Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ม.1 หน่วย 3 เรื่อง สุภาษิตพระร่วง

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.1 หน่วย 3 เรื่อง สุภาษิตพระร่วง

Published by KAGIROON, 2021-02-01 03:50:42

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ท 21102) ภาคเรียนที่ 1 หน่วยที่ 3 เรื่อง สุภาษิตพระร่วง

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๑๑ ชว่ั โมง หน่วยท่ี ๓ สภุ าษติ พระร่วง เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๔๐ คาศัพทใ์ นสภุ าษติ พระรว่ ง ภาคเรยี นที่ ๑ ผ้สู อน นางสาวจิราพร กุลให้ สาระสาคญั การศึกษาความหมายของคาศพั ท์ในวรรณคดีทาให้เขา้ ใจเนื้อความของวรรณคดีเร่อื งน้ันไดช้ ดั เจน ย่ิงข้นึ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนินชวี ิต และมีนสิ ยั รักการอ่าน ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบุและอธิบายคาเปรียบเทียบและคาท่มี หี ลายความหมายในบรบิ ทตา่ ง ๆ จากการอ่าน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธิบายความหมายคาศัพท์ ทกั ษะกระบวนการ ๑. เขยี นคาศพั ท์ ๒. อา่ นและเปรียบเทียบความหมายของคาศัพท์ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เหน็ ความสาคญั ของการเขียนและอ่านคาศัพท์ สาระการเรยี นรู้ คาศัพท์จากสุภาษิตพระรว่ ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ว่า นกั เรียนมสี ภุ าษิตอะไรประจาใจ ขัน้ พัฒนาผเู้ รยี น ๑. ครเู ลอื กตวั แทนนักเรยี น ๔-๕ คน ออกมาบอกสภุ าษิตประจาใจของตนเอง พร้อมบอก ความหมาย และความประทับใจในสุภาษติ ให้เพื่อนฟังหน้าชั้นเรียน ๒. นักเรียนอ่านบทนาเรื่อง สภุ าษติ พระร่วง เขยี นบนั ทกึ สาระสาคัญ แล้วร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกับ บทนาเรอื่ ง โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายในประเด็นต่อไปนี้ - สภุ าษติ พระร่วงมีข้อสันนิษฐานเก่ียวกับประวัติศาสตร์ไทยและวรรณคดีไทย

ไว้อย่างไร - สุภาษิตพระร่วงเก่ยี วขอ้ งกบั วิถชี ีวติ ของคนไทยอย่างไร - เนือ้ หาของสภุ าษิตพระร่วงมุ่งเน้นในเรอ่ื งใด - สาระสาคัญทีส่ ดุ ของสภุ าษิตพระรว่ งคืออะไร ๓. ครูทาตารางบนกระดานตามจานวนคาและสุภาษติ เพ่ือให้นกั เรียนเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ โดย ครูเขยี นหมายเลขกากบั ทชี่ ่องตาราง เพ่ือให้นักเรยี นนาคาหรอื สภุ าษิตมาเขยี นลงในชอ่ งของตารางให้ตรงกบั หมายเลขท่ีนกั เรยี นจบั ฉลากได้ จนครบตามจานวนของคาและสภุ าษิต ๔. นักเรยี นอธบิ ายความหมายของคา และสุภาษติ ที่นักเรยี นจบั ฉลากได้จากเกมปริศนาอักษรไขว้ โดยให้ครตู รวจสอบความถูกต้องและอธบิ ายเพมิ่ เติม ข้ันสรุป นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ การศกึ ษาความหมายของคาศพั ท์ในวรรณคดีทาใหเ้ ข้าใจ เน้ือความของวรรณคดีเร่ืองนั้นไดช้ ัดเจนย่ิงขึ้น สอื่ การเรยี นรู้ ๑. ตารางเลน่ เกมปริศนาอักษรไขว้ ๒. ฉลาก การวัดผลประเมินผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เครื่องมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่าไม่ผา่ น

แผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เวลา ๑๑ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ ๓ สุภาษิตพระร่วง เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔๑ การสรา้ งคาซอ้ น ภาคเรยี นท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ สาระสาคญั คาซ้อนเกิดจากการนาคาทมี่ ีความหมายเหมือนกนั ใกล้เคียงกัน หรอื ตรงข้ามกนั มารวมกนั ใหเ้ กดิ คา ใหมท่ ่มี ีความหมาย มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษา และหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลง ของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทย ไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ตัวชว้ี ัด ท ๔.๑ ม. ๑/๒ สร้างคาในภาษาไทย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบายความหมายของคาศพั ท์ ทกั ษะกระบวนการ ๑. เขยี นและจาแนกคาศัพท์ ๒. อ่านและเปรยี บเทยี บความหมายของคาศัพท์ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นคุณคา่ ของการเขยี น อ่าน และแปลความหมายของคาศัพทท์ ี่ถกู ต้อง สาระการเรยี นรู้ การสรา้ งคาซ้อน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า นกั เรยี นทราบหรือไม่ว่าคาศัพทท์ ี่ใช้ในภาษาไทยเกดิ ข้ึนอยา่ งไร ขน้ั พฒั นาผเู้ รียน ๑. นักเรียนร่วมกันศึกษาการสร้างคาในภาษาไทย เขียนบันทึกสาระสาคัญ แล้วร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับวิธีการสร้างคาในภาษาไทย โดยให้นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายประเด็นสาคญั ต่อไปน้ี - การสร้างคาในภาษาไทยมกี ี่วิธีการ อะไรบ้าง - การประกอบคามีวิธกี ารอย่างไรบ้าง - คาซ้อนเกิดข้นึ ได้อย่างไร - คาซ้อนแต่ละประเภทมีลกั ษณะอยา่ งไร

๒. นักเรียนสรปุ สาระสาคญั บันทกึ เปน็ แผนภาพความคิด ๓. ครูตดิ บตั รคาศัพท์ที่พ้องความหมายกนั บนกระดาน โดยแบ่งคาศัพท์ออกเปน็ ด้านซ้ายมือและ ดา้ นขวามือ ในจานวนท่ีเท่ากันประมาณข้างละ ๑๕ คา แลว้ ใหน้ ักเรียนอ่านคาศัพท์พรอ้ มบอกความหมายของ แต่ละคาร่วมกัน ๔. นกั เรียนจบั คูค่ าศัพท์ที่พ้องความหมายกัน โดยเลือกตัวแทนนกั เรยี นทีละคนให้จับคู่คาศพั ทจ์ น ครบตามจานวนที่ครูเขยี นไวบ้ นกระดาน และร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๕. นักเรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาและพิจารณาวา่ คาคูใ่ ดบ้างท่ีใชเ้ ป็นคาซอ้ นไดห้ ลงั จากที่จบั คู่คาศพั ท์แลว้ จากนั้นร่วมกันบนั ทึกคาซอ้ นที่ได้ ๖. ครูนากระดาษกจิ กรรมคาศพั ท์ทีม่ คี วามหมายตรงขา้ มกันทีค่ รูพิมพ์แบ่งคาศพั ทอ์ อกเป็นดา้ น ซา้ ยมอื และด้านขวามอื ในจานวนทีเ่ ทา่ กันข้างละ ๑๔ คา หรือตามความเหมาะสม แล้วให้นักเรยี นอา่ น คาศัพทพ์ ร้อมบอกความหมายร่วมกัน จากน้ันครูใหน้ ักเรียนจบั คคู่ าศัพท์ท่มี ีความหมายตรงข้ามกัน ๗. ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องของกิจกรรม โดยสลับกนั ตรวจกระดาษกจิ กรรม แล้วบนั ทกึ คะแนนตามความเปน็ จริง ๑๐. นักเรียนร่วมกันพจิ ารณาวา่ มีคาค่ใู ดบ้างในกิจกรรมทใี่ ช้เป็นคาซอ้ นได้ แลว้ บันทกึ ลงในสมดุ ขัน้ สรปุ นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ คาซ้อนเกดิ จากการนาคาท่มี ีความหมายเหมือนกนั ใกลเ้ คียงกนั หรือตรงข้ามกนั มารวมกันให้เกิดคาใหม่ทม่ี ีความหมาย สื่อการเรยี นรู้ บัตรคา การวดั ผลประเมินผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เคร่ืองมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่าผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ หน่วยท่ี ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔๒ สภุ าษิตไทย เวลา ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ภาคเรยี นที่ ๑ สาระสาคญั สุภาษติ พระรว่ งใหข้ อ้ คดิ คาสอนในการดาเนินชวี ติ หลายประการ ซง่ึ สมั พนั ธก์ บั โคลงโลกนิตแิ ละ สภุ าษติ ไทย มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษา และหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลง ของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทย ไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๑/๖ จาแนกและใชส้ านวนทเ่ี ป็นคาพงั เพยและสุภาษติ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายความหมายของสุภาษติ ทกั ษะกระบวนการ ๑. วเิ คราะหค์ าสอนจากสภุ าษติ พระรว่ ง ๒. หาความสมั พนั ธข์ องคาสอนจากโคลงโลกนติ กิ บั สุภาษติ พระรว่ ง ๓. เชอ่ื มโยงคาสอนจากสุภาษติ พระรว่ งกบั สานวนไทย คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คุณค่าของสภุ าษติ ทส่ี ามารถเป็นแนวทางในการดาเนนิ ชวี ติ สาระการเรียนรู้ คาสอนจากสภุ าษติ พระรว่ ง โคลงโลกนิติ และสภุ าษติ ไทย กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ โคลงโลกนิตกิ บั สุภาษติ พระรว่ งมคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร ขนั้ พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนเกย่ี วกบั โคลงโลกนติ ิ และสนทนาแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ สาคญั ต่อไปน้ี - โคลงโลกนิตมิ คี วามเป็นมาอยา่ งไร - โคลงโลกนติ มิ คี ณุ คา่ ดา้ นภาษา และดา้ นเน้อื หาอย่างไร - โคลงโลกนติ สิ มั พนั ธก์ บั สุภาษติ ไทยอยา่ งไร ๒. ครแู จกแถบประโยคทบ่ี นั ทกึ ขอ้ ความจากเรอ่ื งสภุ าษติ พระรว่ ง ใหน้ กั เรยี นคน้ หาโคลงโลก นติ ทิ ม่ี คี าสอนตรงกบั สุภาษติ พระรว่ ง เขยี นบนั ทกึ จบั คใู่ หส้ มั พนั ธก์ นั ๓. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของกจิ กรรม และรว่ มกนั อ่านและแปล ความหมาย ๔. ครแู จกแถบประโยคทบ่ี นั ทกึ สุภาษติ พระรว่ งจานวน ๑๐ สภุ าษติ ใหน้ กั เรยี นหา สานวนคาพงั เพยหรอื สุภาษติ อ่นื นอกเหนอื จากโคลงโลกนติ ทิ ม่ี คี วามหมายตรงกบั คาสอนจากสุภาษติ พระรว่ ง เขยี นบนั ทกึ ไว้ ๕. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยและตรวจสอบความถกู ตอ้ งของกจิ กรรม ๖. นกั เรยี นอ่านสานวน คาพงั เพย หรอื สุภาษติ ทห่ี าได้ พรอ้ มแปลความหมายรว่ มกนั ๗. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เรอ่ื ง จบั ค่สู ภุ าษติ แลว้ รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ สภุ าษติ พระรว่ งใหข้ อ้ คดิ คาสอนในการดาเนนิ ชวี ติ หลาย ประการ ซง่ึ สมั พนั ธก์ บั โคลงโลกนติ แิ ละสุภาษติ ไทย ส่ือการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ๒. ใบงาน การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจแบบฝึกหดั ๒. เครื่องมือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม

ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมนิ ใบงานน้ี ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอ่ื ง การตคี วามคาสอนจากสภุ าษติ พระรว่ งและจบั คสู่ ุภาษติ จากโคลงโลกนิตแิ ละสุภาษติ ไทย ระดบั คะแนน

เกณฑ์การประเมนิ ๔ ๓๒๑ การตคี วามคาสอน จากสุภาษติ พระรว่ ง ตคี วามคาสอน ตคี วามคาสอน ตคี วามคาสอน ตคี วามคาสอน และจบั ค่สู ุภาษติ จากโคลงโลกนิติ จากสุภาษติ พระรว่ ง จากสุภาษติ พระรว่ ง จากสุภาษติ พระรว่ ง จากสุภาษติ พระรว่ ง และสภุ าษติ ไทย ไดถ้ กู ตอ้ งแมน่ ยา ไดถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยา ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ ทุกขอ้ และสามารถ เกอื บทกุ ขอ้ บางขอ้ และสามารถจบั คู่ แต่สามารถจบั คู่ จบั คกู่ บั โคลง- ตอ้ งมผี แู้ นะนาจงึ กบั โคลงโลกนติ ิ กบั โคลงโลกนติ ิ โลกนติ แิ ละ สามารถตคี วามได้ และสภุ าษติ ไทย และสภุ าษติ ไทย สภุ าษติ ไทย แต่เมอ่ื เขา้ ใจแลว้ ไดเ้ กอื บทงั้ หมด ไดบ้ างขอ้ นอกนนั้ ไดถ้ ูกตอ้ งทงั้ หมด กส็ ามารถจบั ค่กู บั แต่ส่วนทไ่ี มเ่ ขา้ ใจ ตอ้ งมผี แู้ นะนา รวมทงั้ อธบิ าย โคลงโลกนิตแิ ละ ตอ้ งมผี แู้ นะนา ทงั้ หมด ความหมาย สภุ าษติ ไทยได้ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ทงั้ หมดและอธบิ าย ความหมายได้ แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ หน่วยที่ ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๔๓ การตีความ เวลา ๑ ชวั่ โมง ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ภาคเรียนท่ี ๑

สาระสาคญั คาต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นเรอ่ื งหรอื ขอ้ ความ เรยี กวา่ บรบิ ท บรบิ ทจะชว่ ยอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจคายาก บาง คาได้ ทาใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเน้อื ความจากเรอ่ื งไดช้ ดั เจนขน้ึ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๑/๕ ตคี วามคายากในเอกสารวชิ าการโดยพจิ ารณาจากบรบิ ท จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายความหมายของคา ทกั ษะกระบวนการ ตคี วามคายากจากบรบิ ท คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คณุ คา่ ของการอ่านและการเขา้ ใจขอ้ ความทอ่ี ่าน สาระการเรียนรู้ การตคี วามคายากโดยพจิ ารณาจากบรบิ ท กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า เมอ่ื พบคาทไ่ี มร่ คู้ วามหมายจากเรอ่ื งทอ่ี ่าน นกั เรยี นทา อยา่ งไร ขนั้ พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นกั เรยี นอ่านแถบขอ้ ความทค่ี รตู ดิ บนกระดาน แลว้ ช่วยกนั อธบิ ายความหมายของคาทข่ี ดี เสน้ ใตต้ ามความเขา้ ใจ แหม เจา้ ประคณุ เอ๋ย วนั นนั้ เรากนิ ขา้ วกลางวนั กนั จนทอ้ งหลาม ขา้ วสกุ ไมเ่ หลอื ตดิ กน้ จานแมเ้ มด็ เดยี วไมม่ หี กตกหล่น อรอ่ ยขา้ วคลุกเหด็ โคนตม้ น้าปลา หลงทาง : ขรรคช์ ยั บุนปาน (ทอ้ งหลาม หมายถงึ ทอ้ งใหญ่เกนิ พอด)ี

ระวางนนั้ โสมทตั ตต์ รงรเ่ี ขา้ ไปหาค่รู กั ของตน ส่วนครู่ กั กล็ กุ ขน้ึ มาตอ้ นรบั ออกเสยี งอุทานแต่ เบา ขา้ พเจา้ เหน็ เขาเป็นเช่นนัน้ กเ็ ตรยี มตวั สงบใจใหห้ ายอุธจั เพอ่ื เขา้ ไปหานางผหู้ าทเ่ี ปรยี บมไิ ดข้ อง ขา้ พเจา้ บา้ ง กามนติ : เสฐยี รโกเศศและนาคะประทปี (อุธจั หมายถงึ ความประหมา่ ความขวยเขนิ ) บา้ นอยถู่ ดั ไป ตรงลานหน้าบา้ นมหี มอ้ และชามดนิ พง่ึ ปั้นเสรจ็ ใหม่ ๆ วางอยเู่ รยี งราย อนั เป็นการงานแหง่ เจา้ ของบา้ นทพ่ี ากเพยี รลงแรงทาเป็นสมั มาอาชพี ไดใ้ นวนั นัน้ เครอ่ื งปัน้ หมอ้ ยงั คงวาง อยใู่ ตต้ น้ มะขามใหญ่, ขณะนนั้ กุมภการชา่ งปัน้ หมอ้ กาลงั เอาชามดนิ ดบิ ออกจากเครอ่ื งปัน้ ขนเอามาวาง เรยี งรวมกนั ไว้ กามนิต : เสฐยี รโกเศศและนาคะประทปี (กุมภการ หมายถงึ ช่างปัน้ หมอ้ ) ขอเพยี งเหน็ ดาวรงุ่ ทม่ี งุ่ ฝัน อกี เมอื่ ไรจะสว่างเหมอื นอย่างรอ : อุชเชนี เป็นสาคญั ว่าอุทยั ใกลแ้ ลว้ หนอ (อุทยั หมายถงึ พระอาทติ ยแ์ รกขน้ึ ) เมอ่ื นกั เรยี นอ่านแต่ละขอ้ ความ ครใู ชค้ าถามกระตุน้ ความคดิ ดงั น้ี - คาทข่ี ดี เสน้ ใต้มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร - นกั เรยี นพจิ ารณาจากคาหรอื ขอ้ ความใด ๒. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๕ กลมุ่ เลอื กอ่านบทความจากหนงั สอื พมิ พก์ ลมุ่ ละ ๑ เรอ่ื ง แลว้ บนั ทกึ คายากทต่ี อ้ งใชบ้ รบิ ทช่วยในการตคี วาม พรอ้ มทงั้ อธบิ ายความหมาย แลว้ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอ หน้าชนั้ เรยี น ๓. นักเรยี นแต่ละกลุ่มแข่งขนั ตคี วามสุภาษิตพระร่วง โดยครูยกแถบประโยคท่เี ขยี นสุภาษติ พระร่วงไวท้ ลี ะวรรค จานวน ๑๕ วรรค เม่อื นักเรยี นแต่ละกลุ่มอ่านแลว้ ต้องช่วยกนั ตคี วามใหเ้ รว็ ท่สี ุด กลุ่มใดสนั่ กระพรวนก่อนจะไดต้ อบก่อน หากตอบถูกจะไดด้ าว ๑ ดวง แต่หากตอบผดิ กลุ่มอ่นื สามารถ สนั่ กระพรวนขอตอบได้ และถ้าสุภาษติ วรรคใดตอบผดิ ๓ ครงั้ ครจู ะเป็นผเู้ ฉลยคาตอบ แลว้ เรมิ่ ต้นขอ้ ใหม่ เมอ่ื จบการแขง่ ขนั กล่มุ ทไ่ี ดด้ าวมากทส่ี ดุ เป็นฝ่ายชนะ สุภาษติ พระรว่ งทใ่ี ชใ้ นการแขง่ ขนั ไดแ้ ก่ ๑) ทร่ี กั อยา่ ดถู กู ๒) ขา้ คนไพรอ่ ยา่ ไฟฟุน ๓) โทษตนผดิ ราพงึ ๔) มสี นิ อยา่ อวดมงั่ ๕) ทข่ี วากหนามอยา่ เสยี เกอื ก ๖) อยา่ ไดร้ บั ของเขญ็

๗) อยา่ เบยี ดเสยี ดแก่มติ ร ๘) ความในอยา่ ไขเขา ๙) คดิ ทกุ ขใ์ นสงสาร ๑๐) คนขาอย่ารว่ มรกั ๑๑) อยา่ พาผดิ ดว้ ยหู ๑๒) อยา่ แผ่เผ่อื ความผดิ ๑๓) อยา่ ต่นื ยกยอตน ๑๔) อยา่ จบั ลน้ิ แก่คน ๑๕) อยา่ ถอื เอาตน้ื กว่าลกึ ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ คาต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นเรอ่ื งหรอื ขอ้ ความ เรยี กว่า บรบิ ท บรบิ ท จะช่วยอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจคายาก บางคาได้ ทาใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเน้อื ความจากเรอ่ื งไดช้ ดั เจนขน้ึ ส่ือการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค แถบขอ้ ความ ๒. หนงั สอื พมิ พ์ การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครือ่ งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก

คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ หน่วยที่ ๓ สภุ าษิตพระรว่ ง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนรทู้ ่ี ๔๔ คาสอนในสภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑ ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ ภาคเรยี นท่ี ๑ สาระสาคญั สภุ าษติ พระรว่ งมจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื เสนอแนวทางการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นทส่ี ามารถนามา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชวี ติ

มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คณุ ค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั เรอ่ื งทอ่ี ่าน เช่น การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองทเ่ี กย่ี วกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หรอื คา่ นิยม ๑๒ ประการ ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จบั ใจความสาคญั จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน เชน่ ขา่ วหรอื เหตุการณ์ในปัจจบุ นั เรอ่ื งสนั้ บทความ นิทานทเ่ี ก่ยี วกบั หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หรอื คา่ นยิ ม ๑๒ ประการ ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการอ่าน ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรปุ เน้อื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่าน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายคาสอนจากสุภาษติ พระรว่ ง ทกั ษะกระบวนการ ๑. อ่านออกเสยี งสุภาษติ พระรว่ ง ๒. จบั ใจความและสรปุ เน้อื หาของเรอ่ื งสุภาษติ พระรว่ ง คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คุณคา่ ของสภุ าษติ พระรว่ งทใ่ี ชเ้ ป็นแนวทางในการดาเนินชวี ติ สาระการเรยี นรู้ คาสอนในสุภาษติ พระรว่ ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นของนกั เรยี นมคี วามถูกตอ้ ง เหมาะสมต่อตนเองและผอู้ ่นื หรอื ไม่ ขนั้ พฒั นาผเู้ รยี น

๑. นกั เรยี น ๓-๔ คน ออกมาเล่าถงึ แนวทางการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ่อตนเองและบคุ คลอ่นื ให้ เพอ่ื นฟังวา่ ใชแ้ นวทางอยา่ งไรในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั ๒. ครนู าสานวนสุภาษติ ไทยหรอื พุทธศาสนสุภาษติ ทม่ี เี น้อื หาเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ติ นและการ ปฏบิ ตั ติ ่อบุคคลต่าง ๆ ทาเป็นแถบประโยค ใหน้ กั เรยี นจบั ฉลากแบ่งกลุ่มนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ๗ กลมุ่ ๗ แถบประโยค ดงั น้ี เม่ือนอ้ ยใหเ้ รียนวชิ า ใหห้ าสินเม่ือใหญ่ อยา่ ขดั แขง้ ผใู้ หญ่ ผปู้ ระทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้ ไฟในอยา่ นาออก ไฟนอกอยา่ นาเขา้ อาสาเจา้ จนตวั ตาย อยบู่ า้ นทา่ นอยา่ นิ่งดูดาย ป้ันววั ป้ันควายใหล้ ูกทา่ นเล่น ครูบาสอนอยา่ โกรธ โดยใหน้ กั เรยี นสรปุ ความหมาย แนวทางการปฏบิ ตั วิ า่ สอนอะไร เกย่ี วกบั บคุ คลใด แลกเปลย่ี นความรใู้ นชนั้ เรยี น ๓. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทากจิ กรรมคน้ หาและคดั เลอื กบทสุภาษติ พระรว่ งทม่ี เี น้อื หาสอดคลอ้ ง กบั หลกั คาสอน ดงั ต่อไปน้ี กลุ่มท่ี ๑ การปฏบิ ตั ติ ่อตนเอง กลมุ่ ท่ี ๒ การปฏบิ ตั ติ นต่อผใู้ หญ่ กลมุ่ ท่ี ๓ การปฏบิ ตั ติ นต่อเพอ่ื น กลมุ่ ท่ี ๔ การปฏบิ ตั ติ นในฐานะผคู้ รองเรอื น กลมุ่ ท่ี ๕ การปฏบิ ตั ติ นต่อพระมหากษตั รยิ ์ กลุ่มท่ี ๖ การปฏบิ ตั ติ นต่อผบู้ งั คบั บญั ชา กลุ่มท่ี ๗ การปฏบิ ตั ติ นต่อครอู าจารย์ ๔. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาบทสุภาษติ ทค่ี ดั เลอื กมาอ่านใหเ้ พ่อื นฟังหน้าชนั้ เรยี น พรอ้ มทงั้ สรปุ สาระสาคญั ใหเ้ พอ่ื นฟังว่า บทสุภาษติ สอนใหป้ ฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรบา้ ง ๕. นกั เรยี นฝึกอ่านออกเสยี งสุภาษติ พระรว่ งใหค้ ลอ่ งแคล่ว โดยฟังการอ่านทานองเสนาะ จากแถบบนั ทกึ เสยี งหรอื ฟังครอู ่าน

ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ สภุ าษติ พระรว่ งมจี ดุ มงุ่ หมายเพ่อื เสนอแนวทางการ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นทส่ี ามารถนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชวี ติ สื่อการเรยี นรู้ ๑. ฉลาก ๒. แถบประโยค ๓. แถบบนั ทกึ เสยี ง การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครอื่ งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ หน่วยที่ ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๔๕ การคดั ลายมอื เวลา ๑ ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ภาคเรียนท่ี ๑ สาระสาคญั การเขยี นดว้ ยลายมอื ทส่ี วยงามเป็นระเบยี บและถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี เป็นคา่ นิยมทด่ี งี ามและเป็น การอนุรกั ษ์ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ตวั ชี้วดั ท ๒.๑ ม. ๑/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั เช่น คดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั เกย่ี วกบั บทรอ้ ยกรองหรอื บทความหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หรอื บทรอ้ ยกรอง บทความ เกย่ี วกบั คา่ นยิ ม ๑๒ ประการ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายหลกั การคดั ลายมอื ทกั ษะกระบวนการ คดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ ความสาคญั ของการเขยี นทถ่ี ูกตอ้ งและสวยงาม สาระการเรียนรู้ การคดั ลายมอื กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ ตวั หนงั สอื สามารถบง่ บอกและแสดงถงึ อุปนิสยั ผเู้ ขยี น อยา่ งไร ขนั้ พฒั นาผ้เู รยี น ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาหลกั การคดั ลายมอื ทน่ี กั เรยี นควรนาไปปฏบิ ตั ิ แลว้ บนั ทกึ สาระสาคญั ๒. นกั เรยี นทบทวนและสนทนาขอ้ ควรคดิ ในการคดั ลายมอื ในประเดน็ ต่อไปน้ี - หลกั การคดั ลายมอื มอี ะไรบา้ ง - การเขยี นดว้ ยลายมอื ทส่ี วยงามเป็นระเบยี บแสดงถงึ อุปนิสยั ของผเู้ ขยี นอยา่ งไร ๓. นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ผลทจ่ี ะไดร้ บั เมอ่ื นกั เรยี นมลี ายมอื ทส่ี วยงามเป็น ระเบยี บและไมเ่ ป็นระเบยี บ ๔. นกั เรยี นดแู บบตวั อกั ษรไทยทเ่ี ขยี นถูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ แี ลว้ ฝึกเขยี น ๕. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เร่อื ง การพฒั นาลายมอื เลอื กสุภาษติ พระรว่ งทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อ ชวี ติ ในปัจจบุ นั จานวน ๑๐ วรรค นามาฝึกคดั ลายมอื ดว้ ยตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ๖. ครคู ดั เลอื กผลงานทด่ี ที ส่ี ุดของนกั เรยี นจานวน ๕ ตวั อยา่ ง ใหน้ กั เรยี นศกึ ษา วจิ ารณ์ และ ลงคะแนนเรยี งลาดบั ท่ี ๑-๕ จดั แสดงบนป้ายนเิ ทศในชนั้ เรยี น ขนั้ สรปุ

นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ การเขยี นดว้ ยลายมอื ทส่ี วยงามเป็นระเบยี บและถกู ตอ้ ง ตามอกั ขรวธิ ี เป็นค่านิยมทด่ี งี ามและเป็นการอนุรกั ษภ์ าษาไทย ส่ือการเรยี นรู้ แบบตวั อยา่ งอกั ษรไทย การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒. เคร่ืองมือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมนิ ใบงานน้ี ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอ่ื ง การคดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ระดบั คะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ เกณฑ์การประเมิน เขยี นตวั อกั ษร เขยี นตวั อกั ษร เขยี นตวั อกั ษร เขยี นตวั อกั ษร การคดั ลายมอื ชดั เจน ถูกตอ้ ง ชดั เจน ถกู ตอ้ ง ชดั เจน ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ งตาม ตวั บรรจง ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวธิ ี ขนาดตวั อกั ษร อกั ขรวธิ ี และ ครง่ึ บรรทดั ขนาดตวั อกั ษร ขนาดตวั อกั ษร หลายตวั ผดิ ผลงานสะอาด มสี ดั ส่วน บางตวั ผดิ สดั สว่ น จงึ ไม่ แต่ยงั ตอ้ งพฒั นา เหมาะสม และ สดั ส่วนบา้ ง คอ่ ยเป็นระเบยี บ การควบคุม เสมอกนั ผลงาน แต่ผลงานสะอาด แต่ผลงานสะอาด ขนาด สะอาดเรยี บรอ้ ย เรยี บรอ้ ย ของตวั อกั ษร

และอตั ราเรว็ ในการเขยี น แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ หน่วยท่ี ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔๖ สภุ าษิตจรรโลงจิตใจ เวลา ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ ภาคเรียนที่ ๑ สาระสาคญั สภุ าษติ พระรว่ งใหข้ อ้ คดิ คาสอนดี ๆ ทค่ี วรนาไปปฏบิ ตั ใิ นการดาเนินชวี ติ จงึ มคี ุณคา่ ควรแก่การ ทอ่ งจาเพ่อื นาไปใชส้ อ่ื สารอา้ งองิ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คณุ ค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ชี้วดั

ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วเิ คราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่านพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ท ๕.๑ ม. ๑/๕ ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ุณค่าตาม ความสนใจ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายเหตุผลของการเลอื กบทสุภาษติ พระรว่ งทป่ี ระทบั ใจ ทกั ษะกระบวนการ ๑. ทอ่ งจาบทสภุ าษติ พระรว่ งทป่ี ระทบั ใจ ๒. วเิ คราะหผ์ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการนาสุภาษติ พระรว่ งไปปฏบิ ตั ิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คณุ คา่ การนาสุภาษติ พระรว่ งไปใชป้ ฏบิ ตั ติ ่อตนเองและผอู้ ่นื สาระการเรยี นรู้ คณุ คา่ และความจรรโลงจติ ใจของสุภาษติ พระรว่ ง กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ นกั เรยี นประทบั ใจสุภาษติ บทใดมากทส่ี ดุ เพราะเหตุใด และสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไร ขนั้ พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั พจิ ารณาคดั เลอื กสุภาษติ พระรว่ งทน่ี ักเรยี นนามาคดั ลายมอื ในชวั่ โมงทแ่ี ลว้ ทเ่ี หน็ ว่าสมควรเป็นวรรคทองเพ่อื นาไปทอ่ งจาและสอ่ื สารอา้ งองิ พรอ้ มระบเุ หตุผลทค่ี ดั เลอื กบทนนั้ ๒. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและวเิ คราะหป์ ระเดน็ ต่อไปน้ี - นกั เรยี นคดิ วา่ สุภาษติ บทใดทล่ี า้ สมยั และสภุ าษติ บทใดทย่ี งั ใชไ้ ดด้ ใี นสงั คมปัจจบุ นั - คาสอนสภุ าษติ พระรว่ งสะทอ้ นใหเ้ หน็ ลกั ษณะของคนไทยอยา่ งไรบา้ ง - สุภาษติ พระรว่ งมอี ทิ ธพิ ลต่อวถิ ชี วี ติ ของคนไทยอยา่ งไรบา้ ง ๓. นกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ สาระสาคญั บนั ทกึ เป็นแผนภาพความคดิ ๔. นกั เรยี นแต่ละคนคดั เลอื กสภุ าษติ พระรว่ งทป่ี ระทบั ใจมาคนละ ๑ บท เขยี นอธบิ ายแสดงผล ทเ่ี กดิ ขน้ึ ต่อตนเองและผอู้ ่นื ใหร้ ะบุเหตุผลว่าหากปฏบิ ตั แิ ละหากไม่ปฏบิ ตั ิ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จะเป็นอยา่ งไร บา้ ง โดยบนั ทกึ ลงในแผนภาพ ๕. นกั เรยี นผลดั กนั ออกมานาเสนอความคดิ และรว่ มกนั อภปิ ราย

๖. ครคู ดั เลอื กผลงานทด่ี มี าจดั แสดงบนป้ายนเิ ทศใหน้ กั เรยี นศกึ ษาและแลกเปลย่ี น ความคดิ เหน็ ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ สุภาษติ พระรว่ งใหข้ อ้ คดิ คาสอนดี ๆ ทค่ี วรนาไปปฏบิ ตั ใิ น การดาเนินชวี ติ จงึ มคี ุณค่าควรแก่การท่องจาเพอ่ื นาไปใชส้ ่อื สารอา้ งองิ สื่อการเรียนรู้ - การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒. เคร่ืองมอื แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ หน่วยที่ ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนรทู้ ี่ ๔๗ การเขียนแสดงความคิดเหน็ เวลา ๑ ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ ภาคเรยี นที่ ๑ สาระสาคญั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เป็นการใชเ้ หตุผลและหลกั ฐานอา้ งองิ มาประกอบ เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ี น่าเช่อื ถอื รปู แบบการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ อาจจะเป็นจดหมาย บทความ เรยี งความ หรอื การตอบ ขอ้ สอบอตั นยั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ชี้วดั ท ๒.๑ ม. ๑/๖ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ทไ่ี ดร้ บั

ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธบิ ายการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ทกั ษะกระบวนการ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ ความสาคญั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ทม่ี คี วามจาเป็นในการใชช้ วี ติ ประจาวนั สาระการเรยี นรู้ การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ การแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งไรทท่ี าใหผ้ อู้ ่นื ยอมรบั และ ไมร่ สู้ กึ ขุ่นเคอื ง ขนั้ พฒั นาผเู้ รียน ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยการบนั ทกึ สรุป สาระสาคญั ดงั น้ี - องคป์ ระกอบของการแสดงความคดิ เหน็ - หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ - ขนั้ ตอนการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ๒. นกั เรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ประเดน็ ต่อไปน้ี - การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ มขี อ้ ควรระวงั อยา่ งไร - การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ควรเขยี นในเชงิ สนับสนุนหรอื โตแ้ ยง้ เพราะเหตุใด - การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ มปี ระโยชน์อยา่ งไร - การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ใชใ้ นโอกาสใดบา้ ง ๓. ครนู าตวั อยา่ งงานเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เช่น จดหมาย บทความ เรยี งความ มาให้ นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเป็นแนวทาง ๔. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม เขยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยใหน้ กั เรยี นมอี สิ ระเลอื กรปู แบบการ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ ตามความถนดั มากล่มุ ละ ๑ เรอ่ื ง เพ่อื แสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ต่อไปน้ี

๑) การแพรร่ ะบาดของไขห้ วดั ใหญ่สายพนั ธุใ์ หม่ ๒๐๐๙ ๒) กระแส k-pop กบั วฒั นธรรมไทย ๓) พอเพยี งอยา่ งไรในยคุ วตั ถุนิยม ๔) “อนิ เทอรเ์ น็ต” ดาบสองคมทว่ี ยั รนุ่ นิยมใช้ ๕) วยั รนุ่ ไทยหา่ งไกลธรรมจรงิ หรอื ๕. ตวั แทนกลมุ่ ออกมาอ่านงานเขยี นหน้าชนั้ เรยี น ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ ผลงานและ เสนอแนะ ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เป็นการใชเ้ หตุผลและหลกั ฐาน อา้ งองิ มาประกอบ เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทน่ี ่าเช่อื ถอื รปู แบบการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ อาจจะเป็นจดหมาย บทความ เรยี งความ หรอื การตอบขอ้ สอบอตั นยั สื่อการเรยี นรู้ ตวั อยา่ งงานเขยี นแสดงความคดิ เหน็ การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครอื่ งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ หน่วยที่ ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๔๘ การพดู แสดงความคิดอย่างสรา้ งสรรค์ เวลา ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ภาคเรียนท่ี ๑ สาระสาคญั การพดู ทด่ี ตี อ้ งมสี าระสาคญั นาเสนออยา่ งเป็นลาดบั ขนั้ ตอน มคี วามชดั เจน เป็นประโยชน์แก่ ผฟู้ ัง มคี วามคดิ รเิ รม่ิ แปลกใหม่ และสรา้ งสรรคส์ งั คม มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และสรา้ งสรรค์ ตวั ชี้วดั ท ๒.๑ ม. ๑/๖ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ทไ่ี ดร้ บั ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น ท ๓.๑ ม. ๑/๓ พดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรคเ์ กย่ี วกบั เรอ่ื งทฟ่ี ังและดู

ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ายการเขยี นและการพดู ในเชงิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะกระบวนการ แสดงความคดิ เหน็ อย่างสรา้ งสรรค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ ความสาคญั การเขยี นและการพดู ทเ่ี ป็นแนวปฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ งในชวี ติ ประจาวนั สาระการเรียนรู้ การพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรค์ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ พดู อยา่ งไรทเ่ี รยี กวา่ พดู อยา่ งสรา้ งสรรค์ ขนั้ พฒั นาผเู้ รียน ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การพดู แสดงความคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ แลว้ สรปุ สาระสาคญั ของหลกั การพดู บนั ทกึ เป็นความรู้ ๒. นกั เรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ต่อไปน้ี - การพดู วเิ คราะห์ วจิ ารณ์คอื อะไร เกย่ี วขอ้ งกนั อยา่ งไร - ผวู้ จิ ารณ์ทด่ี คี วรมลี กั ษณะอยา่ งไร - นกั เรยี นสามารถฝึกพดู วเิ คราะห์ วจิ ารณ์อย่างสรา้ งสรรคไ์ ดอ้ ยา่ งไร - การพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรคร์ ะหวา่ งบคุ คลกบั การพดู ในทช่ี ุมชนมคี วาม เหมอื นและแตกต่างกนั อยา่ งไร - การพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรคม์ ปี ระโยชน์ต่อผพู้ ดู และผฟู้ ังอยา่ งไร ๓. ครนู าตวั อยา่ งการพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรคข์ องบุคคล เช่น การกลา่ วสุนทร พจน์ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเป็นแนวทาง ๔. ครคู ดั เลอื กนกั เรยี นจานวน ๔-๕ คน ใหอ้ อกมาพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสรา้ งสรรค์ โดย ใหน้ กั เรยี นคดิ หรอื เลอื กเรอ่ื งทจ่ี ะพดู เอง โดยใหเ้ พอ่ื นในชนั้ เรยี นแบ่งกลมุ่ เป็นทป่ี รกึ ษาใหก้ ่อนออกมา นาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ๕. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ หรอื วจิ ารณ์และเสนอแนะเพมิ่ เตมิ เมอ่ื จบการพดู ขนั้ สรปุ

นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ การพดู ทด่ี ตี อ้ งมสี าระสาคญั นาเสนออยา่ งเป็นลาดบั ขนั้ ตอน มคี วามชดั เจน เป็นประโยชน์ แก่ผฟู้ ัง มคี วามคดิ รเิ รม่ิ แปลกใหม่ และสรา้ งสรรคส์ งั คม สื่อการเรียนรู้ ตวั อยา่ งการกลา่ วสุนทรพจน์ การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒. เครื่องมอื แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่าน

แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑/๑, ๑/๒, ๑/๓ หน่วยท่ี ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนร้ทู ี่ ๔๙ คณุ ค่าของสภุ าษิตพระรว่ ง เวลา ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ ภาคเรยี นท่ี ๑ สาระสาคญั สุภาษิตพระร่วงเป็นวรรณคดที ่ที รงคุณค่าทางด้านภาษา มแี นวคดิ ในการดาเนินชวี ติ และ สะทอ้ นภาพของสงั คมไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๑/๘ วเิ คราะหค์ ณุ ค่าทไ่ี ดร้ บั จากการอ่านงานเขยี นอย่างหลากหลาย เพ่อื นาไปใชแ้ ก้ปัญหาในชวี ติ ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่าน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธบิ ายคุณคา่ ของสุภาษติ พระรว่ ง ทกั ษะกระบวนการ วเิ คราะหค์ ุณค่าของสุภาษติ พระรว่ ง

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คณุ ค่าของสุภาษติ พระรว่ งทม่ี คี ุณคา่ ทางดา้ นภาษาและแนวทางการดาเนินชวี ติ ใน สงั คม สาระการเรยี นรู้ คณุ ค่าของสุภาษติ พระรว่ ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า หนงั สอื มคี ุณค่าทุกเลม่ หรอื ไม่ ขนั้ พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาและแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ต่อไปน้ี - ภาษาทไ่ี พเราะทาใหผ้ อู้ ่านรสู้ กึ อยา่ งไร - นกั เรยี นเคยอ่านหนงั สอื ทม่ี เี น้อื หาหรอื แนวคดิ ใดบา้ ง - งานเขยี นสะทอ้ นสงั คมไดจ้ รงิ หรอื ๒. นกั เรยี นศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การวเิ คราะหค์ ณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม แลว้ รว่ มกนั สรปุ ความเขา้ ใจ ครเู ป็นผอู้ ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ๓. นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งบทวเิ คราะหส์ ุภาษติ พระร่วง ๔. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเป็น ๔ กลุม่ เพ่อื ศกึ ษาคุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมเก่ยี วกบั สุภาษติ พระรว่ งใหน้ กั เรยี นไดเ้ หน็ ความสาคญั และเกดิ ความซาบซง้ึ ในวรรณคดหี รอื วรรณกรรม โดย รว่ มกนั ศกึ ษาสรปุ สาระสาคญั นาเสนอ ดงั น้ี - กลมุ่ ท่ี ๑ วเิ คราะหส์ ภุ าษติ พระรว่ งทม่ี คี ณุ ค่าทางดา้ นวรรณศลิ ป์ พรอ้ มยกตวั อยา่ ง สุภาษติ - กลุ่มท่ี ๒ วเิ คราะหส์ ภุ าษติ พระรว่ งทม่ี คี ณุ ค่าดา้ นแนวคดิ พรอ้ มยกตวั อยา่ งสุภาษติ - กลมุ่ ท่ี ๓ วเิ คราะหส์ ภุ าษติ พระรว่ งทม่ี คี ณุ ค่าดา้ นเน้ือหา พรอ้ มยกตวั อยา่ งสุภาษติ - กลมุ่ ท่ี ๔ วเิ คราะหส์ ุภาษติ พระรว่ งทม่ี คี ณุ ค่าดา้ นสงั คม พรอ้ มยกตวั อยา่ งสุภาษติ ๕. แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนกลุม่ มารายงานอภปิ รายหน้าชนั้ เรยี น แลว้ ใหน้ กั เรยี นจดบนั ทกึ สรปุ ความคดิ เหน็ จากการอภปิ รายของแต่ละกลุ่ม ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ สภุ าษติ พระรว่ งเป็นวรรณคดที ท่ี รงคณุ คา่ ทางดา้ นภาษา มี แนวคดิ ในการดาเนินชวี ติ และสะทอ้ นภาพของสงั คมไทย สื่อการเรียนรู้

- การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ หน่วยท่ี ๓ สภุ าษิตพระร่วง เวลา ๑๑ ชวั่ โมง แผนการเรียนร้ทู ี่ ๕๐ บนั ทึกความร้สู ภุ าษิตพระรว่ ง เวลา ๑ ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ ภาคเรียนที่ ๑ สาระสาคญั การสบื คน้ ขอ้ มลู และการเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรเู้ ป็นการเพมิ่ พนู ประสบการณ์การเรยี นรเู้ พ่อื นา ขอ้ คดิ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คณุ ค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๑/๔ สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านเพอ่ื ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากสุภาษติ พระรว่ ง ทกั ษะกระบวนการ ๑. สบื คน้ และบนั ทกึ ขอ้ มลู สุภาษติ ไทย ๒. เขยี นบนั ทกึ การเรยี นรทู้ ไ่ี ดจ้ ากสุภาษติ พระรว่ ง คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษาวรรณคดไี ทย สาระการเรียนรู้ ๑. การสบื คน้ และบนั ทกึ ขอ้ มลู สุภาษติ ไทย ๒. การเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรสู้ ุภาษติ พระรว่ ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ลกั ษณะของสานวนไทย ทงั้ ในดา้ นภาษา การใช้ ความ เปรยี บและการใหข้ อ้ คดิ ขนั้ พฒั นาผเู้ รียน ๑. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุม่ ตามความเหมาะสม แลว้ มอบหมายงานใหแ้ ต่ละกลุ่มไปสบื คน้ ขอ้ มลู จากแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศของโรงเรยี นเกย่ี วกบั สุภาษติ ไทย ทม่ี เี น้อื หาทน่ี าไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้ โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มบนั ทกึ ชอ่ื เวบ็ ไซต์ และขอ้ มลู ทพ่ี บลงในบตั รขอ้ มลู ๒. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรปุ ความรู้ ขอ้ คดิ และสาระสาคญั แลว้ สง่ ตวั แทนกลุ่มออกไปนาเสนอ หน้าชนั้ เรยี น ๓. นกั เรยี นบนั ทกึ ขอ้ มลู ทเ่ี พ่อื นนาเสนอแลว้ รว่ มกนั อภปิ ราย ๔. นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนบทเรยี นสุภาษติ พระรว่ ง โดยรว่ มกนั สนทนาในประเดน็ สาคญั ต่อไปน้ี - สุภาษติ พระรว่ งจดั เป็นหมวดหมตู่ ามลกั ษณะคาสอนไดก้ ห่ี มวดหมู่ แต่ละหมวดหมู่ ประกอบดว้ ยสุภาษติ ใดบา้ ง - มสี ภุ าษติ พระรว่ งบทใดบา้ งทย่ี งั ใชไ้ ดด้ กี บั สงั คมปัจจบุ นั - คาสอนในเรอ่ื งสุภาษติ พระรว่ งสะทอ้ นภาพสงั คมไทยอยา่ งไร - นกั เรยี นชอบสุภาษติ พระรว่ งบทใดมากทส่ี ดุ และจะนาไปใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไร ๕. ครคู ดั เลอื กนกั เรยี นจานวน ๓-๔ คน ออกมาแสดงความรสู้ กึ และความคดิ เหน็ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการเรยี นรสู้ ภุ าษติ พระร่วงในความเหน็ ของตนเองใหเ้ พอ่ื นฟัง โดยครใู หอ้ สิ ระในการนาเสนอ ความคดิ ๖. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เรอ่ื ง การเขยี นบนั ทกึ วรรณคดศี กึ ษา : สุภาษติ พระรว่ ง ครู ตรวจสอบผลงานของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ การสบื คน้ ขอ้ มลู และการเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรเู้ ป็นการ เพม่ิ พนู ประสบการณ์การเรยี นรู้ เพอ่ื นาขอ้ คดิ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ส่ือการเรียนรู้ แหล่งบนั ทกึ การเรยี นรู้ การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมินผล

๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook