Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ หน่วยที่ 3

ใบความรู้ หน่วยที่ 3

Published by so.chatree, 2020-06-15 01:56:31

Description: ใบความรู้ หน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการใบสคอวานมรู้ รหัส 2101-2105 วิชา งานปรบั อากาศรถยนต์ เรือ่ ง คอมเพรสเซอร์ ครูผูส้ อน นายชาตรี สรงประเสรฐิ ตาแหน่งครู วทิ ยฐานะชานาญการพิเศษ แผนกวิชาชา่ งยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสมทุ รปราการ สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

ใบความรู้ หน่วยท่ี 3 ชือ่ วิชา งานปรบั อากาศรถยนต์ สอนคร้งั ท่ี 1 ชื่อหนว่ ย คอมเพรสเซอร์ คาบรวม 6 คาบ จานวนคาบ 6 คาบ ชื่อเร่อื ง คอมเพรสเซอร์ สาระสาคญั คอมเพรสเซอร์ (Compressor) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่อัดอากาศหรือก๊าซให้มีความดันสูงขึ้น โดยเฉพาะคอมเพรสเซอร์ของระบบปรบั อากาศรถยนต์ จะทาหนา้ ที่ดูดสารทาความเย็นที่อยู่ในสถานะ ก๊าซความดันต่า อณุ หภูมิต่าจากอีวาพอเรเตอร์แลว้ อัดสารทาความเยน็ ให้มคี วามดนั สงู ขนึ้ ก่อนที่สาร ทาความเย็นจะไหลเข้าไปยังคอนเดนเซอร์ เพือ่ ระบายความร้อนออกจากสารทาความเยน็ คอมเพรสเซอร์ทีใ่ ช้มี 3 แบบ คือ คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ แบบสวอชเพลตและแบบโรตารี ซึง่ มีขอ้ ดีและข้อเสียทีแ่ ตกต่างกนั ข้ึนอยู่กับลกั ษณะการใชง้ าน สาระการเรียนรู้ 1. หน้าทีข่ องคอมเพรสเซอร์ 2. คอมเพรสเซอร์แบบลกู สบู 3. คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต 4. คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี 5. คลัตช์แม่เหลก็ ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั 1. อธิบายหน้าทีข่ องคอมเพรสเซอร์ได้ 2. อธิบายชนิดของคอมเพรสเซอร์ชนิดต่าง ๆ ได้ 3. อธิบายโครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบต่าง ๆ ได้ 4. อธิบายลักษณะการทางานคอมเพรสเซอร์แบบต่าง ๆ ได้ 5. อธิบายหน้าทีแ่ ละโครงสร้างคลตั ช์แม่เหลก็ ได้ 6. บริการคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลตได้ 7. บริการคอมเพรสเซอร์แบบโรตารไี ด้ 8. ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย และมีกิจนสิ ยั ทีด่ ใี นการทางาน 9. มีเจตคติทีด่ ีตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยพึง่ ตนเองในการเรียนรู้ได้

คอมเพรสเซอร์ หนา้ ทีข่ องคอมเพรสเซอร์ คอมเพรสเซอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ดูดสารทาความเย็น ที่อยู่ในสถานะก๊าซจาก อีวาพอเรเตอร์แล้วอัดให้มคี วามดันสงู ขึน้ เพื่อสง่ ตอ่ ไปยังคอนเดนเซอร์ ซึ่งการดูดและอัดสารทาความ เย็นของคอมเพรสเซอร์นี้ทาให้สารทาความเย็นสามารถหมุนเวียนในระบบได้ เปรียบเสมือนหัวใจของ คนเราที่ทาให้โลหิตสามารถไหลเวียนในรา่ งกายได้ นอกจากนี้หากพิจารณาให้ลึกลงไปก็จะพบว่า การ ดูดสารทาความเย็นของคอมเพรสเซอร์นั้น ช่วยให้อีวาพอเรเตอร์มีความดันต่าอยู่ตลอดเวลาที่ เครือ่ งปรบั อากาศทางาน และการอัดก็ช่วยใหส้ ารทาความเยน็ มีความดนั สูงขนึ้ ผลจากการที่ความดัน สงู ข้ึนจะทาให้จุดเดือดของสารทาความเยน็ สูงขึ้น เปลี่ยนสถานะเปน็ ของเหลวได้ง่ายขึ้น รปู ท่ี 3.1 คอมเพรสเซอร์ ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) ประเภทของคอมเพรสเซอร์ คอมเพรสเซอร์ทีใ่ ชก้ บั เครือ่ งปรบั อากาศรถยนต์แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ 1. คอมเพรสเซอร์แบบลูกสบู (Reciprocating) 2. คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต (Swash Plate) 3. คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี (Rotary)

คอมเพรสเซอรแ์ บบลูกสบู 1. ความหมายของคอมเพรสเซอรแ์ บบลกู สูบ คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating) คือ คอมเพรสเซอร์ที่ดูดและอัดสารทาความ เย็น ด้วยการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ซึ่งลูกสูบนี้จะรับแรงขับจากเพลาข้อเหวี่ยง โดยลักษณะการทางาน ของคอมเพรสเซอร์แบบนีจ้ ะคล้ายกบั การทางานของเครอื่ งยนต์ ใช้เพลาขอ้ เหวี่ยงขับลกู สบู รูปท่ี 3.2 คอมเพรสเซอรแ์ บบลูกสูบ ท่มี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) 2. โครงสรา้ งของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสบู ประกอบด้วยช้ินสว่ นที่สาคัญ ดังน้ี 2.1 ห้องข้อเหวี่ยง เป็นห้องโล่ง ๆ ภายในตัวคอมเพรสเซอร์ซึ่งในห้องนี้บรรจุ น้ามันหลอ่ ลื่นคอมเพรสเซอร์ไว้ 2.2 กระบอกสูบ เปน็ เหล็กซึ่งหล่อติดกับตวั คอมเพรสเซอร์ ผิวของกระบอกสบู จะมีความ เรียบและมันวาว 2.3 ลูกสูบ ทาด้วยอลูมิเนียม จะมีแหวนลูกสูบติดอยู่ด้วย เพื่อป้องกันการร่ัวของก๊าซ และป้องกนั น้ามนั หลอ่ ลื่นเขา้ ไปในกระบอกสบู มากเกินไป 2.4 ก้านสบู ทาดว้ ยอลมู ิเนยี มหล่อชนิดแขง็ 2.5 เพลาข้อเหวี่ยง ทาด้วยเหลก็ หล่อชนิดแขง็ จะมีการถ่วงศนู ย์ไว้อย่างดี 2.6 ลูกปืน เปน็ ลกู ปืนแบบบอลแบริ่ง ซึง่ ออกแบบให้รบั แรงกดได้มาก 2.7 หรีดวาล์ว ประกอบด้วยหรีดวาล์วด้านดูด (Suction reed valve) และหรีดวาล์ว ด้านอดั (Discharge reed valve)

รูปท่ี 3.2 โครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบลกู สูบ ทม่ี า (บรษิ ัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด, 2540) 3. หลกั การทางานของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ กระบอกสูบจะประกอบด้วยหรีดวาล์วด้านดูด และหรีดวาล์วด้านอัด โดยหรีดวาล์วทั้ง สองจะยึดติดกับวาลว์ เพลท (Valve Plate) การทางานของคอมเพรสเซอร์มีอยู่ 2 จงั หวะ คือจังหวะ ดดู เปน็ จังหวะทีเ่ กิดขึน้ ขณะลูกสบู เคลื่อนที่ลง และจังหวะอดั เป็นจงั หวะทีเ่ กิดขึน้ ขณะลูกสูบเคลือ่ นที่ขึ้น คอมเพรสเซอร์แบบลูกสบู ส่วนใหญ่จะมีจานวน 2 สบู โดยขณะที่ลูกสูบหนง่ึ เคลือ่ นที่ลงอกี ลูกสูบหนึ่ง จะเคลือ่ นที่ข้ึน

จงั หวะดูด จงั หวะอัด รปู ที่ 3.3 การทางานของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) ขณะลูกสูบเคลื่อนที่ลงซึ่งเป็นจังหวะดูด ความดันของสารทาความเย็นในกระบอกสูบจะ ลดลงมาก หรือวาล์วด้านอัดจะถูกปิดด้วยแรงอัดของสารทาความเย็นทางด้านความดันสูง ส่วนหรีด วาลว์ ด้านดูด จะเปิดให้สารทาความเย็นจากทางด้านดูดของคอมเพรสเซอร์เข้ามาในกระบอกสบู เมื่อ ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น สารทาความเย็นในกระบอกสูบจะถูกอัดตัว ทาให้ความดันเพิ่มสูงขึ้นเร่ือย ๆ จนกระทั่งดันให้หรีดวาล์วด้านอัดเปิดออกให้สารทาความเย็นที่มีความดันสูง ไหลออกไปยัง คอนเดนเซอร์ตอ่ ไป คอมเพรสเซอรแ์ บบสวอชเพลต 1. ความหมายของคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต (Swash Plate) หรอื คอมเพรสเซอร์แบบจานเอียงปัจจุบัน เป็นที่นิยมใช้ในการติดต้ังเคร่ืองปรับอากาศรถยนต์ เพราะคอมเพรสเซอร์แบบนี้มีขนาดเล็ก กะทัดรัด มีประสิทธิภาพในการทางานสูง และฉุดแรงเครอ่ื งยนต์น้อยกว่าแบบลูกสูบทีข่ นาดการทาความเย็นต่อ จานวนบีทียูที่เท่ากัน

รปู ที่ 3.3 คอมเพรสเซอรแ์ บบสวอชเพลต ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) 2. โครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต ประกอบด้วยช้นิ สว่ นทีส่ าคัญมีดงั น้ี 2.1 สวอชเพลต (Swash Plate) เป็นแผ่นโลหะหนา โดยจะยึดติดกับเพลาขับ และจะ หมนุ ในลกั ษณะเอียงตัวไปมา เมือ่ เพลาขับทางานจะอาศยั การเอียงตัวของจานเอียงทีจ่ ะบงั คบั ให้ลูกสูบ เคลื่อนที่ไปมาในกระบอกสูบได้ จานเอียงจะมีเบ้ายึดลูกปืนขับทั้ง 2 ด้าน มีลูกสูบเกาะคร่อมลูกปืน ท้ังสองไว้ด้วยกนั ทาหนา้ ที่เปน็ ตัวส่งกาลัง ให้กับก้านสูบ เพือ่ นาไปบังคับใหล้ ูกสูบเคลื่อนที่ไปมา 2.2 เพลาขับ (Main Shaft) เป็นส่วนที่ยึดเกาะของ “สวอชเพลต” และรับแรงการหมุน จากภายนอก โดยการตดั ตอ่ การทางานของคลตั ช์แม่เหล็ก 2.3 ลูกสูบ (Piston) ในแต่ละลูกสูบจะมีลูกสูบทางานได้ 2 หัว ถ้าหัวลูกสูบด้านหนึ่งดูด น้ายาเข้ากระบอกสูบ หัวลูกสูบอีกด้านจะดันน้ายาออกไป ดังน้ันการหมุนของสวอชเพลต 1 รอบ ทา ให้เกิดงาน 2 เท่าต่อลูกสูบ 1 ลูก การนับจานวนสูบจะนับตามจานวนหัวลูกสูบที่ทางานในแต่ละด้าน เช่น ถ้ามีลูกสูบ 3 ลูก จะเรียกว่า คอมเพรสเซอร์แบบ 10 สูบ เน่ืองจากลูกสูบแต่ละลูกสูบจะ ทางานได้ท้ัง 2 ดา้ นนั่นเอง 2.4 กระบอกสูบ (Cylinder) จะมีเท่ากับจานวนลูกสูบ และจะต้องมีผิวเรียบเป็นมัน เพื่อ การเคลือ่ นตัวของลูกสบู 2.5 วาล์วดูดและวาลว์ อัด (Intake and Exhaust Valve) จะมีตามจานวนลกู สบู 2.6 ชาฟต์ ซีล (Shaft Seal) ทาหนา้ ที่ป้องกนั น้ายาและน้ามนั หลอ่ ลืน่ รัว่ ซึม

รูปท่ี 3.4 โครงสร้างของคอมเพรสเซอรแ์ บบสวอชเพลต ท่มี า (บรษิ ทั โตโยตา้ มอเตอร์ ประเทศไทย จากดั , 2540) 3. หลกั การทางานของคอมเพรสเซอรแ์ บบสวอชเพลต การดดู และอดั สารทาความเยน็ ของคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต เปน็ การเคลื่อนทีข่ อง ลูกสูบ ที่ไม่ต้องมีเพลาข้อเหวี่ยงเป็นตัวช่วยให้ลูกสูบเคลื่อนที่ในกระบอกสูบ แต่จะใช้จานเอียงทามุม ทาหน้าที่แทน ในขณะที่แกนเพลาของคอมเพรสเซอร์หมุน จานเอียงจะถูกหมุนตามไปด้วย เป็นการ เคลื่อนที่รอบตัวเองของจานเอียง ซึ่งจะทาให้ลูกสูบถูกหมุน เกิดการเคลื่อนที่กลับไปกลับมา การ เคลื่อนที่เป็นการอัดและดูดสารทาความเย็น จานวนลูกสูบจะเป็นคู่ติดอยู่บนแผ่นเอียง ซึ่งช่วงอัดและ ช่วงดูดจะทามุม 1200 สาหรับคอมเพรสเซอร์ 6 สูบ และ 720 สาหรับคอมเพรสเซอร์ 10 สูบ เมื่อลกู สูบด้านหนง่ึ อยู่ในจังหวะอดั อกี ด้านหนง่ึ จะอยู่ในจงั หวะดดู รปู ท่ี 3.5 การทางานของคอมเพรสเซอรแ์ บบสวอชเพลต ท่มี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552)

การเคลื่อนตัวของสารทาความเย็นภายในคอมเพรสเซอร์ จะถูกส่งเข้าห้องดูดของ คอมเพรสเซอร์ซึ่งอยู่ตอนท้ายและจะถูกจ่ายไปยังกระบอกสูบ จากนั้นก็จะถูกอัดจ่ายออกไป ยังห้อง แรงดันสูงทางส่วนท้ายของคอมเพรสเซอร์ แล้วส่งไปยังช่องทางเข้าห้องแรงดันในส่วนหน้าอย่าง ต่อเนอ่ื ง คอมเพรสเซอรแ์ บบโรตารี 1. ความหมายของคอมเพรสเซอรแ์ บบโรตารี คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี (Rotary) เป็นคอมเพรสเซอร์ที่ใช้ใบพัดหมุน ถูกนามาใช้เม่ือ ไม่กีป่ ีน้ีเอง เนื่องจากราคาน้ามันเชอื้ เพลิงเพิ่มสูงข้ึนมาก จงึ มกี ารออกแบบให้คอมเพรสเซอร์ มขี นาด เล็กลง ช่วยให้ประหยัดน้ามันเชื้อเพลิง คอมเพรสเซอร์แบบนี้จะทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับ ระบบเคร่ืองทาความเย็นขนาดเล็ก จึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปและกาลังจะเข้ามาแทนที่คอมเพรสเซอร์ แบบสวอชเพลต รปู ท่ี 3.6 คอมเพรสเซอรแ์ บบโรตารี ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) 2. โครงสรา้ งของคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี ประกอบด้วยช้นิ สว่ นที่สาคัญ ดงั นี้ 2.1 กระบอกสูบ (Cylinder) ทามาจากเหล็กหล่อ ผิวภายในมีลักษณะเรียบ เป็นมัน กระบอกสูบมีท่อสาหรับดูดน้ายาเข้ามาในกระบอกสูบ เรียกว่า “ท่อน้ายาเข้า” (Suction Port) และ ท่อสาหรบั ใหน้ ้ายาที่ถูกอดั จนเกิดความดนั สูงแล้วออกไป เรียกว่า “ท่อนา้ ยาออก” (Exhaust Port)

2.2 โรลเลอร์ (Roller or Rotor) เป็นเสมือนลูกกลิ้งทีห่ มุนและกลิง้ ไปบนผิวของกระบอก สูบ เพื่อทาการดูดและอัดน้ายา “โรลเลอร์” มีลักษณะการหมุนที่เหวี่ยงไปมาคล้ายกับ การหมุน ของลูกเบีย้ ว เม่อื นาไปประกอบเข้ากับกระบอกสูบ โรลเลอร์ก็จะสามารถดูดและอัดน้ายาโดยการกลิ้ง อยู่บนผิวของกระบอกสบู 2.3 ใบพัดหรือครีบ (Blade of Vane) เป็นส่วนประกอบที่สาคัญมากในคอมเพรสเซอร์ เนื่องจากจะทาหน้าที่เป็นตัวก้ันไม่ให้น้ายาทางด้านความดันสูงผ่านเข้ามาทางด้านความดันต่า โดย ใบพัดจะสมั ผัสผิวของโรลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ดงั นน้ั ถ้าสว่ นประกอบนีเ้ กิดสึกหรอื ชารุด คอมเพรสเซอร์ จะไม่มแี รงดูดและแรงอัด 2.4 วาลว์ อัด (Exhaust Valve) คอมเพรสเซอร์แบบนจี้ ะมีวาล์วอัด ซึ่งติดตง้ั กบั กระบอก สบู ด้านทีเ่ ป็น “รนู า้ ออก” เพื่อกันไม่ใหน้ ้ายาที่ถูกอัดออกไป แล้วไหลย้อนกลับมา กระบอกสูบอีก 2.5 เพลา (Shaft) จะสวมประกอบกบั โรลเลอร์ เพื่อรบั แรงการหมนุ มาจากภายนอก รูปท่ี 3.6 โครงสร้างของคอมเพรสเซอรแ์ บบโรตารี ทม่ี า (บรษิ ทั โตโยตา้ มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด, 2540)

3. การทางานของคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี เมื่อเพลาของคอมเพรสเซอร์หมุน โรลเลอร์จะหมนุ ไปด้วย ขณะที่เพลาหมนุ ใบพดั จะกลิง้ ตดิ ไปกับผนังกระบอกสบู ด้านใน เพื่อกวาดสารทาความเย็น อดั ออกไปตามท่อทางออก อีกด้านหนึ่งของโรลเลอร์ จะทาหน้าที่ดูดสารทาความเย็นจากท่อดูดผ่านเข้ามาทางท่อเข้า และอัด ออกไปตามท่อทางออกอีกคร้ัง ในการหมนุ ของโรเตอร์ 1 รอบ จะดดู -อดั 4 คร้ัง รูปท่ี 3.7 จังหวะดดู รูปท่ี 3.8 จังหวะอัด ทีม่ า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) รปู ท่ี 3.9 จงั หวะอดั ส่ง ท่มี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552)

คลัตชแ์ มเ่ หล็ก 1. ความหมายของคลตั ช์แมเ่ หลก็ คลตั ชแ์ มเ่ หล็ก (Magnetic Clutch) เปน็ ส่วนประกอบอันหนง่ึ ของคอมเพรสเซอร์ ตดิ ต้ังอยู่ ด้านหนา้ ตวั คอมเพรสเซอร์ โดยจะรวมอยู่เป็นชดุ กับพูเล่ย์ของคอมเพรสเซอร์ รปู ท่ี 3.11 คลตั ชแ์ มเ่ หล็ก ท่มี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) 2. หนา้ ทข่ี องคลัตชแ์ ม่เหล็ก คลัตชแ์ มเ่ หลก็ ทาหน้าที่ตดั -ต่อ กาลงั จากเครื่องยนต์ ทีจ่ ะส่งไปขับคอมเพรสเซอร์ โดย ใช้วงจรไฟฟ้าควบคุมเคร่ืองปรับอากาศ การที่ต้องตัด-ต่อ กาลังที่ขับคอมเพรสเซอร์นี้ เน่ืองจาก คอมเพรสเซอร์ต้องทางานตลอดเวลาที่เคร่ืองยนต์ทางาน สารทาความเย็นในระบบปรับอากาศจะ ไหลเวียนตลอดเวลา ทาให้อุณหภูมิห้องโดยสารต่ามากเกินไป หรือหากไม่ต้องการใช้ เคร่ืองปรับอากาศ ก็ไม่สามารถหยุดการทางานของเคร่ืองปรับอากาศได้ จะหยุดได้ก็ต่อเม่ือดับ เคร่ืองยนต์เท่านั้น นอกจากนี้ยังทาให้คอมเพรสเซอร์สึกหรอมาก สูญเสียกาลังของเคร่ืองยนต์ เพื่อ ขบั คอมเพรสเซอร์อยู่ตลอดเวลา และปัญหาอน่ื ๆ อีกมากมาย 3. โครงสรา้ งของคลัตชแ์ มเ่ หล็ก ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังน้ี 3.1 ขดลวดสเตเตอร์ เป็นขดลวดทองแดงพันอยู่รอบแกนเหล็ก ซึ่งมีลักษณะเป็น ทรงกระบอกส้ัน ๆ ขดลวดนี้ทาหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และที่ปลายท้ังสองของขดลวดจะมี สายไฟต่อออกมาด้วย

3.2 พูเล่ย์หรอื โรเตอร์ ทาหนา้ ที่รบั กาลังขบั จากเครื่องยนตโ์ ดยผ่านทางสายพาน 3.3 แผน่ คลัตช์ ทาหนา้ ทีร่ บั กาลังจากพูเล่ย์หรอื โรเตอร์ เพื่อสง่ ไปขับเพลาคอมเพรสเซอร์ โดยตรงกลางของแผ่นคลัตช์จะมีรูสาหรับสวมเข้ากับเพลาคอมเพรสเซอร์ และอาจใช้ลิ่ม หรือรอง สปายในการสง่ ผ่านกาลังระหว่างแผน่ คลัตช์กับเพลาคอมเพรสเซอร์ รูปท่ี 3.12 โครงสร้างของคลตั ช์แมเ่ หล็ก ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552) 4. การทางานของคลตั ช์แมเ่ หลก็ คลัตช์แม่เหล็กจะต่ออยู่กับวงจรไฟฟ้าควบคุมเคร่ืองปรับอากาศ เม่ือระบบควบคุม เคร่ืองปรับอากาศจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคลัตช์แม่เหล็ก จะทาให้ขดลวดสเตเตอร์เกิดอานาจแม่เหล็ก ขนึ้ และดูดให้แผน่ คลัตชม์ าติดกบั พเู ล่ย์ กาลังขบั จากเครือ่ งยนต์ที่ส่งมาทีพ่ เู ล่ย์จะส่งผ่านแผน่ คลัตช์ไป ยังเพลาคอมเพรสเซอร์ ทาให้เพลาคอมเพรสเซอร์ ทางานเม่ือระบบควบคุมเคร่ืองปรับอากาศตัด กระแสไฟฟ้าที่ไหลผา่ นคลัตชแ์ มเ่ หล็ก อานาจแม่เหล็กทีเ่ กิดขึน้ จะหมดไป ทาให้แผ่นคลัตช์แยกตวั ออก จากพูเล่ย์ กาลังจากเคร่ืองยนต์จึงไม่สามารถส่งผ่านแผ่นคลัตช์ไปขับเพลาคอมเพรสเซอร์ได้ การ ทางานของคอมเพรสเซอร์จึงหยุดลง

รปู ท่ี 3.13 การทางานของคลตั ชแ์ มเ่ หล็ก ทม่ี า (ชาตรี สรงประเสริฐ, 2552)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook