1หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ วันสำคัญทำงพระพทุ ธศำสนำ และศำสนพธิ ี จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ ๑. อธิบายลักษณะสาคญั ของศาสนพิธี พธิ ีกรรมของศาสนาอนื่ ๆ และปฏบิ ัติตนได้อยา่ งเหมาะสมเม่ือต้องเข้ารว่ มพธิ ี ๒. อธบิ ายประโยชนข์ องการเขา้ ร่วมในศาสนพธิ ี พิธีกรรม และกจิ กรรมในวันสาคัญทางศาสนาตามทกี่ าหนด และปฏบิ ัตติ นไดถ้ ูกต้อง ๓. แสดงตนเปน็ พุทธมามกะหรือแสดงตนเป็นศาสนกิ ชนของศาสนาท่ตี นนับถือ
บทท่ี ๑ วันสำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ วนั สำคัญทำงพระพทุ ธศำสนำ วนั มำฆบูชำ • ตรงกับวันข้ึน ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (ถ้าปีใดมีเดือน ๘ สองหน ก็จะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๔) หลังจากพระพทุ ธเจ้าทรงประกาศหลักธรรมได้ ๙ เดือน • วันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสโอวำทปำติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์ ที่ถือว่าเป็นหัวใจของ พระพทุ ธศาสนา คือ การไม่ทาความชั่ว ทาแต่ความดี และทาจติ ใจให้ผ่องใสบรสิ ุทธ์ิ พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องค์ วนั มำฆบชู ำ พระสงฆ์ทกุ องคเ์ ปน็ พระอรหนั ต์ มาประชุมโดยมไิ ดน้ ดั หมาย เกิดสง่ิ มหัศจรรย์ข้ึน วันนน้ั ดวงจนั ทร์เสวยมาฆฤกษ์ พระสงฆท์ ุกองค์ ๔ ประกำร (เพ็ญเดอื นสาม) เปน็ ผ้ทู พ่ี ระพุทธเจา้ ทรงบวชให้
วนั วสิ ำขบชู ำ • ตรงกับวันขน้ึ ๑๕ คำ่ เดอื น ๖ (หากปีใดมีเดือน ๘ สองหน เลอื่ นไปเปน็ วันข้ึน ๑๕ ค่า เดอื น ๗) • วันวิสาขบูชาเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ทั้งสามวันน้ันตรงกัน อยา่ งน่ามหศั จรรย์ ถือเปน็ วนั สาคัญที่ชาวพุทธควรนอ้ มจติ ระลกึ ถึงสงั เวชนยี สถาน ๓ แหง่ • สถานที่ประสตู ิ คือ ลุมพนิ วี ัน อยใู่ นเขตประเทศเนปาล • สถานทตี่ รสั รู้ คอื ใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ปจั จบุ นั เรียกวา่ พทุ ธคยา อยใู่ นเขตประเทศอินเดีย • สถานท่ีปรินพิ พาน คอื สาลวโนทยาน ประเทศอินเดีย
วนั อำสำฬหบชู ำ • ตรงกับวันข้นึ ๑๕ คำ่ เดอื น ๘ (ถ้าปีใด มีเดือน ๘ สองหน ใหเ้ ลื่อนเป็นวนั ขึน้ ๑๕ ค่า เดอื น ๘ หลงั ) • เป็นวันทพ่ี ระพทุ ธเจ้าทรงแสดงธรรมเร่อื ง อรยิ สจั ๔ ให้แกป่ ญั จวัคคียท์ ั้ง ๕ ณ อสิ ิปตนมฤคทายวนั เมอื งพาราณสี แควน้ กาสี มีเหตุการณส์ าคญั เกิดข้ึน ๓ ประการ • พระพทุ ธเจา้ ได้ทรงแสดงปฐมเทศนาชือ่ วา่ ธัมมจกั กัปปวัตตนสตู ร • มพี ระสงฆอ์ งค์แรกเกิดขนึ้ ในพระพทุ ธศาสนา คอื พระอัญญาโกณฑญั ญะ • มพี ระรตั นตรยั คือ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ครบบรบิ รู ณ์
วันเขำ้ พรรษำและวันออกพรรษำ • วันเข้ำพรรษำ เป็นวันท่ีพระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจาอยู่ท่ีใดที่หนึ่งตลอดช่วงฤดูฝน มีกาหนด ๓ เดือน โดยไมไ่ ปค้างแรมที่อ่ืน เรียกกันท่ัวไปว่า จำพรรษำ โดยเริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่า เดือน ๘ ของทุกปี (หรือเดือน ๘ หลัง ถ้าปีนั้นมีเดือน ๘ สองหน) และสน้ิ สุดลงในวนั แรม ๑ คา่ เดือน ๑๑ คือ วันออกพรรษำ • สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์อยู่ประจาพรรษา พระสงฆ์ จึงพากันออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาท้ังในฤดูหนาว ฤดูฝน และฤดูร้อน ชาวบ้านได้พากันติเตียนว่า การที่พระสงฆ์เดินทางในฤดูฝนได้ไปเหยียบย่าข้าวของ ชาวบ้านได้รับความเสียหาย เมอ่ื พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่อง จึงทรงบัญญัติพระวินัยให้ พระสงฆอ์ ยูจ่ าพรรษาต้งั แตน่ ้ันมา
วนั อัฏฐมบี ูชำ • วนั อัฏฐมบี ูชำ คือ วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระขององคส์ มเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ตรงกับวนั แรม ๘ ค่า เดอื น ๖ • หลงั จากทพ่ี ระพุทธองคเ์ สดจ็ ดับขนั ธปรินิพพานได้ ๘ วัน จึงถวายพระเพลิง ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา ของมัลลกษัตริย์ ในคร้ังน้ีมีกษัตริย์ถึง ๗ เมือง ส่งทูตมาขอแบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนากลับไป สกั การบูชาที่บา้ นเมอื งของตนดว้ ย
วันธรรมสวนะ • วนั ธรรมสวนะ คอื วนั ฟงั ธรรม เรียกกนั ทว่ั ไปว่า วนั พระ วนั ธรรมสวนะจะมอี ยู่ ๔ วัน ใน ๑ เดือน คอื วันข้นึ ๘ ค่า วนั แรม ๘ ค่า วันแรม ๑๕ คา่ (หรือวนั แรม ๑๔ ค่า ในเดือนขาด) วันขึ้น ๑๕ ค่า • ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลว่า นักบวชศาสนาอื่นมีวันประชุมสนทนา เกีย่ วกบั หลกั ธรรมคาสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าพระพุทธศาสนายังไม่มี พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตและกาหนด วันใหภ้ ิกษุสงฆ์ประชมุ สนทนาและแสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชน พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวัน ธรรมสวนะ
การปฏบิ ัติตนในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา รักษาศีล ตักบาตรเทโว ฟังและสนทนาธรรม (เฉพาะวนั ออกพรรษา) ทาบุญตกั บาตร บาเพ็ญประโยชน์ น่ังสมาธิ เวยี นเทยี น สวดมนต์ ระลึกถงึ คณุ พระรัตนตรัย (เฉพาะวันมาฆบูชา วสิ าขบูชา อาสาฬหบูชา) หลอ่ เทยี นพรรษา ถวายผา้ อาบน้าฝน (เฉพาะวนั เขา้ พรรษา)
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: