Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

Published by จันจิรา ธนันชัย, 2022-08-07 17:42:08

Description: แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

Search

Read the Text Version

เรียนว่านักเรียนคิดว่าการสร้างภูมิคุ้มกันในรูป 2.19 เหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพือ่ ใหน้ กั เรียนสืบคน้ ข้อมูลและรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ 2.4 ครอู าจใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ยี วกบั ภูมิคมุ้ กนั รับมา หรือฉายวดี ิทศั นเ์ กย่ี วกบั การผลติ เซรุม่ หรือพานักเรยี นไปยังสถานทีแ่ สดงการผลติ เซร่มุ เชน่ สภากาชาดไทย เพอ่ื ให้นักเรียนศึกษา ขนั้ ตอนการผลติ เซรมุ่ ความสำคญั ของเซรุ่ม สาเหตุทต่ี อ้ งผลิตเซรุ่ม จากนัน้ ให้นกั เรียนสรปุ ผล ท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษา 2.5 ครูใหน้ กั เรียนสืบคน้ ข้อมูลเกีย่ วกับหลกั การการผลติ วัคซนี การผลติ เซรุ่ม ประโยชน์ ข้อดีและ ขอ้ เสยี ของการฉีดวคั ซีนและเซรุ่ม แลว้ ใหต้ อบคำถามตรวจสอบความเข้าใจในหนงั สือเรยี น 2.6 ครูให้นกั เรียนศกึ ษาตาราง 2.1 การให้วคั ซนี ในเด็กไทยปกติเพอ่ื สรา้ งภมู คิ ุม้ กันก่อเองให้กับ รา่ งกายตง้ั แต่แรกเกิดในหนังสือเรียน แลว้ ตอบคำถามในหนงั สือเรยี น 3. ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 3.1 ครูและนกั เรียนร่วมกนั อธบิ ายและลงข้อสรปุ โรคไข้หวัดใหญส่ ายพนั ธ์ใุ หมเ่ กิดจากเช้อื โรคที่ สามารถติดตอ่ กันได้งา่ ย สามารถอยู่ใน น้ำมูก น้ำลาย หรอื เสมหะของผู้ป่วยได้ ดงั น้ันการเขา้ ใกล้ ผ้ปู ว่ ยทไี่ อหรือจาม อาจหายใจเอาเช้ือไวรสั เข้าไป รวมทั้งการสมั ผสั สิ่งของรว่ มกันกบั ผปู้ ่วยที่มี เชอ้ื ไวรสั ปนเป้ือนอยู่และเนอ่ื งจากไขห้ วัดใหญส่ ายพนั ธใุ์ หมเ่ ป็นเชอ้ื ไวรัสซงึ่ สามารถกลายพนั ธุ์ ไดง้ ่าย จึงตอ้ งไดร้ ับการฉดี วัคซีนเพ่อื ปอ้ งกนั เช้อื ไข้หวัดใหญ่สายพนั ธใ์ุ หมต่ ามเช้อื ที่กลายพนั ธุ์ ไปเสมอ 3.2 ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมว่านอกจากกลไกการต่อตา้ นหรอื ทำลายส่ิงแปลกปลอมของรา่ งกายที่มีอยู่ แลว้ ตามธรรมชาติ มนุษยย์ งั สามารถเสรมิ สร้างภูมคิ มุ้ กันขึ้นมาได้อีกดว้ ย 3.3 ครูอธบิ ายการสรา้ งภมู คิ ุม้ กันในรูป 2.19 แตกต่างกนั โดยรปู ก. ลูกจะได้รับแอนตบิ อดโี ดยตรง จากน้ำนมแม่ ส่วนรปู ข. เปน็ การฉดี วัคซนี ซ่ึงเปน็ การกระต้นุ รา่ งกายใหส้ รา้ งแอนตบิ อดีทจี่ ำเพาะ ตอ่ แอนติเจนนน้ั แลว้ นำไปสู่ข้อสรุปวา่ การสร้างภูมคิ ุ้มกันของร่างกายแบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบ คือภมู ิคุ้มกัน รับมาและภมู ิคุม้ กนั กอ่ เอง 3.4 ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมวา่ โรคบางโรคที่เคยเป็นจะไม่เปน็ อีกเพราะรา่ งกายยังคงมเี ซลล์ความจำท่ี จำเพาะตอ่ เชอ้ื โรคนน้ั อยู่จากการป่วยคร้งั แรก เม่ือไดร้ ับเชื้อโรคเดมิ อกี ครงั้ ร่างกายจงึ เกดิ การ ตอบสนองได้อยา่ งรวดเรว็ ทำให้ไมม่ อี าการเจ็บปว่ ย สำหรับการได้รับการฉีดวคั ซนี ป้องกันโรค บางชนิด เปน็ การสร้างภูมิคุ้มกนั ใหก้ ับร่างกายเพอื่ เตรยี มพรอ้ มลว่ งหน้าเพ่อื ให้สามารถทำงาน ได้ทันทีเม่ือได้รับเช้ือโรคชนดิ เดียวกันกับวคั ซนี ที่ได้ฉีดเขา้ ไป 4. ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูขยายความร้โู ดยใช้คำถามวา่ การใหว้ คั ซนี และการให้เซรมุ่ มผี ลตอ่ ร่างกายเหมอื นหรือแตกตา่ ง กันอย่างไร (แนวคำตอบ การใหว้ คั ซนี และการใหเ้ ซรมุ่ มีผลต่อรา่ งกายเหมือนกนั คอื มีการสรา้ งภมู ิค้มุ กัน แต่ แตกต่างกันตรงที่ระยะเวลาทสี่ ร้างภมู ิคุ้มกัน โดยการให้วัคซนี เปน็ การให้แอนตเิ จนท่ีไมเ่ ปน็ พิษต่อ ต่อร่างกายไปกระตนุ้ ให้ร่างกายสรา้ งแอนติบอดี ซ่ึงจะใชเ้ วลาในการสร้างเซลล์ความจำและแอนตบิ อดี

ข้นึ มาระยะหนง่ึ ท้งั น้เี ซลล์ความจำท่ีสร้างข้นึ น้จี ะอยใู่ นรา่ งกายไดค้ อ่ นข้างนานอาจเป็นปหี รือตลอด ชีวติ ขณะท่ีเซรมุ่ เปน็ การให้แอนติบอดีทีส่ รา้ งจากสัตว์หรือมนษุ ยโ์ ดยตรง เชน่ เซรุ่มพิษงทู ่ีสกดั ได้จากเลือดม้านำไปใหก้ บั ผู้ท่ถี กู งมู พี ษิ กัดซง่ึ สามารถรกั ษาพษิ งูได้ทันที แต่แอนติบอดนี จ้ี ะอยู่ใน รา่ งกายได้ในระยะเวลาสนั้ ๆ เท่าน้นั ) 5. ขนั้ ประเมิน (Evaluation) 5.1 สังเกตพฤตกิ รรมขณะทำกจิ กรรมร่วมกับผู้อน่ื ในห้องเรยี น 5.2 ประเมินจากการทำแบบฝึกหัดในหนงั สอื เรียน 5.3 ครูสังเกตการตอบคำถามในชั้นเรียน เม่อื มนี ักเรยี นไม่เขา้ ใจ ครูแนะนำเพ่ิมเตมิ สื่อ / แหล่งเรียนรู้ รายการส่อื จำนวน สภาพการใชส้ ่อื 1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และ ตามจำนวน ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) เทคโนโลยี ผูเ้ รียน 2. คอมพวิ เตอรท์ ่ใี ชใ้ นการสืบค้นข้อมลู 6 ชดุ ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) 3. เพาเวอร์พอยด์ เรอื่ ง การรกั ษาดลุ ยภาพของ 1 ชดุ ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป รา่ งกายมนุษย์ (Explanation)

10. การวัดและประเมินผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ดั ผล เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การผา่ นจุดประสงค์ ด้านความรู้ (K) สามารถอธบิ ายและเขยี นแผนผงั เกยี่ ว ทำแบบฝกึ หัดใน ตรวจแบบฝกึ หัดใน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป กับกลไกการตอ่ ตา้ นหรอื ทำลายสง่ิ แป หนังสือเรยี น ลกปลอมแบบจำเพาะ หนงั สอื เรยี นรายวชิ า รายวิชาพ้นื ฐาน พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สบื คน้ ขอ้ มูล สาเหตุ อาการ สังเกตการสบื คน้ แบบประเมนิ ทักษะ ระดับคณุ ภาพ 3 หรือ แนวทางปอ้ งกัน และการรักษาโรค ข้อมูล สาเหตุ กระบวนการ ระดับดีขน้ึ ไป ท่เี กดิ จากความผิดปกติของระบบ ภมู คิ ้มุ กนั อาการ แนวทางปอ้ งกัน และการรักษาโรคท่ี เกดิ จากความผดิ ปกตขิ องระบบภมู ิ คุ้มกัน ด้านคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) มีความกระตอื รอื รน้ และมีรอบคอบใ การสังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมินคณุ ระดับคุณภาพ 3 หรอื น การทำงาน ในช้นั เรยี น ลกั ษณะอนั พึง ระดบั ดขี น้ึ ไป ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น แบบประเมนิ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา การสงั เกตพฤตกิ รรม สมรรถนะด้านการ ระดับคุณภาพ 3 หรือ ระดับดขี ึน้ ไป ในชน้ั เรยี น สื่อสารการคิด การแก้ปัญหา

เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารประเมินดา้ นความรู้ (K) สามารถอธบิ ายและเขยี นแผนผังเก่ยี วกับกลไกการตอ่ ตา้ นหรอื ทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบจำเพาะ ประเด็นการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 3 21 4 เนือ้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาบางส่วน เน้อื หาไม่ สามารถอธิบายและเขียนแ เน้อื หาครบถ้วน ตามทก่ี ำหนด ไม่สมบูรณ์ตามท่ี สมบูรณ์ ผนผังเกย่ี วกบั กลไกการต่อ ตามทกี่ ำหนด ตอบคำถามได้ กำหนด คำถามไดไ้ ม่ ตา้ นหรอื ทำลายส่งิ แปลกป ตรงประเดน็ ตอบคำถามได้ไม่ ตรงประเด็น ตอบคำถามได้ และตอบถกู ต้อง ค่อยตรงประเดน็ และตอบ ลอมแบบจำเพาะ เป็นสว่ นใหญ่ และตอบถูกต้อง คำถามไม่ ตรงประเด็น นอ้ ยขอ้ ถกู ต้อง และถูกต้องทุก คำถาม เกณฑ์การตัดสิน ระดบั 4 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพดีเยย่ี ม ระดับ 3 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้ระดับ 3 ขนึ้ ไป ถือว่าประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมินดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สืบค้นขอ้ มูล สาเหตุ อาการ แนวทางป้องกัน และการรักษาโรคทเ่ี กิดจากความผิดปกติ ของระบบภมู ิคุ้มกัน ประเดน็ การประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 21 43 สืบค้นขอ้ มูล สาเหตุ อาการ แนวทางปอ้ งกนั เน้อื หาครบถ้วน เนือ้ หาครบถว้ น เนือ้ หาบางสว่ น เนือ้ หาไม่ และการรกั ษาโรคทเี่ กดิ ไม่สมบรู ณต์ ามที่ สมบรู ณ์ จากความผิดปกติของ ตามทีก่ ำหนด ตามทกี่ ำหนด กำหนด คำถามได้ไม่ ระบบภูมิคมุ้ กนั ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ตรง ตอบคำถามไดไ้ ม่ ตรงประเดน็ ตรงประเด็น ประเดน็ ค่อยตรงประเดน็ และตอบ และถูกต้องทกุ และตอบถกู ต้อง และตอบถกู ตอ้ ง คำถามไม่ คำถาม เปน็ สว่ นใหญ่ นอ้ ยข้อ ถูกตอ้ ง เกณฑ์การตัดสนิ ระดับ 4 หมายถึง มรี ะดับคุณภาพดีเย่ียม ระดบั 3 หมายถึง มรี ะดบั คณุ ภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มรี ะดับคุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ไดร้ ะดับ 3 ขน้ึ ไป ถอื วา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) มีความกระตือรอื รน้ และมรี อบคอบในการทำงาน ประเด็นการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 32 1 มีความกระตือรอื ร้นและ 4 ตัง้ ใจและรบั ผิด รบั ผิดชอบใน รบั ผิดชอบใน มรี อบคอบในการทำงาน ชอบในการปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั ิหนา้ การปฏิบัตหิ น้า ตัง้ ใจและรับผดิ ชอ หน้าทท่ี ่ีได้รบั มอบ ทที่ ่ีไดร้ ับมอบ ท่ีทีไ่ ดร้ บั มอบ บใน การปฏบิ ตั ิ หมายใหส้ ำเร็จ หมายใหส้ ำเร็จ หมายไม่สำเร็จ หน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบ มีการปรับปรุงและ มีการปรบั ปรุง หมายให้สำเรจ็ พฒั นาการทำงาน และพฒั นา มีการปรบั ปรุงและ ให้ดีขึ้น การทำงานดขี ้ึน พฒั นาการทำงาน ใหด้ ีข้นึ ดว้ ยตนเอง เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั 4 หมายถงึ มีระดับคุณภาพดีเยีย่ ม ระดับ 3 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มรี ะดบั คุณภาพปรับปรงุ เกณฑ์การผ่าน ได้ระดบั 3 ขึ้นไป ร้อยละ 60 ถือว่าประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

บนั ทึกผลหลงั การสอน แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 7 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหัส ว30101 เรื่อง กลไกการต่อตา้ นหรอื ทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะ สรุปผลการเรียนการสอน นักเรียนจำนวน .....................................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................................. ไม่ผ่านจุดประสงค์ ................................คน คิดเป็นร้อยละ ................................................. ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นักเรยี นทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรขู้ องนักเรยี นและปญั หาทีเ่ กดิ ขึน้ ในระหว่างการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ัญหาหรือปรับปรงุ แผนการจัดการเรียนร้คู ร้ังต่อไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ....................................... ครูผู้สอน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง ......................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ◻ ครบถว้ นและถกู ตอ้ ง ◻ ยงั ไมค่ รบถ้วนหรอื ไมถ่ กู ตอ้ ง ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 2. ความสอดคลอ้ งของแผนการจดั การเรยี นรู้กบั หลักสูตรสถานศกึ ษา ◻ สอดคล้อง ◻ ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจดั การเรียนรู้ ◻ เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ◻ ยังเน้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 4. สอื่ การเรยี นรู้ ◻ เหมาะสมกบั รูปแบบการจดั การเรียนรู้ ◻ ยงั ไมเ่ หมาะ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ◻ ครอบคลุมจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ◻ ยังไมค่ รอบคลุมประสงคก์ ารเรียนรู้ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 6. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี น คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✔ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1.1 มีความสามารถในการรับ – สง่ สาร 1. 1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธกี ารสื่อสารท่ีเหมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพ่อื การสร้างองค์ความรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคิดเป็นระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ ...........................................................ผปู้ ระเมิน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เร่ือง ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกนั สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัสวชิ า ว 30101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่อื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายมนุษย์ เวลา 4 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ัด สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชวี ิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสมั พนั ธ์ ตัวช้วี ัด ม.4/6 สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายและยกตัวอย่างโรคหรอื อาการทเ่ี กดิ จากความผิดปกตขิ องระบบ ภูมคิ มุ้ กนั ม.4/7 อธบิ ายภาวะภมู คิ มุ้ กันบกพรอ่ งทมี่ ีสาเหตุมาจากการติดเช้อื HIV สาระสำคญั มนุษย์ยังสามารถเสริมสรา้ งภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบคือภูมิคุ้มกนั รับมา และภูมคิ ้มุ กนั กอ่ เอง บางครั้งอาจเกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิแพ้ ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อ แอนติเจนบางชนิดรุนแรงเกินไป โรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอีที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยา ตอบสนองตอ่ เน้ือเยือ่ หรือเซลลข์ องตนเอง และโรคเอดสท์ ี่เกดิ จากภมู คิ ุ้มกันบกพรอ่ งจากการติดเชื้อ HIV สาระการเรียนรู้ - กลไกของภาวะภมู คิ ุม้ กันบกพรอ่ งท่ีมีสาเหตุมาจากการติดเช้อื HIV - สาเหตุ และวธิ ีการป้องกันการตดิ เชือ้ HIV จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายกลไกของภาวะภูมิคุ้มกนั บกพรอ่ งที่มีสาเหตมุ าจากการติดเชอื้ HIV ได้ 1.2 นกั เรยี นสามารถระบุสาเหตุ และวิธกี ารป้องกันการตดิ เชอื้ HIV ได้ 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถสืบค้นข้อมลู อธิบายกลไกของภาวะภูมคิ มุ้ กนั บกพรอ่ งที่มสี าเหตุมาจากการติดเช้อื HIV

3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) นักเรียนสามารถนำความรู้ทีไ่ ดร้ ับไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวันได้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด คุณลกั ษณะของวิชา 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. ทำกิจกรรมเสนอแนะ การสำรวจโรคภูมิแพ้ 2. กิจกรรมที่ 2.2 ความผดิ ปกตขิ องระบบภมู ิค้มุ กนั กจิ กรรมการเรียนรู้ รปู แบบการสอนท่ใี ช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) ครูทบทวนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เน้นกลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบ จำเพาะ จากน้ันครูใชค้ ำถามใหน้ กั เรียนอภปิ รายเกยี่ วกบั ความผดิ ปกติของระบบภูมิคุ้มกันดงั น้ี • นักเรียนคิดวา่ ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกายสามารถเกิดความผิดปกติได้หรอื ไม่ อย่างไร และ ยกตัวอย่างโรคท่เี กดิ จากความผิดปกติของระบบภูมิค้มุ กันทน่ี กั เรยี นรู้จัก (แนวคำตอบ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถเกดิ ความผิดปกติได้เช่น อาจเกิดจากการได้รับ เช้อื ไวรัสบางอย่างท่ีมีผลตอ่ การทำงานของระบบภมู ิคุม้ กนั เช่น โรคเอดส์การที่ร่างกายตอบสนอง ต่อสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคอย่างรุนแรง และภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์หรือเน้ือเยื่อของร่างกาย ตนเอง ไดแ้ ก่ โรคภูมแิ พ้ โรคลูปสั หรือโรคเอสแอลอี) 2. ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 ครูยกตัวอย่างโรคท่ีเกดิ จากความผิดปกตขิ องระบบภูมิคุม้ กันที่พบได้บอ่ ย เช่น โรคภูมิแพ้ โดย อาจให้นักเรียนออกมาเล่าประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ในห้องเรียน หรือให้นักเรียนทำ กจิ กรรมเสนอแนะเรือ่ ง การสำรวจโรคภูมแิ พ้ ในหนังสอื เรียน 2.2 ครูให้นกั เรียนสำรวจเพอ่ื นในหอ้ งเรียนหรอื ในระดับชัน้ เรยี นที่เปน็ โรคภูมิแพ้ โดยการสอบถาม ถึง สารก่อภูมิแพ้ อาการแพ้ และวิธีการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ แล้วนำเสนอใน รปู แบบตา่ ง ๆ

2.3 ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมท่ี 2.2 เร่ือง ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ตอนที่ 1 และ ตอนท่ี 2 ในหนังสือเรียน โดยตอนที่ 2 ครูควรเน้นให้นักเรียนนำเสนอเก่ียวกับโรคเอดส์ ความหมายของโรคลักษณะอาการของโรค และสาเหตุการเกิดโรคโดยเชื้อไวรัสชนิด HIV รวมท้ัง แนวทางในการปอ้ งกนั และดูแลผูป้ ่วย 2.4 กจิ กรรมที่ 2.2 อาจใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน โดยให้สบื คน้ ขอ้ มลู มาลว่ งหน้าจาก แหล่งความรู้ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น สถาบัน หรือหน่วยงานของรัฐ สถานพยาบาลต่าง ๆ หรือ สอบถามโดยตรงจากแพทย์ผู้เช่ียวชาญ เจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้อง แล้วนำมาเสนอหน้าชั้นเรียนใน รปู แบบตา่ ง ๆ แล้วตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม 3. ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกับโรคหรอื อาการท่เี กดิ จากความผิดปกติของระบบภมู คิ ุ้มกันตาม ขอ้ มูลทนี่ กั เรียนไปสืบค้น โดยเฉพาะสาเหตกุ ารเกิดโรคเอดส์ อนั ตรายของโรคเอดส์ ผลกระทบต่อ สงั คมและแนวทางในการปอ้ งกนั และดแู ลผู้ปว่ ยโรคเอดส์ รวมถึงการปฏบิ ตั ิตนหากตอ้ งอยู่รว่ มกัน กับผู้ติดเชื้อ HIV และผูป้ ่วยโรคเอดส์ 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 ครูขยายความรูโ้ ดยการใช้คำถามการสมั ผัสเหง่ือ นำ้ ลาย หรอื น้ำตา ซ่ึงเป็นสารคดั หลั่งจากผู้ ติดเชือ้ HIV จะทำให้ตดิ เชอ้ื นีไ้ ด้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวคำตอบ ไม่ เพราะปรมิ าณเชอ้ื HIV ที่ปะปนออกมากับเหง่อื นำ้ ลาย หรอื นำ้ ตาของผู้ตดิ เชอ้ื HIV มปี รมิ าณน้อยมากจนไมส่ ามารถติดต่อไปยงั ผู้อน่ื ได้) 4.2 เพราะเหตใุ ดการบริจาคเลอื ดจึงมคี วามจำเป็นต้องตรวจเชื้อ HIV กอ่ นทกุ ครั้ง (แนวคำตอบ เพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ เลอื ดท่ีได้รับบริจาคมาไมม่ ีเชอ้ื HIV เพราะถ้ามีเช้อื HIV กจ็ ะทำให้ ผปู้ ว่ ยทีร่ ับบรจิ าคมีความเส่ยี งที่จะติดเชื้อ HIV) 5. ขน้ั ประเมิน (Evaluation) 5.1 สังเกตพฤตกิ รรมขณะทำกิจกรรมรว่ มกับผู้อื่นในหอ้ งเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื เรยี น 5.3 ครสู งั เกตการตอบคำถามในชัน้ เรยี น เม่อื มนี ักเรยี นไมเ่ ขา้ ใจ ครูแนะนำเพ่มิ เติม สื่อ / แหล่งเรียนรู้ รายการสื่อ จำนวน สภาพการใช้ส่อื 1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละ ตามจำนวน ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) เทคโนโลยี ผู้เรยี น ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 2. คอมพวิ เตอร์ที่ใชใ้ นการสบื ค้นขอ้ มลู 6 ชุด ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 3. เพาเวอร์พอยด์ เร่อื ง การรักษาดลุ ยภาพของ 1 ชดุ ร่างกายมนษุ ย์

10. การวดั และประเมินผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารผา่ นจดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบฝกึ หัดใน หนังสือเรยี น 1. สามารถอธิบ ายก ลไก ของภ าวะ ทำแบบฝกึ หดั ใน รายวชิ าพื้นฐาน หนังสอื เรยี น วทิ ยาศาสตรแ์ ละ ภูมิคุ้มกันบกพร่องที่มีสาเหตุมาจากการ รายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี ติดเชอ้ื HIV ได้ 2. สามารถระบุ สาเหตุ และวิธีการ วทิ ยาศาสตร์และ ปอ้ งกันการตดิ เช้ือ HIV ได้ เทคโนโลยี ด้านทักษะกระบวนการ (P) สามารถสืบค้นข้อมูล อธิบายกลไกของ สังเกตการสบื ค้น แบบประเมนิ ทกั ษะ ระดบั คณุ ภาพ 3 หรือ ระดบั ดีขนึ้ ไป ภาวะภมู ิคุ้มกันบกพร่องท่มี ีสาเหตุมาจาก ข้อมลู อธิบาย กระบวนการ กลไกของภาวะ ระดับคณุ ภาพ 3 หรอื การติดเชอื้ HIV ระดับดขี น้ึ ไป ภูมิค้มุ กัน บกพร่องท่มี ี สาเหตุมาจากการ ติดเชือ้ HIV ด้านคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ (A) สามารถนำความรู้ท่ีได้รับไปใช้ประโยชน์ การสงั เกต แบบประเมนิ ในชวี ติ ประจำวนั ได้ พฤติกรรมในชัน้ คุณลกั ษณะอนั พงึ เรยี น ประสงคด์ า้ น สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน การสังเกต แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 3 หรอื 1. ความสามารถในการคดิ สมรรถนะดา้ นการ ระดับดีข้นึ ไป 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา พฤติกรรมในชน้ั เรียน ส่ือสาร การคดิ การแก้ปญั หา

เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ (K) 1. สามารถอธบิ ายกลไกของภาวะภมู คิ ุ้มกนั บกพรอ่ งท่ีมีสาเหตมุ าจากการติดเชอื้ HIV ได้ 2. สามารถระบุสาเหตุ และวธิ กี ารป้องกนั การติดเชือ้ HIV ได้ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1 32 เนือ้ หาไม่ 1. สามารถอธิบายกลไก เน้อื หาครบถ้วน เน้อื หาครบถว้ น เนื้อหาบางส่วน สมบรู ณ์ ข อ ง ภ า ว ะ ภู มิ คุ้ ม กั น ตามทก่ี ำหนด ไม่สมบรู ณต์ ามที่ คำถามไดไ้ ม่ บกพร่องท่ีมีสาเหตุมาจาก ตอบคำถามได้ ตามที่กำหนด ตรงประเด็น การตดิ เชอ้ื HIV ได้ ตรงประเดน็ และ ตอบคำถามได้ตรง กำหนด ตอบ และตอบ 2. สามารถระบุสาเหตุ และ ถูกต้องทุกคำถาม ประเด็น และตอบ คำถามไดไ้ มค่ ่อย คำถามไม่ วิธีการป้องกันการติดเชื้อ ถูกต้อง HIV ได้ ถกู ตอ้ งเปน็ ส่วน ตรงประเดน็ ใหญ่ และตอบถูกต้อง น้อยขอ้ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดีเยี่ยม ระดับ 3 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑ์การผา่ น ได้ระดับ 3 ขนึ้ ไป ถอื วา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

เกณฑ์การประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สามารถสืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายกลไกของภาวะภมู คิ ุ้มกันบกพร่องท่ีมสี าเหตุมาจากการติดเช้อื HIV ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 เน้ือหาไม่ ส า ม า ร ถ สื บ ค้ น ข้ อ มู ล เนอ้ื หาบางส่วน สมบูรณ์ ไม่สมบูรณต์ ามท่ี คำถามไดไ้ ม่ อธิบายก ลไกของภาวะ เนื้อหาครบถ้วน เนอื้ หาครบถว้ น ตรงประเด็น ภู มิคุ้ มกั น บ ก พ ร่องท่ี มี ตามที่กำหนด ตามทก่ี ำหนด กำหนด ตอบ และตอบ สาเหตุมาจากการติดเช้ือ ตอบคำถามได้ คำถามได้ไม่คอ่ ย คำถามไม่ HIV ตรงประเดน็ และ ตอบคำถามไดต้ รง ถกู ตอ้ ง ประเดน็ และตอบ ตรงประเด็น ถูกตอ้ งทกุ คำถาม ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น และตอบถกู ต้อง ใหญ่ นอ้ ยข้อ เกณฑ์การตัดสิน ระดับ 4 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพดีเย่ียม ระดบั 3 หมายถงึ มีระดบั คณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มรี ะดับคณุ ภาพปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขน้ึ ไป ถอื ว่าประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมินด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A) สามารถนำความรู้ทไ่ี ดร้ ับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวนั ได้ ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 32 รับผดิ ชอบใน สามารถนำความรู้ท่ีได้รับ ต้งั ใจและ ต้ังใจและ รบั ผดิ ชอบใน การปฏิบัติ หน้าท่ที ไ่ี ด้รบั ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น รับผิดชอบใน การ รับผดิ ชอบในการ การปฏบิ ตั ิ มอบหมายไม่ ชวี ติ ประจำวนั ได้ ปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ที่ ปฏิบตั หิ น้าท่ีที่ หนา้ ท่ที ี่ได้รบั สำเร็จ ได้รบั มอบหมายให้ ไดร้ บั มอบหมายให้ มอบหมายให้ สำเร็จ มีการ สำเร็จ มกี าร สำเร็จ มกี าร ปรบั ปรุงและ ปรบั ปรงุ และ ปรบั ปรุงและ พัฒนาการทำงาน พัฒนา พัฒนา ให้ดีขนึ้ ด้วยตนเอง การทำงานให้ดีข้ึน การทำงานดขี ึ้น เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดีเยย่ี ม ระดบั 3 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มรี ะดับคณุ ภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ไดร้ ะดับ 3 ข้นึ ไป รอ้ ยละ 60 ถือว่าประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

บนั ทึกผลหลงั การสอน แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 8 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รหสั ว30101 เร่ือง ความผิดปกตขิ องระบบภูมิคุ้มกนั สรุปผลการเรยี นการสอน นักเรียนจำนวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................................................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์ ................................คน คดิ เป็นร้อยละ ................................................. ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นกั เรยี นทมี่ ีความสามารถพเิ ศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรยี นรูข้ องนกั เรยี นและปญั หาทีเ่ กิดขึน้ ในระหวา่ งการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ญั หาหรือปรบั ปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ครั้งตอ่ ไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ....................................... ครูผูส้ อน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง ......................................................แลว้ มีความคดิ เห็นดงั น้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้  ครบถว้ นและถูกต้อง  ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ถกู ต้อง ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรยี นรู้กับหลกั สูตรสถานศึกษา  สอดคล้อง  ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจดั การเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ  ยังเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. สื่อการเรียนรู้  เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้  ยังไมเ่ หมาะ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้  ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้  ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรยี นรู้ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมนิ สมรรถนะผู้เรียน คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงใน ช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 มีความสามารถในการรับ – ส่งสาร 1. 1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใชว้ ธิ กี ารสอื่ สารท่เี หมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองค์ความรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ ...........................................................ผปู้ ระเมิน พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครัง้ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน

กลไกของท่มี ีสาเหตมุ าจากการติดเช้ือ HIV สาเหตุ และวิธกี ารป้องกันการตดิ เช้อื HIV


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook