26 บทที่ 2 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยและการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย เรียบเรียงโดย ผชู้ ่วยศาสตราจารย์พรรัก อนิ ทามระ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม ประสบการณ์ให้กับ เด็กปฐมวัย โดยจัดอย่างเป็นระบบ มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มีการกาหนดองค์ประกอบของหลักสูตรท่ีมี รายละเอียดที่ใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเรยี นรู้ กจิ กรรม ประสบการณ์ใหก้ ับเดก็ ปฐมวยั ทงั้ นีส้ ถานศึกษา จะนาแนวทางของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั มาจดั ทาหลกั สตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัยให้สอดคลอ้ งกับบรบิ ท ของสถานศึกษา ซ่ึงหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหลักสูตรที่เกิดจากการท่ีสถานศึกษานาสภาพต่าง ๆ ท่เี ปน็ จดุ เด่นหรอื เอกลกั ษณ์ของชมุ ชน สงั คม ศลิ ปวฒั นธรรม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ มากาหนดเป็นสาระและจัด กระบวนการเรียนรู้ให้เด็ก บนพื้นฐานของหลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) เพ่ิมเติมสาระ และมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์หรือได้ตามความถนัด ความสนใจของเด็ก โดยความร่วมมือของ ทุกคน ในสถานศึกษา และชุมชน กาหนดวิสัยทัศน์ แผนพัฒนาคุณภาพ เพ่ือนาไปสู่การออกแบบหลักสูตร สถานศึกษาให้มีคุณภาพ ซ่ึงหลักสูตรสถานศึกษาที่มีคุณภาพ ต้องเป็นหลักสูตรที่พัฒนามาจากข้อมูลของ สถานศึกษา และชุมชน สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย มีการระดมทรัพยากรทั้งของสถานศึกษา และชุมชนใช้อย่างคุ้มค่า และใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มท่ี ซ่ึงในบทท่ี 2 น้ีจะกล่าวถึงเรื่องของหลักสูตร หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย การพัฒนาหลักสูตร หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย การนาหลักหลักสูตรไปใช้ การประเมนิ หลกั สตู ร ระดบั ของหลกั สตู ร ระดบั ของหลักสตู รโดยภาพรวมสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ระดับ ไดแ้ ก่ หลักสูตรระดับชาติ หลักสูตรท้องถน่ิ หลักสตู รสถานศกึ ษา และหลกั สตู รระดบั ชนั้ เรียน (สรุ วยี ์ เพยี รเพชรเลิศ 2561: 11–20) รายละเอยี ด ดงั นี้ หลักสตู รแม่บทระดบั ชาติ หลักสูตรแม่บทระดับชาติเป็นหลักสูตรที่พัฒนาข้ึนเพ่ือใช้กับผู้เรียนระดับใดระดับหนึ่งท่ัว ประเทศ โดยผู้เรยี นทัว่ ประเทศจะได้หยดุ โครงสรา้ งของหลักสูตรรว่ มกนั เป็นการบังคบั ไวเ้ ป็นพ้นื ฐาน เพ่อื ให้ ประชาชนพลเมืองต้องผ่านหลักสูตรนี้ เพื่อพัฒนาบุคคลให้ผ่านมาตรฐานเบ้ืองต้นในระดับที่เท่า ๆ กัน นอกจากนี้ราชบัณฑิตยสถาน (2555) ได้กล่าวไว้ว่า หลักสูตรระดับชาติเป็นสาระและมวลประสบการณ์ท่ี กาหนดไว้อย่างเป็นระบบตามแผนการศึกษาแห่งชาติต่าง ๆ ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ ทกั ษะการรคู้ ดิ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สถานศกึ ษาสามารถนาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกบั ผู้เรยี น และ
27 บริบทของท้องถิ่น และสังคม เช่น หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พ.ศ. 2560 หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต พ.ศ. 2556 หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 เป็นตน้ หลกั สูตรท้องถิ่น หลักสูตรท้องถ่ินเป็นสาระการเรียนรู้หรือรายวิชาที่สถานศึกษาจัดทาขึ้นเพื่อตอบสนองความ สนใจและความต้องการของผเู้ รยี นและชมุ ชน ท้ังทเ่ี ปน็ สาระการเรียนรู้ พืน้ ฐานและสาระการเรยี นรเู้ พมิ่ เติม รวมทั้งกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีลักษณะสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะท้องถิ่นมาตรฐานการเรียนรู้ของ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและจุดเน้นที่แตกต่างกันตามบริบทของชุมชนเช่นหลักสูตรท้องถ่ิน เคร่ืองจักสานพื้นบ้านหลักสูตรท้องถิ่นของจังหวัดน่านเป็นต้นหลักสูตรท้องถิ่นสามารถบูรณาการเข้ากับ สาระพื้นฐานหรือสาระเพิ่มเติม (ราชบัณฑิตยสถาน : 2555) ซึ่งฆนัท ธาตุทอง (2555) ไดร้ ะบุว่า หลักสูตร ท้องถ่ิน หมายถึง หลักสูตรที่ท้องถิ่นสร้างขึ้นหรือพัฒนามาจากหลักสูตรแกนกลางโดยการปรับขยายเพ่ิม หรือสร้างหลักสูตรย่อยข้ึนใหม่เว้นวรรคโดยมีเน้ือหาสาระสอดคล้องกับสภาพความต้องการของแต่ละ ทอ้ งถิน่ เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนไดม้ โี อกาสเรยี นรเู้ รื่องราวของตน เรยี นร้อู าชีพ สภาพเศรษฐกจิ สงั คม ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมในทอ้ งถิน่ เพอื่ ให้นาไปแก้ปัญหาพัฒนาชีวติ ของตนเองเว้นวรรคครอบครวั และท้องถิ่นได้ หลกั สูตรสถานศกึ ษา หลกั สตู รสถานศกึ ษาเป็นแผนการจัดการศึกษาทม่ี ุ่งพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี นให้สอดคลอ้ งกับบริบท ของชุมชน หลักสูตรแกนกลางและมาตรฐานการศึกษาของชาติโดยมีจุดเน้นท่ีแตกต่างกันตามบริบทของ สถานศกึ ษาการจัดทาหลักสูตรเนน้ การมีสว่ นรว่ มของบุคลากรภายในสถานศึกษาคณะกรรมการสถานศึกษา และชุมชนมีการกาหนดคุณลักษณะอันเพ่ิงประสงค์ของผู้เรียนเป็นไปตามเป้าหมายของคุณภาพการศึกษา การออกแบบหลักสูตรและแนวทางการจัดกระบวนการเรียนการสอนและกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนครอบคลุม ภาระงานการจัดการศึกษาและเป็นมวลประสบการณ์ที่เกิดข้ึนกับผู้เรียน (ราชบัณฑิตยสถาน : 2555) ซ่ึงสอดคล้องกับสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2553) ได้กล่าวถึงหลักสูตรสถานศึกษาไว้ว่า หลักสูตรสถานศึกษาเป็นแผนหรือแนวทางในการจัดประมวลความรู้และประสบการณ์ ซึ่งจัดทาโดย คณะบุคคลในระดับสถานศึกษา เพ่ือใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐาน การเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีชวี ิตอยู่ในโรงเรียน ชุมชนเว้นวรรคและสังคมอย่างมีความสุข การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา พิจารณาหลักสูตรแกนกลาง และกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นนอกจากนี้ สถานศึกษาแตล่ ะแหง่ สามารถพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนท่สี อดคล้องกับบริบทและจุดเน้นของสถานศกึ ษา หลกั สตู รระดับชัน้ เรยี น หลักสูตรระดบั ช้นั เรียนเป็นหลักสตู รที่ผ้สู อนนาหลักสตู รระดบั ชาติ ระดบั ทอ้ งถนิ่ และ หลักสูตร สถานศึกษามาพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมเว้นวรรคเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตรท่ีกาหนดไว้ รวมถึงการพัฒนาวิธีการสอนกิจกรรมการเรียนการสอนการใช้ส่ือการสอนการวัดและประเมินผลสาหรับ วิชยั วงศ์ใหญ่ และมารตุ พฒั ผล (2558) ได้กล่าววา่ การแปลงหลกั สตู รส่กู ารเรยี นรเู้ ปน็ ขั้นตอนสาคัญที่ทา ให้เอกสารหลักสูตรท่ีพัฒนาข้ึนบรรลุจุดมุ่งหมายเป็นการทาให้หลักสูตรเป็นความจริงในระดับช้ันเรียน
28 การแปลงหลักสูตรสู่การเรียนรู้ ในระดับชั้นเรียนเร่ิมจากการศึกษาหลักสูตรระดับชาติการออกแบบการ จัดการเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้ และการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ วชิ ยั วงษ์ใหญ่ (2554: 6) ไดก้ ลา่ ววา่ หลักสูตรแบ่งเปน็ 3 ระดบั คอื 1. หลักสูตรระดับชาติหรือหลักสูตรแม่บท คือ หลักสูตรแกนที่เขียนไวก้ ว้าง ๆ และบรรจุสาระ ที่จาเป็นท่ที ุกคนในประเทศต้องเรียนรูเ้ หมือนกัน 2. หลักสูตรระดับท้องถิ่น คือ การนาเอาหลักสูตรแม่บทมาปรับใช้ให้ให้เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นอยูข่ องแตล่ ะทอ้ งถ่นิ 3. หลักสูตรระดับหอ้ งเรียน คือ การนาเอาหลักสตู รระดบั ชาติหรอื หลักสตู รแม่บทและหลกั สูตร ระดบั ท้องถ่นิ มาปรับใช้ใหเ้ หมาะสม เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ท่ีผ่านมาหลายหน่วยงานได้จดั ทาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเพ่อื ใช้ให้กบั สถานศึกษาในสังกัดซ่ึงจะมีรายละเอียดท่ีแตกต่างกันไปซ่ึงอาจทาให้มีจุดมุ่งหมาย แนวทางการจัด กิจกรรม ที่แตกตา่ งกันไป จนกระทั่งกรมวิชาการไดจ้ ัดทาแนวการจัดประสบการณ์และพัฒนาเป็นหลักสูตร ก่อนประถมศึกษาพุทธศักราช 2540 ขึ้น และประกาศให้โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กระดับก่อน ประถมศึกษาท่ัวประเทศนาไปใช้ต้ังแตพ่ ุทธศักราช 2541 เป็นต้นมา หลังการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัติ การศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และมีการประกาศใช้หลักสูตรการศกึ ษาขนั้ พื้นฐานพุทธศักราช 2544 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้แต่งต้ังคณะกรรมการ ซ่ึงประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เช่ียวชาญ ผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ ปรับปรุงหลักสูตรก่อนประถมศึกษาพุทธศักราช 2540 ให้สอดคล้องกับ สภาพการเปล่ียนแปลงของสังคม มีการนาเสนอรับฟังความคิดเห็นจากบุคคลทั้งภาครัฐ และเอกชนประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ท่ีประชุมมีมติให้เปลี่ยนช่ือจากหลักสูตรก่อนประถมศึกษาเป็น หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 และในปี พ.ศ. 2560 ได้มีประกาศใช้หลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ถอื ว่าเปน็ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยแกนกลางเพอื่ ใหส้ ถานศึกษา หรอื สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยทกุ สงั กัดนาหลักสตู รไปใช้ในปกี ารศึกษา 2561 เป็นตน้ ไป หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 เป็นหลักสูตรแกนกลาง จัดทาข้ึนเพ่ือให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้เล้ียงเด็กใช้เป็นแนวทางในการอบรมเล้ียงดูเด็ก และเพ่ือให้สถานศึกษาและสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยทุกหน่วยงานทุกสังกัดที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และ เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพ่ือสร้างเสริมให้เด็กปฐมวัยเติบโต และมีพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุล เหมาะสม กับวัย เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุขเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพต่อไป (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน. 2560)
29 เมือ่ ศกึ ษาองคป์ ระกอบของหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช 2560 จะเหน็ ว่าแบ่งเป็น 3 ส่วน ดงั น้ี สว่ นท่ี 1 ปรัชญา วิสัยทศั น์ และหลกั การของการศกึ ษาปฐมวัย สว่ นที่ 2 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั สาหรบั เด็กอายตุ ่ากว่า 3 ปี ส่วนที่ 3 หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั สาหรบั เดก็ อายุ 3-6 ปี โดยแตล่ ะส่วนมรี ายละเอียดดงั นี้ ส่วนที่ 1 ปรชั ญา วิสัยทศั น์และหลักการของการศกึ ษาปฐมวยั 1. ปรชั ญาการศึกษาปฐมวัย ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวคิด ความเชื่อ วิธีการที่จะจัดกิจกรรม หรือกระบวนการเรียนรู้ที่จะนาไปสู่จดุ หมาย หรือเป้าหมาย โดยในหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พ.ศ. 2560 มี รายละเอียดของปรัชญาการศึกษาปฐมวยั ดงั น้ี “การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์อย่างเป็นองค์รวม บนพื้นฐานการอบรมเลย้ี งดู และส่งเสริมกระบวนการเรยี นรู้ทส่ี นองต่อธรรมชาติ และพฒั นาการตามวัยของ เด็กแต่ละคน ให้เต็มตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม และวัฒนธรรมท่ีเด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอ้อื อาทร และความเข้าใจของทุกคน เพ่ือสรา้ งรากฐานคุณภาพชีวติ ใหเ้ ดก็ พัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์เกิดคณุ คา่ ตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม ประเทศชาต”ิ 2. วิสยั ทศั น์ วสิ ยั ทัศน์เปน็ ส่ิงทบี่ งบอกถึงอุดมการณ์ หลกั การ แสดงถงึ เอกลกั ษณใ์ นการจัดการศึกษาปฐมวัย แสดงให้เห็นถึงภาพท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตเม่ือเด็กได้รับการพัฒนาตามแนวทางของหลักสูตร ซ่ึงในหลักสูตร การศึกษา พุทธศกั ราช 2560 มรี ายละเอยี ดของวิสัยทศั นไ์ ว้ ดังน้ี “หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างมีคุณภาพ และต่อเน่ือง ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข และเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิต และปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และความสานึกความเป็นไทย โดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่าย ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การพัฒนาเดก็ ” 3. หลกั การ หลักการเป็นการแสดงให้เห็นถึงหลักการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย ซึ่งจะมี ความสอดคล้องกับปรัชญาการศกึ ษาปฐมวัย ซ่ึงในหลกั สูตรการศกึ ษา พุทธศักราช 2560 มรี ายละเอียดของ หลกั การไว้ ดังน้ี เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเล้ียงดู และการส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาว่าด้วย สิทธิเด็ก ตลอดจนได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างเด็กกับ พ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือผู้เก่ียวข้องกับการอบรมเล้ียงดู การพัฒนา และให้การศึกษาแก่
30 เด็กปฐมวัย เพ่ือให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลาดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่างเป็นองค์รวม มีคณุ ภาพ และเตม็ ตามศักยภาพ โดยกาหนดหลักการ ดงั น้ี 1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาการท่ีครอบคลุมเดก็ ปฐมวัยทกุ ประเภท 2. ยึดหลักการอบรมเล้ียงดู และให้การศึกษาท่ีเน้นเด็กเป็นสาคัญ โดยคานึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล และวถิ ชี วี ิตของเดก็ ตามบริบทของชมุ ชน สงั คม และวฒั นธรรมไทย 3. ยึดพัฒนาการ และการพัฒนาเดก็ โดยองค์รวม ผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและกิจกรรม ทหี่ ลากหลาย ไดล้ งมอื กระทาในสภาพแวดล้อมทเ่ี ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ เหมาะสมกับวัย และมกี ารพักผอ่ นเพยี งพอ 4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ คนดี มวี นิ ยั และมคี วามสขุ 5. สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสานความรว่ มมือในการพัฒนาเด็กระหวา่ งสถานศึกษากับ พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝา่ ยท่ีเกย่ี วข้องกับการพฒั นาเด็ก ส่วนท่ี 2 หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ส่าหรับเด็กตา่ กวา่ 3 ปี ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ในส่วนของหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั สาหรับ เด็กอายุต่ากว่า 3 ปี มีรายละเอียดเกี่ยวกับจุดหมาย คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ การอบรม เล้ียงดู และการส่งเสริมพฒั นาการ และการเรียนรู้สาหรับเด็กอายุต่ากว่า 3 ปี การอบรมเลี้ยงดู และการจดั ประสบการณ์ การประเมินพัฒนาการ การใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสาหรับเด็กอายุต่ากว่า 3 ปี การจัดการศึกษาปฐมวัย (เด็กอายุต่ากว่า 3 ปี) สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และการเช่ือมต่อการพัฒนา เดก็ ปฐมวัย โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี 1. จดุ หมาย การพฒั นาเดก็ อายุต่ากว่า 3 ปี มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ที่เหมาะสมกับวยั ความสามารถ ความสนใจ โดยมจี ุดหาย 4 ข้อ ดังนี้ 1. มรี า่ งกายเจริญเตบิ โตตามวยั แข็งแรง และมีสขุ นิสัยท่ีดี 2. มสี ขุ ภาพจิตดี และมีความสขุ 3. มที กั ษะชีวิต และสร้างปฏสิ มั พันธ์กับบุคคลรอบตัว และอยู่รว่ มกับผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 4. มีทกั ษะการใช้ภาษาสอ่ื สาร และสนใจเรียนรู้สิง่ ต่าง ๆ 2. คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั สาหรบั เดก็ ต่ากว่า 3 ปี กาหนดคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ ดังน้ี 1. พัฒนาการดา้ นร่างกาย 1) ร่างกายเจริญเตบิ โตตามวยั และมีสุขภาพดี 2) ใช้อวยั วะของร่างกายประสานสมั พันธก์ ัน 2. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ 3) มคี วามสขุ และแสดงออกทางอารมณไ์ ดเ้ หมาะสมกบั วัย
31 3. พฒั นาการด้านสังคม 4) รับรู้และสร้างปฏิสัมพนั ธ์กับบุคคลและสิง่ แวดล้อมรอบตวั 5) ชว่ ยเหลอื ตนเองได้เหมาะสมกับวยั 4. พฒั นาการด้านสติปัญญา 6) ส่ือความหมายและใช้ภาษาไดเ้ หมาะสมกับวยั 7) สนใจเรยี นรูส้ ิง่ ตา่ ง ๆ รอบตัว ท้ังนี้ คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ยงั ได้กาหนดสภาพที่พึงประสงค์ของแต่ละ ช่วงอายุ โดยแบ่งเป็น สภาพท่ีพึงประสงค์ตามช่วงอายุ 8 ช่วง ได้แก่ แรกเกิด - 2 เดือน อายุ 2 - 4 เดือน อายุ 4 - 6 เดือน อายุ 6-9เดอื นอายุ 9-11เดอื นอายุ 9เดอื น-1ปี อายุ 1ปี -1ปี 6เดือนอายุ 1ปี 6เดอื น–2ปี และอายุ 2-3ปี ส่วนท่ี 3 หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ส่าหรบั เด็กอายุ 3 – 6 ปี หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สาหรับเด็กอายุ 3 – 6 ปี ได้กล่าวถึง จุดหมาย มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ การจัดระยะเวลาเรียน สาระการเรียนรู้ การจดั ประสบการณ์ การประเมนิ พัฒนาการ การจัดทาหลกั สตู รสถานศกึ ษา การจัดการศกึ ษาระดับปฐมวัย (เด็กอายุ 3 – 6 ปี) สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ การสร้างรอยเช่ือมต่อระหว่างการศึกษาปฐมวัยกับ ระดบั ประถมศึกษาปีที่ 1 และการกากบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 1. จุดหมาย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมุ่งให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยเต็มตามศักยภาพ และมีความพร้อม ในการเรียนรูต้ ่อไป จึงกาหนดจุดหมายเพ่ือใหเ้ กิดกบั เด็กเม่ือจบการศึกษาระดับปฐมวยั ดงั น้ี 1. รา่ งกายเจรญิ เติบโตตามวัย แข็งแรง และมีสขุ นิสัยทด่ี ี 2. สุขภาพจติ ดี มสี นุ ทรียภาพ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจติ ใจที่ดงี าม 3. มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัย และอยู่ ร่วมกับผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ 4. มีทกั ษะการคดิ การใชภ้ าษาส่อื สาร และการแสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกบั วัย 2. มาตรฐานคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. การพฒั นาการด้านร่างกาย ประกอบดว้ ย 2 มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี 1 รา่ งกายเจริญเตบิ โตตามวัย และมสี ขุ นสิ ยั ท่ดี ี มาตรฐานที่ 2 กล้ามเนือ้ ใหญ่และกลา้ มเนอื้ เล็กแข็งแรง ใชไ้ ด้อย่างคลอ่ งแคล่ว 2. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี 3 มีสขุ ภาพจิตดแี ละมคี วามสขุ มาตรฐานท่ี 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว มาตรฐานที่ 5 มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจติ ใจทดี่ งี าม
32 3. พฒั นาการด้านสังคม ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี 6 มีทกั ษะชีวิต และปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาตรฐานท่ี 7 รกั ธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม วฒั นธรรมและความเปน็ ไทย มาตรฐานที่ 8 อยรู่ ่วมกับผูอ้ นื่ ได้อย่างมีความสขุ และปฏิบัตติ นเปน็ สมาชกิ ที่ดีของสงั คม ในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ิรย์ทรงเป็นประมุข 4. พฒั นาการดา้ นสติปัญญา ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี 9 ใชภ้ าษาสอื่ สารได้เหมาะสมกับวยั มาตรฐานท่ี 10 มีความสามารถในการคิดท่ีเปน็ พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 11 มีจนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ มาตรฐานท่ี 12 มีเจตคติทด่ี ตี อ่ การเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ ไดเ้ หมาะสมกับวัย ตวั บง่ ช้ี ตวั บ่งชีเ้ ป็นเป้าหมายในการพฒั นาเดก็ ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์สอดคล้องกบั มาตรฐานคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ สภาพท่ีพึ่งประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังให้เด็กเกิด บน พ้ืนฐานพัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพ่ือนาไปใช้ในการกาหนด สาระการเรยี นรใู้ นการจัดประสบการณ์ และประเมินพฒั นาการ 3. การจัดเวลาเรียน หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย 1 – 3 ปีการศกึ ษาโดยประมาณ ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับอายขุ องเด็กท่ีเริม่ เข้าสถานศึกษาหรอื สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั เวลาเรยี นสาหรบั เดก็ ปฐมวยั จะขน้ึ อย่กู ับสถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง โดยมเี วลาเรยี นไม่น้อยกวา่ 180 วนั ตอ่ 1 ปี การศึกษา ในแต่ละวันจะใช้เวลาเรียนไม่น้อยกว่า 5 ช่ัวโมง โดยสามารถปรับให้เหมาะสมตามบริบทของ สถานศึกษาและสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั 4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เปน็ สอ่ื กลางในการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ให้กับเด็ก เพอื่ ส่งเสริมพัฒนาการ ทุกดา้ น ใหเ้ ปน็ ไปตามจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรทกี่ าหนด ประกอบด้วยประสบการณ์สาคญั และสาระท่คี วรเรยี นรู้ 4.1 ประสบการณส์ า่ คัญ ประสบการณส์ าคญั เปน็ แนวทางสาหรบั ผู้สอนนาไปใช้ในการออกแบบการจัดประสบการณ์ให้ เดก็ ปฐมวัยเรียนรู้ ลงมือปฏบิ ตั ิ และได้รับการส่งเสรมิ พฒั นาการครอบคลุมทกุ ด้าน ดงั นี้ 1.1 ประการณส์ าคญั ทสี่ ่งเสรมิ พฒั นาการด้านร่างกาย 1.2 ประสบการณส์ าคัญทส่ี ง่ เสรมิ พัฒนาการด้านอารมณแ์ ละจิตใจ
33 1.3 ประสบการณส์ าคญั ที่ส่งเสริมพัฒนาการดา้ นสงั คม 1.4ประสบการณส์ าคัญท่สี ง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นสตปิ ัญญา (รายละเอยี ดดังท่ีปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560) 4.2 สาระทคี่ วรเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ เป็นเรื่องราวรอบตัวเด็กที่นามาเป็นส่ือกลางในการจัดกิจกรรม ให้เด็กเกิด แนวคิดหลังจากนาสาระท่ีควรรู้น้ันๆ มาจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก เพ่ือให้บรรลุจุดหมายที่กาหนดไว้ ทั้งน้ี ไม่เน้นการท่องจาเนื้อหา ผู้สอนสามารถกาหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ และ ความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์สาคัญ ท้ังนี้อาจยืดหยุ่นเน้ือหาได้ โดยคานึงถึง ประสบการณ์และสงิ่ แวดล้อมในชีวติ จริงของเดก็ ดังนี้ 2.1 เรื่องราวเกย่ี วกบั ตวั เดก็ 2.2 เรอื่ งราวเก่ยี วกบั บคุ คลและสถานทแ่ี วดล้อม 2.3 ธรรมชาตริ อบตวั 2.4 ส่ิงต่างๆ รอบตัวเด็ก (รายละเอียดดงั ทีป่ รากฏในหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560) 5. การจดั ประสบการณ์ การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี เป็นการจัดกิจกรรมบูรณาการผ่านการ เล่น การลงมอื กระทาจากประสบการณต์ รงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม รวมทง้ั เกิด การพฒั นาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มีการกาหนดหลักการ แนวทางการจัดประสบการณ์ หลักการจัดกิจกรรมประจาวัน ขอบขา่ ยของกจิ กรรมประจาวัน (รายละเอยี ดดงั ที่ปรากฏในหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560) 6. การประเมินพฒั นาการ เป็นการให้คาแนะนาเก่ียวกับหลักในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย (รายละเอียดดังที่ ปรากฏในหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560) 7. การจดั ท่าหลกั สูตรสถานศกึ ษา เป็นการให้คาแนะนาเกี่ยวกับจุดหมายของหลักสูตรสถานศึกษา และการสร้างหลักสูตร สถานศึกษา (รายละเอยี ดดังทป่ี รากฏในหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560) 8. การจัดการศกึ ษาปฐมวัย (เดก็ อายุ 3-6 ป)ี สา่ หรับกลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ เป็นการให้คาแนะนาเกี่ยวกับการจัดการศึกษาปฐมวยั สาหรับเดก็ พิการ เด็กด้อยโอกาส เดก็ ทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ (รายละเอยี ดดงั ทป่ี รากฏในหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560) 9. การสร้างรอยเชอื่ มต่อระหวา่ งการศึกษาระดับปฐมวยั กับระดบั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เป็นการให้คาแนะนาเก่ียวกับบาทบาทของบุคลากรทุกฝ่ายท่ีเกย่ี วขอ้ งเพือ่ สรา้ งรอยเช่อื มต่อ ระหวา่ งการศึกษาปฐมวัยกับประถมศึกษาชั้นปที ่ี 1 (รายละเอยี ดดังที่ปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช 2560)
34 10. การก่ากบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน การใหค้ า่ แนะน่า เป็นการให้คาแนะนาเกี่ยวกับความสาคัญของการกากับ ติดตาม ประเมินและการรายงาน อย่างต่อเน่ือง เพื่อคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัย (รายละเอียดดังที่ปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560) หลักการพฒั นาหลกั สตู ร การพัฒนาหลักสูตรมีความหมายใน 2 ลักษณะ ลักษณะแรกหมายถึงการสร้างหลักสูตรท่ีมี โครงสร้าง รายละเอียดของหลักสูตรใหม่โดยไม่ซ้าหลักสูตรเดิม ลักษณะที่ 2 หมายถึง การปรับปรุง และ เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง รายละเอียดของหลักสูตรที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้นหรือสมบูรณ์ข้ึน เพื่อให้สอดคล้องกับ แนวคิด นวตั กรรม เทคโนโลยีและทันตอ่ เหตกุ ารณ์ สถานการณ์ สภาพแวดลอ้ ม และสังคมปจั จบุ ัน หลักการพัฒนาหลักสูตรคือแนวทางในการดาเนินการที่ใช้ในการประมวลข้อมูลในการจัดทา หลักสูตรซงึ่ นักการศกึ ษาได้มีการกาหนดหลักการพัฒนาหลักสตู รไว้หลายท่าน ดงั เช่น ชาญชัย อาจินสมาจาร (2558: 11-18) กล่าวว่า หลักในการสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรจาแนก เปน็ 2 หลกั การ คือ 1. หลกั การท่สี มั พนั ธก์ บั ผเู้ รียนและชมุ ชน โดยคานงึ ถึงสิง่ ตอ่ ไปนี้ 1.1 การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยคานึงถึงความต้องการ ความสนใจของผู้เรียน ดังน้ัน การเลอื กเนอ้ื หา สาระ ออกแบบการการจัดกจิ กรรมหรอื ประสบการณ์ควรเลือกใหเ้ หมาะสม 1.2 การยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง โดยนักสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรควรวิเคราะห์ แรงบันดาลใจ ความต้องการของชุมชนจะทาอย่างไรให้หลักสูตรใหม่สะท้อนความต้องการ ตลอดจน การนาทรพั ยากรท่มี ใี นชุมชนมาปรบั ใชใ้ นหลกั สูตรใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 1.3 หลักประโยชน์ ผู้สร้างหรือพัฒนาหลักสูตรควรพิจารณาประโยชน์ของความรู้ หลักข้อเทจ็ จริง ทกั ษะ และเจตคตขิ องหลกั สตู รตอ้ งเป็นประโยชน์ตอ่ การดารงชวี ิต 1.4 หลักความต้องการ ขณะพัฒนาหลักสูตรควรคานึงถึงความต้องการของเด็ก ๆ ในชุมชน ควรมีการวิเคราะหค์ วามตอ้ งการของเด็ก ผูป้ กครอง ชมุ ชน 1.5 หลักความสัมพันธ์ สาระความรู้ควรมีความสัมพันธ์กับบริบททางสังคม และ บรบิ ททางชมุ ชนของผู้เรยี น 1.6 หลักการอนุรักษ์ หลักสูตรท่ีดีต้องพยายามรักษา และอนุรักษ์มรดกทางสังคมและ วัฒนธรรมของชุมชน ตลอดจนศลิ ปะ ดนตรี การเต้นรา การฝมี ือ วรรณกรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ใน หลักสตู รควรมขี อบขา่ ยการเรยี นรูใ้ นเรอ่ื งเหล่าน้ี 1.7 หลักการพักผ่อน ในหลักสูตรควรออกแบบไม่ใช่เพื่องานเพียงอย่างเดียวควร ออกแบบเพ่ือการพักผ่อน ความสนุก ผู้เรียนควรได้รับการศึกษาที่มีเวลาว่างเพ่ือกิจกรรมทางสุขภาพและ ความสร้างสรรค์
35 1.8 หลักอนาคต ในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรควรมีการปรับเปลี่ยนทักษะให้ทันกับ การเปลยี่ นแปลง 1.9 การเตรียมอาชีพ เปน็ การเตรียม ชี้นาด้านอาชพี ใหก้ ับผ้เู รียน 1.10 การพัฒนาความสร้างสรรค์ ขอบข่ายของหลักสูตรควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ พัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ 2. หลักที่สัมพันธ์กับการจัดระเบียบของหลักสูตร การสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรควรจัด ระเบียบของหลักสูตรตามหลักการ ต่อไปน้ี 2.1 หลักของความหลากหลาย หลักสูตรควรมีกิจกรรมที่หลากหลาย คานึงถึงความ แตกต่างของผู้เรยี น 2.2 หลักของความพร้อม การจัดหลักสูตรควรคานึงถึงความพร้อมของผู้เรียน ตลอดจน ความพรอ้ มของเครือ่ งมอื อุปกรณ์ต่าง ๆ ทช่ี ว่ ยในการจดั กจิ กรรมการเรียน การสอน 2.3 หลักของความยืดหยุ่น หลักดังกล่าวหมายถึงการท่ีหลักสูตรมีความยืดหยุ่น ครผู ูส้ อนสามารถปรบั เปลย่ี นเนื้อหา วธิ ีการสอน หรอื กจิ กรรม ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ 2.4 หลักของกิจกรรม โดยหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาควรเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านการ กระทา เน้นการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการทาโครงการ การให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจะทาให้ผู้เรียนเกิด ทักษะตา่ ง ๆ 2.5 หลักของความสมบูรณ์ การสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรที่ดคี วรกาหนดจุดประสงค์ให้ ครอบคลุมท้งั ด้านพทุ ธพิ ิสัย จติ พิสัย ทักษะพิสัย และมเี จตคตทิ ่พี งึ ประสงค์ รวมทงั้ การพฒั นาบคุ ลิกภาพของผ้เู รียน 2.6 หลักของวิชาแกน ในการสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรควรมีวิชาการแกนที่ครอบคลุม เน้ือหา และทักษะท่ีจาเป็นท่ีผู้เรียนทุกคนควรได้เรียนรู้ และผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาท่ีมีความสนใจ หรือมคี วามต้องการได้ 2.7 หลักของพลวตั หลักดงั กล่าวสัมพันธก์ ับการปรับปรุงหลักสูตรเปน็ ระยะ ๆ หลักสูตรควร มีความเปน็ พลวัต และมีความทนั สมยั ดงั น้ันหลกั สตู รควรมกี ารปรับปรุงให้ทนั สมัย ทนั กบั การเปลยี่ นแปลง 2.8 หลักการจัดระเบียบ โดยรายวิชาต่าง ๆ ท่ีกาหนดในหลักสูตรต้องมีการจัดลาดับที่ เหมาะสม โดยต้ังอยบู่ นพ้นื ฐานของหลกั จิตวิทยา การสอนจากเนอื้ หาที่ง่ายไปส่เู นือ้ หาท่ียากขนึ้ 2.9 หลักของบูรณาการ การพัฒนาหลักสูตรไม่ควรจัดวิชาโดด ๆ ที่ไม่สัมพันธ์กัน การ จัดทาหลักสูตรที่ดีรายวิชาต่าง ๆ ควรมีความสัมพันธ์กัน ครูผู้สอนควรเน้นรายวิชาให้มีเนื้อหาสัมพันธ์กัน และควรแจ้งให้ผูเ้ รียนทราบถงึ รายวชิ า เนอ้ื หาท่ีมคี วามสมั พันธ์กัน ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2559: 75-77) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการท่ีมีข้ันตอน การพัฒนาอยา่ งเปน็ ระบบทจ่ี ะพฒั นาหลักสูตรให้มคี ณุ ภาพนั้นต้องคานึงถึงหลกั การพัฒนาหลกั สตู ร ตอ่ ไปน้ี 1. การพฒั นาหลกั สตู รจาเป็นต้องมีผู้นาที่เช่ียวชาญ และมีความสามารถในการพัฒนาหลักสูตร เปน็ อยา่ งดี
36 2. การพัฒนาหลักสูตรจาเปน็ ต้องได้รับความชว่ ยเหลือ และการประสานงานอย่างดีจากบุคคล ทเี่ กย่ี วขอ้ งทกุ ฝ่ายทุกระดับ 3. การพัฒนาหลักสูตรจาเป็นต้องมีการดาเนินงานเป็นระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกันไป เริ่มต้ังแต่การวางจุดมุ่งหมายในการพฒั นาหลกั สูตรจนถึงการประเมินผลหลกั สูตร ในการดาเนินงานจะต้อง คานงึ ถงึ จุดเริม่ ต้นในการเปลี่ยนแปลงว่า การพฒั นาหลกั สูตรจะเรมิ่ ทจ่ี ุดใด จะเป็นการพัฒนาสว่ นย่อย หรือ การพัฒนาทัง้ ระบบ และจะดาเนนิ การอย่างไรในขั้นต่อไป สงิ่ เหลา่ น้ีเป็นส่ิงทผ่ี มู้ ีหน้าที่ในการพฒั นาหลกั สตู ร ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดหลักสูตร ครูผู้สอน หรือนักวิชาการทางด้านการศึกษา และบุคคลต่าง ๆ ท่ี เกี่ยวขอ้ ง จะตอ้ งรว่ มมือกนั พิจารณาอย่างรอบคอบและดาเนนิ การอยา่ งมรี ะเบยี บแบบแผนทีละข้นั ตอน 4. การพัฒนาหลักสตู รจะต้องรวมถึงผลงานต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตรท่ีได้สร้างขึ้นมาใหม่อย่างมี ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหลักสูตร เน้ือหารายวิชา การทาการทดสอบหลักสูตร การนาหลักสูตร ไปใช้ หรอื การจัดการเรยี นการสอน 5. การพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ จะต้องมีการฝึกอบรมครูประจาการให้มีความรู้ ความเข้าใจในหลักสูตรใหม่ ความคิดใหม่ แนวทางการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรใหม่ การพัฒนา หลักสูตรจะตอ้ งคานงึ ประโยชนใ์ นการพัฒนาจติ ใจ และทัศนคติของผูเ้ รียนด้วย กระบวนการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหลักสูตรที่เกิดจากการที่สถานศึกษานาสภาพต่าง ๆ ที่เป็น จุดเด่นหรือเอกลักษณ์ของชมุ ชน สังคม ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ เพื่อการเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ มากาหนดเป็นสาระและจัด กระบวนการเรียนรู้ให้เด็ก บนพื้นฐานของหลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) เพ่ิมเติมสาระ และมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์หรือได้ตามความถนัด ความสนใจของเด็ก โดยความร่วมมือของ ทุกคนในโรงเรียน และชุมชน กาหนดวิสัยทัศน์ แผนพัฒนาคุณภาพ เพื่อนาไปสู่การออกแบบหลักสูตร สถานศึกษาให้มีคุณภาพ ซ่ึงหลักสูตรสถานศึกษาท่ีมีคุณภาพ ต้องเป็นหลักสูตรที่พัฒนามาจากข้อมูลของ สถานศึกษา และชุมชน สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย มีการระดมทรัพยากรทั้งของสถานศึกษา และชุมชนใชอ้ ยา่ งคุ้มค่า และใชศ้ ักยภาพที่มีอยู่อย่างเตม็ ที่ สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาร่วมกับ ครอบครัว ชมุ ชน ท้องถ่ิน หน่วยงาน และสถานศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชน กาหนดจุดหมายของหลักสูตร ท่ีมุ่งให้เด็กมีการพัฒนาทุกด้าน ท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างเหมาะสมกับวัย ความสามารถ และความแตกต่างของบุคคล เพื่อพัฒนาเดก็ ใหเ้ กิดความสุขในการเรียนรู้ เกิดทักษะท่จี าเปน็ ต่อการดารงชีวิต รวมทง้ั การปลกู ฝงั คุณธรรมจริยธรรม ค่านยิ มท่พี งึ ประสงค์ให้แก่เดก็ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยให้ผู้ปกครอง ชุมชน เข้ามา มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรโดยใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั (หลักสูตรแกนกลาง) เป็นแนวทางในการ
37 พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ซ่ึงวัฒนา ปุญญฤทธิ์ (2552: 149-154) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวยั ใช้หลักสูตรแกนกลางเป็นหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ได้หลักสตู รเป็นไปตามมาตรฐาน ของหลักสูตรแกนกลางภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมท้องถ่ินและชุมชน ที่เกิดจากการทางานร่วมกัน ระหว่างบุคลากรภายในสถานศึกษา และบุคลากรภายนอกที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ท้ังนี้การมีส่วนร่วม ดังกล่าวจะเก่ียวข้อง ใน 3 มิติ คือ มิติด้านการมีส่วนร่วม มิติด้านกลุ่มบุคคลท่ีมีส่วนร่วม และมิติ ดา้ นลกั ษณะของการมสี ว่ นร่วม ในทนี่ ้จี ะเสนอรูปแบบการพฒั นาหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั แบบมีสว่ นรว่ ม ดังข้ันตอนตอ่ ไปนี้ ขน้ั ท่ี 1 การวิเคราะห์ขอ้ มูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การยกรา่ งหลักสูตรและการหาคณุ ภาพกอ่ นใช้ ขนั้ ที่ 3 การนาหลักสตู รไปใช้ ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผลหลักสูตร ในแต่ละข้นั ตอนของการดาเนนิ การมีรายละเอยี ดดังน้ี ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน เป็นการศึกษาข้อมูลพ้ืนฐาน และนามาวิเคราะห์ข้อมูล นาผลมาสู่การตัดสินใจ ในการกาหนดองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของหลกั สูตร การวเิ คราะหข์ ้อมูลพืน้ ฐาน ได้แก่ 1. การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางคือ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 เพ่ือทาความ เข้าใจเกี่ยวกับปรัชญา หลักการ จุดหมาย และองค์ประกอบอ่นื ๆ เพื่อนามาเป็นหลักสาคัญของหลักสูตรที่ จะพัฒนาขน้ึ และพจิ ารณาถึงส่วนท่เี ปิดโอกาสใหช้ มุ ชนท้องถนิ่ เสนอความเห็น ความต้องการและมสี ว่ นร่วม 2. การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของชุมชนท้องถ่ิน รวมท้ังสภาพปัญหา ความต้องการของ ชุมชน ท้องถ่ิน โดยพิจารณาถึงสภาพสังคม การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนว่าส่ิงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต และทัศนะของคนในท้องถ่ินอย่างไร ซึ่งการศึกษาอาจเป็นการศึกษาจากเอกสารท่ีเก่ียวข้องกับชุมชน หรือ เกดิ จากการสารวจโดยตรงกับชุมชน ผลท่ไี ด้นามาส่กู ารพจิ ารณาเพื่อพัฒนาหลกั สูตรในสองลกั ษณะคือ หาก พบว่าสภาพท่ีพบเป็นสภาพท่ีเป็นปัญหา หลักสูตรจะถูกกาหนดข้ึนมาเพ่ือแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนใน ลักษณะที่สองหากพบว่าสภาพท่ีปรากฏแสดงถึงลักษณะทางสังคมในอนาคต หลักสูตรจะถูกกาหนด แนว ทางการจัดการศกึ ษา เพือ่ เตรยี มคนใหส้ อดคล้องกนั เพื่อใหส้ ามารถเผชิญกบั อนาคตได้อย่างมนั่ คงและเป็นสุข 3. การศึกษาและวิเคราะห์เก่ียวกับเด็ก ซึ่งจาแนกออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านธรรมชาติของเด็ก ทาให้เข้าใจถึงความต้องการ ความสนใจ ความสามารถ วิธีการเรียนรู้ พัฒนาการของเด็กส่วนอีกด้านหนึ่ง คือ สว่ นทเี่ กยี่ วข้องกบั เด็ก คอื ขอ้ มูลด้านครอบครัว วถิ ชี ีวิต สภาพทางสงั คม เศรษฐกิจ อาชพี ระดับความรู้ ของผู้เก่ียวข้อง ซ่ึงข้อมูลเหล่าน้ีจะนามาสู่การพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก และ แนวทางการปฏบิ ัติที่เหมาะสม และสนบั สนนุ การเรียนรูข้ องเด็ก 4. การวิเคราะห์สาระการเรียนรู้ เป็นการศึกษาความต้องการของชุมชน ท้องถ่ินเก่ียวกับ สาระ การเรียนรู้ และประสบการณ์สาคัญที่ชุมชน ท้องถ่ิน ต้องการให้เด็กของตนได้รับการพัฒนาท้ังด้าน ความรู้ในท้องถิ่น เจตคติ ท่ีมีต่อท้องถ่ิน ทักษะในการปฏิบัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ในวถิ ีชีวิต ซึ่งจากการวิเคราะห์ จะนามาสู่การพฒั นาหลักสตู รในส่วนของสาระการเรียนรู้ การจัดกจิ กรรมประสบการณส์ าหรับเด็ก
38 5. การวิเคราะห์ศักยภาพของสถานศึกษา และชุมชนท้องถิ่น เป็นการช่วยให้เห็นแนวทางว่า หลักสูตรนั้นสามารถนาไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่ และจะเกิดประสิทธิภาพตามท่ีคาดหวังเพียงใด รวมท้ังการ ทาให้เห็นแนวทางในการดาเนินงานตามท่ีออกแบบไว้ การศึกษาและวเิ คราะห์ขอ้ มูลพื้นฐานดงั กล่าวจะเปน็ ประโยชน์ต่อการวางแผนหลักสูตร และช่วยให้ตัดสินใจในการกาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร รวมท้ัง การกาหนดกจิ กรรมและประสบการณก์ ารเรียนรู้ อนั จะทาหลักสูตรเกดิ ประสิทธภิ าพในการนาไปใช้ ขนั้ ที่ 2 การยกร่างหลกั สตู รและการหาคณุ ภาพกอ่ นใช้ หลังจากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานของชุมชนท้องถ่ินแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะนามาสู่ การยกรา่ งหลักสตู รตามองคป์ ระกอบของหลักสตู รน้ี ดงั นี้ 1. กาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ท้ังน้ีการกาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร จะนา จุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางมาเป็นหลัก แล้วจึงกาหนดจุดมุ่งหมายเพ่ิมเติมที่เกิดจาการวิเคราะห์ ข้อมูลพ้ืนฐาน เช่น สภาพปัญหาของชุมชนท้องถิ่น ความคาดหวัง และความต้องการของชุมชนท้องถ่ิน ซ่งึ การกาหนดจดุ มงุ่ หมายดงั กล่าวมแี นวทางพิจารณาเพิม่ เตมิ ดังน้ี 1.1 จดุ มงุ่ หมายจะต้องตอบสนองความตอ้ งการของเด็ก และของชุมชนทอ้ งถ่นิ อย่างแท้จริง สามารถนาไปสู่การปฏบิ ตั ิได้ 1.2 มีลักษณะท่ีสอดคล้องกับปรัชญา หลักการการจัดการศึกษาปฐมวัยค่านิยมไทย และ คา่ นิยมอนั ดีงามของสงั คม ชุมชน ท้องถน่ิ ท้ังนี้ การกาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร นอกจากการนาข้อมูลพ้ืนฐานมาสนับสนุนแล้ว ควรให้ชุมชนทอ้ งถน่ิ มีส่วนรว่ มในการพจิ ารณาด้วย ทง้ั นเี้ พอื่ แสดงถึงความตอ้ งการหรือความคาดหวงั ที่แทจ้ รงิ 2. การกาหนดสาระการเรียนรู้ กิจกรรม และประสบการณ์การเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ทงั้ น้ี มหี ลกั ในการกาหนดองค์ประกอบของหลักสตู รดังกลา่ วดงั น้ี 2.1 การกาหนดสาระการเรียนรู้ ให้กาหนดสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางกาหนด ได้แก่ สาระท่ีควรเรียนรู้ และประสบการณ์สาคัญที่เก่ียวกับเร่ืองตัวเด็ก บุคคล และสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว สิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยนาสาระท้องถิ่นที่ได้ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วมาจัดเป็นสาระ เพ่ิมเติมลงไปในสาระท่ีควรเรียนรู้ท้ัง 4 เร่ือง ส่วนประสบการณ์สาคัญท่ีหลักสูตรแกนกลางกาหนดไว้ 4 ด้าน คือ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และ ด้านสติปัญญา และเพ่ิมเติมประสบการณ์สาคัญในส่วนของรายละเอียดในแต่ละด้านท่ีชุมชนท้องถิ่น คาดหวังท่ีจะได้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะการส่งเสริมให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม ได้รับการส่งเสริมให้มีการสร้างปญั ญาท่ีเข้าถึงความดคี วามงามของวัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ซาบซ้ึงต่อ ความงามตามธรรมชาติ ทั้งน้ี การกาหนดสาระการเรียนรู้ดังกล่าวควรเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่น และเด็กได้มี ส่วนร่วมเลือก และตัดสินใจ เพ่ือให้ได้สาระความรู้ที่ตรงกับความต้องการ หลังจากนั้นนาสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์สาคัญมาจัดทาเป็นหน่วยบรู ณาการตลอดท้ังปี
39 2.2 การกาหนดกิจกรรม และประสบการณ์ การประเมินผล ท้ังน้ีการกาหนดกิจกรรม การจัดประสบการณ์ การประเมินผล เป็นการจัดโดยยึดหลักตามการจัดในหลักสูตรแกนกลาง แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีการกาหนดจุดมุ่งหมาย และสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม ตามความต้องการของชุมชน ท้องถ่ิน จึงต้องมีการกาหนดกิจกรรม และประสบการณ์ที่สนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้ เพื่อให้เกิดผลตาม จุดมุ่งหมายท่ีกาหนด รวมท้ังการกาหนดวิธีการประเมินผล และเคร่ืองมือ เพ่ือประเมินผลที่เกิดกับเด็ก ซ่ึง เป็นข้อมูลที่นาไปสู่การประเมินผลหลักสูตรด้วย สาหรับข้อเสนอแนะในการกาหนดกิจกรรม และ ประสบการณ์ ซ่ึงนอกเหนือจากการเลือกกิจกรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้ตามสาระการเรียนรู้แล้ว กิจกรรม ดงั กล่าวควรเป็นกิจกรรมท่ีให้เดก็ ไดร้ ับประสบการณ์จริง ในสถานการณ์จริง ไดฝ้ ึกปฏิบตั ิ ไดเ้ รียนรู้จากผู้รู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น และเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ในท้องถ่ิน ซ่ึงทาให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการ ถ่ายทอดความรู้ค่านิยม การดาเนินชีวิตให้แก่เด็กของชุมชน และขณะเดียวกันจะทาให้เด็ก ๆ เกิด ความเขา้ ใจถึงความคาดหวังของชุมชนท่ีมตี ่อตน 3. การหาคุณภาพก่อนใช้ เมื่อยกร่างหลักสูตรตามองค์ประกอบของหลักสูตร โดยการร่วมมือ ระหว่างฝ่ายสถานศึกษา นักวิชาการและชุมชนท้องถ่ินแล้ว จะพบว่าหลักสูตรท่ียกร่างได้มีการหาคุณภาพ ในตัวเองในทุกขั้นตอนของการยกร่าง คือการยกร่างโดยให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมและให้ข้อคิดเห็น ในทุกองค์ประกอบที่พัฒนาขึ้น และเมื่อยกร่างหลักสูตร เรียบร้อยแล้วก่อนนาไปใช้ จะมีการหาคุณภาพ กอ่ นนาไปใช้ จะมีการหาคณุ ภาพก่อนนาไปใช้ เพอ่ื ความม่ันใจตอ่ การนาไปปฏบิ ัติซึง่ การหาคณุ ภาพจะมดี งั นี้ 3.1 การหาคุณภาพโดยการประเมินเอกสารจากผู้เช่ียวชาญ ทั้งนี้อาจเป็นการประเมิน โดยคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร หรือการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกก็ได้ การประเมินดังกล่าว มักเป็นการประเมินความสอดคล้องกันในองค์ประกอบของหลักสูตร และประเมินความเหมาะสมในการ นาไปใชใ้ นระดับชนั้ เรยี น เช่น การประเมนิ หนว่ ยการจดั ประสบการณ์ ประเมินแผนการจดั ประสบการณ์ เป็นต้น 3.2 การหาคุณภาพโดยการทดลองใช้หลักสูตรในระดับช้ันเรียน เป็นการทดลอง นาหลักสูตรฉบับร่างที่ได้ปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้ทรงคุณวุฒิในการหาคุณภาพครั้งแรกแล้วนามา สุ่มทดลองใช้ เพื่อหาคุณภาพด้านความเหมาะสมในการใช้จริง โดยจะประเมินผลจากความสะดวกในการ นาไปใช้ ประสิทธิภาพของหลักสูตร ความเหมาะสมของกิจกรรม การจัดประสบการณ์และเตรียมวางแผน การสอน การเตรียมกิจกรรม สื่ออุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ เคร่ืองมือในการประเมนิ ผลเดก็ นอกจากครแู ลว้ ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับการนาหลกั สตู รไปใช้คอื ผู้บริหารหรือผู้ดแู ลด้านวิชาการทจี่ ะใหค้ าแนะนา การช่วยเหลือให้การ นิเทศในการใช้หลักสูตรของครู และอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายบริการหลักสูตร เป็นการบริการ และสนับสนุนให้การใช้ หลกั สตู รมีความสะดวก และมปี ระสทิ ธภิ าพดังนน้ั กลา่ วไดว้ า่ การนาหลักสตู รไปใชจ้ ะเกีย่ วข้องกับฝา่ ยต่าง ๆ 3ฝ่ายดังนี้ 3.2.1 ครูนาหลักสูตรมาสู่การปฏิบัติในช้ันเรียน โดยจัดทาแผนการจัดประสบการณ์ รายวัน ท่ีเหมาะสมกับสภาพของเด็ก สถานการณ์จริงและวิถีชีวิต และจัดประสบการณ์ตามกระบวนการ ท่ีออกแบบไว้ ซ่ึงในการสอนแตล่ ะวัน ครูจะบันทึกผลหลังสอน เพื่อเก็บข้อมูลเก่ียวกับผลที่เกิดกับเด็ก และ ผลการใชห้ ลกั สูตรของครู
40 3.2.2 ผู้บริหารหรือผู้ทาหน้าท่ีบริหารหลักสูตร เป็นผู้คอยให้คานิเทศ กากับติดตาม การใชห้ ลกั สูตร ให้คาแนะนา ปรึกษาด้านหลักสตู รและการใช้แก่ครู ผบู้ รหิ ารหลกั สตู รจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ การบริหาร และการใชห้ ลกั สูตรในระบบของสถานศกึ ษา 3.2.3 ผู้บริการหรือสนับสนุนการใช้หลักสูตร เป็นผู้คอยสนับสนุนให้การใช้หลักสูตร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เชน่ การสนับสนุนด้านวสั ดอุ ุปกรณ์ การอานวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม การประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ฝ่ายบริการจะเป็นผู้เก็บข้อมูลถึงการให้การ สนับสนุน และกิจกรรมทจี่ ดั ทาในการสนบั สนุนการใช้หลักสูตร เพือ่ นาไปสกู่ ารปรับปรุงหลกั สตู รต่อไป ขั้นที่ 4การประเมนิ ผลหลกั สูตร ทงั้ นนี้ กั พัฒนาหลักสตู รไดร้ ะบุถงึ การประเมนิ ผลหลักสูตรไว้ 3 ระยะ คือ ระยะท่ี 1 เป็นการประเมินก่อนการนาหลักสูตรไปใช้ การประเมินดังกล่าวจะประเมินโดย นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิท่ีเก่ียวข้อง ซึ่งได้แก่ นักพัฒนาหลักสูตร นักจิตวิทยา พัฒนาการและการ เรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญสาระท้องถิ่น และนักวิชาการด้านเด็กปฐมวัย ผลจากการประเมินเอกสารจะนามา ปรบั ปรงุ และนาไปทดลองใชใ้ นระดบั ปฏบิ ัติ และนาผลมาส่กู ารปรับปรุงกอ่ นนาไปใช้จรงิ ระยะที่ 2 เป็นการประเมินระหว่างใช้หลักสูตร การประเมินดังกล่าวจะประเมินโดยผู้นา หลักสูตรไปใช้ ได้แก่ ครู ครู ผู้บริหารหลักสูตร ฝ่ายบริการหลักสูตร นอกจากการเก็บข้อมูลจากฝ่ายปฏิบัติ แล้ว ยังมี การประเมินไปยังผู้ที่เก่ียวข้อง ได้แก่ ตัวเด็กซึ่งถือได้ว่าเป็นผลผลิตของหลักสูตร รวมทั้ง ความคิดเห็นจากผู้ปกครองที่มีต่อการใช้หลักสูตรของสถานศึกษา ผลจาการวิเคราะห์ข้อมูลจะนามาเป็น ขอ้ มูลในการประเมนิ ภาพรวมหลักสูตรต่อไป ระยะท่ี 3 การประเมินหลังใช้ เป็นการประเมินเมื่อใช้หลักสูตรจนครบตามระยะเวลา ท่ีกาหนดไว้ ส่วนมากจะเป็นการประเมินเม่ือครบปีการศึกษา โดยประเมินผลการใช้หลักสูตรของ แตล่ ะระดับช้ัน การประเมินดังกล่าวจะแสดงให้เห็นผลผลิตของหลักสูตรท่ีครบตามระยะเวลาท่รี ะบไุ ว้ และ รวมถึงการใช้หลักสูตรจนครบเวลาท่ีกาหนดของครู ผลท่ีจะได้นามาตัดสินคุณค่าของหลักสูตรว่ามี ความสมบรู ณ์หรือไม่ ต้องปรบั ปรุงอยา่ งไรบ้าง กระบวนการพัฒนาหลักสูตรดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงการดาเนินการอย่างเป็นข้ันตอน ของ การพัฒนาหลักสูตร และขณะเดียวกันการพัฒนาหลักสูตรจะมีลักษณะของการเป็นวงจร เน่ืองจากมีการ เปลย่ี นแปลงของสงั คมอยูต่ ลอดเวลา ซง่ึ มีผลกระทบต่อหลกั สูตรมากนอ้ ยแลว้ แตส่ ถานการณ์ท่เี กดิ ข้ึน การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเพื่อให้มีการดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพขอเสนอ แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยตามข้ันตอน (พัชรา พุ่มพชาติ. 2560: 2-56- 2-57) ดังตอ่ ไปนี้ 1. การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เก่ียวข้อง ได้แก่ หลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรสถานศึกษา ฉบับเดิม ความต้องการในการพัฒนาเด็ก นโยบายการจัดการศึกษา ความต้องการของสังคม บริบทของ ชมุ ชน และสังคมของสถานศึกษา 2. การดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โดยมีการกาหนดองค์ประกอบของ หลักสูตรสถานศึกษา ซ่ึงได้แก่ ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ / ภารกิจ เป้าหมายหรือจุดหมาย โครงสร้างของ
41 หลักสูตรวิธีการจัดประสบการณ์ และการประเมินพัฒนาการ ซ่ึงองค์ประกอบดังกล่าวจะต้องมี ความสอดคล้องกับ ความต้องการของเด็กปฐมวัย สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัด การศกึ ษาของสถานศึกษา และชุมชนดงั องคป์ ระกอบหลักทใ่ี ช้สาหรับการจดั ทาหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย ดงั น้ี 2.1 ปรัชญา เป็นสิ่งท่ีเป็นความรู้หรือความเชื่อ ซ่ึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนา เด็กปฐมวัยท่ีสถานศึกษากาหนดข้ึนจากพ้ืนฐานทางปรัชญาการศึกษาท่ีมีการนามากาหนดใช้ในการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยกันอย่างกวา้ งขวาง เช่น ปรัชญาการศึกษาบูรณนิยม มีแนวทางการพฒั นาเด็ก ให้เป็นผู้ที่มีความพร้อม และศักยภาพในการดารงชีวิต และการปฏิรูปสังคม ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม มีแนวทางการพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมอย่างสมดุลและรอบด้าน โดยยึดผู้เรียนเป็นสาคัญและปรัชญา การศกึ ษาอัตถิภาวนยิ ม มแี นวทางการพฒั นาเด็กได้เรียนรู้อยา่ งอสิ ระ และตดั สินใจด้วยตนเอง ฯลฯ 2.2 วิสัยทัศน์ เป็นส่ิงท่ีแสดงถึงภาพแห่งความต้องการในอนาคตท่ีมีความชัดเจน และ เป็นไปได้ท่ีต้องการให้เกิดข้ึนในตัวเด็ก ซึ่งมาจากความร่วมมือของผู้ท่ีเก่ียวข้องในการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษารว่ มกันแสดงความคิด มองอนาคตของเดก็ และกาหนดวสิ ัยทัศน์ทีม่ ีความสอดคล้องกับนโยบาย และบริบทในการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา 2.3 พันธกิจ/ภารกิจ เป็นขอบเขตการดาเนินงานที่สาคัญ ซ่ึงสถานศึกษาต้องปฏิบัติเพื่อให้ บรรลวุ สิ ัยทศั น์ที่กาหนดไว้ และนาไปสกู่ ารวางแผนปฏบิ ตั ิตอ่ ไป 2.4 เป้าหมายหรือจุดหมาย เป็นความคาดหวังด้านคุณภาพที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับเด็ก ซึ่งสอดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลาง วิสยั ทัศน์ และพันธกิจของสถานศกึ ษา 2.5 โครงสร้ างของหลั กสู ตรเป็ นการก าหนดโครงสร้ างของหลั กสู ตรตามช่ วงอายุ ของเด็กซงึ่ ประกอบด้วยมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ตวั บง่ ชี้ และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ รายปี และเวลาเรียน 2.6 วิธีการจัดประสบการณ์ เป็นการกาหนดแนวทางการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมกับ พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคม และสติปัญญา ที่เป็นไปตามวัย ความต้องการ ความถนัด และศักยภาพของเด็กแต่ละคน ด้วยการจัดเตรียมสื่อ และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้เดก็ ได้มี อสิ ระ ในการเลือก และปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเองท้ังใน และนอกสถานศกึ ษา 2.7 การประเมินพัฒนาการ เป็นการดาเนินงานที่แสดงถึงความมีคุณภาพของหลักสูตร สถานศึกษาว่าต้องการพัฒนาปรับปรุง หรือแก้ไขมากน้อยเพียงใด การประเมินพัฒนาการจึงจาเป็นต้องมี การดาเนินงานอย่างเป็นระบบที่เร่ิมจากการวางแผน การเลือกใช้เครื่องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อให้ได้ผลการประเมนิ ท่แี ทจ้ รงิ สาหรับนามาใช้ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาให้มปี ระสิทธิภาพมากย่ิงขึน้ จากองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษาดังกล่าวข้างต้น สถานศึกษาสามารถกาหนดหัวข้อ เพมิ่ เตมิ หรอื ปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม 3. การตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรท่ี เกี่ยวกับองค์ประกอบของหลักสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ท่ีเกี่ยวข้องทางการศึกษาปฐมวัย ตลอดจนพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนของสถานศึกษา เพ่ือให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการพัฒนาและ ปรับปรุงแกไ้ ข ให้หลักสตู รสถานศึกษามคี วามสมบรู ณก์ ่อนการนาไปใช้
42 4. การนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นการนาหลักสูตรสถานศึกษาท่ีผ่านการ ตรวจสอบไปใชใ้ นการจดั ประสบการณ์ โดยครูจะตอ้ งทาการออกแบบการจัดประสบการณ์ ซง่ึ ประกอบด้วย วตั ถุประสงค์ ยุทธศาสตร์การจัดประสบการณ์ และวิธกี ารประเมินพฒั นาการเด็กท่ีเป็นไปตามแนวทางของ หลกั สตู รสถานศกึ ษา เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายของการพฒั นาเด็กตามบริบทของสถานศึกษา ชุมชนและสังคม 5. การวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ท่ีต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นข้ันตอนท้ังก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่างการใช้หลักสูตรและหลังการใช้หลักสูตร เพ่ือให้ได้ข้อมูล สาหรับเป็นแนวทางในการตัดสินใจเก่ียวกับหลักสูตรที่มีความชัดเจน และมีความเชื่อมั่น อันส่งผลให้การ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ของสถานศึกษาบรรลตุ ามเปา้ หมายท่กี าหนดไว้ในหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั องคป์ ระกอบของหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย ในการจดั ทาหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั จะกาหนดรายละเอยี ดตามองคป์ ระกอบต่อไปนี้ 1. ปรชั ญา เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวคิด ความเช่ือของสถานศึกษาในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เพื่อจะ นาไปสูจ่ ดุ หมาย เป้าหมายที่กาหนดไว้ 2. วสิ ัยทศั น์ สถานศึกษาปฐมวัยจาเป็นต้องกาหนดวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นการคิดไปข้างหน้า เป็นอนาคตที่ พึงประสงค์ เป็นภาพที่พึงปรารถนาในอนาคตท่ีวางอยู่บนพื้นฐานความจริง มีเอกลักษณ์เป็นของ สถานศึกษาของตน ทาใหบ้ ุคลากรทีเ่ กยี่ วขอ้ งเกิดศรัทธา/ความคิดในการพฒั นาเด็กปฐมวัย ทง้ั น้ีการกาหนด วิสัยทัศน์กับนโยบายควรเป็นการกาหนดร่วมกันระหว่างบุคลากรในสถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมท้ัง คณะกรรมการสถานศึกษา แสดงวิสัยทัศน์ที่ปรารถนาให้สถานศึกษาปฐมวัยพัฒนาเด็ก วิสัยทัศน์ท่ีดีต้องมี ความชดั เจน สอดคล้องกับนโยบายของสถานศึกษา และมรี ะยะเวลาทแี่ นน่ อน 3. ภารกจิ หรือ พนั ธกจิ สถานศึกษาปฐมวยั จาเป็นตอ้ งกาหนดงานหลักที่สาคัญ หรือวิธีดาเนินงานทั้งในส่วนท่ีเกี่ยวข้อง กับครูหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรม ภารกิจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องของครูในการจัดกิจกรรม จัดประสบการณ์ รวมท้ังการจัดหา ผลิต สื่อ อุปกรณ์ แหล่งเรียนรู้เพ่ือให้บรรลุตามปรัชญา วิสัยทัศน์ใน ระยะเวลาทแ่ี น่นอน 4. เปา้ หมาย เป็นการกาหนดความคาดหวังด้านคุณภาพที่เกิดกับเด็ก และการดาเนินงานด้านอ่ืน ๆ ซ่ึงสอดคล้องกับจุดหมายหรือมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (หลักสูตรแกนกลาง) และวิสัยทัศน์ท่ีสถานศึกษากาหนด การกาหนดเป้าหมายสามารถกาหนดได้ ท้ังเชิงปรมิ าณและคุณภาพ
43 5. จดุ หมาย และมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ เป็นการกาหนดความคาดหวังที่จะเกิดขึ้นกับเด็กหลังจากสาเร็จหลักสูตรแล้ว ในบางกรณีอาจ กาหนดรวมอยู่ในเป้าหมาย แต่ถ้าเป้าหมายกาหนดในภาพรวม อาจแยกออกมากาหนดเป็นจุดหมาย ต่างหากได้ ซึ่งจะมองในลักษณะท่ีเป็นองค์ประกอบที่สาคัญของหลักสูตร กล่าวคือ เป็นจุดหมายของ หลกั สูตรโดยตรง การกาหนดจุดหมายหรือมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์จะกาหนดโดยนาจุดหมายของ หลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) มากาหนดเป็นจุดหมายของหลักสูตรสถานศึกษาโดยตรง และสถานศึกษาอาจกาหนดมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์เพ่ิมข้ึนอีกด้วย ซ่ึงในหลักสูตรการศึกษา ปฐมวยั พุทธศักราช 2560 ไดก้ าหนดมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตัวบง่ ชแี้ ละสภาพท่ีพงึ ประสงค์ใน แตล่ ะชน้ั ปี ให้เหน็ ภาพชัดเจน ดงั น้ี ตารางที่ 2.1 การวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ (กาหนดตัวบ่งช้ีและสภาพที่พ่ึงประสงค์) มาตรฐานท่ี 1 ร่างกายเจรญิ เติบโตตามวยั และมสี ุขนิสยั ทดี่ ี ตวั บง่ ช้ี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 1.1 น้าหนักสว่ นสงู ตามเกณฑ์ อายุ 3-4 ปี อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี 1.2 มสี ุขภาพอนามัย สุขนสิ ัยทีด่ ี 1.1.1 นา้ หนักและส่วนสงู ตาม 1.1.1 น้าหนักและส่วนสูงตาม 1.1.1 นา้ หนกั และสว่ นสงู 1.3 รกั ษาความ เกณฑ์ของกรมอนามัย เกณฑข์ องกรมอนามัย ตามเกณฑข์ องกรมอนามยั ปลอดภยั ของตนเอง และผอู้ นื่ 1.2.1 ยอมรบั ประทานอาหาร 1.2.1 รับประทานอาหารที่มี 1.2.1 รับประทานอาหารทีม่ ี ที่มีประโยชน์และดื่มนา้ ที่ ประโยชนแ์ ละดื่มน้าสะอาด ประโยชน์ได้หลายชนดิ และ สะอาด เมือ่ มีผชู้ ีแ้ นะ ดว้ ยตนเอง ดื่มนา้ สะอาดได้ด้วยตนเอง 1.2.2 ล้างมอื กอ่ นรบั ประทาน 1.2.2 ล้างมอื ก่อนรับประทาน 1.2.2 ลา้ งมือก่อนรับประทาน อาหารและหลงั จากใชห้ ้องน้า อาหารและหลังจากใช้หอ้ งน้า อาหารและหลังจากใชห้ ้องนา้ หอ้ งส้วม หอ้ งสว้ มดว้ ยตนเอง หอ้ งส้วมดว้ ยตนเอง 1.2.3 นอนพกั ผ่อนเปน็ เวลา 1.2.3 นอนพกั ผ่อนเป็นเวลา 1.2.3 นอนพักผ่อนเปน็ เวลา 1.2.4 ออกกาลังกาย 1.2.4 ออกกาลงั กาย 1.2.4 ออกกาลังกาย เปน็ เวลา เป็นเวลา เป็นเวลา 1.3.1 เลน่ และทากิจกรรม 1.3.1 เลน่ และทากจิ กรรม 1.3.1 เลน่ ทากจิ กรรมและ อยา่ งปลอดภัยเม่ือมีผ้ชู ้แี นะ อย่างปลอดภัยด้วยตนเอง ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างปลอดภยั
44 ตารางท่ี 2.2 มาตรฐานท่ี 2 กล้ามเน้ือใหญแ่ ละกลา้ มเนอื้ เลก็ แข็งแรง ใชไ้ ดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว ตัวบง่ ช้ี อายุ 3-4 ปี สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 2.1 เคลื่อนไหวรา่ งกาย 2.1.1 เดินตามแนวท่กี าหนดได้ 2.1.1 เดนิ ต่อเท้าไปข้างหนา้ 2.1.1 เดนิ ตอ่ เท้าถอยหลงั ได้ อยา่ งคลอ่ งแคล่ว เปน็ เสน้ ตรงได้โดยไมต่ ้องกาง โดยไม่ตอ้ งกางแขน ประสานสมั พันธ์และ แขน ทรงตวั ได้ 2.1.2 กระโดดสองขาข้ึนลงอยู่ 2.1.2 กระโดดขาเดียวอย่กู บั ที่ 2.1.2 กระโดดขาเดยี วไป กับท่ีได้ ได้โดยไม่เสยี การทรงตัว ขา้ งหน้าได้อย่างตอ่ เน่อื งโดย ไม่เสียการทรงตัว 2.1.3 วงิ่ แลว้ หยุดได้ 2.1.3 วง่ิ หลบหลีกสิง่ กีดขวางได้ 2.1.3 วง่ิ หลบหลีกสง่ิ กดี ขวางได้ อยา่ งคล่องแคล่ว 2.1.4 รับลูกบอลโดยใชม้ ือและ 2.1.4 รบั ลูกบอลโดยใชม้ ือ 2.1.4 รบั ลกู บอลทก่ี ระดอนขึน้ ลาตัวชว่ ย ทั้งสองข้าง จากพ้นื ได้ 2.2 ใชม้ ือ-ตา ประสาน 2.2.1 ใชก้ รรไกรตดั กระดาษ 2.2.1 ใช้กรรไกรตัดกระดาษ 2.2.1 ใช้กรรไกรตดั กระดาษ สัมพนั ธ์กัน ขาดจากกันไดโ้ ดยใช้มอื เดยี ว ตามแนวเส้นตรงได้ ตามแนวเสน้ โค้งได้ 2.2.2 เขียนรปู วงกลมตามแบบ 2.2.2 เขยี นรูปสเ่ี หลี่ยมตาม 2.2.2 เขยี นรูปสามเหลีย่ ม ได้ แบบได้อย่างมมี ุมชดั เจน ตามแบบได้อยา่ งมมี ุมชัดเจน 2.2.3 ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้น 2.2.3 ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้น 2.2.3 ร้อยวัสดทุ ี่มรี ูขนาดเส้น ผ่านศนู ยก์ ลาง 1 ซม. ได้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 0.5 ซม. ได้ ผ่านศูนยก์ ลาง 0.25 ซม. ได้ ตารางท่ี 2.3 มาตรฐานที่ 3 มีสขุ ภาพจิตดแี ละมีความสขุ ตัวบ่งช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์ 3.1 แสดงออก อายุ 3-4 ปี อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี ทางอารมณ์ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม 3.1.1 แสดงอารมณ์ ความรูส้ ึก 3.1.1 แสดงอารมณ์ ความรู้สึก 3.1.1 แสดงอารมณ์ ความรู้สึก 3.2 มีความรสู้ ึก ที่ดตี อ่ ตนเอง ไดเ้ หมาะสมกับบางสถานการณ์ ไดต้ ามสถานการณ์ ได้สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ และผู้อนื่ อยา่ งเหมาะสม 3.2.1 กล้าพูดกล้าแสดงออก 3.2.1 กล้าพูดกล้าแสดงออก 3.2.1 กล้าพูดกล้าแสดงออก อย่างเหมาะสมบางสถานการณ์ อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ 3.2.2 แสดงความพอใจใน 3.2.2 แสดงความพอใจในผลงาน 3.2.2 แสดงความพอใจในผลงาน ผลงานตนเอง และความสามารถของตนเอง และความสามารถของตนเองและผอู้ น่ื
45 ตารางที่ 2.4 มาตรฐานที่ 4 ชนื่ ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว ตวั บง่ ช้ี อายุ 3-4 ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 4.1 สนใจ มีความสุข 4.1.1 สนใจ มีความสุข และ 4.1.1 สนใจ มีความสขุ และ 4.1.1 สนใจ มีความสขุ และ และแสดงออก ผ่านงาน แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ แสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ศลิ ปะ ดนตรี และ 4.1.2 สนใจ มีความสขุ และ 4.1.2 สนใจ มคี วามสุข และ 4.1.2 สนใจ มคี วามสุข และ การเคล่ือนไหว แสดงออกผา่ นเสยี งเพลง ดนตรี แสดงออกผา่ นเสียงเพลง ดนตรี แสดงออกผา่ นเสียงเพลง ดนตรี 4.1.3 สนใจ มคี วามสขุ และ 4.1.3 สนใจ มคี วามสุข และ 4.1.3 สนใจ มคี วามสุข และ แสดงท่าทาง/เคล่ือนไหว แสดงท่าทาง/เคลอ่ื นไหว แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหว ประกอบเพลง จังหวะ และดนตรี ประกอบเพลง จังหวะ และดนตรี ประกอบเพลง จังหวะ และดนตรี ตารางที่ 2.5 มาตรฐานท่ี 5 มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และจติ ใจท่ีดงี าม ตัวบง่ ชี้ อายุ 3-4 ปี สภาพท่พี งึ ประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 5.1 ซื่อสัตย์ สจุ ริต 5.1.1 บอกหรอื ช้ไี ดว้ า่ ส่งิ ใด 5.1.1 ขออนญุ าตหรือรอคอย 5.1.1 ขออนญุ าตหรอื รอคอย เป็นของตนเองและสงิ่ ใด เป็นของผอู้ ่นื เมอ่ื ต้องการส่งิ ของของผอู้ ่นื เมื่อต้องการส่ิงของของผอู้ ืน่ เมอ่ื มีผู้ชีแ้ นะ ดว้ ยตนเอง 5.2 มีความเมตตา 5.2.1 แสดงความรักเพอื่ น และ 5.2.1 แสดงความรกั เพ่ือน และ 5.2.1 แสดงความรักเพื่อน และ กรุณา มนี ้าใจและ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน มเี มตตาสตั ว์เลีย้ ง มีเมตตาสัตว์เลยี้ ง มีเมตตาสัตว์เล้ียง 5.2.1 แบ่งปนั ผู้อื่นได้ 5.2.1 ช่วยเหลือและแบ่งปนั 5.2.1 ชว่ ยเหลอื และแบ่งปนั เมอ่ื มผี ชู้ ีแ้ นะ ผอู้ ่ืนได้เมื่อมผี ชู้ ี้แนะ ผ้อู ื่นไดด้ ้วยตนเอง 5.3 มคี วามเห็นอกเหน็ 5.3.1 แสดงสีหน้าหรือท่าทาง 5.3.1 แสดงสีหน้าและทา่ ทาง 5.3.1 แสดงสีหนา้ และท่าทาง ใจผู้อนื่ รับรูค้ วามรูส้ ึกผอู้ ่ืน รับรู้ความร้สู ึกผู้อน่ื รับรู้ความรสู้ ึกผ้อู ื่นอยา่ ง สอดคล้องกับสถานการณ์ 5.4 มคี วามรบั ผิดชอบ 5.4.1 ทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 5.4.1 ทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 5.4.1 ทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย จนสาเร็จเมื่อมีผู้ชว่ ยเหลือ จนสาเร็จเมอื่ มผี ู้ชีแ้ นะ จนสาเรจ็ ดว้ ยตนเอง
46 ตารางท่ี 2.6 มาตรฐานท่ี 6 มที ักษะชวี ติ และปฏิบัตติ นตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ตัวบ่งชี้ อายุ 3-4 ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 6.1 ชว่ ยเหลือตนเองใน 6.1.1 แตง่ ตวั โดยมผี ชู้ ว่ ยเหลือ 6.1.1 แต่งตัวดว้ ยตนเอง 6.1.1 แตง่ ตัวด้วยตนเองได้ การปฏิบตั ิกิจวตั ร อยา่ งคลอ่ งแคล่ว ประจาวัน 6.1.2 รบั ประทานอาหารด้วย 6.1.2 รบั ประทานอาหารดว้ ย 6.1.2 รับประทานอาหาร ตนเอง ตนเอง ด้วยตนเองอย่างถูกวธิ ี 6.1.3 ใช้ห้องน้าหอ้ งสว้ มโดยมีผู้ 6.1.3 ใช้หอ้ งนา้ หอ้ งส้วมดว้ ย 6.1.3 ใช้และทาความสะอาด ชว่ ยเหลือ ตนเอง หลังใช้ห้องน้าดว้ ยตนเอง 6.2 มีวนิ ัยในตนเอง 6.2.1 เกบ็ ของเล่นของใช้ 6.2.1 เกบ็ ของเล่นของใช้ 6.2.1 เก็บของเล่นของใช้ เขา้ ที่ เขา้ ทีเ่ มอ่ื มีผชู้ ี้แนะ เข้าทด่ี ว้ ยตนเอง อย่างเรียบรอ้ ยด้วยตนเอง 6.2.2 เข้าแถวตามลาดับ 6.2.2 เข้าแถวตามลาดบั 6.2.2 เขา้ แถวตามลาดับ กอ่ นหลังไดเ้ ม่ือมีผ้ชู ้แี นะ ก่อนหลงั ไดด้ ว้ ยตนเอง ก่อนหลงั ได้ด้วยตนเอง 6.3 ประหยัดและ 6.3.1 ใช้สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ 6.3.1 ใชส้ งิ่ ของเครอื่ งใช้ 6.3.1 ใชส้ ่งิ ของเคร่อื งใช้ พอเพียง อยา่ งประหยดั และพอเพียง อย่างประหยัดและพอเพียง อย่างประหยัดและพอเพียง เมือ่ มผี ้ชู ี้แนะ เม่อื มผี ู้ช้ีแนะ ดว้ ยตนเอง ตารางที่ 2.7 มาตรฐานที่ 7 รกั ธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม วัฒนธรรมและความเปน็ ไทย ตวั บ่งช้ี อายุ 3-4 ปี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 7.1 ดูแลรักษาธรรมชาติ 7.1.1 มีสว่ นร่วมดแู ลรักษา 7.1.1 มสี ว่ นร่วมดูแลรกั ษา 7.1.1 มีสว่ นรว่ มดแู ลรกั ษา และสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม เมอื่ ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มเม่อื มี ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม มผี ้ชู ีแ้ นะ ผชู้ แี้ นะ ดว้ ยตนเอง 7.1.2 ทง้ิ ขยะให้ถกู ที่ 7.1.2 ท้ิงขยะให้ถกู ท่ี 7.1.2 ทิง้ ขยะให้ถูกที่ 7.2 มีมารยาทตาม 7.2.1 ปฏบิ ตั ิตนตามมารยาท 7.2.1 ปฏบิ ัติตนตามมารยาท 7.2.1 ปฏิบตั ิตนตามมารยาท วฒั นธรรมไทย และ ไทยได้เมอื่ มีผชู้ แ้ี นะ ไทยไดด้ ้วยตนเอง ไทยได้ตามกาลเทศะ รกั ษาความเป็นไทย 7.2.2 กลา่ วคาขอบคุณและ 7.2.2 กล่าวคาขอบคณุ และ 7.2.2 กลา่ วคาขอบคุณและ ขอโทษเมอื่ มผี ูช้ ้ีแนะ ขอโทษดว้ ยตนเอง ขอโทษด้วยตนเอง 7.2.3 หยุดยนื เมื่อไดย้ นิ เสยี ง 7.2.3 ยืนตรงเมื่อไดย้ ิน 7.2.3 ยนื ตรงและรว่ มร้องเพลง ชาตไิ ทยและเพลงสรรเสริญ เพลงชาตไิ ทยและเพลง เพลงชาติไทยและเพลง พระบารมี สรรเสริญพระบารมี สรรเสริญพระบารมี
47 ตารางท่ี 2.8 มาตรฐานที่ 8 อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมใน ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ตวั บ่งชี้ อายุ 3-4 ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 8.1 ยอมรบั ความ 8.1.1 เล่นและทากจิ กรรม 8.1.1 เล่นและทากจิ กรรม 8.1.1 เลน่ และทากิจกรรม เหมือนและความ รว่ มกบั เด็กที่แตกต่างไปจากตน ร่วมกบั เดก็ ทแี่ ตกต่างไปจากตน ร่วมกบั เดก็ ทแ่ี ตกตา่ งไปจากตน แตกต่างระหว่างบุคคล 8.2 มีปฏสิ ัมพนั ธ์ทด่ี กี บั 8.2.1 เลน่ ร่วมกับเพอื่ น 8.2.1 เลน่ หรอื ทางานรว่ มกับ 8.2.1 เลน่ หรือทางานรว่ มมอื ผู้อ่ืน เพือ่ นเป็นกลุ่ม กบั เพอ่ื นอยา่ งมเี ป้าหมาย 8.2.2 ยม้ิ หรือทกั ทายผู้ใหญ่ 8.2.2 ยม้ิ ทกั ทาย หรือพดู คุย 8.2.2 ยิ้ม ทักทาย และพูดคุย และบุคคลทีค่ ้นุ เคยเม่ือมผี ู้ ชแี้ นะ กบั ผใู้ หญแ่ ละบคุ คลท่ีคนุ้ เคยได้ กับผู้ใหญ่และบุคคลทค่ี นุ้ เคยได้ ดว้ ยตนเอง เหมาะสมกับสถานการณ์ 8.3 ปฏบิ ตั ติ นเบ้ืองตน้ 8.3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลงเมื่อมี 8.3.1 มีสว่ นรว่ มสรา้ งข้อตกลงและ 8.3.1 มสี ่วนรว่ มสรา้ งข้อตกลง ในการเป็นสมาชกิ ท่ดี ี ผู้ชแ้ี นะ ปฏิบัติตามข้อตกลงเมื่อมีผชู้ แี้ นะ และปฏิบัตติ ามข้อตกลงด้วยตนเอง ของสงั คม 8.3.2 ปฏิบตั ิตนเปน็ ผูน้ าและผู้ 8.3.2 ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผนู้ า 8.3.2 ปฏิบัติตนเป็นผนู้ าและ ตามเมื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ และผ้ตู ามได้ดว้ ยตนเอง ผู้ตามได้เหมาะสมกบั สถานการณ์ 8.3 ปฏิบตั ติ นเบ้ืองตน้ 8.3.3 ยอมรบั การ 8.3.3 ประนีประนอมแกไ้ ข 8.3.3 ประนีประนอมแกไ้ ข ปญั หาโดยปราศจากการใช้ ในการเป็นสมาชิกที่ดี ประนปี ระนอมแก้ไขปญั หาเมอ่ื ปญั หาโดยปราศจากการใช้ ความรนุ แรงด้วยตนเอง ของสงั คม มผี ูช้ ้ีแนะ ความรนุ แรงเมือ่ มผี ูช้ ีแ้ นะ ตารางท่ี 2.9 มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสือ่ สารไดเ้ หมาะสมกบั วยั ตัวบ่งช้ี อายุ 3-4 ปี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 9.1 สนทนาโต้ตอบและ 9.1.1 ฟังผอู้ ่ืนพูดจนจบและพดู 9.1.1 ฟงั ผูอ้ ื่นพูดจนจบและ 9.1.1ฟังผอู้ น่ื พดู จนจบและสนทนาโต้ตอบ เล่าเรอ่ื งใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจ โต้ตอบเกี่ยวกับเร่ืองท่ฟี งั สนทนาโต้ตอบสอดคล้องกบั เรอื่ งทีฟ่ งั อย่างต่อเน่ืองเชอ่ื มโยงกบั เรื่องทีฟ่ งั 9.1.2 เลา่ เรอ่ื งด้วยประโยคสน้ั ๆ 9.1.2เลา่ เร่ืองเปน็ ประโยคอย่างต่อเน่ือง 9.1.2เลา่ เร่อื งเป็นเร่ืองราวต่อเน่ืองได้ 9.2 อ่าน เขยี นภาพและ 9.2.1 อา่ นภาพ และพดู 9.2.1 อ่านภาพ สัญลกั ษณ์ คา 9.2.1 อ่านภาพ สญั ลกั ษณ์ คา สญั ลกั ษณ์ได้ ข้อความด้วยภาษาของตน พรอ้ มทง้ั ชีห้ รือกวาดตามอง ดว้ ยการชหี้ รอื กวาดตามอง ข้อความตามบรรทัด จุดเริม่ ต้นและจุดจบของขอ้ ความ 9.2.2 เขียน ขดี เข่ยี 9.2.2 เขยี นคลา้ ยตัวอักษร 9.2.2 เขียนชื่อของตนเองตาม อย่างมีทศิ ทาง แบบ เขยี นข้อความด้วยวธิ ีที่ คดิ ขนึ้ เอง
48 ตารางท่ี 2.10 มาตรฐานท่ี 10 มคี วามสามารถในการคดิ ที่เป็นพ้ืนฐานในการเรียนรู้ ตวั บง่ ชี้ อายุ 3-4 ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 10.1 มคี วาม 10.1.1 บอกลักษณะของ 10.1.1 บอกลักษณะ และ 10.1.1 บอกลักษณะ สามารถในการคิดรวบ สิ่งต่าง ๆ จากการสงั เกตโดยใช้ สว่ นประกอบของส่งิ ตา่ ง ๆ จาก สว่ นประกอบการเปล่ียนแปลง ยอด ประสาทสัมผัส การสงั เกตโดยใชป้ ระสาทสัมผสั หรือความสัมพันธข์ องสงิ่ ต่าง ๆ จากการสงั เกตโดยใชป้ ระสาท สัมผสั 10.1.2 จับคูห่ รือเปรยี บเทยี บ 10.1.2 จบั คแู่ ละเปรยี บเทียบ 10.1.2 จบั ค่แู ละเปรียบเทียบ สิ่งต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะหรอื ความแตกต่างหรอื ความเหมือน ความแตกต่างและความเหมอื น หนา้ ทก่ี ารใชง้ านเพยี ง ของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้ลกั ษณะท่ี ของส่งิ ต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะที่ ลักษณะเดียว สังเกตพบเพยี งลักษณะเดยี ว สงั เกตพบสองลักษณะข้ึนไป 10.1 มคี วาม 10.1.3 คดั แยกส่ิงตา่ ง ๆ ตาม 10.1.3 จาแนกและจัดกลุ่ม 10.1.3 จาแนกและจดั กลมุ่ สามารถในการคดิ รวบ ลกั ษณะหรอื หน้าทก่ี ารใช้งาน สิ่งต่าง ๆ โดยใช้อย่างน้อยหนง่ึ สง่ิ ตา่ ง ๆ โดยใช้ตัง้ แต่ ยอด ลกั ษณะเปน็ เกณฑ์ สองลกั ษณะขึน้ ไปเป็นเกณฑ์ 10.1.4 เรยี งลาดับสิ่งของหรือ 10.1.4 เรยี งลาดบั สิ่งของหรอื 10.1.4 เรียงลาดบั ส่ิงของหรอื เหตกุ ารณ์อยา่ งน้อย 3 ลาดับ เหตกุ ารณ์อยา่ งนอ้ ย 4 ลาดบั เหตุการณอ์ ย่างนอ้ ย 5 ลาดับ 10.2 มีความสามารถใน 10.2.1 ระบผุ ลท่ีเกดิ ข้ึนใน 10.2.1 ระบสุ าเหตหุ รือผลท่ี 10.2.1 อธบิ ายเชือ่ มโยงสาเหตุ การคดิ เชงิ เหตผุ ล เหตกุ ารณ์หรอื การกระทาเมื่อมี เกิดขนึ้ ในเหตุการณ์หรอื กระทา และผลทีเ่ กิดขน้ึ ในเหตกุ ารณ์ ผชู้ แี้ นะ เมอ่ื มผี ้ชู ี้แนะ หรือการกระทาด้วยตนเอง 10.2.2 คาดเดา หรือคาดคะเน 10.2.2 คาดเดา หรือคาดคะเน 10.2.2 คาดคะเนสิ่งที่อาจจะ ส่ิงท่ีอาจจะเกิดขึ้น สงิ่ ทอ่ี าจจะเกิดข้นึ หรอื มีสว่ น เกดิ ขึน้ และมี ส่วนรว่ มในการ รว่ มในการลงความเหน็ จาก ลงความเห็นจากข้อมลู อยา่ ง ขอ้ มลู มีเหตุผล 10.3 มีความสามารถใน 10.3.1 ตัดสินใจในเรื่องงา่ ย ๆ 10.3.1 ตดั สินใจในเร่ืองงา่ ย ๆ 10.3.1 ตดั สินใจในเร่ืองงา่ ย ๆ การคิดแก้ปัญหาและ และเรม่ิ เรียนรูผ้ ลท่เี กดิ ขึ้น และยอมรบั ผลที่เกดิ ขึน้ ตัดสินใจ 10.3.2 แก้ปญั หาโดยลองผดิ 10.3.2 ระบุปัญหา และ 10.3.2 ระบุปัญหาสร้าง ลองถกู แกป้ ัญหาโดยลองผดิ ลองถูก ทางเลอื กและเลือกวิธแี กป้ ญั หา
49 ตารางที่ 2.11 มาตรฐานที่ 11 มีจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ ตวั บง่ ช้ี อายุ 3-4 ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 11.1 ทางานศลิ ปะตาม 11.1.1 สรา้ งผลงานศลิ ปะเพอื่ 11.1.1 สรา้ งผลงานศลิ ปะเพ่ือ 11.1.1 สรา้ งผลงานศิลปะเพื่อ จินตนาการและ ส่ือสารความคดิ ความรสู้ ึกของ สือ่ สารความคดิ ความรู้สกึ ของ สื่อสารความคิด ความรสู้ ึกของ ความคิดสร้างสรรค์ ตนเอง ตนเองโดยมีการดดั แปลง และ ตนเองโดยมีการดัดแปลง แปลกใหม่จากเดิมหรอื มี แปลกใหมจ่ ากเดมิ และมี รายละเอยี ดเพ่มิ ข้นึ รายละเอียดเพิ่มขึ้น 11.2 แสดงทา่ ทาง/ 11.2.1 เคลอ่ื นไหวท่าทางเพื่อ 11.2.1 เคลอ่ื นไหวท่าทาง 11.2.1 เคลอ่ื นไหวท่าทางเพ่ือ เคลอ่ื นไหวตาม จนิ ตนาการ สอ่ื สารความคิด ความรูส้ ึก เพอ่ื สอื่ สารความคดิ ความรสู้ กึ ส่อื สารความคิด ความรูส้ กึ ของ อย่างสรา้ งสรรค์ ของตนเอง ของตนเองอย่างหลากหลาย ตนเองอย่างหลากหลายและ หรือแปลกใหม่ แปลกใหม่ ตารางที่ 2.12 มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ ได้เหมาะสมกบั วยั ตัวบง่ ชี้ อายุ 3-4 ปี สภาพที่พึงประสงค์ อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี 12.1 มีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ 12.1.1 สนใจฟังหรอื อ่าน 12.1.1 สนใจซักถามเกย่ี วกับ 12.1.1 สนใจหยิบหนงั สือมา สญั ลักษณ์หรือตัวหนงั สือท่ีพบ อ่านและเขยี นส่อื ความคดิ ดว้ ย การเรยี นรู้ หนังสอื ด้วยตนเอง เห็น ตนเองเปน็ ประจาอย่างตอ่ เนื่อง 12.1.2 กระตอื รือร้น ในการเขา้ 12.1.2 กระตือรือร้น ในการเข้า 12.1.2 กระตือรือร้น ในการ รว่ มกจิ กรรม รว่ มกิจกรรม เข้ารว่ มกจิ กรรมต้งั แต่ตน้ จนจบ 12.2 มคี วามสามารถใน 12.2.1 ค้นหาคาตอบของ 12.2.1 ค้นหาคาตอบของ 12.2.1 คน้ หาคาตอบของ การแสวงหาความรู้ ขอ้ สงสัยต่าง ๆ ตามวิธีการ ข้อสงสัยตา่ ง ๆ ตามวิธีการของ ขอ้ สงสยั ต่าง ๆ โดยใชว้ ิธกี าร ตนเอง ท่ีหลากหลายดว้ ยตนเอง ที่มีผ้ชู แ้ี นะ 12.2.2 ใช้ประโยคคาถามว่า 12.2.2 ใช้ประโยคคาถามวา่ 12.2.2 ใช้ประโยคคาถามว่า “ใคร” “อะไร” ในการค้นหา “ที่ไหน” “ทาไม” ในการคน้ หา “เมอื่ ไร” “อย่างไร” ในการ คาตอบ คาตอบ คน้ หาคาตอบ
50 6. โครงสรา้ งหลกั สูตร 6.1 การจดั เวลาเรยี น หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับ เด็กปฐมวัย 1 - 3 ปีการศึกษาโดยประมาณ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กที่เริ่มเข้าสถานศึกษาหรือ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเวลาเรียนสาหรับเด็กปฐมวัยจะขึ้นอยู่กับสถานศึกษาแต่ละแห่ง โดยมีเวลาเรียนไม่ น้อยกว่า 180 วัน ต่อ 1 ปีการศึกษา ในแต่ละวันจะใช้เวลาเรียนไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง โดยสามารถปรับให้ เหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษาและสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย 6.2 สาระการเรยี นรู้รายปี สถานศึกษาสามารถทาได้โดยยึดจุดหมายหรือมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของ หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย (หลกั สูตรแกนกลาง) เป็นหลักในการกาหนดสาระการเรียนรรู้ ายปี สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วยสาระท่ีควรเรียนรู้และประสบการณ์สาคัญผู้จัดทาหลักสูตร สถานศึกษาจะต้องวางแผนล่วงหน้าว่าเด็กแต่ละช่วงวัยควรจะเรียนรู้อะไรและด้วยประสบการณ์สาคัญ ใดบ้างเพื่อให้บรรลุมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามท่ีสถานศึกษากาหนด โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจในคุณลักษณะตามวัย/พัฒนาการของเด็กปฐมวัย หลักการจัดการศึกษาปฐมวัย และ ประสบการณ์ของ ครู มาช่วยกาหนดสาระท่ีควรเรียนรู้รายปี แยกตามชว่ งอายุ 3-4 ปี ชว่ งอายุ 4-5 ปี ช่วง อายุ 5-6 ปี ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับระดับอายุท่ีสถานศึกษาจัดอยู่ และกาหนดประสบการณ์สาคัญท่ีคาดว่าเด็กควร จะได้เรียนรู้สาระต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์สาคัญนั้น ๆ ท้ังนี้ผู้จัดทาหลักสูตรควรตรวจสอบสาระท่ีควรเรียนรู้อีกคร้ัง ว่าครอบคลุมหัวเร่ืองทรี่ ะบไุ ว้ในหลกั สูตรแล้วหรอื ไม่และประสบการณ์สาคัญกท็ าเช่นเดยี วกัน ตารางท่ี 2.13 ตวั อยา่ งตารางวิเคราะห์สาระการเรยี นร้รู ายปสี าหรบั เดก็ อายุ 4-5 ปี สภาพที่ ตัวอย่างสาระการเรยี นรู้ พึงประสงค์ พัฒนาการ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ 4 – 5 ปี สาระทค่ี วร ประสบการณ์ ตวั บง่ ช้ีที่ 1.2 1.2.1 เรยี นรู้ สา่ คญั มีสุขภาพอนามยั รับประทาน ดา้ นรา่ งกาย มาตรฐานท่ี 1 สุขนสิ ัยทดี่ ี อาหารท่ีมี 1. อาหารที่มี 1. การปฏิบัติ ร่างกาย ประโยชน์และด่ืม เจรญิ เตบิ โต น้าสะอาดด้วย ประโยชนต์ อ่ ตามสขุ อนามัย ตามวัย และมี ตนเอง สุขนสิ ัยทด่ี ี 1.2.2 ล้างมือ รา่ งกาย สุขนสิ ยั ที่ดีใน กอ่ นรบั ประทาน อาหารและ 2. ความสะอาด กจิ วัตร หลังจากใช้ ของรา่ งกาย ประจาวนั 3. การนอน หลับพกั ผ่อนให้ เพียงพอ 4. การออก กาลงั กาย
51 สภาพที่ ตัวอย่างสาระการเรียนรู้ พัฒนาการ มาตรฐาน ตัวบง่ ชี้ พงึ ประสงค์ สาระที่ควร ประสบการณ์ ด้านอารมณ์ 4 – 5 ปี เรียนรู้ ส่าคัญ จติ ใจ ห้องนา้ หอ้ งส้วม ด้านสงั คม ด้วยตนเอง 1.2.3 นอน พักผอ่ นเป็นเวลา 1.2.4 ออกกาลงั กายเป็นเวลา มาตรฐานที่ 3 ตัวบ่งชี้ท่ี 3.2 มี 3.2.1 กล้าพูด 1. การเล่นหรือ 1. การเลน่ มีสุขภาพจิตที่ดี ความรู้สึกท่ีดีต่อ กลา้ แสดงออก ทาส่งิ ต่าง ๆ อิสระ และมีความสุข ตนเองและผู้อ่ืน อย่างเหมาะสม ดว้ ยตนเองหรือ 2. การเลน่ บางสถานการณ์ กับผู้อน่ื รายบุคคล กลุ่ม 3.2.2 แสดง 2. ความ ย่อย กลมุ่ ใหญ่ ความพอใจใน แตกต่าง 3. การเลน่ ตาม ผลงานและ ระหว่างบุคคล มมุ ความสามารถ รปู ร่าง หนา้ ตา ประสบการณ์ ของตนเอง อารมณ์ 4.การเล่นนอก ความรู้สกึ นกึ คิด หอ้ งเรยี น 5. การปฏบิ ตั ิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความ สามารถของ ตนเอง มาตรฐานท่ี 8 ตวั บง่ ช้ที ่ี 8.3 8.3.1 มีส่วนร่วม 1. การมี 1. การร่วมกนั อยรู่ ่วมกับผู้อื่นได้ ปฏิบตั ติ น สร้างข้อตกลง มารยาท กาหนดขอ้ ตกลง อย่างมคี วามสขุ เบอ้ื งตน้ ในการ และปฏิบตั ิตาม 2. การเลน่ ของหอ้ งเรียน และปฏิบัตติ น เป็นสมาชิกท่ดี ี ข้อตกลงเมอื่ มผี ู้ รว่ มกบั ผ้อู ื่น 2. การปฏิบตั ิ เปน็ สมาชิกทีด่ ี ของสังคม ช้ีแนะ 3. การปฏิบติ ตนเปน็ สมาชิกที่ ของสงั คมใน 8.3.2 ปฏิบตั ิตน ตามกฎระเบียบ ดีของห้องเรยี น ระบอบ เป็นผ้นู าและผู้ 4. การปฏบิ ัติ 3. การให้ความ ประชาธปิ ไตย ตามไดด้ ว้ ยตนเอง ตนเป็นสมาชกิ ท่ี ร่วมมอื ในการ อันมี 8.3.3 ดีภายในบา้ น ปฏิบัตกิ จิ กรรม พระมหากษัตรยิ ์ ประนีประนอม และสงั คม ตา่ ง ๆ ทรงเป็นประมุข แกไ้ ขปญั หาโดย 5. การเคารพ 4. การดูแล ปราศจากการใช้ สิทธขิ องตนเอง หอ้ งเรียน และผ้อู ืน่ รว่ มกัน
52 สภาพท่ี ตวั อย่างสาระการเรียนรู้ พึงประสงค์ พัฒนาการ มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี 4 – 5 ปี สาระทค่ี วร ประสบการณ์ ความรุนแรงเมื่อ ตวั บ่งชท้ี ี่ 11.1 มผี ชู้ ้ีแนะ เรยี นรู้ ส่าคญั ทางานศิลปะ ตามจินตนาการ 11.1.1 สรา้ ง 6. การมี 5. การร่วม และความคดิ ผลงานศิลปะเพือ่ สร้างสรรค์ ส่อื สารความคิด คุณธรรมและ กิจกรรม ความรสู้ ึกของ ตนเองโดยมีการ จริยธรรม วันสาคญั ดดั แปลง และ ดา้ นสตปิ ญั ญา มาตรฐานท่ี 11 แปลกใหม่จาก 1. การสะทอ้ น 1. การรับรู้ และ มจี ินตนาการ เดิมหรือมี และความคิด รายละเอียด การคดิ การรับรู้ แสดงความคดิ สร้างสรรค์ เพม่ิ ขึ้น และความ ความรู้สกึ ผ่าน รูส้ กึ ส่อื วสั ดุ และ 2. การ ชน้ิ งาน เปล่ียนแปลง 2. การแสดง และความ ความคดิ สมั พนั ธข์ องสง่ิ สรา้ งสรรค์ผา่ น ตา่ ง ๆ ศลิ ปะ 3. การ สรา้ งสรรค์ ชิ้นงานโดยใช้ รูปรา่ ง รปู ทรง จากวสั ดุท่ี หลากหลาย เมื่อได้โครงสร้างหลักสูตรเป็นรายปีแล้ว ก่อนนาไปจัดประสบการณ์ในห้องเรียน ควรนาสาระ การเรียนรรู้ ายปที วี่ เิ คราะห์ไว้พร้อมกับมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคห์ รือตัวบง่ ชใ้ี นแต่ละพฒั นาการมา จัดเป็นหน่วยการจัดประสบการณ์ตลอดปีในกรณีที่สถานศึกษาใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบหน่วย (Unit) เพ่ือสะดวกในการจัดประสบการณ์แตล่ ะสัปดาห์ เมื่อกาหนดหน่วยการจัดประสบการณ์ตลอดปแี ล้ว เป็นหน้าที่ของครู ครูในแต่ละชั้นเรียนจัดทาแผนการจัดประสบการณ์ของตน ซ่ึงจะนาไปสู่รายละเอียดของ การจดั ประสบการณ์ ในแต่ละชัน้ 7. การจดั ประสบการณ์ การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัย มีรูปแบบ และวิธีการที่หลากหลาย ทั้งนี้ ครูต้อง พิจารณาถึงแนวการจัดประสบการณ์ท่ีหลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) กาหนด โดย คานึงถึงพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญารวมท้ังความสนใจ ความสามารถ และ สภาพแวดล้อมของ เด็กปฐมวัยเป็นหลักในการกาหนดหน่วยการจัดประสบการณ์ และแผนการจัด ประสบการณ์
53 ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ป ฐ ม วั ย ค ว ร ก า ห น ด ก า ร จั ด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ส า ห รั บ เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย แต่ละช่วงอายุ ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ คือ เหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ ระดับพัฒนาการ และ ลักษณะ การเรียนรู้ของเด็ก ท้ังนี้ เด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า มีโอกาสลงมือกระทา เคล่ือนไหว สารวจ สังเกต ทดลอง เล่น สบื ค้น คิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ครูต้องกาหนดการจดั ประสบการณ์ ให้เห็นเป็นรูปธรรมในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ทั้งนี้การจัดประสบการณ์ควรสอดคล้องกับ ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ ตลอดจนเป็นการจัดประสบการณ์ท่ีส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีสภาพท่ีพึงประสงค์ตาม มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามท่ีหลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) และ ตามมาตรฐานทีส่ ถานศึกษากาหนด 8. การสร้างบรรยากาศการเรยี นรู้ เป็นหน้าท่ีของผู้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยจะกาหนดสภาพแวดล้อมทั้งภายใน ภายนอกห้องเรียน ที่ช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เกิดกับเด็ก ครูสามารถเขียนแผนการจัด สภาพแวดล้อมภายในห้อง และสภาพแวดล้อมภายนอกห้องของสถานศึกษาปฐมวัย พร้อมทั้งเขียน คาอธิบายประกอบ ซ่ึงแผนผังสภาพแวดล้อม สามารถจัดทาได้หลายรูปแบบ โดยคานึงถึงหลักการจัด สภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย ที่ให้มีท้ังมุมประสบการณ์/ศูนย์เล่นต่าง ๆ นอกจากนี้การสร้าง บรรยากาศการเรียนรู้ทางด้านจิตภาพถือว่ามีความสาคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสภาพแวดล้อมทางกายภาพ หลักสูตรสถานศึกษาควรเขียนให้เห็นเป็นรูปธรรม เพ่ือเป็นแนวทางสาหรับ ครูจะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติใน สถานศึกษาของตน 9. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ การจัดการศึกษาปฐมวัยต้องอาศัยส่ือ และแหล่งการเรียนรู้ เพ่ือให้เด็กปฐมวัยได้พัฒนาตาม จุดหมายของหลักสูตร ครูในระดับปฐมวัยควรจัดเตรียมสื่อ และแหล่งการเรียนรู้อย่างหลากหลายที่มีอยู่ ในท้องถิ่น ชุมชน และแหล่งอื่น ๆ เน้นส่ือที่เหมาะกับวัย พัฒนาการของเด็ก รวมทั้งบริบทของสังคม และ วฒั นธรรมท่ีเด็กอาศัยอยู่ อาจจัดทา และพัฒนาส่ือการเรียนรู้ข้ึนเอง หรือนาสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวเด็กมา ใชใ้ ห้เป็นประโยชน์ 10. การประเมนิ พฒั นาการ สถานศึกษาปฐมวัยมีหน้าที่จัดทาแนวปฏบิ ัติในการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั ให้ทุกฝ่ายถือ ปฏิบตั ิรว่ มกัน โดยใหส้ อดคล้องกับการประเมนิ พฒั นาการทจ่ี ะระบไุ วใ้ นหลกั สูตรแกนกลางซึ่งให้หลักการ ดงั นี้ 10.1 ประเมนิ พัฒนาการของเด็กครบทกุ ดา้ น และนาผลมาพัฒนาเด็ก 10.2 ประเมนิ เปน็ รายบคุ คลอย่างสมา่ เสมอต่อเนอ่ื งตลอดปี 10.3 สภาพการประเมินควรมีลักษณะเช่นเดียวกับการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมประจาวัน 10.4 ประเมินอย่างเป็นระบบ มีการวางแผน เลือกใช้เคร่ืองมือและจดบันทึกไว้เป็น หลักฐาน 10.5 ประเมินตามสภาพจริงด้วยวิธีการหลากหลายเหมาะกับเด็กรวมท้ังใช้แหล่งข้อมูล หลาย ๆ ด้านไมค่ วรใช้การทดสอบ
54 วธิ ีการประเมินท่ีเหมาะสมที่สดุ และควรใช้กับเดก็ ปฐมวัย คือ การสังเกต และบันทึกข้อมูลเก็บ ไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แบบบันทึกส้ัน แบบสังเกต แบบมาตรวัดประมาณค่า ฯลฯ ควรเก็บข้อมูล อย่างเป็นระบบ อาจทาในรูปแบบของแฟ้มผลงานเด็ก ท้ังนี้ ขึ้นอยู่กับการกาหนดร่วมกันของบุคลากร ท่ีเก่ยี วข้องกบั การจัดทาหลกั สูตรสถานศึกษา 11. การบรหิ ารจดั การหลกั สตู ร เป็นการกาหนดวิธีการนาหลักสูตรไปใช้ ตลอดจนการส่งเสริม สนับสนุน เพ่ือให้การจัด การศึกษาปฐมวัยในสถานศึกษาบรรลุผล เดก็ มีคณุ ภาพตามมาตรฐานคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงคท์ ี่กาหนด การนา่ หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยไปใช้ เมื่อจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาแล้วจะมีการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซึ่งมีผู้กล่าวถึง หลักในการนาหลักสูตรไปใช้ ดังที่บุญเลี้ยง ทุมทอง (2553: 266-267) กล่าวถึงหลักสาคัญในการนา หลักสูตรไปใช้ดังนี้ 1. จะต้องมีการวางแผนและเตรียมการในการนาหลักสูตรไปใช้ ทั้งนี้บุคลากร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะได้ศึกษาวิเคราะห์ ทาความเข้าใจหลักสูตรที่จะนาไปใช้ให้มีความเข้าใจตรงกัน เพ่ือให้การปฏิบัติเป็นไปในทานองเดียวกัน และสอดคล้องต่อเน่ืองกัน 2. จะต้องมีองค์คณะบุคคลทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นที่จะต้องทาหน้าที่ประสานงานกัน เป็นอย่างดี ในแต่ละขั้นตอนของการนาหลักสูตรไปใช้ นับแต่การเตรียมการนาหลักสูตรไปใช้ใน ด้านวิธีการ สื่อ การประเมินผลการจัดการอบรมผู้ที่จะไปพัฒนาครู การอบรมผู้ใช้หลักสูตรในท้องถิ่น การนาหลักสูตร ไปใช้ของครู และการติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรของครู 3. การนาหลักสูตรไปใช้จะต้องดาเนินการอย่างเป็นระบบเป็นไปตามขั้นตอนที่วางแผนและ เตรียมการไว้ 4. การนาหลักสูตรไปใช้จะต้องคานึงถึงปัจจัยสาคัญที่จะช่วยให้การนาหลักสูตรไปใช้ ประสบความสาเร็จได้ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นก็คือ งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เอกสารหลักสูตรต่าง ๆ ตลอดจนสถานที่ต่าง ๆ ที่จะเป็นแหล่งให้ความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะต้องได้รับการจัด เตรียมไว้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนได้เมื่อได้รับการร้องขอ 5. ครูเป็นบุคลากรที่สาคัญที่สุดในการนาหลักสูตรไปใช้ ดังนั้น ครูจะต้องได้รับการพัฒนา อย่างเต็มที่ และจริงจัง เริ่มตั้งแต่การอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจทักษะ และเจตคติเกี่ยวกับการใช้ หลักสูตรอย่างเข้มแข็ง การให้การสนับสนุนด้านปัจจัยต่าง ๆ แก่ครู ได้แก่ การติดตามประเมินผล การปฏิบัติการสอนของครูอย่างเป็นระบบ และการพัฒนาตัวครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน เช่น การจัดอบรมสัมมนาเป็นระยะ ๆ การเผยแพร่เอกสารที่เป็นประโยชน์การพาไปทัศนศึกษา การเชิญ วิทยากรมาให้ความรู้ และ การสร้างขวัญกาลังใจในการปฏิบัติงาน
55 6. การนาหลักสูตรไปใช้ ควรจัดต้ังให้มีหน่วยงานที่มีผู้ชานาญการพิเศษ เพื่อให้การสนับสนุน และพฒั นาครู โดยทาหนา้ ทีน่ เิ ทศ ติดตามผลการนาหลกั สตู รไปใช้ และควรปฏบิ ัตงิ านรว่ มกับครูอย่างใกลช้ ิด 7. หน่วยงาน และบุคลากรในฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนาหลักสูตรไปใช้ไม่ว่าจะเป็น ส่วนกลาง หรือส่วนท้องถิ่น ต้องปฏิบัติงานในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ ในส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการนาหลักสูตรไปใช้ของครู ลักษณะเช่นนี้จะเป็น ตัวบ่งชี้ว่าการนาหลักสูตรไปใช้จะประสบความสาเร็จหรือล้มเหลว 8. การนาหลักสูตรไปใช้สาหรับผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานจะต้องมีการ ติดตาม และประเมินผลเป็นระยะ ๆ ซึ่งจะต้องกาหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ ท้ังนี้ เพื่อจะได้นาข้อมูลต่าง ๆ มาประเมิน วิเคราะห์ เพื่อพัฒนาทั้งในแง่ของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และการวางแนวทางในการนา หลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิภาพดีย่ิงข้ึน สาหรับการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ มีความจาเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อ กาหนดขอบเขตของการดาเนินการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ท่ีสามารถทาให้หลักสูตรสถานศึกษาสู่ การปฏิบัติท่ีส่งผลต่อการพฒั นาเด็กให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งพัชรา พุม่ พชาติ (2560: 59, 64) กล่าวว่า การนา หลักสูตรสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ไปใช้มีแนวทางดงั ต่อไปน้ี 1. ประชุมวางแผนก่อนการดาเนินการ เป็นการดาเนินการประชุมวางแผนร่วมกันระหว่าง บุคคลที่เก่ียวข้องกับการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซ่ึงได้แก่ ท่ีปรึกษาด้านหลักสูตร ผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครอง และบุคคลอื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง การประชุมวางแผนเป็นการนาเสนอเป้าหมาย และขอบเขตของ การนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซึ่งผู้เข้าประชุมจาเป็นต้องกาหนดกรอบภาระงานที่ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครูจะเป็นผู้นาหลักที่สาคัญในการสนับสนุนการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ กิจกรรมการประชุมวางแผนสามารถปฏิบตั ิได้ในลักษณะที่หลากหลาย เช่น การประชุมกลุ่มขนาดเล็ก เพ่ือ ร่วมอภิปราย และแสดงแนวคิด เพื่อให้ได้ข้อมูลสาหรับแผนการดาเนินงาน การประชุมกลุ่มขนาดกลาง ระหว่างบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เพื่อชี้แจง และกาหนดแผนการดาเนินงาน หรือการประชุม กลุ่มขนาดใหญ่ เพ่ือการรับรู้และการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การประชุมวางแผน ก่อน การนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้มีเป้าหมายหลัก คือ เพ่ือประเมินสถานการณ์ และนาข้อมูล การประเมินมาจดั เตรียมความพร้อมของบุคลากรท่ีเหมาะสมกบั ภาระของการนาหลักสตู รสถานศึกษาระดับ ปฐมวัยไปใช้ ด้วยแนวทางการประเมนิ สถานการณ์โดยการวเิ คราะห์ SWOT ดังน้ี 1.1 การวิเคราะห์จดุ แข็ง (Strength : S) คอื การประชุมทมี่ ีการนาเสนอขอ้ มูลอา้ งองิ ปัจจัย ภายในของสถานศึกษาที่ส่งผลดีต่อการดาเนินการใช้หลักสูตรท่ีสถานศึกษามีความโดดเด่น ที่สามารถ นามาใช้ประโยชน์ ในการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เช่น ผู้บริหารมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตร มีความมุ่งม่ันในการทางาน และมีความสามารถในการ ประสานงานความร่วมมือกับผู้อื่นได้อย่างดีสาหรับผู้สอนเป็นผู้ที่มีความเช่ียวชาญในการสอน มีความคิด สร้างสรรค์ยอมรับการเปล่ียนแปลง และมีความกระตอื รอื รน้ มีความรกั และสามคั ครี ่วมกันในสถานศกึ ษา
56 1.2 การวิเคราะห์จุดอ่อน (Weakness : W) คือ การประชุมที่มีการนาเสนอข้อมูลปัจจัย ภายในของสถานศึกษาที่ส่งผลเสีย หรือผลกระทบต่อการดาเนินการใช้หลักสูตร เช่น ผู้สอนยังขาด ความชานาญในการจัดประสบการณ์ ผู้สอนไม่ได้จบทางด้านการศึกษาปฐมวัย ไม่สนใจและไม่ชอบการ เปลี่ยนแปลง หรือบุคลากรขาดภาวะผู้นาและการทางานเป็นทีม ฯลฯ จุดอ่อนเหล่านี้เป็นภาวะที่ ไม่เอื้อประโยชน์ตอ่ การนาหลักสูตรสถานศกึ ษาไปใช้ จาเปน็ ต้องกาจดั ออกไป โดยสถานศึกษาควรหาโอกาส พฒั นาจุดแขง็ ทีม่ ใี หม้ ากย่งิ ขึน้ เพอ่ื ใหก้ ารนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาไปใช้ไดส้ าเรจ็ 1.3 การวิเคราะห์โอกาส (Opportunity : O) คือ การประชุมท่ีมีการนาเสนอข้อมูลปัจจัย ภายนอกสถานศึกษาท่ีส่งผลดีหรือเป็นประโยชน์ต่อการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ เช่น หลักสูตรสถานศึกษามีความโดดเดน่ ที่สนองความต้องการในการจัดการศึกษาของชุมชน บุคลากรในชมุ ชน ใหค้ วามร่วมมือในการจดั การศึกษา เปน็ ตน้ 1.4 การวิเคราะห์อุปสรรค (Threat : T) คือ การประชุมที่มีการนาเสนอข้อมูลปัจจัย ภายนอกสถานศึกษาท่สี ่งผลเสีย หรอื เป็นอปุ สรรคต่อการนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวัยไปใช้ ผลเสีย หรืออุปสรรคที่เกิดข้ึนเป็น สิ่งท่ีสถานศึกษาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นได้ ทาได้ เพียงหาทางป้องกันให้เกิดขึ้นน้อยลง เช่น พ่อแม่ และผู้ปกครองขาดความรู้ ความเข้าใจในการอบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย สถานศึกษาสามารถแก้ไขได้โดยการจดั โครงการหรอื กิจกรรมการให้ความรู้ แกพ่ ่อแม่ และผู้ปกครองในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การประชุม การจดั นิทรรศการ การเผยแพรข่ ่าวสารทางจุลสาร เปน็ ต้น 2. กาหนดแผนการดาเนินงาน หลังจากการประชุมวางแผนการดาเนินการแล้ว จะทาให้ สถานศึกษาสามารถนามากาหนดเป็นแผนการดาเนินงานการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ ซึ่งประกอบดว้ ย แผนการดาเนนิ งาน ดงั ต่อไปน้ี 2.1 แผนการเตรียมความพร้อมปัจจัยท่ีสนับสนุนการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดบั ปฐมวัย ไปใช้ ได้แก่ การกาหนดผู้รับผิดชอบในการใช้หลักสูตร การจัดเตรียมสื่อ วัสดุ และอุปกรณ์ การเตรียม สถานที่ และสิ่งแวดลอ้ ม การเรียนรู้ การเตรียมพัฒนาบุคลากร การเตรียมระบบการวัดและประเมินผลการ ใช้หลักสูตรสถานศึกษา การเตรียมงบประมาณ และส่ิงอานวยความสะดวก และการประสานความร่วมมือ ระหวา่ งบ้าน และชมุ ชน 2.2 แผนการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับแนวทางของหลักสูตร สถานศกึ ษาระดับปฐมวยั บุคลากรท่ีตอ้ งได้รับการพฒั นาความเชยี่ วชาญ ไดแ้ ก่ 2.2.1 ผู้บริหารสถานศึกษา มีความสาคัญยิ่งต่อการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับ ปฐมวัยไปใช้ ผู้บริหารจะทาหน้าที่ในการเป็นผู้นาร่วมกับบุคลากรในการกาหนดนโยบายและแนวทางการ ดาเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย ดังน้ัน ผู้บริหารจึงจาเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจอย่าง ลึกซึ้งเกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษา มีวิสัยทัศน์ท่ีก้าวหน้า และมองผลสาเร็จที่จะเกิดข้ึนจากการใชห้ ลักสตู ร สถานศึกษาระดับปฐมวัยท่ีชัดเจน สามารถเป็นผู้นาและประสานความร่วมมือกับบุคลากรทั้งภายในและ ภายนอกสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี ดังบทบาทและหน้าท่ีของผู้บริหารที่เก่ียวข้องกับการนาหลักสูตร สถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ ดังน้ี
57 1) จดั ทาแผนการดาเนินงานการจดั การศกึ ษาตามหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย 2) แสวงหาความรู้ และฝึกฝนทักษะเก่ียวกบั หลกั สตู รสถานศึกษาระดบั ปฐมวยั ให้ลึกซ้ึง 3) จดั ระบบการนิเทศ ตดิ ตาม และสนับสนนุ การใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวัย 4) สนับสนุนปัจจัยที่เอ้ือต่อการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ ทั้งในดา้ นการพฒั นาบุคลากร งบประมาณ สื่อ วัสดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 5) สนับสนุนให้มีการนานวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใชใ้ นการจัดประสบการณ์ ตามแนวทางของหลกั สูตรสถานศึกษาระดบั ปฐมวัย 6) จัดระบบการวัดและประเมินผลหลักสูตรอย่างเต็มประสิทธิภาพท้ังระยะ ก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่างการใช้หลักสูตรและหลังการใช้หลักสูตร เพื่อให้หลักสูตรสถานศึกษาได้รับ การพัฒนาอย่างตอ่ เนือ่ ง สอดคล้องกบั บริบทของผูเ้ รยี น สถานศกึ ษา ชุมชนและท้องถิ่น 7) จัดเตรียมแผนบุคลากรในการทางานตามขอบข่ายของการใช้หลักสูตร สถานศึกษาระดบั ปฐมวยั 2.2.2 ครูผู้สอน นับเป็นผู้ท่ีมีความสาคัญที่สุดต่อการนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับ ปฐมวยั ไปใช้ เน่ืองจากครูผู้สอน คือ ผู้ท่ีนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวยั ไปสู่การปฏบิ ัติจริงในช้นั เรียน หากครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและจตคตทิ ่ีดตี ่อหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวยั ย่อมส่งผลให้ หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยเป็นหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ สถานศึกษาจาเป็นต้องกาหนดแผน การดาเนินงานการพฒั นาครูผู้สอนเกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษาระดบั ปฐมวยั เช่น การฝึกอบรมทักษะการ จัดประสบการณ์ เทคนิคการสอน การประเมินพัฒนาการ และการศึกษาดงู าน เป็นตน้ ทั้งนี้ เพอื่ นาความรู้ และประสบการณ์มาใช้ในการดาเนินงานตามบทบาทและหน้าท่ีของครูผู้สอนที่เกยี่ วขอ้ งกับการนาหลกั สตู ร สถานศกึ ษาระดับปฐมวัยไปใชด้ ังน้ี 1) จัดทาหน่วยการเรียนรู้ ออกแบบการจดั ประสบการณด์ าเนนิ การจัดประสบการณ์ 2) ใชเ้ ทคนคิ การจดั ประสบการณ์ทเี่ หมาะสมกับพัฒนาการ และการเรยี นรู้ของเด็กปฐมวัย 3) นานวตั กรรมและเทคโนโลยที ที่ นั สมัยมาบูรณาการใชใ้ นการจัดประสบการณ์ 4) จัดเตรียมสอื่ สภาพแวดล้อม และแหล่งการเรียนรู้ 5) จัดเตรยี มแนวทางการประเมินพัฒนาการเดก็ 6) ประสานความร่วมมือระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชนในการจัดประสบการณ์ ตามหลกั สตู รสถานศึกษาระดับปฐมวัย 7) จัดทาวิจยั ช้นั เรียนเพือ่ สง่ เสรมิ และแก้ไขพฒั นาการเด็กใหบ้ รรลเุ ป้าหมายตามหลกั สตู ร 2.2.3 บุคลากรผู้สนับสนุน เป็นผู้ที่มีส่วนสาคัญในการสนับสนุนให้เกิดการนาหลักสูตร สถานศึกษาระดับปฐมวัยไปใช้ได้อย่างคล่องตัว เช่น นักเทคโนโลยี ศึกษานิเทศก์ และหัวหน้าฝ่าย โภชนาการ ฯลฯ บุคลากรเหลา่ นี้จาเปน็ ตอ้ งเขา้ มามสี ่วนร่วมในการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย จงึ ควรได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยในด้านนโยบาย จุดมุ่งหมาย และองค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อนาแนวทางไปใช้ในการวางแผนการสนับสนุนการใช้หลักสูตร
58 สถานศึกษาระดับปฐมวัยดังบทบาท และหน้าท่ีของบุคลากรผู้สนับสนุนการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับ ปฐมวยั ดงั นี้ 1) บทบาทของนกั เทคโนโลยี (1) จดั เตรยี มนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพ่ือสนบั สนุนการจดั ประสบการณ์ (2) จัดสภาพแวดล้อมทส่ี ร้างแรงจูงใจในการเรยี นรู้ให้แก่เด็ก (3) ดูแลรักษาสอ่ื และสภาพแวดลอ้ มให้มคี วามพร้อมสาหรบั การใชง้ านอยา่ งสมา่ เสมอ 2) บทบาทของศึกษานิเทศก์ (1) นิเทศ กากบั ติดตาม และช่วยเหลือการจัดประสบการณ์ใหแ้ ก่ครผู ้สู อน (2) วางแผนการพัฒนา ปรับปรุงและแก้ไขการจัดประสบการณ์ให้บรรลุ เปา้ หมายของหลกั สูตรสถานศกึ ษา (3) นาเทคนิคการนิเทศมาใช้ให้เหมาะสมตามความแตกต่างของศักยภาพ ครูผู้สอนแตล่ ะคน (4) แสวงหาความรู้ทีเ่ ป็นประโยชน์ เพอ่ื สนับสนุนการจัดประสบการณใ์ ห้แก่ครผู ้สู อน 3) บทบาทของฝ่ายโภชนาการ (1) จดั ทาแผนโภชนาการทเ่ี หมาะสมกบั วยั และการเจริญเตบิ โตของเดก็ (2) กากบั ตดิ ตามดู และให้เด็กมภี าวะโภชนาการทเ่ี หมาะสมกับวัย 2.2.4 ผู้ปกครอง และชุมชนเป็นผู้ท่ีมีส่วนสาคัญในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับ ปฐมวัย เช่นกัน เนื่องจากผู้ปกครองและชุมชนเป็นส่วนหน่ึงของสังคมที่ต้องเข้ามามีบทบาทในการจัด การศกึ ษา จึงเป็นหนา้ ท่ีของสถานศึกษาปฐมวัยทีต่ ้องดาเนนิ งานจัดเตรยี มแผนพัฒนาพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และ บคุ คลในชุมชนท่ีเก่ียวข้องให้มีความรู้ ความเข้าใจตามแนวทางของหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวยั ย่อม ส่งผลตอ่ การใชห้ ลกั สูตรให้มีความสาเร็จได้มากย่ิงข้ึน เน่ืองจากผู้ปกครอง และชุมชนเป็นผู้ที่มบี ทบาท และ หน้าทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาระดบั ปฐมวัย ดงั น้ี 1) บทบาทของผู้ปกครอง (1) วางแผนการจดั ประสบการณ์รว่ มกบั สถานศึกษา (2) ใหค้ วามรว่ มมอื กบั การจัดกิจกรรมตามหลกั สตู รท้ังในและนอกสถานศึกษา (3) ร่วมรับการฝึกอบรมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติ เก่ยี วกับหลักสตู รสถานศึกษาระดับปฐมวัยตามบริบทของผู้ปกครอง (4) เล้ียงดู และเอาใจใสก่ ับพฒั นการและการเรียนรู้ของเด็กอย่างสมา่ เสมอ (5) แสวงหาความรู้ และพัฒนาตนเองเพ่อื การเป็นผปู้ กครองคณุ ภาพ (6) ร่วมประเมินพฒั นาการเด็กกบั สถานศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2) บทบาทของชมุ ชน (1) เปน็ คณะกรรมการสถานศึกษา
59 (2) สนับสนนุ สือ่ แหลง่ การเรยี นรู้ และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน (3) ร่วมจดั กิจกรรมส่งเสรมิ พฒั นาการให้แกเ่ ดก็ (4) เผยแพรข่ ่าวสารความร้ทู เ่ี ป็นประโยชน์ (5) จดั ทาแหลง่ การเรยี นรู้ท่ีมีคณุ ภาพในรูปแบบทหี่ ลากหลาย 2.3 แผนการจัดระบบบริหารหลักสตู รสถานศึกษาระดบั ปฐมวัย เป็นการจัดเตรยี มแผนงาน การบริหารหลักสูตรสถานศึกษาในฝ่ายต่าง ๆ โดยจะมีการกาหนดผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการให้ การดาเนินงานประสบผลสาเร็จได้ด้วยดี เช่น ฝ่ายบริหารหลักสูตร และการจัดประสบการณ์ ฝ่ายงบประมาณ ฝ่ายสื่อทรัพยากรและแหล่งการเรียนรู้ ฝ่ายประเมินพัฒนาการเด็ก ฝ่ายนิเทศ กากับ และ ติดตาม ฯลฯ ระบบบรหิ ารของแต่ละฝ่ายจะทาหน้าท่สี นบั สนนุ งาน และอานวยความสะดวกแก่ผ้ทู ี่เกี่ยวขอ้ ง ในการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ตลอดจนแก้ไขปัญหา และอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้ หลักสูตรได้อยา่ งทันที 3. ดาเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย หัวใจสาคัญของการดาเนินการใช้หลักสูตร คือ การจัดประสบการณ์ของครูปฐมวัย ครูจึงเป็นผู้ที่มีความสาคัญยิ่งต่อการดาเนินการใช้หลักสูตรให้ บรรลุจุดมุ่งหมาย ดังน้ัน ในข้ันตอนน้ีสถานศึกษาต้องเตรียมความพร้อมให้กับครูในการจัดประสบการณ์ที่ เป็นไป ตามแนวทางของหลักสูตร โดยให้ครูได้รับการพัฒนาตนเอง เช่น การอบรมเลี้ยงดู วิธีการจัด ประสบการณ์ ารจดั เตรียมสอื่ สภาพแวดลอ้ มและแหล่งการเรียนรู้ การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวัย และ การบริหารจัดการหลักสูตร ฯลฯ และในขณะที่มีการดาเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย ฝ่าย ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง เช่น ผู้บริหาร ผู้ปกครองและชุมชน ศึกษานิเทศก์ และนักเทคโนโลยี ควรให้การ สนบั สนุนและช่วยเหลือการจัดประสบการณข์ องครใู ห้ดาเนินไปอย่างมปี ระสิทธิภาพตามจุดมงุ่ หมายของหลักสตู ร 4. ติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย จากการท่ีมีการนา หลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยลงสู่การปฏิบัติจริงในสถานศึกษา จาเป็นต้องมีการติดตาม และ ประเมินผลการใช้หลักสูตรสถานศกึ ษา เพอ่ื ตรวจสอบคุณภาพของหลักสตู รดว้ ยวิธีการดังนี้ 4.1 เก็บและรวบรวมข้อมูลผลการปฏิบัติการใช้หลักสูตรให้ได้จานวนมากและหลากหลาย เช่น ผลการจัดประสบการณ์ของผู้สอน ผลการประเมินพัฒนาการเด็ก ความคิดเห็นของครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และ บุคคลที่เกย่ี วข้อง เป็นตน้ โดยนาขอ้ มูลท่รี วบรวมได้มาวิเคราะห์ และสรปุ ผล เพอื่ อธิบายคุณภาพของหลกั สตู ร 4.2 เก็บข้อมูลเพื่อหาปัญหา และอุปสรรคในการใช้หลักสูตรจากผู้ที่เก่ียวข้อง เช่น ข้อมูล จากการจัดประสบการณ์ของครู พบปญั หาและอุปสรรคใดบ้าง ความร็ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับหลักสูตร สู่การปฏิบัติ มีมากน้อยเพียงใด การประสานงานความร่วมมือของผู้ปกครองพบอุปสรรคใดบ้าง ส่ือ และ อุปกรณม์ ีมากน้อย และ เหมาะสมกับเด็กเพียงใด เปน็ ต้น 4.3 ศึกษาวิธีการแก้ไขคุณภาพของหลักสูตรจากสภาพผลการปฏิบัติการใช้หลักสูตร ตลอดจน ปัญหา และอุปสรรคในการใช้หลักสูตรท่ีพบ สถานศึกษาจาเป็นต้องแสวงหา และกาหนดวิธี การแก้ไขอย่างรวดเร็วด้วยการประชุม และระดมความคิดจากผู้ท่ีเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ ข้อเสนอแนะ วิธีการแก้ไข และปรับปรุงคุณภาพของหลกั สตู ร
60 4.4 วิจัยและพัฒนา เป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีความสาคัญ และต้องมีการดาเนินงาน อย่างเป็นระบบ เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการใช้หลักสูตรสถานศึกษา มาเป็นแนวทางพัฒนาหลักสูตร สถานศกึ ษาให้มีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ขึ้น การประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั การประเมินหลักสูตรนอกจากมกี ารประเมนิ หลักสตู รแกนกลางแล้ว หลักสูตรสถานศึกษาก็ควร ได้รับการประเมินเช่นกัน ซ่ึงพัชรา พุ่มพชาติ (2560) กล่าวถึงแนวทางท่ีเหมาะสมสาหรับนามาใช้ในการ ประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย มีหลายแนวทาง ดังนี้ 1. การประเมินโดยพิจารณาจากจดุ มุ่งหมาย มีดงั น้ี 1.1 การประเมินผลระหว่างการดาเนินการ (Formative evaluation) เป็นการประเมินผล ในระหว่างทมี่ กี ารใช้หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั จดุ มุ่งหมายของการประเมินผลระหวา่ งการดาเนินการ คือ มุ่งตรวจสอบผลการปฏิบัติระหว่างที่มีการดาเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยว่า มีปญั หาและอุปสรรคใดบ้าง เช่น การประเมินการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ การประเมินวิธีการจัดประสบการณ์การประเมินสื่อ และส่ิงแวดล้อมสาหรับการจัดประสบการณ์ และการประเมินความคิดเห็นของครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้อง เปน็ ตน้ ข้อมูล ท่ีได้จากการประเมินน้ีจะเป็นประโยชน์สาหรับนามาปรับปรุงในขณะที่มีการใช้หลักสูตร ได้ในทันทีเป็นการลด อุปสรรคทเี่ กิดขน้ึ และชว่ ยทาให้การดาเนินการใชห้ ลักสตู รบรรลุเปา้ หมายได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 1.2 การประเมินผลรวมหลังเสร็จส้ินการดาเนินการ ( Summative evaluation) เป็นการประเมินผลเม่ือเสร็จสิ้นการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จุดมุ่งหมายของการประเมินผลรวม หลังเสร็จสิ้นการดาเนินการ คือ การตดั สินผลสาเร็จของการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยว่าเป็นหลักสูตร ที่เหมาะสมหรือไม่สาหรับสถานศึกษา หรือจาเป็นต้องมีการพัฒนาปรับปรุง และแก้ไขอย่างไร การ ประเมินผลรวมสามารถดาเนินการได้หลังจากมีการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้อย่างน้อย 1 ภาคเรียน หรอื 1 ปี การศึกษา ซึง่ สถานศกึ ษาสามารถพจิ ารณาได้ตามความเหมาะสม 2. การประเมินโดยพจิ ารณาจากช่วงเวลา ดงั นี้ 2.1 การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาหลังจากท่ีมีการจัดทาแล้วเสร็จ เพ่ือพิจารณา ความถูกต้อง และความเหมาะสมเกี่ยวกับองค์ประกอบของหลักสูตร เช่น ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย จุดหมาย มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ โครงสร้างหลักสูตร การจัดประสบการณ์ ส่ือ และ แหล่งการเรียนรู้ การประเมินผล เป็นต้น การประเมินก่อนการดาเนินการควรใช้แนวทางการมีส่วนร่วม ในการประเมินจากผู้ที่เกี่ยวข้องท้ังในระดับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน และสังคมท่ีเป็นบริบทของ สถานศึกษา เพื่อให้ได้ผลการประเมนิ ท่ีสอดคลอ้ งกับบรบิ ทของหลักสูตรสถานศึกษาว่ามีความพร้อมหรือไม่ เพียงใด เช่น ครู สภาพแวดล้อมภายใน และภายนอกห้องเรียน สื่อ และอุปกรณ์ เครื่องเล่นสนาม ตลอดรวมถึงระบบการให้บริการในการจดั ประสบการณ์ เช่น เอกสาร คอมพวิ เตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อการคน้ คว้าขอ้ มลู เพ่ิมเติม เป็นตน้
61 2.2 การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย หมายถึง การประเมิน การดาเนนิ งานท่ีเกดิ ขึน้ ในระหว่างการใช้หลกั สตู รสถานศกึ ษาว่าเป็นไปตามวัตถปุ ระสงคห์ รือไมอ่ ย่างไร เช่น การประเมินการออกแบบ และการจัดประสบการณข์ องครู การประเมินผลพัฒนาการของเด็ก การประเมนิ ปัจจัยสิ่งอานวย ความสะดวกในการจัดประสบการณ์ว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด และ การประเมินความคิดเห็นของผู้บริหาร ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจะนามาใช้ สาหรับการพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้สามารถลงสู่การปฏิบัติ ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ดังน้ัน การประเมินชว่ งเวลาระหวา่ งการใชห้ ลักสูตรจึงมีความสาคัญที่สามารถสะท้อนให้เห็น ถึงการนาหลกั สูตรสถานศึกษาสู่การปฏบิ ตั ิจรงิ ใหบ้ รรลตุ ามจุดมุ่งหมายของหลักสตู รไดม้ ากน้อยเพียงใด 2.3 การประเมินหลังเสร็จสิ้นการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย หมายถึง การประเมิน หลังเสร็จสิ้นการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เพื่อตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษาว่ามีประสิทธิภาพมากน้อย เพียงใด โดยครอบคลุมการประเมินกระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ตัวหลักสูตรสถานศึกษา กระบวนการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษา และการประเมินคุณภาพของผเู้ รียน 3. การประเมินโดยพจิ ารณาจากสงิ่ ท่ตี ้องทาการประเมิน เป็นการประเมินหลกั สูตรสถานศึกษา ที่มี การยอมรับและใช้กันโดยทั่วไป ที่เรียกว่า รูปแบบของสตัฟเฟิลบีม ( Stufflebeam Model) ประกอบด้วยส่ิงท่ีต้องทาการประเมิน โดยนามาใช้เป็แนวทางการประเมินสาหรับหลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัย 4 ประการ ดังน้ี 3.1 การประเมินบริบท (Context evaluation) เป็นการประเมินผลในขั้นการวางแผน การจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จุดมุ่งหมายของการประเมินผล คือ เพ่ือช่วยให้ได้ข้อมูลในการ กาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตรสถานศึกษา โดยวิเคราะห์จากส่ิงแวดล้อม ความต้องการของชุมชน และ ปัญหาต่าง ๆ ข้อมูลจากการประเมินบริบทเหล่าน้ีจะถูกนามาใช้ในการกาหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร กิจกรรมที่ใชส้ าหรับการประเมนิ บรบิ ท ได้แก่ การสารวจความคดิ เห็น และการประชมุ ผู้เชี่ยวชาญ 3.2 การประเมินตัวป้อนหรือปัจจัยนาเข้า (Input evaluation) เป็นการประเมินผล ในขั้นการจัดทาโครงการหรือโครงการสร้าง (Programming of structuring) จุดมุ่งหมายของการประเมิน คือ การพิจารณาว่าจะใช้ทรัพยากรอย่างไรจึงจะบรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตรสถานศึกษาได้ เช่น การตรวจสอบ ความพร้อมของสถานศึกษา ยุทธศาสตร์หรือวิธีการปฏิบัติสาหรับการใช้หลักสูตร สถานศึกษาให้บรรลุผลควรเป็นอย่างไร และมีการนาไปใช้อย่างไร และจะบรรลุผลหรือไม่ หรือควร เปลี่ยนแปลงอย่างไร การประเมินน้ีเป็นการตรวจสอบความพร้อมเบ้ืองต้นเก่ียวกับทรัพยากร ที่จะนาไปใช้ในการเลือก แผนการจัดประสบการณ์ของหลักสตู รสถานศึกษา ปฐมวัยให้มคี วามเหมาะสม และสามารถดาเนินการได้อยา่ งเปน็ รูปธรรม 3.3 การประเมินกระบวนการ (Process evaluation) เป็นการประเมินผลในข้ันปฏิบัติการ ประเมินผล ประเภทนี้เริ่มข้ึนหลังจากที่นาเอาหลักสูตรสถานศึกษาลงสู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เป็นการ ประเมินเพื่อให้ไดข้ ้อมูลป้อนกลับใน 3 ประการ คือ ประการแรก เพ่ือตรวจสอบหาข้อบกพร่องหรือทานาย ข้อบกพร่องที่จะเกิดขึ้น ซ่ึงอาจ เป็นข้อบกพร่องของหลักสูตรหรือของการจัดประสบการณ์ ประการท่ีสอง เพ่ือให้ได้ข้อมูล ท่ีเกิดขึ้นระหว่างการดาเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือประโยชน์ในการตัดสินใจ
62 เก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และประการที่สาม เพ่ือประโยชน์ในการเก็บ หลกั ฐานในการปฏิบัตงิ านการใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษา 3.4 การประเมินผลผลิต (Product evaluation) เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบผลการใช้ หลักสูตรสถานศึกษา หลังจากเสร็จสิ้นการดาเนินการแล้วว่าบรรลุจุดมุ่งหมายตามหลักสูตรสถานศึกษา ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด การประเมินผลผลิตที่สาคัญจะต้องมีการกาหนดเกณฑ์มาตรฐาน สาหรับนาเอาผลผลิตมาเทียบกับ เกณฑ์มาตรฐาน เพ่ืออธิบายผลการประเมินพัฒนาการของเด็กว่าเป็นไป ในทิศทางใด ฯลฯ การประเมินผลผลิตน้ี จะเป็นตัวชี้วัดหลักสูตรสถานศึกษาว่ามีคุณภาพหรือไม่เพียงใด เพ่อื นาไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจในการพัฒนาปรับปรุง และแกไ้ ขหลักสูตรสถานศึกษาให้มปี ระสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน หลังจากจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้วอาจมีการประเมินหลักสูตรสถานศึก ษา ก่อนนาไปใช้ เพอื่ ตรวจสอบองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษาว่ารายละเอยี ดมีความชัดเจน ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน องคป์ ระกอบมคี วามสอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไร ดังตวั อยา่ งแบบประเมินหลกั สูตรสถานศึกษา ดงั นี้ ตวั อย่าง แบบประเมนิ หลกั สตู รสถานศึกษาระดับปฐมวัย โรงเรียน/ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเลก็ ..................................................................... ค่าช้แี จง แบบประเมินน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาระดบั ปฐมวัย แบ่งเป็น 2 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 ประเมนิ องคป์ ระกอบของหลักสตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัย ตอนที่ 2 ข้อสังเกต/ข้อคดิ เหน็ เพิม่ เติม ตอนที่ 1 ประเมินองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ระดบั การประเมิน ประเด็น รายการ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทส่ี ดุ กลาง ทส่ี ดุ ปรชั ญา 1. มจี ดุ เนน้ ท่ชี ดั เจน 2. เปน็ แนวทางท่ีสามารถนามาปฏิบตั ไิ ด้ วิสยั ทศั น์ 1. กาหนดโดยศึกษาข้อมลู สารสนเทศของ สถานศึกษาด้านสภาพปญั หา ชมุ ชนและ ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น 2. สารวจความคดิ เห็นของผูท้ ีเ่ กี่ยวข้อง 3. สอดคล้องกบั สภาพ/สถานการณ์ปัจจบุ นั 4. มเี ปา้ หมายที่ชัดเจน 5. มจี ดุ เน้นของสถานศึกษา 6. มกี ารกาหนดระยะเวลาที่แน่นอน
63 ระดบั การประเมิน ประเดน็ รายการ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทส่ี ดุ กลาง ทส่ี ดุ ภารกิจ 1. แสดงถึงงานที่สถานศกึ ษาตอ้ งปฏิบัติ อย่างชัดเจน เปา้ หมาย 2. สะท้อนถงึ วธิ ีดาเนินงานตาม ปรัชญา วสิ ัยทัศนท์ ่กี าหนดไว้ โครงสรา้ ง 3. ให้ชุมชนเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการ หลกั สูตร ดาเนนิ งาน สถานศกึ ษา 1. มคี วามชดั เจน ปฐมวัย 2. สอดคลอ้ งกบั จุดหมายของหลักสตู ร การศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 การจัด 3. สอดคล้องกบั ปรชั ญา วสิ ัยทศั นข์ อง ประสบการณ์ สถานศึกษา บรรยากาศ 1. สอดคลอ้ งกบั โครงสร้างหลกั สตู ร สื่อ การศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 แหลง่ เรยี นรู้ 2. สอดคลอ้ งกบั วิสัยทศั น์ ภารกิจ และ เปา้ หมายของสถานศึกษา การวัดผลและ 3. มรี ะยะเวลาเรียนท่ีชดั เจน ประเมนิ ผล 4. มตี ารางวิเคราะห์สาระการเรียนรู้รายปี เหมาะสมกับวัยนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ 1. มแี นวทางการจดั ประสบการณท์ ี่ชดั เจน 2. มีแนวทางการจัดประสบการณ์ท่ี เหมาะสมกับวัย 3. แนวทางการจัดประสบการณ์สอดคลอ้ ง กบั ปรัชญา วสิ ยั ทัศน์ 4. การสรา้ งบรรยากาศเหมาะสมกับ เดก็ ปฐมวัย 5. จดั สภาพแวดล้อมทีเ่ อ้อื ตอ่ การเรียนร้ทู ั้ง ในและนอกหอ้ งเรยี น 6. มกี ารใชส้ ื่อท่ีเหมาะสมกับวัย 7. แหล่งเรียนรู้มีทั้งในและนอก สถานศกึ ษา 1. มีการวดั ผลและประเมินผลตาม หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560
64 ระดับการประเมิน ประเด็น รายการ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทส่ี ดุ กลาง ทส่ี ดุ 2. วธิ ีการประเมินผลของสถานศกึ ษาเนน้ การประเมนิ ผล ตามสภาพจริง 4. มีวิธีการวัดผลและประเมนิ ผลด้วย วธิ กี ารท่หี ลากหลายวิธี 5. วิธีการวัดผลและประเมินผลเหมาะสมกบั วัย รวม คะแนนเฉลย่ี ตอนที่ 2 ข้อสงั เกต/ขอ้ คดิ เห็นเพมิ่ เติม ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ลงช่ือ..........................................................ผู้ประเมิน สรุป หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม ประสบการณ์ให้กับ เด็กปฐมวัย โดยจัดอย่างเป็นระบบ มีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจน มีการกาหนดองค์ประกอบของหลักสูตรท่ีมี รายละเอียดที่ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม ประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย หลักสูตร การศึกษาปฐมวยั ฉบบั ปัจจุบันคือ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ซ่ึงเปน็ หลักสูตรแกนกลาง 2560 จัดทาขึ้นเพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้เลี้ยงเด็กใช้เป็นแนวทางในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก และเพ่ือให้ สถานศึกษา และสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ทุกหน่วยงานทุกสังกัดที่เก่ียวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัด การศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างเสริมให้เด็กปฐมวัยเติบโต และมี พัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุล เหมาะสมกับวัย เป็นคนดี คนเก่ง ความสุข เติบโตเป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ ต่อไป การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นการจัดทาหลักสูตรที่อาศัยการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่าง ๆ ทั้งผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน หรือ ผู้มีส่วนเก่ียวข้อง โดยขั้นแรกของการพัฒนาหรือจัดทาหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยควรมกี ารแตง่ ต้งั คณะกรรมการในการพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย ข้ันท่ี 2 ศึกษา
65 รายละเอียด และทาความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรแกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย) ข้ันท่ี 3 ศึกษา รายละเอียด ข้อมูลต่าง ๆ เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการจัดทาหลักสูตร เช่น ข้อมูลของผู้ปกครอง ข้อมูลผลการ ประเมินพัฒนาการเด็ก บริบทของชมุ ชน สถานศึกษา เป็นต้น ขั้นที่ 4 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี นวตั กรรมทาง การศึกษาปฐมวัยท่ีจะนามาใช้ในพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การจัดประสบการณ์ เป็นต้น ข้ันที่ 5 จัดทา รายละเอียดของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยตามองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ซ่ึง ประกอบด้วย ปรัชญา วิสัยทัศน์ ภารกิจหรือพันธกิจ เป้าหมาย จุดหมาย มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ โครงสร้างของหลักสูตร (การจัดเวลาเรียนและสาระการเรียนรู้รายปี) การจัดประสบการณ์ การ สรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ การประเมนิ พฒั นาการ และการบริหารจดั การหลักสูตร ทั้งนี้ในแต่ละองค์ประกอบควรมีความสอดคล้องกัน ขั้นที่ 6 นาหลักสูตรไปใช้ ขั้นที่ 7 ประเมินหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการรวบรวมข้อมูลจากการพัฒนาหลักสูตรท้ัง ระบบหลักสูตรเพ่ือ พิจารณาว่าหลักสูตรบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่มี เมื่อนาไปใชแ้ ล้วมีผลการใช้ เป็นอย่างไร โดยการประเมินหลักสูตรมีจุดประสงค์เพ่ือตรวจสอบว่าหลักสตู รที่ได้จัดทาหรือที่พฒั นาเม่ือนา หลักสูตรไปใช้บรรลุ จุดมุ่งหมายหรือไม่ อย่างไร องค์ประกอบหรือรายละเอียดส่วนใดมีข้อบกพร่องหรือมี ปัญหาในส่วนใด เพ่ือนาผลการประเมินหลักสูตรมาปรับปรุง และพัฒนาต่อไป ท้ังน้ีการประเมินหลักสูตร ควรมีการประเมินท้ังหลักสูตร แกนกลาง และหลักสูตรสถานศึกษา โดยประเมินสามารถประเมินก่อนใช้ หลักสูตร หรือระหว่างใช้หลกั สตู ร หรือหลังการนาหลกั สูตรไปใชห้ รอื ประเมินท้ังกอ่ น ระหว่าง และหลงั การ ใช้หลักสูตร ทั้งน้ีการประเมินหลักสูตร สามารถประเมินในส่วนของข้อมูลทั่วไปหรือบริบทของสถานศึกษา ปัจจัยนาเข้า องค์ประกอบ หรือรายละเอียดของหลักสูตร กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้ และผลที่เกิด ขนึ้ กับผ้เู รียนว่าเปน็ ไปตามเกณฑม์ าตรฐานทก่ี าหนดไวใ้ นหลกั สตู รอยา่ งไร ค่าถามทบทวน ใหน้ กั ศึกษาอธบิ าย แสดงความคิดเห็นในประเด็นคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ถ้าจัดประสบการณ์ให้กับเด็กโดยไม่มีหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยการจัดกิจกรรมของแต่ละ สถานศกึ ษาจะเปน็ อย่างไร 2. ทาไมตอ้ งมหี ลักสูตรสถานศึกษาเฉพาะสาหรับเดก็ ปฐมวยั 3. ข้ันตอนในการจัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษามีอะไรบ้าง 4. การพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ขน้ั ตอนใดสาคัญทสี่ ุด และเพราะเหตใุ ดถงึ สาคัญท่ีสดุ 5. องค์ประกอบในหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยควรประกอบด้วยอะไรบา้ ง 6. ใครมีบทบาทสาคญั ในการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาไปใช้ และมบี ทบาทอยา่ งไร 7. ข้ันตอนการประเมนิ หลกั สูตรมีขนั้ ตอนอะไรบา้ ง 8. ครมู สี ว่ นเกีย่ วขอ้ งกับการประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษาหรอื ไม่ อยา่ งไร 9. การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในสว่ นของการนาหลกั สตู รไปใชม้ ีสว่ นสาคัญหรือไม่ อย่างไร
66 เอกสารอา้ งอิง ฆนัท ธาตุทอง. (2555). การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน .2551 พุทธศกั ราชนครปฐม: เพชรเกษมการพิมพ.์ ชาญชัย อาจนิ สมาจาร .(2558). การสร้างหลักสูตร. ปตั ตาน:ี สถาบันเพื่อความกา้ วหน้าทางวชิ าการ. ชัยวฒั น์ สทุ ธริ ัตน์. .(2559) การพัฒนาหลักสูตรทฤษฎสี กู่ ารปฏิบัติ. (พมิ พค์ รั้งท่ี บริษัทวพี :กรุงเทพฯ .(5 .จากัด (1991) รินท์ บญุ เลย้ี ง ทุมทอง. (2553). การพฒั นาหลกั สตู ร. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. พัชรา พุ่มพชาติ.(2560)ารจัดการศึกษาและหลักสูตรส่าหรับเด็กปฐมวัย หน่วยท่ี แนวคิด 2 เกย่ี วกับหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. วัฒนา ปุญญฤทธ์ิ .(2552เอกสารค่าสอนรายวิชาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ มวิ เซยี มบุคส์ บรษิ ทั มิวเซยี มครเี อช่ัน จากัด. วิชัย วงษ์ใหญ่ .(2554)การพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2 บริษัท :กรุงเทพฯ .(2 อาร์แอนด์ป รน้ิ ท์ จากัด. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน.(2560).คู่มอื หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยพทุ ธศกั ราช .2560 (สา่ หรบั เด็กอายุ 3-6ปี) เอกสารอัดสาเนาประกอบการประชมุ สร้างความเข้าใจหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช .2560 .ศ.มีนาคม พ 92561 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน.(2560). หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 :กรุงเทพฯ โรงพิมพช์ มุ ชนสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: