Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บริหารงานในองค์การ-01

บริหารงานในองค์การ-01

Description: บริหารงานในองค์การ-01

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 1 ความร้เู บอ้ื งต้นเกี่ยวกับ การบริหารงานคณุ ภาพ ในองค์การ

1. ความหมายขององค์การ องคก์ าร หรือองคก์ ร หมายถึง การรวมตวั กนั ของคนตงั้ แต่ 2 คน ขึ้นไป เพ่ือกระทากิ จกรรมร่วมกัน โดยมี วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีชดั เจน ซ่ึงลกั ษณะขององคก์ าร จะต้องประกอบด้วยลกั ษณะดงั ต่อไปนี้

1. องคก์ ารจะต้องมีบคุ คลตงั้ แต่ 2 คนขึน้ ไป 2. องคก์ ารจะต้องมีเป้ าหมายที่ต้องการ 3. องคก์ ารองคก์ ารจะต้องมีกิจกรรมที่ต้องดาเนินการ ให้บรรลผุ ลตามท่ีได้ตงั้ ไว้ 4. องค์การจะต้องมีการกาหนดรูปแบบความสัมพันธ์ ในเชิงอานาจไว้ 5. องค์การจะมีการกาหนดอาณาเขตขององค์การ ซึ่งทา การแบง่ แยกองคก์ ารออกจากส่วนอ่ืน ๆ 6. องคก์ ารจะมีความต่อเนื่องในการดาเนินงาน

2. โครงสร้างการบรหิ ารในองคก์ าร โครงสร้างการบริหารองคก์ ารที่ชดั เจน ประกอบไปด้วยบุคลากรแต่ละระดบั ที่ มีความชานาญการ แตกต่างกนั มีการ แบ่งออกเป็ นฝ่ ายงานต่าง ๆ และมี พนักงานท่ีเก่ียวข้องสงั กดั อยู่ อานาจ และหน้ าที่ ความรับผิดชอบภายใน องค์การจะถกู แบ่งเป็ นลาดบั ชนั้ คล้าย ทรงพีระมิด

ผบู้ ริหารระดบั สงู ผบู้ ริหารระดบั กลาง หวั หน้างาน/ฝ่าย ปฏิบตั ิงาน ทาหน้าที่วางแผนแผนกล เ ป็ น พ นั ก ง า น ร ะ ดับ ยุทธ์เพ่ือนามาใช้กาหนด ผ้ชู านาญการ ทาหน้าที่ มีหน้าที่จดั การ ควบคุม ทิศทางขององคก์ าร วางแผนและควบคมุ การ และ ติ ด ตาม กา รทา งา น ทางาน ของคนงาน

3. การแบ่งแยกประเภทองคก์ าร 1) องคก์ ารที่เป็นทางการ (Formal Organization) 01 2) องคก์ ารท่ีไมเ่ ป็นทางการ (Informal Organization) ก า ร แ บ่ ง แ ย ก ประเภทของ องคก์ าร โดยใช้ปัจจยั ด้านโครงสร้างและ ความสมั พนั ธ์ภายในเป็ นเกณฑ์ ส า ม า ร ถ แ บ่ ง อ อ ก ไ ด้ เ ป็ น 2 ประเภทดงั นี้

02 การแบ่งองคก์ ารโดย ใช้วตั ถปุ ระสงค์ของ องคก์ ารเป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ออกได้ 2 ประเภท ดงั นี้ 1) องคก์ ารที่แสวงหากาไร (Profit Organization) 2) องค์การท่ีไม่แสวงหากาไร (Non-Profit Organization)

03 1) องคก์ ารแบบแนวดิ่งหรอื แบบพีระมิด (Vertical Organization) ก า ร ใ ช้ เ ง่ื อ น ไ ข 2) องคก์ ารแบบแนวราบหรอื แบบแนวนอน วตั ถปุ ระสงคแ์ ละการ (Horizontal Organization) นาไปใช้ ประโยช น์ เป็ นเกณฑ์ สามารถแบง่ ออกได้เป็น 2 ประเภท ดงั นี้

4. คุณลกั ษณะขององค์การ องค์การสมยั ใหม่ส่วนใหญ่ล้วนมีลกั ษณะพื้นฐานท่ี เหมือน ๆ กนั มีการแบ่งส่วนงานย่อย ๆ ออกเป็ น ฝ่ าย หรือแผนก แต่ละฝ่ ายจะมีพนักงานสังกัดอยู่และมี ลาดับการปกครองตามโครงสร้างสายบงั คบั บญั ชา อยา่ งเป็นทางการ พนักงานที่สงั กดั ตามส่วนงานจะต้อง รบั ผิดชอบงานตามบทบาทหน้าที่ของตนไม่ก้าวก่าย ซึ่งกนั และกนั

เพื่อเป็ นการปูนบาเหน็จและสร้าง 1. ส่วนของงานประจา ขวญั กาลงั ใจให้แก่พนักงาน 2. การเมืองภายในองคก์ าร 3. วฒั นธรรมองคก์ าร โดยเฉพาะองค์การที่มี พื้นฐานหลกั 4. องคก์ ารกบั สิ่งแวดลอ้ ม ธรรมาภิบาลท่ีดี พนักงานมีความ 5. โครงสรา้ งองคก์ าร ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ย่อมส่งผลต่อ 6. คณุ ลกั ษณะอ่ืน ๆ ขององคก์ าร ผลผลิ ตท่ีมีประสิ ทธิ ภาพ ภายใต้ ทรพั ยากรท่ีมีอยจู่ ากดั มีดงั ต่อไปนี้

5. การจดั โครงสร้างองค์การ โครงสร้างองค์การจึงเป็ นระบบความสมั พนั ธ์ ของงาน ความรบั ผิดชอบต่อการรายงานและ การใช้ อานาจในการปฏิบตั ิงานขององคก์ ารให้ เกิดความสาเรจ็ โครงสรา้ งจึงบง่ บอกถึงรปู แบบ ซ่ึงแสดงด้วยแผนภูมิ องค์การและหน้ าท่ีซ่ึง เป็ นกิจกรรมขององคก์ าร จดุ มุ่งหมายของการ มีโครงสร้างองค์การก็เพื่อให้การสงั่ การ และ การประสานงานต่อการทางานของพนักงาน บรรลเุ ป้ าหมายขององคก์ าร

01 โครงสรา้ งอยา่ งงา่ ย โครงสรา้ งอยา่ งงา่ ย เป็นโครงสรา้ งองคก์ ารทไ่ี มม่ รี ูปแบบเป็น ทางการ มีระดบั การแยกแยะ ตามแนวนอนต่ํา เน่ืองจาก พนกั งานในกจิ การจะสามารถทาํ งานไดห้ ลายหน้าท่ี กจิ การท่ี มขี นาดเลก็ จะมโี ครงสรา้ งองคก์ ารอยา่ งงา่ ย

02 โครงสรา้ งตามหน้าท่ี โครงสรา้ งตามหน้าท่ี เมอ่ื กิจการมีขนาดใหญ่ขึน้ งานในกิจการกจ็ ะมีความหลากหลายมากขนึ้ บุคลากร จะมีภาระงานมากขึ้น จากท่ีเคยทางานได้ในหลาย ๆ งานกจ็ ะทางานได้น้อยลง จึง ทาให้ต้องมีการจดั กลุ่ม ของงานขึน้ และแบ่งหน้าที่กนั ทางานตามความถนัด เป็ นโครงสร้าง สาหรบั องคก์ ารขนาดเลก็ องคก์ ารที่เพิ่ม หรอื พ่งึ เริ่มก่อตงั้ ซึ่งมกั จะมีเจ้าของเป็นผ้บู ริหารเอง (Owner – Manager) ยงั ไม่มีการแบง่ งานกนั อย่าง ชดั เจน ปริมาณงานยงั น้อย

03 โครงสรา้ งองคก์ ารตามผลิตภณั ฑ์ โครงสร้างองค์ก า รตาม ผลิ ตภัณฑ์ เ ป็ น โครงสร้างองคก์ ารท่ีจดั โครงสร้างตามลกั ษณะ ผลผลิต หรือฐานการผลิ ต ทัง้ นี้ เนื่ องจาก องค์การ ต้ องขยายฐานการผลิ ตสิ น ค้าอย่าง ใ ห ม่ ท่ี ส อ ด ค ล้ อ ง กับ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ เปลี่ยนแปลงของลกู ค้า

04 โครงสรา้ งองคก์ ารแบบแมทริกซ์ โครงสร้างแบบแมทริกซเ์ ป็ นโครงสร้าง ที่ประกอบด้วยสองมิติ คือ มิติ ของ หน้ าท่ี และมิ ติ ของผลิ ตภัณฑ์ หรือ โครงการ ดังนั้นในโครงสร้างแบบ แม ท ริ ก ซ์ พนั ก งา น แต่ ละค น จะ มี หัวหน้างานสองหัวหน้างาน คือ เป็ น หวั หน้างานตามหน้าท่ี และหวั หน้างาน ตามผลิตภณั ฑ์ หรือหัวหน้ างานตาม โครงการ

05 โดยโครงสร้างองคก์ ารแบบนี้จดั แบ่งออกเป็ นหน่วยงานท่ี มักเรียกช่ือตามเขตภูมิศาสตร์ท่ีตัง้ ของหน่ วยงานนั้น โครงสร้างองค์การแบบ จดุ เด่นกค็ ือ ช่วยให้สามารถแยกแยะสินค้า หรืองานบริการ เน้นตามทาเลท่ีตงั้ ได้ตรงกบั สภาพของลกู ค้าในแต่ละท้องถิ่น เช่น รสนิยมและ อานาจการซื้อของลกู ค้า เป็นต้น

06 ประโยชน์ของการจดั โครงสรา้ งองคก์ าร 6.1 6.2 6.3 ประโยชน์ต่อองคก์ าร ประโยชน์ต่อผบู้ ริหาร ประโยชน์ต่อพนักงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook