ม.4 หนว่ ยการเรียนรู้ ที่ 1 เรือ่ ง เยอื่ ห้มุ เซลล์ กับการลาเลยี งสาร โดย นางสาวจนั จริ า ธนนั ชัย ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่ สำนกั บรหิ ำรงำนกำรศกึ ษำพิเศษ
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง เยือ่ หุ้มเซลลก์ ับการลำเลยี งสาร สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ รหสั วิชา ว 30101 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ เวลา 3 ชว่ั โมง ครูผูส้ อน นางสาวจันจริ า ธนนั ชยั มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ัด สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ท่ีทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.4/1 อธิบายโครงสร้างและสมบัติของเยื่อหุ้มเซลล์ท่ีสัมพันธ์กับการลำเลียงสาร และ เปรียบเทียบการลำเลยี งสารผ่านเยือ่ หุม้ เซลล์แบบต่าง สาระสำคญั เยื่อหุ้มเซลล์มีโครงสร้างเป็นเย่ือหุ้มสองช้ัน ที่มีลิพิดเป็นองค์ประกอบและมีโปรตีนแทรกอยู่ สารที่ ละลายได้ในลพิ ดิ และสารท่ีมีขนาดเล็กสามารถแพรผ่ า่ นเย่ือหุ้มเซลลไ์ ดโ้ ดยตรง ส่วนสารขนาดเลก็ ทมี่ ีประจตุ อ้ ง ลาเลียงผา่ นโปรตนี ทีแ่ ทรกอยู่ที่เยื่อหุม้ เซลล์ซึง่ มี 2 แบบ คือการแพรแ่ บบฟาซิลเิ ทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ในกรณีสารขนาดใหญ่ เช่นโปรตีนจะลาเลียงเข้าโดยกระบวนการเอนโดไซโทซิส และลาเลียงออกโดย กระบวนการเอกโซไซโทซิส สาระการเรียนรู้ - เยือ่ หุม้ เซลล์กบั การลำเลยี งสาร จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายโครงสรา้ งและสมบตั ิของเยื่อหมุ้ เซลล์ท่ีสัมพันธก์ ับการลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ได้ 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) 2.1 นกั เรียนสามารถทำกิจกรรม 1.1 สมบัตกิ ารเป็นเยื่อเลือกผา่ นของเยอื่ หุ้มเซลล์ได้ 2.2 นักเรียนสามารถใช้เครื่องมือทางวทิ ยาศาสตร์ การใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์อย่างถูกวิธี ร้วู ธิ ีเกบ็ และรักษา กล้องจลุ ทรรศน์
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 เร่อื ง โครงสร้างและสมบตั ิของเยอื่ ห้มุ เซลล์ทีส่ ัมพนั ธ์กับวิธีการลำเลยี งสาร สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหสั วิชา ว 30101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ เวลา 3 ชัว่ โมง ครูผูส้ อน นางสาวจนั จริ า ธนันชัย มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสง่ิ มีชีวติ หนว่ ยพนื้ ฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบตา่ ง ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ี่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ทีท่ ำงานสมั พนั ธ์กนั รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ม.4/1 อธบิ ายโครงสร้างและสมบตั ขิ องเยื่อห้มุ เซลล์ทสี่ ัมพันธก์ ับการลำเลียงสารและเปรียบเทียบ การลำเลียงสารผ่านเย่ือหุ้มเซลล์แบบต่าง สาระสำคัญ สารขนาดเล็กทม่ี ปี ระจตุ อ้ งลำเลียงผ่านโปรตนี ทีแ่ ทรกอยู่ทเี่ ยอ่ื ห้มุ เซลล์ ซง่ึ มี ๒ แบบ คือการแพร่ แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ในกรณีสารขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน จะลำเลียงเข้าโดยกระบวน การเอนโดไซโทซิส หรอื ลำเลียงออกโดยกระบวนการเอกโซไซโทซิส สาระการเรยี นรู้ - โครงสรา้ งและสมบัตขิ องเยือ่ หุ้มเซลล์ทสี่ มั พันธก์ บั วิธกี ารลำเลยี งสาร จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธิบายโครงสรา้ งและสมบตั ขิ องเย่อื หมุ้ เซลลท์ ่ีสัมพันธก์ ับการลำเลียงสารเขา้ และออก จากเซลลไ์ ด้ 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถเขยี น My mapping แสดงกระบวนการลำเลียงของสารโดยวิธกี ารตา่ ง ๆ ได้ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) นักเรยี นมีความกระตือรอื ร้นและรบั ผิดชอบงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลุม่ ช้นิ งาน/ภาระงาน เขยี น My mapping แสดงกระบวนการลำเลยี งของสารโดยวธิ ีการต่าง ๆ กจิ กรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอนทใี่ ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูให้นกั เรียนดูวีดที ศั นเ์ กีย่ วกับการกินเชื้อโรคของเมด็ เลือดขาวโดยวิธฟี าโกไซโทซิส พิโนไซโทซิส แลว้ ช่วยกนั อภปิ รายวา่ ส่งิ เหลา่ นนั้ มีประโยชนอ์ ย่างไร 1.2 ครูสร้างความสนใจอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ (ภาพที่ 1 -3 ในหนังสอื เรียน) และการลำเลียงสารแบบต่างโดยเช่ือมโยงถึงสมบัตขิ องโครงสรา้ งของเยื่อหมุ้ เซลล์ ทสี่ ัมพันธก์ ับวธิ ีการลำเลียงสาร 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 4-5 คน โดยแบง่ นักเรียนท่ีเกง่ ปานกลาง อ่อน ใหค้ ละกนั จากน้ันใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์ หรือในหนงั สอื เรยี นแลว้ นำมาเขยี น My mapping แลว้ นำเสนอผลงานในชั้นเรยี น 2.2 ครกู ำหนดหวั ขอ้ ทจี่ ะใหน้ กั เรยี นสบื คน้ หาขอ้ มูลดังน้ี - การแพร่แบธรรมดา - ออสโมซิส - การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต - แอกทีฟทรานสปอรต์ - การลำเลียงสารโดยการสร้างเวสเิ คิล 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3.1 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ เกยี่ วกับกระบวนการลำเลยี งสารโดยวธิ ี การตา่ ง ๆ เริม่ จาก ครูอธิบายถงึ การแพรแ่ บบธรรมดา ครอู าจใช้ภาพ แอนิเมชนั หรือวีดทิ ัศน์ เพ่อื ให้เหน็ ถึง งภาพรวมกลไกการลำเลยี งสารโดยการแพรแ่ บบธรรมดาและทศิ ทางการลำเลียงทสี่ มั พันธ์กับความเข้มขน้ ของ สาร (รูป 1.4 ในหนงั สือเรียน) 3.2 ครูอธิบายเกี่ยวกับออสโมซิส โดยขยายความเพิ่มเติมจากกรณีการแพร่แบบธรรมดา ว่าโมเลกุลของนำ้ มีการเคลือ่ นที่อย่ตู ลอดเวลาและสามารถแพร่ผ่านเย่ือห้มุ เซลล์ไดเ้ ชน่ กนั ซ่งึ ศกึ ษาได้จากการ ทดลองดังรูป 1.5 ในหนังสือเรยี น ครูอาจเช่อื มโยงความรกู้ ับสถานการณใ์ นชีวติ ประจำวัน เช่น การเก็บรักษา พืชผักไม่ใหเ้ หยี่ วโดยการแชน่ ้ำหรอื การให้นำ้ เกลอื แกผ่ ปู้ ว่ ยผา่ นทางหลอดเลอื ด โดยนำ้ เกลอื มีความเขม้ ข้น เทียบเทา่ กับความเขม้ ขน้ ของสารภายในเซลล์
3.3 การแพร่แบบฟาซิลิเทต ใช้ภาพ แอนิเมชัน หรือวีดิทัศน์พื่อแสดงถึงภาพรวมกลไกการ ลำเลยี งด้วยวิธนี ้ี โดยชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ การใช้โปรตนี ลำเลียงท่ีมีความจำเพาะกบั โมเลกุลของสารและทิศทาง การลำเลยี งที่สัมพันธก์ บั ความเข้มข้นของสาร (รปู 1.6 ในหนงั สอื เรยี น) 3.4 ครใู ห้นกั เรียนพิจารณาโครงสรา้ งโมเลกุลของ gadoteric acid (รปู 1.7 ในหนังสือเรียน) ท่ีฉดี เขา้ ในหลอดเลอื ด เพอ่ื ให้เห็นหลอดเลอื ดในสมองไดช้ ดั เจนในการตรวจวนิ จิ ฉัยด้วย MRI และรว่ มกนั อภปิ รายโดยนำความรทู้ ไี่ ดเ้ รียนมาขา้ งตน้ ไปอธิบายถึงสาเหตุท่ี gadoteric acid ไมเ่ ข้าสู่เซลล์ 3.5 ครใู ชก้ รณีการหลง่ั ไฮโดรเจนไอออนจากเซลล์บผุ วิ ของกระเพาะอาหารเขา้ สู่กระเพาะ อาหารเพอื่ อธิบายเก่ียวกับแอกทีฟทรานสปอร์ต (รูป 1.9 ในหนงั สือเรียน) ครเู ช่ือมโยงความรู้กับสถานการณใ์ น ชวี ติ ประจำวัน เชน่ การใช้ยาลดกรดบางประเภททย่ี ับยัง้ การหล่งั ไฮโดรเจนไอออนเข้าสกู่ ระเพาะอาหาร โดยยาจะจับกับโปรตนี ท่ีลำเลียงไฮโดรเจนไอออน ทำใหไ้ ม่สามารถลำเลียงได้ตามปกติ ปริมาณกรดทหี่ ล่งั สชู่ อ่ ง ในกระเพาะอาหารจงึ ลดลง ทำใหช้ ว่ ยลดการทำลายเยือ่ บภุ ายในของกระเพาะอาหาร 3.6 ครูอาจให้นกั เรยี นร่วมกันสรปุ โดยเปรียบเทียบแอกทฟี ทรานสปอรต์ กับการแพร่ แบบฟาซลิ เิ ทตและการแพร่แบบธรรมดา ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 3.7 การลำเลียงสารโดยการสร้างเวสิเคลิ ครอู ธิบายเอกโซไซโทซสิ โดยใช้ตัวอย่าง การหล่งั เอนไซมท์ ี่ใชใ้ นการย่อยอาหารจากเซลล์บุผวิ ของกระเพาะอาหารเข้าสชู่ อ่ งในกระเพาะอาหาร (รูป 1.10 ในหนังสือเรยี น) จากนนั้ อธิบายเอนโดไซโทซสิ โดยใช้ตวั อย่างการนำแบคทีเรียเข้าสู่เซลล์เมด็ เลอื ด ขาวกลุ่มฟาโกไซต์ (รูป 1.11 ในหนังสอื เรยี น) 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 ครขู ยายความรู้ เพราะเหตุใดการใช้สผี สมอาหารทไ่ี ดร้ บั รองมาตรฐานจากสำนกั งาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในปรมิ าณทแี่ นะนำจงึ ไม่เป็นอนั ตรายต่อร่างกาย (แนวคำตอบ เน่อื งจากสีผสมอาหารละลายได้ดีในนำ้ และไม่ละลายในลพิ ดิ จึงไม่สามารถผ่าน เยือ่ หุม้ เซลลไ์ ด้ ทำให้ไม่มีการนำเขา้ ส่เู ซลล์รา่ งกาย แตท่ ้งั นีท้ งั้ น้ันควรใชไ้ มเ่ กินปรมิ าณทกี่ ำหนด) 4.2 ครยู กตัวอย่างกรณีการถนอมอาหารบางชนิดโดยใชเ้ กลือ เพอื่ ใหน้ กั เรียนรว่ มอภปิ ราย และลงข้อสรปุ วา่ ใชห้ ลักการลำเลยี งสารดงั น้ี
- ในระยะแรกจะมกี ารแพรแ่ บบฟาซลิ เิ ทตของโซเดียมคลอไรดใ์ นเกลือเขา้ สู่เซลล์และ ออสโมซสิ ของนำ้ ออกจากเซลล์ - เมอ่ื ผ่านไประยะหนงึ่ เซลล์จะตาย จึงไมส่ ามารถควบคุมการลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ได้ โซเดยี มคลอไรด์จึงเขา้ สเู่ ซลลโ์ ดยการแพรแ่ บบธรรมดา 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) 5.1 สงั เกตพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมรว่ มกบั ผ้อู น่ื ในหอ้ งเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝกึ หดั ในหนงั สือเรียน 5.3 ครสู ังเกตการตอบคำถามในชนั้ เรียน เม่อื มนี กั เรยี นไม่เข้าใจ ครูแนะนำเพมิ่ เติม สอื่ / แหล่งเรียนรู้ รายการสอื่ จำนวน สภาพการใชส้ อื่ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละ ตามจำนวน ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) เทคโนโลยี ผู้เรียน ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) 2. คอมพิวเตอรท์ ี่ใชใ้ นการสบื ค้นข้อมลู 6 ชดุ ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 3. เพาเวอรพ์ อยด์ เรือ่ ง การลำเลยี งสารเขา้ ออก 1 ชุด ผา่ นเซลล์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ วี ดั ผล เครื่องมือวดั เกณฑ์การผ่านจุดประส งค์ ด้านความรู้ (K) 1. ดา้ นความรู้ (K) สามารถอธิบายโครงสร้างและสม ทำแบบฝึกหัดในหนังสอื ตรวจแบบฝกึ หัดใน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 บัตขิ องเยอื่ ห้มุ เซลล์ท่สี มั พนั ธ์กับ เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน หนังสอื เรียน ข้ึนไป การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก วิทยาศาสตร์และเทคโน รายวิชาพ้นื ฐานวิทยา โลยี ศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เซลลไ์ ด้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สามารถเขียน My mapping เขยี น My mapping ตรวจการเขียน My ระดับคุณภาพ 3 หรือ แสดงกระบวนการลำเลียงของสาร แสดงกระบวนการลำเลี mapping ระดับดีขึ้นไป โดยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ยงของสารโดยวิธีการ แสดงกระบวนการลำเลีย ต่าง ๆ งของสารโดยวธิ ีการตา่ ง ๆ
ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมใน แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 3 หรือ มคี วามกระตอื รอื รน้ และรับผิด ช้นั เรยี น อนั พึงประ ระดบั ดขี ึ้นไป ชอบงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย สงค์ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น แบบประเมินสมรรถนะ 1. ความสามารถในการคดิ การสังเกตพฤติกรรมใน ด้านการสื่อสาร ระดบั คุณภาพ 3 หรือ 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา ชัน้ เรียน การคดิ การแก้ปัญหา ระดับดขี ้ึนไป เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การประเมินดา้ นความรู้ (K) สามารถอธิบายโครงสร้างและสมบัตขิ องเย่อื ห้มุ เซลล์ที่สมั พนั ธ์กับการลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ได้ ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 สามารถอธิบายโครงสรา้ ง เนอ้ื หาครบถว้ น เนือ้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาบางสว่ นไม่ เนอ้ื หาไม่ และสมบตั ิของเยื่อหุ้มเซลล์ที่ ตามท่กี ำหนด ตามท่กี ำหนด สมบรู ณต์ ามที่ สมบูรณ์ สัมพนั ธก์ บั การลำเลียงสารเข้ กำหนด ตอบคำถามได้ตรง ตอบคำถามได้ตรง คำถามไดไ้ ม่ตรง าและออกจากเซลล์ได้ ประเด็น ประเดน็ ตอบคำถามได้ไม่ ประเดน็ ค่อยตรงประเดน็ และตอบคำถาม และถกู ต้องทุกคำ และตอบถกู ตอ้ ง และตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง ถาม เป็นส่วนใหญ่ น้อยข้อ เกณฑ์การตดั สิน ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดเี ย่ียม ระดับ 3 หมายถงึ มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขน้ึ ไป ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
เกณฑ์การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) สามารถเขียน My mapping แสดงกระบวนการลำเลียงของสารโดยวิธีการต่าง ๆ ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 21 สามารถเขียน My mapping เนอ้ื หาครบถ้วน เนอ้ื หาครบถ้วน เนื้อหาบางส่วน เนือ้ หาไม่ แสดงกระบวนการลำเลียง ตามทก่ี ำหนด ตามทีก่ ำหนด ไม่สมบรู ณ์ตามท่ี สมบูรณ์ ของสารโดยวิธีการต่าง ๆ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามไดต้ รง กำหนด คำถามไดไ้ ม่ ตรงประเด็น ประเด็น ตอบคำถามได้ไม่ ตรงประเดน็ ค่อยตรงประเด็น และถกู ตอ้ งทกุ คำ และตอบถกู ต้อง และตอบคำ ถาม เป็นส่วนใหญ่ และตอบถกู ต้อง ถามไม่ถูกต้อง น้อยข้อ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั 4 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดเี ยีย่ ม ระดับ 3 หมายถึง มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มีระดับคุณภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ได้ระดับ 3 ขน้ึ ไป ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
เกณฑ์การประเมินด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) มคี วามกระตอื รอื รน้ และรบั ผิดชอบงานท่ไี ด้รบั มอบหมาย ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคณุ ภาพ 1 มีความกระตอื รือร้นและ ตงั้ ใจและรบั ผิด 32 รบั ผดิ ชอบใน รับผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับ ชอบใน การปฏบิ ัติ การปฏบิ ตั หิ น้า มอบหมาย หนา้ ทีท่ ไี่ ดร้ ับมอบ ตงั้ ใจและรบั ผดิ รับผิดชอบใน ทที่ ี่ไดร้ ับมอบ หมายให้สำเรจ็ ชอบในการปฏบิ ตั ิ การปฏิบัติหน้า หมายไมส่ ำเร็จ มกี ารปรับปรุงและ หน้าทท่ี ไ่ี ด้รบั มอบ ท่ที ไ่ี ด้รับมอบ พฒั นาการทำงาน หมายใหส้ ำเร็จ หมายให้สำเร็จ ให้ดีขนึ้ ดว้ ยตนเอง มีการปรับปรุงและ มีการปรบั ปรุง พัฒนาการทำงาน และพัฒนา ให้ดีข้ึน การทำงานดขี ้นึ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพดเี ยี่ยม ระดับ 3 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ได้ระดับ 3 ขึน้ ไป ร้อยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน
บันทกึ ผลหลังการสอน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหสั ว30101 เร่ือง โครงสรา้ งและสมบัตขิ องเยือ่ หมุ้ เซลลท์ ีส่ มั พนั ธก์ ับวธิ กี ารลำเลยี งสาร สรุปผลการเรียนการสอน นักเรยี นจำนวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ .................................................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์ ................................คน คดิ เปน็ ร้อยละ ................................................. ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นักเรียนทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรูข้ องนักเรยี นและปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ในระหวา่ งการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ญั หาหรือปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ตอ่ ไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงช่อื ....................................... ครูผ้สู อน ............/............../..............
ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ ......................................................แลว้ มีความคดิ เห็นดังนี้ 1. องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ ◻ ครบถ้วนและถกู ต้อง ◻ ยังไมค่ รบถ้วนหรอื ไม่ถูกต้อง ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรกู้ บั หลกั สตู รสถานศึกษา ◻ สอดคลอ้ ง ◻ ยงั ไม่สอดคลอ้ ง ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจัดการเรยี นรู้ ◻ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั ◻ ยงั เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. ส่ือการเรยี นรู้ ◻ เหมาะสมกบั รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ ◻ ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ◻ ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ◻ ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรยี นรู้ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............
แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1.1 มีความสามารถในการรบั – สง่ สาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม 1.3 ใช้วธิ กี ารส่อื สารท่ีเหมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพอื่ การสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผูป้ ระเมนิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
3. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) นักเรียนมสี ่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น และทางานร่วมกบั ผ้อู ื่นอย่าง สร้างสรรค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด คณุ ลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ชน้ิ งาน/ภาระงาน กจิ กรรม 1.1 สมบตั กิ ารเป็นเย่อื เลอื กผ่านของเยอ่ื หุ้มเซลล์ กจิ กรรมการเรยี นรู้ รูปแบบการสอนท่ใี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ คือ การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันท่ีสามารถใช้ความรู้เรื่องการลำเลียง สารผ่านเซลล์มาอธิบายได้ เช่น ภาพถ่ายสมองจากการตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดด้วยเทคนิค เอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI) ซ่ึงจะเห็นหลอดเลือดชัดเจนเนื่องจากมี การฉีดสารเขา้ สหู่ ลอดเลือดเพ่ือเพิ่มความชัดเจนของหลอดเลอื ดให้แตกต่างจากพื้นหลัง จากน้ันใช้ คำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจว่า เพราะเหตุใดสารดังกล่าวจึงคงอยู่ในหลอดเลือดและไม่ลำเลียง เข้าสู่เซลลผ์ นังหลอดเลอื ด ภาพท่ี 1 ภาพถ่ายสมองจากการตรวจวินจิ ฉัยหลอดเลือดด้วย เทคนิคเอ็มอารไ์ อ (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI) ท่มี า : หนงั สอื คมู่ ือรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
1.2 ครูอธิบายว่าในการทเี่ ซลล์จะดำรงชวี ิตอยู่ได้จะตอ้ งมีการลำเลียงสารชนิดต่าง ๆ เข้าและออก จากเซลล์ พร้อมยกตัวอย่างสาร (รูป 1.1 ในหนังสือเรียน) จากนั้นยกตัวอย่างกรณีของความ เข้มข้นของสารที่แตกต่างกันระหว่างภายในและภายนอกเซลล์ เช่น ความเข้มข้นของไอออน ภายในและภายนอกเซลล์ประสาทของสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ำนม (รูป 1.2 ในหนังสือเรียน) เพ่ือ สรปุ วา่ นอกจากชนดิ ของสารแล้วเซลลย์ งั สามารถควบคมุ ปริมาณสารที่ผ่านเข้าออกด้วย 2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 ครูใช้คำถามเพื่อนำเข้าสู่ประเด็นท่ีว่าเยื่อหุ้มเซลล์ทำหน้าที่เป็นเย่ือเลือกผ่านในการลำเลียง สารเข้าและออกจากเซลล์ ครูอาจทบทวนโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์โดยใช้ภาพเซลล์สัตว์และ ภาพเซลลพ์ ืชประกอบ จากนน้ั ทำกจิ กรรม 1.1 2.2 การเตรยี มล่วงหนา้ 2.2.1 ครูเตรยี มตัวอย่างสง่ิ มชี วี ิตโดยอาจเลอื กจากส่ิงมชี ีวิตท่ีหาไดง้ ่ายในท้องถ่ิน เช่นแหนท่ีมี รากตดิ อยู่ สไปโรไจรา สาหร่ายเซลลเ์ ดยี ว ยีสต์ 2.2.2 ถ้าไม่สามารถหาสีผสมอาหารสีแดงได้อาจใช้สีผสมอาหารสีอ่ืนแทน แตไ่ ม่ควรใชส้ ีเขียว เนอื่ งจากจะทำให้สังเกตการเปลย่ี นแปลงได้ยาก 2.2.3 เตรยี มสารละลายสีนิวทรลั เรดในปริมาณทเ่ี พยี งพอสำหรับการใช้แต่ไมม่ ากจนเกนิ ไป 2.3 ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 3 - 4 คน ครูทบทวนวิธีการเตรียมสไลด์สดและการใช้กล้อง จุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ แนะนำให้นักเรียนบันทึกผลท่ีได้โดยอาจวาดภาพหรือถ่ายภาพ ประกอบ จากนั้นรว่ มกันอภิปรายผลการทดลองเพ่ือตอบคำถามในกิจกรรม 3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายและลงข้อสรปุ เก่ียวกับกิจกรรมท่ี 1.1 สมบัติการเป็นเย่ือเลือก ผา่ นของเยื่อหุ้มเซลล์ รว่ มกันอภิปรายผลการทดลองเพือ่ ลงข้อสรุปว่าเยือ่ หุ้มเซลล์มีสมบัติเป็นเย่ือ เลือกผ่านโดยยอมให้สารท่ีละลายในลิพิดผ่านเข้าสู่เซลล์ได้ พร้อมให้นักเรียนดูตัวอย่างผลการทำ กิจกรรมจากข้อที่ 1-4 ทใี่ ชร้ ากแหนจะเห็นไดว้ า่ เซลล์รากแหนย้อมตดิ สนี ิวทรัลเรด แต่ย้อมไม่ติดสี ผสมอาหาร ภาพท่ี 2 ตวั อยา่ งรากแหนที่ย้อมติดสนี วิ ทรลั เรด
ที่มา : หนงั สือคมู่ ือรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ตวั อย่างผลการทำกิจกรรมจากข้อท่ี 5 ท่ีใชร้ ากแหน จะเหน็ ไดว้ า่ เซลล์รากแหนท่ีผ่านการแช่ แอลกอฮอล์ยอ้ มติดทงั้ สีนวิ ทรัลเรดและสผี สมอาหารสแี ดง ดังภาพ ภาพที่ 3 ตวั อย่างรากแหนท่ีย้อมตดิ สนี วิ ทรัลเรดและสผี สมอาหาร ท่ีมา : หนงั สือคู่มอื รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 4. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 ครขู ยายความรู้โดยการใช้คำถามว่า สีนวิ ทรลั เรดสามารถละลายไดใ้ นลิพดิ ส่วนสีผสมอาหาร จะไมล่ ะลายในลิพดิ จากผลการทำกจิ กรรมและสมบตั กิ ารละลายของสีดงั กลา่ ว สามารถสรุปถงึ ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัตกิ ารละลายของสารและความสามารถในการลำเลียงผ่านเย่ือหมุ้ เซลล์ ไดอ้ ยา่ งไร (แนวคำตอบ ผลการทดลองสอดคล้องกับการท่ีเยื่อหุ้มเซลล์มีลิพิดเป็นองค์ประกอบและมี สมบัติเป็นเย่ือเลือกผ่าน ซ่ึงทำให้สารท่ีละลายได้ในลิพิด เช่น สีนิวทรัลเรดลำเลียงเข้าสู่เซลล์ได้ ส่วนสารที่ไม่ละลายในลิพิดหรือสารที่ชอบน้ำ เช่น สีผสมอาหาร จะไม่สามารถลำเลียงเข้าสู่เซลล์ ได้) 4.2 ผลที่ได้ในชุดเซลล์ที่ผ่านการแช่เอทิลแอลกอฮอล์เหมือนหรือต่างจากผลในข้อ 1-4อย่างไร เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ ได้ผลต่างจากในข้อ 1-4 โดยจะย้อมติดสีท้ัง 2 ชนิด เนื่องจากแอลกอฮอล์ ละลายลพิ ิดในเย่ือหมุ้ เซลล์ ทำใหโ้ ครงสร้างของเย่อื หมุ้ เซลล์เสียหาย สผี สมอาหารจงึ สามารถเข้าสู่ เซลลไ์ ด้ ภายในรากแหนจึงย้อมติดสี) 5. ข้ันประเมนิ (Evaluation) 5.1 สงั เกตพฤติกรรมขณะทำกจิ กรรมร่วมกบั ผู้อ่ืนในห้องเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝึกหัดในหนังสอื เรียน 5.3 ครสู งั เกตการตอบคำถามในช้ันเรยี น เมอื่ มีนกั เรยี นไมเ่ ข้าใจ ครแู นะนำเพิ่มเตมิ
ส่อื / แหล่งเรียนรู้ รายการส่อื จำนวน สภาพการใช้ส่อื 1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และ ตามจำนวน ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) เทคโนโลยี ผเู้ รียน ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) 2. กลอ้ งจลุ ทรรศน์ 6 ชดุ ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 3. เพาเวอร์พอยด์ เรื่อง การลำเลยี งสารเขา้ ออก 1 ชุด ผ่านเซลล์ 10. การวัดและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู้ วิธวี ดั เคร่อื งมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ ประเมินการ แบบประเมนิ การ 1 . ส า ม า ร ถ อ ธิ บ า ย สรปุ โครงสร้างและ อภิปรายผลการ อภิปรายผลการทดลอง คะแนน ทดลอง ได้ระดับ 3 ข้นึ โครงสร้างและสมบัติของ สมบัติของเยอ่ื หมุ้ เยื่อหุ้มเซลล์ท่ีสัมพันธ์กับ เซลล์ที่สัมพนั ธ์กบั ไป การลำเลียงสารเข้าและออก การลำเลยี งสารเข้า ถือว่าผ่าน และออกจากเซลล์ เกณฑ์ จากเซลล์ ได้ระดบั 3 ข้นึ 1. สามารถทำกิจกรรม 1.1 กิจกรรม 1.1 สมบัติ ตรวจกิจกรรม 1.1 กิจกรรม 1.1 สมบัติ ไป สมบัตกิ ารเป็นเยื่อเลือกผ่าน การเปน็ เยือ่ เลอื ก สมบัติการเป็นเย่ือ การเปน็ เยอ่ื เลือกผ่าน ถอื วา่ ผา่ น เลอื กผ่านของเย่ือห้มุ ของเยอื่ ห้มุ เซลล์ เกณฑ์ ของเย่ือห้มุ เซลล์ ผา่ นของเยอื่ หมุ้ เซลล์ เซลล์ 2. สามารถใช้เครื่องมือทาง วิทยาศาสตร์ การใช้กล้อง จุลทรรศน์อย่างถูกวิธี รู้วิธี เก็ บ แ ล ะ รั ก ษ า ก ล้ อ ง จลุ ทรรศน์ 1. มีส่วนร่วมแสดงความ แบบสังเกต สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ได้ระดับ 3 ขึ้น คดิ เห็นและยอมรับฟังความ พฤตกิ รรม ไป รอ้ ยละ 60 คิดเห็นของผู้อื่น และทางาน ถือว่าผ่าน เกณฑ์ ร่วมกบั ผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด การสังเกตพฤตกิ รรม การสังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคุณภาพ 2. ความสามารถในการ ในชน้ั เรียน ในชนั้ เรยี น ด้านการสื่อสาร 3 หรอื แก้ปัญหา การคดิ การแก้ปัญหา ระดบั ดีขึ้นไป เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินดา้ นความรู้ (K) สามารถอธิบายโครงสร้างและสมบัติของเย่ือหุ้มเซลล์ที่สัมพันธ์กับการลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 เนื้อหาไม่ สามารถอธิบายโครงสร้าง เน้ือหาครบถว้ น เน้อื หาครบถ้วน เน้อื หาบางส่วน สมบูรณ์ และสมบัติของเยื่อหุ้มเซลล์ ตามท่ีกำหนด ไม่สมบูรณต์ ามที่ คำถามไดไ้ ม่ ที่สัมพันธ์กับการลำเลียง ตอบคำถามได้ ตามที่กำหนด กำหนด ตอบ ตรงประเดน็ สารเข้าและออกจากเซลล์ ตรงประเดน็ ตอบคำถามได้ คำถามไดไ้ มค่ อ่ ย และตอบ คำถามไม่ และถูกต้องทุก ตรงประเดน็ และ ตรงประเดน็ ถูกต้อง ตอบถกู ต้องเป็น และตอบถกู ตอ้ ง คำถาม สว่ นใหญ่ น้อยขอ้ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถึง มรี ะดบั คณุ ภาพดีเยย่ี ม ระดบั 3 หมายถึง มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มีระดบั คณุ ภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขึน้ ไป ถือว่าประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. สามารถทำกจิ กรรม 1.1 สมบตั กิ ารเปน็ เยอ่ื เลือกผา่ นของเยอ่ื หุ้มเซลล์ 2. สามารถใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ การใช้กล้องจุลทรรศน์อย่างถูกวิธี รู้วิธีเก็บและรักษากล้อง จลุ ทรรศน์ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 เนอื้ หาไม่ 1. สามารถทำกิจกรรม 1.1 สมบูรณ์ คำถามไดไ้ ม่ ส ม บั ติ ก า ร เป็ น เย่ื อ เลื อ ก เนอื้ หาครบถ้วน เนือ้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาบางสว่ น ตรงประเด็น ผา่ นของเย่อื หมุ้ เซลล์ ตามที่กำหนด ไมส่ มบรู ณ์ตามท่ี และตอบ 2. สามารถใช้เครื่องมือทาง ตอบคำถามได้ ตามทีก่ ำหนด กำหนด ตอบ คำถามไม่ วิทยาศาสตร์ การใช้กล้อง ตอบคำถามได้ตรง คำถามไดไ้ มค่ ่อย ถกู ต้อง จุลทรรศน์อย่างถูกวิธี รู้วิธี ตรงประเด็น และ เก็ บ แ ล ะ รั ก ษ า ก ล้ อ ง ถกู ต้องทุกคำถาม ประเดน็ และตอบ ตรงประเดน็ จุลทรรศน์ ถูกตอ้ งเปน็ ส่วน และตอบถกู ตอ้ ง ใหญ่ นอ้ ยข้อ เกณฑ์การตัดสิน ระดับ 4 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพดีเยี่ยม ระดับ 3 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรับปรงุ เกณฑ์การผ่าน ได้ระดับ 3 ขึ้นไป ถอื ว่าประสบผลสำเร็จในการสอน
เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A) มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน และทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่าง สร้างสรรค์ ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1 32 รับผิดชอบใน มี ส่ ว น ร่ ว ม แ ส ด ง ค ว า ม ต้ังใจและ ตงั้ ใจและ รบั ผิดชอบใน การปฏิบตั ิ คิ ด เห็ น แ ล ะ ย อ ม รั บ ฟั ง รับผดิ ชอบใน การ หน้าทีท่ ีไ่ ดร้ ับ ค ว า ม คิ ด เห็ น ข อ ง ผู้ อื่ น ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีทีไ่ ดร้ ับ รบั ผดิ ชอบในการ การปฏบิ ตั ิ มอบหมายไม่ และทางานร่วมกับผู้อ่ืน ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีท่ี หน้าทที่ ่ไี ดร้ บั อยา่ งสรา้ งสรรค์ มอบหมายให้สำเร็จ สำเรจ็ มีการปรับปรงุ และ ได้รบั มอบหมายให้ มอบหมายให้ สำเรจ็ มกี าร สำเรจ็ มีการ พัฒนาการทำงาน ปรบั ปรุงและ ปรบั ปรงุ และ ใหด้ ีข้ึนดว้ ยตนเอง พัฒนา พฒั นา การทำงานให้ดขี ้นึ การทำงานดีขนึ้ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพดีเย่ยี ม ระดบั 3 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดบั คุณภาพปรับปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ไดร้ ะดับ 3 ข้ึนไป ร้อยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
บนั ทกึ ผลหลังการสอน แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รหสั ว30101 เร่ือง เยอ่ื หุม้ เซลล์กบั การลำเลยี งสาร สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นจำนวน .....................................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .................................................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์ ................................คน คิดเปน็ ร้อยละ ................................................. ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นักเรยี นทีม่ ีความสามารถพิเศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรยี นรู้ของนกั เรยี นและปญั หาทเ่ี กิดข้ึนในระหวา่ งการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ญั หาหรอื ปรบั ปรงุ แผนการจดั การเรยี นรู้คร้ังต่อไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ....................................... ครผู ู้สอน ............/............../..............
ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ ......................................................แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดังนี้ 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ครบถว้ นและถกู ต้อง ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไมถ่ กู ตอ้ ง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรกู้ ับหลักสูตรสถานศึกษา สอดคล้อง ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. รปู แบบของการจดั การเรยี นรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ยังเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. สื่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้ ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ครอบคลมุ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............
แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รยี น คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงใน ช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสอื่ สารท่เี หมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มีความสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผู้ประเมิน พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครัง้ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
6 กิจกรรม 1.1 สมบตั ิการเป็นเย่อื เลอื กผ่านของเยือ้ ห้มุ เซลล์ จดุ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วสั ดแุ ละอุปกรณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิธกี ารทำกจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรุปผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 เร่อื ง โครงสร้างและสมบตั ิของเยอื่ ห้มุ เซลล์ทีส่ ัมพนั ธ์กับวิธีการลำเลยี งสาร สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหสั วิชา ว 30101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ เวลา 3 ชัว่ โมง ครูผูส้ อน นางสาวจนั จริ า ธนันชัย มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสง่ิ มีชีวติ หนว่ ยพนื้ ฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบตา่ ง ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ี่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ทีท่ ำงานสมั พนั ธ์กนั รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ม.4/1 อธบิ ายโครงสร้างและสมบตั ขิ องเยื่อห้มุ เซลล์ทสี่ ัมพันธก์ ับการลำเลียงสารและเปรียบเทียบ การลำเลียงสารผ่านเย่ือหุ้มเซลล์แบบต่าง สาระสำคัญ สารขนาดเล็กทม่ี ปี ระจตุ อ้ งลำเลียงผ่านโปรตนี ทีแ่ ทรกอยู่ทเี่ ยอ่ื ห้มุ เซลล์ ซง่ึ มี ๒ แบบ คือการแพร่ แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ในกรณีสารขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน จะลำเลียงเข้าโดยกระบวน การเอนโดไซโทซิส หรอื ลำเลียงออกโดยกระบวนการเอกโซไซโทซิส สาระการเรยี นรู้ - โครงสรา้ งและสมบัตขิ องเยือ่ หุ้มเซลล์ทสี่ มั พันธก์ บั วิธกี ารลำเลยี งสาร จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธิบายโครงสรา้ งและสมบตั ขิ องเย่อื หมุ้ เซลลท์ ่ีสัมพันธก์ ับการลำเลียงสารเขา้ และออก จากเซลลไ์ ด้ 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถเขยี น My mapping แสดงกระบวนการลำเลียงของสารโดยวิธกี ารตา่ ง ๆ ได้ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) นักเรยี นมีความกระตือรอื ร้นและรบั ผิดชอบงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลุม่ ช้นิ งาน/ภาระงาน เขยี น My mapping แสดงกระบวนการลำเลยี งของสารโดยวธิ ีการต่าง ๆ กจิ กรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอนทใี่ ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูให้นกั เรียนดูวีดที ศั นเ์ กีย่ วกับการกินเชื้อโรคของเมด็ เลือดขาวโดยวิธฟี าโกไซโทซิส พิโนไซโทซิส แลว้ ช่วยกนั อภปิ รายวา่ ส่งิ เหลา่ นนั้ มีประโยชนอ์ ย่างไร 1.2 ครูสร้างความสนใจอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ (ภาพที่ 1 -3 ในหนังสอื เรียน) และการลำเลียงสารแบบต่างโดยเช่ือมโยงถึงสมบัตขิ องโครงสรา้ งของเยื่อหมุ้ เซลล์ ทสี่ ัมพันธก์ ับวธิ ีการลำเลียงสาร 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 4-5 คน โดยแบง่ นักเรียนท่ีเกง่ ปานกลาง อ่อน ใหค้ ละกนั จากน้ันใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์ หรือในหนงั สอื เรยี นแลว้ นำมาเขยี น My mapping แลว้ นำเสนอผลงานในชั้นเรยี น 2.2 ครกู ำหนดหวั ขอ้ ทจี่ ะใหน้ กั เรยี นสบื คน้ หาขอ้ มูลดังน้ี - การแพร่แบธรรมดา - ออสโมซิส - การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต - แอกทีฟทรานสปอรต์ - การลำเลียงสารโดยการสร้างเวสเิ คิล 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3.1 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ เกยี่ วกับกระบวนการลำเลยี งสารโดยวธิ ี การตา่ ง ๆ เริม่ จาก ครูอธิบายถงึ การแพรแ่ บบธรรมดา ครอู าจใช้ภาพ แอนิเมชนั หรือวีดทิ ัศน์ เพ่อื ให้เหน็ ถึง งภาพรวมกลไกการลำเลยี งสารโดยการแพรแ่ บบธรรมดาและทศิ ทางการลำเลียงทสี่ มั พันธ์กับความเข้มขน้ ของ สาร (รูป 1.4 ในหนงั สือเรียน) 3.2 ครูอธิบายเกี่ยวกับออสโมซิส โดยขยายความเพิ่มเติมจากกรณีการแพร่แบบธรรมดา ว่าโมเลกุลของนำ้ มีการเคลือ่ นที่อย่ตู ลอดเวลาและสามารถแพร่ผ่านเย่ือห้มุ เซลล์ไดเ้ ชน่ กนั ซ่งึ ศกึ ษาได้จากการ ทดลองดังรูป 1.5 ในหนังสือเรยี น ครูอาจเช่อื มโยงความรกู้ ับสถานการณใ์ นชีวติ ประจำวัน เช่น การเก็บรักษา พืชผักไม่ใหเ้ หยี่ วโดยการแชน่ ้ำหรอื การให้นำ้ เกลอื แกผ่ ปู้ ว่ ยผา่ นทางหลอดเลอื ด โดยนำ้ เกลอื มีความเขม้ ข้น เทียบเทา่ กับความเขม้ ขน้ ของสารภายในเซลล์
3.3 การแพร่แบบฟาซิลิเทต ใช้ภาพ แอนิเมชัน หรือวีดิทัศน์พื่อแสดงถึงภาพรวมกลไกการ ลำเลยี งด้วยวิธนี ้ี โดยชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ การใช้โปรตนี ลำเลียงท่ีมีความจำเพาะกบั โมเลกุลของสารและทิศทาง การลำเลยี งที่สัมพันธก์ บั ความเข้มข้นของสาร (รปู 1.6 ในหนงั สอื เรยี น) 3.4 ครใู ห้นกั เรียนพิจารณาโครงสรา้ งโมเลกุลของ gadoteric acid (รปู 1.7 ในหนังสือเรียน) ท่ีฉดี เขา้ ในหลอดเลอื ด เพอ่ื ให้เห็นหลอดเลอื ดในสมองไดช้ ดั เจนในการตรวจวนิ จิ ฉัยด้วย MRI และรว่ มกนั อภปิ รายโดยนำความรทู้ ไี่ ดเ้ รียนมาขา้ งตน้ ไปอธิบายถึงสาเหตุท่ี gadoteric acid ไมเ่ ข้าสู่เซลล์ 3.5 ครใู ชก้ รณีการหลง่ั ไฮโดรเจนไอออนจากเซลล์บผุ วิ ของกระเพาะอาหารเขา้ สู่กระเพาะ อาหารเพอื่ อธิบายเก่ียวกับแอกทีฟทรานสปอร์ต (รูป 1.9 ในหนงั สือเรียน) ครเู ช่ือมโยงความรู้กับสถานการณใ์ น ชวี ติ ประจำวัน เชน่ การใช้ยาลดกรดบางประเภททย่ี ับยัง้ การหล่งั ไฮโดรเจนไอออนเข้าสกู่ ระเพาะอาหาร โดยยาจะจับกับโปรตนี ท่ีลำเลียงไฮโดรเจนไอออน ทำใหไ้ ม่สามารถลำเลียงได้ตามปกติ ปริมาณกรดทหี่ ล่งั สชู่ อ่ ง ในกระเพาะอาหารจงึ ลดลง ทำใหช้ ว่ ยลดการทำลายเยือ่ บภุ ายในของกระเพาะอาหาร 3.6 ครูอาจให้นกั เรยี นร่วมกันสรปุ โดยเปรียบเทียบแอกทฟี ทรานสปอรต์ กับการแพร่ แบบฟาซลิ เิ ทตและการแพร่แบบธรรมดา ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 3.7 การลำเลียงสารโดยการสร้างเวสิเคลิ ครอู ธิบายเอกโซไซโทซสิ โดยใช้ตัวอย่าง การหล่งั เอนไซมท์ ี่ใชใ้ นการย่อยอาหารจากเซลล์บุผวิ ของกระเพาะอาหารเข้าสชู่ อ่ งในกระเพาะอาหาร (รูป 1.10 ในหนังสือเรยี น) จากนนั้ อธิบายเอนโดไซโทซสิ โดยใช้ตวั อย่างการนำแบคทีเรียเข้าสู่เซลล์เมด็ เลอื ด ขาวกลุ่มฟาโกไซต์ (รูป 1.11 ในหนังสอื เรยี น) 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 ครขู ยายความรู้ เพราะเหตุใดการใช้สผี สมอาหารทไ่ี ดร้ บั รองมาตรฐานจากสำนกั งาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในปรมิ าณทแี่ นะนำจงึ ไม่เป็นอนั ตรายต่อร่างกาย (แนวคำตอบ เน่อื งจากสีผสมอาหารละลายได้ดีในนำ้ และไม่ละลายในลพิ ดิ จึงไม่สามารถผ่าน เยือ่ หุม้ เซลลไ์ ด้ ทำให้ไม่มีการนำเขา้ ส่เู ซลล์รา่ งกาย แตท่ ้งั นีท้ งั้ น้ันควรใชไ้ มเ่ กินปรมิ าณทกี่ ำหนด) 4.2 ครยู กตัวอย่างกรณีการถนอมอาหารบางชนิดโดยใชเ้ กลือ เพอื่ ใหน้ กั เรียนรว่ มอภปิ ราย และลงข้อสรปุ วา่ ใชห้ ลักการลำเลยี งสารดงั น้ี
- ในระยะแรกจะมกี ารแพรแ่ บบฟาซลิ เิ ทตของโซเดียมคลอไรดใ์ นเกลือเขา้ สู่เซลล์และ ออสโมซสิ ของนำ้ ออกจากเซลล์ - เมอ่ื ผ่านไประยะหนงึ่ เซลล์จะตาย จึงไมส่ ามารถควบคุมการลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ได้ โซเดยี มคลอไรด์จึงเขา้ สเู่ ซลลโ์ ดยการแพรแ่ บบธรรมดา 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) 5.1 สงั เกตพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมรว่ มกบั ผ้อู น่ื ในหอ้ งเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝกึ หดั ในหนงั สือเรียน 5.3 ครสู ังเกตการตอบคำถามในชนั้ เรียน เม่อื มนี กั เรยี นไม่เข้าใจ ครูแนะนำเพมิ่ เติม สอื่ / แหล่งเรียนรู้ รายการสอื่ จำนวน สภาพการใชส้ อื่ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละ ตามจำนวน ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) เทคโนโลยี ผู้เรียน ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) 2. คอมพิวเตอรท์ ี่ใชใ้ นการสบื ค้นข้อมลู 6 ชดุ ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 3. เพาเวอรพ์ อยด์ เรือ่ ง การลำเลยี งสารเขา้ ออก 1 ชุด ผา่ นเซลล์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ วี ดั ผล เครื่องมือวดั เกณฑ์การผ่านจุดประส งค์ ด้านความรู้ (K) 1. ดา้ นความรู้ (K) สามารถอธิบายโครงสร้างและสม ทำแบบฝึกหัดในหนังสอื ตรวจแบบฝกึ หัดใน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 บัตขิ องเยอื่ ห้มุ เซลล์ท่สี มั พนั ธ์กับ เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน หนังสอื เรียน ข้ึนไป การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก วิทยาศาสตร์และเทคโน รายวิชาพ้นื ฐานวิทยา โลยี ศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เซลลไ์ ด้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สามารถเขียน My mapping เขยี น My mapping ตรวจการเขียน My ระดับคุณภาพ 3 หรือ แสดงกระบวนการลำเลียงของสาร แสดงกระบวนการลำเลี mapping ระดับดีขึ้นไป โดยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ยงของสารโดยวิธีการ แสดงกระบวนการลำเลีย ต่าง ๆ งของสารโดยวธิ ีการตา่ ง ๆ
ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมใน แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 3 หรือ มคี วามกระตอื รอื รน้ และรับผิด ช้นั เรยี น อนั พึงประ ระดบั ดขี ึ้นไป ชอบงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย สงค์ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น แบบประเมินสมรรถนะ 1. ความสามารถในการคดิ การสังเกตพฤติกรรมใน ด้านการสื่อสาร ระดบั คุณภาพ 3 หรือ 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา ชัน้ เรียน การคดิ การแก้ปัญหา ระดับดขี ้ึนไป เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การประเมินดา้ นความรู้ (K) สามารถอธิบายโครงสร้างและสมบัตขิ องเย่อื ห้มุ เซลล์ที่สมั พนั ธ์กับการลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ได้ ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 สามารถอธิบายโครงสรา้ ง เนอ้ื หาครบถว้ น เนือ้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาบางสว่ นไม่ เนอ้ื หาไม่ และสมบตั ิของเยื่อหุ้มเซลล์ที่ ตามท่กี ำหนด ตามท่กี ำหนด สมบรู ณต์ ามที่ สมบูรณ์ สัมพนั ธก์ บั การลำเลียงสารเข้ กำหนด ตอบคำถามได้ตรง ตอบคำถามได้ตรง คำถามไดไ้ ม่ตรง าและออกจากเซลล์ได้ ประเด็น ประเดน็ ตอบคำถามได้ไม่ ประเดน็ ค่อยตรงประเดน็ และตอบคำถาม และถกู ต้องทุกคำ และตอบถกู ตอ้ ง และตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง ถาม เป็นส่วนใหญ่ น้อยข้อ เกณฑ์การตดั สิน ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดเี ย่ียม ระดับ 3 หมายถงึ มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขน้ึ ไป ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
เกณฑ์การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) สามารถเขียน My mapping แสดงกระบวนการลำเลียงของสารโดยวิธีการต่าง ๆ ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 21 สามารถเขียน My mapping เนอ้ื หาครบถ้วน เนอ้ื หาครบถ้วน เนื้อหาบางส่วน เนือ้ หาไม่ แสดงกระบวนการลำเลียง ตามทก่ี ำหนด ตามทีก่ ำหนด ไม่สมบรู ณ์ตามท่ี สมบูรณ์ ของสารโดยวิธีการต่าง ๆ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามไดต้ รง กำหนด คำถามไดไ้ ม่ ตรงประเด็น ประเด็น ตอบคำถามได้ไม่ ตรงประเดน็ ค่อยตรงประเด็น และถกู ตอ้ งทกุ คำ และตอบถกู ต้อง และตอบคำ ถาม เป็นส่วนใหญ่ และตอบถกู ต้อง ถามไม่ถูกต้อง น้อยข้อ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั 4 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดเี ยีย่ ม ระดับ 3 หมายถึง มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มีระดับคุณภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ได้ระดับ 3 ขน้ึ ไป ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน
เกณฑ์การประเมินด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) มคี วามกระตอื รอื รน้ และรบั ผิดชอบงานท่ไี ด้รบั มอบหมาย ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคณุ ภาพ 1 มีความกระตอื รือร้นและ ตงั้ ใจและรบั ผิด 32 รบั ผดิ ชอบใน รับผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับ ชอบใน การปฏบิ ัติ การปฏบิ ตั หิ น้า มอบหมาย หนา้ ทีท่ ไี่ ดร้ ับมอบ ตงั้ ใจและรบั ผดิ รับผิดชอบใน ทที่ ี่ไดร้ ับมอบ หมายให้สำเรจ็ ชอบในการปฏบิ ตั ิ การปฏิบัติหน้า หมายไมส่ ำเร็จ มกี ารปรับปรุงและ หน้าทท่ี ไ่ี ด้รบั มอบ ท่ที ไ่ี ด้รับมอบ พฒั นาการทำงาน หมายใหส้ ำเร็จ หมายให้สำเร็จ ให้ดีขนึ้ ดว้ ยตนเอง มีการปรับปรุงและ มีการปรบั ปรุง พัฒนาการทำงาน และพัฒนา ให้ดีข้ึน การทำงานดขี ้นึ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพดเี ยี่ยม ระดับ 3 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ได้ระดับ 3 ขึน้ ไป ร้อยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน
บันทกึ ผลหลังการสอน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหสั ว30101 เร่ือง โครงสรา้ งและสมบัตขิ องเยือ่ หมุ้ เซลลท์ ีส่ มั พนั ธก์ ับวธิ กี ารลำเลยี งสาร สรุปผลการเรียนการสอน นักเรยี นจำนวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ .................................................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์ ................................คน คดิ เปน็ ร้อยละ ................................................. ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นักเรียนทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรูข้ องนักเรยี นและปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ในระหวา่ งการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ญั หาหรือปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ตอ่ ไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงช่อื ....................................... ครูผ้สู อน ............/............../..............
ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ ......................................................แลว้ มีความคดิ เห็นดังนี้ 1. องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ ◻ ครบถ้วนและถกู ต้อง ◻ ยังไมค่ รบถ้วนหรอื ไม่ถูกต้อง ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรกู้ บั หลกั สตู รสถานศึกษา ◻ สอดคลอ้ ง ◻ ยงั ไม่สอดคลอ้ ง ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจัดการเรยี นรู้ ◻ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั ◻ ยงั เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. ส่ือการเรยี นรู้ ◻ เหมาะสมกบั รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ ◻ ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ◻ ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ◻ ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรยี นรู้ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............
แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1.1 มีความสามารถในการรบั – สง่ สาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม 1.3 ใช้วธิ กี ารส่อื สารท่ีเหมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพอื่ การสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผูป้ ระเมนิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: