Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 11 การถอดรหัสดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตโพรคาริโอต

บทที่ 11 การถอดรหัสดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตโพรคาริโอต

Description: บทที่ 11 การถอดรหัสดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตโพรคาริโอต

Search

Read the Text Version

บทที่ 11 การถอดรหัสดเี อน็ เอในสง่ิ มชี ีวิตโพรคารโิ อต บทนา หน้าทสี่ าคญั ของสารพนั ธุกรรมหรอื ดีเอน็ เอคือเก็บข้อมูลที่สาคญั ในการสร้างสิง่ มีชวี ิต ขอ้ มูล จะถูกบรรจุอยู่ในหน่วยซ่ึงเรียกว่ายีน (gene) ในระดับโมเลกุล ยีนคือส่วนหน่ึงของดีเอ็นเอซ่ึงถูกใช้ สังเคราะห์โมเลกุลของอาร์เอ็นเอ หรือสายพอลิเพปไทด์ (polypeptide) ซ่ึงข้อมูลในยีนจะถูกเข้าถึง โดยข้ันตอนแรกเรียกว่าการถอดรหัสพันธุกรรมเป็นกระบวนสังเคราะห์อาร์เอ็นเอจากดีเอ็นเอ สาย ตน้ แบบ (DNA template) รปู ที่ 11.1 ซ่ึงกระบวนการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอจะไมม่ ีผลทาใหด้ ีเอ็นเอเกิด การเปล่ียนแปลงลาดับเบสบนสายดีเอ็นเอ ดังนั้นดีเอ็นเอยังสามารถเก็บข้อมูลทางพันธุกรรมได้ เหมือนเดมิ ซ่ึงยังคงสามารถจาลองตัวเองและส่งข้อมูลทางพันธกุ รรมให้กับเซลล์ใหม่และส่งขอ้ มูลทาง พนั ธุกรรมจากรนุ่ พอ่ แมไ่ ปยงั รุน่ ลกู ได้ Protein–encoding gene (structural gene) คือยีนที่มีข้อมูลสาหรับสังเคราะห์พอลิเพปไทด์ เมื่อ protein–encoding gene ถูกถอดรหัสจะได้โมเลกุลของอาร์เอ็นเอท่ีเรยี กว่า messenger RNA (mRNA) ขบวนการต่อมาคือขบวนแปลรหัสพันธุกรรม (translation) จากลาดับเบสบน mRNA ไป เป็นลาดับกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์ซึ่งสายพอลิเพปไทด์หนึ่งหรือหลายสายจะรวมตัวกัน กลายเป็น function protein ซ่ึงโครงสร้างและหนา้ ที่ของโปรตนี จะเป็นตัวกาหนดลักษณะในส่งิ ชีวติ (phenotype) กระบวนการที่กล่าวมาแล้วน้ันอธิบายรูปท่ี 11.1ซ่ึงเรียกว่า central dogma of genetics ซ่งึ Francis Crick (1958) ได้เสนอขึ้นซ่งึ เปน็ รากฐานสาคัญในการเข้าใจพนั ธุกรรมในระดับ โมเลกุล การเข้าถึงขอ้ มูลทางพนั ธุกรรมในยีนจะเกิดขึ้นจากดเี อน็ เอถูกถอดรหัสไปเปน็ อาร์เอน็ เอและ อารเ์ อน็ เอถูกแปลรหสั ไปเปน็ พอลิเพปไทด์ (รูปท่ี 11.1) ในบทนี้เราจะศกึ ษาการแสดงออกของยนี ในระดับโมเลกุลซึ่งจะเน้นในกระบวนการถอดรหัส (transcription) ของสิ่งมีชวี ิตโพรคารโิ อต

DNA replication: การจาลองตัวเองเพื่อถา่ ยทอดข้อมูจากเซลล์ หนึง่ ไปยงั อีกเซลลห์ นึ่งหรือจากสิ่งมชี ีวิตรุ่นหนงึ่ ไปยังอกี รุ่นหนง่ึ Chromosome DNA: เก็บขอ้ มูลทางพนั ธุกรรม อยู่ในหน่วยทเ่ี รยี กวา่ ยีน Transcription: สงั เคราะห์อารเ์ อน็ เอจากการคัดลอกขอ้ มูลจาก ดเี อ็นเอในสว่ นท่เี ป็นยนี Messenger RNA: สาเนาชว่ั คราวของยนี ท่มี ขี อ้ มูลเพ่อื สังเคราะห์พอลเิ พปไทด์ (โปรตนี ) Translation: การผลิตพอลเิ พปไทด์ (โปรตนี ) โดยใช้ข้อมูลในสาย mRNA Polypeptide: สว่ นของ functional protein ทาให้ เกิดลักษณะต่าง ๆ ในสิง่ มชี ีวิต รูปท่ี 11.1 ความสัมพันธ์ุระหว่างสารประกอบชีวโมเลกลุ ทีเ่ กี่ยวข้องกับการถา่ ยทอดลกั ษณะของ สิง่ มีชีวติ (central dogma) (ทมี่ า Brooker, 2012) 11.1 การถอดรหสั ดีเอน็ เอเป็นอารเ์ อ็นเอ (transcription) การแสดงออกของยีน (gene expression) เป็นกระบวนการโดยรวมทนี่ าเอาขอ้ มูลภายในยนี มาใช้เพ่ือผลิต functional product เช่น พอลิเพปไทด์ นอกจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมแล้วการ แสดงออกของยีนยังเป็นตัวกาหนดลักษณะของส่ิงมีชีวิต สาหรับยีนท่ีมีการแสดงจะมีโครงสร้างของ ลาดับเบสที่สาคัญคือ ลาดับเบสที่มีสัญญาเริ่มต้นในกระบวนการถอดรหัสเรียกว่า โปรโมเตอร์ (promoter) และลาดับเบสท่ีกาหนดการหยุดกระบวนการถอดรหัส เรียกว่า เทอร์มิเนเตอร์ (terminatior) ซึ่งลาดับเบสทัง้ ทาใหก้ ารสังเคราะห์อาร์เอน็ เอเกดิ ขึน้ ภายในตาแหน่งท่ีกาหนด 2ไว้ดัง แสดงในรูป 11.2 โดยดีเอ็นเอจะถูกถอดรหัสเป็นอาร์เอ็นเอจากปลายของโปรโมเตอร์ถึงปลายของ

เทอร์มเิ นเตอร์ ซ่ึงลาดบั เบสของอารเ์ อ็นเอจะเปน็ เบสคู่สมกับดเี อ็นเอแม่แบบ สายดเี อ็นเอที่ทาหน้าที่ เป็นแม่แบบเรียกว่า สายเทมเพลท (template strand) หรือสายแอนไทเซนซ์ (antisense strand) สาหรับอีกสายหน่ึงที่ไม่ได้ทาหน้าที่เป็นแม่แบบเรียกว่า สายโคดิง (coding strand) หรือ สายเซนซ์ (sense strand) เนอื่ งจากสายนีจ้ ะมีลาดบั เบสเหมอื นกบั ลาดับเบสบนสายอาร์เอ็นเอ เพียงแตม่ ีลาดับ เบส T เปล่ยี นเปน็ U Regulatory promoter terminator DNA sequence gene Regulatory sequence :บรเิ วณท่จี บั กับ DNA regulatory protein; ทาหน้าท่ีควบคุมอตั ราการถอดรหัส transcription ซึ่งพบกระจายอยหู่ ลายท่ีในดเี อ็นเอ Promoter: บริเวณท่ีจบั กบั RNA polymerase; เป็น สัญญาณเรมิ่ ต้นในกระบวนการถอดรหัส Terminator: เป็นสัญญาณในการสิ้นสุดกระบวนการ ถอดรหสั mRNA Start codon codon Stop codon Ribosomal Binding site รปู ที่ 11.2 โครงสร้างทส่ี าคญั ของยนี ท่กี าหนดรหสั โปรตีนในสิง่ มชี ีวิตโพรคารโิ อต (ทม่ี า Brooker, 2012) กระบวนการถอดรหัสพันธุกรรมแบ่งเป็นระยะ 3 ระยะคือ ระยะเริ่มต้นการถอดรหัส (initiation) ระยะการสังเคราะห์โมเลกุลของอาร์เอ็นเอให้ยาวขึ้น (elongation) และระยะหยุด กระบวนการถอดรหสั (termination) รปู ที่ 11.3

ดเี อน็ เอของยีน terminator ระยะเรม่ิ ต้นการถอดรหัส (intiation) promoter ปลาย 5’ เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ กระบวนการถอดรหสั ของยนี มีการจับกัน ของRNA ระห ว่าง เอนไ ซม์อาร์เอ็นเอพ อลิ เมอเรส (RNA polymerase) กับโปรโมเตอร์เป็นการกาหนดการเร่ิม Open complex กระบวนการถอดรหัส หลังจากการจับกันดีเอ็นเอจะ แยกออกจากกันเป็นสายเด่ยี ว (open complex) RNA polymerase ระยะการสังเคราะหโ์ มเลกลุ ของอาร์เอน็ เอให้ RNA RNA ยาวข้นึ (elongation) polymerase เปน็ ขัน้ ตอนท่ีอาร์เอน็ เอพอลิเมอเรสเคล่ือนทไ่ี ปตามแนว ยาวของดีเอ็นเอและทาให้ดีเอ็นเอแยกออกจากกันเพื่อ ทาการสังเคราะห์อารเ์ อ็นเอ ระยะหยดุ กระบวนการถอดรหัส (termination) เมื่ออาร์เอ็นเอพ อลิ เมอเรส ถึง เท อร์มิเนเต อ ร์ (terminator) ท าใ ห้อาร์เอ็นเอพ อลิ เมอเรส แ ล ะ อารเ์ อ็นเอทถ่ี ูกสังเคราะหแ์ ยกออกจากดเี อน็ เอ รูปที่ 11.3 กระบวนการถอดรหสั พันธกุ รรม 3 ระยะ (ท่ีมา Brooker, 2012) 1. การเริม่ ตน้ การถอดรหัส (initiation) ในแบคทีเรีย E. coli ลาดับเบสโปรโมเตอร์ที่เป็นสัญญาเร่ิมกระบวนการถอดรหัสมีลาดับ เบสท่ีสาคัญอยู่ 2 บริเวณ ซึ่งมีตาแหน่งเหนือจุดเร่ิมตน้ การถอดรหัส โดยทั่วไปการกาหน)ดจุดเร่ิมตน้ การถอดรหัสมีตาแหน่งเบสเป็น +1 และลาดับเบสที่อยู่ด้านซ้ายเป็นเครื่องหมาย – และอยู่ด้านขวา เป็นเครื่องหมา ดังรูปที่ 11.4 ลาดับเบสที่ตาแหน่ง -10 และ -35 ที่อยู่ภายในโปรโมเตอร์มีความ คล้ายคลึงกันในส่ิงมีชีวิตโพรคาริโอต (consensus sequence) โดยที่ตาแหน่ง -10 ลาดับเบสของ โปรโมเตอร์คือ 5’–TATAAT–3’ มีช่ือเรียกว่า พริบนาวบ๊อกซ์ (Pribnow box) ส่วนลาดับเบสของ โปรโมเตอร์ท่ตี าแหนง่ -35 คือ 5’–TTGACA–3’ (รปู ที่ 11.5) ในกระบวนการถอดรหัสเอนไซม์หลักที่ใช้คืออาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสซ่ึงประกอบด้วย พอลิเพปไทด์ 4 ชนดิ ได้แก่ α, β, β’, ω และ σ โดยพอลิเพปไทด์ชนดิ α 2 สาย β ชนิด ,1 สาย , β ชนิด’ 1 สาย และชนิด ω 1 สาย จะมารวมเป็นแกนโปรตีน (core protein) หรือแกนเอนไซม์ (core enzyme) และแกนโปรตีนจะรวมกับพอลิเพปไทด์ชนิดซิกมา (σ polypeptide) เป็นเอนไซม์ ที่สมบรู ณ์ (holoenzyme) โดยโพลีเปปไทด์ α ทาหน้าที่จับกับดเี อน็ เอ ส่วนโพลีเปปไทด์ β และ β’ ทาหน้าที่ในการสงั เคราะห์อารเ์ อ็นเอ (RNA polymerization) โพลเี ปปไทด์ ω มหี นา้ ที่สาคัญท่ีทาให้ พอลเิ พปไทด์รวมตัวกนั เปน็ แกนโปรตีน (core protein) และพอลิเพปไทด์ σ มีหน้าทีจ่ ดจาลาดับเบส

โปรโมเตอร์และช่วยใหโ้ ฮโลเอนไซม์จับกบั ตาแหนง่ โปรโมเตอร์ได้ถกู ต้อง Conding strand Promoter จุดเรมิ่ ตน้ การถอดรหสั -35 16-18 คเู่ บส -10 template strand RNA Transcription รปู ที่ 11.4 องค์ประกอบภายในโปรโมเตอร์ (promoter) (ทมี่ า Brooker, 2012) รูปที่ 11.5 ตัวอยา่ งลาดบั เบสโปรโมเตอร์ท่ีพรบิ นาวบ๊อกซข์ องแบคทีเรยี โปรโมเตอร์ (ทม่ี า Brooker, 2012) เม่ือเริ่มกระบวนการถอดรหัส เอนไซม์โฮโลเอนไซม์จับที่ลาดับเบสบนโปรโมเตอร์กินเนื้อท่ี ดีเอ็นเอประมาณ 60 คู่เบส จากนั้นดีเอ็นเอท่ีลาดับเบสของโปรโมเตอร์ -10 คลายเกลียวออก 17 คู่ เบสเนื่องจากลาดับเบสโปรโมเตอร์ที่ตาแหน่งนี้มีคู่เบส A–T ทาให้แรงยึดพันธะไฮโดรเจนระหว่าง ดีเอ็นเอสองสายน้อยจึงทาให้ง่ายต่อการคลายเกลียว จากน้ันกระบวนการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอโดย เอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอร์เรสก็เร่ิมข้ึนที่ตาแหน่ง +1 หลังจากน้ัน σ แฟกเตอร์ จะหลุดออกจาก

RNA polymerase และ core enzyme จะทาหนา้ ท่สี งั เคราะห์อาร์เอน็ เอตอ่ ไป (รปู ที่ 11.6) σ แฟกเตอร์ RNA polymerase promoter Holoenzyme RNA polymerase เคล่อื นท่ีไปตามสายของดีเอน็ เอ σ แฟกเตอร์ จะจาโปรโมเตอรแ์ ละ RNA polymerase holoenzyme จะจบั กบั ดเี อน็ เอ close complex หลักจากนนั้ ดีเอน็ เอสายคจู่ ะแยกออกจากกนั โดยการทางาน ของ RNA polymerase holoenzyme เรยี กว่า open complex และ RNA สายสัน้ ๆ จะถกู สังเคราะหข์ น้ึ open complex เม่อื σ แฟกเตอร์แยกตวั ออกจาก RNA polymerase และ core enzyme จะทาหน้าท่สี งั เคราะห์ RNA ต่อไป core enzyme σ แฟกเตอร์ RNA รปู ที่ 11.6 การเร่ิมต้นการถอดรหัส (initation) (ทมี่ า Brooker, 2012) เนื่องจากลาดับเบสของโปรโมเตอร์มีความแตกต่างกันในยีนแต่ละยีน ซ่ึงมีอิทธิพลต่อ ความสามารถในการจับของเอนไซม์อาร์เอน็ เอพอลิเมอเรส ทาให้อัตราการเรม่ิ กระบวนการถอดรหัส แตกต่างกันในยีนแต่ละยีน เป็นเหตุผลที่ทาให้ยีนแต่ละยีนมีอัตราในการแสดงออกแตกต่างกัน เช่น เอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสสามารถจับกับลาดับเบสของโปรโมเตอร์ -10 5’–TATAAT–3’ ได้ ประสิทธิภาพสูงกว่าลาดับเบส -10 5’–GATAAT–3’ นอกจากน้ีในแบคทีเรีย E. coli ยังมีซิกมา แฟกเตอร์หลายชนิด แต่ละชนิดจดจาลาดับเบสโปรโมเตอร์แตกต่างกันซ่ึงเป็นกลไกควบคุมการ แสดงออกของยีนอีกแบบหน่ึง ยกตัวอย่างเช่น ลาดับเบสโปรโมเตอร์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็น โปรโมเตอร์ของยีนส่วนใหญ่ซึ่งจะจดจาได้ด้วยซิกมาแฟกเตอร์ 70 (σ70 ) แต่ซกมาแฟกเตอร์ของ E. coli ท่ีอยู่ในสภาพอุณหภูมิสูงสามารถสังเคราะห์โปรตีนที่ตอบสนองต่อความร้อนเรียกว่า heat

shock protein เพอื่ ช่วยปอ้ งกนั แบคทีเรียจากความร้อน ในสภาพนซี้ กิ มาแฟกเตอร์ 32 (σ32) จะถูก ผลิตเพ่ิมขึ้น โดยซิกมาแฟกเตอร์ 32 น้ีสามารถจดจากับลาดับเบสโปรโมเตอร์ที่ตาแหน่ง -10 5’–TATAAAT–3’ และ -39 5’–CCCCC–3’ ซ่ึงเป็นโปรโมเตอรข์ องยนี ท่ีกาหนดการสงั เคราะห์ heat shock protein จงึ ทาให้ยนี นีแ้ สดงออกมากขนึ้ เมื่อแบคทเี รยี อยูใ่ นสภาพอณุ หภูมสิ ูง 2. การสังเคราะห์โมเลกลุ ของอาร์เอ็นเอใหย้ าวขน้ึ (elongation) เอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสจะสังเคราะโมเลกุลอาร์เอ็นเอให้ยาวขึ้นในทิศ 5’ ไป 3’ เมื่อแกนเอนไซม์ (core enzyme) ของอาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสสังเคราะห์โมเลกุลอาร์เอ็นเอได้ 8-9 นิวคีลโอไทด์ ซิกมาแฟกเตอร์จะแยกตัวออกจากแกนเอนไซม์ปล่อยให้แกนเอนไซม์ดาเนินการ สังเคราะห์อาร์เอ็นเอต่อจนกระท่ังสิ้นสุดกระบวนการ ส่วนซิกมาแฟกเตอร์ท่ีแยกตัวออกไปสามารถ กลับไปจบั แกนเอนไซมเ์ พือ่ ใช้ในกระบวนการเร่ิมตน้ การถอดรหสั ใหม่ เมื่อแกนเอนไซม์เคลื่อนท่ีไปข้างหนา้ เพ่ือสังเคราะห์โมเลกุลของอาร์เอน็ เอ สายดีเอ็นเอ สายเดี่ยวท่ีถูกถอดรหัสแล้วจะพันเกลียวกลับตามเดิม โมเลกุลอาร์เอ็นเอที่ถูกสังเคราะห์ข้ึนจะจับกับ สายดีเอ็นเอต้นแบบช่ัวคราวในช่วงส้ัน ๆ ประมาณ 17 คู่เบสเป็นโครงสร้างของโมเลกุล RNA–DNA (RNA–DNA hybrid) โดยปลาย 5’ ของสายดีเอ็นเอจะแยกตวั ออกจากกนั (รปู ที 11.7) อัตราความเรว็ ของการสงั เคราะห์อาร์เอ็นเอประมาณ 30–50 นิวคลโี อไทดต์ อ่ วินาที รูปท่ี 11.7 กระบวนการถอดรหสั จากโมเลกุลดีเอ็นเอเปน็ โมเลกุลอาร์เอ็นเอ) (ทม่ี า Brooker, 2012)

3. ระยะหยุดกระบวนการถอดรหัส (termination) การสังเคราะห์อาร์เอ็นจะหยุดลงเมื่ออาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสมาถึงลาดับ เบสท่ีเรียกว่า เทอร์มเิ นเตอร์ (ลาดบั เบสหยดุ ) กระบวนการถอดรหัสจงึ สน้ิ สดุ ลกั ษณะสาคัญของลาดับเบสหยุดคือมี ลาดับเบสซ้า ๆ ที่ตาแหน่งอยู่กันคนละสายของดีเอ็นเอ (inverted–repeat sequence) ซ่ึงโมเลกุล สายเดี่ยวของอาร์เอ็นเอที่เกดิ จากถอดรหัสของลาดับเบสลกั ษณะนส้ี ามารถเกิดโครงสรา้ งหว่ ง (stem– loop structure) ที่เกิดจากการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่างเบสคู่สมภายในสายของอาร์เอ็นเอ กระบวนการหยดุ เกิดข้นึ ได้ 2 แบบ คอื 1. การหยุดแบบอาศยั โปรตนี ρ (rho protein) (rho–dependent termination) การหยุดแบบน้ีจะอาศัยโปรตีน ρ และโครงสร้างห่วงที่เกิดจากลาดับเบสบน เทอร์มิเนเตอร์ (รูปท่ี 11.8) โดยโปรตีน ρ ซึ่งจับกับโมเลกุลของอาร์เอ็นเอสามารถเคล่ือนที่บนสาย อาร์เอ็นเอได้โดยมี ATP แหล่งพลังงาน เม่ือเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสเคลื่อนที่ถึงเทอร์มิเนเตอร์ โครงสร้างห่วงในสายอาร์เอ็นเอจะทาให้อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสหยุดท่ีเทอร์มิเนเตอร์ โปรตีน ρ จะ เคล่ือนท่ีมาจับเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสแล้วคลายเกลียวบริเวณท่ีอาร์เอ็นเอจับกับดีเอ็นเอโดย อาศัยคุณสมบัติการคลายเกลียว (helicase) ของโปรตีน ρ จากนั้นเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส และโมเลกุลอารเ์ อน็ เอกแ็ ยกตัวออกจากกัน

terminator โปรตนี ρ จะจับกบั อาร์เอน็ เอและเคล่อื นทไี่ ปที่ปลาย 3’ โปรตนี ρ เมอื่ อารเ์ อ็นเอพอลิเมอเรสถงึ terminator โครงสร้างห่วงบน สายอารเ์ อน็ เอจะหยุดการเคลือ่ นทข่ี องอารเ์ อน็ เอพอลเิ มอเรส terminator โครงสร้างห่วง โปรตนี ρ จะเคล่ือนที่มาจับเอนไซมอ์ าร์เอ็นเอพอลเิ มอเรส แล้วคลายเกล่ยี วบรเิ วณทอ่ี ารเ์ อน็ เอจบั กบั ดีเอน็ เอทาให้ อารเ์ อน็ เอพอลิเมอเรสและโมเลกลุ ของอาร์เอ็นเอแยกตัวจาก กนั รปู ท่ี 11.8 การหยดุ แบบอาศยั โปรตีน (ρ rho protein) (ท่มี า Brooker, 2012)

2. การหยุดแบบไมอ่ าศยั โปรตนี ρ (roh–independent termination) กระบวนการหยุดการถอดรหัสแบบนี้ไม่ต้องอาศัยอาศัยโปรตีน ρ ช่วยในกระบวนการ หยุด (รูปที่ 11.9) ในกรณีน้ีต้องจะมีลาดับเบส T หลายโมเลกุลที่อยู่ถัดจากเทอร์มิเนเตอร์และ โครงสร้างห่วงในสายอาร์เอ็นเอ ซ่ึงการหยุดจะเกิดขึ้นหลังจากการสร้างโครงสร้างห่วงและการ สงั เคราะหน์ วิ คลโี อไทด์ U ของโมเลกลุ ของอารเ์ อน็ เอหลายตวั เสร็จสิน้ ลง พันธะไฮโดรเจนระหว่างเบส คู่สม U ของโมเลกุลอาร์เอ็นเอกับ A ของโมเลกุลดีเอ็นเอมีความเสถียรน้อย โครงสร้างอาร์เอ็นเอ ดังกล่าวช่วยให้โมเลกุลอาร์เอ็นเอหลุดออกจากโมเลกุลของดีเอ็นเอพร้อมท้ังการแยกตัวของเอนไซม์ อาร์เอน็ เอพอลิเมอเรส U-rich ในสายอารเ์ อน็ เอ โครงสรา้ งหว่ ง เม่อื อารเ์ อน็ เอพอลิเมอเรสหยุดลาดับ U-rich จะไมส่ ามารถจบั กบั ดเี อน็ เอไดท้ า ใหโ้ มเลกลุ ของอารเ์ อ็นเอหลดุ ออกจากโมเลกุลของดีเอ็นเอพรอ้ มท้ังการแยกตัว ของเอนไซมอ์ ารเ์ อ็นพอลิเมอเรส terminator รูปที่ 11.9 การหยุดแบบไม่อาศัยโปรตนี ρ (rho–independent termination) (ที่มา Brooker, 2012)