ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ นางสาวนชุ จิรา แดงวันสี สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ นางสาวนุชจริ า แดงวันสี สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ คำนำ การประเมินคุณภาพทางการศึกษาถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการพัฒนา คุณภาพการศึกษา เครื่องมือที่ใช้เป็นส่วนหน่ึงในการวัดผลประเมินการศึกษาน่ันคือข้อสอบซึ่งต้องมี ความหลากหลาย สามารถวัดได้ ทั้งด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย ดังนั้น การสร้าง ข้อสอบท่ีดีจะต้องอาศัยทั้งความรู้ความเข้าใจและการฝึกฝนการสร้างข้อสอบ ซึ่งชุดฝึกอบรมฉบับนี้ กล่าวถึงคุณสมบัติของข้อสอบแบบเลือกตอบ ข้ันตอนและแนวทางการสร้างข้อสอบ การสร้าง เครื่องมือวัดความรู้ความสามารถของผู้เรียนตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ไปสูการพฒั นาคุณภาพนักเรียน จงึ ได้จัดทำชุดฝึกอบรมการสร้าง เคร่ืองมือวัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ ให้ ครูผู้สอนได้ใช้เป็นชุดฝึกอบรมในการฝึกสร้างข้อสอบ เพ่ือนำข้อสอบไปให้นักเรียนฝึกปฏิบัติใน ห้องเรียน ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีความคุ้นเคยในการทำข้อสอบ อันจะส่งผลให้นักเรียนสามารถทำ ข้อสอบ ONET ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาทักษะการคิดต่อไป ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้าง เครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 มที ้ังหมด 5 เล่ม ไดแ้ ก่ คู่มือ การใช้ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 1 แนวทางการจัดการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เลม่ ที่ 2 ความรู้พ้นื ฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ เลม่ ท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ เล่มท่ี 5 การหาคุณภาพของเครื่องมือวัดและประเมนิ ผล เอกสารเล่มนี้ เป็นเอกสารเลม่ ที่ 3 ผจู้ ดั ทำหวังว่าชุดฝกึ อบรมด้วยตนเองเล่มนี้ จะเป็น ประโยชนต์ ่อการพัฒนาครผู สู้ อนวิทยาศาสตร์ มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถสรา้ งขอ้ สอบเลอื กตอบ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชีว้ ดั ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ขอใหผ้ ู้ศึกษาไดศ้ กึ ษาใบความรแู้ ละใบกจิ กรรมใหค้ รบทกุ ใบกิจกรรม เพอ่ื นำ ความรู้ไปใชพ้ ัฒนาผ้เู รียนใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ ต่อไป เล่มที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ ก
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ สารบญั หนา้ คำนำ ก สารบญั ข คำชแ้ี จง 1 คำแนะนำในการศกึ ษา 2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 ขอบข่ายเน้ือหา 3 แนวคดิ 3 สาระสำคัญ 4 แบบทดสอบกอ่ นศึกษาชดุ ฝกึ อบรม 5 ใบความรทู้ ่ี 1 ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ 7 ใบกจิ กรรมท่ี 1 12 ใบความรทู้ ่ี 2 แนวคิดทฤษฎคี วามร้ขู องบลูม 13 ใบกิจกรรมท่ี 2 24 ใบความรูท้ ่ี 3 โครงสรา้ งมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชีว้ ัด ระดับชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 28 ใบกจิ กรรมที่ 3 35 ใบความร้ทู ่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ 36 ใบกจิ กรรมที่ 4 40 ใบความรทู้ ่ี 5 การวเิ คราะห์ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วดั ของหลักสตู ร 41 ใบกจิ กรรมท่ี 5 44 ใบความรู้ท่ี 6 การวิเคราะหห์ ลักการเขยี นขอ้ สอบ 51 ใบกจิ กรรมท่ี 6 56 ใบความรู้ท่ี 7 ประเภทของข้อสอบแบบเลอื กตอบ 57 ใบกิจกรรมที่ 7 67 ใบความรูท้ ่ี 8 ตัวอยา่ ง ข้อสอบแบบเลือกตอบ 75 แบบทดสอบหลังศกึ ษาชดุ ฝกึ อบรม 83 บรรณานกุ รม 86 คณะทำงาน 89 เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ ข
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 คำชแี้ จง ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เลม่ ที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ เป็นเอกสารฝกึ อบรมใหค้ รูไดศ้ กึ ษาด้วยตนเอง เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความข้าใจและเกิดแนวคิดในการจดั ประสบการณ์ในห้องเรียนให้แกผ่ ู้เรียน ได้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 อันจะส่งผล ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติจริง ทุกชุดฝึกอบรมมีเนื้อหาที่ เกี่ยวข้องกันและต่อเนื่องกัน ผู้ศึกษาควรทำความเข้าใจศึกษาเอกสารโดยละเอียด พร้อมทั้งปฏิบัติตาม คำแนะนำการใชช้ ุดฝกึ ดว้ ยตนเอง ตามขั้นตอนดังตอ่ ไปน้ี ศกึ ษาภาพรวมเอกสาร/คำแนะนำ ศึกษาวตั ถุประสงค์ ขอบข่ายเน้ือหา และสาระสำคญั ศึกษารายละเอียดการดำเนนิ ใช้ชุดฝึกอบรม ประเมนิ ตนเองด้วยการทดสอบกอ่ นใชช้ ดุ ฝกึ อบรม ศกึ ษาใบความร้แู ละทำใบกจิ กรรม สรปุ องค์ความรูด้ ้วยตนเองดว้ ยผังความคิด ไม่ผ่าน ประเมนิ ตนเองดว้ ยการทดสอบหลงั ฝกึ อบรม ผา่ น ศกึ ษาเอกสารเลม่ ที่ 4 แผนภาพ ขั้นตอนการศกึ ษาดว้ ยตนเอง เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 2 คำแนะนำในการศึกษา การศกึ ษาชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง เร่อื งการสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบเล่มน้ี พฒั นาขึน้ สำหรับครวู ิทยาศาสตร์ เพอื่ เปน็ แนวทางการออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผศู้ กึ ษาควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 1. การเตรยี มตัวเพอ่ื ศกึ ษาชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง 1.1 กำหนดเวลาในการศึกษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง แนวทางการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 1.2 ศึกษาเอกสารเพ่ิมเติมท่ีระบุในชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง จะทำให้ผู้ศึกษามีความรู้และเข้าใจเร็วขึน้ 2. การศกึ ษาชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง 2.1 ทำแบบทดสอบกอ่ นศึกษา และตรวจคำตอบด้วยตนเองจากเฉลยแบบทดสอบโดยให้ คะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบที่ถูกตอ้ งและให้ 0 คะแนนสำหรบั คำตอบทีผ่ ิด 2.2 ควรอา่ นเน้อื หาสาระในใบความรู้ในแตล่ ะเลม่ อยา่ งนอ้ ย 1 จบ แล้วสรปุ ความคิดรวบยอด 2.3 ทำกจิ กรรมในใบงานแตล่ ะตอนและตรวจคำตอบดว้ ยตนเองจากแนวคำตอบในใบความรู้ โดยใหค้ ะแนน 1 คะแนนสำหรบั คำตอบทีถ่ กู ต้อง ให้ 0 คะแนนสำหรบั คำตอบทผ่ี ิด 2.4 ทำแบบทดสอบหลังศกึ ษาชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเองและตรวจคำตอบดว้ ยตนเองจาก แบบทดสอบโดยให้คะแนน 1 คะแนนสำหรับคำตอบทีถ่ กู ตอ้ ง ให้คะแนน 0 คะแนน สำหรบั คำตอบท่ีผิด 2.5 ใหศ้ กึ ษาชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเองตอ่ เนอ่ื งใหจ้ บเลม่ 2.6 ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเองน้ี เป็นชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเองท่ีศกึ ษาดว้ ยตนเองไดท้ ุกสถานที่ ทุก เวลา 3 การประเมนิ ผล 3.1 ในตอนทา้ ยของชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง จะมกี ารประเมินผลเพือ่ วดั ความรูค้ วามเขา้ ใจแลว้ ตรวจสอบคำตอบด้วยตนเองจากเฉลย ใหค้ ะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบทถี่ กู และ 0 คะแนน สำหรับ คำตอบท่ีผิด โดยตอ้ งผ่านเกณฑ์ 80% ข้ึนไป 3.2 เปรยี บเทยี บความแตกต่างของคา่ เฉล่ยี คะแนนก่อนศกึ ษาและหลังศกึ ษาชุดฝึกอบรม เล่มที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 3 วัตถุประสงค์ เมอื่ ศกึ ษาชุดฝกึ อบรมด้วยตนเองชุดนแ้ี ลว้ ผศู้ ึกษาสามารถ มคี วามรคู้ วามเข้าใจและสามารถสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา ขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ ขอบขา่ ยเนื้อหา 1. ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ 2. แนวคดิ ทฤษฎีความร้ขู องบลมู 3. โครงสรา้ งมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ดั ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 4. การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ 5. การวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด 6. การวเิ คราะห์หลกั การเขียนข้อสอบ 7. ประเภทของข้อสอบแบบเลือกตอบ 8. ตวั อยา่ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ แนวคดิ การพัฒนาครูโดยชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง ใช้แนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Construction Knowledge) ครูเป็นผู้ศึกษาเรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Learning by Doing) ไม่มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้ การปฏิบัติกิจกรรมเป็นไปตามขั้นตอนที่ออกแบบ ไว้ เป็นขั้นตอนหลักของการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ตามกระบวนการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมในเรื่องที่จะเรียนรู้ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากชุดฝึกอบรม แล้วนำความรู้เดิม ไปเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ก่อนที่จะสรุปความรู้ ความเข้าใจของ ตนเอง เปน็ ทฤษฎีการเรียนรทู้ ่ีเน้นผศู้ ึกษาเป็นผสู้ ร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 4 ประสบการณ์ใหม่ / ความรู้ใหม่ + ประสบการณ์เดิม / ความรู้เดมิ = องค์ความรูใ้ หม่ โดยเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมในเรื่องที่จะเรียนรู้การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่ง เรียนรู้ต่างๆนำความเข้าใจข้อมูลเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่แล กเปลี่ยนเรียนรู้ก่อนที่จะสรุปองค์ ความรู้และทำความเขา้ ใจด้วยตนเอง สาระสำคญั การสร้างเครื่องมือวัดผลและประเมินผลนั้นสร้างให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะวัด ให้สอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ซึ่งข้อคำถาม แบบทดสอบเลือกตอบ ประกอบด้วย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ สถานการณ์ คำถาม และตัวเลือก การพัฒนาข้อสอบ ยึดระดับการเรียนรู้ทางสติปัญญาตามทฤษฎีทางความรู้ของบลูม (Bloom Taxonomy) ซึ่งมีลำดับขั้น 6 ข้ัน ไดแ้ ก่ การจำ การเข้าใจ การประยกุ ต์ใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า การคิดสร้างสรรค์ เลม่ ที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 5 แบบทดสอบก่อนศึกษาชุดฝกึ อบรม คำชแี้ จง ให้ทา่ นเลือกคำตอบทถี่ กู ต้องท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว 1. ข้อดีของข้อสอบแบบเลือกตอบ คือสรา้ งขอ้ สอบไดค้ รอบคลมุ ทกุ เนอื้ หาและพฤตกิ รรมทางสมอง 1. ถูกตอ้ ง 2. ผดิ 2. ขอ้ สอบเลอื กตอบมี 4 ประเภท ได้แก่ แบบเลอื กตอบแบบคำตอบเดยี ว แบบหลายคำตอบ แบบเชงิ ซอ้ น แบบกลุ่มคำตอบสมั พันธ์ 1. ถกู ตอ้ ง 2. ผดิ 3. พฤติกรรมการเรยี นรดู้ ้านความรู้ ตามแนวคดิ ของบลมู มี 6 ระดับ ได้แก่ การจำ การเข้าใจ การประยุกต์ใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การสร้างสรรค์ 1. ถูกตอ้ ง 2. ผดิ 4. การเขยี นข้อสอบแบบเลอื กตอบ ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ 3 ส่วน ไดแ้ ก่ สถานการณ์ คำถาม และตวั เลือก 1. ถกู ตอ้ ง 2. ผิด 5. ตัวชว้ี ัดท่ีวา่ “สำรวจและอภปิ รายความสัมพนั ธข์ องกลมุ่ สง่ิ มีชวี ิตในแหลง่ ท่อี ยตู่ า่ ง ๆ” พฤตกิ รรมท่ี ตอ้ งการวดั และประเมินผลคือ การสำรวจและการอภปิ ราย 1. ถูกต้อง 2. ผิด 6. ข้อใดเป็นพฤติกรรมทางสตปิ ญั ญาดา้ นความรู้ ของทฤษฎี Bloom Taxonomy ในระดบั การวเิ คราะห์ 1. การจัดระบบ 2. การวพิ ากษ์วจิ ารณ์ 3. การปรบั ปรุง 4. การเปรียบเทียบ 7. ข้อใดตอ่ ไปน้ี กลา่ ว ไม่ถกู ตอ้ ง เกี่ยวกับ ตัวชีว้ ดั ว3.1 ป.6/1 ทดลองและอธบิ ายสมบตั ขิ องสารเมือ่ สารเกดิ การละลายและเปล่ยี นสถานะ 1. พฤติกรรมที่ต้องการวดั คือการทดลอง และการอธิบาย 2. พฤติกรรมท่ตี อ้ งการวดั คอื สารเกิดการละลายและเปลีย่ นสถานะ 3. องค์ประกอบของตวั ช้วี ัดประกอบดว้ ยพฤตกิ รรมและสถานการณ์ 4. ระดับพฤติกรรมทต่ี อ้ งการวดั อย่ใู นลำดบั ขนั้ การวเิ คราะห์ 8. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หลกั การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ 1. คำถามควรเป็นสถานการณ์ รปู ภาพ หรอื กราฟ 2. คำถามควรหลกี เลย่ี งคำถามปฏิเสธ 3. คำถามตอ้ งถามในระดับการคิดวิเคราะหข์ ้ึนไป 4. ควรใชค้ ำถามใหเ้ กดิ ความคิดทางปัญญาข้ันสูง เล่มท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6 9. ตารางสมบตั ิของหนิ ชนดิ ตา่ ง ๆ สมบตั ิ เนอ้ื หนิ มีผลกึ เกดิ มีกลิน่ ของหนิ ละเอยี ด มีรูพรนุ แร่ ปฏิกิรยิ า โคลน ชนิด เม่ือหยด เมื่อหยด ของหนิ เกลือ น้ำ A✓ ✓ ✓ ✓ B✓ C✓ D✓ จากขอ้ มูลในตาราง ควรเลอื กใชห้ นิ ชนิดใดปูพื้นห้องปฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์ ก. A ข. B ค. D ง. C คำถามดงั กลา่ วเปน็ ข้อสอบระดบั พฤตกิ รรมทางสติปญั ญาของบลูมขน้ั ใด 1. ความเขา้ ใจ 2. การวเิ คราะห์ 3. การประเมนิ 4. การคิดสร้างสรรค์ 10. ขอ้ คำถาม “จากข้อมูลกราฟเสน้ ตรงของผลการขายรถยนต์ยีห่ อ้ หนึ่งในประเทศไทย 60000 ยอดขายของรถยนต์ในแตล่ ะปี 40000 20000 ปี ยอดรถท่ีจำหน่ำย 0 นกั เรยี นคิดวา่ แนวโนม้ ยอดขายของรถยนต์ในปีต่อไปจะเปน็ อย่างไร” จากคำถามเปน็ พฤตกิ รรม ขั้นใดของบลมู 1. การเขา้ ใจ 2. การประยุกตใ์ ช้ 3. การวเิ คราะห์ 4. การประเมนิ ค่า เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 7 ใบความรู้ท่ี 1 ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 1.ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ( Science) มาจากภาษาลาติน “Scientia” ซึ่งหมายถึงความรู้ (Knowledge) เม่ือนักวิทยาศาสตรพ์ บปรากฏการณ์ธรรมชาติอยา่ งใด อยา่ งหนึ่งในการค้นหาคำตอบ เขาจะตงั้ คำถาม 3 ข้อคอื เมอื่ นักวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ พบปรากฏการณธ์ รรมชาติ วิทยาศาสตรค์ ้นหาคำตอบ (Science knowledge) (Natural phenomena) (Scientific process) จะใชค้ ำถาม มีกระบวนการดงั น้ี ความรมู้ ดี ังนี้ -มอี ะไรเกดิ ขึน้ What question - การสังเกต - ข้อเทจ็ จรงิ -เกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างไร How question - การวดั - มโนมติ -ทำไมจึงเกิดขึ้น Why question - การจัดประเภท - หลกั การ - การคำนวณ - สมมุตฐิ าน - การควบคมุ ตวั แปร - ทฤษฎี - การตั้งสมมตฐิ าน - กฎ - การกำหนดนยิ าม เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร - การทดลอง ฯลฯ ดังนัน้ ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ หมายถงึ การแสวงหาความรจู้ ากธรรมชาติ เป็นการศึกษาเรือ่ งราว ของปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การคิดอย่างมี ระเบียบวิธี (ธีระชัย ปูรณโชติ, 2540) ทำความเข้าใจสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยการสังเกตหรือการทดลอง เปน็ พน้ื ฐาน การวิเคราะห์อย่างมเี หตุผล มีจติ วิทยาศาสตรห์ รอื เจตคติวทิ ยาศาสตร์ โดยสืบเสาะหาความรู้ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 8 อย่างไม่หยุดยั้ง (สุวัฒน์ นิยมค้า, 2531; ภพ เลาหไพบูลย์, 2537 ) ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะเกิดข้ึน หลังจากที่ได้มีการใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ การสืบค้นตรวจสอบจนน่าเชื่อถือได้ เป็นทฤษฎีทาง วิทยาศาสตร์ในวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ทั้งสาขาวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และ สาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เช่น วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์ อืน่ ๆ เช่น สังคมวิทยา จติ วิทยา ท่ีสามารถนำมาใช้อธบิ ายหลักการได้ 2. ประเภทของวิทยาศาสตร์ ได้มีนักวิชาการใหป้ ระเภทของวิทยาศาสตร์ไวด้ งั นี้ Carin (1993:6-8) ได้จำแนกประเภทความรู้ทางวิทยาศาสตร์ออกเป็น 5 ประเภทคือ ข้อเท็จจริง มโนทศั น์ หลกั การ กฎ และทฤษฎี บัญญัติ ชำนาญกิจ (2553) กล่าวว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น ข้อเท็จจริง มโนทัศน์ หลักการ กฎ สมมติฐาน พันธ์ุ ทองชุมนุม (2547: 6-8) ไดก้ ล่าวถึงความรู้ทางวทิ ยาศาสตรไ์ ว้วา่ มี 4 ประเภทดงั น้ี 1. ข้อเท็จจริง เป็นข้อมูลพื้นฐานและถือว่าเป็นความรู้ที่จะนำไปประกอบขึ้นเป็นความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ประเภทอื่น ข้อเท็จจริงได้มาจากการสังเกต การวัด การทดลอง การบรรยาย อย่างมี หลกั เกณฑ์ที่น่าเชอ่ื ถอื ต่อสถานการณห์ รอื ปรากฏการณ์ธรรมชาติหนึง่ ๆ อย่างตรงไปตรงมา 2. มโนมติ เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คือ มโนมติที่มีความถูกต้องต่อสิ่งเร้า เช่น วัตถุสิ่งของ หรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินั้น ๆ และเป็นรูปแบบของความรู้ที่ถูกจัดกลุ่มขึ้น เพื่ออธิบายสิ่งของหรือ ปรากฏการณ์ซ่งึ รูปแบบของมโนมติดงั กล่าว จะมีลกั ษณะเป็นมติที่ใชส้ ำหรบั เรยี กชอื่ หรือสำหรับใชเ้ ป็นคำ จำกัดความ นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางธรรมชาติรอบตัวเรา ก็ถือเป็นมโนมติที่ใช้สำหรับเรียกช่อื เช่น ปรากฏการณน์ ำ้ ขนึ้ น้ำลง ปรากฏการณฝ์ นดาวตก เป็นตน้ 3. หลกั การหรือกฎ เปน็ ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ทเ่ี กดิ จากการผสมผสานกนั ระหวา่ งความรู้ท่ีได้ จากข้อเท็จจริง และมโนมติ หลักการเป็นคำที่ใช้เรียกความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน ธรรมชาติ แต่ถ้าหลักการนั้นได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ในธรรมชาติเชิงเหตุ จะเรียก ความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์นั้นว่า กฎ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในเชิงเหตุผล และผลที่สามารถเขียน ออกมาในรูปของสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ เช่น จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์พบว่า สสารทุก ชนิดมีแรงดึงดดู ระหว่างมวลซึ่งกนั และกัน ปรากฏการณ์ชนดิ นสี้ ามารถเขียนเปน็ กฎและหลักการไดด้ ังน้ี เล่มที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 9 หลักการ : สสารจะมแี รงดึงดดู ระหวา่ งมวลกระทำซง่ึ กันและกัน กฎ : แรงดึงดูดระหว่างมวลของสสารจะมคี ่าแปรผนั โดยตรง กบั ผลคณู ระหว่างมวลทัง้ สองและมี ความสัมพันธ์ กบั ระยะทางระหวา่ งวัตถุกำลังสอง ซง่ึ แสดงได้ความสัมพนั ธด์ ังน้ี F ∞ m1m2 R2 4. ทฤษฎี ความรู้ที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกฎต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น ถ้าจะอธิบายต่อไปว่า แรงดึงดูดระหว่างมวลเกิดอะไรขึ้น เกิดจากส่วนใด การจะอธิบายคำถามดังกล่าวน้ี จะต้องอาศัยความรู้ ระดับทฤษฎีจึงจะสามารถอธบิ ายได้ ภาณุเดช หงษาวงศ์ (2548 : 16-24) แบ่งประเภทของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ออกเป็น 5 ประเภทดังน้ี 1. ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นความรู้จริง ที่เกิดขึ้นจากการสังเกต การพิสูจน์ การทดลอง เป็น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเดิมทุกครั้ง เช่น เมื่อเหล็กได้รับความร้อน ก็จะขยายตัวการที่เป็นสารท่ี สามารถละลายน้ำได้ ชมิ ดจู ะมีรสเคม็ เป็นต้น 2. ความรู้ที่เป็นความคิดรวบยอด ในทางวิทยาศาสตร์นั้นมองในแง่ของความสัมพันธ์ของ ข้อเท็จจริงเมื่อนำมาผสมผสานเข้าเป็นรูปแบบใหม่ ก็จะเกิดความคิดรวบยอดต่อสิ่งนั้นได้ หรือเป็น ความคิดโดยสรุป ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือปรากฏการณ์ใด ๆ ในบางครั้งความคิดรวบยอดก็อาจเกิดข้ึน จากสง่ิ ทมี่ องไมเ่ ห็นกไ็ ด้ แตต่ อ้ งมีหลกั ฐานสนบั สนุนว่าเปน็ จรงิ 3. ความรู้ที่เปน็ ความจริง เปน็ ความคดิ รวบยอดที่ได้กลน่ั กรองมาแล้ว และเป็นความคิดรวบยอด ทีท่ กุ คนเข้าใจตรงกัน และทดสอบแล้วให้ได้ผลอยา่ งเดียวกนั 4. ความรู้ที่เป็นทฤษฎี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อความอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น กฎ หลกั การ ซึ่งต้องอาศยั ทฤษฎชี ่วยในอธิบายกฎ และหลักการอธิบายตวั มันเองไมไ่ ด้ ฉะนน้ั ในการอธิบายกฎหรอื หลกั การ ว่าทำไมถึงเปน็ อย่างนนั้ อยา่ งน้ี ต้องอาศยั ทฤษฎเี ขา้ มาอธิบาย 5. ความรู้ที่เป็นกฎ เป็นหลักการท่ีเก่ียวข้องหรือสัมพันธ์ระหว่างเหตกุ ับผล กฎ จะมีความจริงใน ตัวของมันเอง ซึ่งสามารถทดสอบที่ให้ผลตรงกันทุกครั้ง หากกฎใดเมื่อทดสอบได้ว่าผลไม่ตรงกันหรือไม่ เปน็ ความจรงิ กฎนนั้ จะถกู ลม้ เลิกไปเช่น กฎอารคิมีดสิ เล่มท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 10 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี (2562) สามารถจัดไว้เปน็ หมวดหมู่ เปน็ ความรู้ เกี่ยวกบั ข้อเท็จจริง แนวคดิ และทฤษฎี ตามหลกั ของธรรมชาติสาขาวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความรูด้ ้าน เนอ้ื หาระบบทางกายภาพ (Psychical System) ระบบสิ่งมชี วี ิต (Living System) ระบบของโลกและ อวกาศ (Earth and Space System) แสดงรายละเอยี ดดงั นี้ 1. ระบบทางกายภาพ (physical System) ใช้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของสสาร เช่น แบบจำลองอนุภาค และพันธะสมบัติของสสาร เช่น การเปลี่ยนสถานะการนำความร้อนและการนำไฟฟ้า การเปลย่ี นแปลงทางเคมี เชน่ ปฏิกิรยิ าเคมี การถา่ ยโอนพลังงาน และกรด-เบส การเคลอ่ื นทีแ่ ละแรง เช่น ความเร็วและความเสียดทานแรงที่เกิดขึ้น เมื่อวัตถุอยู่ห่างกัน เช่น แรงแม่เหล็ก แรงโน้มถ่วง และแรง ไฟฟา้ สถิต พลังงานและการเปลย่ี นรูปพลงั งาน เชน่ การอนรุ ักษพ์ ลงั งาน การสูญเสยี พลงั งานและปฏกิ ิริยา เคมี การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานและสสาร เช่น คลืน่ แสง คลื่นวิทยุ คลื่นเสยี ง คลื่นแผน่ ดินไหว 2. ระบบสิ่งมีชีวิต (Living System) ใช้ความรู้เกี่ยวกับเซลล์ เช่น โครงสร้างและหน้าที่ DNA ของพืชและสัตว์ แนวความคิดของสิ่งมีชีวิต เช่น สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ มนุษย์ เช่น สุขภาพโภชนาการระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งรวมทั้ง การย่อย การหายใจ การหมุนเวียนเลือด การขับถ่าย การสืบพนั ธุ์ และความสมั พนั ธข์ องระบบต่าง ๆ ประชากร เชน่ สายพันธ์ุ การวิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีววิทยา และความแปรผันทางพันธุกรรม ระบบนิเวศ เช่น โซ่ อาหาร การถ่ายทอดพลังงาน ไบโอสเฟียร์ เช่น ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบนิเวศ และ ความยั่งยืนของ ระบบนเิ วศ 3. ระบบของโลกและอวกาศ (Earth and space systems) ใชค้ วามร้เู กี่ยวกับโครงสรา้ งของ โลกทั้งระบบพื้นดิน พื้นน้ำ และบรรยากาศ พลังงานในระบบโลก เช่น แหล่งพลังงาน และภูมิอากาศของ โลก การเปลี่ยนแปลงในระบบโลก เช่น การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาค วัฏจักรธรณี เคมี และแรงดึง ประวตั ศิ าสตร์ของโลก เชน่ ฟอสซิล และการกำเนดิ และวิวฒั นาการของโลก โลกในอวกาศ เชน่ ความโนม้ ถ่วงระบบสรุ ิยะ และกาแลก็ ซี ประวัติศาสตร์ และขนาดของจักรวาล เช่น ปีแสง และทฤษฎี บกิ แบง ดังนั้นสรุปได้ว่า ความรู้วิทยาศาสตร์หมายถึง องค์ความรู้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาโดย อาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้มาของความรู้อย่างเป็นระบบ อย่างมีเหตุผลและมีขั้นตอนท่ี สามารถตรวจสอบได้ แบง่ ความรู้วิทยาศาสตรเ์ ป็น 6 ประเภท เล่มท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 11 1. ข้อบเทจ็ จริง (Fact) 2. ความคิดรวบยอดหรอื มโนมติ (Concept) 3. หลกั การ (Principle) 4. สมมติฐาน (Hypothesis) 5. ทฤษฎี (Theory) 6. กฎ (Law) เล่มท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 12 ใบกจิ กรรมที่ 1 ...จากท่านไดศ้ ึกษาใบความรูแ้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ........ จงตอบคำถามต่อไปน้ี 1. ความรวู้ ิทยาศาสตรห์ มายถึงอะไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ มกี ี่ประเภท ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง จงอธบิ าย ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ใหท้ า่ นชมคลปิ วีดีโอ http://gg.gg/jqjsn น้ี ทา่ นมคี วามคดิ เหน็ อย่างไร เกย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ กบั การดำรงชีวิตในปัจจบุ ัน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 13 ใบความรทู้ ่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎคี วามรขู้ องบลมู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดกรอบการวิเคราะห์เป็นแนวทาง เชื่อมโยงและความสอดคล้องจากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อระบุสัดส่วนพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เป็นเป้าหมายการจัดการ เรียนรู้แบบอิงมาตรฐาน (Standard based learning) โดยบูรณาการทฤษฎีการเรียนรู้ตามทฤษฎีของบลูม (Bloom’s Taxonomy, 1956) และ Bloom’s Revised Taxonomy, 2001 Anderson & Krathwohl, 2001 อ้างอิงใน สำนักทดสอบทางการศึกษา, 2561 พฤติกรรมการเรียนรู้ที่ปรากฏในมาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้าน ความรู้ (Knowledge: K) ด้านคุณลักษณะ (Attribute: A)และด้านกระบวนการและทกั ษะ (Process and Skill: P) วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลผเู้ รยี น ความรู้ความสามารถทางสมอง องคค์ วามรตู้ ามตัวชวี้ ัด (Knowledge) ทักษะกระบวนการ ขน้ั ตอน/ วิธกี าร/หลกั การ/ (Process Skill) กระบวนการตามตวั ชี้วดั คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก (Attribute) ตามตัวช้วี ัด เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 14 1. ด้านความรู้ (Knowledge: K) 1.การจำ ความสามารถ (Remembering) ในการระลกึ ได้ 2.การเขา้ ใจ ความสามารถใน (Understanding)) การแปลความหมาย 3.การประยกุ ตใ์ ช้ ความสามารถใน (Applying) การนำไปใชใ้ น สถานการณใ์ หม่ 4. การวิเคราะห์ (Analyzing) ความสามารถใน การแยกความรู้เปน็ 5) การประเมนิ ค่า สว่ นๆ (Evaluating) ความสามารถใน 6) การคดิ สรา้ งสรรค์ การตดั สนิ ตีคา่ (Creating) เปรียบเทียบผล ความสามารถในการออกแบบ การสร้างผลผลิตทไ่ี ม่เหมอื นใคร ภาพ พฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นความรู้ ตามแนวคดิ ของบลมู เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 15 2. ด้านกระบวนการและทักษะ ทักษะการสือ่ สาร (Process and Skill: P) ทักษะการฟงั การพดู การอ่านและการเขยี น ทักษะและ กระบวนการทำงาน การกำหนดและควบคุมตัวแปร การคำนวณ ทกั ษะและกระบวน ความสมารถในการแก้ปัญหา การจัดทำและสื่อความหมายข้อมูล การจำแนก การคณติ ศาสตร์ การใหเ้ หตผุ ล การส่ือสาร การตั้งสมมติฐาน การตีความหมายข้อมูล สอื่ ความหมาย นำเสนอ การทดลอง การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิ กระบวนการทาง การพยากรณ์ การลงความเห็นข้อมูล การวัด วิทยาศาสตร์ การตั้งประเด็นทจี่ ะศึกษา การสังเกต การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติ สบื ค้นและรวบรวมขอ้ มลู กบั มิตแิ ละมติ ิกับเวลา กระบวนการวิธีการ การวเิ คราะหแ์ ละตีความขอ้ มลู ทางประวัตศิ าสตร์ ทางประวตั ศิ าสตร์ การคัดเลือก การทำความเข้าใจปัญหา วางแผน และประเมนิ ขอ้ มูล การเรียบเรียง ออกแบบแก้ปัญหา ดำเนินการตาม กระบวนการคิด แผน สรุปและตรวจสอบการ แกป้ ัญหา รายงาน ขอ้ เทจ็ จรงิ แกป้ ญั หา ทางประวัตศิ าสตร์ ทกั ษะการปฏิบัตงิ าน การเขา้ ใจและใช้ระบบ เทคโนโลยี เลอื กและใชโ้ ปรแกรม ประยกุ ตอ์ ย่างเหมาะสม การวเิ คราะหง์ าน การวางแผน ทักษะการใช้ การทำงาน ลงมือทำงาน เทคโนโลยี ประเมินผลการทำงาน ภาพ พฤติกรรมการเรียนรดู้ า้ นกระบวนการและทกั ษะ ตามแนวคิดของบลมู เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 16 คนดี 3.ด้านคณุ ลกั ษณะ คนมคี วามสุข (Attribute: A) คนท่ีปฏบิ ตั ติ นอยบู่ น คนท่มี ีสขุ ภาพร่างกาย พ้นื ฐานความถูกตอ้ ง คนเก่ง แขง็ แรงและสุขภาพจติ ดี เหมาะสม มีคณุ ภาพ มี คนทม่ี ีสมรรถนะและ จิตใจเขม้ แข็ง จิตใจที่ดีงาม มี สมรรถภาพสงู ใน มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ทด่ี ี คณุ ธรรมจรยิ ธรรม สามารถดำรงชีวิตได้ มีคุณลักษณะอันพงึ การดำเนินชวี ติ โดยมี อยา่ งพอเพียงตาม ประสงคท์ ัง้ ด้าน ความสามารถพเิ ศษ พฤตกิ รรม และจิตใจ อัตภาพ รอบด้าน ภาพ พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ตามแนวคิดของบลมู 2.1 พฤติกรรมการเรยี นรตู้ ามแนวคดิ ทฤษฎีความรู้ของบลูม พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านความรู้ ตามแนวคิดของบลูม (Bloom Taxonomy’s Revised) เป็น พื้นฐานในการศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ปัจจุบันพฤติกรรมการเรียนรู้ มีการปรับปรุงใหม่ โดย Anderson and Krathwohl และคณะ ปี 2001 ได้ปรับปรุงกลุ่มพฤติกรรมขึ้นมาใหม่และสะท้อนผลงาน ในศตวรรษท่ี 21 แสดงรูปภาพที่เป็นตัวแทนของคำกริยาใหม่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Bloom’s Taxonomy ทีเ่ ราคุ้นเคยมานาน โดยการปรบั ปรุงลำดบั ข้นั ทางสติปัญญาของบลูมท่ไี ดเ้ สนอไว้ คอื เปลย่ี น ชื่อที่เรียกในแต่ละระดับความรู้ ความคิด จากคำนามเป็นกิริยาเพื่อสะท้อนความเป็นกระบวนการของสมอง หรอื สตปิ ญั ญา ท่ีชว่ ยใหม้ นุษยเ์ กิดความรู้ (พิศิษฐ ตัณฑวณิช, 2557) แสดงดังภาพประกอบดังน้ี เลม่ ที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 17 ภาพประกอบ: พฤติกรรมทางสมองที่สำคัญต่อการเรียนรู้ตามแนวคิด ทฤษฎี ความรู้ ของบลมู ตามแนวคดิ เดมิ และที่ปรับปรุงใหม่ (สำนักทดสอบทางการศึกษา, 2561) กระบวนการทางปัญญา เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวกับสติปัญญาด้านความรู้ ความสามารถใน การคิด เรื่องราวต่าง ๆ และการใช้สติปัญญาของมนุษย์โดยผ่านกระบวนการทางสมอง ซึ่ง ประกอบด้วย ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง ความรู้ที่เป็นความคิดรวบยอด ความรู้เกี่ยวกับวิธีและ กระบวนการ และความรู้ที่เกี่ยวกับทักษะหรือกระบวนการความคิดของตนเอง (อภิปัญญา) โดย ดา้ นความรู้สว่ นใหญจ่ ะยดึ ตามแนวคดิ ทฤษฎีทางความรูข้ องบลูม (Bloom Taxonomy) ซ่งึ สามารถ อธิบายไดด้ ังนี้ เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเ การจำ หมายถงึ ความสามารถในการระลึกได้ การจำไดถ้ ึง ข้อมูลสารสนเทศ เหตุการณ์ ที่เก็บไว้ในสมอง เช่น ความรู้ด้านเนื้อหา ศัพท์ นิยาม ความรู้เกี่ยวกับความจริง ข้อเท็จจริง ความรู้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ การจัดระบบ วิธีการแสวงหาความรู้และลำดับขั้นตอน เช่นความรู้ เกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ธรรมเนียม ลำดับขั้นตอน เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เกณฑ์ต่าง ๆ ความคิดรวบยอด หลัก วชิ าการทฤษฎี เป็นตน้ พฤติกรรม สัตว์น้ำชนดิ รู้จัก จำได้ นกั เรยี นเข จัดทำรายการ การเปลยี่ น อธิบาย นกั เรยี นระ การระบุ สตั ว์นำ้ แตก บอกความแตกตา่ ง ภาพ ตวั อย่าง สร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
เมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 18 การจำ (Remembering) พฤติกรรมที่บ่งชี้ ได้แก่ นักเรียนสามารถ ในการจำได้ บอก/ระบชุ ่ือได้ บงช้ี บรรยาย เลือก การแสดงรายการได้ การบอก ตำแหน่ง การให้สัญลักษณ์ ยกตัวอย่าง บอก ความสัมพันธ์ การจัดกลุ่ม คัดเลือก อธิบาย ใต้รูปภาพ เรียงลำดับ จับคู่ บันทึกข้อมูล ทบทวน อ้างอิง เรียงลำดบั เป็นต้น ตวั อย่างคำถาม ดใดบา้ งออกลกู เป็นตวั ขยี นรายการสารทน่ี ำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั นแปลงสถานะของสารเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไรจงอธบิ าย ะบปุ ระเภทของใบเลีย้ งเดย่ี วและใบเลย้ี งคมู่ าทง้ั หมด กต่างกับสตั วบ์ กอย่างไรบา้ ง งระดับพฤตกิ รรมทางสตปิ ญั ญาของบลมู ขน้ั การจำ เลม่ ท่ี 3 การ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดและประเ การเข้าใจ หมายถงึ ความสามารถทาง สมองในการแปลความหมาย การสร้าง ความหมาย สรา้ งความร้จู ากสือ่ หรือ เครือ่ งมือทางการศกึ ษาด้วยตนเอง การเข้าใจ (Und พฤตกิ รรม จากขอ้ ความเร่ืองภยั ธรรม การสรุปความ จงอธิบายกราฟ ปรมิ าณออ การแปลความหมาย จงวาดรปู ระบบยอ่ ยอาหาร จงเปรียบเทียบการเจรญิ เต การเปรียบเทยี บ จงอธิบายวา่ หัวใจมคี วามเห จงอธบิ ายการเปลย่ี นแปลง อธบิ าย วาดแผนผังอธิบายความดนั จากภาพวงจรชีวติ ของผเี ส บรรยาย ภาพ ตัวอยา่ งระดบั พฤตกิ รรม สรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
เมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 19 พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ ผู้เรียนอธิบายความหมาย สารสนเทศ โดยการแปลความหมาย ตีความ และขยาย ความสิ่งที่เคยเรียน ยกตัวอย่าง สรุปอ้างอิง การเรียบเรียง ใหม่ การจำแนกหมวดหมู่ ให้คำจำกัดความ แปล ความหมาย ประมาณคา่ เขยี นข้อความ ใหม่ อภปิ ราย derstanding) ตัวอยา่ งคำถาม มชาติ นกั เรยี นสามารถสรปุ สาระสำคัญไดอ้ ยา่ งไร อกซิเจนทพ่ี บในนำ้ กับจำนวนส่งิ มชี วี ติ ที่พบ รของมนษุ ย์ ตบิ โตของต้นดาวเรือง 2 แหง่ ทไ่ี ด้รบั แสงและไม่ได้รับแสง หมอื นกับป๊มั นำ้ อยา่ งไร งสถานะของสารประกอบต่อไปนี้ นความดนั อากาศสง่ ผลอยา่ งไรต่ออากาศ สื้อใหน้ ักเรยี นบรรยายรายละเอียด มทางสตปิ ัญญาของบลูมข้นั การเขา้ ใจ เล่มที่ 3 การ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมือวดั และประเ การประยุกต์ใช้ หมายถึง การประยุกต์ใช กระบวนการทางสมองในการใช้ กระบวนการที่ได้เรียนรู้มาใช้ใน สถานการณ์ใหม่หรือคล้ายคลึง กัน ความสามารถในการ นำไปใช้ ประยุกต์ใช้ แก้ไข ปัญหาในสถานการณต์ ่าง ๆ พฤตกิ รรม นกั เรยี นสามารถใชค้ วามรใู้ นการแกป้ ญั การนำไปปฏบิ ตั ิ ถ้านักเรียนจะขนลังท่ีมนี ำ้ หนกั มาก ๆ การลงมือทำ จงยกอาหารทม่ี คี ณุ ค่าและราคาถกู ในช ออกแบบการทดลองเกี่ยวกับการศกึ ษ การนำไปใช้ ถา้ นักเรยี นต้องการแยกขยะแล้วสามา จงอธิบายกราฟของผลการทดลองการ การจัดการ การแปลความหมาย ภาพ ตวั อย่างระดบั พฤตกิ รรมทาง สร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ
เมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 20 พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ ผู้เรียนใช้ ความรู้และประสบการณ์จากที่เคยเรียนมา ก่อนไปใช้ในการลงมือปฏิบัติหรือแก้ไข ปญั หาการจัดการ การคำนวณ การคาดคะเนเหตกุ ารณ์ ช้ (Applying) ตัวอย่างคำถาม ญหาไดอ้ ยา่ งไร จะต้องทำอยา่ งไร ชวี ติ ประจำวนั และอธบิ ายด้วยว่ามีคณุ ค่าต่อรา่ งกายอย่างไร ษาการสงั เคราะหแ์ สงของพืช ารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ นักเรยี นจะจดั การอยา่ งไร รเกดิ ปฏิกริ ิยาระหว่างโลหะกบั กรด งสติปัญญาของบลูมข้นั การประยุกตใ์ ช้ เลม่ ที่ 3 การ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเ การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยก ความรูอ้ อกเปน็ สว่ นๆ แตกองคป์ ระกอบเนื้อหาสู่ สว่ นประกอบยอ่ ยและเขา้ ใจวา่ แต่ละส่วนสมั พันธ์ กันอย่างไร รวมถงึ โครงสรา้ งในการสรา้ งภาพรวม ดว้ ย การวิเคราะ พฤตกิ รรม จงเรียงลำดับการจดั ร การจัดระบบ นกั เรยี นมวี ธิ กี ารใดบ การสืบเสาะ สบื สวน พืชมกี ารเจริญโต จงใ การใหเ้ หตุผล การอา้ งเหตุผล นกั เรยี นบอกความแต จำแนกความแตกต่าง พฤติกรรมใด เป็นกา การตีคา่ ภาพ ตวั อยา่ งระดบั พฤติกรรมท สรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ
เมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 21 พฤติกรรมที่บง่ ช้ี ได้แก่ ผู้เรยี นยอ่ ยความรู้ หรอื ขอ้ มลู สารสนเทศออกเปน็ ส่วนย่อย เพ่ือใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับข้อมลู สารสนเทศน้นั อยา่ งลึกซึง้ เปรียบเทยี บ แยกแยะเพ่ือหาสว่ นย่อย ๆ ของเหตุการณ์ ไดแ้ ก่ อธิบายลกั ษณะ การจัดการทดลอง แยกกลุ่ม คำนวณ วิพากษ์ วจิ ารณ์ ลำดับ เรอ่ื ง ทำแผนผงั หาความสัมพันธ์ ะห์ (Analyzing) ตัวอยา่ งคำถาม ระบบในร่างกายจากหนว่ ยเล็กไปหาหนว่ ยใหญใ่ ห้ถกู ตอ้ ง บา้ งในการทำนำ้ ให้สะอาด ให้เหตุผลสนบั สนนุ ตกตา่ งระหวา่ งกบกบั ปลามาตามเกณฑ์ท่ีนักเรยี นกำหนด ารอนุรกั ษ์ส่งิ แวดลอ้ ม ทางสติปัญญาของบลูมข้นั การวิเคราะห์ เล่มที่ 3 การ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเ การประเมินค่า หมายถงึ ความสามารถ ทางสตปิ ัญญา เกยี่ วกับการตรวจสอบ และการวิพากษ์ตา่ ง ๆ การตัดสนิ คุณคา่ บนพ้ืนฐานของเกณฑ์และ มาตรฐาน การประเมนิ ค่า (Ev พฤตกิ รรม ภาชนะบรรจุแกงสม้ ภาชนะ การตรวจสอบ ถา้ ท้องฟา้ มดื ครึ้มแล้วฝนจะ ตั้งสมมตฐิ าน ทำไมจงึ ควรรบั ประทานอาห วพิ ากษ์วิจารณ์ นักเรยี นคนหนง่ึ ทำการทดล ทดลอง เท่า ๆกนั เพื่อทดลองเรือ่ งอ นักเรยี นสามารถตดั สนิ คุณค ตดั สิน ภาพ ตัวอย่างระดับพฤตกิ รรมทางส สร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ
เมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 22 พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ ผู้เรียนสามารถ ตรวจสอบ อภิปราย ตัดสินใจ วิพากษ์วิจารณ์ คัดเลือกหรือประเมินค่า อย่างสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ ให้ คะแนน เปรียบเทียบผล ตีค่า สรุป แนะนำ ตดั สินใจ คัดเลือก valuating) ตัวอย่างคำถาม ะควรมคี ุณสมบัตอิ ย่างไร ะตก นกั เรยี นคดิ ว่าเปน็ เช่นน้นั หรือไมเ่ พราะเหตุใด หารที่ทำเสรจ็ ใหม่ๆ ลอง ใส่หนิ อ่านชนิ้ เลก็ ๆในนำ้ บริสทุ ธแ์ ละน้ำอดั ลมอย่างละ อะไร คา่ ของนำ้ อดั ลมและนำ้ บรสิ ุทธ์ไิ ดอ้ ย่างไร งสติปัญญาของบลมู ข้นั การประเมินค่า เล่มท่ี 3 การ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วดั และประเ ก า ร ค ิ ด ส ร ้ า ง ส ร ร ค ์ ห ม า ย ถึ ง ความสามารถในการออกแบบ (Design) การสรา้ งผลผลิตที่ไมเ่ หมอื น ใคร การคดิ สรา้ งสรร พฤตกิ รรม ใหน้ ักเรียนออกแบบห้องนอนทน่ี ักเ ให้นกั เรียนนำเสนอวธิ ีการสรา้ งหนุ่ ย ออกแบบ ตั้งสมมติฐานเพอ่ื อธิบายว่าทำไมพืช สรา้ งส่งิ ใหม่ นักเรียนเขยี นขั้นตอนการวางแผนก จงบอกวธิ ปี รับปรงุ ดนิ ให้เหมาะกับก วางแผน จากข้อมูลของกราฟเสน้ ตรง นกั เรยี ปรบั ปรุง พยากรณ์ ภาพ ตัวอยา่ งระดับพฤตกิ รรมทาง สรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
เมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 23 รค์ (Creating) พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ นักเรียน สามารถออกแบบ (Desing) วางแผน ผลิต ประดิษฐ์ พยากรณ์ ทำนาย สร้าง สูตร จินตนาการสิ่งใหม่ๆ โดยใช้ ประสบการณ์เดิมเป็นฐานคิด สร้างส่ิง ใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ ชิ้นงานที่แปลก ใหม่ ตัวอย่างคำถาม เรยี นคดิ ว่าเหมาะสมและถูกสขุ ลกั ษณะ ยนต์ใหม่ทแี่ ตกต่างไปจากหุ่นยนต์เดมิ ชตอ้ งการแสง และนำ้ การแกป้ ญั หา การปลกู ขา้ ว ยนคิดว่าแนวโน้มในปีตอ่ ไปจะเปน็ อยา่ งไร งสตปิ ญั ญาของบลูมขนั้ การสร้างสรรค์ เล่มที่ 3 การ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 24 ใบกิจกรรมที่ 2 คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ ...จากทา่ นไดศ้ ึกษาใบความรู้ แลว้ ลองตอบคำถามนะคะ........ 1.จงบอกพฤตกิ รรมทบี่ ง่ ชร้ี ะดับพฤตกิ รรมทางสติปัญญาของบลูม ท้ัง 6 ข้นั ระดับการเรยี นรู้ พฤตกิ รรมที่บง่ ช้ี K1 (การจำ) K2 (การเข้าใจ) K3 (การประยุกตใ์ ช้) K4 (การวเิ คราะห์) K5 (การประเมินค่า) K6 (การสร้างสรรค์) เล่มที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 25 ใบกจิ กรรมที่ 2 (ต่อ) 2.จงตัวอยา่ งคำถามที่แสดงถึงพฤติกรรมระดบั ตามแนวคิดทฤษฎคี วามรขู้ องบลูม 6 ขน้ั 1.การจำ พฤติกรรม คำถาม 1. จำได้ 2. บอก/ระบุชอื่ 3. การบอกตำแหนง่ 4. การใหส้ ญั ลักษณ์ 5. ยกตวั อย่าง 2.การเข้าใจ คำถาม พฤติกรรม 1. การสรุปความ 2. การเปรยี บเทียบ 3. อธิบาย 4. บรรยาย 5. ยกตัวอย่าง เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 26 3.การประยกุ ต์ใช้ ใบกจิ กรรมที่ 2 (ต่อ) พฤตกิ รรม คำถาม 1. การนำไปปฏบิ ตั ิ 2. การลงมอื ทำ 3. การจดั การ 4. การแปลความหมาย 5. แก้ไขปัญหา 4.จงตัวอย่างของคำถามท่แี สดงถึงพฤติกรรมระดบั การวิเคราะห์ พฤตกิ รรม คำถาม 1. การจัดระบบ 2. การสืบเสาะ สบื สวน 3. การอ้างเหตุผล 4. จำแนกความ แตกต่าง 5. การตคี า่ เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 27 ใบกิจกรรมท่ี 2 (ตอ่ ) 5. จงตัวอย่างของคำถามที่แสดงถงึ พฤติกรรมระดบั การประเมนิ ค่า พฤตกิ รรม คำถาม 1. การตรวจสอบ 2. ตั้งสมมตฐิ าน 3. วพิ ากษว์ ิจารณ์ 4. ทดลอง 5. ตดั สิน 6.จงตวั อย่างของคำถามท่ีแสดงถงึ พฤตกิ รรมระดับการคิดสรา้ งสรรค์ พฤติกรรม คำถาม 1. ออกแบบ 2. สรา้ ง 3. วางแผน 4. ปรบั ปรงุ 5. พยากรณ์ ใหท้ ่านศึกษาใบความร้ถู ัดไปเลยค่ะ.... เล่มที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 28 ใบความรู้ท่ี 3 โครงสรา้ งมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหลักสูตร ตวั ช้วี ัด 1 มาตรฐาน 1 ตวั ชว้ี ัด 2 ความรู้ (Knowledge) หลกั สตู ร ตวั ชว้ี ัด 3 ทักษะกระบวนการ(Process & Skill) คณุ ลักษณะ (Attribute) ตัวชีว้ ัด 4 มาตรฐาน 3 มาตรฐาน 2 ภาพ มาตรฐานตัวชวี้ ัดและหลักสตู ร องคป์ ระกอบของตัวช้วี ัด ตวั ชวี้ ัด วิเคราะห์ และ อธบิ าย การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกดิ สารใหมแ่ ละมสี มบัติ เปล่ยี นแปลงไป คำสำคัญ (key word) หรือ พฤติกรรมท่ีตอ้ งการ สถานการณ์ หรอื บรบิ ทเนอ้ื หา แสดง ภาพ องค์ประกอบของตัวชวี้ ัด เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 29 ตวั อย่าง ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และ คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ Process & Skill ตัวขี้วดั ว2.3 ป 6/2 เขียน แผนภาพและ ต่อวงจร ไฟฟ้าอย่างงา่ ย Knowledge ตัวขว้ี ัด ว2.3 ป 6/1 ระบุ ส่วนประกอบและ บรรยาย หนา้ ทข่ี องแตล่ ะส่วนประกอบ ของวงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ยจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตาราง โครงสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2551) สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั รายละเอยี ดตัวชีว้ ดั 1. ระบุสารอาหารและบอก 1. วิทยาศาสตร์ ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องส่งิ มชี ีวิต ว1.2 ป 6/1 ประโยชนข์ อง สารอาหารแตล่ ะ ชวี ภาพ ประเภทจากอาหารทต่ี นเอง หนว่ ยพน้ื ฐานของสิ่งมชี ีวิต การ รบั ประทาน ลาเลยี งสารเขา้ และออกจาก 2. บอกแนวทางในการเลอื ก รับประทาน อาหารใหไ้ ด้สารอาหาร เซลล์ ความสมั พันธ์ของ ครบถว้ นในสดั ส่วนท่ี เหมาะสมกับ เพศและวัย รวมท้งั ความปลอดภยั โครงสรา้ ง และหนา้ ทขี่ องระบบ ว1.2 ป 6/2 ต่อสขุ ภาพ ตา่ งๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ท่ที า งานสมั พนั ธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของโครงสร้างและหนา้ ทีข่ อง อวัยวะตา่ งๆ ของพชื ท่ีทำงาน เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 30 สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด รายละเอยี ดตัวชว้ี ัด 3. ตระหนกั ถึงความสำคัญของ สมั พันธ์กัน รวมท้ังนาความร้ไู ป ว1.2 ป 6/3 สารอาหาร โดยการเลือกรบั ประทาน อาหารท่ีมสี ารอาหาร ครบถ้วนใน ใช้ประโยชน์ สดั ส่วนทเ่ี หมาะสมกับเพศ และวัย รวมทั้ง ปลอดภัยต่อสุขภาพ ว1.2 ป 6/4 4. สรา้ งแบบจำลอง ระบบย่อย อาหาร และบรรยายหนา้ ท่ีของ ว1.2 ป 6/5 อวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทั้ง อธบิ ายการยอ่ ย อาหารและการ ดดู 2 วิทยาศาสตร์ ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร ว2.1 ป 6/1 ซึมสารอาหาร กายภาพ องค์ประกอบของสสาร 5. ตระหนักถึงความสำคัญของ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัติของ ระบบย่อยอาหาร โดยการบอก สสารกับโครงสรา้ งและแรงยึด แนวทางในการดแู ลรักษาอวัยวะใน เหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค หลัก ระบบยอ่ ยอาหารให้ทางานเปน็ ปกติ และธรรมชาตขิ องการ เปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร 1. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแยก การเกิดสารละลาย และการ สารผสมโดยการหยิบออก การร่อน เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี การใช้แมเ่ หลก็ ดึงดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจ ว2.2 ป 6/1 หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทัง้ ระบุวิธี ธรรมชาติของแรงใน แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั เกี่ยวกบั ชวี ิตประจำวนั ผลของแรงที่ การแยกสาร กระทาตอ่ วัตถุ ลักษณะการ เคล่อื นทีแ่ บบต่าง ๆ ของวตั ถุ 1. อธบิ ายการเกิดและผลของแรง รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ไฟฟ้าซึง่ เกดิ จากวัตถทุ ผ่ี า่ นการ ขดั ถู โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.3 เข้าใจความหมายของ ว2.3 ป 6/1 พลงั งาน การเปล่ียนแปลงและ 1. ระบุส่วนประกอบและบรรยาย การถ่ายโอนพลงั งาน หนา้ ที่ของแต่ละส่วนประกอบของ ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งสสาร และ วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยจากหลักฐานเชงิ พลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจา ว2.3 ป 6/2 ประจักษ์ วนั ธรรมชาตขิ องคลื่น 2. เขียนแผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟ้า อยา่ งงา่ ย เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 31 สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั รายละเอียดตัวชี้วัด 3. ออกแบบการทดลองและทดลอง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกบั ว2.3 ป 6/3 ดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมในการอธิบาย วิธีการและผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้า เสียง แสง และคล่ืน แบบอนกุ รม แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรู้ 4. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรู้ ของการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม ไปใช้ประโยชน์ โดยบอกประโยชน์และการ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวนั ว2.3 ป 6/4 5. ออกแบบการทดลองและทดลอง ดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมในการอธบิ ายการ ว2.3 ป 6/5 ตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบ ขนาน ว2.3 ป 6/6 6. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรู้ ของการต่อหลอดไฟฟ้า แบบ ว2.3 ป 6/7 อนุกรมและแบบขนาน โดยบอก ประโยชน์ ขอ้ จำกัด และการ ว2.3 ป 6/8 ประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน 7. อธบิ ายการเกิด เงามืดเงามวั จาก 3 วิทยาศาสตร์โลก ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ว3.1 ป 6/1 หลักฐานเชิงประจกั ษ์ และอวกาศ ลักษณะ กระบวนการเกิด และ ว3.1 ป 6/2 8. เขียนแผนภาพรังสขี องแสงแสดง ววิ ัฒนาการของเอกภพ การเกิด เงามดื เงามัว กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบ 1. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายการ สรุ ยิ ะ รวมท้งั ปฏิสัมพันธ์ภายใน เกดิ และเปรียบเทียบ ปรากฏการณ์ ระบบสรุ ิยะทสี่ ง่ ผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ สรุ ิยปุ ราคาและ จนั ทรปุ ราคา และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกาศ 2. อธบิ ายพัฒนาการ ของเทคโนโลยี อวกาศ และ ยกตัวอยา่ งการนำ ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ ว3.2 ป 6/1 เทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจำวัน จากขอ้ มูลทีร่ วบรวม และความสัมพันธข์ องระบบโลก ได้ กระบวนการเปล่ียนแปลง 1. เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดหิน อคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร และ ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณี ว3.2 ป 6/2 อธบิ าย วัฏจกั รหินจากแบบจำลอง พบิ ตั ภิ ยั กระบวนการ 2. บรรยายและยกตัวอยา่ งการใช้ เปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศและ ประโยชน์ของหินและแรใ่ นชีวติ ประจำวนั จากข้อมูลที่รวบรวมได้ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 32 สาระ มาตรฐาน ตวั ชวี้ ดั รายละเอียดตัวช้ีวดั 4 เทคโนโลยี ว3.2 ป 6/3 3. สรา้ งแบบจำลองที่อธิบายการเกิด ภมู อิ ากาศโลก รวมทั้ง ผลตอ่ ซากดึกดำบรรพ์และคาดคะเน สงิ่ มีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม สภาพแวดลอ้ มในอดตี ของซากดึกดำ บรรพ์ ว3.2 ป 6/4 4. เปรียบเทยี บการเกดิ ลมบก ลม ว3.2 ป 6/5 ทะเล และมรสุม รวมทง้ั อธบิ ายผลที่ ว3.2 ป 6/6 มตี อ่ สง่ิ มีชวี ติ และส่งิ แวดล้อมจาก ว3.2 ป 6/7 แบบจำลอง ว3.2 ป 6/8 5. อธบิ ายผลของมรสุมตอ่ การเกิด ว3.2 ป 6/9 ฤดขู องประเทศไทย จากขอ้ มลู ท่ี รวบรวมได้ ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิง ว4.2 ป 6/1 6. บรรยายลกั ษณะและผลกระทบ ของนำ้ ท่วม การกัดเซาะชายฝง่ั ดิน คำนวณในการแกป้ ัญหาทีพ่ บใน ถลม่ แผน่ ดินไหว สนึ ามิ ชวี ิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและ 7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของภัย ธรรมชาติและธรณพี ิบตั ภิ ัย โดย เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยี ว4.2 ป 6/2 นำเสนอแนวทางในการเฝา้ ระวงั และ ปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภัยจากภยั สารสนเทศและการสื่อสารใน ธรรมชาตแิ ละธรณีพิบัตภิ ยั ที่อาจเกดิ ในทอ้ งถน่ิ 8. สรา้ งแบบจำลองทอ่ี ธิบายการเกดิ ปรากฏการณเ์ รือนกระจกและผล ของปรากฏการณเ์ รือนกระจกต่อ สง่ิ มีชีวติ 9. ตระหนักถึงผลกระทบของ ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกโดย นำเสนอแนวทาง การปฏบิ ัติตนเพือ่ ลดกิจกรรมทก่ี อ่ ให้เกิดแกส๊ เรอื น กระจก 1. ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการอธิบาย และ ออกแบบวิธีการ แก้ปญั หาทพ่ี บ ใน ชีวิตประจำวัน 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรม อยา่ งงา่ ยเพ่ือแก้ปญั หาในชีวติ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 33 สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ัด รายละเอียดตัวช้ีวดั การเรยี นรู้ การทำงาน และการ ประจำวนั ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของ แกป้ ัญหาได้อย่างมี โปรแกรมและแก้ไข ประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมี ว4.2 ป 6/3 3. ใช้อินเทอร์เน็ตในการคน้ หาข้อมูล จริยธรรม อยา่ งมีประสิทธิภาพ ว4.2 ป 6/4 4. ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ ทำงาน ร่วมกนั อย่างปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิ และหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของ ผู้อืน่ แจ้งผเู้ ก่ียวขอ้ งเมือ่ พบข้อมลู หรอื บุคคลท่ไี ม่เหมาะสม เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 34 ตารางวเิ คราะหก์ ารออกแบบการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) การจดั ทาํ ตารางวิเคราะหก์ ารออกแบบการสรา้ งข้อสอบ (Test Blueprint) ซง่ึ มขี นั้ ตอนดังน้ี 1. กำหนดเรอื่ งและตัวชวี้ ดั หรือจดุ ประสงค์ โดยกรอกรายละเอยี ดลงในตารางวเิ คราะห์ 2. พิจารณาวา่ แตล่ ะตวั ชี้วัดสามารถจดั การเรยี นรู้และกำหนดจำนวนขอ้ สอบเพอ่ื ทดสอบพฤติกรรม ทางสมองระดับใด และพิจารณาลําดบั ความสาํ คัญของระดับพฤตกิ รรมวา่ ระดับใด มคี วามสําคญั เปน็ ลําดบั ที่ 1 และรองลง ไป ตามลาํ ดับ โดยดจู ากค่าร้อยละของแตล่ ะระดับพฤติกรรม ดงั ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์ ข้อสอบ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ตามพฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการวดั ให้สอดคลอ้ งกับ จดุ ประสงค์ ตามระดับความสามารถของบลมู ตาราง วิเคราะห์การออกแบบการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) จำนวนขอ้ สอบแต่ละระดบั รวม พฤตกิ รรม (ข้อ) ข้อสอบ (ข้อ) ตัวชีว้ ัด รายละเอียดตัวชี้วดั การจำ การเ ้ขาใจ รูปแบบ การประ ุยก ์ตใช้ ข้อสอบ การ ิวเคราะ ์ห การประเ ิมน ่คา การ ิคดส ้รางสรร ์ค ว3.1ป.6/1 ทดลองและอธิบาย - 1 3 - 4 เขียนตอบ ส ม บ ั ต ิ ข อ ง ข อ ง แ ข็ ง 1 (1 ขอ้ )/ ของเหลวและแก๊ส 2 เขียนตอบ (3 ขอ้ ) ว3.1ป.6/2 จำแนกสารเป็นกลุ่ม - 4 โ ด ย ใ ช ้ ส ถ า น ะ ห รื อ 1 - 2 เขียนตอบ เกณฑอ์ ่ืนท่ีกำหนดเอง 40 (1 ขอ้ )/ เขียนตอบ ว3.1ป.6/3 ทดลองและอธ ิ บาย - 2 (1 ขอ้ ) วิธกี าร แยกสารบางชนดิ ที่ผสมกันโดย การร่อน 2 - 4 เขียนตอบ การตกตะกอน การ (2 ขอ้ )/ กรอง การระเหิด การ เขียนตอบ ระเหยแห้ง (2 ขอ้ ) รวมจำนวนขอ้ 6 10 รอ้ ยละ 60 100 อันดบั ความสำคญั 1 เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 35 ใบกจิ กรรมที่ 3 ...จากท่านไดศ้ กึ ษาใบความร้แู ล้ว ลองตอบคำถามนะคะ........ คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ท่านมแี นวทางในการสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ เพ่ือวดั ผลและประเมินผล การเรียนรขู้ องผ้เู รียนอยา่ งไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 2. องค์ประกอบของตวั ช้วี ดั มอี ะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ใหท้ ่านศึกษาใบความรู้ถดั ไปเลยค่ะ.... เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 36 ใบความรทู้ ่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ ข้อสอบแบบเลือกตอบ เป็นข้อสอบที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะข้อสอบแบบเลือกตอบ สามารถวัดได้ครอบคลุมจุดประสงค์ ทั้งความรู้ความเข้าใจ การนำไปใช้ สามารถสร้างให้วัดได้ครอบคลุมเน้ือ เรื่องตามโครงสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปพัฒนาแบบสอบมาตรฐานได้ (ศิริชัย กาญจนวาสี, 2552 :156 -157, กังวล เทียนกัณฑ์เทศน์, 2550: 92) และตรวจให้คะแนนได้แน่นอน ยิ่งเป็นยุค คอมพิวเตอร์การใช้ข้อสอบแบบเลือกตอบ จะอำนวยความสะดวกในการตรวจได้อย่างดี ข้อสอบแบบ เลือกตอบพัฒนามาจากข้อสอบแบบความเรียงและข้อสอบแบบเติมคำ ในข้อสอบดังกล่าวเมื่อมีคำถาม หนึ่งคำถาม จะมีผลการตอบแตกต่างกันไปตามความคิดเห็นของคนที่ตอบคำถามถูกจะมีอยู่เพียงคำตอบ เดียวเท่านั้นดังนั้น ผู้ที่ตอบเบี่ยงเบนไปจากคำตอบถูกถือว่าเป็นคำตอบผิด ข้อสอบแบบเลือกตอบ ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 2 ส่วนคือส่วนข้อคำถาม (Stem) และส่วนตัวเลือก (Alternative หรือ Choice) ตัวเลือกยังแยกออกเป็น 2 ส่วน คือตัวเลือกที่เป็นตัวถูก (Key) กับตัวเลือกที่เป็นตัวลวง (foil หรือ distractors) (ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ, 2548,นภา หลิมรตั น์ :2546 ) จำนวนตวั เลอื กจะมี กี่ตัวเลือกนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาพื้นฐาน ความรู้และระดับการศึกษาของผู้ตอบ เช่น ในระดับประถมศึกษา ควรใช้ข้อสอบ 3 ตัวเลือก ระดับชั้นมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาควรใช้ 4-5 ตัวเลือก (Hopkin and others, 1990 : 269 อ้างถึง สมศักด์ิ ลิลา, 2549 :17) ในการสอบผู้เข้าสอบเพียงเลือก คำตอบที่เห็นว่า ถูกต้องที่สดุ และเหมาะสมทีส่ ดุ เพียงตวั เลอื กเดยี วเท่านั้นมาตอบ (บุญธรรม กิจปรดี าบริสทุ ธ,์ิ 2552) 4.1 ขนั้ ตอนการสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ ไดม้ ีนกั วชิ าการแสดงขั้นตอนการสร้างขอ้ สอบ ดงั นี้ สุดารัตน์ นนทค์ ลัง (2549) ไดใ้ หแ้ สดงขนั้ ตอนการสร้างแบบทดสอบดังน้ี 1. กำหนดจุดมงุ่ หมายในการสร้างแบบทดสอบ 2. ศึกษาทฤษฎีเอกสารงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ งหลกั สูตรและแบบเรียน 3. วิเคราะหเ์ นื้อหาจุดประสงค์การเรียนรแู้ ละเขียนจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4. เขยี นข้อสอบตามจดุ ประสงค์ เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 37 5. สร้างแบบทดสอบฉบบั รา่ งและตรวจสอบความเทย่ี งตรง 6. นำแบบทดสอบไปทดลองใช้ 7. วเิ คราะห์หาคุณภาพของแบบทดสอบและจัดพิมพ์แบบทดสอบฉบบั สมบรู ณ์ ฉลอง ชูยม้ิ (2556) ได้แสดงข้นั ตอนการสร้างแบบทดสอบดังน้ี 1. ศกึ ษาหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 มาตรฐาน การเรียนรแู้ ละตัวชีว้ ัด แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ เทคนิคการสรา้ งขอ้ สอบการตรวจสอบ คณุ ภาพขอ้ สอบเอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้อง 2. กำหนดจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมและตัวแปรทตี่ อ้ งการศกึ ษา หลักการสรา้ ง ขอ้ สอบแบบต่าง ๆสามารถสร้างข้อสอบ และสามารถตรวจสอบคุณภาพของข้อสอบไดท้ ง้ั กำหนดนิยาม ศพั ท์ 3. จดั ทำตารางวิเคราะหห์ ลกั สูตรให้ครอบคลุมจดุ ประสงค์เน้ือหาและพฤตกิ รรมท่ี ตอ้ งการวดั 4. ร่างข้อคำถามและองคป์ ระกอบใหส้ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคแ์ ละตวั แปรทต่ี อ้ งการสรา้ ง เป็นแบบทดสอบเพ่ือใช้วดั ความรูค้ วามเขา้ ใจ 5. วิพากษข์ ้อสอบของแบบทดสอบร่วมกับผเู้ ชย่ี วชาญและปรบั ปรุงแกไ้ ขข้อคำถาม 6. นำแบบทดสอบไปตรวจสอบความตรงเชงิ เนื้อหาทต่ี ้องการวดั โดยผูเ้ ชยี่ วชาญ ด้านเน้อื หา 7. ปรบั ปรุงข้อเสนอแนะนำผู้เชยี่ วชาญ 8. แบบทดสอบไปทดลองใช้คร้งั ท่ี 1 แล้วนำมาปรบั ปรุงแก้ไข 9. นำแบบทดสอบไปทดลองใชค้ รัง้ ที่ 2 แลว้ นำกลับมาวิเคราะห์หาค่าความยากค่า อำนาจจำแนกและตรวจสอบคุณภาพทางฉบบั ดว้ ยการหาความเทย่ี ง 10.นำแบบทดสอบไปปรับปรงุ แกไ้ ข สํานักทดสอบทางการศกึ ษา (2561) ไดแ้ สดงข้ันตอนการสรา้ งแบบทดสอบดังน้ี 1. วเิ คราะหต์ ัวชีว้ ัดและหาคำสำคญั ท่ีเปน็ เปา้ หมายในการเรียนรู้ 2. กำหนดพฤติกรรมตามที่ตอ้ งการวัดใหช้ ัดเจน ควรวดั พฤติกรรมทางตั้งแตร่ ะดับ นำไปใชข้ น้ึ ไป เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 38 3. เลอื กรปู แบบของข้อสอบ 4. เขียนข้อคำถามใหช้ ัดเจนว่าตอ้ งการให้ผตู้ อบทำอะไรอย่างไร 5. ถามเฉพาะส่ิงทีเ่ ป็นประเดน็ สำคัญของเรอื่ ง 6. กำหนดความซบั ซอ้ นและความยากใหเ้ หมาะกับวัยของผ้ตู อบ 7. ควรเฉลยคำตอบไปพร้อมกันกบั เขียนข้อสอบ 8. ไม่ควรใหม้ กี ารเลอื กตอบบางข้อ พชิ ติ ฤทธิ์จำรญู (2556) ไดแ้ สดงขัน้ ตอนการสร้างแบบทดสอบดงั น้ี 1. วิเคราะห์หลักสูตรและสรา้ งตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร 2. กำหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. กำหนดชนดิ ของข้อสอบและศกึ ษาวธิ สี รา้ ง 4. เขียนข้อสอบ 5. ตรวจทานขอ้ สอบ 6. จดั พิมพข์ อ้ สอบฉบบั ทดลอง 7. ทดสอบและวิเคราะห์ข้อสอบ 8. จดั ทำขอ้ สอบฉบับจริง เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 39 ดังน้ันสามารถสรุป ขั้นตอนการสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ มดี งั น้ี ศึกษาวิเคราะห์ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด ของหลกั สูตร แบบคำตอบเดียว ระบุพฤติกรรมท่นี กั เรียนแสดงออก แบบหลายคำตอบ แบบเชิงซ้อน พจิ ารณาพฤติกรรมว่าสอดคลอ้ งกบั ลำดับขั้นใด ตามทฤษฎีความรู้ของบลมู แบบกล่มุ คำตอบสัมพนั ธ์ วิเคราะห์หลกั การเขียนข้อสอบ ระบปุ ระเภทของข้อสอบแบบ สร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบตามแบบฟอรม์ บตั รข้อสอบ (Item Card) ตรวจทานขอ้ สอบ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ (IOC) ปรบั ปรงุ ขอ้ สอบ/ตรวจสอบคณุ ภาพข้อสอบ คัดเลอื กขอ้ สอบทมี่ ีคุณภาพ ภาพ แสดงขนั้ ตอนในการสรา้ งและการวเิ คราะห์ขอ้ สอบ เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 40 ใบกิจกรรมที่ 4 ...จากท่านได้ศึกษาใบความรแู้ ล้ว ลองตอบคำถามนะคะ........ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.ขอ้ สอบแบบเลือกตอบมีลกั ษณะอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ท่านมขี นั้ ตอนการสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบอยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ใหท้ ่านศกึ ษาใบความรู้ถัดไปเลยคะ่ .... เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ
Search