปู แบบเฉพาะตวั ท้งั ถอ้ ยคาและสาเนยี งเป็น เอกลกั ษณ์ของแต่ละท้องถนิ่ ๔. ครอู ธิบายเร่อื งภาษาถิ่นเพิม่ เติม พร้อมทงั้ ยกตวั อย่างภาษาถน่ิ ในจงั หวดั อตุ รดติ ถ์ทเ่ี ปน็ เมือง ๓ วัฒนธรรม มภี าษาถึง ๓ ภาษา คือ ภาษาไทยกลาง ภาษาไทยเหนือ และภาษาลาว ที่ไดร้ ับอิทธพิ ลมา จากล้านนาและล้านชา้ งด้วย ๕. นกั เรยี นทากจิ กรรมพัฒนาโดยเขยี นภาษาถน่ิ ต่าง ๆ ให้ตรงกบั ภาษาไทยมาตรฐานที่กาหนด และเขยี นภาษาถนิ่ จากภาษาไทยมาตรฐานท่ีกาหนด หน้าชน้ั เรียน ๖. นักเรียนอาสาสมคั รออกมาทากจิ กรรมหน้าชั้นเรียน ครแู ละนกั เรียนรว่ มกัยเฉลย ๗. นักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี ๓๐ เร่ือง ภาษามาตรฐาน – ภาษาถิน่ ข้นั ท่ี ๓ ขน้ั สรุป ๑. ใหน้ ักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรเู้ รอื่ ง ภาษามาตรฐาน – ภาษาถิ่น - ภาษามาตรฐาน หมายถึง - ภาษาถน่ิ หมายถงึ ๒. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นได้ซักถามขอ้ สงสยั ๗. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ ๑. ขบวนรถภาษา ๒. สื่อ Power Point เรอื่ ง ภาษามาตรฐาน – ภาษาถน่ิ ๓. หนงั สือววิ ธิ ภาษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ๔. แบบฝกึ หดั ที่ ๓๐ เรอ่ื ง ภาษามาตรฐาน – ภาษาถิ่น ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน ตรวจแบบฝกึ หัด ๑. นักเรียนอธบิ าย แบบประเมนิ การตรวจ ทาคะแนนผา่ นตง้ั แต่ ๓ ความหมายของภาษา ตรวจแบบฝกึ หดั ราชการ และภาษาถ่นิ ได้ สงั เกตการใฝเ่ รียน ใฝ่รู้ แบบฝกึ หดั ระดบั ขึ้นไปถือว่าผา่ น (K) ๒. นักเรยี นสามารถจาแนก แบบประเมินการตรวจ ทาคะแนนผา่ นตั้งแต่ ๓ ภาษาราชการ และภาษาถนิ่ ได้ (P) แบบฝกึ หัด ระดับขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น ๓. นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมั่น แบบสงั เกตการใฝ่เรยี น ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ ในการทางาน (A) ใฝ่รู้ ระดับขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ ผล (รูบริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรยี นอธิบาย แสดงเหตุผลในการ ตอบคาถามได้ ความหมายของภาษา ตอบคาถาม ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน ราชการ และภาษาถิ่น ตอบคาถามได้อย่าง และแสดงเหตุผลใน ถกู ต้อง การตอบคาถาม ได้ ตอ่ เนื่องครบถ้วน การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล (K) ตอบคาถามได้ ชดั เจน ในการตอบ ๒. นักเรยี นสามารถ สัมพันธก์ ับหวั ข้อที่ ตอบคาถามไดอ้ ย่าง คาถามได้ จาแนกภาษาราชการ กาหนด ต่อเนือ่ งครบถว้ น และภาษาถิ่นได้ (P) ๓. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้ นักเรียนตง้ั ใจฟงั ท่ีครู นักเรียนต้ังใจฟังท่ีครู นกั เรยี นตัง้ ใจฟังท่ี นักเรียนไมต่ ั้งใจฟังท่ี มุ่งมั่นในการทางาน (A) สอนเนื้อหาให้ความ สอนเนื้อหาให้ความ ครสู อนเนอ้ื หาให้ ครสู อนเน้อื หาให้ ร่วมมอื ในการทา รว่ มมือในการทา ความร่วมมือใน ความร่วมมือในการ กจิ กรรมและส่งงานที่ กจิ กรรม การทากจิ กรรมใน ทากิจกรรมและไมส่ ่ง ไดร้ ับมอบหมายตรง บางครง้ั และสง่ งานท่ีได้รับ เวลากาหนด งานที่ได้รบั มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ล่าชา้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๔ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรื่อง เรยี นรปู้ ระจกั ษภ์ าษา แผนการเรียนรทู้ ่ี ๒ เร่ือง ระดับภาษา ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ๒.ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๓/๓ วเิ คราะห์ระดบั ภาษา ๓. สาระสาคัญ การส่ือสารของมนุษย์ นอกจากจะเข้าใจการใชค้ าใหต้ รงกบั ความต้องการแล้วยงั จะต้องใชค้ า เหมาะสมกับฐานะบุคคล โอกาส และกาลเทศะดว้ ย เช่น ในโอกาสงานพธิ ี ในที่ประชุม หรอื ในทสี่ าธารณะ สถานการณเ์ หลา่ น้ีย่อมใช้ระดับภาษาที่แตกต่างกัน จงึ ควรทาความเข้าใจในเร่ืองระดับของภาษา และใช้ ภาษาระดบั ต่างๆ ใหถ้ ูกตอ้ งเพอื่ ให้การสือ่ สารมปี ระสิทธิผล ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สตู่ วั ช้ีวัด ๑. นักเรยี นบอกความหมายของระดบั ภาษาได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถจาแนกระดบั ของภาษาทใ่ี ชใ้ นการส่อื สารได้ถูกต้อง (P) ๓. นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทางาน (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ ระดับของภาษา - ระดับพิธกี าร - ระดบั ทางการ - ระดับกงึ่ ทางการ - ระดับไม่เปน็ ทางการ - ระดับกันเอง ๖. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี ๑ ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน ๑. ครูกล่าวทกั ทาย สรา้ งบรรยากาศในห้องเรียนเพอื่ เตรยี มความพร้อมกอ่ นเร่มิ การเรียนการสอo ๒. นักเรยี นยกตัวอยา่ งคาที่มคี วามหมายวา่ กิน เช่น รบั ประทาน เสวย ฉนั แลว้ ใหน้ ักเรียน ช่วยกนั วเิ คราะห์ว่า คาเหล่านั้นใชก้ ับใคร อย่างไร ๓. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนทราบ
ขัน้ ที่ ๒ ขนั้ สอน ๑. ครใู ห้นักเรยี นเปดิ หนังสือเรียนภาษาไทย วิวิธภาษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ในบทที่ ๓ เร่ือง เช้าฮาเย็นเฮ หน้า ๓๔ (คาภาษาปาก) โดยครชู ้ีแจงว่า คาภาษาปากเปน็ คาท่ีอย่ใู นภาษาระดับกันเอง ซง่ึ ระดับภาษามีด้วยกนั ท้ังหมด ๕ ระดบั คือ ระดบั พิธีการ ระดบั ทางการ ระดับก่ึงทางการ ระดบั ไมเ่ ปน็ ทางการ และระดับกันเอง ๒. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ออกเป็นกลุ่มละ ๕ คน ใหศ้ ึกษาใบความรเู้ ร่อื ง ระดับภาษา ใหน้ ักเรียนศกึ ษา พร้อมกัน ดงั ต่อไปน้ี คนที่ ๑ ศึกษาเรอ่ื ง ภาษาระดับพิธีการ คนที่ ๒ ศึกษาเร่ือง ภาษาระดับทางการ คนที่ ๓ ศึกษาเร่อื ง ภาษาระดับกึ่งทางการ คนที่ ๔ ศึกษาเรอื่ ง ภาษาระดับสนทนา คนที่ ๕ ศึกษาเรือ่ ง ภาษาระดับกันเอง จากน้ันครถู ามนักเรยี นเพ่ือสรปุ ความเข้าใจ ดังน้ี • ระดบั ภาษาหมายถึงอะไร (รูปแบบการใช้ภาษาทม่ี คี วามลดหล่ันของถ้อยคาตามโอกาส กาลเทศะและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบคุ คล ) • ภาษาแบง่ ออกเป็นกี่ระดับ อะไรบ้าง (๕ ระดับ ได้แก่ ภาษาระดับพธิ ีการ ภาษาระดับ ทางการ ภาษาระดบั กึ่งทางการ ภาษาระดบั สนทนา และภาษาระดับกนั เอง) • ภาษาระดบั ทางการมลี ักษณะอย่างไร (เป็นภาษาทีม่ ีแบบแผนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เน้นการส่อื สารให้ไดผ้ ลตามจุดประสงค์ อาจมีการใช้ศพั ท์เฉพาะหรือศัพท์ทางวชิ าการ) • ภาษาระดับกนั เองมลี ักษณะอยา่ งไร (เปน็ ภาษาที่ใช้ส่ือสารกับบุคคลทส่ี นิทสนมกัน) • ในโอกาสทมี่ ีการกล่าวถวายราชสดุดคี วรใช้ภาษาระดบั ใด (ภาษาระดับพธิ กี าร) • การเขียนเว็บบอร์ดในอินเทอรเ์ น็ตควรใช้ภาษาระดบั ใด (ภาษาระดบั สนทนา) • การบนั ทกึ รายงานการประชมุ ควรเขียนโดยใชภ้ าษาระดับใด (ภาษาระดับทางการ) • ข่าวและบทความในหนงั สือพิมพ์ควรใช้ภาษาระดับใด (ภาษาระดับกงึ่ ทางการ) ๓. ครูแสดงแถบประโยคท่ีใชภ้ าษาระดบั ตา่ ง ๆ ให้นักเรยี นแข่งขันกันตอบวา่ ประโยคที่แสดงใช้ ภาษาระดบั ใด กลุ่มใดตอบได้มากที่สดุ เป็นผูช้ นะ ๔. นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดที่ ๓๐ เรอื่ ง ระดบั ภาษา ข้ันท่ี ๓ ขน้ั สรปุ ๑. ให้นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้เรือ่ ง ระดับภาษา - ระดับของภาษาหมายถงึ อะไร - ระดับของภาษามีกีร่ ะดบั อะไรบา้ ง ๒. เปิดโอกาสให้นกั เรยี นได้ซกั ถามข้อสงสยั ๗. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. แถบข้อความ , บัตรคา ๒. สือ่ Power Point เร่อื ง ระดับภาษา ๓. ใบความรู้เรอ่ื ง ระดบั ภาษา ๔. แบบฝกึ หัดที่ ๓๐ เร่ือง ระดับภาษา ๕. หนงั สือเรยี นภาษาไทยวิวธิ ภาษา ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓
๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ๑. นกั เรียนบอกความหมาย การตอบคาถามในชน้ั แบบประเมนิ การตอบ ทาคะแนนผา่ นต้งั แต่ ๓ ของระดับภาษาได้ (K) เรยี น คาถามในช้นั เรียน ระดบั ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น ๒. นกั เรยี นสามารถจาแนก ตรวจแบบฝึกหดั แบบประเมนิ แบบฝึดหดั ทาคะแนนผ่านต้ังแต่ ๓ ระดับของภาษาทใี่ ช้ในการ ระดับขนึ้ ไปถือวา่ ผ่าน สื่อสารไดถ้ ูกต้อง (P) ๓. นักเรียนใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่ัน สงั เกตการใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ แบบสังเกต ทาคะแนนผ่านต้งั แต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ระดับขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นกั เรยี นบอก แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ ความหมายของระดบั ตอบคาถาม แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน ภาษาได้ (K) ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ตอ่ เน่อื งครบถว้ น และแสดงเหตผุ ลใน ถูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล สัมพนั ธก์ บั หัวข้อท่ี ชัดเจน ในการตอบ กาหนด ตอบคาถามได้อย่าง คาถามได้ ต่อเน่ืองครบถ้วน ๒. นักเรียนสามารถ อธิบายหลกั เกณฑ์ อธบิ ายหลักเกณฑ์ อธบิ ายหลักเกณฑ์ อธบิ ายหลักเกณฑ์ จาแนกระดับของภาษา ท่ีใช้ในการสือ่ สารได้ การเลือกใช้คาให้ การเลอื กใช้คาให้ การเลอื กใช้คาให้ การเลือกใชค้ าให้ไม่ ถกู ต้อง (P) เหมาะสมกับ เหมาะสมกับ เหมาะสมกับ เหมาะสมกับ กาลเทศะและบุคคล กาลเทศะและบุคคล กาลเทศะและ กาลเทศะและบคุ คล และสามารถนาไปใช้ และสามารถนาไปใช้ บุคคลและ และสามารถนาไปใช้ ได้อย่างถกู ตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สามารถนาไปใช้ ไดไ้ มค่ ่อยถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั เหมาะสมกับ ไดไ้ มค่ ่อยถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั สถานการณต์ ่างๆไดด้ ี สถานการณต์ ่างๆได้ เหมาะสมกบั สถานการณ์ต่างๆ ส่วนใหญ่ สถานการณ์ต่างๆ
๓. นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ นักเรยี นตั้งใจฟงั ที่ครู นกั เรียนตง้ั ใจฟังที่ครู นักเรยี นตัง้ ใจฟงั ท่ี นักเรยี นไม่ตั้งใจฟังที่ มุ่งมนั่ ในการทางาน (A) สอนเนื้อหาให้ความ สอนเนอื้ หาให้ความ ครูสอนเน้ือหาให้ ครสู อนเนื้อหาให้ ร่วมมือในการทา ร่วมมือในการทา ความร่วมมอื ใน ความร่วมมือในการ กิจกรรมและส่งงานที่ กิจกรรม การทากิจกรรมใน ทากิจกรรมและไม่สง่ ได้รับมอบหมายตรง บางครง้ั และสง่ งานท่ีได้รบั เวลากาหนด งานที่ไดร้ ับ มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ลา่ ช้า
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๓๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เร่ือง เรยี นรู้ประจกั ษ์ภาษา แผนการเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง คาเชื่อม (ที่ ,ซึง่ , อนั ) ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒.ตวั ชีว้ ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคญั คาเช่ือม ท่ี ซ่ึง อัน เป็นคาที่ปรากฏร่วมกบั ประโยคในประโยคซอ้ น ใช้ขยายประโยคใหย้ าวและ ซับซ้อนข้ึน เป็นคาท่ีทาหนา้ ที่เชือ่ มโยงคาหรือกล่มุ คา เพื่อบอกใหร้ ูถ้ ึงหน้าทีห่ รือตาแหน่งของคาเหลา่ นนั้ ๔. จุดประสงค์การเรยี นรสู้ ูต่ ัวช้วี ัด ๑. นักเรยี นอธบิ ายหลักการใช้คาเชือ่ มได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถใช้คาเชอื่ มได้ถูกต้อง (P) ๓. นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ การใชค้ าเช่อื ม ที,่ ซง่ึ , อัน ๖. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ ๑ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน ๑. ครูกลา่ วทกั ทาย สรา้ งบรรยากาศในห้องเรยี นเพ่ือเตรยี มความพร้อมก่อนเริม่ การเรียนการสอน ๒. ครกู ล่าวถงึ การใชป้ ระโยคตา่ งๆ มีท้ังประโยคความเดียว ประโยคความรวม ประโยคความ ซอ้ น ซ่งึ บางครั้งอาจมีการใช้ตัวช่วยเชอ่ื มประโยค เชื่อมกลุ่มคา ซึ่งตัวช่วยน้ันเรียกว่า คาเชอื่ ม ขัน้ ที่ ๒ ขน้ั สอน ๑. นกั เรยี นอา่ น เรื่อง “การใช้คาเชื่อม ท่ี ซ่งึ อนั ” จากหนังสือเรียน วิวธิ ภาษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ บทท่ี ๗ เรอื่ ง ร้ตู านานสืบสานวฒั นธรรม หน้า ๙๔ – ๙๘ (คาเช่อื ม ที,่ ซึง่ , อนั ) ๒. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ ๕ คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มแต่งประโยคซ้อนโดยใช้ ที่ ซงึ่ อัน เป็นคาเชอ่ื ม มาคา ละ ๕ ประโยค และวิเคราะห์ลักษณะการใช้ ที่ ซ่ึง อนั โดยให้แตล่ ะกลุ่ม สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการแตง่ ประโยคให้เพื่อน ๆ กลุ่มอนื่ ฟัง เสรจ็ แล้วส่งรายงานท่ีครู
๓. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการแต่งประโยคของนักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั หา ประโยคซอ้ นจากหนังสือพิมพ์ วารสาร ท่ีมีคาเช่อื ม ท่ี ซ่ึง อัน มากล่มุ ละ ๑ ประโยค โดยให้ออกมาเขียนบน กระดานดา ๔. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ท่ี ๓๑ เร่ือง การใชค้ าเช่ือม ท่ี ซงึ่ อัน เสร็จแล้ว นาส่งครตู รวจสอบ ขั้นท่ี ๓ ข้ันสรปุ ๑. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรเู้ รือ่ ง คาเช่อื ม ท่ี ซึ่ง อนั ๒. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดซ้ ักถามขอ้ สงสยั ๗. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร ๒. สื่อ Power Point เรื่อง การใชค้ าเชอ่ื ม ที่ ซึ่ง อัน ๓. ใบความร้เู รื่อง การใช้คาเชอ่ื ม ท่ี ซ่งึ อัน ๔. แบบฝกึ หดั ที่ ๓๑ เร่อื ง การใชค้ าเชอ่ื ม ท่ี ซ่งึ อัน ๕. หนงั สือภาษาไทยววิ ิธภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ๑.นักเรยี นอธบิ ายหลักการ การตอบคาถามในชั้น แบบประเมนิ การตอบ ทาคะแนนผ่านตง้ั แต่ ๓ ใชค้ าเชื่อมได้ (K) เรยี น คาถามในชนั้ เรยี น ระดบั ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น ๒. นักเรียนสามารถใช้ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบประเมินแบบฝดึ หัด ทาคะแนนผา่ นตั้งแต่ ๓ คาเชอื่ มไดถ้ ูกตอ้ ง (P) ระดับขึน้ ไปถือว่าผา่ น ๓.นักเรยี นใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มั่น สงั เกตการใฝ่เรยี น ใฝร่ ู้ แบบสงั เกต ทาคะแนนผา่ นตง้ั แต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้ ระดบั ข้ึนไปถือว่าผา่ น
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบรกิ ส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรุง ๑.นักเรียนอธบิ าย แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ หลกั การใชค้ าเชื่อมได้ ตอบคาถาม แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน (K) ตอบคาถามได้อยา่ ง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ตอ่ เน่อื งครบถ้วน และแสดงเหตุผลใน ถกู ต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล สัมพนั ธก์ บั หวั ข้อที่ ชดั เจน ในการตอบ กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ ต่อเนอ่ื งครบถว้ น ๒. นักเรียนสามารถใช้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ คาเชื่อมได้ถูกตอ้ ง (P) ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ๓.นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ นักเรียนตั้งใจฟงั ท่ีครู นกั เรยี นตงั้ ใจฟังที่ครู นกั เรยี นตั้งใจฟังท่ี นกั เรยี นไม่ต้ังใจฟังท่ี ม่งุ ม่นั ในการทางาน (A) สอนเนื้อหาให้ความ สอนเนอ้ื หาให้ความ ครูสอนเนอื้ หาให้ ครสู อนเน้ือหาให้ ร่วมมอื ในการทา รว่ มมือในการทา ความร่วมมอื ใน ความรว่ มมอื ในการ กจิ กรรมและสง่ งานท่ี กิจกรรม การทากจิ กรรมใน ทากจิ กรรมและไมส่ ่ง ได้รบั มอบหมายตรง บางครัง้ และสง่ งานทไี่ ด้รบั เวลากาหนด งานที่ได้รับ มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ลา่ ชา้
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๓๕ ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๑๖ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๒ ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ เรื่อง เรยี นรปู้ ระจกั ษภ์ าษา แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เร่อื ง การเปลย่ี นแปลงของภาษา ผู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ๒.ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๓/๓ วเิ คราะหร์ ะดบั ภาษา ๓. สาระสาคัญ ภาษาเปน็ เครอ่ื งมอื สาคญั ที่คนใชส้ ่อื สารกนั ภาษาสัมพนั ธ์อยา่ งใกล้ชิดกบั ชีวติ ของเรา ภาษาก็จะ สัมพันธก์ บั สง่ิ ต่าง ๆ ด้วย คนเราเปล่ยี นแปลกแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะสมัย ภาษาที่ใช้ในสมัยหนง่ึ จึงย่อมมีส่วนท่ี แตกต่างกับภาษาทใ่ี ช้ในอีกสมัยหนึ่ง ๔. จุดประสงค์การเรยี นร้สู ตู่ ัวช้ีวัด ๑. นักเรียนบอกหลกั การเปลีย่ นแปลงของภาษาได้(K) ๒. นกั เรียนวิเคราะห์คาทเี่ ปล่ยี นแปลงของภาษาได้P) ๓. นกั เรียนใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มั่นในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ การเปล่ียนแปลงของภาษา ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ ๑ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น (ช่ัวโมงที่ ๑) ๑. นักเรยี นอ่านประโยคท่ีกาหนดให้พร้อมๆ กัน “ ทกุ ๆ ครงั้ ที่ฉนั อยู่กบั คนท่ีฉนั รกั ฉันมักจะมีความสขุ ลางคร้งั แอบยม้ิ ลางคร้ังแอบคิดไปไกล ถึงวนั แตง่ งาน ของเรา” ให้นกั เรยี นสงั เกตว่าทาไหนไม่คนุ้ พรอ้ มครอู ธบิ ายใหฟ้ งั ๒. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นักเรียนได้ทราบ ขนั้ ท่ี ๒ ขน้ั สอน ๑. นกั เรยี นศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง การเปลย่ี นแปลงของภาษา ในหนังสือวิวธิ ภาษา ช้นั มธั ยมศึกษา ใน บทเรียนเรอ่ื ง กรุงเทพ ฯ เมอื่ ร้อยกว่าปี หนา้ ๑๒๐ – ๑๒๑ พร้อมครูอธิบายให้นักเรยี นเพม่ิ เติม ๒. นกั เรียนแบ่งกลุ่มกลมุ่ ละ ๔-๕ คน โดยให้แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยศกึ ษาสาเหตุที่ทาใหภ้ าษาเกิดการ เปลี่ยนแปลง พร้อมยกตัวอย่างคาท่ีเปล่ียนตามสาเหตนุ ้ันๆ
๑. การพูดจากนั ในชวี ิตประจาวนั ๒. อทิ ธิพลของภาษาอ่ืน ๓. ความเปลยี่ นแปลงของส่งิ แวดล้อม ๔. การเรยี นภาษาของเด็ก ๓. ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลงานของกลุม่ ตัวเอง ขน้ั ที่ ๓ ข้นั สรุป ๑. ใหน้ กั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความร้เู รอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงของภาษา บนั ทกึ ลงในสมุด ขน้ั ท่ี ๑ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น (ชั่วโมงที่ ๒) ๑. นกั เรยี นชมวิดที ัศน์ครเู พ็ญศรี กบั ภาษาไทยวบิ ตั ิ แลว้ ให้นักเรยี นสังเกตว่ามีการเปล่ยี นแปลง ของภาษาอย่างไร ๒. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรียนได้ทราบ ขั้นที่ ๒ ขน้ั สอน ๑. ๒. ๓. ๔. ขัน้ ที่ ๓ ขั้นสรุป ๑. ใหน้ ักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความร้เู รือ่ ง การเปลี่ยนแปลงของภาษา บันทึกลงในสมุด ๗. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. วิดที ัศนโ์ ฆษณา ๒. ส่ือ Power Point เรอ่ื ง การเขียนโฆษณา ๓. ใบความรเู้ รื่อง การเขยี โฆษณา ๔. แบบฝกึ หัดที่ ๒๖ เรือ่ ง โฆษณา ๕. ตวั อย่างการเขยี นโฆษณา
๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ๑.นกั เรยี นอธิบายหลักการ การตอบคาถามในชั้น แบบประเมนิ การตอบ ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ ใชค้ าเชื่อมได้ (K) เรยี น คาถามในชั้นเรยี น ระดบั ขึน้ ไปถือว่าผา่ น ๒. นักเรยี นสามารถใช้ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบประเมนิ แบบฝึดหดั ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ คาเช่ือมได้ถูกต้อง (P) ระดับขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ๓.นักเรยี นใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มั่น สงั เกตการใฝ่เรียน ใฝร่ ู้ แบบสงั เกต ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ ระดับขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ผล (รบู รกิ ส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรงุ ๑.นักเรยี นอธิบาย แสดงเหตุผลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ หลักการใช้คาเช่ือมได้ ตอบคาถาม แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน (K) ตอบคาถามได้อย่าง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ตอ่ เนอ่ื งครบถว้ น และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล สมั พันธ์กับหวั ข้อท่ี ชดั เจน ในการตอบ กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ ตอ่ เนอ่ื งครบถว้ น ๒. นกั เรียนสามารถใช้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ คาเชื่อมไดถ้ ูกตอ้ ง (P) ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ๓.นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ นกั เรียนตงั้ ใจฟงั ที่ครู นักเรียนต้งั ใจฟงั ท่ีครู นักเรยี นต้งั ใจฟงั ที่ นักเรียนไม่ต้ังใจฟังที่ มุ่งม่ันในการทางาน (A) สอนเนือ้ หาให้ความ สอนเนอ้ื หาให้ความ ครสู อนเน้อื หาให้ ครูสอนเนอื้ หาให้ ร่วมมอื ในการทา ร่วมมือในการทา ความรว่ มมอื ใน ความร่วมมือในการ กิจกรรมและสง่ งานท่ี กิจกรรม การทากิจกรรมใน ทากิจกรรมและไม่ส่ง ได้รบั มอบหมายตรง บางครงั้ และสง่ งานท่ไี ดร้ บั เวลากาหนด งานที่ไดร้ บั มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ล่าชา้
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓๖ ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๑๖ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๑ ชวั่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ เร่ือง เรยี นรู้ประจกั ษ์ภาษา แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เรอ่ื ง คาบุพบท ผู้สอน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ๒.ตัวชีว้ ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะห์โครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคญั คาบุพบท เป็นคาเชื่อมคาหรือกลมุ่ คาจะนาหนา้ คานาม คา สรรพนาม หรือคากรยิ าท่ีทาหนา้ ท่ีอยา่ ง คานาม การเรยี นรู้เรื่อง คาวิเศษณแ์ ละคาบุพบทจะสามารถนามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการ ติดต่อสือ่ สารในชวี ิตประจาวัน ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนร้สู ู่ตวั ช้ีวดั ๑. นกั เรียนบอกลกั ษณะของคาบุพบท พร้อมยกตัวอยา่ ง (K) ๒. นกั เรียนสามารถจาแนกคาบุพบทไดถ้ ูกต้องตามหนา้ ทีท่ ป่ี รากฎอยใู่ นประโยค (P) ๓. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการทางาน (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ คาบุพบท ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี ๑ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น ๑. ครูทบทวนชนดิ ของคา ท้งั ๗ ชนดิ ๒. ครูนาบตั รคาทั้งหมดบนกระดาน และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบวา่ คาทงั้ หมดเปน็ คาชนิดใดบ้าง ๓. ครูเฉลยว่าบัตรคาทง้ั หมด เป็นคาบพุ บททัง้ หมด และเช่อื มโยงเข้าส่บู ทเรียน ๔. ครชู แี้ จงจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ให้นกั เรยี นทราบ ข้นั ที่ ๒ ข้นั สอน ๑. นกั เรียนศกึ ษาความรู้ เรื่อง คาบุพบท จากเอกสารทค่ี รูแจกให้ และในหนังสอื วิวิธภาษา ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ในบทเรียนเรือ่ ง คิดดีกไ็ ด้บุญ เรอ่ื ง คาบุพบท หนา้ ๑๓๕-๑๓๖ พรอ้ มครอู ธบิ ายเพมิ่ เติม ๒. นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายลักษณะของคาวเิ ศษณ์และคาบพุ บท ดงั นี้
- ลักษณะและชนดิ ของคาบพุ บท - หนา้ ท่ีของคาบพุ บท ๓. นักเรียนจับค่ชู ่วยกนั แต่งประโยคทมี่ ีคาบุพบทท่ีครูกาหนดให้ประมาณ ๑๐ ประโยค แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๔. นกั เรียนจับกลุ่ม กลมุ่ ละ ๕ คน อ่านนิทานเรือ่ ง หนูน้อยหมวกแดง และหาคาบพุ บท ทีป่ รากฏ อยู่ในนทิ าน (ถ้าซา้ กันให้นับเปน็ หนึง่ ) แลว้ ใหต้ วั แทนกลุม่ ออกมาสรุปผลหน้าชน้ั เรียน ๕. นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั ท่ี ๓๓ เร่อื ง คาบุพบท ขั้นที่ ๓ ขน้ั สรุป ๑. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความร้เู กย่ี วกับคาบพุ บท บันทึกลงสมดุ ๒. เปดิ โอกาสให้นกั เรียนซักถามข้อสงสยั ๗. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. บัตรคา ๒. สอื่ Power Point เรอ่ื ง คาบุพบท ๓. ใบความร้เู รอื่ ง คาบุพบท ๔. แบบฝกึ หดั ท่ี ๓๓ เรือ่ ง คาบุพบท ๕. หนังสือววิ ิธภาษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. นักเรียนบอกลักษณะ การตอบคาถามในช้ัน แบบประเมินการตอบ ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ ของคาบพุ บท พร้อม เรยี น คาถามในชั้นเรียน ระดบั ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น ยกตวั อย่าง (K) ๒. นกั เรยี นสามารถจาแนก ตรวจแบบฝกึ หดั แบบประเมนิ แบบฝดึ หดั ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ คาบพุ บทได้ถกู ต้องตาม ระดบั ขึ้นไปถือว่าผ่าน หน้าทที่ ่ปี รากฎอย่ใู น ประโยค (P) ๓. นกั เรยี นใฝ่เรียนรู้ มุง่ มน่ั สังเกตการใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แบบสังเกต ทาคะแนนผ่านตงั้ แต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรียน ใฝร่ ู้ ระดบั ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมินผล (รบู รกิ ส)์ ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ (๑) ปรับปรงุ ๑. นักเรียนบอก แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ ลกั ษณะของคาบุพบท ตอบคาถาม แต่ไม่แสดงเหตุผลใน พร้อมยกตวั อยา่ ง (K) ตอบคาถามไดอ้ ย่าง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ต่อเนอ่ื งครบถ้วน และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล สัมพันธก์ ับหัวข้อท่ี ชดั เจน ในการตอบ กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ ตอ่ เนือ่ งครบถว้ น ๒. นกั เรียนสามารถ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ จาแนกคาบุพบทได้ ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ถกู ต้องตามหน้าทีท่ ี่ ปรากฎอยใู่ นประโยค (P) ๓. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้ นักเรียนตั้งใจฟังท่ีครู นักเรียนตั้งใจฟังท่ีครู นกั เรียนตง้ั ใจฟังที่ นกั เรยี นไม่ตั้งใจฟังท่ี มุง่ มนั่ ในการทางาน (A) สอนเน้ือหาให้ความ สอนเน้ือหาให้ความ ครูสอนเน้อื หาให้ ครสู อนเน้ือหาให้ ร่วมมอื ในการทา รว่ มมอื ในการทา ความร่วมมือใน ความรว่ มมอื ในการ กิจกรรมและสง่ งานที่ กจิ กรรม การทากจิ กรรมใน ทากจิ กรรมและไม่สง่ ได้รับมอบหมายตรง บางครั้งและส่ง งานทีไ่ ด้รบั เวลากาหนด งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ลา่ ชา้
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓๗ ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๑๖ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เร่ือง เรยี นร้ปู ระจกั ษภ์ าษา แผนการเรียนรทู้ ี่ ๖ เร่ือง คาสันธาน ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒.ตวั ชว้ี ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะห์โครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคัญ คาสันธาน เป็นคาทีใ่ ช้เชื่อมคากบั คา ประโยคกบั ประโยค ข้อความกบั ข้อความ ใหก้ ลมกลนื เป็น เน้ือความเดียวกนั ซ่งึ แบ่งเน้ือความออกเป็นหลายลักษณะ เชน่ เนอื้ ความคล้อยตามกัน ขดั แยง้ กนั เปน็ เหตุ เป็นผลกนั เลอื กเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง สว่ นคาอทุ าน เป็นคาทแี่ สดงอารมณ์ความรู้สึกตา่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ข้นึ สว่ น ใหญจ่ ะไม่มีความหมายในตัวเอง ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สตู่ ัวชวี้ ัด ๑. นกั เรยี นบอกบอกลกั ษณะของคาสันธานได้ (K) ๒. นกั เรยี นจาแนกคาสนั ธานทอ่ี ยู่ในประโยคได้ถกู ตอ้ ง (P) ๓. นกั เรียนใฝ่เรียนรู้ มุง่ มั่นในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ คาสันธาน ๖. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น ๑. ครตู ดิ ขอ้ ความจากคาพงั เพย กวา่ ถัว่ จะสุกงาก็ไหม้ ปลาหมอตายเพราะปาก บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรยี นสงั เกตประโยคดังกล่าว ว่ามกี ปี่ ระโยค และมีคาใดเป็นคาเชือ่ มประโยค ๒. ครอู ธบิ ายให้นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ คาทเ่ี ชอ่ื มประโยคดังกล่าวเรยี กว่า คาสันธาน ๓. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรูใ้ ห้นกั เรยี นได้ทราบ ข้ันที่ ๒ ขน้ั สอน ๑. นักเรยี นศึกษาความรู้ เร่ือง คาสนั ธาน จากเอกสารท่ีครแู จกให้ และในหนงั สือวิวิธภาษา ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ ในบทเรียนเรือ่ ง คดิ ดีกไ็ ดบ้ ุญ เรื่อง คาเชอื่ ม หนา้ ๑๓๖-๑๓๗ พรอ้ มครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ๒. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายลักษณะของคาวเิ ศษณ์และคาบพุ บท ดังนี้
- ลักษณะและชนดิ ของคาสันธาน - หน้าทข่ี องคาสันธาน ๓. นักเรียนจับคู่ค้นหาประโยคท่ีมกี ารใช้คาสันธานและคาบุพบทจากหนังสือพิมพ์หรอื หนังสอื เรียน วชิ าอน่ื คู่ละ ๕ ประโยค แลว้ ออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียน ๔. นักเรียนออกเปน็ กลุ่มละ ๕–๖ คน ครูแจกแถบประโยคที่เชื่อมดว้ ยคาสนั ธานท่มี ีเนื้อความ ประเภทต่าง ๆ กลุ่มละ ๑๐ ประโยค ให้แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั จาแนกประโยคทม่ี เี น้ือความชนิดเดียวกันไวด้ ้วยกัน กล่มุ ใดทาเสรจ็ ก่อนและตอบถกู ต้องเป็นผู้ชนะ ๕. นักเรยี นทาแบบฝึกหดั ท่ี ๓๔ เรื่อง คาสันธาน ข้ันท่ี ๓ ข้ันสรุป ๑. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เกีย่ วกบั คาสันธาน บนั ทกึ ลงสมุด ๒. เปดิ โอกาสให้นกั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ๗. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. แถบข้อความ ๒. สอ่ื Power Point เรอื่ ง คาสันธาน ๓. ใบความรู้เร่อื ง คาสันธาน ๔. แบบฝึกหดั ท่ี ๓๔ เรือ่ งคาสันธาน ๕. หนังสอื พมิ พ์ , หนงั สือเรียนตา่ งๆ ๖. หนงั สอื ววิ ธิ ภาษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ๑. นกั เรียนบอกบอก การตอบคาถามในชนั้ แบบประเมินการตอบ ทาคะแนนผ่านต้งั แต่ ๓ ลักษณะของคาสันธานได้ เรยี น คาถามในชนั้ เรียน ระดับข้นึ ไปถือวา่ ผ่าน (K) ๒. นักเรยี นจาแนก ตรวจแบบฝกึ หดั แบบประเมินแบบฝดึ หดั ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ คาสนั ธานที่อยใู่ นประโยคได้ ระดับขน้ึ ไปถือว่าผา่ น ถกู ต้อง (P) ๓. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มัน่ สังเกตการใฝเ่ รียน ใฝร่ ู้ แบบสังเกต ทาคะแนนผา่ นตัง้ แต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรยี น ใฝร่ ู้ ระดับขึ้นไปถือว่าผา่ น
เกณฑก์ ารประเมินผล (รูบรกิ ส์) ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นกั เรียนบอกบอก แสดงเหตุผลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ ลกั ษณะของคาสนั ธาน ตอบคาถาม แตไ่ ม่แสดงเหตุผลใน ได้ (K) ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ต่อเนือ่ งครบถว้ น และแสดงเหตผุ ลใน ถูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล สัมพนั ธก์ บั หัวข้อที่ ชดั เจน ในการตอบ กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ ตอ่ เน่ืองครบถ้วน ๒. นักเรยี นจาแนก ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ คาสนั ธานทอ่ี ย่ใู น ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ประโยคได้ถกู ต้อง (P) ๓. นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ นกั เรียนตั้งใจฟงั ท่ีครู นกั เรียนต้งั ใจฟังท่ีครู นกั เรียนตง้ั ใจฟงั ที่ นักเรียนไมต่ ั้งใจฟังที่ มงุ่ มัน่ ในการทางาน (A) สอนเนอ้ื หาให้ความ สอนเน้อื หาให้ความ ครสู อนเนือ้ หาให้ ครสู อนเน้ือหาให้ รว่ มมือในการทา ร่วมมอื ในการทา ความรว่ มมอื ใน ความร่วมมอื ในการ กิจกรรมและส่งงานท่ี กจิ กรรม การทากจิ กรรมใน ทากิจกรรมและไมส่ ง่ ไดร้ ับมอบหมายตรง บางครงั้ และสง่ งานท่ไี ด้รับ เวลากาหนด งานทไ่ี ด้รับ มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ลา่ ชา้
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓๘ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๔ เร่ือง เรียนรู้ประจักษภ์ าษา แผนการเรียนร้ทู ่ี ๗ เรือ่ ง คาอทุ าน ผู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒.ตวั ชว้ี ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคัญ คาอุทาน เป็นคาท่ีแสดงอารมณค์ วามรูส้ ึกต่าง ๆ ทีเ่ กิดข้นึ ส่วนใหญ่จะไมม่ ีความหมายในตัวเอง ๔. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สู่ตวั ช้วี ัด ๑. นักเรียนบอกบอกลักษณะของคาอุทานได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถเขยี นหรือแต่งประโยคโดยใช้คาอุทาน (P) ๓. นกั เรียนใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ คาสนั ธาน ๖. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น ๑. นักเรียนดวู ดิ ีทัศน์ คาอุทาน ภาษา plaza ให้นักเรยี นสงั เกต และตอบคาถามของครูจากวดิ ีทศั นท์ ่ี ไดร้ ับชม ๒. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรใู้ หน้ ักเรยี นได้ทราบ ข้นั ที่ ๒ ข้นั สอน ๑. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้ เร่ือง คาอทุ าน จากเอกสารทค่ี รูแจกให้ และในหนังสือววิ ธิ ภาษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ในบทเรียนเรื่อง คิดดีก็ได้บุญ เรื่อง คาอุทาน หนา้ ๑๓๗ พรอ้ มครูอธิบายเพ่ิมเติม ๒. นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายลกั ษณะของคาวิเศษณ์และคาบุพบท ดังนี้ - ลักษณะและชนิดของคาอทุ าน - หนา้ ท่ขี องคาอุทาน
๓. นักเรียนช่วยค้นหาคาอุทาน ในบทเรียนเร่ือง คิดดีก็ได้บุญ แล้วให้ตัวแทนออกมานาเสนอหน้า ชน้ั เรียนว่ามคี าใดบา้ ง ๔. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ ๓ -๕ คน แสดงสถานการณ์จาลองในการใช้คาอุทาน ๕. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น และตรวจสอบว่าเพ่ือนใช้คาอุทานถูกหรือไม่ ครูกลา่ วคา ชมเชยและให้คาแนะนากับนักเรียน ๖. นกั เรียนทาแบบฝึกหัดท่ี ๓๕ เรือ่ ง คาอุทาน ขน้ั ท่ี ๓ ข้ันสรปุ ๑. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรูเ้ ก่ียวกับคาอทุ าน ๒. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามข้อสงสัย ๗. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. วิดที ัศนค์ าอทุ าน ภาษา plaza ๒. ส่ือ Power Point เร่ือง คาอุทาน ๓. ใบความรเู้ ร่ือง คาอทุ าน ๔. แบบฝกึ หดั ท่ี ๓๕ เรือ่ ง คาอุทาน ๕. หนงั สือววิ ธิ ภาษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนบอกบอก การตอบคาถามในชน้ั แบบประเมินการตอบ ทาคะแนนผา่ นต้งั แต่ ๓ ลักษณะของคาอุทานได้ (K) เรียน คาถามในช้นั เรียน ระดบั ข้นึ ไปถือว่าผ่าน ๒. นักเรยี นสามารถเขียน ตรวจแบบฝกึ หัด แบบประเมินแบบฝดึ หัด ทาคะแนนผา่ นตั้งแต่ ๓ หรอื แต่งประโยคโดยใชค้ า ระดบั ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น อทุ าน (P) ๓. นักเรยี นใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น สังเกตการใฝเ่ รียน ใฝร่ ู้ แบบสงั เกต ทาคะแนนผ่านต้งั แต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ ระดบั ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมนิ ผล (รบู ริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นักเรียนบอกบอก แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ แตไ่ ม่แสดงเหตุผลใน ลักษณะของคาอทุ านได้ ตอบคาถาม ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม และแสดงเหตุผลใน ถกู ต้อง (K) ตอบคาถามได้อย่าง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล ชัดเจน ในการตอบ ต่อเนือ่ งครบถว้ น ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ ตอ่ เนื่องครบถ้วน ตอบคาถามได้ สมั พันธก์ บั หวั ข้อที่ กาหนด ๒. นักเรียนสามารถ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ เขียนหรือแต่งประโยค ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน โดยใชค้ าอทุ าน (P) ๓. นักเรียนใฝ่เรยี นรู้ นกั เรียนต้งั ใจฟังท่ีครู นกั เรยี นต้ังใจฟงั ที่ครู นักเรยี นตัง้ ใจฟงั ที่ นกั เรยี นไม่ตั้งใจฟังท่ี ม่งุ ม่นั ในการทางาน (A) สอนเน้ือหาให้ความ สอนเน้อื หาให้ความ ครสู อนเนอ้ื หาให้ ครสู อนเนือ้ หาให้ ร่วมมือในการทา ร่วมมือในการทา ความรว่ มมือใน ความรว่ มมอื ในการ กจิ กรรมและส่งงานที่ กิจกรรม การทากจิ กรรมใน ทากิจกรรมและไม่ส่ง ไดร้ ับมอบหมายตรง บางคร้ังและส่ง งานท่ไี ด้รบั เวลากาหนด งานท่ไี ด้รบั มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ลา่ ช้า
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓๙ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑๖ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๒ ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง เรยี นร้ปู ระจกั ษ์ภาษา แผนการเรยี นรู้ที่ ๘ เรือ่ ง ประโยค ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒.ตัวช้ีวดั ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคญั ประโยคเกดิ จากการนาคาและกลุ่มคามาร้อยเรยี งกนั โดยคาและกลมุ่ คานีต้ ้องมีการลาดับตามหน้าที่ ตาแหนง่ และชนดิ ของคาแต่ละประเภทท่มี คี วามเกย่ี วเน่ืองกนั ในทางไวยากรณ์ เพ่อื ทาให้ประโยคท่สี ่ือสารนน้ั แสดงความคดิ ไดช้ ัดเจนและตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ของผูส้ ง่ สาร ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ส่ตู ัวชวี้ ัด ๑. นกั เรียนอธิบายโครงสร้างประโยคในภาษาไทยได้ (K) ๒. นักเรียนวเิ คราะห์และจาแนกประโยคตามโครงสร้างได้ (P) ๓. นักเรียนใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ การใชค้ า และกล่มุ คาในการสรา้ งประโยค ๖. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี ๑ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น (ชั่วโมงท่ี ๑) ๑. ครใู หน้ กั เรียนทบทวนความรเู้ รอื่ ง ชนิดและหน้าที่ของคาท้งั ๗ ชนิด และวลี โดยครกู ระตุ้น ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น จากนน้ั ครูยกตวั อย่างเพื่อให้นักเรยี นแยกได้ว่าเปน็ คา วลี หรอื ประโยค คา เส้อื สแี ดง หนังสอื เรยี น วลี เสื้อสแี ดงตัวใหญ่ หนังสือเรียนบนโต๊ะ ประโยค เสือ้ สแี ดงตวั ใหญ่มีสีสนั สวยงาม หนังสือเรียนบนโตะ๊ เป็นของฉัน ครอู ธบิ ายเพ่ิมว่าคาเมื่อเรียงประกอบเปน็ ประโยคแล้วอาจจะเป็นวลปี ระเภทตา่ งๆ ได้ เช่น นามวลี กรยิ าวลี วเิ ศษณว์ ลี เปน็ ต้น ครยู กตวั อยา่ งประกอบเพ่ือใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจได้ชัดเจน
๒. ครเู ชอื่ มโยงกิจกรรมเข้าส่บู ทเรยี น และแจ้งจุดประสงค์การเรียนรูใ้ หน้ ักเรยี นทราบ ข้ันท่ี ๒ ขั้นสอน ๑. นักเรียนศึกษาความรู้ เรื่อง ประโยค จากเอกสารท่ีครูแจกให้ และในหนงั สอื ววิ ิธภาษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ในบทเรยี นเรือ่ ง คิดดีก็ได้บุญ เรื่อง ประโยคกรรม หน้า ๑๓๔ ๒. ครูอธิบายลกั ษณะประโยควา่ ต้องประกอบดว้ ย ภาคประธานและภาคแสดง ดังตัวอยา่ ง และประโยค สามารถแบง่ ออกเป็น ทง้ั ๓ ชนิด คือ ประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความ ซอ้ น ๓. นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๕ คน ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั หาประโยค จากหนงั สือพิมพ์หรือ วรรณกรรมที่นกั เรียนสนใจกลมุ่ ละ ๑๐ ประโยค พรอ้ มจาแนกโครงสรา้ งประโยค ใส่ในกระดาษท่คี รเู ตรยี มไว้ ให้ (แบบฝึกหดั ท่ี ๓๖ เร่ือง โครงสร้างประโยค ตอนท่ี ๑) ๔. ตวั แทนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงานของกลุ่มตัวเอง ครูและเพ่ือนๆ ช่วยกนั ตรวจสอบ ความถูกตอ้ งในการจาแนกประโยค ขน้ั ท่ี ๓ ข้ันสรปุ ๑. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้เร่ือง ประโยค - ลักษณะของประโยค - ชนดิ ของประโยค ขั้นที่ ๑ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น (ชัว่ โมงที่ ๒) ๑. ครใู หน้ กั เรยี นเลน่ เกม “รอ้ ยเรียงประโยค” เมื่อเลน่ เกมจบแลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกคุณคา่ หรือประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการเลน่ เกม ๒. ครูอธิบายการเรยี งรอ้ ยประโยคทม่ี ีการใชค้ าเชื่อม (คาสนั ธาน) การซ้าคาหรือวลี การละคา หรอื วลี และการแทนดว้ ยคาหรือวลี โดยยกตวั อย่างประโยคจากกจิ กรรมทท่ี าเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ๓. ครูเช่ือมโยงกจิ กรรมเข้าสูบ่ ทเรยี น และแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบ ขั้นที่ ๒ ข้ันสอน ๑. นักเรียนศกึ ษาความรู้ เร่ือง ประโยค จากเอกสารที่ครูแจกให้ในชว่ั โมงทแ่ี ล้ว ๒. ครอู ธิบายชนิดของประโยคเพมิ่ เตมิ ๑. ประโยคความเดียว (เอกัตถประโยค) คอื ประโยคท่ีมใี จความเดียว คอื มบี ทประธานบท เดยี ว และบทกรยิ าเพยี งบทเดียว เชน่ ๒. ประโยคความรวม (อเนกัตถประโยค) คือ ประโยคทีร่ วมประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไปเขา้ ด้วยกนั โดยมสี ันธานเปน็ เครื่องเช่ือม
๓. ประโยคความซอ้ น (สังกรประโยค) หมายถึง ประโยคทีร่ วมประโยคความเดียว ๑ ประโยคเป็นประโยคหลัก แล้วมปี ระโยคความเดียวอื่นมาเสรมิ ๔. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๕ คน ใหน้ ักเรียนช่วยกนั หาบทความทเี่ ปน็ ประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อน จากหนงั สือพิมพ์หรอื วรรณกรรมทนี่ ักเรียนสนใจ ประโยคละ ๕ บทความ แล้วนาส่งครู ๕. นักเรียนทาแบบฝึกหดั ที่ ๓๖ เรอื่ ง โครงสร้างประโยค ตอนที่ ๒ ข้ันที่ ๓ ขัน้ สรปุ ๑. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความร้เู ร่อื ง ประโยค - ลักษณะของประโยค - ชนดิ ของประโยค ๒. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นได้ซักถามข้อสงสัย ๗. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนงั สือวิวิธภาษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๒. สอ่ื Power Point เรือ่ ง ประโยค ๓. ใบความร้เู รอื่ ง ประโยค ๔. แบบฝกึ หัดที่ ๓๖ เร่ือง ประโยค ๕. เกมรอ้ ยเรยี งประโยค ๖. หนงั สือพิมพ์ วารสาร ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน ตรวจแบบฝึกหัด ๑. นกั เรยี นอธิบาย แบบประเมนิ แบบฝึดหัด ทาคะแนนผา่ นตัง้ แต่ ๓ โครงสร้างประโยคใน ระดบั ขึน้ ไปถือว่าผา่ น ภาษาไทยได้ (K) ๒. นกั เรยี นวิเคราะหแ์ ละ ตรวจแบบฝึกหดั แบบประเมินแบบฝึดหดั ทาคะแนนผ่านตง้ั แต่ ๓ จาแนกประโยคตาม ระดบั ขึ้นไปถือวา่ ผ่าน โครงสรา้ งได้ (P) ๓. นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ สงั เกตการใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ แบบสังเกต ทาคะแนนผ่านตั้งแต่ ๓ ในการทางาน (A) การใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ระดับขนึ้ ไปถือว่าผา่ น
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รบู ริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรียนอธบิ าย แสดงเหตุผลในการ โครงสร้างประโยคใน ตอบคาถาม ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ภาษาไทยได้ (K) ตอบคาถามไดอ้ ย่าง และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน ตอ่ เน่อื งครบถว้ น การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล การตอบคาถาม ๒. นกั เรียนวเิ คราะห์ ตอบคาถามได้ ชดั เจน ในการตอบ และจาแนกประโยค สัมพันธ์กับหวั ข้อท่ี ตอบคาถามไดอ้ ย่าง คาถามได้ ตามโครงสร้างได้ (P) กาหนด ต่อเน่อื งครบถ้วน ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ๓. นักเรียนใฝเ่ รียนรู้ นกั เรียนตง้ั ใจฟังท่ีครู นักเรยี นตัง้ ใจฟังท่ีครู นกั เรยี นตง้ั ใจฟงั ที่ นักเรียนไมต่ ั้งใจฟังท่ี มุง่ ม่นั ในการทางาน (A) สอนเนื้อหาให้ความ สอนเนอื้ หาให้ความ ครูสอนเนือ้ หาให้ ครสู อนเนือ้ หาให้ รว่ มมือในการทา ร่วมมอื ในการทา ความรว่ มมือใน ความร่วมมือในการ กิจกรรมและสง่ งานที่ กิจกรรม การทากจิ กรรมใน ทากิจกรรมและไมส่ ่ง ไดร้ บั มอบหมายตรง บางครง้ั และสง่ งานทไ่ี ด้รบั เวลากาหนด งานทไี่ ดร้ ับ มอบหมายตรงเวลา มอบหมายตรง กาหนด ล่าช้า
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔๐ ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรื่อง เรยี นรปู้ ระจกั ษ์ภาษา แผนการเรียนรูท้ ่ี ๙ เรือ่ ง ประโยคความเดยี วซบั ซอ้ น ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ๒.ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วเิ คราะห์โครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคญั ประโยคความเดียวเป็นประโยคท่มี ใี จความสาคัญเพียงใจความเดียว แต่ถา้ เพ่มิ สว่ นขยายในบท ประธาน บทกริยา หรอื บทกรรม เพยี งบทใดบทหน่งึ หรือหลาย ๆ บทเข้าไป จะทาใหป้ ระโยคมคี วามชดั เจน มากขนึ้ และจะกลายเปน็ ประโยคความเดยี วท่ีซับซ้อน ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรูส้ ตู่ ัวช้ีวดั ๑. นกั เรยี นอธบิ ายลักษณะของประโยคความเดยี วที่ซับซ้อนได้ (K) ๒. นกั เรียนวิเคราะห์องค์ประกอบของประโยคความเดียวท่ซี ับซอ้ นได้ถูก (K, P) ๓. นักเรยี นแตง่ หรือใชป้ ระโยคความเดยี วทซ่ี บั ซอ้ นในการส่ือสารได้ถูกตอ้ ง (P) ๔. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มนั่ ในการทางาน (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ ประโยคความเดียวซับซ้อน ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี ๑ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น ๑. ครทู บทวนความรู้เรอื่ ง ประโยคความเดยี วของนักเรียน โดยตดิ ภาพบนกระดาน ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั แตง่ ประโยคความเดยี วภาพละ ๓ ประโยค ครเู ขียนประโยคที่นกั เรยี นแต่งบนกระดาน ๒. ครูตรวจสอบประโยคความเดียวท่นี กั เรียนช่วยกนั แต่งว่ามีความถูกต้อสมบูรณห์ รือไม่ แล้วครโู ยง เขา้ เร่ือง ประโยคความเดยี วท่ีซบั ซอ้ น ๓.ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ให้นกั เรียนทราบ ขนั้ ท่ี ๒ ขน้ั สอน ๑. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาเร่ือง ประโยคความเดียวซับซอ้ น ในใบความรทู้ ี่ครูแจกให้ พรอ้ มศกึ ษาใน หนังสอื ววิ ิธภาษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ครูอธบิ ายประกอบการซกั ถามเพม่ิ เติม
๒. ครูติดแถบประโยคความเดียวซับซ้อนในลกั ษณะตา่ ง ๆ บนกระดาน ให้นักเรียนชว่ ยกันวิเคราะห์วา่ ข้อความใดเป็นส่วนขยาย ขยายส่วนใดในประโยค เชน่ ภาคประธาน ภาคแสดงแล้วครแู ละนักเรยี นช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง เชน่ ๑. แม่ของเพ่ือนของน้องฉนั ซือ้ บ้านหลังใหม่ ๒. พข่ี องเพ่ือนของน้องฉนั ถกู รถชน ๓. นกั เรียนวิ่งเลน่ ลนื่ หกลม้ ก้นกระแทกทบ่ี นั ได ๔. เขาบรรจงหยอดธนบตั รลงในกระปุกออมสิน ๓. ครแู บง่ นกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ ๕ คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มแต่งประโยคความเดยี วซับซอ้ น ใน ลกั ษณะตอ่ ไปนี้ ลกั ษณะละ ๕ ประโยค ๑) ประโยคความเดียวซบั ซ้อนท่ภี าคประธาน ๒) ประโยคความเดียวซับซ้อนที่ภาคแสดง เสรจ็ แล้วออกมาอ่านให้เพ่ือนฟังหนา้ ชั้นเรียนทีละกลมุ่ ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เม่ือจบการรายงานของแตล่ ะกลมุ่ ข้ันท่ี ๓ ขน้ั สรปุ ๑.นกั เรยี นร่วมกันสรุปลักษณะของประโยคความเดียวซบั ซ้อน บนั ทกึ ลงสมุด ดว้ ยความเข้าใจของ ตนเอง ๗. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. รปู ภาพ สาหรบั แต่งประโยค ๒. สื่อ Power Point เรื่อง ประโยคความเดียวซับซ้อน ๓. ใบความรเู้ รอ่ื ง ประโยคความเดียวซับซ้อน ๔. หนังสือเรยี นววิ ิธภาษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๕. แถบประโยค
๘. การวัดผลและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ ๑. นักเรยี นอธิบายลักษณะ สังเกต แบบสงั เกตการตอบ ระดับ ๒ ขนึ้ ไปถือวา่ ผ่าน ของประโยคความเดียวท่ี การตอบคาถาม คาถาม ซบั ซ้อนได้ (K) นักเรยี นผ่านเกณฑ์ แบบประเมินผลงาน ระดบั ๒ ขึ้นไปถอื วา่ ผ่าน ๒.นกั เรยี นวิเคราะห์ ตรวจผล นกั เรยี น องคป์ ระกอบของประโยค นักเรยี นผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ ผลงาน ระดบั ๒ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ความเดยี วที่ซับซ้อนไดถ้ ูก งานนกั เรียน นกั เรียน (K, P) นักเรียนผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตความสาคญั ระดับ ๒ ขึน้ ไปถือวา่ ผ่าน ๓. นกั เรียนแต่งหรอื ใช้ ตรวจผล ของการใชภ้ าษาไทยของ ประโยคความเดียวท่ีซับซอ้ น งานนักเรยี น ในการสื่อสารได้ถูกต้อง (P) นักเรียน ๔. นักเรยี นเหน็ ความสาคญั สังเกตความสาคัญของการ ของการใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ใชภ้ าษาไทยของนักเรยี น (A)
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส์) ประเด็นการประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ อธบิ ายลักษณะของ ๑. นกั เรยี นอธบิ าย อธบิ ายลกั ษณะของ อธิบายลักษณะของ อธิบายลกั ษณะของ ประโยคความเดยี วที่ ลกั ษณะของประโยค ประโยคความเดียวท่ี ประโยคความเดยี วท่ี ประโยคความเดียวที่ ซบั ซอ้ นไดน้ อ้ ยมาก ความเดยี วทซี่ ับซ้อนได้ ซบั ซ้อนได้ถูกต้องทกุ ซบั ซ้อนได้ถูกต้องเป็น ซบั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ งบาง (K) ประโยค ส่วนใหญ่ ประโยค ๒.นักเรียนวเิ คราะห์ วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบ วเิ คราะหอ์ งค์ประกอบ วิเคราะห์องค์ประกอบ องคป์ ระกอบของ ของประโยคความเดยี ว ของประโยคความเดียว ของประโยคความเดยี ว ของประโยคความเดียว ประโยคความเดียวท่ี ซบั ซอ้ นได้ถูกตอ้ งทกุ ซับซ้อนได้สว่ นใหญ่ ซบั ซอ้ นได้เล็กน้อย ซบั ซ้อนไดน้ ้อยมาก ซับซ้อนได้ถูก (K, P) ประโยค ๓. นักเรยี นแต่งหรอื ใช้ ทาผลงานได้คะแนน ทาผลงานไดค้ ะแนน ทาผลงานได้คะแนน ทาผลงานได้คะแนน ประโยคความเดยี วท่ี ๙-๑๐ คะแนน ซบั ซอ้ นในการสอ่ื สาร ๗-๘ คะแนน ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ไดถ้ ูกต้อง (P) ใชภ้ าษาไทยให้ถูกต้อง ตามหลักภาษา ใชภ้ าษาไทยให้ถกู ต้อง ใช้ภาษาไทยไม่ค่อย ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง ๔. นกั เรียนเหน็ อ่านถูกตอ้ งตามฉนั ท ความสาคัญของการใช้ ลักษณ์และอักขรวธิ ี ตามหลกั ภาษา ถกู ต้องตามหลักภาษา ถกู ต้องตามหลักภาษา ภาษาไทยไดถ้ ูกต้อง เขยี นไดต้ รงหลักภาษา (A) ของการเขยี นคาไทย อา่ นถูกตอ้ งตามฉันท อ่านและเขียนไมค่ ่อย อา่ นและเขยี นไมค่ ่อย ลกั ษณแ์ ละอักขรวิธี ถกู ต้องตามฉนั ทลกั ษณ์ ถกู ต้องตามฉันทลกั ษณ์ แตย่ ังเขยี นไดไ้ ม่ค่อยตรง และอักขรวธิ ี และอักขรวธิ ี หลักภาษาของการเขียน คาไทย
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๔๑ ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๑๖ ช่วั โมง กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรื่อง เรียนรปู้ ระจกั ษ์ภาษา แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๑๐ เรื่อง ประโยคความรวมซบั ซอ้ น ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ ๒.ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคซับซอ้ น ๓. สาระสาคญั ประโยคความรวม เปน็ ประโยคทป่ี ระกอบด้วยประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป มารวมกนั โดยใช้สนั ธานเชื่อมให้มีเนอ้ื ความตอ่ เนื่องเปน็ ประโยคเดยี วกัน แต่ถ้านาประโยคความเดียว ประโยคความรวม หรือประโยคความซ้อนมาเป็นส่วนขยาย จะทาใหเ้ ป็นประโยคความรวมซับซ้อน ๔. จุดประสงค์การเรยี นรูส้ ู่ตัวชว้ี ัด ๑. นักเรยี นอธิบายลักษณะและประเภทของประโยคความรวมซับซอ้ นได้ ( K ) ๒. นักเรยี นแต่งหรือใช้ประโยคความรวมซับซ้อนในการสื่อสารไดถ้ ูกตอ้ ง ( P ) ๓. นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ ประโยคความรวมซับซ้อน ๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันท่ี ๑ ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน ๑. ครูตดิ แถบประโยคบนกระดาน ให้นกั เรยี นช่วยกันเลือกวา่ ประโยคใดเปน็ ประโยคความรวม พรอ้ มท้ังวเิ คราะหป์ ระโยคแต่ละประโยค ๒. ครนู าประโยคความเดียวอกี ๑ ประโยค ไปขยายประโยคความรวม ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั สงั เกตว่า มีเน้อื ความชัดเจนข้ึนหรือไม่ แลว้ ครสู นทนาโยงเขา้ เรื่อง ประโยคความรวมซับซอ้ น ๓. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ หน้ ักเรยี นทราบ ขัน้ ท่ี ๒ ขนั้ สอน ๑. ครูแบ่งนักเรยี นออกเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ ๔ คน ครแู จกหมายเลขประจากลุ่มให้ทุกกลุ่ม นกั เรียนใน กลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาและทาความเขา้ ใจเร่ือง ประโยคความรวมซับซ้อน ในใบความรู้ทคี่ รแู จกให้ แล้วครอู ธิบาย ประกอบการซักถามเพิม่ เตมิ
๒. นกั เรยี นในกลุ่มชว่ ยกันต้งั คาถามเก่ียวกบั เรื่อง ประโยคความรวมซับซ้อน กลุ่มละ ๒ คาถาม ๓. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ น่ังเป็นวงกลม ครูแจกกระดาษคาตอบกลุม่ ละ ๑ แผน่ เมอ่ื ครูให้สัญญาณ นักเรียนเวียนสง่ คาถามไปทางขวามือ ให้เพ่อื นกลมุ่ อืน่ ๆ ชว่ ยกันตอบคาถามลงใน กระดาษคาตอบจนครบทกุ กลมุ่ ๔. นักเรียนกลมุ่ ท่ีเปน็ เจ้าของคาถาม เฉลยคาตอบ เพ่ือนในช้ันเรียนและครูร่วมกนั พจิ ารณาคาตอบ ๕. ครูติดแถบประโยคความรวมซบั ซ้อนบนกระดาน ประมาณ ๑๐ ประโยค ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกัน วเิ คราะหป์ ระโยค โดยทาเป็นตารางวิเคราะห์แถวละ ๒ ประโยค เสร็จแล้วอา่ นใหเ้ พอ่ื นฟัง ครู และเพ่ือน ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง ๖. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคความรวมซับซอ้ น ในลักษณะต่อไปนี้ สง่ ครู ๑) ประโยคความรวมท่ีมสี ่วนประกอบเปน็ ประโยคความเดียวซับซอ้ น ๒) ประโยคความรวมที่มสี ่วนประกอบเป็นประโยคความรวม ๓) ประโยคความรวมที่มีสว่ นประกอบเป็นประโยคความซ้อน ขน้ั ท่ี ๓ ขน้ั สรปุ ๑. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปลกั ษณะและประเภทของประโยคความรวมซับซ้อน เขียนเปน็ แผนภาพ ความคดิ แล้วบนั ทึกลงสมดุ ๗. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. แถบประโยค ๒. สอื่ Power Point เร่อื ง ประโยคความรวมซบั ซอ้ น ๓. ใบความรู้เร่ือง ประโยคความรวมซบั ซ้อน ๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมิน แบบสังเกตการตอบ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ๑. นักเรยี นอธิบายลกั ษณะ สังเกต ระดับ ๒ ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น และประเภทของประโยค การตอบคาถาม คาถาม ความรวมซบั ซ้อนได้ ( K ) นักเรียนผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินผลงาน ระดับ ๒ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ๒.นักเรียนแตง่ หรือใช้ประโยค ตรวจผล นกั เรยี น ความรวมซบั ซ้อนในการ งานนักเรยี น นักเรียนผา่ นเกณฑ์ สอ่ื สารไดถ้ ูกต้อง ( P ) แบบสงั เกตความสาคญั ระดบั ๒ ขน้ึ ไปถอื ว่าผา่ น ของการใชภ้ าษาไทยของ ๓. นกั เรียนเห็นความสาคญั สงั เกตความสาคญั ของการ ของการใช้ภาษาไทยได้ถูกตอ้ ง ใช้ภาษาไทยของนักเรียน นกั เรยี น (A)
เกณฑ์การประเมินผล (รบู ริกส์) ประเด็นการประเมิน (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรยี นอธบิ ายลกั ษณะ อธบิ ายลักษณะและ และประเภทของประโยค อธบิ ายลกั ษณะและ อธบิ ายลกั ษณะและ อธิบายลักษณะและ ประเภทของประโยค ความรวมซับซ้อนได้ ( K ) ประเภทของประโยค ความรวมซับซ้อนได้ ประเภทของประโยค ประเภทของประโยค ความรวมซบั ซ้อนได้ นอ้ ยมาก บางประโยค ความรวมซบั ซ้อนได้ ความรวมซับซ้อนได้ ทุกประโยค เป็นส่วนใหญ่ ๒.นกั เรียนแตง่ หรอื ใช้ ทาผลงานไดค้ ะแนน ทาผลงานได้คะแนน ทาผลงานได้คะแนน ทาผลงานได้คะแนน ประโยคความรวมซบั ซอ้ นใน ๙-๑๐ คะแนน ๗-๘ คะแนน การสอ่ื สารได้ถูกต้อง ( P ) ๕-๖ คะแนน ๔-๐ คะแนน ๓. นักเรยี นเห็นความสาคัญ ใชภ้ าษาไทยให้ ใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้อง ใช้ภาษาไทยไม่ค่อย ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง ของการใชภ้ าษาไทยได้ ถูกต้องตามหลักภาษา ตามหลักภาษา ถกู ต้องตามหลักภาษา ถูกต้องตามหลักภาษา ถกู ต้อง ( A ) อ่านถูกตอ้ งตามฉันท อ่านถกู ต้องตามฉันท อา่ นและเขียนไมค่ ่อย อ่านและเขียนไม่ค่อย ลักษณแ์ ละอักขรวิธี ลกั ษณแ์ ละอักขรวิธี ถกู ต้องตามฉนั ทลักษณ์ ถกู ต้องตามฉนั ท เขียนไดต้ รงหลักภาษา แตย่ ังเขยี นไดไ้ ม่ค่อยตรง และอักขรวธิ ี ลักษณแ์ ละอักขรวิธี ของการเขยี นคาไทย หลกั ภาษาของการเขียน คาไทย
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๔๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ จานวน ๑๖ ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เร่ือง เรยี นรูป้ ระจักษ์ภาษา แผนการเรียนรูท้ ่ี ๑๑ เรื่อง ประโยคความซอ้ นทซ่ี บั ซ้อน ผ้สู อน นางสาวจิราพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ ๒.ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคซับซ้อน ๓. สาระสาคัญ ประโยคความซ้อนท่ีซบั ซ้อน เปน็ ประโยคความซอ้ นที่มีประโยคยอ่ ยหรืออนปุ ระโยคมากกวา่ ๑ ประโยค ประโยคย่อยที่มาขยายอาจเปน็ นามานุประโยค คุณานุประโยคหรือ วเิ ศษณานุประโยคก็ได้ ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้สตู่ ัวชี้วัด ๑. นักเรียนอธบิ ายลักษณะและประเภทของประโยคความซ้อนที่ซับซ้อนได้ ( K ) ๒.นักเรียนแตง่ หรือใช้ประโยคความซ้อนท่ีซบั ซ้อนในการสอ่ื สารไดถ้ ูกต้อง ( P ) ๓. นักเรยี นเหน็ ความสาคัญของการใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ( A ) ๕. สาระการเรียนรู้ ประโยคความซ้อนซับซ้อน ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ที่ ๑ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรยี น ๑. ครทู บทวนความรขู้ องนักเรียนโดยช่วยกนั แตง่ ประโยคความซ้อน ประมาณ ๓ ประโยค ครเู ขียน บนกระดาน ครใู ห้นกั เรียนอาสาสมคั รวเิ คราะห์ประโยคความซอ้ นคนละ ๑ ประโยค เพ่ือนชว่ ยกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง ๒. ครูให้นกั เรียนระดมความคิดว่าถา้ จะเพิ่มส่วนขยายลงในประโยคความซ้อนแต่ละประโยคจะได้ หรือไม่ และจะมีลกั ษณะอยา่ งไร แล้วครูสนทนาโยงเขา้ เร่ือง ประโยคความซ้อนซับซ้อน ๓. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นร้ใู ห้นักเรียนทราบ ขั้นท่ี ๒ ขั้นสอน ๑. ครูอธิบายลักษณะของประโยคความซ้อนซับซ้อนให้นักเรียนฟงั แลว้ ครแู ตง่ ประโยคความซอ้ นที่ นักเรียนแต่งไวบ้ นกระดานให้เป็นประโยคความซ้อนซบั ซ้อนให้นกั เรยี นดูเป็นตวั อย่าง ๓ ประโยค แลว้ ให้ นักเรยี นช่วยกันแต่งประโยคความซ้อนบนกระดานทเี่ หลอื อีก ๓ ประโยค ใหเ้ ป็นประโยคความซอ้ นซับซ้อน
๒. แบง่ นกั เรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาเรื่อง ประโยคความซ้อนซับซ้อน ในเอกสารท่ีครู แจกให้ ครูอธิบายเพิ่มเติมประกอบการซักถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจ ๓. นักเรียนแต่ละกล่มุ สังเกตประโยคความซ้อนซบั ซ้อนบนกระดานวา่ มลี ักษณะอย่างไร ตามหลักการ ทศี่ กึ ษามา เสรจ็ แล้วครูสุ่มถามใหอ้ ธิบายใหเ้ พื่อนฟงั หนา้ ช้ันเรียนกลุ่มละ ๑ ขอ้ ครแู ละเพื่อนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๔. นกั เรยี นแตง่ ประโยคความซ้อนซบั ซ้อน ในลกั ษณะตอ่ ไปน้ี ประเภทละ ๒ ประโยค แล้วทาตาราง วเิ คราะห์ประโยค สง่ ครู ๑) ประโยคหลกั หรอื ประโยคยอ่ ยเป็นประโยคความเดยี วซับซอ้ น ๒) ประโยคความซ้อนซ่ึงมีส่วนประกอบเปน็ ประโยคความรวม ๓) ประโยคความซ้อนซ่ึงมีส่วนประกอบเป็นประโยคความซอ้ น ขน้ั ที่ ๓ ขั้นสรุป ๑. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด ข้อ ๑-๒ ๑) นกั เรยี นคดิ ว่า การทจ่ี ะศึกษาเร่อื ง ประโยคซับซอ้ น ให้ได้ผลดนี กั เรียนตอ้ งทาอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู ูส้ อน) ๒) ถ้านักเรียนนาความรเู้ รื่อง ประโยคซบั ซ้อนไปใชใ้ นการเขยี นต่างๆ งานเขียนของนักเรยี นจะมี ลักษณะอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน) ๗. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. บตั รประโยค ๒. สื่อ Power Point เรอื่ ง ประโยคความซ้อนซบั ซ้อน ๓. ใบความรเู้ รอ่ื ง ประโยคความซอ้ นซับซอ้ น ๔. แบบฝึกหดั ท่ี ๓... เร่ือง ประโยคความเดียวซับซ้อน ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ แบบสงั เกตการตอบ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ๑. นักเรยี นอธบิ ายลักษณะ สังเกต ระดับ ๒ ขึ้นไปถอื ว่าผ่าน และประเภทของประโยค การตอบคาถาม คาถาม ความรวมซบั ซ้อนได้ ( K ) นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินผลงาน ระดบั ๒ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่าน ๒.นกั เรียนแตง่ หรอื ใชป้ ระโยค ตรวจผล นักเรียน ความรวมซับซ้อนในการ งานนักเรียน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สอื่ สารไดถ้ ูกต้อง ( P ) แบบสงั เกตความสาคญั ระดับ ๒ ข้นึ ไปถือว่าผา่ น ของการใชภ้ าษาไทยของ ๓. นกั เรียนเห็นความสาคญั สงั เกตความสาคญั ของการ ของการใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ใชภ้ าษาไทยของนักเรยี น นกั เรยี น (A)
เกณฑก์ ารประเมินผล (รูบรกิ ส์) ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นักเรียนอธบิ าย อธิบายลักษณะและ อธบิ ายลักษณะและ ลักษณะและประเภท ประเภทของประโยค อธบิ ายลกั ษณะและ อธบิ ายลกั ษณะและ ประเภทของประโยค ของประโยคความรวม ความรวมซับซ้อนได้ทุก ประเภทของประโยค ประเภทของประโยค ความรวมซับซ้อนได้ ซบั ซอ้ นได้ ( K ) ประโยค ความรวมซบั ซ้อนได้เป็น ความรวมซบั ซ้อนได้ นอ้ ยมาก สว่ นใหญ่ บางประโยค ๒.นักเรียนแต่งหรือใช้ ใชภ้ าษาไทยให้ถกู ต้อง ใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้อง ใชภ้ าษาไทยไม่ค่อย ใช้ภาษาไทยไม่ถูกตอ้ ง ประโยคความรวม ตามหลักภาษา ตามหลักภาษา ถูกต้องตามหลักภาษา ถูกต้องตามหลักภาษา ซบั ซ้อนในการสอื่ สาร แตง่ หรอื ใช้ประโยคความ แต่งหรอื ใช้ประโยคความ แตง่ หรือใชป้ ระโยค แต่งหรอื ใชป้ ระโยค ไดถ้ ูกตอ้ ง ( P ) รวมซบั ซ้อนในการสือ่ สาร รวมซับซ้อนในการสอ่ื สาร ความรวมซบั ซ้อนในการ ความรวมซับซ้อนในการ ไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน ได้ถูกต้องชดั เจน สอ่ื สารได้ถูกต้องแต่ไม่ สื่อสารไมช่ ดั เจน ๓. นักเรียนเห็น องคป์ ระกอบของการแตง่ แตย่ งั เขียนได้ไมค่ ่อยตรง ค่อยชัดเจน ความสาคญั ของการใช้ ประโยคครบถว้ นสมบูณ์ หลักภาษาของการเขียน ภาษาไทยได้ถูกต้อง เขียนไดต้ รงหลักภาษา คาไทย (A) ของการเขยี นคาไทย ใชภ้ าษาไทยให้ถกู ต้อง ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ใช้ภาษาไทยไมค่ ่อย ใชภ้ าษาไทยไมถ่ ูกต้อง ตามหลกั ภาษา ตามหลกั ภาษา ถกู ต้องตามหลักภาษา ถูกต้องตามหลักภาษา อา่ นถูกต้องตามฉันท อ่านถูกต้องตามฉันท อ่านและเขียนไมค่ ่อย อ่านและเขยี นไมค่ ่อย ลกั ษณ์และอักขรวิธี ลกั ษณแ์ ละอักขรวธิ ี ถกู ต้องตามฉันทลักษณ์ ถกู ต้องตามฉันทลักษณ์ เขยี นได้ตรงหลักภาษา แต่ยังเขียนไดไ้ มค่ ่อยตรง และอักขรวิธี และอักขรวธิ ี ของการเขยี นคาไทย หลักภาษาของการเขยี น คาไทย
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔๓ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เรื่อง เรยี นรปู้ ระจักษ์ภาษา แผนการเรยี นรู้ที่ ๑๑ เร่ือง หลักการแต่งโคลงสีส่ ภุ าพ ผู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ๒.ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ม.๓/๖ แต่งบทรอ้ ยกรอง ๓. สาระสาคัญ โคลงสส่ี ภุ าพเป็นคาประพันธ์ท่นี ยิ มแต่งกนั แพร่หลาย มกี ารบังคบั เอกโท การเรยี นรู้วิธกี าร แตง่ โคลงสส่ี ุภาพ นอกจากจะเป็นการเสริมทักษะดา้ นหลักภาษาและหลกั การแตง่ คาประพันธแ์ ล้ว ยงั เปน็ การอนรุ ักษ์มรดกทางภาษาของไทยอีกดว้ ย ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ตวั ชว้ี ดั ๑. นักเรียนอธิบายหลักการแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสีส่ ุภาพได้ (K) ๒. นกั เรยี นเขียนแผนผังบทร้อยกรองประเภทโคลงส่สี ภุ าพได้ (P) ๓. นักเรยี นมคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ หลกั การแตง่ บทร้อยกรอง ประเภทโคลงสีส่ ภุ าพ ๖. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ ๑ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น ๑. ทกั ทายนกั เรียนเพอ่ื เตรยี มความพร้อม ๒. ครูนาโคลงสี่สุภาพ มาตดิ บนกระดานหน้าชั้นเรียน จากน้ันให้นักเรยี นร่วมกนั พิจารณาวา่ ตวั อยา่ ง เปน็ บทร้อยกรองประเภทใด พรอ้ มทั้งรว่ มกนั อภิปรายเพอ่ื ใหไ้ ด้เหตุผล เสียงลอื เสยี งเลา่ อ้าง อันใด (พ่เี อย) เสียงยอ่ มยอยศใคร ทว่ั หล้า สองเขอื พ่หี ลับใหล ลืมตนื่ (ฤๅพี่) สองพี่คิดเองอ้า อย่าไดถ้ ามเผอื (ลิลติ พระลอ)
๓. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ ขั้นท่ี ๒ ข้นั สอน ๑. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง โคลงสส่ี ภุ าพ ๒. ครแู บง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ คน ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง ฉนั ท ลักษณ์บทร้อยกรองประเภทโคลงส่สี ุภาพ จากหนงั สือววิ ธิ ภาษา ในบทเรยี นเร่ือง ความรัดใดควรใฝ่หา เรือ่ ง ฉันทลกั ษณ์ของโคลง หน้า ๑๖๐ –๑๖๓ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ พรอ้ มครูอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ ๓.. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันแบบฝึกหัดที่ ๓๗ เรื่อง หลักการแต่งโคลงส่ีสภุ าพ โดยใหส้ มาชิกในแต่ ละกลมุ่ จับคู่กันเปน็ ๒ คู่ แล้วใหแ้ ต่ละค่ปู ฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ - สมาชกิ คนท่ี ๑ อ่านโจทย์คาถาม และเขยี นคาตอบ - สมาชกิ คนท่ี ๒ เปน็ ฝา่ ยสังเกต ตรวจสอบคาตอบ ใหส้ มาชิกแต่ละคเู่ ปล่ยี นบทบาทกันในคาถามข้อตอ่ ไป ๔. นักเรยี นนาแบบฝึกหัดนามาสง่ ครผู ู้สอน ขนั้ ที่ ๓ ขั้นสรปุ ๑. ใหน้ ักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ โดยใหน้ ักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด - นกั เรยี นคดิ ว่า การแตง่ โคลงสี่สภุ าพให้มีความไพเราะ สละสลวย จะตอ้ งปฏิบัตอิ ย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน) ๒. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายแนวทางในการแตง่ โคลงส่ีสุภาพ พร้อมทงั้ สรุปหลักการแต่งโคลงส่สี ภุ าพ ๗. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ ๑. ตวั อย่างโคลงส่สี ุภาพ และแผนผงั โคลงส่สี ภุ าพ ๒. หนงั สือวิวธิ ภาษา ชนั้ มะยมศึกษาปีที่ ๓ ๓. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง โคลงส่สี ุภาพ ๔. แบบฝกึ หัดที่ ๓๗ เรือ่ ง หลกั การแต่งโคลงสีส่ ุภาพ ๘. การวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมิน ๑. นกั เรยี นอธิบายหลกั การ ตรวจแบบฝกึ หดั นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ แต่งบทร้อยกรองประเภท แบบประเมนิ การตรวจ ระดบั ๒ ข้นึ ไปถอื ว่าผา่ น โคลงสส่ี ุภาพได้ (K) สงั เกตการมีความ แบบฝกึ หัด สนใจใฝ่เรียนรู้ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ ๒.นักเรียนเขียนแผนผงั บท ระดับ ๒ ข้นึ ไปถอื วา่ ผ่าน ร้อยกรองประเภทโคลงสี่ สุภาพได้ (P) แบบสงั เกตการมคี วาม นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรียนมคี วามสนใจ สนใจใฝเ่ รยี นรู้ ระดับ ๒ ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น ใฝเ่ รียนรู้ (A)
เกณฑ์การประเมินผล (รูบริกส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๑) ปรับปรงุ ๑. นักเรยี นอธิบาย แสดงเหตุผลในการตอบ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ หลกั การแตง่ บทรอ้ ย คาถาม แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน กรองประเภทโคลงส่ี ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ถูกต้อง การตอบคาถาม สภุ าพได้ (K) ต่อเนือ่ งครบถ้วน และแสดงเหตผุ ลในการ และแสดงเหตผุ ลใน ตอบคาถามไดส้ ัมพนั ธ์ ตอบคาถามได้ชัดเจน การตอบคาถามได้ กับหวั ขอ้ ที่กาหนด ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ตอ่ เนอื่ งครบถ้วน ๒.นักเรียนเขยี นแผนผัง นกั เรียนสามารถเขยี น นักเรียนสามารถเขียน นกั เรียนสามารถเขยี น นักเรยี นไมส่ ามารถ บทรอ้ ยกรองประเภท แผนผงั กลอนสุภาพและ แผนผงั กลอนสภุ าพและ แผนผังกลอนสภุ าพ เขียนแผนผงั กลอน โคลงสส่ี ุภาพได้ (P) เชื่อมโยงได้ถกู ต้องตาม เช่ือมโยงได้ถกู ต้องตาม และเชือ่ มโยงได้ถูกตอ้ ง สภุ าพและเชอื่ มโยงได้ ฉนั ทลกั ษณม์ ีการตกแต่ง ฉันทลกั ษณ์ บางสว่ น ถูกต้องตามฉนั ทลกั ษณ์ ผงั ใหส้ วยงามและง่ายตอ่ การเข้าใจ ๓. นักเรียนมคี วาม นักเรยี นตัง้ ใจฟังท่ีครู นักเรยี นตั้งใจฟังที่ครู นักเรยี นต้งั ใจฟงั ที่ครู นักเรยี นไมต่ ้ังใจฟังท่คี รู สอนเนอื้ หาให้ความ สอนเนอื้ หาให้ความ สนใจใฝ่เรียนรู้ (A) สอนเนือ้ หาให้ความ สอนเนื้อหาให้ความ ร่วมมือในการทา รว่ มมือในการทา กิจกรรมในบางคร้งั กจิ กรรมและไม่สง่ งาน ร่วมมอื ในการทา รว่ มมือในการทา และสง่ งานที่ไดร้ ับ ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายตรง มอบหมายตรงล่าชา้ เวลากาหนด กจิ กรรมและสง่ งานท่ี กจิ กรรม ไดร้ ับมอบหมายตรงเวลา กาหนด
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔๔ ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๑๖ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๒ ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เรื่อง เรียนร้ปู ระจกั ษภ์ าษา แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ เรื่อง การแต่งโคลงสีส่ ุภาพ ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ๒.ตวั ชวี้ ดั ท ๔.๑ ม.๓/๖ แตง่ บทร้อยกรอง ๓. สาระสาคญั โคลงสี่สุภาพเป็นคาประพนั ธ์ที่นยิ มแต่งกนั แพรห่ ลาย มีการบังคับเอกโท การเรียนรูว้ ิธกี ารแตง่ โคลงสี่ สภุ าพ นอกจากจะเปน็ การเสรมิ ทักษะดา้ นหลักภาษาและหลกั การแตง่ คาประพนั ธแ์ ล้ว ยงั เป็นการอนุรักษ์ มรดกทางภาษาของไทยอกี ด้วย ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นร้สู ตู่ วั ช้วี ัด ๑.นักเรียนอธิบายฉนั ทลักษณ์บทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพได้ (K) ๒.นกั เรยี นแตง่ บทร้อยกรองประเภทโคลงสสี่ ภุ าพได้ (P) ๓.นักเรยี นมีความสนใจใฝเ่ รียนรู้ (A) ๕. สาระการเรียนรู้ แตง่ บทร้อยกรอง ประเภทโคลงส่ีสุภาพ ๖. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ ที่ ๑ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น (ช่ัวโมงที่ ๑) ๑. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกม เรียงใหถ้ ูกโคลงส่สี ุภาพ โดยครูจะมีบัตรประโยค แล้วให้นกั เรยี นช่วยกัน เรยี งบตั รประโยคเหล่านน้ั ให้เป็นโคลงสสี่ ุภาพ ๒. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรใู้ ห้นักเรยี นทราบ ขั้นที่ ๒ ข้ันสอน ๑. ครูทบทวนฉนั ทลักษณ์ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สภุ าพ โดยทอ่ งโคลงครู จากลิลติ พระลอ พร้อมสุ่ม ตัวแทนเขยี นบนกระดานดา ครทู บทวนฉนั ทลักษณ์ จานวนคา สัมผสั คาเอก คาโท คาสรอ้ ย ฯลฯ ๒. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ ๕ คน แขง่ ขนั กันเตมิ คาลงในโคลงสีส่ ุภาพทีก่ าหนด โดยครูแสดงแผน่ ป้ายโคลงสี่สภุ าพทีเ่ ว้นชอ่ งวา่ งบางคาไว้กับบตั รคาสาหรบั เติมในชอ่ งวา่ ง ครูอ่านอศิ รญาณภาษติ แลว้ ให้
นกั เรยี นเติมคาในโคลงสีส่ ภุ าพใหถ้ ูกตอ้ งและมีใจความสาคัญเช่นเดียวกบั อิศรญาณภาษิตทคี่ รอู ่าน กลุ่มทเี่ ติม คาได้ถกู ต้องและมากทสี่ ดุ เปน็ ผู้ชนะ ๓. ใหน้ ักเรียนศกึ ษารปู แบบการแตง่ โคลงสสี่ ภุ าพ ครูกาหนดโจทย์ให้และทดลองแต่งพร้อมกันบน กระดาน โดยลอ้ ลีลาตัวอย่างไมต่ อ้ งเครง่ ครดั คาเอก คาโท เพอื่ ใหง้ า่ ยข้ึน เชน่ ตวั อย่าง เสยี งลอื เสียงเล่าอ้าง อนั ใด พีเ่ อย ฝกึ แต่งเลียนแบบ เสียงกรนเสียงบน่ บา้ เสียงใคร พเี่ อย ๔. ใหน้ กั เรียนจับคกู่ ัน แต่งโคลง ๓ บท เลอื กแตง่ ตามอสิ ระ ให้ถกู ตอ้ งตามของฉนั ทลกั ษณ์ ๕. ครสู ังเกตการแต่งโคลงสีส่ ุภาพของนกั เรยี น ขั้นท่ี ๓ ขน้ั สรุป ๑.ใหน้ ักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดังน้ี - โคลงส่สี ุภาพเปน็ คาประพนั ธ์ที่นยิ มแต่งกันแพร่หลาย มีการบังคบั เอกโท การเรยี นรู้วธิ ีการ แตง่ โคลงสส่ี ภุ าพ นอกจากจะเป็นการเสริมทักษะดา้ นหลักภาษาและหลักการแต่งคาประพันธ์แลว้ ยังเปน็ การ อนรุ ักษ์มรดกทางภาษาของไทยอีกดว้ ย ข้นั ที่ ๑ ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (ช่ัวโมงที่ ๒) ๑. ทักทายนักเรยี นเพ่ือเตรียมความพร้อม พร้อมตง้ั คาถามทา้ ทายนักเรียน เพ่ือกระต้นุ ความคดิ -นักเรียนคิดวา่ การแต่งโคลงสส่ี ุภาพมคี วามยากหรอื งา่ ยอยา่ งไรบา้ งในการแต่ง (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน) ๒.ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรูใ้ ห้นกั เรียนทราบ ขนั้ ที่ ๒ ขั้นสอน ๑.ใหน้ กั เรยี นและครรู ว่ มกนั ทบทวนความรเู้ รือ่ ง การแตง่ คาประพนั ธ์ประเภทโคลงสีส่ ภุ าพ ครซู ักถาม ความเขา้ ใจนักเรยี นเปน็ รายบุคคล ๒. ครูซักถามนกั เรียนเกย่ี วกับปัญหาท่พี บขณะแตง่ โคลงสสี่ ุภาพ ๓. ครสู มุ่ นกั เรียน ๒-๓ คน นาเสนอผลงานโคลงสสี่ ภุ าพทีแ่ ต่งในชั่วโมงเรยี นท่ผี า่ นมา แล้วรว่ มกัน เสนอแนะข้อบกพร่องที่พบ ๔. โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามท่กี าหนด ดังน้ี ๑. ลักษณะบงั คับของโคลงสีส่ ุภาพ ๒. การใช้ถ้อยคาภาษา ๓. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างหัวข้อเร่ืองกับเนื้อหา ๔. ความถกู ต้องของการเขียนสะกดคา ๕. นกั เรยี นแตล่ ะคนนาผลงานการแตง่ โคลงสีส่ ุภาพมาสง่ ครู เพอื่ ให้ครเู สนอแนะข้อบกพร่อง ในการแตง่ และให้นกั เรยี นแต่ละคนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องในการแตง่ โคลงส่สี ภุ าพตามข้อเสนอแนะจากครู ๖. นกั เรียนนาผลงานตดิ ปา้ ยนเิ ทศ หรือเยบ็ รวมเล่มเพ่ือเป็นผลงานของห้อง ให้เพ่ือนได้เห็นและช่ืน ชมผลงานรว่ มกัน ๗. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
ขั้นที่ ๓ ขนั้ สรุป ๑.ใหน้ ักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ - โคลงสสี่ ุภาพเปน็ คาประพนั ธ์ที่นิยมแต่งกนั แพร่หลาย มีการบังคบั เอกโท การเรยี นรูว้ ธิ ีการแตง่ โคลงส่ี สุภาพ นอกจากจะเป็นการเสรมิ ทักษะด้านหลักภาษาและหลกั การแตง่ คาประพนั ธ์แลว้ ยังเปน็ การอนุรักษ์มรดก ทางภาษาของไทยอกี ดว้ ย ๗. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ ๑. ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ และแผนผงั โคลงสีส่ ภุ าพ ๒. บตั รคา ๓. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง โคลงสสี่ ภุ าพ ๔. แผ่นป้ายโคลงสีส่ ภุ าพ ๘. การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. นกั เรยี นอธบิ ายหลักการ สังเกต แบบสังเกตการตอบ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ แต่งบทร้อยกรองประเภท การตอบคาถาม ระดับ ๒ ขึน้ ไปถอื วา่ ผา่ น โคลงสีส่ ภุ าพได้ (K) คาถาม ตรวจผล นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ๒.นักเรยี นแต่งบทร้อยกรอง งานการแตง่ โคลงส่สี ุภาพ แบบประเมินผลงาน ระดับ ๒ ข้นึ ไปถือว่าผา่ น ประเภทโคลงสสี่ ภุ าพได้ (P) นกั เรยี น ๓. นักเรียนมคี วามสนใจ สงั เกตการมีความ แบบสงั เกตการมีความ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ใฝเ่ รียนรู้ (A) สนใจใฝ่เรียนรู้ สนใจใฝเ่ รยี นรู้ ระดับ ๒ ขึน้ ไปถอื วา่ ผา่ น
เกณฑก์ ารประเมินผล (รบู ริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คุณภาพ (๑) ปรับปรงุ ตอบคาถามได้ ๑. นักเรยี นอธิบาย แสดงเหตุผลในการตอบ (๓) ดี (๒) พอใช้ แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน หลกั การแต่งบทรอ้ ย คาถาม การตอบคาถาม กรองประเภทโคลงสี่ ตอบคาถามได้อย่าง ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง สภุ าพได้ (K) ตอ่ เน่ืองครบถ้วน และแสดงเหตผุ ลในการ และแสดงเหตผุ ลใน นกั เรยี นไม่สามารถแตง่ ตอบคาถามได้สมั พนั ธ์ ตอบคาถามไดช้ ัดเจน การตอบคาถามได้ โคลงสี่สภุ าพตามหวั ข้อ กบั หวั ขอ้ ที่กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง ทกี่ าหนดให้ไดถ้ ูกต้อง ต่อเน่อื งครบถ้วน ตามฉันทลกั ษณ์ ๒.นกั เรยี นแต่งบทร้อย นกั เรยี นสามารถแตง่ นกั เรยี นสามารถแต่ง นกั เรยี นสามารถ นักเรยี นไมต่ ้ังใจฟังท่ีครู กรองประเภทโคลงส่ี สามารถแต่งโคลงสี่ สอนเน้อื หาให้ความ สภุ าพได้ (P) โคลงสส่ี ุภาพตามหัวข้อที่ โคลงสี่สภุ าพตามหวั ขอ้ ท่ี สภุ าพตามหัวข้อท่ี รว่ มมือในการทา กาหนดใหไ้ ด้ กจิ กรรมและไม่สง่ งาน ๓. นกั เรียนมคี วาม กาหนดให้ได้ถกู ตอ้ งตาม กาหนดให้ไดถ้ ูกตอ้ งตาม ที่ได้รบั มอบหมายตรง สนใจ นักเรยี นต้ังใจฟงั ท่ีครู เวลากาหนด ใฝ่เรยี นรู้ (A) ฉนั ทลกั ษณม์ ี ฉนั ทลักษณ์ สอนเนอื้ หาให้ความ ร่วมมือในการทา มสี มั ผสั นอกสมั ผัสในแตง่ กิจกรรมในบางคร้งั และสง่ งานที่ได้รบั ไดไ้ พเราะดเี ยย่ี ม มอบหมายตรงล่าช้า นกั เรยี นตง้ั ใจฟังที่ครู นกั เรยี นตงั้ ใจฟงั ท่ีครู สอนเนอ้ื หาให้ความ สอนเนือ้ หาให้ความ รว่ มมอื ในการทา รว่ มมอื ในการทา กิจกรรมและส่งงานที่ กจิ กรรม ไดร้ ับมอบหมายตรงเวลา กาหนด
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: