Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ Modal Verb

ใบความรู้ Modal Verb

Published by จารุวรรณ บุญช่วย, 2021-08-31 07:34:29

Description: ใบความรู้ Modal Verb

Search

Read the Text Version

สาหรับ will นัน้ สามารถนาไปใช้ไดก้ ว้าง สามารถทา หน้าทแ่ี ละบอกความหมายที่แตกต่างกันได้หลายกรณี เชน่ ใช้สาหรับสร้าง Future Tense ใชบ้ อกความเต็มใจ หรอื บอกความสามารถ ใช้บอกการร้องขอ หรือ ข้อเสนอ ใช้สรา้ งประโยคเงื่อนไข ใชบ้ อกความนา่ จะเป็น ใชบ้ อกคาสงั่ สาหรับ shall นั้น มีลักษณะการใชเ้ หมอื น ๆ กับ will ใช้ shall กบั ประโยคท่บี อกระดบั ความสุภาพหรอื ความเป็นทางการ ซึง่ บางกรณอี าจจะใช้ will ไมไ่ ด้ เราจะใช้ shall กบั ประธาน I หรือ We ไดเ้ ท่านนั้ แต่ก็ไม่ใชก่ ฎที่ตายตัวเสมอไป

สาหรับ would นน้ั เราจะใช้ would แทน will สาหรับเหตุการณ์ในอดีต ในบางกรณีเราจะใช้ would แทน will เพือ่ บอกความเปน็ ทางการหรอื ความสุภาพขึน้ ไปอีก ใช้ would ใช้บอกการขอร้องและความปรารถนา ใช้ would บรรยายเหตุการสมมุติ ใช้ would บอกข้อเสนอหรอื การรอ้ งขอคาแนะนา ความคิดเห็น สาหรบั should จะใช้บอก สง่ิ ทีค่ วรทาหรอื บอกหนา้ ท่ีอย่างสุภาพ เม่อื ตอ้ งการคาแนะนา บรรยายถึงการคาดหวงั สร้างประโยคเง่อื นไข ใช้ในกรณีอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะใน British English ซึง่ โดยท่วั ไปไมม่ ใี น American English



สาหรับ may นั้น ใช้แสดงการขอร้อง ขออนญุ าต ใช้แสดงเพื่อเสนอให้คนบางคนทาสง่ิ หนงึ่ ใชบ้ อกความเป็นไปไดก้ ับสง่ิ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ ใช้แสดงความปรารถนาในอนาคต ใช้ may เปน็ ตัวโนม้ นา้ วผ้ฟู ัง หรอื เรียกว่า Rhetorical Device สาหรบั might นัน้ ใช้บอกความเปน็ ไปได้ทไ่ี มแ่ น่นอน ใช้ในประโยคการขออนุญาตที่สภุ าพและเป็นทางการมาก ๆ ใช้ might เปน็ รูปอดตี ของ may ใช้ might เพอ่ื ให้คาแนะนา

สาหรับ must นน้ั ใช้ must บอกความจาเป็นต่อสิ่งท่ตี ้องเกดิ หรอื ต้องเป็น ใช้ must บอกว่าบางส่งิ เกิดข้นึ หรือเป็นจริงคอ่ นข้างแนน่ อน นักเรียนจะสงั เกตเห็นวา่ Modal Verbs นนั้ ใน 1 คา สามารถ ใชไ้ ด้ หลายกรณี และมีความหมายที่เฉพาะ ไมไ่ ดม้ ีความหมายเดียว ข้ึนอย่กู บั ลักษณะบริบทการใช้ ตวั อย่าง คาว่า can ไม่ไดแ้ ปลว่า สามารถเสมอไป ดงั น้นั นักศกึ ษาจะต้องจาเปน็ กรณี ๆ ไป ว่าควร ใชค้ าไหน และในบางกรณีสามารถใช้แทนกันได้อกี ดว้ ยคะ ซ่งึ จะยกตัวอย่างกรณตี ่าง ๆ พร้อมท้ังอธบิ าย เปน็ ลาดับตอ่ ไป

กรยิ าชว่ ย Semi-Modal Auxiliary Verbs นิยาม สาหรบั Semi-Modal Auxiliary Verbs หรือบางตาราเรียก Semi-modal verbs คือกลมุ่ กรยิ าทีบ่ างครัง้ ทาหน้าท่ีเหมือนกรยิ าช่วย บางคร้ังกไ็ มไ่ ดท้ าหนา้ ที่เป็นกรยิ าชว่ ย ซงึ่ มอี ยู่หลายคาดว้ ยกัน แตท่ ่เี รา พบบ่อยมีอยู่คา คอื dare, need, used to, ought to การใชก้ ริยา Dare เป็นกรยิ าช่วย กรยิ า dare ถอื วา่ Semi-Modal Auxiliary Verbs แปลว่า กลา้ พอ ทจี่ ะ ทาบางสิง่ โดยถ้า dare ทาหน้าที่เป็น Modal Auxiliary Verbs นั้น จะ ไปไม่เปลี่ยนรูปตามประธานหรอื Tense พิจารณาตัวอย่างประโยค • “If he dare cross me again, I’ll make sure he pays dearly for it.” (ถา้ เขากล้าขา้ มฉันอีกคร้ัง ฉนั ม่ันใจวา่ เขาจะไดร้ บั ความลาบากแน)่ • “I dare not press the issue any further.” (ฉนั ไม่กลา้ ตพี มิ พป์ ระเดน็ นนั้ อีกต่อไป) • “How dare she talk to me like that?” (หลอ่ นกล้าพดู (หยาบ)กับฉนั เช่นน้ันได้อยา่ งไร) • “They daren’t give him a reason to be angry.” (พวกเขาไมก่ ลา้ ให้เหตผุ ลที่ทาใหเ้ ขาโกรธ)

การใชก้ รยิ า Dare เป็นกริยาหลกั (Main verb) เราสามารถใช้กรยิ า dare เปน็ กรยิ าหลกั ได้ โดยจะมีการผันรูปกริยาตาม ประธานและ Tense พิจารณาตัวอยา่ งประโยค • “I can’t believe he dared (to) stand up to the boss.” (ฉนั คดิ ไม่ถงึ ว่า เขากลา้ ยนื ข้นึ ตอ่ หน้าหวั หน้า) • “No one dares (to) question my authority!” (ไม่มีใครกลา้ ทจ่ี ะสงสยั อานาจของฉัน) เม่ือจะใช้กริยา dare เปน็ ประโยคคาถาม หรือ จะปฏเิ สธ กจ็ ะใช้กรยิ า do เขา้ มาชว่ ย พจิ ารณาตัวอยา่ งประโยค • “Did they dare (to) go through with it?” (พวกเขากลา้ ท่ีจะผ่านมนั ไปไดไ้ หม?) • “He doesn’t dare (to) argue with the principal.” (เขาไม่กล้าโตเ้ ถียงกับครใู หญ่) กริยา dare มคี วามหมายถึง การทา้ ทายใหใ้ ครบางคนทาส่งิ หนง่ึ ดว้ ย ความกลา้ หาญ พจิ ารณาตวั อย่างประโยค • “I dare you to ask Suzy on a date.” (ฉนั ทา้ วา่ คุณกลา้ ท่ีจะถาม Suzy ในวนั ออกเดท) • “I’ve never been dared to race someone before.” (ฉันเคยกลา้ ท่จี ะท้าแข่งกบั คนอน่ื มาก่อน)

การใชก้ รยิ า Need เปน็ กริยาช่วย โดยท่วั ไปแลว้ กริยา need จะทาหน้าท่ีเป็นกริยาช่วยนัน้ มกั จะเป็น ประโยคปฏิเสธหรือประโยคคาถาม พจิ ารณาตวั อย่างประโยค • “No one need know about this.” (ไม่มใี ครจาเป็นท่จี ะรู้เกยี่ วกับเรอื่ งน้)ี • “He needn’t have called; I told him I would be late.” (เขาไมจ่ าเป็นตอ้ งโทร เพราะฉนั ได้บอกเขาว่า ฉันจะมาสาย) • “You needn’t worry about my grades.” (คณุ ไม่จาเปน็ ตอ้ งกงั วลถงึ เกรดของฉนั ) • “Need we be concerned?” (พวกเราจาเปน็ ตอ้ งกงั วลไหม?) • “Need I go to the market later?” (ฉันจาเป็นตอ้ งไปตลาดในภายหลังไหม?) การใช้กริยา Need เปน็ กรยิ าหลัก เมื่อ need เป็นกรยิ าหลัก ก็จะต้องผนั ตามประธานและ Tense พิจารณาตวั อย่างประโยค • “He needs that report by tomorrow.” (เขาต้องการรายงานนั้นตอนวันพร่งุ น้)ี • “Does she need to know where the house is?”

(หลอ่ นจาเป็นตอ้ งรู้วา่ บา้ นอยูท่ ่ีไหนไหม) • “You have plenty of time, so you don’t need to rush.” (คณุ มีเวลาเหลอื เฟอื ดงั น้ันคุณไม่จาเปน็ ต้องรีบ) การใชก้ รยิ า Used to เปน็ กริยาชว่ ย สาหรบั การใช้ used to นั้น หมายถงึ ส่ิงที่เคยทาในอดตี แต่ปัจจุบันไมไ่ ด้ ทาแล้ว พิจารณาตัวอย่างประโยค • “I used to get up early when I lived in New York.” (ฉันเคยตน่ื เช้า ตอนฉนั อย่ใู นกรุงนวิ ยอร์ค) • “She used to live in Ireland.” (หลอ่ นเคยอาศัยอยู่ในไอร์แลนด)์ เมอ่ื เปน็ ประโยคคาถามหรือปฏเิ สธ จะใช้กรยิ า did เข้ามาชว่ ย พิจารณาตวั อย่างประโยค • “Did you use to live in Manchester?” (คณุ เคยอาศัยอยใู่ นเมืองแมนเซสเตอรไ์ หม?) • “I didn’t use to like coffee.” (ฉนั ไม่เคยชอบกาแฟ) • “She didn’t use to go to the gym every day.” (หล่อนไมเ่ คยไปโรงยิมทกุ วัน)

ความแตกต่างระหว่าง used to , be used to และ get used to การใช้ be used to สาหรบั be used to น้นั มักจะตามดว้ ย noun, noun phrase หรอื gerund ซ่ึง be used to มีความหมายวา่ ชนิ หรือคนุ้ เคยกบั บางส่งิ “to be accustomed to something.” พิจารณาตัวอย่างประโยค • “I am used to getting up at 7 AM every morning.” (ฉนั ชนิ กบั การตนื่ 7 น. ทุกเชา้ ) • “I am not used to living in the city.” (ฉันไม่ชนิ กับการอาศยั อยู่ในเมอื ง) • “He wasn’t used to so much work.” (เขาไมช่ ินกับการทางานงานหนักมาก) • “Are you used to living with roommates?” (คุณชินกบั การอย่กู บั เพอ่ื นร่วมห้องใหม?)

การใช้ get used to สาหรบั get ในทีน่ ้ีหมายถงึ กลายเปน็ (become) ถ้าในภาษาทางการจะ ใชค้ าว่า become used to แตใ่ นปัจจบุ นั ทงั้ ในภาษาพูดและภาษาเขยี น นิยมใช้คาว่า get used to มากกว่า โดยท่วั ไปนัน้ เราจะพบการใช้ get used to ในโครงสรา้ งของ present continuous tense พิจารณาตวั อย่างประโยค • “I am getting used to living in the city.” (ฉันเร่ิมชินกับการอยูใ่ นเมือง) • “He is getting used to public speaking. (เขาเรมิ่ ชนิ กับการพดู ต่อสาธารณะ) เราสามารถใช้ get used to กบั past simple tense เช่นกัน แต่มักจะ อยู่ในรปู ปฏิเสธ พิจารณาตัวอยา่ งประโยค • “She never got used to the silence of the countryside.” (หลอ่ นไม่รู้สึกวา่ จะชินกับความเงยี บของชนบท) เราจะพบบ่อย ๆ เม่ือมกี ารใช้ get used to กับ could, will, และ cannot

พิจารณาตัวอยา่ งประโยค • “I can’t get used to working so many hours. I am so tired.” (ฉันไม่สามารถท่จี ะทาให้ชินกบั การทางานหลาย ๆช่วั โมง เพราะว่าฉนั เหนอ่ื ยมาก) • “I could get used to doing nothing all day.” (ฉนั อาจจะชินกับการไม่ทาอะไรท้งั วัน) • “I will never get used to these cramped conditions.” (ฉันจะไม่เกดิ ความชนิ ตอ่ สภาพที่แออัดเหลา่ น)ี้ สรปุ ความแตกตา่ งระหว่าง be used to และ get used to คาวา่ be used to บอกสภาวะว่า ชินแลว้ กบั สง่ิ นน้ั คาวา่ get used to บอกว่า มแี นวโน้มว่าจะชิน หรือ ไมช่ ิน กบั สง่ิ นั้น

พิจารณาตัวอย่างประโยค • “With the cost of airfare so high, in-flight meals ought to be free.” (ด้วยคา่ เครื่องบนิ ทสี่ งู มาก อาหารบนเคร่ืองควรจะฟร)ี • “We ought to arrive in the evening.” (เราควรจะถึงในตอนเย็น) • “I think we ought to turn back.” (ฉนั คิดว่าพวกเราจาเป็นตอ้ งเลยี้ วกลบั ) • “You ought to see the Grand Canyon some day.” (อยากแนะนาให้คุณไปเที่ยวที่ Grand Canyon สกั ครั้ง)

พิจารณาตัวอยา่ งประโยค • “You ought not to read in such dim light.” (คณุ ไม่ควรอา่ นหนังสือในสภาพทม่ี ีแสดงนอ้ ยแบบน้นั ) • “We oughtn’t leave the house; it isn’t safe.” (พวกเราไมค่ วรออกจากบา้ น มันไม่ปลอดภัยป เราสามารถใช้ Ought to เป็นรปู ประโยคคาถาม บางครง้ั พบว่า มกี าร ตดั \"to\" ออก พจิ ารณาตวั อยา่ งประโยค • “Ought we find someplace to eat?” (พวกเราควรจะหาสถานท่กี ินกนั ไหม?) “Oughtn’t she study for her exam?” (หลอ่ นไม่จาเปน็ ต้องศึกษาเพอ่ื การสอบของหลอ่ นใชไ่ หม) • “Ought they to be more worried about the storm?” (พวกเขาไมค่ วรกงั วลเกี่ยวกบั พายใุ หม้ ากใช่ไหม) • “Ought not he to finish his homework first?” (เขาไมจ่ าเปน็ ต้องทาการบา้ นให้เสรจ็ เปน็ อนั ดับแรกใช่ไหม)

ใบความรูเ้ รื่อง Modal Verbs must ,mustn’t , have to / should, shouldn’t / can , can’t , could / was able to , were able to / may , might Modal Verbs ไดแ้ กค่ าท่เี รานาไปใชเ้ ปน็ กริยาชว่ ยในประโยค ไดแ้ ก่ must, mustn’t, have to / should, shouldn’t / can , can’t , could / was able to , were able to / may , might ซึ่งมีวิธีการนาไปใช้ดงั นี้ 1. must แปลวา่ ต้อง • เราใช้ must ในการแสดงถึงหน้าท่หี รือความรบั ผิดชอบท่ไี ม่สามารถปฏิเสธได้ เชน่  You must always follow school rules. คุณต้องปฏิบัติตามกฏของโรงเรียนเสมอ (it’s the rule/the law.)  You must have the driving license before driving. คณุ ตอ้ งมีใบอนญุ าตขับขี่ กอ่ นขับรถ (it is the low.) (หลัง must ต้องตามด้วยกริยา (verb) ช่อง 1 เสมอ 2. mustn’t แปลว่า ตอ้ งไม่ • เราใช้ mustn’t ในการแสดงถงึ การไม่อนญุ าต (ข้อหา้ ม) เช่น  You mustn’t park here. คณุ ต้องไมจ่ อดรถท่นี ี่ (it isn’t allowed.) 3. have to แปลว่า ตอ้ ง • เราใช้ have to ในการแสดงถึงความจาเป็นตอ้ งปฏิบัติตาม เชน่  You have to be quiet in the library. คณุ ตอ้ งเงียบในห้องสมุด  We have to study hard for history exam. (it’s necessary.) 4. don’t have to (ดน้ ท์ แฮฟ ทู) แปลวา่ ต้องไม่ • เราใช้ don’t have to ในการแสดงถึงความไมจ่ าเปน็ ทีต่ อ้ งปฏิบตั ิตาม เชน่  You don’t have to wear a tie for the party. คุณไมจ่ าเปน็ ตอ้ งใส่ไทน์ ไปงาน

ปาร์ตี้ (it isn’t necessary. – it shows no obligation.) ขอ้ ควรจา  เราใช้ must / mustn’t ใน present tense เท่านัน้  เราสามารถใช้ have to ไดก้ บั ทกุ ๆ tense ขอ้ ควรจา • เราใช้ท้งั may และ might เมือ่ เราตอ้ งการความสุภาพมากกว่า ซงึ่ might ใช้เปน็ ทางการมากกว่า may เสยี อีก • เราใช้ may เมือ่ เราคดิ ว่าบางส่งิ บางอย่างนั้นเป็นไปได้ทจ่ี ะเกิดขึน้ • เราใช้ might เมื่อเราคดิ วา่ บางส่งิ บางอย่างนเั้ ปน็ ไปไม่ได้ทจ่ี ะเกิดขึ้น  It could be dangerous to swim alone. (มนั อาจเป็นอนั ตรายในการว่ายน้าคน เดียว)  It may be dangerous to swim alone.  It might be dangerous to swim alone. คาศพั ท์ทเ่ี กีย่ วกบั Modal Verbs ไดแ้ ก่ obligation = หน้าท่,ี prohibition = ข้อหา้ ม, recommendation = การแนะนา, possibility = ความเปน็ ไปได้ , rule = กฏ, necessary = ความจาเป็น, advice = คาแนะนา, ability = ความสามารถ, permission = ขออนญุ าต, Request = ขอ, suggestion = การแนะนา 5. should / shouldn’t (ชูล์ด, ชูล์ดึน) แปลวา่ ควร / ไมค่ วร • เราใช้ should / shouldn’t ในการใหค้ าแนะนาท่นี ่าเชือ่ ถอื เชน่  You should be careful on the road. คณุ ควรระมดั ระวงั บนถนน  You should relax if you feel tired. คุณควรพักผอ่ นถา้ คณุ เหนื่อย (it is a good idea.)  You shouldn’t go out on your own at night. คณุ ไม่ควรออกไปขา้ งนอกคนเดียว ตอนกลางคนื

6. can / can’t (แคน, แค้นท)์ แปลวา่ สามารถ, ไมส่ ามารถ • เราใช้ can ในการแสดงถึงความสามารถในปัจจบุ ัน เช่น  He can speak four languages. (he has the ability.) • เราใช้ can ในการขออนุญาต เชน่  Can I use your phone? (May I?) • เราใหค้ วามอนุญาต เช่น  Yes, you can use my car. (you are allowed.) • เราใช้ can ในการขอ เชน่  Can I have some coffee, please? • เราใช้ can ในการแนะนา เช่น  You can write her a letter and tell her how you feel. (Why don’t you….?) • เราใช้ can ในการแสดงถึงความเป็นไปได้ (สาคญั ) เชน่  Jellyfish can sting you very badly. (แมงกระพรนุ สามารถตอ่ ยคณุ อย่าง เจ็บปวด)  He can win the race. (it’s possible.) • เราใช้ can’t ในการปฏิเสธการขออนญุ าต เชน่  No, you can’t play outside; it is raining. (you aren’t allowed.) • เราใช้ could ในการขออนุญาต หรือ ขอ (บางสิ่งบางอย่าง) เชน่  Could I use your computer, please? (more polite than can) • ในการแสดงถึงความสามารถทัว่ ๆไปในอดีต เชน่  I could run very fast when I was fourteen. (I had the ability.) 7. was able to / were able to (วอส อะเบลิ ท,ู เวอร์ อะเบลิ ท)ู แปลวา่ สามารถ • เราใช้ was able to / were able to ในการแสดงว่าใครบางคนมีความสามารถใน การทาบางสง่ิ บางอยา่ งในสถานการณ์ท่ไี ม่ธรรมดาในอดีต เชน่  Although it was dark, Steve was able to find his way. (he managed to.) 8. may, might (เมย์ , ไมท์), could be (คลู ด์ บี) แปลว่า อาจจะ

• เราใช้ may / might ในการแสดงถึงความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย (คาดคะเน) เชน่  It may / might happen again. (it’s possible.) • ในการขออนุญาต ซงึ่ may ใชเ้ ปน็ ทางการมากกว่า can เช่น  May I come in? หรือ May I go now?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook