Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ม.๖ ห้อง ๘ ไตรภูมิพระร่วง.

ม.๖ ห้อง ๘ ไตรภูมิพระร่วง.

Published by napattra09072546, 2021-08-15 07:38:32

Description: ม.๖ ห้อง ๘ ไตรภูมิพระร่วง.

Search

Read the Text Version

เรื่อง.. ไตรภูมพิ ระร่วง 11.นางสาวอรรพี...............บุญรักษ.์ .............เลขท่ี ๔๐ 12.นางสาว.อรอนงต.์ ........ชาวบางพรม........เลขท่ี ๔๑ รายชื่อคระผู้จดั ทา 13.นางสาวปณิตา..............ปริวตั รชกลุ แกว้ ..เลขที่ ๔๒ 1.นางสาวกญั ญารัตน์..........ร่มโพธ์ิสุวรรณ....เลขที่ ๒ 14.นางสาวพรนภสั ...........ฉตั รเมธี...............เลขท่ี ๔๓ 2.นางสาวกลุ ธิดา.................ศรีคาแหง............เลขท่ี ๓ 3.นางสาวโชติชนิต..............นาคใหม่.............เลขท่ี ๙ เสนอ 4.นางสาวณฐั นรินทร์...........สกลุ สินเพช็ ร......เลขท่ี ๑๐ ครู ชมยั พร แกว้ ปานกนั 5.นางสาวณฐั ณิชา................พดู เพราะ............เลขท่ี ๑๒ วารสารเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ๕ 6.นางสาวกมลวทั น์..............มนตรี.................เลขท่ี ๑๘ 7.นางสาวมณีวรรณ..............ไทยสนธิ............เลขที่ ๓๒ รหสั วชิ า ท๓๓๑๐๑ 8.นางสาวรัตนาภรณ์............จนั ทร์เงิน............เลขท่ี ๓๓ ภาคเร่ืองที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๔ 9.นางสาวสุภชั ชา.................จาปาเงิน.............เลขที ๓๗ โรงเรียนสงวนหญิง จงั หวดั สุพรรณบุรี 10.นางสาวหน่ึงฤทยั ............วงษพ์ นั ธุ์............เลขท่ี ๓๘

คานา สารบัญ วารสารเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าภาษาไทยเพือ่ ความเป็ นมา Slide 4 การเรียนรู้ ในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 โดยมีจุดประสงค์ เพอ่ื การศึกษาความรู้ที่ไดจ้ ากเรื่องไตรภูมิพระร่วง ท้งั น้ี ใน ประวตั ิผแู้ ต่ง รายงานเล่มน้ีมีเน้ือหาของเร่ืองไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสส ลกั ษณะคาประพนั ธ์ Slide 7 ภูมิ เกี่ยวกบั ความเขา้ ใจทางพธุ ศาสนา ช่วยกนั ธารง เน้ือเร่ืองเตม็ (แบบยอ่ ) พระพทุ ธศาสนา การทากรรมดีละเวน้ กรรมชว่ั และ การ เจริญธรรมกตญั ญูต่อพระมารดา เน้ือเรื่องเตม็ (เฉพาะตอนเรียน) วเิ คราะห์คุณคา่ ทางคณะผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ วารสาร เร่ืองไตร บรรณานุกรม ภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิเล่มน้ีจะไดใ้ หค้ วามรู้ และเป็น ประโยชนต์ ่อผทู้ ่ีศึกษาไม่มากกน็ อ้ ย หากมีขอ้ เสนอแนะ หรือผดิ พลาดประการใดประการใด ทางคณะผจู้ ดั ทาขอ นอ้ มรับไว้ และขอออภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย คณะผจู้ ดั ทา ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

ความเป็ นมา ไตรภูมิพระร่วง มีหลายช่ือเรียกไดแ้ ก่ \"ไตรภูมิพระร่วง\" \"เต ภูมิกถา\" \"ไตรภมู ิกถา\" \"ไตรภูมิโลกวนิ ิจฉยั \" และ \"เตภมู ิโลก วินิจฉยั “ เป็นวรรณกรรมศาสนาพทุ ธที่แต่งในสมยั สุโขทยั ประมาณ พ.ศ. ๑๘๘๘ โดยพระราชดาริในพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ รวบรวมจากคมั ภีร์ในศาสนาพทุ ธ มีเน้ือหาเก่ียวกบั โลกสณั ฐาน ที่ แบ่งเป็น ๓ ส่วน หรือ ไตรภูมิ ไดแ้ ก่ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภมู ิ วรรณคดีเร่ืองน้ีมีเน้ือหาเก่ียวกบั คติความเช่ือของชาวไทย เป็น จานวนมาก เช่น นรก สวรรค์ การเวยี นวา่ ยตายเกิด ทวปี ท้งั สี่ (เช่น ชมพทู วปี ฯลฯ) กปั กลียคุ วาระสุดทา้ ยของโลก พระศรี อริยเมตไตรย พระเจา้ จกั รพรรดิ ฯลฯ กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

ประวตั ผิ ู้เเต่ง พญางวั นาถมไดข้ ้ึนครองราชย์ ต่อมาพญาลิไทยกทพั มาแยง่ ชิงราชสมบตั ิ และข้ึนครองราชยใ์ น พ.ศ. หนงั สือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณคดีทางศาสนาท่ีสาคญั ๑๘๙๐ ทรงพระนามวา่ พระเจา้ ศรีสุริยพงสรามมหา เล่มหน่ึง ในสมยั สุโขทยั ซ่ึงมีอิทธิพลต่อคนไทยมาก พระ ธรรมราชาธิราช ในศิลาจารึกมกั เรียกพระนามเดิมวา่ มหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) ไดท้ รงพระราชนิพนธ์ข้ึน พญาลิไท หลงั จากที่ทรงผนวชแลว้ และข้ึนครองราชยไ์ ด้ ๖ ปี ประมาณ พ.ศ. ๑๘๙๖ พญาลิไท หรือ พระยาลิไท หรือ พระ กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป ศรีสุริยพงศร์ ามมหาราชาธิราช หรือพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ครองราชย์ พ.ศ. ๑๘๙๗- พ.ศ.๑๙๑๙) พระมหากษตั ริย์ อาณาจกั รสุโขทยั ราชวงศพ์ ระร่วงลาดบั ที่ ๕ พระโอรส พญาเลอไท และพระราชนดั ดาของพอ่ ขนุ รามคาแหง มหาราช พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (พญาลิไท) เป็นกษตั ริย์ องคท์ ่ี ๖ แห่งกรุงสุโขทยั ข้ึนครองราชยต์ ่อจากพญางวั นา ถม จากหลกั ฐานในศิลาจารึกวดั มหาธาตุ พ.ศ. ๑๙๓๕ หลกั ที่ ๘ คน้ พบเม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๙ เม่ือพญาเลอไทสวรรคต ใน พ.ศ. ๑๘๘๔

หรือเรียกยอ่ วา่ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ เสดจ็ สวรรคตในปี ไดแ้ ก่ ไตรภูมิพระร่วงหรือเตภูมิกถาศิลาจารึกวดั ป่ ามะม่วงและ พ.ศ. ๑๙๑๑ พญาลิไท ทรงเลื่อมใสในพระพทุ ธศาสนา ทรง ศิลาจากรึกวดั ศรีชุม เป็นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ กล่าวถึง อาราธนาพระเถระชาวลงั กาเขา้ มาเป็นสงั ฆราชในกรุงสุโขทยั เหตุการณ์และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆการสร้างวดั พระ ไดส้ ละราชสมบตั ิออกทรงผนวชท่ีวดั ป่ ามะม่วง นอกเมือง ศรีรัตนมหาธาตุ การผนวชที่วดั ป่ ามะม่วง เป็นตน้ สุโขทยั ทางทิศตะวนั ตก พญาลิไททรงมีความรู้แตกฉานใน พระไตรปิ ฎก ทรงสนพระทยั ทานุบารุงพระพทุ ธศาสนาเป็ นอนั กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป มาก และทรงพฒั นาบา้ นเมืองใหเ้ จริญหลายประการ เช่น สร้าง ถนนพระร่วง ต้งั แต่เมืองศรีสชั นาลยั ผา่ นกรุงสุโขทยั ไปถึงเมือง นครชุม (กาแพงเพชร) บูรณะเมืองนครชุม สร้างเมืองสองแคว (พิษณุโลก) เป็นเมืองลกู หลวง และสร้างพระพทุ ธชินราช พระ พทุ ธชินสีห์ ที่ฝีมือการช่างงดงามเป็นเยย่ี มงาน พระราชนิพนธ์ของพญาลิไท

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ไตรภูมิพระร่วงแต่งเป็นร้อยแกว้ ประเภทความเรียงสานวน พรรณนาเช่นเปรตลางจาพวกตวั เขาใหญ่ปากเขานอ้ ยเท่ารู เขม็ ง้นั กม็ ีเปรตลางจาพวกผอมหนกั หนาเพอ่ื อาหารจะกินบ่ มิไดแ้ มว้ า่ จะขอดเอาเน้ือนอ้ ย๑กด็ ี เลือดหยด ๑ กด็ ีบ่มิไดเ้ ลย เท่าวา่ มีแต่กระดูกและหนงั พอกกระดูกภายนอกอยใู่ ส้ หนงั ทอ้ งน้นั เหี่ยวติดกระดูกสนั หลงั แลตาน้นั ลึกและกลวง ดงั แสร้งควกั เสีย ผมเขาน้นั ยงุ่ รุ่ยร่ายลงมาปกปากเขา มาตรวา่ ผา้ ร้ายนอ้ ยหน่ึงกด็ ี และจะมีปกกายเขาน้นั กห็ ามิไดเ้ ลย เทียร ยาอมเปลือยอยชู่ วั่ ตนเขาน้นั เหมน็ สาบพงึ เกลียดนกั หนา แล เขาน้นั เทียรยอ่ มเดือดเน้ือร้อนใจเขาแล เขาร้องไหร้ ้องคราง อยทู่ ุกเม่ือแล เพราะวา่ เขาอยากอาหารนกั หนาแล กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

เนื้อเรื่องเต็ม(แบบย่อ) พ้นื ดา้ นบนและดา้ นล่างกเ็ ช่นกนั ซ่ึงนรกใหญ่แต่ละขมุ จะมีนรกบริวารลอ้ มรอบอยู่ เรียกวา่ อุสุทธ ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมทางศาสนาท่ีกล่าวถึงภูมิท้งั ๓ (อสุ สทนรก) นรกโลกนั ต์ คือ กามภมู ิ รูปภมู ิ และอรูปภูมิ ซ่ึงพรรณนาถึงที่ต้งั การเกิดของ และมียมบาลผเู้ ฝ้าประตูนรก มีพระยายมราชผสู้ อบสวนบุญบาป มนุษย์ สตั วน์ รก เปรต อสูรกาย และเทวดา ท่ีต้งั เหล่าน้ีมีเขาพระ ของมนุษยท์ ่ีตาย สุเมรุเป็นหลกั อยทู่ ่ามกลางจกั รวาล มีทิวเขาและทะเลลอ้ ม ภูเขา ๒.ติรัจฉานภมู ิ ท้งั ๗ เรียกรวมกนั วา่ เขาสตั ตะบริภณั ฑ์ ส่วนทะเลท้งั ๗ เรียกวา่ ติรัจฉานติภมู ิ หรือเดรัจฉานติภูมิ หมายถึงสตั วท์ ี่ไปไหนมาไหน มหานทีสีทนั ดร และมีภุเขาเหลก็ ก้นั ทะเลไวอ้ ีกรอบ เรียกวา่ ตอ้ งคว่าอก สตั วเ์ ดรัจฉานมีความเป็นอยู่ ๓ ประการ คือ สืบพนั ธุ์ ขอบจกั รวาล พน้ จากขอบจกั รวาลเป็น รู้กิน รู้ตาย เรียกเป็นศพั ทว์ า่ กามสญั ญา อาหารสญั ญา และมรณ ๑.นรกภมู ิ สญั ญา ส่วนคนน้นั จะเพิม่ อีกสญั ญาหน่ึงคือ ธธมสญั ญา คือ การ นรกมี ๘ขมุ สตั วท์ ี่เกิดในนรกแห่งน้ีมีอายยุ นื นาน สตั วท์ ่ีอยขู่ มุ รู้จกั ทามาหากิน รู้บาปบุญ นรกมีอายไุ ด้ ๕๐๐ ปี ส่วนสตั วน์ รกที่อยขู่ มุ ถดั ไปจะมีอายุ ทวีคูณจานวนปี ของขมุ นรกแรก ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป ขมุ นรกท้งั ๘ จะมีกาแพงเหลก็ แดงลกุ เป็นไฟลอ้ มเป็นส่ีเหล่ียม

๓.เปรตภมู ิ ๔.อสูรกายภมู ิ ในไตรภูมิบรรยายรูปร่างของเปรตไวว้ า่ เปรตบางชนิดมีตวั อสูร แปลตรงตวั วา่ ผไู้ ม่ใช่เทวดาที่มีหวั หนา้ เป็นพระอินทร์ ใหญ่ ปากเท่ารูเขม็ เปรตบางชนิดตวั ผอมไม่มีเน้ือหนงั ตาลึก เดิมทีอสูรกายอยบู่ นเขาพระสุเมรุเช่นเดียวกบั พวกเทวดา กลวง มีเปรตบางชนิดที่ตวั งามแต่ปากเหมน็ สรุปรวมๆคือเม่ือ ภายหลงั เทวดามอมเหลา้ อสูรแลว้ ถีบพวกอสูรตกเขาพระสุเมรุ ตอนเป็นมนุษยท์ าอะไรไวเ้ ม่ือตายไปจะเป็นเปรตตามท่ีตนทา จมด่ิงลงในดิน เมื่อสร่างเมาไดส้ ติแลว้ สานึกตวั จึงเลิกกินเหลา้ บาปไว้ แต่เปรตมีโอกาสดีกวา่ สตั วน์ รก ท่ีสามารถออกมาขอ แลว้ ไปสร้างเมืองใหม่ใตบ้ าดาลเรียกวา่ อสูรภพ อยลู่ ึกลงไป ส่วนบุญส่วนกศุ ลของมนุษยไ์ ด้ ในดินท่ีเตม็ ไปดว้ ยแผน่ ทองคา เมืองอสูรมี๔เมืองใหญ่โดยมี พระยาอสูรปกครองอยทู่ ุกเมือง อสูรผมู้ ีอานาจมากสุดคือ ราหู ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

๕.มนุษยภูมิ คนท้งั ๔ ชนิดนี้ ที่เกดิ ใน สตั วอ์ นั เกิดในมนุษยภูมิ ต้งั แต่เร่ิมตน้ ปฏิสนธิในครรภม์ ารดากเ็ ร่ิมก่อตวั เป็นกลั ละ กลั ละที่ก่อเป็นตวั เดก็ ข้ึนมาอยใู่ นทอ้ งแม่เวลาประมาณ ๘-๑๐ ๑.)ชมพทู วปี ต้งั อยใู่ นมหาสมุทรทางทิศใตข้ องเขาพระสุเมรุ มี เดือน แลว้ จึงคลอดออก รูปหนา้ กลมดุจดงั ดุมเกวยี น แผน่ ดินน้ีเป็นภูมิภาคอินเดีย บุตรที่เกิดมาในไตรภูมิแบ่งไดเ้ ป็น ๓ ส่ิง คือ ๒.)อมรโคยานทวปี ต้งั อยใู่ นมหาสมุทรทางทิศตะวนั ตกของเขา ๑.)อภิชาตบุตร เป็นคนเฉลียวฉลาดมีรูปงามหรือมงั่ มียศยงิ่ กวา่ พอ่ แม่ พระสุเมรุ คนในทวปี น้ีมีรูปหนา้ ดงั พระจนั ทร์คร่ึงดวง แผน่ ดินน้ี ๒.)อนุชาตบุตร มีเพียงพอ่ แม่ เป็นภมู ิภาคอาหรับแถบตะวนั ออกกลางและยโุ รป ๓.)อวชาติบุตร ดอ้ ยกวา่ พอ่ แม่ ๓.)บุรพวเิ ทหทวปี ต้งั อยใู่ นมหาสมุทรทางทิศตะวนั ออกของเขา คนท้งั หลายแบ่งเป็ น ๔ ชนิด คือ พระสุเมรุ คนในทวปี น้ีหนา้ กลมดงั เดือนเพญ็ มีรูปกะโหลกส้นั ๑.)คนนรก ผทู้ ี่ทาบาปฆ่าสตั วต์ ดั ชีวติ และบาปน้นั ตามทนั แผน่ ดินน้ีเป็นภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ๒.)คนเปรต ผหู้ าบุญจะกระทาบ่มิได้ อดอยากไม่มีกิน ๓.คนเดรัจฉาน คนที่ไม่รู้จกั บาปและบุญ ไม่มีความเมตตากรุณา ๔.)อุตตรกรุ ุทวปี ต้งั อยใู่ นมหาสมุทรทางทิศเหนือของเขาพระ ๔.)มนุษย์ คนที่รู้จกั บาปและบุญ รู้กลวั รู้ละอายแก่บาป สุเมรุ คนในทวปี น้ีหนา้ เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีรูปร่างสมประกอบ มี ความงดงามท้งั ชายและหญิง กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

๖.พระยาจกั รพรรดิราช ๔.)แกว้ ดวง (มณีรัตน์) เป็นแกว้ ที่มีสองหวั แกว้ มีดอกบวั ทอง เมื่อมีความมืดแกว้ น้ีจะส่องสวา่ งใหเ้ ห็นทุกหนแห่ง แกว้ น้ีจะ พระยาจกั รพรรดิราช เป็นพระราชาผยู้ งิ่ ใหญ่ยงิ่ กวา่ พระราชาท้งั ปวง อยกู่ บั พระยาจกั รพรรดิราชจนเสดจ็ สวรรคาลยั จึงจะคืนไปอยู่ เป็นพระยาท่ีทรงคุณธรรมทุกประการ พระยาจกั รพรรดิราชมีแกว้ ๗ ยอดเขาพปิ ูลบรรพตตามเดิม ประการเกิดคู่บารมีมาดว้ ย ไดแ้ ก่ ๕.)นางแกว้ (อิตถีรัตน์) เป็นหญิงท่ีจะมาเป็นมเหสีคู่บารมีของ ๑.)จกั รแกว้ หรือจกั รรัตน์จมอยใู่ ตท้ อ้ งทะเลลึก เม่ือเกิดจกั รพรรดิ พระยาจกั รพรรดิราช นางแกว้ น้ีจะตอ้ งเป็นหญิงท่ีไดท้ าบุญมา ราชข้ึนในโลก จกั รแกว้ กจ็ ะผดุ ข้ึนมาจากทอ้ งทะเลพงุ่ ข้ึนไปใน แต่ชาติก่อน และมาเกิดในแผน่ ดินของพระยาจกั รพรรดิราชใน อากาศ เมื่อพระยาผคู้ รองเมืองน้นั ทราบวา่ พระองคจ์ ะไดเ้ ป็นพระยา ตระกลู กษตั ริย์ มีลกั ษณะงดงามไปทุกส่วน จกั รพรรดิราช และเสดจ็ ปราบทวปี ท้งั สี่ แลว้ ประทานโอวาทใหช้ าว ทวปี เหล่าน้นั ๖.)ขนุ คลงั แกว้ เกิดข้ึนเพอ่ื บุญแห่งพระยาจกั รพรรดิราช และ จะเป็นมหาเศรษฐี ขนุ คลงั แกว้ จะสามารถกระทาไดท้ ุกอยา่ งท่ี ๒.)ชา้ งแกว้ (หสั ดีรัตน์) ซ่ึงเป็นชา้ งท่ีมีความงดงาม ตวั เป็นสีขาว ตีน พระยาจกั รพรรดิราชตอ้ งการ และงวงสีแดง เหาะไดร้ วดเร็ว ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป ๓.)มา้ แกว้ (อศั วรัตน์) เป็นมา้ ที่มีขนงามดงั สีเมฆหมอก กีบเทา้ และ หนา้ ผากแดงดงั่ น้าคร่ัง เหาะไดร้ วดเร็ว

๗.ฉกามาพจรภมู ิ ๒.)สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์น้นั ต้งั อยเู่ หนือจอม เขาพระสุเมรุ มีนครไตรตรึงส์อยตู่ รงกลางสวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ คือดินแดนสวรรคท์ ้งั ๖ ช้นั ไดแ้ ก่ ซ่ึงเป็นเมืองของพระอินทร์มีปรางคป์ ราสาทแกว้ มีกาแพง แกว้ มีประตูทองประดบั ดว้ ยแกว้ ๗ ประการ กลางนครไตร ๑.)สวรรคช์ ้นั จาตุมหาราชิกภูมิ แปลวา่ แดนแห่ง 4 มหาราช ตรึงส์ นอกจากพระอินทร์ท่ีเป็นเจา้ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์แลว้ ยงั สวรรคช์ ้นั น้ีต้งั อยเู่ หนือเทือกเขายคุ นธร บนเทือกเขายคุ นธรท้งั มีเทวดาอีก ๓๒ พระองคค์ รองเมือง ๓๒ เมืองอยรู่ อบนคร ๔ ทิศ มีเมืองใหญ่ ๔ เมือง ไตรตรึงส์น้ีทิศละ ๘ องค์ มหาราชท้งั ๔ท่ีปกครองเทือกเขาคนธรท้งั ๔ทิศ มีทา้ วธตรฐ ทา้ ว กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป วริ ูปักษ์ ทา้ ววริ ุฬหก และทา้ วไพศรพ ทา้ วมหาราชท้งั ๔ เรียกวา่ จตุโลกบาลท้งั ๔ คือผดู้ ูแลรักษาโลกท้งั ๔ ทิศ ๒.)สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์น้นั ต้งั อยเู่ หนือจอม เขาพระสุเมรุ มีนครไตรตรึงส์อยตู่ รงกลางสวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ซ่ึง เป็นเมืองของพระอินทร์มีปรางคป์ ราสาทแกว้ มีกาแพงแกว้ มี ประตูทองประดบั ดว้ ยแกว้ ๗ ประการ กลางนครไตรตรึงส์ นอกจากพระอินทร์ท่ีเป็นเจา้ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์แลว้ ยงั มีเทวดา อีก ๓๒ พระองคค์ รองเมือง ๓๒

๓.)สวรรคช์ ้นั ยามา มีพระยาสยามเทวราชครองอยู่ สวรรคช์ ้นั น้ี ๕.)สวรรคช์ ้นั นิมมานรดี อยสู่ ูงจากสวรรคช์ ้นั ดุสิต สูงกวา่ วถิ ีการโคจรของพระอาทิตย์ แต่กไ็ ม่มืดเนื่องจากรัศมี ๓๓๖,๐๐๐โยชน์ แกว้ และรัศมีตวั เทวดาส่องสวา่ งอยเู่ สมอ ๖.)สวรรคช์ ้นั ปรนิมมิตวสวตั ตี มีพระยาปรนิมมิตวสวตั ตีครองอยู่ และสุดทา้ ยพรหมโลก อยเู่ หนือสวรรคช์ ้นั สูงสุดมี ๒ ประเภท คือ ๔.)สวรรคช์ ้นั ดุสิต มีพระยาสนั ดุสิตเทวราช พระโพธิสตั วซ์ ่ึงจะ ๑.)รูปพรหม (รูปาวจร) มี ๑๖ ช้นั เสดจ็ ลงมาตรัสเป็นพระพทุ ธเจา้ มีพระศรีอาริยโ์ พธิสัตวซ์ ่ึงจะ ๒.)อรูปพรหม (อรูปาวจร) มี ๔ ช้นั มาตรัสเป็นพระพทุ ธเจา้ ในภายภาคหนา้ ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

เนื้อเรื่องเต็ม (เฉพาะตอนเรียน) แลกมุ ารน้นั นงั่ กลางทอ้ งแม่ แลเอาหลงั มาต่อหนงั ทอ้ งแม่ อาหารอนั แม่กินเขา้ ไปแต่ก่อนน้นั อยใู่ ตก้ มุ ารน้นั อาหารอนั ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสภูมิ แม่กินเขา้ ไปใหม่น้นั อยเู่ หนือกมุ ารน้นั เมื่อกมุ ารอยใู่ นทอ้ ง แม่น้นั ลาบากนกั หนา พึงเกลียดพงึ หน่ายพน้ ประมาณนกั ก็ ผริ ูปอนั จะเกิดเป็นชายกด็ ีเป็นหญิงกด็ ี เกิดมีอาทิแต่เกิด ช้ืนแลเหมน็ กล่ินตืดแลเอือนอนั ได้ ๘๐ ครอก ซ่ึงอยใู่ นทอ้ ง เป็นกลละน้นั โดยใหญ่แต่ละวนั แลนอ้ ย คร้ันถึง ๗ วนั เป็นดงั่ น้า แม่อนั เป็นที่เหมน็ แลท่ีออกลูกออกเตา้ ที่เถา้ ที่ตายท่ีเร่วฝงู ลา้ งเน้ือน้นั เรียกวา่ อมั พทุ ะ อมั พทุ ะน้นั โดยใหญ่ไปทุกวารไสร้ ตืดแลเอือนท้งั หลายน้นั คนกนั อยใู่ นทอ้ งแม่ ตืดแลเอือนฝงู คร้ันไดถ้ ึง ๗ วาร ขนั เป็นดง่ั ตะกว่ั อนั เชื่อมอยใู่ นหมอ้ เรียกชื่อ น้นั เริมตวั กมุ ารน้นั ไสร้ ดุจดงั่ หนอนอนั อยใู่ นปลาเน่า แล วา่ เปสิ เปสิน้นั คอ่ ยใหญ่ไปทุกวนั คร้ันถึง ๗ วนั แขง็ เป็นกอ้ นดง่ั หนอนอนั อยใู่ นลามกอาจมน้นั แล อนั วา่ สายสะดือแห่งกมุ าร ไข่ไก่เรียกวา่ ฆนะ ฆนะน้นั ค่อยใหญ่ไปทุกวนั คร้ันถึง ๗ วนั เป็น น้นั กลวงดงั่ สายกา้ นบวั อนั มีช่ือวา่ อุบล จะงอยไสส้ ะดือน้นั ตุ่มออกได้ ๕ แห่งดงั่ หูดน้นั เรียกวา่ เบญจสาขาหูด เบญจสาขา กลวงข้ึนไปเบ้ืองบนติดหลงั ทอ้ งแม่แลขา้ วน้าอาหารอนั ใด หูดน้นั เป็นมือ ๒ อนั เป็นตีน ๒ อนั หูดเป็นหวั น้นั อนั หน่ึง แลแต่ แม่กินไสร้ แลโอชารสน้นั กเ็ ป็นน้าชุ่มเขา้ ไปในไสด้ ือน้นั แล น้นั ค่อยไปเบ้ืองหนา้ ทุกวนั คร้ันถึง ๗ วนั เป็นฝ่ ามือ เป็นนิ้วมือ เขา้ ไปในทอ้ งกมุ ารน้นั แล สะหน่อยๆ แลผนู้ อ้ ยน้นั กไ็ ดก้ ิน แต่น้นั ไปถึง ๗ วนั คารบ ๔๒ จึงเป็นขน เป็นเลบ็ ตีน เลบ็ มือ เป็น ทุกค่าเชา้ ทุกวนั แม่จะพงึ กินเขา้ ไปอยเู่ หนือกระหม่อมทบั หวั เคร่ืองสาหรับเป็นมนุษยถ์ ว้ ยทุกอนั แล แต่รูปอนั มีกลางคนไสร้ กมุ ารอยนู่ ้นั แล แลลาบากนกั หนา ๕๐ แต่รูปอนั มีหวั ได้ ๘๔ แต่รูปอนั มีเบ้ืองต่าได้ ๕๐ ผสมรูป ท้งั หลายอนั เกิดเป็นสตั วอ์ นั อยใู่ นทอ้ งแม่ได้ ๑๘๔ กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

แต่อาหารอนั แม่กินก่อนไสร้ แลกมุ ารน้นั อยเู่ หนืออาหารน้นั ในไหอนั คบั แคบนกั หนา แคน้ เน้ือแคน้ ใจ แลเดือดเน้ือเดือดใจ เบ้ืองหลงั กมุ ารน้นั ต่อหลงั ทอ้ งแม่ แลนง่ั ยองอยใู่ นทอ้ งแม่ แลกา นกั หนา เหยยี ดตีนมือบ่มิไดด้ ง่ั ท่านเอาใส่ไวใ้ นที่คบั ผแิ ลวา่ มือท้งั สอง คูค้ อต่อหวั เข่าท้งั สอง เอาหวั ไวเ้ หนือหวั เข่าเมื่อนง่ั อยู่ แม่เม่ือเดินไปกด็ ี นอนกด็ ี ฟ้ื นตนกด็ ี กมุ ารอยใู่ นทอ้ งแม่น้นั ให้ น้นั ดง่ั น้นั เลือดแลน้าเหลืองยอ้ ยลงเตม็ ตนยะหยดทุกเมื่อแล ดุจดงั่ เจบ็ เพียงจะตายแล ดุจดง่ั ลูกทรายอนั พ่ึงออกแล อยธู่ รหอ้ ย ผบิ ่ ลิงเมื่อฝนตก แลนงั่ กามือเวาเจ่าอยใู่ นโพรงไมน้ ้นั แลในทอ้ งแม่ มิดุจดงั่ คนอนั เมาเหลา้ ผบิ ่มิดุจดง่ั ลูกงูอนั หมองูเอาไปเล่นน้นั น้นั ร้อนนกั หนาดุจดง่ั เราเอาใบตองเขา้ จ่อตน แลตม้ ในหมอ้ น้นั แล อนั อยลู่ าบากยากดุจใจดุจดงั่ น้นั บ่มิไดล้ าบากแต่ ๒ วาร ๓ ไสร้ ส่ิงอาหารอนั แม่กินเขา้ ไปในทอ้ งน้นั ไหมแ้ ละยอ่ ยลง ดว้ ย วารแลจะพน้ ไดเ้ ลย อยยู่ ากแล ๗ เดือน ลางคาบ ๘ เดือน ลาง อานาจแห่งไฟธาตุอนั ร้อนน้นั ส่วนตวั กมุ ารน้นั บมิไหม้ เพราะวา่ คน ๙ เดือน ลางคน ๑๐ เดือน ลางคน ๑๑ เดือน ลางคนคารบปี เป็นธรรมดาดว้ ยบุญกมุ ารน้นั จะเป็นคนแลจึงบมิไหมบ้ มิตายเพอื่ หน่ึงคลอดกม็ ีแล ดง่ั น้นั แล แต่กมุ ารน้นั อยใู่ นทอ้ งแม่ บ่ห่อนไดห้ ายใจเขา้ ออก เสียเลย เสียเลย บ่ห่อนไดเ้ หยยี ดตีนมือออกดงั่ เราท่านท้งั หลายน้ี คนผใู้ ดอยใู่ นทอ้ งแม่ ๖ เดือนแลคลอดน้นั บ่ห่อนจะไดส้ กั สกั คาบหน่ึงเลย แลกมุ ารน้นั เจบ็ เน้ือเจบ็ ตนดง่ั คนอนั ท่านขงั ไว้ คาบ คนผใู้ ดอยใู่ นทอ้ งแม่ ๗ เดือนแลคลอดน้นั แมเ้ ล้ียงเป็น ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

คนกด็ ี บ่มิไดก้ ลา้ แขง็ บ่มิทนแดดทนฝนไดแ้ ล คนผใู้ ดจากแต่ คลอดออกจากทอ้ งแม่ ออกแลไปบ่มิพน้ ตน ตนเยน็ น้นั แลเจ็บ นรกมาเกิดน้นั เมื่อคลอดออกตนกมุ ารน้นั ร้อน เมื่อมนั อยใู่ น เน้ือเจบ็ ตนนกั หนา ดงั่ ชา้ งสารอนั ท่านชกั ท่านเขน็ ออกจาก ทอ้ งแม่น้นั ยอ่ มเดือดเน้ือร้อนใจแลกระหนกระหาย อีกเน้ือแม่ ประตูลกั ษอนั นอ้ ยน้นั แลคบั ตวั ออกยากลาบากน้นั ผบิ ่มิดง่ั น้นั กพ็ ลอยร้อนดว้ ยโสด คนผจู้ ากแต่สวรรคล์ งมาเกิดน้นั เมื่อ น้นั ดง่ั คนผอู้ ยใู่ นนรกแล แลภูเขาอนั ชื่อคงั ไคยบรรพตหีบแล จะคลอดออก ตนกมุ ารน้นั เยน็ เยน็ เน้ือเยน็ ใจ เม่ือยงั อยใู่ นทอ้ ง เหงแลบดบ้ีน้นั แล คร้ันออกจากทอ้ งแม่ไสร้ ลมน้นั มีในทอ้ ง แม่น้นั อยเู่ ยน็ เป็นสุขสาราญบานใจ แลเน้ือแม่น้นั กเ็ ยน็ ดว้ ย ผนู้ อ้ ยคอ่ ยพดั ออกก่อน ลมอนั มีภายนอกน้นั จึงพดั เขา้ น้นั โสด คนผอู้ ยใู่ นทอ้ งแม่กด็ ี เม่ือถึงจกั คลอดน้นั กด็ ีดว้ ยกรรม หนกั หนา พดั เขา้ ถึงตน้ ลิ้นผนู้ อ้ ยจึงอยา่ คร้ันออกจากทอ้ งแม่ น้นั กลายเป็นลมในทอ้ งแม่ส่ิงหน่ึง พดั ใหต้ วั กมุ ารน้นั ข้ึนหน แม่น้นั ไปเมือหนา้ กมุ ารน้นั จึงรู้หายใจเขา้ ออกแล ผแิ ลคนอนั บน ใหห้ วั ลงมาสู่ที่จะออกน้นั ดุจดง่ั ฝงู นรกอนั ยมบาลกมุ ตีน มาแต่นรกกด็ ี แลมาแต่เปรตกด็ ี มนั คานึกถึงความอนั ลาบาก แลหยอ่ นหวั ลงในขมุ นรกน้นั อนั ลึกไดแ้ ลร้อยวาน้นั เมื่อกมุ าร น้นั คร้ันวา่ ออกมากร็ ้องไหแ้ ล ผแิ ลคนผมู้ าแต่สวรรค์ แล น้นั คานึงถึงความสุขแต่ก่อนน้นั ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

คร้ันวา่ ออกมาไสร้ กย็ อ่ มหวั ร่อก่อนแล แต่คนผมู้ าอยใู่ น ตนลาบากนกั ดง่ั กล่าวมาแต่ก่อน แลพลิกหวั ลงบ่มิไดร้ ู้สึก แผน่ ดินน้ีทวั่ ท้งั จกั รวาลอนั ใดอนั อ่ืนกด็ ี เมื่อแรกมาเกิดใน สกั อนั บ่เริ่มดงั่ ท่านผจู้ ะออกมาเป็นพระปัจเจกโพธิเจา้ กด็ ี ทอ้ งแม่กด็ ี เมื่ออยใู่ นทอ้ งแม่กด็ ี เมื่อออกจากทอ้ งแม่กด็ ี ใน ผจู้ ะเกิดมาเป็นลูกพระพทุ ธเจา้ กด็ ี คานึกรู้สึกตนแลบ่มิหลง กาลท้งั ๓ น้นั ยอ่ มหลงบ่มิไดค้ านึงอนั ใดสกั ส่ิง ฝงู อนั มา แต่สองส่ิงน้ีคือ เม่ือจะเอาปฏิสนธิแลอยใู่ นทอ้ งแม่น้นั ได้ เกิดเป็นพระปัจเจกโพธิเจา้ กด็ ี แลเป็นพระอรหนั ตาขีณาสพ แล เมื่อจะออกจากทอ้ งแม่น้นั ยอ่ มหลงดุจคนท้งั หลายน้ีแล เจา้ กด็ ี แลมาเป็นพระองคอ์ คั รสาวกเจา้ กด็ ี เมื่อ ธ แรกมาเอา ส่วนวา่ คนท้งั หลายน้ีไสร้ยอ่ มหลงท้งั ๓ เมื่อ ควรอิ่ม ปฏิสนธิน้นั กด็ ี เม่ือ ธ อยใู่ นทอ้ งแม่น้นั กด็ ี แลสองส่ิงน้ีเม่ือ สงสารแล อยใู่ นทอ้ งแม่น้นั บ่ห่อนจะรู้หลง แลยงั คานึงรู้อยทู่ ุกอนั เม่ือ จะออกจากทอ้ งแม่วนั น้นั ไสร้ จึงลมกรรมชวาตกพ็ ดั ใหห้ วั กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป ผนู้ อ้ ยน้นั ลงมาสู่ท่ีจะออก แลคบั แคบแอ่นยนั นกั หนา เจบ็ เน้ือเจบ็

วเิ คราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา ถอดคาประพนั ธ์ เมื่อลูกคลอดออกมาจากทอ้ งแม่ ยงั สร้างความเจบ็ ปวดไว้ รูปแบบ ใหก้ บั แม่อยู่ รูปแบบการแต่งแบบร้อยแกว้ ที่มีสมั ผสั คลอ้ งจอง กวแี ต่ง สาระ ประโยคเขา้ ใจง่าย ไม่ซบั ซอ้ น แสดงการเกิดของมนุษยท์ ้งั ชายและหญิง ต้งั แต่เกิดจนถึงคลอด ตวั อยา่ ง ๑ น้นั เป็นไปไดด้ ว้ ยความเจบ็ ปวดทรมาน เม่ือยงั อยใู่ นทอ้ งแม่น้นั อยเู่ ยน็ เป็นสุขสาราญบานใจ โครงเรื่อง ถอดคาประพนั ธ์ มีการลาดบั ความเป็นไปตามข้นั ตอน เม่ือลูกยงั อยใู่ นทอ้ งแม่กอ็ ยอู่ ยา่ งมีความสุข เริ่มต้งั แต่เม่ือแรกเกิดเป็น กลละ หรือเซลลท์ ่ีมีขนาดเลก็ มาก ตวั อยา่ ง ๒ ค่อยๆเติบโตข้ึนเป็น เบญจสาขาหูดหรือหูดหา้ กิ่ง เม่ือกมุ ารน้นั คลอดออกจากทอ้ งแม่ ออกแลไปบ่มิพน้ ตน ตอน เจริญเติบโตข้ึนเป็นตวั คนอยใู่ นทอ้ งแม่จนกระทง่ั ถึงเวลาคลอด เยน็ น้นั แลเจบ็ เน้ือเจบ็ ตนหนกั หนา กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

กลวธิ ีการแต่ง ใชพ้ รรรณนาโวหารเพื่อใหร้ ายละเอียด เล่าเรื่องตามลาดบั โดยใชบ้ รรยายโวหาร ตวั อยา่ ง ๑ ตวั อยา่ ง ๑ เบ้ืองหลงั กมุ ารน้นั ต่อหลงั ทอ้ งแม่ แลนง่ั ยองอยใู่ นทอ้ งแม่ บ่ห่อนไดห้ ายใจเขา้ ออกเสียเลย บ่ห่อนไดเ้ หยยี ดตีนมือออก ถอดคาประพนั ธ์ ถอดคาประพนั ธ์ กมุ ารนง่ั อยใู่ นทอ้ งแม่ในท่ายอง ไม่มีโอกาสไดห้ ายใจ ไม่มีโอกาสเหยยี ดเทา้ ขาออกเลย ตวั อยา่ ง ๒ ตวั อยา่ ง ๒ แลกามือท้งั สอง คูค้ อ้ ต่อหวั เขา่ ท้งั สอง เอาไวเ้ หนือหวั เข่า คนผใู้ ดแต่จากนรกมาเกิดน้นั เม่ือคลอดออกตนกมุ ารน้นั ร้อน เมื่อนง่ั อยนู่ ้นั ดง่ั น้นั ถอดคาประพนั ธ์ ถอดคาประพนั ธ์ ใครที่เกิดมาจากนรกเม่ือคลอดออกมาจะร้อน งอหวั เข่าท้งั สอง กามือท้งั สองขา้ งวางไวบ้ นหวั เขา่ ใชพ้ รรรณนาโวหารเพอ่ื ใหร้ ายละเอียด กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

วเิ คราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ - พรรณนาโวหาร \"...เบ้ืองหลงั กมุ ารนน่ั ต่อหลงั ทอ้ งแม่ แลนง่ั ยองอยใู่ นทอ้ ง - บรรยายโวหาร “...ส่ิงอาหารอนั แม่กินเขา้ ไปในทอ้ งน้นั ไหมแ้ ละยอ่ ย แม่ แลกามือ ท้งั สองคูค้ อต่อหวั เขา่ ท้งั สองเอาไวเ้ หนือหวั เข่า เม่ือนงั่ อยนู่ ้นั เลือดแลน้าเหลืองยอ้ ยลงเตม็ ตนยะหยดทึก เมื่อ ลง ดว้ ยอานาจแห่งไฟธาตุอนั ร้อนน้นั ส่วนตวั กมุ ารน้นั บมิ แล...\" ไหม้ เพราะวา่ เป็นธรรมดาดว้ ยบุญกมุ ารน้นั จะเป็นคนแล จึงใหบ้ มิไหมบ้ มิตายเพอ่ื ดง่ั น้นั แลแต่กมุ ารน้นั อยใู่ นทอ้ ง แม่ บ่ห่อนไดห้ ายใจเขา้ ออกเสียเลยบ่ห่อนไดเ้ หยยี ดตีนมือ ออกดง่ั เราท่านท้งั หลายน้ีสกั คาบหน่ึงเลย...“ กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

- อปุ มาโวหาร - อุปลกั ษณ์ \"อนั วา่ สายสะดือแห่งกมุ ารน้นั กลวงดง่ั สายกา้ นบวั อนั มีช่ือวา่ อุบล\" \"แลนงั่ ทามือเซาเจ่าอยใู นโพรงไมน้ ้นั แลในทอ้ งแม่น้นั ร้อนนกั หนา \"ดุจดงั ลกู ทรายอนั พ่งึ ออกเเล\" ดุจดง่ั เราเอาใบตองเขา้ จ่อตน\" \"ผบิ ่มิดุจดงั คนอื่นเมาเหลา้ ผบิ ่มิดุจดงั ลูกงูอนั หมองูเอาไปเล่นน้นั เเล\" \"บ่ห่อนไดเ้ หยยี ดตีนมือออกดงั่ เราท่านท้งั หลายน้ีสกั คาบหน่ึงเลย \" \"ดว้ ยกรรมน้นั กลายเป็นลมในทอ้ งเเม่ส่ิงหน่ึง\" \"แลกมุ ารน้นั เจบ็ เน้ือเจบ็ ตนดงั่ คนเอาท่านขงั ไว้ ในไหอนั คบั แคบ \"ดุงดงั่ ฝงู นรกอนั ยมบาลกมุ ตีนเเลหยอ่ นหวั ลงขมุ นรกน้นั \" หนกั หนา\" \"บ่เริ่มดง่ั ท่านผจู้ ะออกมาเป็นพระปัจเจกโพธิเจา้ กด็ ี” - นามนยั \"พดั ใหต้ วั กมุ ารน้นั ข้ึนหนบน\" \"กมุ ารอยใู่ นทอ้ งเเม่น้นั \" \"ตนกมุ ารน้นั เยน็ \" ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

-จินตภาพดา้ นภาพ - สลั ปังคพสิ ยั \"มนั คานึงถึงความอนั ลาบากน้นั คร้ันวา่ ออกมากรองใหเ้ เล” \"เบ้ืองหลกั มารน้นั ต่อหลกั ทอ้ งแม่ แลนง่ั ของอยใู่ นทอ้ งแมแ้ ลกมือท้งั สอง คู่คอต่อหวั เขา่ ท้งั สองเอาหวั ไวเ้ หนือหวั เขา่ มือนงั่ อยนู่ ้นั ดง่ั น้นั -การเลือกใชค้ าไดต้ รงตามความหมายที่ตอ้ งการ เลือดแลน้าเหลืองยอ้ ยลงเตม็ ตนยะหยดทุกเม่ือแล” \"...อาหารอนั แม่กินเขา้ ไปใหม่น้นั อยเู่ หนือกมุ ารน้นั เมื่อกมุ ารอยู่ \"นอนกด็ ี ฟ้ื นตนกด็ ี” ในทอ้ งแม่น้นั ลาบากนกั หนาพึงเกลียดพงึ หน่ายพน้ ประมานนกั ก็ \"ดุงดงั ฝงู นรกอนั ยมบาลกมุ ตีนเเลหยอ่ นหวั ลงในขมุ นรกน้นั ” ชื่นแลเหมน็ กล่ินตืดและเอือนอนั ได้ 80 ครอก ซ่ึงอยใู่ นทอ้ งแม่ \"จึงลงกรรมชวาตกพ็ ดั ใหห้ วั ผนู้ อ้ ยน้นั ลงมาสู่ที่จะออก” อนั เป็นที่เหมน็ แลท่ีออกลูกออกเตา้ ที่เถา้ ที่ตายท่ีเร่ว ฝงู ตืดและ \"เบญจสาขาหูดน้นั เป็นมือ ๒ อนั เป็นตีน ๒ อนั หูดเป็นหวั น้นั เอือนท้งั หลายน้นั คนกนั อยใู่ นทอ้ งแม่ ตืดแลเอือนฝงู น้นั เริมตวั อนั หน่ึง เเลเเต่น้นั ค่อยไปเบ้ืองหนา้ ทุกวนั คร้ันถึง ๗ วนั เป็นฝ่ ามือ กมุ ารน้นั ไสร้ ดุจดงั่ หนอนอนั อยใู่ นปลาเน่า และหนอนอนั อยใู่ น เป็นนิ้วมือ เเต่น้นั ไปถึง ๗ วนั คารบ ๔๒ จึงเป็นขนเป็นเลบ็ ตีนเลบ็ มือ” ลามกอาจมน้นั แล...” -ฆานพจน์ กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป \"กช็ ้ืนเเลเหมน็ กลิ่นตืดเเลเอือน” \"ซ่ึงอยใู่ นทอ้ งเเม่อนั เป็นท่ีเหมน็ เเลที่ออกลกู ออกเตา้ ”

- การเลือกใชค้ าใหเ้ หมาะสมแก่ลกั ษณะคาประพนั ธ์ - การใชค้ าซอ้ นเพ่อื เนน้ ความ “ ผริ ูปอนั จะเกิดเป็นชายกด็ ีเป็นหญิงกด็ ี เกิดอาทิแต่เกิดเป็นกลละ \"...แลกมุ ารน้นั เจบ็ เน้ือเจบ็ ตาดง่ั คนอนั ท่านขงั ไวใ้ นไหอนั คบั แคบ น้นั โดยใหญ่แต่ละวนั แลนอ้ ย คร้ังถึง ๗ วนั เป็นดงั่ น้าลา้ งเน้ือน้นั นกั หนา แคน้ เน้ือแคน้ ใจแลเดือดเน้ือเดือดใจนกั หนา...” เรียกวา่ อมั พทุ ะ อมั พทุ ะน้นั โดยใหญ่ไปทุกวารไสร้...” - การเล่นอกั ษร เสียงสมั ผสั สระ และสมั ผสั พยญั ชนะ - การเลือกใชค้ าท่ีเหมาะแก่เน้ือเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง \"ผริ ูปอนั จะเกิดเป็นชายกด็ ีเป็นหญิงกด็ ี...” \"..คนผใู้ ดอยใู่ นทอ้ งแม่ ๖ เดือนแลคลอดน้นั บ่ห่อนจะไดส้ กั คาบ \"...ออกลูกออกเตา้ ที่เถา้ ที่ตายที่เร่ว...” คนผใู้ ดอยใู่ นทอ้ งแม่ ๗ เดือนและคลอดน้นั แมเ้ ล้ียงเป็นคนกด็ ี บ่ \"...ดว้ ยบุญกมุ ารน้นั จะเป็นคนแลจึงใหบ้ มิไหมบ้ มิตาย...” มิไดก้ ลา้ แขง็ บ่มิทนแดดทนฝนไดแ้ ล..” - การย้าคาที่มีความหมายเหมือนกนั หรือใกลเ้ คียงกนั - การเล่นสมั ผสั คลอ้ งจอง “…แลภูเขาอนั ช่ือคงั ไคยบรรพตหีบแลเหงแลบดบ้ีน้นั แล..” \"...แลนงั่ ยองอยใู่ นทอ้ งแม่ แลกามือท้งั สองคูค้ อต่อหวั เข่าท้งั สอง “…แลผนู้ อ้ ยน้นั กไ็ ดก้ ินทุกค่าเชา้ ทุกวนั ...” เอาหวั ไวเ้ หนือหวั เข่าเม่ือนง่ั อยนู่ ้นั ...” กอ่ นหน้า หน้าหลกั ถดั ไป

วเิ คราะห์คุณค่าด้านสังคม ๒.สะทอ้ นความคิดของคนในสงั คม -สะทอ้ นการเกิดของมนุษยเ์ ป็นทุกข์ ๑.สะทอ้ นความเชื่อของคนในสงั คม -สะทอ้ นใหเ้ ห็นสจั ธรรมของชีวติ -ความเชื่อเร่ืองกรรม การเปล่ียนแปลงของสรรพส่ิงที่มนุษยท์ ุกคนตอ้ งพบเห็นใน สะทอ้ นใหเ้ ห็นความเชื่อเร่ืองเวยี นวา่ ยตายเกิด ชีวติ ประจาวนั นน่ั กค็ ือ การเกิด แก่ เจบ็ และตาย หากทาบาปดว้ ยกาย วาจา ใจ ตอ้ งไปเกิดในนรกภูมิ ผทู้ ี่มาจากมนุสสภูมิแห่งบุญกจ็ ะส่งผลใหอ้ ยเู่ ยน็ เป็นสุข ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป -ความเช่ือเร่ืองนรกสวรรค์ สวรรคแ์ ละอตุ รกรุ ุทวีป ซ่ึงเป็นทวปี ในอดุ มคติ มนุษยห์ ลายคนอยากไปเกิดอยทู่ ี่นน่ั เพราะเป็นดินแดนที่เตม็ ไป ดว้ ยความสุข ความสบาย และความสะดวก

บรรณานุกรม เน้ือเรื่องเตม็ (เฉพาะท่ีเรียน) จาก ไตรภูมิพระร่วงตอนมนุสส ภูมิ หนงั สือรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย วรรณคดีวจิ กั ษ์ ช้นั -ความเป็นมา จาก มธั ยมศึกษาปี ที่ ๖ วนั ที่๑๔ ก.ค. ๒๕๖๔ (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล : ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔) https://th.wikipedia.org/wiki - วเิ คราะห์คุณค่า ๑.ดา้ นเน้ือหา จาก http://racha1-online.school/wp- (วนั ที่คน้ -ประวตั ิผแู้ ต่ง จาก ขอ้ มูล : ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔) http://hamewannana.blogspot.com/2012/12/blog- ๒.ดา้ นวรรณศิลป์ จาก http://racha1-online.school/wp- (วนั ที่ post.html?m=1 (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล : ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔) คน้ ขอ้ มูล : ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ๓.ดา้ นสงั คม จาก http://racha1-online.school/wp- (วนั ท่ีคน้ -ลกั ษณะคาประพนั ธ์ จาก https://blog.startdee.com (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล : ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ขอ้ มูล : ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป -เน้ือเรื่องเตม็ (แบบยอ่ ) จาก https://sites.google.com/site/rannichanrakthex/ran-ni-chan-rak- thex-1 (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล : ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ก่อนหน้า หน้าหลกั ถดั ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook