Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ม.3 หน่วยที่ 1 เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาชีวิต

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.3 หน่วยที่ 1 เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาชีวิต

Published by KAGIROON, 2021-02-04 15:14:21

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ท 23101) หน่วยที่ 1 เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาชีวิต

Search

Read the Text Version

๔. ส่งตวั แทนกลมุ่ ละ ๑ คน ออกมาพดู รายงานเร่ืองทีน่ ักเรียนคน้ ควา้ มา ให้ครูและเพื่อนๆฟัง ขนั้ ท่ี ๓ ข้นั สรุป ๑. ครสู รุปความรู้เก่ยี วกบั ข้อคิดท่ีไดจ้ ากเรือ่ ง การพูดรายงาน - การพูดรายงาน ควรมกี ารเตรียมความพร้อมเสมอ พูดอยา่ งเป็นลาดับขันตอน ผพู้ ูดควรพดู อย่างเป็นธรรมชาติ ใชน้ าเสียงและลลี าทเ่ี หมาะสม และมีปฏภิ าณไหวพริบอยตู่ ลอดเวลา ๒. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดซ้ ักถามข้อสงสยั ๗. สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ ๑. ใบความร้เู รอื่ ง การพูดรายงาน ๒. แบบฝกึ หัดที่ ๑๖ เร่ือง ตานานบา้ นเรา ๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมิน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบประเมนิ การตอบ ทาคะแนนผ่านตงั แต่ ๓ ๑. นักเรยี นสามารถบอก สังเกตการตอบคาถาม คาถาม ระดับขนึ ไปถือวา่ ผา่ น ขันตอนและวิธกี ารพดู รายงาน ไดถ้ ูกตอ้ ง (K) สังเกตการการพดู แบบประเมนิ การพูด ทาคะแนนผ่านตงั แต่ ๓ รายงาน รายงาน ระดบั ขนึ ไปถือว่าผา่ น ๒. นกั เรยี นสามารถพูดรายงาน ประเดน็ ท่ีศึกษาคน้ ควา้ ได้ (P) แบบสงั เกตพฤติกรรม ทาคะแนนผา่ นตังแต่ ๓ เร่อื ง ความใฝเ่ รยี นรู้ ระดับขึนไปถือว่าผ่าน ๓. นักเรยี นมีความใฝเ่ รยี นรู้ (A) สงั เกตพฤตกิ รรมเร่ือง ความใฝ่เรยี นรู้

เกณฑก์ ารประเมินผล (รบู ริกส)์ ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ ๑. นกั เรยี นสามารถ นกั เรยี นตอบคาถาม นกั เรยี นตอบคาถาม นักเรียนตอบ นักเรยี นตอบ บอกขนั ตอนและ ไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน ได้ถูกต้อง คาถามได้ถูกต้อง คาถามได้ วิธีการพูดรายงานได้ แสดงเหตุผลในการ แสดงเหตผุ ลในการ แสดงเหตผุ ลใน ไม่แสดงเหตุผล ถกู ต้อง (K) ตอบคาถามไดช้ ดั เจน ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ในการตอบ ตอบคาถามได้อยา่ ง ชดั เจน ตอบคาถาม ได้ คาถาม ต่อเน่ืองครบถ้วน ไดอ้ ย่างต่อเน่ือง ตอบคาถามได้ ครบถว้ น สัมพันธ์กบั หวั ข้อท่ี กาหนด ๒. นกั เรยี นสามารถ พูดได้คลอ่ งแคล่ว พดู พดู ได้คล่องแคล่ว พูดได้ พดู เหมือน พูดรายงานประเด็นท่ี เปน็ ธรรมชาติ พูดเปน็ ธรรมชาติ คล่องแคล่ว แต่ ทอ่ งจา มีการ ศกึ ษาคน้ ควา้ ได้ (P) ประสานสายตา กับ ประสานสายตา กับ ไมเ่ ปน็ ธรรมชาติ ประสาน สายตา ผฟู้ งั มีการ ผู้ฟงั มีการ ประสานสายตา กบั ผฟู้ งั บา้ ง เป็น แสดงออกทาง สหี น้า แสดงออกทาง สี กบั ผู้ฟังน้อย ระยะ และทาทาง อย่าง หนา้ และท่าทาง เหมาะสม บ้างเล็กน้อย ๓. นักเรยี นมคี วามใฝ่ นักเรยี นตงั ใจและ นักเรยี นตังใจและ นักเรยี นตังใจ นักเรียนไมต่ ังใจ สนใจเรียนเนือหาที่ และสนใจเรยี น และสนใจเรียน เรยี นรู้ (A) สนใจเรยี นเนือหาที่ ครสู อนและส่งงานท่ี เนือหาที่ครสู อน เนือหาท่คี รสู อน ไดร้ ับหมอบหมาย เป็นบางครงั และ และไมส่ ง่ งานที่ ครสู อนซกั ถามทุก ตรงตามกาหนด สง่ งานที่ไดร้ ับ ได้รบั หมอบ ครังเมื่อไม่เข้าใจ หมอบหมาย หมายตรงตาม กาหนด เนือหาและส่งงานท่ี ไดร้ บั หมอบหมาย ตรงตามกาหนด

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๗ ภาคเรยี นท่ี ๑ จานวน ๑๗ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง การอ่านเพอ่ื พฒั นาชีวติ แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๑๖ เรื่อง หลกั การอา่ นตีความ ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใช้ตดั สินใจ แก้ปญั หาในการ ดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ๒.ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม.๓/๙ ตคี วามและประเมินคุณคา่ แนวคดิ ที่ไดจ้ ากงานเขียนอย่างหลากหลาย เพือ่ นาไปใช้แก้ปญั หาในชีวิต ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการอ่าน ๓. สาระสาคญั การอา่ นตีความเปน็ การอ่านเพ่อื ทาความเขา้ ใจความหมาย และความร้สู ึกจากข้อความที่ผ้เู ขียน ตอ้ งการสื่อถงึ ผู้อา่ น โดยอาศัยพืนความรู้เดิม ความสนใจ ประสบการณ์ ระดบั สติปญั ญา และวยั การอา่ น ตคี วามจึงต้องอาศยั กระบวนการคิด เพ่ือนามาวเิ คราะห์ คิดไตร่ตรองหาเหตุผล ซ่ึงจะช่วยให้ผ้อู า่ นเข้าใจได้ อยา่ งลกึ ซึง เห็นคุณค่า และตีความเนือหาของเร่อื งนนั ๆ ใหถ้ ูกต้อง ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้สูต่ ัวชวี้ ัด ๑. นกั เรียนอธิบายหลกั การอา่ นตคี วามจากเรื่องท่ีอ่านได้ถูกต้อง (K) ๒. นักเรียนเขยี นตีความจากเรอื่ งที่อ่านได้ (P) ๓. นกั เรยี นมีมารยาทในการอ่าน (A) ๕. สาระการเรียนรู้ ๑. อธิบายหลักการของการอ่านตคี วาม ๒. เขียนตีความจากเรื่องที่อ่าน ๖. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นที่ ๑ ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน ๑. ตวั แทนนกั เรยี นออกมมาปักกุหลาบในแจกัน แจกันละ ๑ ดอก หน้าชันเรียน ๒. ให้นกั เรยี นช่วยกันบอกว่า ดอกกุหลาบตา่ งสีในแตล่ ะแจกันมคี วามหมายเหมือนหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร

๓. ครูชแี จงใหน้ กั เรียนทราบว่า ความหมายทีส่ ือ่ ผ่านสตี า่ งๆ ของดอกกหุ ลาบ เป็นการตีความทีส่ ่อื ออกมาเป็นความหมายโดยใช้สเี ป็นตัวกาหนด ๔. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ให้นกั เรียนทราบ และเช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรียน ข้นั ท่ี ๒ ขน้ั สอน ๑. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ งการอ่านตคี วาม ๒. นกั เรยี นศึกษาความรจู้ ากใบความรูเ้ รือ่ ว หลักการอา่ นตีความและประเมนิ คณุ ค่าแนวคิด พรอ้ มครู อธบิ ายเพ่มิ เติม ๓. ครูตังประเดน็ คาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนดว้ ยการซกั ถาม เป็นรายบุคคล - ความหมายและความสาคัญของการอา่ นตคี วาม - ความสาคัญของการอา่ นตีความ - ลักษณะของการอ่านตีความ - ความรเู้ กย่ี วกับการอ่านตีความ - กระบวนการอ่านตคี วาม ๔. ใหน้ กั เรียนตีความจากสานวน ท่ีกาหนดให้ในบตั รคา ตวั แทนนกั เรียนออกมาเฉลยใหเ้ พือ่ นๆฟงั ๕. ครูถามนกั เรียนว่า นกั เรียนเห็นด้วยหรือไมว่ า่ การตีความไม่ใช่การถอดคาประพนั ธ์ เพราะเหตุใด ๖. นักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี ๑๗ เรอื่ ง การตีความจากบทเพลง โดยให้นกั เรียนตคี วามจากเพลงที่ กาหนดให้ถูกต้อง ๗. ครสู ุ่มนักเรียนออกมานาเสนอผลงานท่ีหนา้ ชนั เรียน ครแู ละเพื่อนนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายและ แสดงความคดิ เห็น ขนั้ ท่ี ๓ ข้ันสรุป ๑. ใหน้ กั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ เรือ่ ง การอา่ นตีความ การอ่านตีความ หมายถึง การอา่ นเพ่ือให้เข้าใจความหมาย ความคดิ สาคัญของเร่อื ง ความรู้สกึ และอารมณ์สะเทือนใจจากบทประพนั ธ์ ซึง่ อาจเขา้ ใจได้มากน้อยลึกซึงเพยี งใด ตรงกนั กับผปู้ ระพนั ธ์ หรือไม่ หรือผ้อู ่านคนอื่น ๆ หรือไม่ ขึนอยู่กับความสามารถและประสบการณ์เดิมและความรสู้ กึ ของผอู้ ่านแต่ ละคน การตีความของทุกคนอาจไม่ตรงกนั เสมอไป ๒. เปิดโอกาสให้นักเรยี นได้ซักถามข้อสงสัย ๗. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ดอกกหุ ลาบสอ่ื ความหมาย ๒. แบบฝึกหัดที่ ๑๗ เรอ่ื ง ตีความจากบทเพลง ๓. สอ่ื PowerPoint เรอ่ื ง การอา่ นตคี วาม ๔. ใบความรูเ้ รื่อง การอ่านตีความ และประเมนิ คณุ คา่ แนวคดิ ๕. บัตรคาสานวน

๘. การวดั ผลและประเมินผล วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน สงั เกต จุดประสงค์การเรยี นรู้ การตอบคาถาม แบบสงั เกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ การตอบคาถาม ระดับ ๒ ขึนไปถอื วา่ ผ่าน ๑. นกั เรียนอธิบายหลกั การ ตรวจใบงาน อา่ นตคี วามจากเร่ืองท่ีอา่ น ได้ แบบประเมนิ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ถูกต้อง(K) สังเกตการมมี ารยาท ใบงาน ระดบั ๒ ขึนไปถือว่าผา่ น ๒. นักเรยี นเขยี นตีความจาก ในการอ่าน เรื่องที่อ่านได้ (P) แบบสงั เกตการมี นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ๓. นักเรยี นมมี ารยาทในการ มารยาทในการอา่ น ระดับ ๒ ขึนไปถอื วา่ ผา่ น อ่าน (A)

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รบู รกิ ส์) ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคุณภาพ (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ ๑. นกั เรียนอธบิ าย นกั เรยี นตอบคาถาม นกั เรยี นตอบคาถาม นักเรยี นตอบ นกั เรียนตอบ หลักการอา่ นตีความ ไดถ้ ูกต้องชัดเจน ไดถ้ ูกต้อง คาถามไดถ้ ูกต้อง คาถามได้ จากเร่ืองทอี่ า่ น ได้ แสดงเหตผุ ลในการ แสดงเหตผุ ลในการ แสดงเหตผุ ลใน ไมแ่ สดงเหตุผล ถูกต้อง(K) ตอบคาถามไดช้ ัดเจน ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ ในการตอบ ตอบคาถามได้อย่าง ชดั เจน ตอบคาถาม คาถาม ตอ่ เน่อื งครบถ้วน ได้อย่างตอ่ เน่ือง ตอบคาถามได้ ครบถว้ น สัมพนั ธ์กับหวั ข้อท่ี กาหนด ๒. นกั เรียนเขียน นกั เรยี นทาใบงานได้ นักเรยี นทาใบงาน นกั เรียนทาใบงาน นักเรยี นทาใบ ตีความจากเรื่องท่ี ถูกต้อง ได้ถูกต้อง ได้ถูกตอ้ ง งานได้ถูกต้อง อ่านได้ (P) ร้อยละ ๘๐ ขึนไป รอ้ ยละ ๗๐ ขึนไป ร้อยละ ๖๐ ขึนไป ๕๐ ขึนไป ๓. นักเรียนมมี ารยาท นักเรยี นอา่ นในใจ ไม่ นกั เรียนอา่ นในใจ นกั เรยี นอ่านในใจ นักเรยี นอ่านใน ในการอ่าน (A) อา่ นเสยี งดังรบกวน ไมอ่ ่านเสียงดงั สง่ เสียงดงั รบกวน ใจเป็นบางครงั ผ้อู ืน่ หยิบจบั หรือ รบกวนผอู้ ืน่ นงั่ ผอู้ ่ืนเล็กนอ้ ย นงั่ แตส่ ่งเสียงดัง เปดิ หนงั สอื อย่างเบา อ่านในท่าทางสบาย อา่ นในทา่ ทาง รบกวนผูอ้ ื่น มือ นัง่ อา่ นในทา่ ทาง ตัวตรง ทา่ ทาง สบาย ของตวั เอง ไม่ค่อยอยู่กับท่ี สบาย ตัวตรง ทา่ ทาง สภุ าพ สุภาพ

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑๘ ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๑๗ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง การอา่ นเพอ่ื พฒั นาชีวติ แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๗ เรื่อง ตีความเปน็ เหน็ คุณคา่ ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ ดาเนนิ ชวี ิต และมนี สิ ัยรกั การอา่ น ๒.ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ม.๓/๙ ตคี วามและประเมินคุณคา่ แนวคิดท่ีไดจ้ ากงานเขยี นอย่างหลากหลาย เพอื่ นาไปใชแ้ กป้ ญั หาในชวี ติ ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการอ่าน ๓. สาระสาคัญ การอา่ นตีความเปน็ การอา่ นเพือ่ ทาความเข้าใจความหมาย และความรู้สึกจากข้อความท่ีผูเ้ ขยี น ต้องการสอ่ื ถึงผู้อา่ น โดยอาศัยพืนความร้เู ดิม ความสนใจ ประสบการณ์ ระดบั สตปิ ญั ญา และวัย การอา่ น ตีความจึงต้องอาศัยกระบวนการคดิ เพื่อนามาวิเคราะห์ คดิ ไตรต่ รองหาเหตผุ ล ซึ่งจะช่วยให้ผอู้ ่านเข้าใจได้ อย่างลึกซึง เหน็ คุณค่า และตีความเนอื หาของเรื่องนนั ๆ ใหถ้ ูกต้อง ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ส่ตู วั ช้ีวดั ๑. นกั เรยี นอธิบายหลกั การอ่านตีความจากเรื่องที่อา่ นได้ถกู ต้อง (K) ๒. นกั เรยี นเขียนตคี วามจากเรื่องที่อา่ นได้ (P) ๓. นักเรยี นมมี ารยาทในการอ่าน (A) ๕. สาระการเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายหลกั การของการอา่ นตคี วาม ๒. เขียนตคี วามจากเร่ืองที่อ่าน ๖. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี ๑ ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน ๑. ครูกล่าวทกั ทายนกั เรยี นในชว่ั โมงเรยี นวิชาภาษาไทย พร้อมกับเลา่ พูดคุยเร่ืองการอา่ นตคี วามว่ามี ประโยชนอ์ ย่างไรบ้าง ๒. ครอู ธิบายกจิ กรรมท่ใี หน้ กั เรียนเรียนคราวๆเพ่ือเชื่อมโยงกับเนอื หาทจี่ ะนามาสอนในชั่วโมงนี ๓. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นักเรยี นทราบ

ขั้นที่ ๒ ข้ันสอน ๑. ให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เรอื่ ง การอ่านตีความและประเมินคุณคา่ แนวคิด โดยร่วมกันสนทนา แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ จากความรทู้ ่ไี ดร้ บั ในชว่ั โมงที่ผา่ นมา ๒. นกั เรยี นอา่ นในใจเรื่อง ท่ีเรียกวา่ ก้าวหน้า จากหนงั สอื ภาษาไทย วิวธิ ภาษา ชันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ หนา้ ๑๐๒ – ๑๐๖ ๓. นักเรียนช่วยกนั ตีความจากเรื่อง ที่เรยี กวา่ กา้ วหนา้ ครูตงั คาถามตามประเดน็ ดังนี - เร่ืองย่อ - ลกั ษณะการใชถ้ ้อยคา สานวน - นาเสียงของผูเ้ ขยี น - สาระสาคญั ของเรอื่ ง - ข้อคดิ จากเร่ืองท่นี าไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ๔. นักเรียนแบง่ กล่มุ กลุม่ ละ ๖ คน ครูให้นกั เรียนแตล่ ะทาแบบฝกึ หดั ที่ ๑๘ เรอ่ื ง ตีความจากบท รอ้ ยกรอง โดยครกู าหนดประเดน็ ในการตีความ ดังนี ๑. ผปู้ ระพนั ธก์ ล่าวถงึ เรอื่ งใด ๒. เม่ืออ่านแล้วนกั เรียนมีความรูส้ ึกอย่างไรจากเรอื่ งท่ีอ่าน ๓. บทประพันธ์นีมีเนือหาแสดงอารมณอ์ ย่างไร ทราบได้อยา่ งไร ๔. จากบทประพนั ธ์ที่อา่ นนักเรยี นคิดว่าเปน็ จรงิ หรือไม่ และมีวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร ๕. สรปุ ความสาคญั จากเรอ่ื งทอ่ี า่ นเปน็ ความเรยี งร้อยแก้ว ๓. ตวั แทนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชันเรยี น ใหเ้ พ่ือนๆและครูฟัง ๔. ครูชมเชยในความสามารถ และเน้นยาใหน้ ักเรียนนาหลักในการตีความไปปรับใช้ในการรับสาร ตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั ๕. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นเรยี น เรอ่ื งการอา่ นตคี วาม ข้ันที่ ๓ ขนั้ สรุป ๑. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ เร่อื ง การอา่ นตีความ - การอ่านตีความ มีลกั ษณะอย่างไร - ข้อคิดที่ไดจ้ ากเรอ่ื ง ท่ีเรยี กว่ากา้ วหนา้ ๒. เปิดโอกาสให้นกั เรียนไดซ้ ักถามข้อสงสยั ๗. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. หนังสือววิ ิธภาษา ชันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ๒. แบบฝึกหดั ที่ ๑๗ เรือ่ ง ตคี วามจากบทประพันธ์ ๓. สอื่ PowerPoint เรือ่ ง การอ่านตีความ ๔. แบบทดสอบหลังเรยี น

๘. การวดั ผลและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ สังเกต ๑. นักเรยี นอธบิ ายหลักการ การตอบคาถาม แบบสังเกต นักเรียนผ่านเกณฑ์ อ่านตีความจากเร่ืองที่อา่ น ได้ การตอบคาถาม ระดบั ๒ ขนึ ไปถือว่าผา่ น ถูกต้อง(K) ตรวจใบงาน แบบประเมนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ๒. นักเรยี นเขียนตคี วามจาก ใบงาน ระดับ ๒ ขึนไปถือวา่ ผ่าน เรอ่ื งที่อา่ นได้ (P) ๓. นักเรียนมมี ารยาทในการ สงั เกตการมมี ารยาท แบบสังเกตการมี นกั เรียนผ่านเกณฑ์ อ่าน (A) ในการอ่าน มารยาทในการอ่าน ระดับ ๒ ขนึ ไปถือวา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส์) ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ ๑. นกั เรียนอธบิ าย นกั เรยี นตอบคาถาม นกั เรียนตอบคาถาม นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ หลกั การอา่ นตคี วาม ไดถ้ ูกต้องชดั เจน ไดถ้ ูกต้อง คาถามไดถ้ ูกต้อง คาถามได้ จากเรือ่ งท่อี า่ น ได้ แสดงเหตผุ ลในการ แสดงเหตุผลในการ แสดงเหตผุ ลใน ไม่แสดงเหตุผล ถกู ต้อง(K) ตอบคาถามไดช้ ัดเจน ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ ในการตอบ ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ชดั เจน ตอบคาถาม คาถาม ตอ่ เน่อื งครบถ้วน ได้อย่างต่อเน่ือง ตอบคาถามได้ ครบถ้วน สมั พันธก์ บั หวั ข้อท่ี กาหนด ๒. นักเรยี นเขยี น นกั เรียนทาใบงานได้ นกั เรียนทาใบงาน นักเรียนทาใบงาน นกั เรียนทาใบ ตคี วามจากเรื่องที่ ถูกต้อง ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ ูกต้อง งานไดถ้ ูกต้อง อ่านได้ (P) รอ้ ยละ ๘๐ ขึนไป ร้อยละ ๗๐ ขนึ ไป รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ ไป ๕๐ ขึนไป ๓. นักเรยี นมีมารยาท นักเรียนอ่านในใจ ไม่ นักเรยี นอา่ นในใจ นกั เรยี นอา่ นในใจ นกั เรยี นอา่ นใน ในการอ่าน (A) อ่านเสียงดงั รบกวน ไม่อ่านเสียงดัง สง่ เสยี งดงั รบกวน ใจเปน็ บางครัง ผู้อ่ืน หยบิ จบั หรือ รบกวนผู้อืน่ น่ัง ผู้อน่ื เล็กนอ้ ย นั่ง แตส่ ง่ เสยี งดงั เปิดหนงั สอื อย่างเบา อา่ นในท่าทางสบาย อ่านในท่าทาง รบกวนผู้อ่นื มอื นงั่ อ่านในท่าทาง ตัวตรง ทา่ ทาง สบาย ของตัวเอง ไมค่ ่อยอยู่กับท่ี สบาย ตวั ตรง ท่าทาง สุภาพ สุภาพ