Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3_อารยธรรมจีน62

3_อารยธรรมจีน62

Published by thi.thitirut, 2020-08-04 03:03:04

Description: 3_อารยธรรมจีน62

Search

Read the Text Version

อารยธรรมตะวันออก ตัวชีว้ ัดช่วงชัน้ วเิ คราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรมโบราณ และการตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกบั โลก ตะวนั ตกท่ีมีผลต่อพฒั นาการและการ เปล่ยี นแปลงของโลก (ส 4.2 ม. 4-6/1) อารยธรรม อนิ เดยี อารยธรรม อารย อทิ ธิพลอารยธรรม ตะวนั ออก ธรรมจีน ตะวนั ออกทมี่ ตี อ่ ภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของ โลก

อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวนั ออก หมายถงึ อารยธรรมจีนและ อารยธรรมอินเดยี อารยธรรมทงั้ สองเป็นพนื้ ฐานสาคญั ของสงั คมและวฒั นธรรมชนชาติตา่ ง ๆ ในโลกตะวนั ออก โดยเฉพาะอย่างย่ิง อารยธรรมจนี ในประเทศญ่ปี ่ ุนและ เกาหลี อารยธรรมอนิ เดยี ในประเทศเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตแ้ ละ เอเชยี ใต้ ความกา้ วห ยคุ สมยั ทาง นา้ ทาง ประวตั ศิ าสต วิทยาการ ของจนี ร์ อารยธรรม สงั คมและ จีน วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม จีน

อารยธรรมจนี อารยธรรมจีน เกิดขึน้ บริเวณลุ่มแม่น้าหวางเหอ หรือบริเวณลุ่มแม่น้าเหลอื งในภาคเหนือของจีนซ่งึ เป็นท่ี ราบอนั กวา้ งใหญ่และอดุ มสมบรู ณ์ อารยธรรมจีนนีจ้ ัดเป็นอารยธรรมลุ่มนา้ รุ่นแรกของ โลกเช่นเดียวกบั อารยธรรมล่มุ นา้ ไนลใ์ นอียิปต์ อารยธรรมล่มุ นา้ ไทกริสและยูเฟรทีสในเมโสโปเตเมีย และอารยธรรมลุ่ม แมน่ า้ สินธใุ นอนิ เดีย แม่นา้ หวางเหอ หรอื ฮวงโหเป็ นแม่นา้ ทยี่ าวเป็ นอันดับ 2 รองจาก แม่นา้ แยงซี หรอื แมน่ า้ แยงซเี กยี ง

อารยธรรมจนี : ทตี่ งั้ บริเวณล่มุ แม่นา้ หวางเหอเป็นท่ีราบอดุ มสมบูรณ์ มี สภาพภูมิอากาศอบอุ่น ชาวจีนดารงชีพโดยอาศัยนา้ จาก แมน่ า้ เป็นสาคญั มกี ารสรา้ งระบบชลประทานท่ีดี มีทรพั ยากร ป่ าไมแ้ ละแร่ธาตทุ ่ีสาคญั คือ ถ่านหิน เหล็ก ตะก่วั ทองแดง สงั กะสี นอกจากนีย้ งั มปี ราการทางธรรมชาติ คอื ทิศตะวนั ออก มมี หาสมทุ รแปซิฟิก ทิศใต้ มีภเู ขาและป่าดิบรอ้ นชืน้ ทิศตะวันตกและทิศเหนือ มีทุ่งหญ้า ทะเลทราย และภูเขามีส่วนช่วยให้จีนได้รับอิทธิพลจาก ดนิ แดนอ่นื ๆ นอ้ ยมาก แผนทส่ี งั เขปแสดงลกั ษณะภมู ิประเทศของเอเชียตะวันออก

อารยธรรมจนี สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ สมัยประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม วฒั นธรรม สมยั ราชวงศ์ สมยั ฟิวดลั สมยั สมยั สา หยางเชา หลงชาน ชาง จกั รวรรดจิ ีน ธารณ-จีน และสมยั สาธารณรฐั ประชาชนจีน

ปัจจัยท่ีก่อให้เกดิ อารยธรรมจีน ภยั ธรรมชาติ ลกั ษณะภูมิประเทศทโี่ ดดเดี่ยว •แผน่ ดินจีนต้งั อยใู่ นพ้นื ทีบ่ ริเวณที่ •จีนเป็นดินแดนทก่ี วา้ งใหญ่ มีแม่น้าสาคญั หลายสายทาใหเ้ กิด มีเทอื กเขาสูง ที่ราบสูง ภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติดา้ นอุทกภยั มหาสมุทรก้นั อาณาเขตทา ใหก้ ารติดต่อกบั ภายนอก การหล่อหลอม บอ่ ยคร้ังทาใหช้ าวจีนยคุ โบราณ นอ้ ยลง ทาใหจ้ ีนพฒั นา อารยธรรมจนี คิดคน้ วธิ ีเอาชนะภยั ธรรมชาติ โดย ววิ ฒั นาการต่าง ๆ ดว้ ยภูมิ การสร้างระบบชลประทานขดุ ปัญญาของตนเอง และเป็น คลอง แกป้ ัญหาน้าท่วม และภยั แลง้ อารยธรรมท่เี ป็นของตนเอง ท้งั ยงั เป็นเส้นทางคมนาคม เป็น ภูมิปัญญาที่แกป้ ัญหาภยั ธรรมชาติ มากทสี่ ุด วฏั จกั รของราชวงศ์ •จีนโบราณมีหลกั ความเชื่อวา่ ผนู้ าคือโอรสแหง่ สวรรค์ เป็นผนู้ าทเ่ี ป็นอาณตั ิแห่งสวรรค์ เป็นปัจจยั สาคญั ที่ ส่งเสริม หลอ่ หลอมอารยธรรมจีนใหม้ ีการพฒั นาอยา่ ง ต่อเน่ือง แมจ้ ะมีการเปลี่ยนแปลงทางราชวงศใ์ หม่

อารยธรรมจนี : สมัยกอ่ นประวัตศิ าสตร์ หลักฐาน ซากดกึ ดา มนุษยห์ ยวนโม่ว วัฒนธรรมหยางเชา ทาง บรรพ์ (Yuan Mou) วัฒนธรรมหลงชาน (fossil) โบราณค มนุษยห์ ล่ันเทยี น ดี ทเี่ รียกว่า (Lan Tien) รามาปิ เท มนุษยป์ ักกง่ิ คุส (Peking Man) (Ramapith โครงกระดกู มนษุ ย์ ecus ยคุ หนิ ใหม่





วัฒนธรรมหยางเชา 6,000 BC รูปแบบภาชนะ 5,000 BC ท่ีสาคญั คือ ลกั ษณะสาคญั คือ ภาชนะสามขา เครอ่ื งปั้นดนิ เผาเขยี นสี ซึ่งลายท่ี 4,000 BC มีสีดา ขดั มนั คณุ ภาพดี เนือ้ บางและ เขียนมกั เป็น 3,000 BC แกรง่ 2,000 BC พชื ลกั ษณะสาคญั คอื เคร่อื งปั้นดนิ เผา ก, สตั วต์ า่ ง ๆ มเี นือ้ ละเอียด ลายเรขาคณิต 1,000 BC วัฒนธรรมหลงชาน ใบหนา้ คน 1 AD นอกจากนีย้ งั มกี ารพมิ พล์ ายจกั สาน ลายเชือกทาบ อีกดว้ ย ภาชนะดนิ เผาลายเขยี นสี เหยือกดินเผา 3 ขา วัฒนธรรมหยางเชา ในยุคหนิ ใหม่ วัฒนธรรมหลงชาน เขียนลวดลายเรขาคณิต ในยุคหนิ ใหม่

สมยั ประวตั ศิ าสตร์ของจนี แบ่งได้ 4 ยคุ ประวัติศาสตร์ เริ่มต้ังแต่สมยั ราชวงศ์ชาง สิ้นสุด สมัยโบราณ สมัยราชวงศ์โจว ประวตั ิศาสตร์ เริ่มต้ังแต่สมัยราชวงศ์จน๋ิ จนถงึ สมยั จกั รวรรดิ ปลายราชวงศ์ชิงหรือเช็ง ประวตั ิศาสตร์ เร่ิมปลายราชวงศ์เช็งจนถงึ สิ้นสุด สมัยใหม่ การปกครองระบอบสาธารณรัฐ ประวตั ศิ าสตร์ เร่ิมต้ังแต่จนี ปฏิวตั ิเปล่ียนแปลงการ ร่วมสมยั ปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม หรือคอมมวิ นิสต์จนถงึ ปัจจุบัน 2,500 BC 1,600-1,100 สมยั ราชวงศช์ าง BC 2,000 BC สมยั ฟิวดลั 1,045-249 1,500 BC BC สมยั สมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ 1,000 BC หรอื สมยั จกั รวรรดิจีน 221 BC 500 BC – สมยั สาธารณรฐั จีนและ สาธารณรฐั ประชาชนจีน 11AD 1911 AD 50B0 AD 1,00C0 AD 1,911 AD - 1,500 AD Present 2,000 AD 2,500 AD





ราชวงศ์สุย * เป็ นยคุ แตกแยกแบ่งเป็ นสามก๊ก มีการขดุ คลองเช่ือมแม่นา้ ฮวงโหกบั แม่นา้ แยงซี เพ่ือ ประโยชน์ในด้านการคมนาคม







อารยธรรมจนี : สังคมและวัฒนธรรม ระบบ พระพทุ ธศา ทด่ี นิ ลทั ธินติ ิ สนา ธรรม หรอื สงั คมและ ฟาเฉีย วฒั นธรรม (Legalis ลทั ธิขงจือ๊ m) (Confucia ลทั ธิเตา๋ nism) (Taoism) 1. ระบบทด่ี นิ ท่ีดินเป็ นปั จจัยท่ีสาคัญในการผลิต จักรพร รดิจ พระราชทานท่ีดินแก่เจา้ เมืองและขนุ นางผใู้ หญ่ตามบรรดาศกั เจา้ เมืองจะไม่ไดท้ าการเพาะปลูกดว้ ยตนเอง แต่จะแบ่งใหก้ ับ สามญั ชน และไดผ้ ลผลติ จากครอบครวั สามญั ชนหรือชาวนาเป็น การตอบแทน เรยี กการจดั ท่ีดินรูปแบบนีว้ ่า “ระบบบอ่ นา” นอกจากนีย้ งั มี “ระบบนาเฉล่ีย” คือ รฐั จะเป็นผูจ้ ดั สร ท่ีดินใหจ้ านวนหน่งึ ครง่ึ หน่งึ ตอ้ งคนื ใหแ้ ก่ รฐั เม่อื ชาวนาถงึ แกก่ รรม ท่ีดนิ สว่ นท่ีเหลือ ใหเ้ ป็นกรรมสิทธิ์สบื ทอดเป็นมรดกได้

2. ลัทธขิ งจอ๊ื (Confucianism) ผวู้ างรากฐาน คอื ขงจอ๊ื (551-479 ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราช) มงุ่ แกป้ ัญหาการเมืองและสงั คมของจีน โดยเนน้ ใหม้ นษุ ยอ์ ยู่ รวมกนั ในสงั คมดว้ ยความสงบสขุ เรยี บรอ้ ย โดยถือหลัก มนุษยธรรมและจารตี ประเพณี หลักมนุษยธรรมและจารตี ขงจอ๊ื ประเพณี ระหวา่ ง นักปราชญค์ นสาคญั ของจ พชี่ าย ความสมั พั ระหวา่ ง กบั ระหว่าง ระหวา่ ง นธร์ ะหวา่ ง บดิ ากบั น้องชาย สามีกับ เพอ่ื นกับ จกั รพรรดิ บุตร ภรรยา เพอ่ื น กับราษฎร 3. ลัทธิเต๋า (Taoiam) ศาสดาของลัทธิเต๋า คือ เล่าจ๊ือ (ประมาณ 571- 484 ปี ก่อนคริสตศ์ ักราช) มีความคดิ ตรงขา้ มกับขงจ๊อื คือ เน้นให้มนุษย์เข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวให้เข้ากั บ ธรรมชาตมิ ากทสี่ ุด ซึ่งมีอิทธิพลต่อจิตใจของนักปราชญ ปัญญาชน และศิลปิ นชาวจนี อย่างกว้างขวาง เล่าจ๊อื ศาสดาลทั ธิเต๋า

4. ลัทธินิตธิ รรมหรอื ฟาเฉีย (Legalism) เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์โจว มีความเชื่อว่าโด ธรรมชาติของมนุษยเ์ ป็ นคนเลว มีกิเลสตัณหา จึงลงโทษ ผู้กระทาผิด ให้รางวัลแก่ผู้ทาดี และลัทธินี้กลายเป็ น กฎหมายของจนี ในเวลาตอ่ มา 5. พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนานิกายมหายานเข้ามาในจีนเม่ือ ประมาณคริสตศ์ ตวรรษท่ี 1 สมัยราชวงศฮ์ ่ัน ซ่ึงมีกา ดัดแปลงให้เหมาะสมกับชาวจนี ทาใหพ้ ระพุทธศาสนาใน จีนแตกต่างจากอินเดียเป็ นอย่างมาก และเกิดนิกายใหม ขึน้ มากมาย ท่สี าคัญคือ นิกายสุขาวดี ฌานหรือเซน และ นิกายเทยี นไท้ นอกจากนี้ยังเกิดการผสมระหว่างลัทธิขงจ๊ือ ลัทธ เตา๋ และพระพุทธศาสนานิกายมหายานทาให้เกดิ เรื่องราว ของเทพเจ้า ความเชอื่ เกี่ยวกับการบูชาบรรพชน วญิ ญาณ และสง่ิ ศักดสิ์ ทิ ธิ์ รวมถงึ พธิ ีกรรมทางศาสนา พระพทุ ธรูปทถี่ า้ หลงเหมิน เมืองล่ัวหยาง ศิลปะสมัยราชวงศถ์ งั

อารยธรรมจนี : ศลิ ปกรรมจนี 1. เคร่อื งปั้นดนิ เผาและเครื่องเคลอื บ ศลิ ปกรรมนีม้ อี ายยุ าวนานทสี่ ุดของจนี เรมิ่ มาตัง้ แต่ ปลายยุคหินใหม่ คือ เคร่ืองปั้ นดินเผาลายเขียนสีใน วัฒนธรรม หยางเชา และเคร่ืองปั้นดินเผาสีดาขัดมันเงาใน วัฒนธรรมหลงชาน การผลิตเคร่ืองปั้ นดินเผาและเครื่องเคลือบ เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยราชวงศซ์ ่ง ผลิตใช้ทั้งในราชวงศ์ สามัญชน และเพอ่ื การค้า และกลายเป็ นต้นแบบของเครอ่ื ง เคลือบที่เรียกว่า “ลายคราม” ในสมัยราชวงศห์ ยวน และ พฒั นาเป็ น “เคร่อื งเบญจรงค”์ ในสมัยราชวงศห์ มิง 2. เคร่อื งสารดิ เครื่องสาริดจนี ทาขึน้ เพ่อื เป็ นเคร่ืองเซน่ เทพเจ้า ส่ิง ศักดสิ์ ทิ ธิ์ บรรพบุรุษ และใช้ในพิธีศพชั้นสูงและชั้นปกครอง และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันด้วย เคร่ืองสาริดในสมัย ราชวงศช์ างเป็ นเคร่ืองสาริด ท่ีมีชื่อเสียงมากท่ีสุด มีความ งดงามด้วยลายท่ีลอกเลียนแบบธรรมชาติ เช่น ลายมังกร ลายตาเหยย่ี ว ลายกอ้ นเมฆ เครอื่ งสารดิ หมดความสาคัญลงในสมัย ราชวงศฮ์ ่ัน เพราะมีการนาวัสดุอน่ื มาใช้แทน เช่น ทองคา เงนิ

3. เครือ่ งหยก เคร่ืองห ยกเป็ น ศิลปกรรมท่ีส าคัญของจีน ตั้ งแต่ยุค ก่อนประวตั ิศาสตร์ สมยั ราชวงศช์ างมีการนาหยกมาสลกั เป็น รูปต่าง ๆ เช่น แท่งส่ีเหล่ียม วงกลมเจาะรู ซ่ึงนาไปใช้ใน พิธีกรรมบวงสรวงของราชสานกั ดว้ ย สญั ลกั ษณข์ องพืน้ ดิน สญั ลกั ษณข์ องสวรรค์ ศลิ ปะในการแกะหยกไดร้ บั การสืบทอดต่อมาอย่างไม่ เส่ือมคลาย พรอ้ ม ๆ กับความเช่ือ ความนิยมของชาวจีนต่อ เคร่อื งหยกซง่ึ เป็นไปในทางสริ มิ งคล 4. ประตมิ ากรรม งา น ปร ะติ มา ก รร มจี น ส มัยแ รก เป็ น ส า ริด ท า เป็ น รูปทรงภาชนะต่าง ๆ ต่อมาในสมยั ราชวงศโ์ จว-ราชวงศฉ์ ินได้ ทาห่นุ ดินเผาเป็นรูปทรงทหารขนาดเท่าคนจริงจานวนหลาย พนั ตวั ใน “สุสานจักรพรรดิจ๋ินซี” แสดงใหเ้ ห็นถึงความคิด สรา้ งสรรคข์ องประตมิ ากร งานประติมากรรมเส่อื มความนิยมในสมยั ราชวงศฮ์ ่นั แตไ่ ดม้ กี ารนาหินมาสลกั เป็นรูปทรงประตมิ ากกรมขึน้ แทน

เม่อื พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาในจีน งานพทุ ธศิลป์ อนิ เดียไดม้ ามี อิทธิพลตอ่ ประตมิ ากรจีน ทาใหก้ ลายเป็นศิลปะแบบจีนอยา่ ง สมบรู ณใ์ นสมยั ราชวงศถ์ งั นิยมสรา้ งพระศรี-ศากยมนุ ี พระอว โลกิเตศวร พระศรอี ารยิ เมตไตร พระอมิตาภะ หนุ่ ดินเผารูปทหาร ในสุสานจกั รพรรดจิ นิ๋ ซี 5. สถาปัตยกรรม กาแพงเมืองจนี • สร้างในสมัยราชวงศโ์ จว • สร้างเพ่มิ เติมในสมัยตอ่ ๆ มา • มคี วามยาว 6,400 กิโลเมตร สุสานจักรพรรดสิ มัยราชวงศฮ์ ่นั • สุสานเจาะเขา้ ไปในถา้ • แบ่งเป็ นหอ้ งเก็บศพ/หอ้ งเกบ็ สมบัติ • ผนังอุโมงคส์ ลักภาพคน/เทวดา/สตั ว์ • มรี สูปถจาาปลัตอยงกบรา้ รนมเรสอื มนัยเรปา็ นชดวงินศเหผ์ ามิง/ราชวงศช์ ิง • สร้างในศาสนา/พระราชวัง/ตาหนัก • ใช้ไมเ้ ป็ นสว่ นสาคญั มีโครงสร้างอ่อน ช้อย • ตกแตง่ ด้วยภาพเขยี นเขยี น/ลายจาหลัก/

6. จติ รกรรม สร้างครั้ง ราชวงศซ์ ง่ อูเ่ ต้าจ่ือ (Wu สืบทอดมาอีก แรกสมัย Tau Tzu) เขียน กว่า 600 ปี ราชวงศฮ์ ่ัน กู่ไคจ่ นิ้ (Ku เรื่องราวทาง Kai Chin) บิดา ไดร้ ับการ เขียนและ แห่งจติ รกรรม ศาสนา ยอมรับใน แกะสลักบน สมยั ราชวงศ์ ผนังห้องฝังศพ จนี หวางเว่ย วาด ภาพทวิ ทศั น์ หมงิ ภาพเขียนบน เชื่อมกับบทกวี แผ่นหินสุสาน/ ลอกเลียนแบบ พระพุทธ- ราชวงศ์ งานจิตรกร ใน บนแผ่นอฐิ ศาสนาเข้ามา หยวน มีส่วนสาคญั อดตี 7. วรรณกรรม สมัยราชวงศโ์ จว สมัยราชวงศฮ์ ่นั สมยั ราชวงศถ์ งั สมยั ราชวงศซ์ ง่ / หยวน/หมิง/ชิง • เพ่ิงเร่ิมมงี าน • ลัทธิขงจอื๊ ได้รับ • วรรณกรรมรุ่งเรือง • วรรณกรรมประเภท วรรณกรรม การฟื้ นฟู มาก ละคร/นิทาน/นิยาย ได้รับความนิยม • คมั ภรี ท์ ้ังหา้ • ร้อยแก้วประเภท • มกี วีคนสาคัญหลาย เขียนโดย ขงจื๊อ บทความวิจารณ์ คน • สามกก๊ • คัมภรี เ์ ต๋า • บนั ทึกทาง • หวางเวย่ (Wang • ไซอ๋ิว เต๋อจิง ของ ประวตั ิศาสตร์ Wei) เล่าจอ๊ื • ซอ้ งก๋ัง • หล่ีไป๋ (Li Bai) • ตู้ฝ่ ู (Du Fu) • ความฝันในหอแดง

คณิตศาสตร์ อกั ษร และการ จีน กระดาษและ คานวณ การพิมพ์ ดิน ปืน การแพทย์ การตอ่ เข็ม เรอื ทิศ แผน วศิ วกรรม ท่ี โลหะ ดาราศาสตร์ และปฏิทิน ความก้าวหน้าทางวทิ ยาการของจนี

อารยธรรมจนี : ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาการของจนี 1. ตวั อักษรจนี สมยั ราชวงศช์ าง สมยั ราชวงศโ์ จว สมยั ราชวงศฮ์ ่ัน • ตวั อกั ษรกาเนิดในสมยั นี้ • เปลย่ี นแปลงตวั อกั ษรให้ • ใชพ้ กู่ นั และกระดาษ • เป็นอกั ษรกง่ึ ภาพ สวยงาม • รูปแบบตวั อกั ษรหวดั แกม • ตวั บรรจง บรรจง/ตวั บรรจง • เขียนง่าย • ตวั อกั ษรจีนเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ ง กบั งานจิตรกรรม • เกิดศลิ ปะการเขียนตวั อกั ษร 2. กระดาษและการพมิ พ์ ไซ่หลุน คิดค้นหมกึ •เป็ นขุนนางจนี ผู้คิดคน้ • ใช้เขม่าตน้ รัก/ไม้สน กระดาษเป็ นคนแรก ปั้นเป็ นเมด็ หรือแทง่ •นาเปลือกไม้ เศษปอ/ ป่ าน/ผ้าเกา่ /แห มาทา • ฝนกับนา้ กระดาษ • เขยี นตัวอักษรลงบน กระดาษ บรรจตวั อักษร ไดเ้ ป็ นจานวนมาก ราชวงศซ์ ่ง ราชวงศห์ มงิ ราชวงศห์ มิง/ชิง •การพิมพก์ ้าวหน้า • แกะตัวอักษรลงบน • พิมพเ์ ป็ นหนังสือชุดใหญ่ •แกะตัวอกั ษรลงบนดนิ แท่งทองแดง • ความรู้แพร่หลายกวา้ งขวาง เหนียว/แทง่ ไม้ • พิมพห์ นังสือกอ่ นยุโรป 800 ปี • การพิมพก์ ้าวหน้า เกิดหนังสือต่างๆ เช่น พระสูตร ตารา วรรณกรรม

3. การแพทย์ • การแพทยเ์ รม่ิ ในสมยั นี้ • รวบรวมตารายา • ตรวจดว้ ยการดสู หี นา้ ของคนไข้ • บรรยายถงึ ประโยชนข์ องยา พรอ้ มรูป • ตรวจดว้ ยการจบั ชีพจร • ตรวจดว้ ยการประคบดว้ ยความรอ้ น ภาพประกอบ • ตรวจดว้ ยการฝังเข็ม • ช่ือยาท่เี รยี กในแตล่ ะทอ้ งถ่ิน • ใชส้ มนุ ไพรในการรกั ษา ราชวงศห์ มงิ ราชวงศโ์ จว 4. ความรู้ทางวศิ วกรรมโลหะ ชาวจนี มคี วามชานาญในการหล่อสาริดขนาดเลก็ ทใ่ี ช้เป็ น เครื่องประดบั ไปจนถึงขนาดใหญ่เป็ นร้อยกิโลกรัม ความรู้ทางวศิ วกรรมโลหะเจริญมาต้งั แตส่ มัยราชวงศช์ างและ ราชวงศโ์ จว สมยั ราชวงศฮ์ ่ันนาเหล็กมาใช้แทนสาริดอย่างกว้างขวาง และ ต่อมาก็รู้จักวิธกี ารผสมเหล็กถลุงกับเหลก็ อ่อนเพอื่ หลอมเป็ น เหลก็ กล้า สมยั ราชวงศถ์ ังสามารถหล่อเหล็กเสาใหญ่สูง 30 เมตร นับได้ ว่ามคี วามก้าวหน้าทางวิทยาการการหล่อโลหะเป็ นอย่างมาก

5. การตอ่ เรือ วิ ท ย า ก า ร ท่ี ก้ า ว ห น้ า อี ก ป ร ะ ก า ร ห น่ึ ง คื อ ความสามารถในการต่อเรอื เดนิ ทะเลขนาดใหญ่ในสมยั ราชวงศ์ ถงั แลว้ มีการพฒั นาขนึ้ ในสมยั ราชวงศซ์ ง่ และในสมยั ราชวงศห์ มิง กองเรือขนาดใหญ่นับสิบลาของจีนสามารถแล่นเรือจาก ทะเลจีนใตไ้ ปจนถึงชายฝ่ังทะเลตะวนั ออกของแอฟรกิ า 6. ดนิ ปื น ชาวจีนเป็นผคู้ น้ พบเป็นครงั้ แรก ทาขึน้ ในสมัยราชวงศ์ ฉินและนามาใชใ้ นการทหารสมยั ราชวงศถ์ ัง สมยั ราชวงศ์ซ่งใช้ ดินดาทาพลุ ประทดั ดอกไมไ้ ฟ ต่อมาพวกมองโกลนาไปใชท้ า กระสนุ ปืนใหญ่ แลว้ จึงแพร่หลายไปยงั อาหรบั และถ่ายทอดให้ ชาวยโุ รป 7. ดาราศาสตรแ์ ละปฏทิ นิ เป็นเร่อื งท่ีชาวจีนสนใจมานานแลว้ เพราะเก่ียวขอ้ งกบั การกาหนดวนั ทาพธิ ีกรรม ซ่งึ สงั คมเกษตรกรรมใหค้ วามสาคญั มาก ๆ ปฏิทินใชก้ ันมาต้ังแต่สมัยราชวงศช์ าง ส่วนความรูท้ าง ดาราศาสตรม์ ีการทาแผนท่ีดวงดาวเป็นกล่มุ ๆ มีการขุดคน้ พบ บนดวงอาทิตย์ รวมทง้ั ชาวจีนสามารถอธิบายว่าโลกเป็นวัตถุท่ี เคล่ือนท่ีไปในอากาศ

8. แผนท่ี ชาวจีนมีความรูใ้ นการทาแผนท่ี สามารถหาพิกัดและ กาหนดอัตราส่วน แผนท่ีส่วนใหญ่ทาขึน้ เพ่ือใชท้ างกองทหาร ในสมยั หลงั นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการเดินเรอื 9. คณิตศาสตรแ์ ละการคานวณ ชาวจีนสามารถคานวณหาเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางกับเส้น รอบวงได้ รูจ้ กั ประดิษฐ์ลกู คิดเพ่ือช่วยในการคานวณตงั้ แต่สมยั ราชวงศฮ์ ่ัน รวมทั้งสามารถคานวณหาพืน้ ท่ีรูปทรงเรขาคณิต ประดิษฐ์นาฬิกาแดด นาฬิกาน้า เคร่ืองวัดระยะทาง และ เคร่อื งวดั ความไหวสะเทือนสาหรบั ตรวจแผ่นดินไหว 10. เขม็ ทศิ ชาวจีนรูจ้ ักคุณสมบัติของแม่เหล็กตั้งแต่สมยั ราชวงศ์ โจว พอถึงสมยั ราชวงศฮ์ ่นั ก็สามารถประดิษฐ์เข็มทิศได้ และนา เข็มทศิ มาใชค้ รงั้ แรกสมยั สามก๊ก ต่อมา ชาวอาหรบั รบั เอา ความรูเ้ ร่ืองเข็มทิศไปปรบั ปรุงใชใ้ นการเดินเรือ และถ่ายทอด ความรูไ้ ปใหก้ บั ชาวยโุ รป เข็มทศิ โบราณทใ่ี ชใ้ นการหาทศิ ทางของฮวงจยุ้ ต่อมานามาใช้ประโยชนใ์ นการเดินเรือ



เคร่ืองวดั แผ่นดนิ ไหว









อารยธรรมจนี : สมัยประวตั ศิ าสตร์ 2. สมัยฟิ วดลั แบง่ ออกเป็น 2 สมยั คือ 2.1 สมยั ราชวงศโ์ จวตะวนั ตก ประมาณ 1,045-771 ปี กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช การปกครอง ➢ ใชท้ ฤษฎีการเมอื งเทียนหมงิ หรอื อาณัติ แหง่ สวรรค์ คือ กษัตรยิ ม์ ฐี านะเป็นโอรส แหง่ สวรรคต์ ราบเท่าท่ีปกครองดว้ ยความ ยตุ ธิ รรม หลกั การนีม้ ีความ สาคญั มาก ตอ่ การเปล่ียนแปลงการเมือง ของจีน ตลอดระยะเวลาสองพนั ปี สงั คม ➢ รบั เอาการทานายโชคชะตามาจาก ราชวงศโ์ จว แตม่ อี ารยธรรมเป็นของ ตนเอง คอื การสบื ราชสมบัติ สว่ น ประเพณีการฝังศพจะก่อเป็นเนินดนิ ขนึ้ มาฝังศพ แตใ่ นภาคเหนือนิยมฝังลง ไปในดนิ

อารยธรรมจนี : สมัยประวตั ศิ าสตร์ 2.2 สมยั ราชวงศโ์ จวตะวนั ออก ประมาณ 770-249 ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราช ➢การปกครอง เป็ นช่วงท่เี กิดการจลาจลทางการเมือง ซึ่งแผ่ขยายเป็ นสงครามระหว่างรัฐต่าง ๆ ต่อเนื่อง ยาวนานหลายร้อยปี แต่ในขณะเดียวกันก็ทาให้เกิด นักปราชญม์ ากมายทพ่ี ยายามเสนอแนวคิดแก้ไขปัญหา นี้ เช่น แนวคิดทางการเมืองของขงจ๊ือ เล่าจ๊ือ จวงจ๊ือ และแนวคิดของสานักนิตธิ รรมหรือฟาเฉีย จงึ ทาให้ยุค นีเ้ ป็ นยคุ ทองแหง่ ภมู ปิ ัญญา ➢ สงั คม เหล็กเข้ามาแทนท่ีสาริด เคร่ืองมือ การเกษตรทาจากเหล็ก มีระบบชลประทานเพ่ือการ เพาะปลูก มีระบบเงนิ ตราแลกเปล่ียน ราชวงศจ์ ีนสิน้ สดุ ลงเพราะไม่สามารถปราบจลาจล ได้ ผนู้ าแควน้ ฉินจึงนากองทพั มาปราบปรามและรวมแผ่นดิน จีนให้เป็ นปึกแผ่น และสถาปนาราชวงศ์ฉินขึน้ ปกครอง อาณาจกั ร และผนู้ าอาณาจกั รมีฐานะเป็น จักรพรรดิฉินส่ือ หวง

ปรัชญา ลทั ธิขงจ •ปรัชญาจีนเป็นการคน้ หา •หลกั ปร ไม่มีพยญั ชนะ ดาเนินช ยชดั เจน สร้าง หลกั ธรรมเพอื่ การ ความเจริญทาง ดารงชีวติ ในโลกปัจจุบนั เนน้ หลกั กษา ปรัชญา การ เช่น ปรัชญาขงจ้ือ เต๋า ของแต่ล จนั ทรคติ เมื่อ อารธรรม กลุ่มน จนี โบราณ งประดิษฐก์ ลอ้ งดู •เป็ นแน าช กฎระเบ ปกครอ ของจกั ร งค์ การก่อสร้าง ลท รวาล คูค่ ือ •กกาารแกพ่องสเมรือ้างงจีน กาแพงทาง •เป็นหลกั ป ความ ความหมาย สวา่ ง ประวตั ิศาสตร์ 1 ใน 7 ของส่ิง กบั ธรรมชา มหศั จรรยข์ องโลก และ ทางการเมือ พระราชวงั และสุสานขนาดใหญ่ ศิลปิ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook