Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การป้องกันสาธารณภัย ทช02013

การป้องกันสาธารณภัย ทช02013

Description: การป้องกันสาธารณภัย ทช02013

Search

Read the Text Version

ก v หนังสือเรียน สาระทักษะการดาํ เนินชีวิต รายวชิ าเลอื ก การป้องกนั สาธารณภยั รหสั วชิ า ทช02013 ระดบั ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั เชียงใหม่ สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สํานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ห้ามจาํ หน่าย หนงั สือเรียนเล่มน้ีจดั พิมพด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผน่ ดินเพือ่ การศึกษาตลอดชีวติ สาํ หรับประชาชน ลิขสิทธ์ิเป็ นของสาํ นกั งาน กศน. จงั หวดั เชียงใหม่

ก คํานํา หนังสือเรียนรายวิชาเลือก วิชาการป้องกันสาธารณภัย รหัสวิชา ทช02013 ตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐานพุทธศกั ราช 2551 จัดทาํ ขึ้นเพอื่ ให้ผู้เรียนได้รับความรู้และประสบการณ์ ซ่ึงเป็นไปตามหลักการและปรัชญาการศึกษานอกโรงเรียนและพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551 ให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรม มีสติปัญญา มีศักยภาพในการประกอบ อาชีพและสามารถดาํ รงชวี ติ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสขุ ดังนั้น เพื่อให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ของสถานศึกษามีประสิทธิภาพ สถานศึกษาต้องใช้หนังสือ เรียนที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ของสถานศึกษา หนังสือเล่มน้ีได้ประมวลองค์ความรู้ กิจกรรมเสริมทักษะ แบบวัดประเมินผล การเรียนรไู้ วอ้ ย่างครบถว้ น โดยองค์ความรนู้ ้ันไดน้ าํ เนื้อหาสาระตามท่หี ลักสตู รกาํ หนดไว้ นาํ มาเรยี บเรยี งอย่าง มมี าตรฐานของการจัดทําหนังสือเรียน เพ่ือให้ผู้เรียนอ่านเข้าใจง่าย สามารถอ่านและศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ได้อย่างสะดวก คณะผู้จัดทําหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หนังสือเรียนสาระรายวิชาการป้องกันสาธารณภัย รหัสวิชา ทช02013 เล่มนีจ้ ะเป็นสอื่ การเรยี นการสอนทีอ่ ํานวยประโยชนต์ อ่ การเรยี นตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้สัมฤทธ์ิผลตามมาตรฐาน ตัวช้ีวัดท่ีกําหนดไว้ในหลักสูตร ทกุ ประการ คณะผจู้ ัดทาํ

สารบญั ข คํานาํ หนา้ สารบญั ก คาํ อธบิ ายรายวชิ า ข รายละเอียดวชิ า ง บทที่ 1 อคั คีภยั จ แผนการเรยี นร้ปู ระจาํ บท 1 ตอนที่ 1 การเกิดอัคคีภัย 2 2 เร่อื งท่ี 1.1 ความหมายและความสําคญั ของอัคคภี ยั 2 เรือ่ งที่ 1.2 องคป์ ระกอบของไฟ 3 เรอ่ื งท่ี 1.3 ประเภทของไฟ 4 ตอนที่ 2 สาเหตุแห่งการเกดิ อคั คภี ยั และการเลอื กใช้เครอ่ื งมอื ดับอคั คภี ยั 4 เรือ่ งที่ 2.1 สาเหตทุ ่ีทําให้เกิดอัคคีภยั 5 เรอื่ งที่ 2.2 การป้องกนั การเกิดอคั คภี ยั 7 เรือ่ งท่ี 2.3 ชนดิ ของเช้ือเพลงิ ทท่ี ําใหเ้ กดิ อคั คภี ัย 7 เรื่องท่ี 2.4 สว่ นประกอบของวัตถุทท่ี าํ ให้เกดิ อัคคภี ยั 8 เร่ืองท่ี 2.5 เคร่อื งมอื และวิธกี ารดับเพลิงเม่ือเกิดอัคคภี ยั 12 ตอนที่ 3 การปฏิบัตเิ พื่อเรยี นรแู้ ละป้องกันอัคคีภยั 12 เรอื่ งที่ 3.1 การปฏิบตั ติ นเม่อื เกิดไฟไหม้ 14 เร่อื งท่ี 3.2 ผลกระทบของการเกิดอัคคภี ยั 15 แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 1 16 บทท่ี 2 อุทกภยั 17 แผนการเรยี นรู้ประจําบท 17 ตอนท่ี 1 การเกิดอทุ กภัย 18 เรอื่ งที่ 1.1 ความหมายของอทุ กภัย เรื่องที่ 1.2 ชนิดของอทุ กภยั

สารบัญ (ตอ่ ) ค ตอนท่ี 2 การปอ้ งกนั และสาเหตุแห่งการเกิดอุทกภยั หน้า เรือ่ งที่ 2.1 สาเหตขุ องการเกิดอุทกภัย 19 เร่ืองท่ี 2.2 สาเหตุของการเกิดอุทกภยั 19 20 ตอนท่ี 3 การปฏิบตั ิเพื่อช่วยเหลอื ชุมชนเม่อื เกิดอุทกภัย 21 แบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 2 23 บทที่ 3 วาตภยั 24 แผนการเรียนรู้ประจําบท 25 เรือ่ งที่ 1.1 ความหมายของวาตภยั 26 เร่ืองที่ 1.2 ชนิดและลักษณะของวาตภยั 27 เรอ่ื งที่ 1.3 การเตรียมการปอ้ งกนั อนั ตรายจากวาตภัย 29 แบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี 3 30 31 บรรณานุกรม 32 คณะผ้จู ัดทาํ คณะบรรณาธิการ/ปรบั ปรุงแก้ไข

ง คําอธบิ ายรายวิชา ทช02013 การป้องกนั สาธารณภัย จาํ นวน 2 หน่วยกิต ระดับ ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐาน 4.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ดี่ ีเกย่ี วกบั การดูแล สง่ เสรมิ สุขภาพอนามยั และ ความ ปลอดภัยในการดาํ เนนิ ชีวติ ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกีย่ วกับเรอื่ งดังต่อไปนี้ 1. ความหมาย ความสําคัญ การปอ้ งกนั บรรเทาสาธารณภยั 2. การใชเ้ ครือ่ งมือ เครือ่ งใช้ต่าง ๆ และวธิ กี ารปอ้ งกนั ภยั ประเภทตา่ ง ๆ 3. การวางแผนปฏิบตั งิ าน 4. การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ จดั ใหผ้ ู้เรยี นฝกึ ทักษะการปฏบิ ัติจริง การซ้อมแผนปฏบิ ตั กิ ารโดยการเข้ารว่ มสถานการณจ์ าํ ลอง การวัดและประเมินผล - ทดสอบการปฏบิ ัตงิ านในหนว่ ยงาน - การจดั แผนปฏิบตั งิ านและการมอบหมายหนา้ ที่

จ รายละเอียดวชิ า 1. คาํ อธบิ ายรายวชิ า ศึกษาความหมาย ความสําคัญ การป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ฝึกปฏิบัติการใช้เครื่องมือ เคร่ืองใช้ ตา่ ง ๆ และวธิ กี ารป้องกนั ภัยประเภทต่าง ๆ การวางแผนปฏิบตั งิ านการชว่ ยเหลอื ผ้ปู ระสบภัยเบอ้ื งต้น 2. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ให้ผ้เู รียนศกึ ษาความหมาย ความสาํ คัญ การปอ้ งกันบรรเทาสาธารณภัย 2. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนฝกึ ปฏบิ ัติการใช้เคร่อื งมอื เครือ่ งใชต้ ่าง ๆ และวธิ ีการปอ้ งกนั ภยั ประเภทต่าง ๆ 3. เพอื่ ให้ผู้เรียนศกึ ษาเร่ืองการวางแผนปฏิบัตงิ าน 4. เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนฝกึ ปฏิบัติการชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั เบ้อื งต้น รายช่อื บทท่ี บทที่ 1 อคั คภี ัย บทท่ี 2 อุทกภัย บทที่ 3 วาตภัย

1 แผนการเรยี นรูป้ ระจาํ บท บทที่ 1 อคั คีภัย สาระสําคญั ผเู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ีดีเกยี่ วกบั การดูแล ส่งเสรมิ สุขภาพอนามยั และความ ปลอดภัยในการดําเนินชีวิต ด้านอัคคีภัย สามารถวิเคราะห์สาเหตุแห่งการเกิดอัคคีภัยและสามารถเลือกใช้ เคร่ืองมอื ดับอัคคภี ัย และมแี นวทางในการปฏิบตั ไิ ปสู่ชุมชมและสังคมเพอ่ื ใหเ้ รียนรแู้ ละปอ้ งกนั การเกิดอัคคีภัย ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง 1. อธบิ ายเกยี่ วกับการเกดิ อัคคภี ัย 2. วิเคราะหส์ าเหตุแห่งการเกดิ อคั คีภยั และสามารถเลือกใชเ้ คร่อื งมือดบั อัคคีภยั 3. มแี นวทางในการปฏิบัติไปสชู่ ุมชมและสงั คมเพื่อให้เรียนรู้และป้องกนั การเกิดอคั คภี ัย ขอบขา่ ยเนอ้ื หา 1. ความหมายความสาํ คัญของการเกิดอัคคภี ยั 2. องคป์ ระกอบของไฟ 3. ประเภทของไฟ (เชน่ ไฟฟา้ ลัดวงจร อคั คภี ัย น้าํ มัน) 4. ชนดิ ของการเกิดอัคคีภัย ( เชน่ ฟ้าผ่า การเผาไหม้ ) 5. การสรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจรว่ มกบั ชุมชน 6. การจัดทาํ แผนการเผชญิ เหตุ โดย วิเคราะห์ชมุ ชน สร้างกระบวนการมสี ่วนร่วมกบั ชุมชน กิจกรรมการเรียน 1. ศึกษาเอกสารการเรยี นรู้ 2. ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 3. ทําแบบฝกึ หดั ท้ายบท สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรยี นรู้ 2. แบบฝึกหัดทา้ ยบท ประเมินผล 1. ประเมินผลจากการทาํ แบบฝกึ หัดท้ายบท

2 ตอนที่ 1 การเกิดอัคคีภยั เรื่องที่ 1.1 ความหมายความสําคัญของการเกดิ อัคคีภยั อัคคีภัย หมายถึง ภัยอันตรายอันเกิดจากไฟที่ขาดการควบคุมดูแล ทําให้เกิดการติดต่อลุกลามไปตาม บริเวณท่ี มีเชื้อเพลิงเกิดการลุกไหม้ต่อเนื่อง สภาวะของไฟจะรุนแรงมากขึ้นถ้าการลุกไหม้ที่มีเชื้อเพลิงหนุน เนอื่ ง หรือมไี อของ เช้อื เพลงิ ถกู ขับออกมามาก ความรอ้ นแรงก็จะมากยิง่ ขึ้น สร้างความสูญเสียให้ทรัพย์สินและ ชวี ติ เรอื่ งที่ 1.2 องค์ประกอบของไฟ องคป์ ระกอบของไฟ มี 3 อยา่ ง คือ 1. ออกซเิ จน (Oxygen)ไม่ตาํ่ กว่า 16 % (ในบรรยากาศ ปกติจะมอี อกซิเจนอยปู่ ระมาณ 21 %) 2. เช้อื เพลิง (Fuel) สว่ นทเี่ ป็นไอ (เชือ้ เพลิงไม่มีไอ ไฟไมต่ ดิ ) 3. ความร้อน (Heat) เพียงพอทําให้เกดิ การลกุ ไหม้ ไฟจะตดิ เมอ่ื องคป์ ระกอบครบ 3 อยา่ ง ทาํ ปฏกิ ิรยิ าทางเคมีตอ่ เนือ่ งเป็นลกู โซ่ ( Chain Reaction ) ดงั นนั้ การปอ้ งกนั ไฟ และการดบั ไฟ คือ การกาํ จดั องคป์ ระกอบของไฟ

3 เร่อื งท่ี 1.3 ประเภทของไฟ Classification of Fire ไฟมี 4 ประเภท คือ A B C D ซึง่ เปน็ ขอ้ กาํ หนดมาตรฐานสากล ไฟประเภท เอ มีสัญลักษณ์เปน็ รูปตัว A สีขาวหรือดาํ อยใู่ น สามเหลี่ยมสีเขยี ว ไฟประเภท A คือ ไฟทเ่ี กิดจากเชอ้ื เพลงิ ทม่ี ลี ักษณะเปน็ ของแขง็ เช้อื เพลงิ ธรรมดา เชน่ ฟืน ฟาง ยาง ไม้ ผา้ กระดาษ พลาสติก หนงั สติก๊ หนังสตั ว์ ปอ นุ่น ดา้ ย รวมท้งั ตวั เราเอง วิธดี บั ไฟประเภท A ที่ดที ่ีสุด คอื การลดความรอ้ น (Cooling) โดย ใช้นํา้ ไฟประเภท บี มีสัญลักษณเ์ ปน็ รปู ตวั B สขี าวหรือดาํ อยใู่ นรปู สเี่ หลีย่ ม สีแดง ไฟประเภท B คือ ไฟท่เี กดิ จากเช้อื เพลงิ ทมี่ ีลกั ษณะเป็นของเหลว และกา๊ ซเช่น น้ํามันทกุ ชนดิ แอลกอฮอล์ ทนิ เนอร์ ยางมะตอยจาร บี และก๊าซตดิ ไฟทุกชนดิ เป็นตน้ วธิ ีดบั ไฟประเภท B ทดี่ ีทสี่ ดุ คอื กําจัดออกซเิ จน ทาํ ให้อบั อากาศ โดยคลมุ ดับใช้ผงเคมีแห้ง ใชฟ้ องโฟมคลุม ไฟประเภท ซี มสี ญั ลักษณ์เป็นรปู C สีขาวหรอื ดาํ อยู่ในวงกลมสฟี ้า ไฟประเภท C คือ ไฟทเี่ กิดจากเชื้อเพลิงที่มลี ักษณะเปน็ ของแข็งท่มี ี กระแสไฟฟา้ ไหลอยู่ เช่น อุปกรณไ์ ฟฟ้าทุกชนดิ การอารค์ การส ปาร์ค วธิ ดี ับไฟประเภท C ท่ดี ีทีส่ ุด คอื ตดั กระแสไฟฟา้ แลว้ จึงใชก้ ๊าซ คารบ์ อนไดออกไซด์ หรอื นา้ํ ยาเหลวระเหยท่ไี ม่มี CFC ไลอ่ อกซิเจน ออกไป ไฟประเภท ดี มสี ญั ลกั ษณ์เปน็ รูปตัว D สขี าวหรอื ดํา อยใู่ นดาว 5 แฉก สเี หลือง ไฟประเภท D คือไฟที่เกิดจากเช้อื เพลงิ ทีม่ ลี ักษณะเป็นโลหะและ สารเคมีตดิ ไฟ เช่น วตั ถรุ ะเบดิ ,ปุ๋ยยเู รยี (แอมโมเนียมไนเตรต), ผง แมกนีเซยี ม ฯลฯ วิธีดบั ไฟประเภท D ที่ดที สี่ ุด คอื การทําให้อบั อากาศ หรอื ใช้ สารเคมีเฉพาะ(ห้ามใช้นํ้าเปน็ อนั ขาด) ซง่ึ ต้องศึกษาหาขอ้ มลู แต่ละ ชนิดของสาร เคมหี รือโลหะนั้นๆ

4 ตอนท่ี 2 สาเหตุแหง่ การเกิดอคั คีภัย และการเลอื กใช้เคร่อื งมือดบั อคั คีภยั เรอ่ื งที่ 2.1 สาเหตุที่ทาํ ใหเ้ กดิ อคั คีภัย สาเหตุทที่ าํ ใหเ้ กิดอัคคภี ยั แบง่ เปน็ ประเภทใหญๆ่ ไดเ้ ปน็ 4 ประเภท ดงั นี้ 1. สาเหตุจากความประมาท เลินเล่อในการไม่ระมัดระวังการใช้ไฟ เช่นการสูบบุหรี่ ทิ้งก้นบุหร่ีไม่เป็น ท่ี การเผาขยะแล้วไม่ควบคุมดูแลการหุงต้มอาหารแล้วขาดการระมัดระวัง การใช้ฟิวส์ไม่ถูกขนาดกับ กาํ ลงั ไฟฟ้าเมือ่ เกดิ การลัดวงจรหรือการใชไ้ ฟฟ้าเกนิ กําลังแตฟ่ ิวสไ์ มข่ าดก็จะทําให้เกิดความร้อนข้ึนในสายไฟทํา ใหฉ้ นวนหมุ้ สายหลอมละลายลุกไหม้สายไฟที่มีความร้อนมากก็จะลุกไหม้ส่งความร้อนมายังวัสดุท่ีเป็นเชื้อเพลิง ก็จะทําใหล้ ุกไหม้ติดต่อลุกลามข้ึน การใช้ไฟฟ้าเกินกําลังกรณีการใช้เต้ารับเต้าเดียว แต่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายๆ อย่างพร้อมกันทําให้เกิดความร้อนท่ีขั้วเต้ารับหรือสายไฟไม่เหมาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้กําลังไฟฟ้ามากกว่าท่ี สายไฟจะทนได้จะเกิดความร้อนในสายและลุกไหม้ท่ีฉนวนหุ้มสายและติดต่อลุกลามส่ิงที่อยู่ใกล้เคียงได้ นอกจากน้ียังรวมถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชํารุดการอาร์คจากการต่อสายไฟฟ้าไม่แน่นทําให้เกิดความต้านทาน สูงกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไม่สะดวกอาจเกิดความร้อนมากและลุกไหม้ขึ้นมาได้ตลอดจนการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ี ไมไ่ ด้มาตรฐาน เป็นตน้ 2. สาเหตุจากอุบัติเหตุจากกรณีของก๊าซหุงต้มรั่วไหลออกมาและมีส่วนผสมพอเหมาะกับอากาศที่ พร้อมจะลุกไหม้ เม่ือมปี ระกายไฟและความรอ้ นถงึ จุดติดไฟ เช่นเมื่อเปิดสวิทช์ไฟฟ้าในขณะที่เกิดก๊าซร่ัว จะทํา ให้เกิดประกายไฟลกุ ไหมท้ ันทแี ละจะระเบิดอยา่ งรวดเร็ว เป็นตน้ 3. การลอบวางเพลิง อาจเกิดจากการขัดผลประโยชน์หรือการอิจฉาริษยาอาฆาตแค้นต่อกัน ต้องการ ทาํ ลายคแู่ ข่งขันการจงใจทจ่ี ะทาํ ใหเ้ กดิ การลุกไหม้ ซ่งึ อาจจะเกดิ จากการหวงั เอาเงินประกนั เปน็ ตน้ 4. ไม่ทราบสาเหตุ การเกิดเพลิงไหม้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ทราบสาเหตุที่เกิดข้ึนและมักจะสันนิษฐานว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จริงๆแล้วอาจเกิดจากการเก็บวัสดุไม่เป็นระเบียบการเก็บและกําจัดเช้ือเพลิงไม่ถูกต้อง จึงทาํ ใหเ้ กดิ ไฟไหม้ข้ึนไดโ้ ดยคาดไมถ่ งึ ตัวอยา่ งเช่นสารที่อาจเกดิ ขึน้ ในการเกดิ อัคคภี ัย อันได้แก่ - คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) เป็นก๊าซพิษท่ีมีอันตรายอย่างสูงต่อคนและเกิดขึ้นได้ มากเสมอในการเผาไหม้ในบริเวณจํากดั อนั ตรายต่อคนคือถา้ ผสมอย่ใู นอากาศคิดเป็นเปอร์เซ็นต์โดยปริมาณ ถ้า เกนิ 0.05% จะเกดิ อันตราย ถา้ มีอยู่ 0.16% ทําให้หมดสตใิ น 2 ชวั่ โมง ถ้ามอี ยู่ 1.26% จะหมดสติภายใน 1 ถงึ 3 นาที ของการหายใจและอาจถึงชีวิตได้นอกจากความเป็นพิษแล้วก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ยังเป็นก๊าซ เช้ือเพลิงอกี ด้วยเม่ือมีความเข้มข้นในอากาศสูงๆ สามารถลุกไหม้และเกิดการระเบิดได้อย่างรุนแรงเพลิงไหม้ใน บรเิ วณที่โลง่ แจง้ จะมีอนั ตรายจากกา๊ ซคาร์บอนมอนอกไซดน์ อ้ ยลงไป - ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide) เกิดจากการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์แบบไม่เป็น เชื้อเพลิงและไม่ก่ออันตรายแก่ร่างกายโดยตรงแต่จะทําให้ร่างกายขาดออกซิเจนถ้าก๊าซนี้มีความเข้มข้นใน อากาศเกนิ กวา่ 5.0% โดยปริมาณ จะมีอันตรายและทําใหผ้ สู้ ูดดมหมดสติได้

5 เรอ่ื งท่ี 2.2 การป้องกนั การเกิดอัคคภี ยั ความเสียหายที่เกิดจากอัคคีภัยเป็นการยากท่ีจะควบคุมและป้องกันมิให้เกิดอัคคีภัยขึ้นได้อย่าง เด็ดขาดและเสมอไปเพราะอัคคีภัยน้ันเปรียบเสมือน \"ศัตรูที่ไม่รู้จักหลับ\"และความประมาทเลินเล่อของผู้ ทํางานหรือผู้ประกอบกิจการเป็นจํานวนมากย่อมจะเกิดและมีขึ้นได้ไม่วันใดก็วันหนึ่งจึงเห็นควรท่ีจะต้อง ช่วยกันป้องกันอัคคีภัยในการป้องกันอัคคีภัยจะมีสิ่งท่ีควรปฏิบัติเฉพาะเร่ืองเฉพาะอย่างอีกมากมาย แต่ก็ มี หลักการงา่ ย ๆในการปอ้ งกนั อคั คีภัยอยู่ 5 ประการ คอื 1. การจัดระเบียบเรียบร้อยภายในและภายนอกอาคารให้ดี เช่น การขจัดสิ่งรกรุงรังภายในอาคาร บ้านเรอื นให้หมดไปโดยการเก็บรกั ษาส่งิ ทอี่ าจจะเกิดอัคคีภัยได้ง่ายไว้ให้เป็นสัดส่วน ซึ่งเป็นบันได ขั้นต้นในการ ป้องกนั อัคคภี ยั 2. การตรวจตราซ่อมบํารุงบรรดาส่ิงท่ีนํามาใช้ในการประกอบกิจการ เช่น สายไฟฟ้าเคร่ืองจักรกล เครือ่ งทาํ ความร้อนให้อยู่ในสภาพทส่ี มบรู ณแ์ ละความปลอดภัยก็จะปอ้ งกนั มใิ หเ้ กดิ อคั คภี ัย ได้ดยี ่งิ ขึน้ 3. อยา่ ฝ่าฝืนขอ้ หา้ มทีจ่ ิตสํานกึ ควรพงึ ระวัง เช่น 3.1) อย่าปลอ่ ยใหเ้ ด็กเลน่ ไฟ 3.2) อย่าจุดธปู เทยี นบชู าพระทิง้ ไว้ 3.3) อย่าวางก้นบหุ รท่ี ่ีขอบจานท่เี ขีย่ บหุ ร่ี หรอื ขยี้ดับไม่หมด ทําให้พลัดตกจากจาน หรือสูบ บหุ ร่ีบนทนี่ อน 3.4) อยา่ ใชเ้ ครือ่ งต้มน้ําไฟฟา้ แล้วเสียบปลั๊กจนนา้ํ แห้ง 3.5) อยา่ เปดิ พดั ลมแลว้ ไมป่ ดิ ปล่อยให้หมนุ คา้ งคนื ค้างวัน 3.6) อาจมเี ครื่องอาํ นวยความสขุ อย่างอืน่ เชน่ เปดิ โทรทัศน์ แลว้ ลืมปดิ 3.7) วางเครือ่ งไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ ตเู้ ยน็ ติดฝาผนงั ความรอ้ นระบายออกไม่ได้ 3.8) อย่าหมกเศษผ้าขี้ริ้ว วางไม้กวาดดอกหญ้า หรือซุกเศษกระดาษไว้หลังตู้เย็นบางคร้ัง สัตวเ์ ล้ยี งในอาคารก็คาบเศษสิ่งไมใ้ ชไ้ ปสะสมไวห้ ลังตู้เย็นท่มี ไี ออุ่นอาจเกิดการคุไหมข้ ึ้น 3.9) อย่าใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือปลอมแปลงคุณภาพ เช่น บาลาสต์ท่ีใช้กับ หลอดไฟฟา้ ฟลอู อเรสเซนท์เมอ่ื เปิดไฟทงิ้ ไว้อาจร้อนและลุกไหมส้ ่วนของอาคารที่ตดิ อยู่ 3.10) อย่าจุดหรือเผาขยะมูลฝอย หญ้าแห้ง โดยไม่มีคนดูแลเพราะไฟที่ยังไม่ดับเกิดลมพัดคุ ขึ้นมาอกี มีลกู ไฟปลิวไปจดุ ตดิ บรเิ วณใกล้เคยี งได้ 3.11) อยา่ ลืมเสียบปล๊ักไฟฟ้าท้ิงไว้ 3.12) อยา่ ทง้ิ อาคารบา้ นเรือนหรือคนชราแลเดก็ ไวโ้ ดยไม่มีผูด้ แู ล 3.13) อยา่ สบู บหุ ร่ีขณะเตมิ น้ํามันรถ 3.14) ดูแลการหุงต้มเมื่อเสร็จการหุงต้มแล้วให้ดับไฟถ้าใช้เตาแก๊สต้องปิดวาล์วเตาแก๊สและ ถงั แกส๊ ให้เรยี บร้อย 3.15) เครื่องเขียนแบบพิมพ์บางชนิดไวไฟ เช่น กระดาษไข ยาลบกระดาษไข อาจเป็นส่ือ สะพานไฟทาํ ใหเ้ กิดอัคคภี ัยติดตอ่ คกุ คามได้ 3.16) ดดี ีที สเปรย์ฉดี ผม ฉดี ใกลไ้ ฟ จะติดไฟและระเบดิ 3.17) เกดิ ไฟฟา้ ลัดวงจรในคืนฝนตกหนัก เพราะสายไฟที่เก่าเป่ือยเม่ือวางทับอยู่กับฝ้าเพดาน ไมผ้ ทู้ ม่ี คี วามชนื้ ยอ่ มเกดิ อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ ขึ้นได้

6 3.18) เกิดฟ้าผ่าลงท่ีอาคารขณะมีพายุฝน ถ้าไม่มีสายล่อฟ้าท่ีถูกต้องก็ต้อง เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ไดอ้ ยา่ งแน่นอน 3.19) เตาแก๊สหงุ ตม้ ในครวั เรอื นหรอื สาํ นกั งานเกิดร่ัว 3.20) รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เกดิ อบุ ัตเิ หตุหรือถา่ ยเทนาํ้ มันเบนซนิ เกิดการรั่ว ไหลก็น่าเกิด อคั คภี ัยขึน้ ได้ 3.21) ในสถานที่บางแห่งมีการเก็บรักษาเคมีที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย อาจคุไหม้ขึ้นได้ เอง สารเคมีบางชนิด เช่น สีนํ้ามันและ นํ้ามันลินสีดเม่ือคลุกเคล้ากับเศษผ้าวางทิ้งไว้อาจคุไหม้ขึ้นเองใน ห้องทดลองเคมีของโรงเรียน เคยมีเหตุ เกิดจากขวดบรรจุฟอสฟอรัสเหลือง (ขวด)พลัด ตกลงมา เกิดแตกลุก ไหมข้ น้ึ 3.22) ซ่อมแซมสถานท่ีเช่นการลอกสีด้วยเคร่ืองพ่นไฟการตัดเชื่อมโลหะด้วยแก๊สหรือไฟฟ้า การทาสีหรอื พน่ สีตอ้ งทําดว้ ยความระมัดระวงั อาจเกดิ ไฟลุกไหม้ขึน้ ได้ 4. ความร่วมมือที่ดีจะต้องปฏิบัติตามคําแนะนําท่ีเจ้าหน้าท่ีดับเพลิงนายตรวจป้องกันอัคคีภัยได้ให้ไว้ และปฏิบัตติ ามขอ้ ห้ามทีว่ าง ไวเ้ พอ่ื ความปลอดภยั จากสถาบนั ต่างๆ 5. ประการสุดท้ายจะต้องมีน้ําในตุ่มเตรียมไว้สําหรับสาดรดเพ่ือให้อาคารเปียกชุ่มก่อนไฟจะมาถึง เตรียมทรายและเครื่องมือดับเพลิงเคมีไว้ให้ถูกท่ีถูกทางสําหรับดับเพลิงช้ันต้นและต้องรู้จักการใช้ เคร่ือง ดบั เพลิงเคมดี ้วยและระลึกอยูเ่ สมอวา่ เมื่อเกิด เพลิงไหมแ้ ลว้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิดังน้ี (1) แจ้งขา่ วเพลงิ ไหม้ทนั ที โทร199 หรือสถานดี บั เพลิงสถานีตาํ รวจใกล้เคยี งโดยแบง่ หน้าทีก่ นั ทํา (2) ดับเพลิงดว้ ยเคร่ืองดับเพลงิ ท่มี ีอยใู่ นบริเวณที่ใกลเ้ คียงกบั ท่เี กดิ เหตุ (3) หากดับเพลิงช้ันต้นไม่ได้ให้เปิดประตูหน้าต่างบ้านและอาคารทุกบานและอุดท่อทางต่างๆ ทอี่ าจเป็นทางผา่ นความรอ้ น ก๊าซและควันเพลิงเสยี ดว้ ย

7 เรอ่ื งท่ี 2.3 ชนดิ ของเช้อื เพลงิ ทีท่ ําให้เกดิ อคั คภี ัย แบ่งชนิดขององค์ประกอบได้ 4 กลมุ่ ดังน้ี 1. กลุ่มท่มี คี ารบ์ อนเปน็ องคป์ ระกอบหลักหรอื สารอ่นื ท่ีพรอ้ มและสามารถทําปฏกิ ิริยากบั ออกซเิ จนได้ โดยที่ไม่ใช่ธาตุในกลุ่มโลหะ เช่น วัสดุทม่ี คี าร์บอนเป็นองคป์ ระกอบหลกั ทว่ั ๆ ไป Sulfur, Phosphorus, Arsenic เปน็ ต้น 2. กลุ่มสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) เปน็ สารทม่ี ปี รมิ าณคาร์บอนกบั ไฮโดรเจนอยู่ เปน็ จาํ นวนมาก เช่น Methane, Ethane เปน็ ต้น 3. กลมุ่ สารผสมของคาร์บอน ไฮโดรเจน และ ออกซเิ จน เป็นสารทีร่ วมเอาสารทัง้ สามเอาไวด้ ว้ ยกัน เช่น แอลกอฮอล์ Aldehydes, Organic Acids เป็นต้น 4. กลุม่ โลหะ มโี ลหะหรือโลหะผสมจําพวก Sodium, Potassium, Magnesium, Aluminum, Zinc, Titanium และ Uranium จดั เปน็ เชือ้ เพลิงในกลมุ่ นี้ เร่อื งท่ี 2.4 สว่ นประกอบของวตั ถุทที่ าํ ใหเ้ กดิ อคั คีภยั องคป์ ระกอบในการเผาไหมม้ อี ยู่ 4 องค์ประกอบ คือ 1. เช้ือเพลิง (Fuel) คือ วัตถุใดๆ ก็ตามท่ีสามารถทําปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อย่างรวดเร็วในการเผา ไหม้ เชน่ ก๊าซ ไม้ กระดาษ น้ํามนั โลหะ พลาสติก เป็นต้น เชื้อเพลิงที่อยู่ในสถานะก๊าซจะสามารถลุกไหม้ไฟได้ แต่เชื้อเพลิงท่ีอยู่ในสถานะของแข็งและของเหลวจะไม่สามารถลุกไหม้ไฟได้ ถ้าโมเลกุลที่ผิวของเช้ือเพลิงไม่อยู่ ในสภาพท่ีเป็นก๊าซ การท่ีโมเลกุลของของแข็งหรือของเหลวนั้นจะสามารถแปรสภาพ กลายเป็นก๊าซได้นั้น จะต้องอาศยั ความร้อนที่แตกต่างกันตามชนิดของเชื้อเพลิงแต่ละชนิด ความแตกต่างของลักษณะการติดไฟของ เชอ้ื เพลิงดังกล่าวข้นึ อยู่กับคุณสมบัติ 4 ประการ ดงั นี้ 1.1 ความสามารถในการติดไฟของสาร ( Flamablility Limitts) เป็นปริมาณไอของสารที่เป็นเช้ือเพลิงในอากาศท่ีมีคุณสมบัติซ่ึงพร้อมจะติดไฟได้ในการ เผาไหม้น้ันปริมาณไอเชื้อเพลิงที่ผสมกับอากาศนั้นจะต้องมีปริมาณพอเหมาะจึงจะติดไฟได้ โดยปริมาณต่ําสุด ของไอเชื้อเพลิงท่ีเป็น % ในอากาศ ซ่ึงสามารถจุดติดไฟได้เรียกว่า “ค่าตํ่าสุดของไอเช้ือเพลิง (Lower Flammable Limit)” และปริมาณสูงสุดของไอเชื้อเพลิงท่ีเป็น % ในอากาศซึ่งสามารถจุดติดไฟได้เรียกว่า “ค่าสูงสดุ ของไอเชื้อเพลิง (Upper Flammable Limit)” ซึ่งสารเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะมีค่าตํ่าสุดและค่าสูงสุด ของไอเชือ้ เพลงิ แตกต่างกันไป 1.2 จุดวาบไฟ (Flash Point) คืออุณหภูมิที่ต่ําท่ีสุด ที่สามารถทําให้เชื้อเพลิงคายไอออกมา ผสมกับอากาศในอัตราส่วน ที่เหมาะสมถึงจุดท่ีมีค่าต่ําสุดถึงค่าสูงสุดของไอเชื้อเพลิง เม่ือมีประกายไฟก็จะเกิด การตดิ ไฟ เป็นไฟวาบข้ึนและก็ดับ 1.3 จุดติดไฟ (Fire Point) คืออุณหภูมิของสารท่ีเป็นเชื้อเพลิงได้รับความร้อน จนถึงจุดที่จะ ติดไฟได้แต่การติดไฟนั้นจะต้องต่อเน่ืองกันไป โดยปกติความร้อนของ Fire Point จะสูงกว่า Flash Point ประมาณ 7 องศาเซลเซยี ส 1.4 ความหนาแน่นไอ (Vapor Density) คืออัตราส่วนของน้ําหนักของสารเคมีในสถานะก๊าซ ต่อน้ําหนักของอากาศเม่ือมีปริมาณเท่ากัน ความหนาแน่นไอ ใช้เป็นสิ่งบ่งบอกให้ทราบว่าก๊าซนั้นจะหนักหรือ เบากว่าอากาศซึง่ ใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการควบคุมอัคคีภยั

8 2. ออกซิเจน( Oxygen ) อากาศที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา น้ันมีก๊าซออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ ประมาณ 21 % แต่การเผาไหม้แต่ละคร้ังนั้นจะต้องการออกซิเจนประมาณ 16 % เท่านั้น ดังน้ันจะเห็นว่าเชื้อเพลิงทุก ชนิดที่อยู่ในบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเรานั้นจะถูกล้อมรอบด้วยออกซิเจน ซึ่งมีปริมาณเพียงพอสําหรับการเผาไหม้ ย่ิงถ้าปริมาณออกซิเจนย่ิงมากเชื้อเพลิงก็ยิ่งติดไฟได้ดีขึ้น และเช้ือเพลิงบางประเภทจะมีออกซิเจนในตัวเอง อย่างเพยี งพอที่จะทําใหต้ ัวเองไหมไ้ ด้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนที่อยโู่ ดยรอบเลย 3. ความรอ้ น ( Heat ) ความรอ้ น คือ พลงั งานทที่ ําให้เชื้อเพลงิ แต่ละชนิดเกิดการคายไอออกมา 4. ปฏกิ ริ ิยาลกู โซ่ ( Chain Reaction ) หรอื การเผาไหมอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง คอื กระบวนการเผาไหม้ที่เร่ิม ตั้งแต่เช้ือเพลิงได้รับความร้อนจนติดไฟเม่ือเกิดไฟข้ึน หมายถึง การเกิดปฏิกิริยา กล่าวคืออะตอมจะถูกเหวี่ยง ออกจากโมเลกุลของเช้ือเพลิง กลายเป็นอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระเหล่านี้จะกลับไปอยู่ที่ฐานของไฟอย่าง รวดเร็ว ทําใหเ้ กดิ เปลวไฟ เรือ่ งท่ี 2.5. เครือ่ งมอื และวธิ ีการดับเพลงิ เมื่อเกดิ อคั คภี ยั 2.5.1 เคร่ืองมือ/อุปกรณ์ดบั เพลิงเบือ้ งต้น เครื่องดับเพลิงมีอยู่หลายชนิด ส่วนมากมีขนาดเล็ก สะดวกแก่การเคล่ือนย้าย และใช้ได้ผลดีกับเพลิง ขนาดเลก็ ทีเ่ พิ่งเรมิ่ เกิดเท่านั้น ผู้ใช้ต้องรู้จกั เลอื กเครอ่ื งดบั เพลิง ใหถ้ กู กับชนดิ ของเพลงิ จงึ จะสามารถดับได้ดี 1. เครอื่ งดบั เพลิงชนิดผงเคมีแหง้ Dry chemical (powder) เป็นเคร่ืองมือดับเพลิงที่ใช้ได้ผลรวดเร็วในการดับไฟเกือบทุกชนิด ในถังจะ ประกอบด้วยผงเคมีแห้งโซเดียมไบคาร์บอเนต และมีสารกันชื้น ผงเคมีนี้ไม่เป็นส่ือ ไฟฟ้า จึงใช้ได้ดีกับเชื้องเพลิง ที่เป็นเพลิงไฟฟ้า ที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ ในถังจะ ประกอบด้วยผงเคมี ซึ่ง มีหลายชนิด หลายคุณภาพไว้ในถัง แล้วอัดแรงดันด้วยก๊าซ ไนโตรเจนเข้าไป เวลาใช้ ผงเคมีจะถูกดันออกไปคลุมไฟทําให้อับอากาศ ควรใช้ ภายนอกอาคาร เพราะผงเคมีเป็นฝุ่นละอองฟุ้งกระจายทําให้เกิดความสกปรก และ เป็นอุปสรรคในการเข้าผจญเพลิง อาจทําให้อุปกรณ์ไฟฟ้าราคาแพง เสียหาย การ ตรวจสภาพควรตรวจทกุ ๆ 6 เดอื นใช้ดบั ไฟประเภท A ,B และC 2. เครอื่ งดับเพลงิ ชนดิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซดห์ รอื ซีโอทู (Carbondioxide) เป็นเครื่องมือดับเพลิงที่ใช้ได้ผลรวดเร็วในการดับไฟเกือบทุกชนิด ในถัง จะประกอบด้วยผงเคมีแห้งโซเดียมไบคาร์บอเนต และมีสารกันช้ืน ผงเคมีน้ีไม่เป็น สื่อไฟฟ้า จึงใช้ได้ดีกับเชื้องเพลิง ท่ีเป็นเพลิงไฟฟ้า ท่ีมีกระแสไฟฟ้าอยู่ ในถังจะ ประกอบด้วยผงเคมี ซึ่ง มีหลายชนิด หลายคุณภาพไว้ในถัง แล้วอัดแรงดันด้วยก๊าซ ไนโตรเจนเข้าไป เวลาใช้ ผงเคมีจะถูกดันออกไปคลุมไฟทําให้อับอากาศ ควรใช้ ภายนอกอาคาร เพราะผงเคมีเป็นฝุ่นละอองฟุ้งกระจายทําให้เกิดความสกปรก และ เป็นอุปสรรคในการเข้าผจญเพลิง อาจทําให้อุปกรณ์ไฟฟ้าราคาแพง เสียหาย การ ตรวจสภาพควรตรวจทกุ ๆ 6 เดือน ใชด้ ับไฟประเภท A , B และ C

9 3. เครอื่ งดบั เพลิงชนิดนํ้าสะสมแรงดัน ( Water ) เคร่ืองดับเพลิงชนิดบรรจุน้ําธรรมดา ภายในบรรจุน้ําธรรมดา อาศัย แรงดันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือไนโตรเจนที่อัดใช้ในกระบอกโลหะ ใช้ ดับเพลิงธรรมดา เช่น ไม้ ถ่าน กระดาษ เสื้อผ้า อาคารบ้านเรือน ใช้ดับไฟ ประเภท A 4. เครือ่ งดบั เพลงิ ชนิดโฟมสะสมแรงดัน ( Foam ) บรรจุอยู่ในถังท่ีมีน้ํายาโฟมผสมกับนํ้าแล้วอัดแรงดันเข้าไว้ (นิยมใช้โฟม AFFF) ใช้ในการดับเพลิงประเภท A และ B โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดับเพลิง ประเภท B เนื่องจากน้ํายาโฟม AFFF เบามาก จึงลอยบนผิวหน้าน้ํามันได้รวดเร็ว เม่ือผิวหน้าน้ํามันขาดอากาศไฟจะดับลงทันที เวลาใช้ถอดสลักและบีบคันบีบ แรงดันจะดันนํ้าผสมกับโฟมผ่านหัวฉีดฝักบัว พ่นออกมาเป็นฟองกระจายไปปก คลุมบรเิ วณท่ีเกดิ ไฟไหม้ ทําใหอ้ ับอากาศขาดออกซเิ จน และลดความร้อน ใช้ดับไฟ ประเภท A และ B ไฟประเภท บี มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว B สีขาวหรือดํา อยู่ในรูป สเ่ี หลยี่ ม 5. เคร่ืองดับเพลิงชนดิ นา้ํ ยาเหลวระเหย ฮาโลตรอน ( Halotron ) ดับเพลิงท่ีเกิดจากน้ํามันเช้ือเพลิงและไฟฟ้าได้ดี เม่ือเทียบกับเคร่ือง ดับเพลิงชนิดอื่นๆ มีตัวยาท่ีสามารถใช้ในการดับเพลิงท่ีเกี่ยวกับน้ํามัน เชื้อเพลิงเหลวอย่างอื่นหรือเชื้อเพลิงธรรมดาก็ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ เดิมบรรจุนํ้ายาเหลวระเหย ชนิด BCF Halon โบรโมคลอโร ไดฟลูออโร ซ่ึง เป็นสาร CFC ไว้ในถังสีเหลือง ใช้ดับไฟได้ดีแต่มีสารพิษ และในปัจจุบัน องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้เลิกผลิตพร้อมทั้งให้ทุกประเทศ ลดการใช้ จนหมดสิ้น เพราะเป็นสารท่ีทําลายสิ่งแวดล้อมโลกบางประเทศ เช่น ออสเต เลีย ถือว่าเป็นส่ิงผิดกฎหมาย : ปัจจุบันนํ้ายาเหลวระเหยท่ีไม่มีสาร CFC มี หลายยี่ห้อ และหลายช่ือ ใช้ดับไฟประเภท C และ B ส่วนไฟประเภท A ต้อง มีความชํานาญ สามารถฉีดใช้ได้ไกลกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไซด์ คือ ระยะ 3-4 เมตร

10 2.5.2 วธิ ใี ชเ้ คร่อื งดบั เพลงิ แบบมือถือ ท่องจาํ ใหข้ ้ึนใจ ขอ้ สงั เกตและข้อควรระวัง ภาพ ขัน้ ตอน สน่ี ้ิวเรยี งชิดติดกัน หา้ มยกหิ้วท่ีโคนสายฉีดเพราะอาจทํา จับใต้คนั บีบดา้ นล่าง ให้หกั ขาด จนใช้งานไมไ่ ด้ การหิว้ ถัง หนั สายฉดี ไปดา้ นหนา้ การนําพา แลว้ นาํ พาไป ควรนาํ ไปที่เกดิ เหตุ 2 ถัง เพ่ือสํารอง ถ้าระงับ ไมอ่ ยู่ในถงั เดยี ว มองหาเป้าหมาย พอเหน็ แสงไฟ ไมเ่ หน็ แสงไฟอย่าฉดี การเขา้ ดบั ให้เข้าเหนือลม ระยะหา่ ง ระยะเหมาะสม หากเขา้ ใต้ลม กา๊ ซพษิ ควนั ไฟจะถูกพดั เขา้ หา ตวั 3 ถึง 4 ม.ถา้ ชนิดซโี อทู 1½ ม. ถึง 2 ม. การดึงสลกั ดงึ สลักออกมา หมุนใหเ้ สน้ พลาสติกทคี่ ลอ้ งสลกั ขาดกอ่ น ยกสายฉีด ยกสายฉีดตรงหน้า ควรสงั เกตใหแ้ น่ใจวา่ จะนําสายฉีดออกใช้ได้ อย่างไร จับปลายสาย จบั ปลายใหม้ นั่ จบั ปลายสายฉดี ให้แน่น บีบคนั บบี บีบคันบีบฉับพลนั บบี คันบีบอยา่ งแรง และตอ่ เน่ือง ส่ายหวั ฉีด สา่ ยหวั ฉดี ไปมา ส่ายหวั ฉดี เพื่อให้สารดบั ไฟจากถัง ครอบคลมุ ฐานของไฟ การเลง็ เปา้ หมายตรงหน้า ตามองเป้าหมาย ก้มหรอื ย่อตัวเล็กนอ้ ยเพื่อ เปา้ หมาย หลบควันและความรอ้ น ทิศทางการฉดี ฉดี กลบฐานของไฟ ฉดี กลบฐานของไฟ ฉดี จากใกลไ้ ปไกล เมือ่ แรงดนั ในถังลดลง ควรกา้ วเดินเขา้ สู่ เปา้ หมายอย่างระมัดระวงั ดับใหส้ นิท ดับได้แน่นอน ตอ้ งแนใ่ จวา่ ไฟดับ กอ่ นถอยอกจากทีเ่ กิดเหตุ

11 2.5.3 วิธีการดบั ไฟ สามารถทาํ ได้ 3 วิธี คือ 1. ตัดออกซเิ จน เชน่ การฉีดโฟมคลมุ เปน็ ตน้ 2. ตดั เชอื้ เพลงิ เช่น ถ่าย/ย้ายเชอื้ เพลิงใหเ้ หลอื นอ้ ยทีส่ ดุ 3. ลดความรอ้ น เชน่ ฉีดนา้ํ (cooling) นอกจากนี้ ยงั มวี ธิ กี ารดบั ไฟโดยแยกตามประเภทของไฟ ได้ดงั น้ี 1. ประเภท A วิธีการดับไฟ คอื การฉีดน้ําเพอื่ ลดความร้อน 2. ประเภท B วิธกี ารดับไฟ คอื การใช้ฟองโฟมคลุม หรือใชผ้ งเคมีแหง้ เพอ่ื ทาํ การกําจดั ออกซเิ จน 3. ประเภท C วิธีการดับไฟ คือ การตัดกระแสไฟฟ้าแล้วจึงใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไล่ออกซิเจน ออกไป 4. ประเภท D วิธีการดับไฟ คือ การทําให้อับอากาศหรือใช้สารเคมีเฉพาะ ต้องศึกษาการดับสารแต่ละ ชนดิ ใหด้ ี และห้ามใชน้ ้ําทาํ การดับไฟประเภทน้ีเปน็ อันขาด

12 ตอนที่ 3 การปฏิบตั ิเพอื่ เรียนร้แู ละป้องกันอคั คีภยั เรื่องที่ 3.1 การปฏิบัติตนเม่ือเกิดไฟไหม้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะนําวิธีป้องกันอัคคีภัยเบื้องต้น ผู้อาศัยในแต่ละบ้าน ควรหมั่นตรวจสอบ อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้า ให้อยู่ในสภาพท่ีปลอดภัย และติดต้ังอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ภายใน บ้าน ไม่ควรจุดธูปเทียนทิ้งไว้โดย ไม่มีคนดูแล ปิดสวิตซ์ และถอดปล๊ักไฟทุกคร้ังหลังเลิกใช้งานเคร่ืองใช้ไฟฟ้า ปอ้ งกนั การเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ท่ที ํา ใหเ้ กดิ เพลิงไหม้ สําหรับบ้านหรือห้องที่ติดตั้งเหล็กดัดกันขโมยตามประตู หรือหน้าต่าง ควรทําช่องที่สามารถเปิดออก ดว้ ยการไขกุญแจ อยา่ งน้อย 1 บาน และควรเก็บกุญแจไขเปิดไว้ในท่ีซ่ึงสามารถหยิบใช้ได้ง่าย ส่วนผู้ที่เข้าไปใน อาคารท่ีไม่คุ้นเคย ควร สังเกตทางหนีไฟท่ีอยู่ใกล้ท่ีสุดอย่างน้อย 2 แห่ง พร้อมกับมองหาตําแหน่งของอุปกรณ์ ดับเพลิง กรณีทีเ่ กดิ เหตุเพลงิ ไหม้ ควรต้งั สติ ไมต่ นื่ ตระหนกั และปฏบิ ัติตามวิธีดงั ต่อไปน้ี 1. ตะโกนหรือสง่ สัญญาณแจง้ เหตใุ หผ้ ู้อ่นื ทราบทันที 2. รบี ออกจากอาคารอยา่ งเป็นระเบียบโดยเร็วทส่ี ดุ และไม่ควรกลับเขา้ ไปในอาคารอกี 3. หากต้องอพยพออกจากห้อง ควรใชม้ ือสัมผสั บริเวณผนงั หรืออังใกลๆ้ ลูกบิดประตู ถา้ มีความร้อนสูง แสดงวา่ เกดิ เพลงิ ไหมบ้ รเิ วณใกลๆ้ หา้ มเปดิ ประตูโดยเด็ดขาด 4. ควรหนีไฟลงด้านลา่ งของอาคาร โดยใช้บันไดหนีไฟด้านนอกอาคาร เนื่องจากลักษณะบันไดภายใน อาคารเป็นเหมือน ช่อง โพรง ที่เสริมให้เปลวไฟพุ่งขึ้น และลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าลงทางบันไดไม่ได้ ให้ลง ทางหน้าต่าง โดยใช้เชือก หรือผ้ายาวผูกตัวแล้วโหนลงมา ส่วนการกระโดดลงจากอาคาร ควรมีเบาะหรือฟูกที่ นอนรองรบั 5. ห้ามใช้ลิฟท์ เพราะขณะเกิดเพลิงไหม้ ไฟฟ้าจะดับทําให้ลิฟท์ค้าง จะทําให้ด้านในของตัวลิฟท์ไม่มี อากาศ 6. หากเส้นทางหนีไฟเต็มไปด้วยกลุ่มควันให้ใช้ผ้าชุบน้ํามาคลุมตัวและปิดจมูก ป้องกันการสําลักควัน แลว้ หมอบคลาน เน่ืองจากอากาศบรสิ ทุ ธ์ิจะอยู่ด้านล่าง(เหนือพ้นื ) 7. ไม่ควรหนีไฟเข้าไปหลบในห้องต่างๆ ท่ีเป็นจุดอับภายในอาคาร เช่น ห้องน้ํา ที่แม้ในช่วงแรกจะ ปลอดภัยแต่เมื่อไฟลุกลาม น้ําท่ีอยู่ในห้องอาจไม่เพียงพอสําหรับดับไฟ และความร้อนของไฟจะส่งผลให้นํ้ามี ความรอ้ นสงู ข้นึ จนสามารถลวก ให้เสียชวี ติ ได้ 8. กรณีติดอยู่ในห้องที่ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ ให้ปิดประตูหน้าต่าง ใช้ผ้าชุบนํ้าอุดตามช่องว่าง ทงั้ หมดปอ้ งกัน ควนั ลอยเข้าไป และรบี สง่ สัญญาณขอความชว่ ยเหลอื เช่น โทรศัพท์ โบกผา้ หรือเปา่ นกหวดี 9. หากถูกไฟไหม้ติดตัว อย่าใช้มือตบไฟ เพราะจะทําให้ไฟลุกลามมากขึ้น ให้ถอดเสื้อผ้าออกทันที แล้วล้มตัวลงท่ีพ้ืนกล้ิงตัวไปมาเพ่ือดับไฟ กรณีท่ีไฟไหม้ร่างกายผู้อ่ืนให้ใช้ผ้าห่มพันตัวหลายๆ ช้ันจนกว่าไฟจะ ดับแล้วใชน้ ้าํ ราดตัว แล้วห่มด้วยผา้ แหง้ 10.ถ้าจําเปน็ ต้องวิ่งฝา่ เปลวไฟใหใ้ ช้ผา้ ชุบน้ําจนเปยี กคลุมตวั กอ่ นว่งิ ฝ่าออกไป ท้งั น้ี จงอยา่ ลมื วา่ สิ่งสาํ คญั ทสี่ ดุ ของการหนรี อดจากเหตุอัคคีภัย คือ การมีสติเปน็ อนั ดบั แรก เพราะจะ ทําให้คณุ สามารถ หนเี อาตวั รอด และชว่ ยเหลือผู้ร่วมชะตากรรมให้ออกมาจากบรเิ วณดงั กล่าวไดอ้ ยา่ งปลอดภัย

13 ขอ้ ควรปฏิบตั ิระหวา่ งประสบอคั คภี ัย 1. ไฟไหม้จะมีความมืดปกคลุม ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ ความมืดนั้นอาจเน่ืองจากอยู่ภายใน อาคารแลว้ กระแสไฟฟา้ ถกู ตดั หมอกควนั หนาแนน่ หรอื เปน็ เวลากลางคืน วิธีแก้ไข ติดต้ังอุปกรณ์ไฟส่องสว่างฉุกเฉิน (Emergency Light) ซึ่งทํางานได้ด้วยแบตเตอร่ีทันทีท่ี กระแสไฟฟ้าถูกตัดติดตั้งเครื่องกําเนิดไฟฟ้าสํารอง เม่ือกระแสไฟฟ้าถูกตัด เตรียมไฟฉายท่ีมีกําลังส่องสว่างสูง ไว้ให้มีจํานวนเพียงพอในจุดที่สามารถนํามาใช้ได้สะดวก ฝึกซ้อมหนีไฟเมื่อไม่มีแสงสว่างด้วยตนเองท้ังที่บ้าน ที่ทํางาน ในโรงแรม หรือแม้แต่ในโรงพยาบาล โดยอาจใช้วิธีหลับตาเดิน (ครั้งแรกๆ ควรให้เพ่ือนจูงไป) และ ควรจินตนาการดว้ ยว่า ขณะน้กี าํ ลงั เกดิ เหตุเพลิงไหม้ 2. ไฟไหม้จะมีแก๊สพิษและควันไฟ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุเพลิงไหม้ประมาณร้อยละ 90 เป็นผล จากควนั ไฟ ซง่ึ มที ้งั กา๊ ซพิษและทําให้ขาดออกซเิ จน วิธีแก้ไข จัดเตรียมหน้ากากหนีไฟฉุกเฉิน (Emergency smoke mask) ใช้ถุงพลาสติกใสขนาดใหญ่ ตักอากาศแล้วคลมุ ศรี ษะหนีฝ่าควัน (ห้ามฝ่าไฟ) คืบ คลานตํ่า อากาศท่ีพอหายใจได้ยังมีอยู่ใกล้พ้ืน สูงไม่เกิน 1 ฟตุ แต่ไมส่ ามารถทาํ ได้เมอื่ อยู่ในชั้นที่สงู กว่าแหล่งกาํ เนดิ ควนั 3. ไฟไหม้จะมคี วามร้อนสูงมาก หากหายใจเอาอากาศทมี่ คี วามร้อน 150 องศาเซลเซียสเขา้ ไป ท่านจะ เสยี ชีวิตทนั ทีในขณะที่เม่ือเกิดเพลงิ ไหม้แลว้ ประมาณ 4 นาทีอุณหภูมิจะสงู ขึ้นกวา่ 400 องศาเซลเซยี ส วธิ ีแก้ไข ถ้าทราบตําแหนง่ ตน้ เพลิงและสามารถระงับเพลิงไดค้ วรระงบั เหตเุ พลงิ ไหมด้ ้วยความรวดเร็ว ไมค่ วรเกิน 4 นาทหี ลังจากเกิดเปลวไฟควรหนจี ากจดุ เกิดเหตใุ ห้เรว็ ท่ีสดุ ไปยังจุดรวมพล (Assembly area) 4. ไฟไหม้ลุกลามรวดเร็วมาก เม่ือเกิดเปลวไฟข้ึนมาแล้ว ท่านจะมีเวลาเหลือในการเอาชีวิตรอด นอ้ ยมาก ระยะการเกดิ ไฟไหม้ 3 ระยะ ดงั นี้ 4.1 ไฟไหม้ข้ันต้น คือ ตั้งแต่เห็นเปลวไฟจนถึง 4 นาทีสามารถดับได้โดยใช้เครื่องดับเพลิง เบ้อื งต้น แต่ผูใ้ ชจ้ ะต้องเคยฝกึ อบรมการใช้เคร่อื งดับเพลิงมากอ่ น จงึ จะมโี อกาสระงับไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 4.2 ไฟไหม้ขั้นปานกลาง ถึงรุนแรง คือ ระยะเวลาไฟไหม้ไปแล้ว 4 นาทีถึง 8 นาทีอุณหภูมิ จะสูงมาก เกินกว่า 400 องศาเซลเซียส หากจะใช้เคร่ืองดับเพลิง เบื้องต้น ต้องมีความชํานาญ และต้องมี อุปกรณ์จาํ นวนมากเพียงพอ จงึ ควรใช้ระบบดบั เพลงิ ขั้นสงู จึงจะมีความปลอดภัยและมปี ระสิทธภิ าพมากกวา่ 4.3 ไฟไหม้ขั้นรุนแรง คือ ระยะเวลาไฟไหม้ต่อเนื่องไปแล้ว เกิน 8 นาทีและยังมีเช้ือเพลิงอีก มากมาย อุณหภูมิจะสูงมากกว่า 600 องศาเซลเซียส ไฟจะลุกลามขยายตัวไปทุกทิศทางอย่างรุนแรงและ รวดเร็ว การดับเพลงิ จะตอ้ งใช้ผู้ทีไ่ ด้รบั การฝกึ พร้อมอปุ กรณใ์ นการระงบั เหตุขน้ั รุนแรง

14 เรอ่ื งที่ 3.2 ผลกระทบของการเกดิ อคั คภี ยั การเกิดอัคคีภัยส่งผลต่อสิ่งต่างๆมากมายท้ังสภาพแวดล้อมท่ีถูกทําลาย ความสูญเสียที่เกิดตามมา ซึ่ง สรา้ งความเสยี หายและปัญหาให้แก่ประชาชนสงั คมและประเทศชาติอย่างมากดังต่อไปน้ี 1. ทําลายชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและของประชาชนผู้ประสบภัยซ่ึงเป็นผลกระทบโดย ตรงท่ีจะเกิดข้ึนในทันทีที่เกิดอัคคีภัย ความเสียหายต่อร่างกายและชีวิตเช่นทําให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย ชีวิตในบางครั้งอาจจะไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างน้อยอัคคีภัยที่เกิดก็ทําความเสียหายต่อทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ที่ทํา กินอันจะส่งผลกระทบต่อไปถึงสภาพการดําเนินชีวิตท่ีต้องลําบากข้ึนอัตคัดข้ึนทําให้อาคารบ้านเรือนและ ทรัพย์สินต่างๆเสียหายประเทศต้องสูญเสียเงินในการบูรณะฟื้นฟูอย่างมากมายกว่าจะคืนสู่สภาพปกติ เกิดการ สูญเสยี ทางดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นสาธารณูปโภค การคมนาคม 2. ทําลายการผลิตของประเทศฐานะเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตทั้ง ทางด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในประเทศการผลิตถือเป็นส่ิงสําคัญย่ิงที่รัฐบาลต้องธํารงไว้โดยเฉพาะ การผลิตทีส่ าํ คัญอันเกย่ี วขอ้ งกบั การดํารงชวี ิตของประชาชน เช่นการผลิตอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรคการ เกิดอัคคีภัยอาจทําความเสียหายทางด้านอุตสาหกรรม เช่นการที่โรงงานอุตสาหกรรมเกิดอัคคีภัยทําให้เกิดการ สญู เสียวัตถดุ บิ และผลติ ภัณฑท์ ่ไี ด้จากการผลิตการหยุดกิจการทําใหค้ นวา่ งงาน สนิ ค้าขาดแคลน เกิดปัญหาทาง เศรษฐกจิ และสังคม 3. ทําลายขวัญและกําลังใจของประชาชนภัยท่ีเกิดข้ึนทําให้ประชาชนผู้ประสบภัยเกิดความตื่น ตระหนก เสียขวัญหวาดกลัว และหมดกําลังใจ รัฐต้องให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทําให้เกิด ปญั หาดา้ นสาธารณสขุ ตามมา 4. ทําลายระบบการบริหารและการปกครองของรัฐบาล เช่นประชาชนท่ีได้รับความเดือดร้อน แต่ ไม่ได้รับความช่วยเหลือตามสมควรจากรัฐบาลและอาจรวมกันแสดงปฏิกิริยาคัดค้านการบริหารและการ ปกครองของรฐั บาลผนู้ าํ ฝ่ายค้านอาจอาศยั เหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ เปน็ เครอื่ งบ่ันทอนเสถียรภาพของรฐั บาล นอกจากความเสยี หายโดยตรงจากอัคคภี ัยแลว้ ยงั มีผลเสียหายทางอ้อมจากการเกิดอัคคีภัยอีกประการ หน่ึงคือส่งผลกระทบต่อธุรกิจถ้าหากอัคคีภัยที่เกิดขึ้นมีมูลค่าความเสียหายเกินกว่าท่ีธุรกิจจะรับไว้ได้อาจจะทํา ให้เกดิ ภาวะวิกฤตในระบบตลาดการเงินซง่ึ จะสง่ ผลกระทบตอ่ สภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยา่ งแน่นอน

15 แบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 1 คําสง่ั ใหน้ กั ศึกษาตอบคาํ ถามต่อไปน้ี 1. ความหมายของอัคคภี ัย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. อธบิ ายสาเหตขุ องการเกิดอคั คีภยั (มาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. อธิบายการป้องกนั การเกิดอคั คีภัย (มาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

16 แผนการเรยี นรูป้ ระจําบท บทท่ี 2 อุทกภัย สาระสาํ คญั ผู้เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ี่ดีเก่ยี วกับการดูแล สง่ เสริม สขุ ภาพอนามยั และความ ปลอดภัยในการดําเนินชีวิต ด้านอุทกภัย สามารถบอกถึงวิธีการป้องกันนํ้าท่วม บอกสาเหตุของนํ้าท่วม และ ช่วยเหลอื ชุมชนเม่ือเกดิ อทุ กภยั ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง 1. บอกวธิ กี ารปอ้ งกันนํ้าทว่ ม 2. บอกสาเหตุของนํ้าทว่ ม 3. ชว่ ยเหลอื ชุมชนเมอ่ื เกิดอทุ กภยั ขอบขา่ ยเนอ้ื หา 1. การปลูกต้นไมท้ ดแทน 2. การไมต่ ดั ไม้ทําลายป่า 3. การไม่เผาปา่ และทาํ ไร่เลอ่ื นลอย กจิ กรรมการเรยี น 1. ศกึ ษาเอกสารการเรยี นรู้ 2. ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามที่ไดร้ บั มอบหมาย 3. ทาํ แบบฝึกหัดท้ายบท สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 2. แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการทาํ แบบฝกึ หัดท้ายบท

17 ตอนท่ี 1. การเกิดอุทกภัย เรื่องที่ 1.1 ความหมายของอทุ กภยั อุทกภัย คือ ภัยท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากมีนํ้าเป็นสาเหตุ อาจจะเป็นน้ําท่วม น้ําป่า หรืออื่นๆ โดยปกติ อุทกภัยเกิดจากฝนตกหนักต่อเน่ืองกันเป็นเวลานาน บางคร้ังทําให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุหมุน เขตร้อนลมมรสุมมีกําลังแรง ร่องความกดอากาศตํ่ามีกําลังแรง อากาศแปรปรวน นํ้าทะเลหนุน แผ่นดินไหว เขอ่ื นพงั ทาํ ใหเ้ กิดอทุ กภยั ไดเ้ สมอ ในภาวะท่ีเกิดน้ําท่วม ควรติดตามฟังข่าวอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาสมํ่าเสมอ เม่ือใดท่ีกรม อุตุนิยมวิทยาเตือนให้อพยพ ทั้งคนและสัตว์เล้ียง ควรรีบอพยพไปอยู่ในที่สูง อาคารท่ีมั่นคงแข็งแรง ถ้าอยู่ท่ี ราบให้ระมัดระวังนํ้าป่าหลากจากภูเขาท่ีราบสูงลงมากระแสน้ําจะรวดเร็วมาก ควรสังเกตเมื่อมีฝนตกหนัก ตดิ ต่อกนั บนภูเขาหลายๆ วนั ใหเ้ ตรียมตัวอพยพขนของไว้ท่ีสูง ถ้าอยู่ริมน้ําให้เอาเรือหลบเข้าฝ่ังไว้ในท่ีจะใช้งาน ได้ เมือ่ เกดิ นาํ้ ทว่ ม เพอื่ การคมนาคมควรมีการวางแผนอพยพวา่ จะไปอยูท่ ีใ่ ด พบกนั ทีไ่ หน อย่างไร กระแสน้ําหลากจะทําลายวัสดุก่อสร้าง เส้นทางคมนาคม ต้นไม้ และพืชไร่ ต้องระวังกระแสน้ําพัดพา ไป อย่าขับรถยนต์ฝ่าลงไปในกระแสน้ําหลาก แม้บนถนนก็ตาม อย่าลงเล่นน้ํา อาจจะประสพอุบัติภัยอื่น ๆ อีก ได้ หลังจากนํ้าท่วม จะเกิดโรคระบาดในระบบทางเดินอาหารทั้งคนและสัตว์ ให้ระวังน้ําบริโภค โดยต้มสุก เสียกอ่ น

18 เร่ืองท่ี 1.2 ชนดิ ของอทุ กภัย ภัยธรรมชาติซ่ึงเกิดจาก ฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีสาเหตุจาก พายุหมุนเขตร้อน มรสุม ตะวันตกเฉยี งใต้กําลังแรง ร่องความกดอากาศตา่ํ กําลงั แรง และแผ่นดนิ ไหว ทําให้เขื่อนแตก เกิดภยั จากนํ้าท่วม ไดแ้ บ่งได้ 2 ชนดิ 1. อุทกภัยจากน้าํ ปา่ ไหลหลากและนา้ํ ท่วมฉบั พลัน นํ้าท่วมขัง นํ้าเอ่อนอง เกิดจากน้ําล้นตลิ่ง มีระดับสูงจากปกติท่วมแช่ขัง ทําให้การคมนาคม หยุดชะงักเกิดโรคระบาดได้ ทําลายพืชผลเกษตรกร คล่ืนซัดฝ่ัง เกิดจากพายุลมแรงซัดฝั่ง ทําให้นํ้าท่วมบริเวณ ชายฝั่งทะเลบางคร้ังมีคล่ืนสูงถึง 10 เมตร ซัดเข้าฝั่งทําลายทรัพย์สินและชีวิตได้ การป้องกันและลดความ เสยี หายจากอทุ กภยั 2. อทุ กภัยจากนํา้ ทว่ มขังและนาํ้ อ่อนอง เกิดจากน้ําในแม่น้ํา ลําธารล้นตลิ่ง มีระดับสูงจากปกติ ท่วมและแช่ขัง ทําให้การคมนาคมชะงัก เกดิ โรคระบาด ทาํ ลายสาธารณูปโภค และพชื ผลการเกษตร

19 ตอนท่ี 2. การปอ้ งกันและสาเหตุแห่งการเกิดอุทกภัย เรอ่ื งท่ี 2.1 การป้องกันการเกดิ อทุ กภัย 1. การอนุรักษ์ป่าบริเวณต้นน้ําลําธาร ควบคุมป่าไม่ให้ถูกทําลาย การปลูกป่าใหม่ การปลูกสร้างสวน ป่า จัดสรรพื้นที่ทําการเกษตร ทําทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และคัดเลือกพันธ์ุพืช เช่น ปลูกหญ้าแฝกเพื่อชะลอการไหล ของน้ํา เปน็ ต้น 2. สร้างเขื่อน (Dams) คือ ส่ิงก่อสร้างท่ีกั้นแม่นํ้า เพื่อควบคุมการไหลของนํ้าจากที่สูงมายังที่ตํ่า ให้น้ํา ไหลชา้ ลงจะได้ไมเ่ กิดอทุ กภยั ในทต่ี ํ่า ทําฝาย ทํานบคันดนิ ฯ เป็นตน้ 3. สร้างอ่างเกบ็ นาํ้ ข้นึ ในเขตใกลแ้ ม่นาํ้ (Detention Storage) คือ การผันทางน้ําจากแม่นํ้าให้ไหลลงสู่ อ่างเก็บนํา้ และคอ่ ยๆ ระบายออกเปน็ ระยะๆ จะทําให้ที่ราบสองขา้ งฝง่ั ไมเ่ กิดนา้ํ 4. การผันทางนํ้าให้ไหลจากทางน้ําใหญ่ ไปเข้าร่องน้ําทางนํ้าแยกหรือคลองส่งนํ้า เพ่ือแบ่งน้ําจากทาง นํ้าใหญ่ หรือผันน้ําจากทางน้ําใหญ่ ที่จะทําให้เมืองใหญ่เกิดนํ้าท่วมซ่ึงจะเสียหายมาก ไปเข้าท่วมทุ่งนาเพื่อพัก นา้ํ ชว่ั คราว 5. สร้างคันดินหรือทํานบดิน หรือกําแพงกั้นนํ้า เป็นคันดินที่สูงกว่าระดับน้ําเป็นแนวขนานไปตาม ความยาวของแม่น้ํา ควรมีช่องระบายน้ําเป็นตอนๆ การก่อสร้างอาจทําได้หลายรูปแบบ แล้วแต่วัตถุประสงค์ ของการใช้ 6. ขยายทางนา้ํ ทไี่ หลอยู่ใหก้ ว้างออก คอื การปรับปรุงทางน้ําไหลให้กวา้ งออก ทําใหน้ า้ํ ปริมาณมาก ไหลไดเ้ รว็ ขึ้น น้าํ จะไมเ่ อ่อล้นตลิ่ง โดย การเคลอื่ นยา้ ยวตั ถทุ ีม่ าปดิ ก้ันทางนา้ํ ไหลออกไป เช่น เศษไม้ กอสวะ สงิ่ กอ่ สรา้ ง สิ่งปลกู สร้างที่รุกลํา้ คูคลองไม่ให้กีดขวางทางน้ําเพราะจะช่วยให้การไหลของนํ้ารวดเร็วขนึ้ 7. การขดุ ลอกคูคลอง ร่องนาํ้ เพื่อเพ่ิมความจุของนาํ้ ในฤดูนํา้ หลาก การปลกู ป่าทดแทน ปลูกป่าทดแทน การปลูกป่าทดแทนเป็นแนวทฤษฎีการพัฒนาป่าไม้ อันเนื่องมาจากพระราชดําริท่ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานในการปลูกป่าทดแทนเพื่อคืนธรรมชาติ โดยมีพระราชดําริว่า จะต้องทําอย่างมีแผน โดยการดําเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาชาวเขา โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชลประทาน และ ฝ่ายเกษตรจะต้องร่วมมือกันสํารวจต้นนํ้า เพ่ือวางแผนปรับปรุงต้นนํ้าและพัฒนาอาชีพได้ถูกต้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานคําแนะนําให้มีการปลูกป่าทดแทนตามสภาพภูมิศาสตร์ และ สภาวะแวดล้อมของพ้ืนท่ที ี่เหมาะสมกลา่ วคอื การปลูกป่าทดแทนตามไหล่เขา ทรงมีพระราชดํารัสว่า การปลูกป่าทดแทนตามไหล่เขา จะต้องปลูก ตน้ ไม้หลายๆ ชนิด เพื่อให้ได้ประโยชน์อเนกประสงค์ คือ มีท้ังไม้ผล ไม้สําหรับก่อสร้าง และไม้สําหรับทําฟืน ซ่ึงราษฎรจําเป็นตอ้ งใช้ ซ่ึงเมอ่ื ตัดไปใชแ้ ลว้ ก็ปลกู ทดแทนเพือ่ หมนุ เวียนทันที การปลกู ปา่ ทดแทนในพ้ืนท่ีป่าเสื่อมโทรม ทรงมีพระราชดํารัสว่า ให้ปลูกต้นไม้ชนิดโตเร็วคลุมแนวร่อง น้ําเสียก่อนเพื่อให้ความชุ่มชื้นค่อยๆทวีข้ึน และแผ่ขยายกว้างออกไปทั้งสองข้างร่องนํ้าอันจะทําให้ต้นไม้งอก งามขึ้น และจํามสี ว่ นชว่ ยป้องกนั ไฟป่าได้ การปลูกป่าทดแทนบริเวณต้นน้ําบนยอดเขาและเนินสูง ต้องมีการปลูกป่าโดยปลูกไม้ยืนต้นและปลูก ไม้ฟืนซึ่งไม้ฟืนน้ันราษฎรสามารถ ตัดไปใช้ได้แต่ต้องมีการปลูกทดแทนเป็นระยะส่วนไม้ยืนต้นจะช่วยให้อากาศ มี ความชุ่มชื้น ซ่ึงเป็นขั้นตอนหนึ่งของระบบการให้ฝนแบบธรรมชาติท้ังยังช่วยยึดดินบนเขาไม่ ให้พังทลายเมื่อ เกดิ ฝนตกอกี ดว้ ย

20 เรอ่ื งที่ 2.2 สาเหตขุ องการเกดิ อุทกภัย การเกดิ อุทกภยั อาจเกิดจากหลายสาเหตดุ ว้ ยกัน ดังนี้ 1. ฝนตกหนัก การที่ฝนตกหนักเป็นเวลานานหลายช่ัวโมง ย่อมทําให้จํานวนน้ํามีมาก จนไม่สามารถ ระบาย ลงสู่แม่น้ําลําคลองได้ทัน นํ้าจึงไหลบ่าลงสู่ที่ตํ่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งพบมากในบริเวณที่ราบสูง เชิงเขาใกล้ ต้นนาํ้ ลาํ ธาร และบริเวณทกี่ ารตัดไม้ทาํ ลายป่าบรเิ วณตน้ น้ํา 2. ลมมรสมุ อทุ กภยั อาจเกดิ จากลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนอื 3. พายุหมุนเขตร้อน ซ่ึงได้แก่ พายุดีเปรสช่ัน พายุโซนร้อน และพายุใต้ฝุ่น ซึ่งทําให้ฝนตกเป็น เวลานาน ตดิ ตอ่ กัน ทําใหเ้ กิดภาวะนาํ้ ท่วมได้ 4. นํ้าทะเลหมุน ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่แนวเดียวกันและรวมกําลังกัน จะทําให้ เกิดแรงดงึ ดูดต่อนา้ํ ในมหาสมุทร ทําให้เกิดภาวะน้ําข้ึนสูงสุดมากกว่าระยะอื่น ท่ีเรียกว่า ระยะ นํ้าเกิด ซ่ึงมกั ปรากฏ ในเวลาวนั ขา้ งขนึ้ 15 คํ่า หรอื แรม 1-2 คํา่ 5. สาเหตุอื่นๆ เช่นแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด ทําให้เปลือกของผิวโลกได้รับความ กระทบกระเทือน บางส่วนของผิวจะสูงขึ้น บางส่วนจะยุบลง โดยเฉพาะเมื่อภูเขาไฟใต้น้ําระเบิด จะทําให้เกิด คลน่ื ใหญ่ ในมหาสมทุ ร เกิดภาวะนํา้ ทว่ มตามหมเู่ กาะ หรือเมืองชายทะเล นอกจากนน้ั การทีแ่ ผ่นดนิ ทรุด ก็เป็น สาเหตุหนึ่งท่ีทําให้เกิดภาวะ น้ําท่วมได้โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และการที่หิมะละลายตัว กลายเป็น นํา้ ไหลลงสูท่ ต่ี ํา่ อย่างรวดเร็ว ทาํ ให้ เกดิ นํา้ ท่วมไดอ้ ยา่ งฉับพลนั ซง่ึ พบในประเทศท่มี ีอากาศหนาว

21 การตดั ไม้ทาํ ลายป่า การทําลายปา่ คอื สภาวะของปา่ ตามธรรมชาตทิ ี่ถูกทาํ ลายโดยการตัดไม้และการเผาป่า เกดิ ขึ้นได้จาก หลายสาเหตุ เช่น การนําต้นไม้และถ่านไม้มาใช้หรือจําหน่ายเป็นโภคภัณฑ์ ในระหว่างที่ทําการเลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก และต้ังถิ่นฐาน บนพื้นที่ว่าง การตัดไม้โดยไม่ปลูกทดแทนด้วยจํานวนท่ีเพียงพอ ก่อให้เกิดความ เสียหายต่อท่ีอยู่อาศัย ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหาความแห้งแล้ง ซ่ึงส่งผลเสียต่อการกักเก็บ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยพืช พ้ืนที่ป่าที่ถูกทําลายโดยมากจะเกิดความเสียหายจากการ พงั ทลายของหน้าดนิ และพ้นื ทีม่ กั ด้อยคณุ ภาพลงจนกลายเป็นทีด่ นิ ท่ีทําประโยชน์มไิ ด้ ตอนที่ 3 การปฏบิ ัตเิ พอื่ ชว่ ยเหลือชุมชนเมือ่ เกิดอุทกภัย ขอ้ ควรปฏิบัติเม่อื เกิดอุทกภยั 1. เชือ่ ฟงั คาํ เตือนอย่างเคร่งครัด 2. ติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเน่ือง สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้าย โทร 053 -277919 ตลอด 24 ชว่ั โมง 3. เคลือ่ นยา้ ยคนสตั วเ์ ลยี้ งเช่นวัวควายและส่งิ ของไปอยใู่ นที่สงู พ้นระดบั น้าํ ทเ่ี คยท่วมมากอ่ น 4. ทาํ คนั ดนิ หรือกาํ แพงกัน้ นํา้ โดยรอบ 5. เคล่ือนย้ายพาหนะ เช่น รถยนต์หรือล้อเล่ือนไปอยู่ที่สูง หรือทําแพสําหรับท่ีพักรถยนต์ อาจจะใช้ ถงั น้าํ ขนาด 200 ลติ ร ผกู ติดกันแลว้ ใชก้ ระดานปูก็ได้ 6. เตรียมกระสอบใส่ดินหรือทราย เพ่ือเสริมคันดินที่ก้ันนํ้าให้สูงขึ้น เม่ือระดับนํ้าข้ึนสูงท่วมคันดินท่ี สร้างอยู่ 7. ควรเตรียมเรือไม้ เรือยาง หรือแพไม้ไว้ใช้ด้วย เพื่อใช้เป็นพาหนะในขณะน้ําท่วมเป็นเวลานาน เรือ เหลา่ นสี้ ามารถช่วยชีวิตได้เม่อื อทุ กภยั คุกคาม 8. เตรยี มเครื่องมอื ชา่ งไม้ ไมก้ ระดาน และเชอื กไวบ้ า้ งสําหรับตอ่ แพ เพอื่ ชว่ ยชีวิตในยามคับขัน เม่ือน้ํา ท่วมมากขน้ึ จะไดใ้ ช้เครือ่ งมอื ช่างไมเ้ ปดิ หลงั คารื้อฝาไม้ เพอ่ื ใช้ช่วยพยงุ ตัวในนา้ํ ได้ 9. เตรียมอาหารกระป๋อง หรืออาหารสํารองไว้บ้าง พอท่ีจะมีอาหารรับประทานเมื่อน้ําท่วมเป็น ระยะเวลาหลาย ๆ วนั อาหารยอ่ มขาดแคลนและไม่มที หี่ งุ ตม้ 10. เตรียมน้ําดื่มเก็บไว้ในขวดและภาชนะท่ีปิดแน่น ๆ ไว้บ้าง เพราะน้ําท่ีสะอาดท่ีใช้ตามปกติขาด แคลนลง ระบบการสง่ น้ําประปาอาจจะหยุดชะงักเปน็ เวลานาน

22 11. เตรียมเครื่องเวชภณั ฑไ์ ว้บา้ งพอสมควร เช่น ยาแกพ้ ิษกดั ตอ่ ยแมลงปอ่ ง ตะขาบ งู และสัตวอ์ ื่น ๆ เพราะเมอ่ื เกิดน้ําท่วมพวกสตั วม์ พี ิษ เหล่าน้จี ะหนีน้าํ ขน้ึ มาอยู่บนบา้ นและหลังคาเรือน 12. เตรียมเชือกมนิลามีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร ใช้ปลายหน่ึงผูกมัดกับต้นไม้เป็นที่ยึดเหน่ียว ในกรณีทีก่ ระแสนํา้ เช่ยี ว และคลนื่ ลกู ใหญ่ซัดมากวาดผูค้ นลงทะเล จะชว่ ยไม่ใหไ้ หลลอยไปตามกระแสน้าํ 13. เตรียมวิทยุท่ใี ชถ้ า่ นไฟฉาย เพ่ือไวต้ ิดตามฟังรายงานขา่ วลักษณะอากาศจากกรมอตุ ุนิยมวิทยา 14. เตรยี มไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และเทยี นไข เพอื่ ไว้ใช้เมือ่ ไฟฟา้ ดบั การป้องกันขณะเกดิ อุทกภยั ควรต้ังสติให้ม่ันคง อย่าต่ืนกลัวหรือตกใจ ควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ด้วยความสุขุม รอบคอบ และควรปฏิบัตดิ งั ตอ่ ไปน้ี 1. ตดั สะพานไฟ และปิดแก๊สหุงตม้ ให้เรียบรอ้ ย 2. จงอยู่ในอาคารทีแ่ ข็งแรง และอย่ใู นทสี่ งู พน้ ระดับนํ้าที่เคยทว่ มมาก่อน 3. จงทาํ ให้รา่ งกายอบอนุ่ อยเู่ สมอ 4. ไม่ควรขบั ข่ยี านพาหนะฝา่ ลงไปในกระแสนา้ํ หลาก 5. ไมค่ วรเลน่ นํ้าหรือวา่ ยนา้ํ เลน่ ในขณะนา้ํ ทว่ ม 6. ระวงั สตั ว์มีพษิ ที่หนนี ํ้าทว่ มขนึ้ มาอยู่บนบ้าน และหลังคาเรอื นกดั ตอ่ เช่นงู แมลงปอ่ ง ตะขาบ 7. ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น สังเกตลมฟ้าอากาศ และติดตามคําเตือนเกี่ยวกับ ลักษณะ อากาศจากกรมอตุ นุ ยิ มวิทยา 8. เตรยี มพรอ้ มท่ีจะอพยพไปในทปี่ ลอดภัยเมือ่ สถานการณจ์ วนตัว หรอื ปฏิบัติตามคาํ แนะนําของทาง ราชการ 9. เมื่อจวนตวั ใหค้ าํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของชีวติ มากกวา่ หว่ งทรัพยส์ มบัติ การชว่ ยเหลอื หลงั เกดิ อุทกภยั ภายหลงั จากการเกิดอทุ กภัยแล้ว ประชาชนทป่ี ระสบภยั ควรไดร้ ับความช่วยเหลือ ดังนี้ 1. ได้รับการสงเคราะห์ในเร่ืองอาหาร เครอื่ งน่งุ ห่ม ยารกั ษาโรค ทพี่ กั อาศัย 2. ได้รับความช่วยเหลือฟื้นฟู ในเร่ืองสุขภาพทางกาย และจิตใจ โดยจัดบริการทําความสะอาด และ อาจจัดหน่วยแพทย์ หรือสาธารณสุขเคล่ือนท่ี เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และออกให้บริการต่างๆ เช่น การส่งเสริมโภชนาการ การให้ภูมิคุ้มกันโรค การรักษาพยาบาล การสุขาภิบาล การจัดหาน้ําสะอาด การให้ สุขศกึ ษา และการสรา้ งขวัญกาํ ลงั ใจ 3. ได้รับการสง่ กลับภมู ิลําเนาเดมิ 4. ได้รับความช่วยเหลือในด้านการประกอบอาชีพ เช่น การแนะนําทางด้านวิชาการ เพ่ือปลูกพืช ทดแทนการจัดหาพนั ธุ์พืช ผลไม้ให้ปลกู ทดแทน การจดั แหล่งเงนิ กู้ฉุกเฉิน 5. ได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนท่ีพักอาศัย อาจจัดหาแหล่งเงินกู้ สําหรับ ซอ่ มบา้ นหรอื สร้างบา้ นใหม่ โดยคิดอตั ราเดอกเบี้ยราคาถกู จัดหาทอ่ี ยูอ่ าศัยช่ัวคราว แก่ผู้ที่บ้านเรือนถูกทําลาย ไปหมด 6. การได้รับความช่วยเหลือในการซ่อมแซมเครื่องสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะต่างๆให้ กลับคนื สู่สภาพปกตโิ ดยเร็วท่สี ุดเพอ่ื ความสะดวกในการใช้บริการของผู้ประสบภัย เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน ทางรถไฟสะพาน ฯลฯ

23 แบบฝึกหดั ท้ายกิจกรรมที่ 2 คาํ สัง่ ให้นกั ศกึ ษาตอบคาํ ถามตอ่ ไปน้ี 1. ความหมายของอทุ กภยั (อธบิ ายมาพอสังเขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. อธิบายสาเหตุของการเกิดอุทกภยั (อธิบายมาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. อธิบายข้อควรปฏิบตั ขิ ณะเกิดอทุ กภยั (อธิบายมาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. อธบิ ายการป้องกนั ขณะเกิดอุทกภยั (อธบิ ายมาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

24 แผนการเรยี นร้ปู ระจําบท บทท่ี 3 วาตภยั สาระสําคญั ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ่ีดีเกยี่ วกบั การดแู ล ส่งเสรมิ สขุ ภาพอนามยั และความ ปลอดภัยในการดําเนินชีวิต ด้านวาตภัย สามารถบอกวิธีการป้องกันเม่ือเกิดวาตภัย คอยติดตามข้อมูลข่าวสาร การแจง้ เตือนจากกรมอตุ ุ ผลการเรียนร้ทู คี่ าดหวงั 1. บอกวธิ ีการปอ้ งกันเมื่อเกิดวาตภัย 2. ติดตามขา่ วสาร แจง้ เตือนจากกรมอตุ ุ ขอบขา่ ยเนื้อหา 1. การอพยพคนและขนย้าย 2. การติดตามขา่ วสารของทางราชการ กจิ กรรมการเรียน 1. ศกึ ษาเอกสารการเรยี นรู้ 2. ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 3. ทําแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 2. แบบฝึกหัดท้ายบท ประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการทําแบบฝกึ หัดท้ายบท

25 เรอื่ งที่ 1.1 ความหมายของวาตภยั วาตภัย คอื ภยั ธรรมชาติซง่ึ เกดิ จากพายลุ มแรง จนทําให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ และส่ิงก่อสร้าง สําหรับในประเทศไทยวาตภัยหรือพายุลมแรงมีสาเหตุมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยสามารถแบ่งลักษณะของวาตภัยได้ตามความเร็วลม เช่น พายุฟ้าคะนอง พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน พายุ ไต้ฝุ่น พายุหมุนเขตร้อน ได้แก่ ดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน พายุใต้ฝุ่น พายุฤดูร้อน ส่วนมากจะเกิดระหว่างเดือน มีนาคมถึงเดือนเมษายนโดยจะเกิดถ่ีในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลางและภาค ตะวันออก จะมีการเกิดน้อยครั้งกว่าสําหรับภาคใต้ก็สามารถเกิดได้แต่ไม่บ่อยนัก โดยพายุฤดูร้อนจะเกิดใน ช่วงท่ีมีลกั ษณะอากาศร้อนอบอ้าวตดิ ต่อกนั หลายวนั แลว้ มีกระแสอากาศเย็นจากความกดอากาศสูงในประเทศ จีนพัดมาปะทะกัน ทําให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีพายุลมแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้จะทําความเสียหายในบริเวณท่ี ไม่กว้างนกั ประมาณ 20-30 ตารางกิโลเมตร ลมงวงหรือ (เทอร์นาโด) เป็นพายุหมุนรุนแรงขนาดเล็กท่ีเกิดจาก การหมุนเวียน ของลมภายใต้เมฆก่อตัวในทางต้ัง หรือเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง (เมฆคิวมูโลนิมบัส) ที่มีฐานเมฆต่ํา กระแสลมวนท่ีมีความเร็วลมสูงน้ีจะ ทําให้กระแสอากาศเป็นลําพุ่งข้ึนสู่ท้องฟ้า หรือย้อยลงมาจากฐานเมฆ ดูคล้ายกับงวงหรือปล่องยื่นลงมา ถ้าถึงพื้นดินก็จะทําความเสียหายแก่บ้านเรือน ต้นไม้ และส่ิงปลูกสร้างได้ สําหรับในประเทศไทยมักจะเกิดกระแสลมวน ไกลพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ไม่ต่อเน่ืองขึ้นไปจนถึงใต้พ้ืนฐานเมฆ และจะเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง โดยจะเกิดขึ้นในพื้นที่แคบๆ และมีช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงทําให้เกิดความเสียหายได้ ในบางพนื้ ที่

26 เร่อื งท่ี 1.2 ชนดิ และลักษณะของวาตภัย ชนดิ และลกั ษณะของวาตภัย มดี งั นี้ พายุหมนุ เขตร้อน พายุหมุนเขตร้อน เป็นพายุท่ีหมุน และฝนที่ตกอย่างรุนแรงฉับพลันต่อเนื่อง เป็นบริเวณกว้าง ระบบ การหมุนเวียนของกระแสลม จะพัดจากทุกทิศทางเวียนก้นหอยเข้าหาศูนย์กลางความกดอากาศต่ํา โดยในซีก โลกเหนือจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา ส่วนซีกโลกใต้จะพัดตามเข็มนาฬิกา พายุหมุนเขตร้อนนี้ มักเกิดข้ึนเฉพาะใน เขตรอ้ น พายุดีเปรสชัน (Depression) เป็นลมพายุท่ีเกิดขึ้นในบริเวณท่ีมีความกดอากาศตํ่า ลมพัดเข้าหา ศูนย์กลางไม่เกิน 33 นอตหรือ 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นลมพายุที่กําลังอ่อน ไม่อันตรายรุนแรง แต่ทําให้เกิด ฝนตก ลมพดั น้ําท่วม พายุโซนร้อน (Tropical Strom) เป็นลมพายุท่ีพัดด้วยความเร็ว 34 - 62 หรือ 62 - 117 กิโลเมตร ตอ่ ชวั่ โมงมกี ําลังแรงของลมปานกลาง ทําใหเ้ รือลม่ บ้านจมนา้ํ พดั กวาดผู้คนจมน้าํ ได้ และหากพายนุ ้มี ีความเร็ว ลมสูงข้ึนอีกจะกลายเป็นพายุใต้ฝุ่น กรณีท่ีฝนตกหนัก บ้านเรือนจะพังพินาศ การคมนาคมถูกตัดขาด สูญเสียชวี ิต และทรพั ย์สนิ มาก พายใุ ต้ฝนุ่ (Typhoon) เปน็ ลมพายทุ ีม่ ีความเรว็ สูงใกล้ศนู ย์กลางตง้ั แต่ 64 นอ๊ ต หรือ 118 กโิ ลเมตร ตอ่ ช่ัวโมงข้นึ ไป มชี ือ่ เรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละทอ้ งถน่ิ เช่น หากเกิดขึ้นบริเวณ มหาสมุทรแปซิฟิกและทะเล จีน จะเรียกว่า พายุไต้ฝุ่น (Typhoon) หากเกิดข้ึนบริเวณอ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย และทะเลอาราเบียน จะเรียกว่าพายุไซโคลน (Cyclones) และหากเกิดข้ึนบริเวณมหาสมุทร แอตแลนติก ทะเลแคริบเบียน หรือ ฝ่ังตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาเรียกว่าเฮอริเคน (Hurricanes) พายุไต้ฝุ่นเป็นพายุท่ีมีความรุนแรงมากท่ีสุด ทําให้เกดิ ฝนตกหนกั มากบริเวณที่พัดผ่าน และมีอํานาจ ในการทําลายชีวิตและทรัพย์สินมาก อันตรายท่ีเกิดขึ้น ไดแ้ ก่ การพดั ตน้ ไม้ บา้ นเรือนผ้คู น มผี ลให้ไฟฟ้าชอ๊ ต เสน้ ทางการคมนาคมถูกตดั ขาด นํา้ ทว่ ม เปน็ ตน้ ในประเทศไทย พายุหมุนเขตร้อนน้ีจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน โดยจะเกิด พายุบ่อยในชว่ งเดือนสิงหาคมและกันยายน

27 พายฝุ นฟา้ คะนอง - พายุฝนฟ้าคะนองหรือพายุฤดูร้อน (Summer Storm) เกิดลมร้อน และความชื้นจากนํ้าทะเล พัดไปปะทะกับลมแห้ง และลมเย็น ทําให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฝนตก ฟ้าผ่า อาจมีลูกเห็บตก ซ่ึงบางคร้ัง ทําให้เกิดลมงวงสูงมาก จึงทําลายบ้านเรือน และสิ่งที่กีดขวางก้ันให้พังทลายได้ ปกติความเร็วของ ลมพายุ ฤดูร้อน จะมีกําลังประมาณ 50 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง แต่ก็อาจมีความเร็วถึง 149 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง หรือ 157 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง (85 น๊อต) พายุฝนฟ้าคะนองน้ีมักเกิดขึ้นระหว่าง เดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นระยะที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมากท่ีสุดในประเทศไทย อันตรายท่ีเกิดขึ้นก็อาจทําให้เกิดอันตรายต่อ ร่างกาย และความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ซึ่งความรุนแรงของพายุมักเกิดขึ้นเฉพาะแห่ง ไม่แผ่บริเวณกว้างและ เป็นช่วงระยะเวลาอนั สนั้ เรื่องท่ี 1.3 การเตรียมการป้องกันอันตรายจากวาตภัย การเตรยี มการป้องกนั อนั ตรายจากวาตภยั ตอ้ งปฏิบัตอิ ย่างไร การเตรียมการและขณะเกิดวาตภยั 1. ติดตามขา่ วและประกาศคาํ เตือนลกั ษณะอากาศรา้ ยจากกรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา 2. เตรยี มวทิ ยุและอปุ กรณส์ ือ่ สาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอร่ี เพือ่ ติดตามขา่ วในกรณที ไี่ ฟฟ้าขัดข้อง 3. ตัดกิ่งไม้ หรือรีดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งท่ีจะหักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ท่ี ตายยืนตน้ ควรจัดการโค่นลงเสีย 4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าท้ังในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดเหนี่ยวเสาไฟฟ้า ใหม้ น่ั คง 5. พักในอาคารที่มั่นคงตลอดเวลาขณะเกิดวาตภัย อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง เพราะต้นไม้และกิ่งไม้อาจ หกั โคน่ ลงมาทับได้ รวมทั้งสังกะสแี ละกระเบอ้ื งจะปลิวตามลมมาทาํ อันตรายได้ 6. ปิดประตู หน้าต่างทุกบาน รวมท้ังยึดประตูและหน้าต่างให้ม่ันคงแข็งแรง ถ้าประตูหน้าต่างไม่ แข็งแรง ให้ใชไ้ ม้ทาบตีตะปตู รงึ ปดิ ประตู หน้าตา่ งไว้จะปลอดภัยยิ่งขึ้น 7. ปิดก้ันช่องทางลมและช่องทางตา่ ง ๆ ทลี่ มจะเขา้ ไปทําใหเ้ กิดความเสียหาย 8. เตรียมตะเกียง ไฟฉาย และไม้ขีดไฟไว้ให้พร้อม ให้อยู่ใกล้มือ เม่ือเกิดไฟฟ้าดับจะได้หยิบใช้ได้อย่าง ทันท่วงที และน้ําสะอาด พร้อมท้ังอปุ กรณเ์ ครอื่ งห้มุ ต้มุ 9. เตรยี มอาหารสาํ รอง อาหารกระปอ๋ งไว้บา้ งสาํ หรบั การยงั ชพี ในระยะเวลา 2-3 วนั 10. ดบั เตาไฟให้เรยี บร้อยและควรจะมอี ปุ กรณส์ ําหรับดบั เพลิงไว้ 11. เตรยี มเครอ่ื งเวชภัณฑ์ 12. สง่ิ ของควรไว้ในที่ตํา่ เพราะอาจจะตกหล่น แตกหกั เสียหายได้ 13. บรรดาเรือ แพ ใหล้ งสมอยึดตรงึ ใหม้ ั่นคงแขง็ แรง 14. ถ้ามีรถยนต์ หรือพาหนะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมภายหลังพายุสงบอาจต้องนําผู้ป่วยไปส่ง โรงพยาบาล นาํ้ มันควรจะเติมให้เตม็ ถังอยู่ตลอดเวลา 15. เมื่อลมสงบแล้วต้องรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถ้าพ้นระยะน้ีแล้วไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีก จึงจะวางใจว่า พายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว ท้ังนี้เพราะเมื่อศูนย์กลางพายุผ่านไปแล้วจะต้องมีลมแรงและฝนตกหนักผ่านมาอีก ประมาณ 2 ช่วั โมง 16. ต้ังสติให้มั่นในการติดสินใจ ช่วยครอบครัวให้พ้นอันตรายในขณะวิกฤต โทรปรึกษานักพยากรณ์ อากาศที่หมายเลขโทรศัพท์ 398-9830, 399-4012-3

28 เม่ือพายสุ งบแลว้ 1. เม่ือมผี ูบ้ าดเจ็บใหร้ บี ชว่ ยเหลอื และนําส่งโรงพยาบาลหรอื สถานพยาบาลท่ีใกลเ้ คยี งให้เร็วทสี่ ุด 2. ต้นไมใ้ กล้จะลม้ ใหร้ บี จัดการโค่นลม้ ลงเสยี มิฉะนัน้ จะหกั โคน่ ล้มภายหลัง 3. ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟขาดอย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นอันขาด ทําเคร่ืองหมายแสดงอันตราย 4. แจง้ ให้เจ้าหนา้ ที่หรือชา่ งไฟฟ้าจัดการดว่ น อยา่ แตะโลหะทีเ่ ปน็ สื่อไฟฟ้า 5. เมื่อปรากฏวา่ ท่อประปาแตกท่ใี ด ใหร้ บี แจง้ เจ้าหนา้ ทม่ี าแก้ไขโดยด่วน 6. อยา่ เพง่ิ ใชน้ า้ํ ประปา เพราะนา้ํ อาจไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ เนื่องจากทอ่ แตกหรือนาํ้ ทว่ ม ถา้ ใชน้ ้ําประปาขณะน้นั ดื่มอาจจะเกดิ โรคได้ ใหใ้ ช้นา้ํ ที่กักตนุ ก่อนเกิดเหตุด่มื แทน 7. ปญั หาทางด้านสาธารณสุขท่ีอาจจะเกิดข้ึนได้ การควบคุมโรคติดต่อท่ีอาจเกิดระบาดได้ การทํานํ้าให้สะอาด เช่น ใช้สารส้ม และใช้ปูนคลอรีน การ กําจัดอุจจาระโดยใช้ปูนขาว หรือน้ํายาไลโซล 5% กําจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรค กําจัดพาหนะนําโรค เช่น ยุง และ แมลงวนั โดยใชฆ้ ่าแมลง โรคตา่ ง ๆ ทม่ี กั เกิดหลังวาตภัย โรคระบบหายใจ เช่น หวัด โรคติดเชื้อ และปรสิต เช่น การอักเสบมหี นอง โรคฉ่ีหนู เปน็ ต้น โรคผวิ หนงั เชน่ โรคนํ้ากัดน้ํา กลาก เป็นต้น โรคระบบทางเดินทางอาหาร โรคอุจจาระรว่ งภาวะทางจติ เชน่ ความเครียด

29 แบบฝกึ หัดท้ายกจิ กรรมที่ 3 คาํ สั่ง ให้นักศกึ ษาตอบคาํ ถามตอ่ ไปนี้ 1.วาตภัย คอื อะไร (อธิบายมาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. สาเหตุของวาตภยั (อธิบายมาพอสงั เขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. การเตรียมการป้องกนั อนั ตรายจากวาตภัยต้องปฏิบัติอย่างไร (อธิบายมาพอสังเขป) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

30 บรรณานุกรม กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย. คมู่ ือการปฏบิ ัตงิ านด้านปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2548. กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย. พระราชบัญญัติปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 กระทรวงมหาดไทย, 2550. กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย. คู่มือปฏบิ ัติงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั , 2550 กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย. ค่มู ือการฝึกซอ้ มแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย. ศูนย์อาํ นวยการ บรรเทาสาธารณภยั กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั , 2552. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย. คู่มอื การปฏิบตั งิ านกระบวนงานการฝึกซ้อมแผนการป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั ตามสภาพพน้ื ท่เี สย่ี งภัย. ส่วนนโยบายภยั ธรรมชาตสิ าํ นักนโยบายป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัย, 2552. กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั . ยทุ ธศาสตร์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2552 - 2554 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ คู่มือการบรหิ ารความเสี่ยงท่วั ท้ังองค์กร, 2550 สถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย. ค่มู อื และแผนบรหิ ารความเสีย่ ง, 2550 สมาคมสง่ เสรมิ ความปลอดภัยและอนามัยในการทาํ งาน.2558.อคั คภี ยั .(ออนไลน์).แหล่งทมี่ า: http://www.shawpat.or.th.30กันยายน 2558. สํานกั งาน ก.พ.ร. คู่มือเทคนคิ และวธิ ีการบรหิ ารจดั การสมยั ใหมก่ ารวเิ คราะห์และการบริหารความเสี่ยง สมาคมดบั เพลงิ และช่วยชีวติ FARA.2558.ประเภทของไฟ.(ออนไลน)์ .แหล่งทมี่ า: http://www.firefara.org/infot3.html.30กันยายน 2558. สํานกั งานนโยบายและบรหิ ารจดั การน้าํ และอทุ กภยั แห่งชาติ.2558.ความหมายของสาธารณภัย.(ออนไลน)์ . แหลง่ ท่ีมา: http://www.ipesp.ac.th/learning/supitcha/html/B1-1-2.htm. 30 กนั ยายน 2558. กรมอตุ ุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th(ออนไลน์) 30 กนั ยายน 2558

31 คณะผู้จัดทํา ทปี่ รกึ ษา ดุษดินทร์ ผู้อาํ นวยการ กศน.อาํ เภอพร้าว นางสาวรสรินทร์ ผจู้ ัดทาํ ดุษดนิ ทร์ ผู้อาํ นวยการ กศน.อาํ เภอพรา้ ว 1. นางสาวรสรนิ ทร์ วรเศรษฐกุลไชย ครู คศ.1 กศน.อําเภอพรา้ ว 2. นางสาวศิรพชั ร์ ทะกิจ ครู กศน.ตําบล กศน.อําเภอพร้าว 3. นางพินทอง ศรีวงสาย ครู กศน.ตําบล กศน.อาํ เภอพร้าว 4. นางกรรณิการ์ วันดี ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอพรา้ ว 5. นางสาวนนั ท์นภัส บญุ มาเรอื ง ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอพร้าว 6. นางสาวณัฐพรรณ คาํ โพธิ์ ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอพรา้ ว 7. นางสาวรตั นาวลี พงศ์จนั ทร์ ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอพร้าว 8. นางสาวฐิตฌิ าภรณ์ พลหาญ ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอพรา้ ว 9. นางสาวนงคราญ คนื มาเมอื ง ครู กศน.ตําบล กศน.อําเภอพร้าว 10. นายเอกชัย แกว้ จา ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอพรา้ ว 11. นายสรุ เดช วงศ์วิชัย ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอพรา้ ว 12. นายทวศี ักด์ิ

32 ทปี่ รกึ ษา คณะบรรณาธิการ/ปรบั ปรงุ แก้ไข นายศุภกร ศรีศกั ดา ผูอ้ ํานวยการสํานกั งาน กศน.จังหวัดเชียงใหม่ นางมีนา กติ ชิ านนท์ รองผอู้ ํานวยการสํานกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงใหม่ คณะบรรณาธิการ/ปรบั ปรงุ แกไ้ ข นางณชั ชา ทะภูมนิ ทร์ ผูอ้ ํานวยการ กศน.อาํ เภอดอยเต่า ประธานกรรมการ นายพทิ ยา ธาตุอนิ จนั ทร์ ครู คศ.1 กศน.อําเภอเวียงแหง กรรมการ นางสาวศริ พัชร์ วรเศรษฐกุลไชย ครู คศ.1 กศน.อําเภอพร้าว กรรมการ นางปภนิ ดา เอกชัยอาภรณ์ ครอู าสาสมคั รฯ กศน.อําเภอเมืองเชยี งใหม่ กรรมการ นายสกล ศรีนา ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอสันกําแพง กรรมการ นางสาวพชั วรรณ อําพนั ธส์ ี ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอสันทราย กรรมการ นางเดอื นฉาย แตม้ มาก ครู กศน.ตําบล กศน.อาํ เภอหางดง กรรมการ นางสาวแสงระวี แกว้ รากมุก ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอหางดง กรรมการ นางสาวสุรัสวดี สุวรรณพงศ์ ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอหางดง กรรมการ นางสาวจันทรจ์ ิรา ออ่ นอ้น นักวเิ คราะห์นโยบายและแผน สาํ นักงาน กศน.จงั หวดั เชียงใหม่ กรรมการ และเลขานกุ าร