Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3 ชุดที่ 3

3 ชุดที่ 3

Published by dengwansri, 2020-09-27 03:29:42

Description: 3 ชุดที่ 3

Search

Read the Text Version

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 41 ใบความรทู้ ่ี 5 การวิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั ของหลักสูตร 1. การระบพุ ฤติกรรมทีป่ รากฏในตวั ชว้ี ดั การศึกษาวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั ของหลกั สตู ร วเิ คราะห์เน้อื หาสาระ และพฤตกิ รรมท่ตี อ้ งการจะวดั โดยการระบุ พฤตกิ รรมทป่ี รากฏในตวั ช้ีวดั ทีน่ ักเรยี นแสดงออก หรอื คำสำคัญ (key word) ตัวอย่างท่ี 1 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 สาระท่ี 1 1. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่งิ มีชวี ิต การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทีข่ องระบบต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ี่ทางานสัมพนั ธ์กัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ที ำงานสัมพนั ธก์ ัน รวมทง้ั นาความรู้ไป ใชป้ ระโยชน์ รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชี้วัด พฤติกรรม/คำสำคญั ว1.2 ป 6/1 1. ระบสุ ารอาหารและบอกประโยชนข์ อง -ระบุสารอาหาร สารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารทต่ี นเอง -บอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละ ว1.2 ป 6/2 รับประทาน ประเภท 2. บอกแนวทางในการเลือกรบั ประทานอาหาร -บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทาน ว1.2 ป 6/4 ให้ได้สารอาหารครบถว้ นในสัดสว่ นทเ่ี หมาะสม อาหาร กับเพศและวยั รวมทั้งความปลอดภัยตอ่ สุขภาพ 4. สรา้ งแบบจำลองระบบย่อยอาหาร และ -สร้างแบบจำลอง ระบบย่อยอาหาร บรรยายหน้าท่ขี องอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร รวมทัง้ อธิบายการยอ่ ยอาหารและการดูดซมึ -บรรยายหนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบ สารอาหาร ย่อยอาหาร -อธิบายการย่อยอาหารและการดดู ซึม สารอาหาร เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 42 ตวั อย่างท่ี 2 ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสงิ่ มีชวี ติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่งิ มชี ีวิต การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหนา้ ท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ทที่ างานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้างและหน้าทีข่ องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ที ำงานสัมพนั ธก์ ัน รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชีว้ ัด พฤตกิ รรม/คำสำคญั ว1.2 ป 6/1 1. ระบุสารอาหารและบอกประโยชนข์ อง -ระบุสารอาหาร ว1.2 ป 6/2 สารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารท่ตี นเอง -บอกประโยชนข์ องสารอาหาร รบั ประทาน ว1.2 ป 6/4 -บอกแนวทางในการเลือกรบั ประทานอาหาร 2. บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทาน อาหารให้ได้สารอาหารครบถว้ นในสัดสว่ นท่ี -สรา้ งแบบจำลอง ระบบยอ่ ยอาหาร เหมาะสมกบั เพศและวัย รวมทง้ั ความ ปลอดภัยตอ่ สุขภาพ -บรรยายหนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร 4. สรา้ งแบบจำลองระบบย่อยอาหาร และ -อธบิ ายการย่อยอาหารและการดูดซมึ บรรยายหน้าทข่ี องอวยั วะในระบบย่อย อาหาร รวมทง้ั อธิบายการยอ่ ยอาหารและ สารอาหาร การดูดซมึ สารอาหาร 2. ระบุพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกตามตัวช้ีวดั การระบพุ ฤตกิ รรมการเรียนรู้ในด้านความรู้ (K) ด้านคุณลักษณะ (A) หรอื กระบวนการและทกั ษะ (P) ทีน่ ักเรยี นแสดงออกตามตัวชวี้ ัด หรือ คำสำคัญ เพือ่ นำไปออกแบบการสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมินผล รหสั ตวั ช้ีวดั พฤติกรรม/คำสำคัญ ประเภทพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ความรู้ คุณลักษณะ ทกั ษะ (P) (K) (A) ว1.2 ป 6/1 -ระบุ - - -บอก ว1.2 ป 6/2 -บอก - - ว1.2 ป 6/4 -  -สร้าง -บรรยาย -อธบิ าย เล่มท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 43 3.ระบุพฤตกิ รรมตามลำดับขั้นความรขู้ องบลูม การพิจารณาพฤตกิ รรมว่าสอดคล้องกับลำดบั ขั้นใดตามทฤษฎีความรู้ ของบลูม โดยนำคำสำคัญ หรือพฤตกิ รรมทน่ี ักเรียนแสดงออก มาจากตัวช้ีวดั ในพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ในดา้ นความรู้ (K) แลว้ พจิ ารณาวา่ คำสำคญั ดังกล่าว สอดคล้องกับลำดับข้นั ใดตามทฤษฎี ความรขู้ องบลูม (Bloom’s Taxonomy) พฤติกรรม ลำดับขน้ั ของพฤตกิ รรมตามทฤษฎคี วามร้ขู องบลูม การเรียนรู้ รหสั ตวั ชี้วัด คำสำคญั จำ เข้าใจ ประยุกต์ วเิ คราะห์ ประเมิน คิดสร้าง ว1.2 ป 6/1 ใช้ ค่า สรรค์ ว1.2 ป 6/2 -ระบุสารอาหาร ความรู้ (K)  ว1.2 ป 6/4 -บอกประโยชน์ของ สารอาหารแตล่ ะ ประเภท -บอกแนวทางในการเลือก ความรู้ (K)   รับประทานอาหาร -สร้างแบบจำลอง ระบบ ความรู้ (K) ย่อยอาหาร -บรรยายหน้าท่ขี อง อวยั วะในระบบยอ่ ย อาหาร -อธบิ ายการย่อยอาหาร และการดดู ซมึ สารอาหาร เล่มที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 44 ใบกจิ กรรมท่ี 5 จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. ใหท้ ่านระบพุ ฤตกิ รรมทีป่ รากฏในตวั ชว้ี ดั ทีน่ ักเรยี นแสดงออก หรอื คำสำคัญ (key word) ข้อ ตัวชว้ี ดั รายละเอียดตัวชีว้ ัด คำสำคญั 1.1 ว2.1 ป 6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยก สารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และ การตกตะกอน โดยใชห้ ลกั ฐานเชิง ประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการแยก สาร 1.2 ว2.2 ป 6/1 อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟา้ ซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการ ขัดถูโดย ใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ 1.3 ว2.3 ป 6/1 ระบุสว่ นประกอบและบรรยาย หนา้ ท่ขี องแตล่ ะสว่ นประกอบของ วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ 1.4 ว2.3 ป 6/2 เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้า อยา่ งงา่ ย 1.5 ว2.3 ป 6/3 ออกแบบการทดลองและทดลอง ด้วยวธิ ีท่เี หมาะสมในการอธิบาย วิธกี ารและผลของการต่อ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม 1.6 ว3.1 ป 6/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิด และเปรยี บเทียบ ปรากฏการณ์ สุริยุปราคาและ จันทรปุ ราคา เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 45 ข้อ ตวั ชว้ี ัด รายละเอยี ดตวั ชวี้ ดั คำสำคัญ 1.7 ว3.1 ป 6/2 อธิบายพัฒนาการ ของเทคโนโลยี อวกาศ และ ยกตัวอย่างการนำ เทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ ใน ชีวิตประจำวัน จากข้อมูลท่ี รวบรวมได้ 1.8 ว3.2 ป 6/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหิน อัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร และ อธิบาย วัฏจกั รหินจากแบบจำลอง 1.9 ว3.2 ป 6/2 บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิต ประจำวันจากข้อมูลท่รี วบรวมได้ 1.10 ว4.2 ป 6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบาย และ ออกแบบวิธีการ แก้ปัญหาที่ พบใน ชีวิตประจำวนั 1.11 ว4.2 ป 6/3 ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมลู อย่างมีประสิทธภิ าพ 1.12 ว4.2 ป 6/4 ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ทำงาน ร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิ และหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบ ขอ้ มูลหรอื บคุ คลทีไ่ มเ่ หมาะสม เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 46 ใบกจิ กรรมท่ี 5 (ตอ่ ) 2. จงบอกหลกั การวิเคราะห์มาตรฐานและตัวช้ีวดั ของหลกั สตู ร .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 3. ให้บอกประโยชนข์ องการวิเคราะห์หลกั สูตร .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 47 ใบกจิ กรรมที่ 5 (ต่อ) 4. ให้กาเคร่อื งหมาย (✓) ในชอ่ ง (K) หรอื (A) หรอื (P) ที่สัมพันธก์ ับพฤตกิ รรม ประเภทพฤติกรรมการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด รายละเอียดตวั ชีว้ ดั ความรู้ ทักษะ คณุ ลกั ษณะ (K ) กระบวนการ (A) (P) ว2.1 ป 6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดย การหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธี แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการแยก สาร ว2.2 ป 6/1 อธิบายการเกดิ และผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจาก วัตถุที่ผ่านการ ขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิง ประจกั ษ์ ว2.3 ป 6/1 ระบุส่วนประกอบและบรรยายหนา้ ทีข่ องแต่ละ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจาก หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ว2.3 ป 6/2 เขียนแผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟา้ อยา่ งง่าย ว2.3 ป 6/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีท่ี เหมาะสมในการอธบิ ายวธิ ีการและผลของ การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรม ว3.1 ป 6/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดและ เปรียบเทียบ ปรากฏการณ์ สุริยุปราคาและ จันทรุปราคา ว3.1 ป 6/2 อธบิ ายพัฒนาการ ของเทคโนโลยี อวกาศ และ ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน จากข้อมูลที่ รวบรวมได้ เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 48 ประเภทพฤติกรรมการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด รายละเอียดตวั ช้วี ดั ความรู้ ทักษะ คุณลกั ษณะ ว3.2 ป 6/1 (K ) (A) ว3.2 ป 6/2 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หิน กระบวนการ ว4.2 ป 6/1 ตะกอน และหินแปร และอธิบาย วัฏจักรหิน (P) ว4.2 ป 6/3 จากแบบจำลอง ว4.2 ป 6/4 บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ หินและแร่ในชีวิต ประจำวันจากข้อมูลท่ี รวบรวมได้ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและ ออกแบบวิธีการ แก้ปัญหาที่พบใน ชีวิตประจำวนั ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ทำงานร่วมกันอย่าง ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหนา้ ท่ีของตน เคารพ ในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมลู หรอื บคุ คลที่ไมเ่ หมาะสม 5. ใหก้ าเคร่ืองหมาย (✓) ในช่อง ลำดับข้ันของพฤตกิ รรมตามทฤษฎีความรู้ของบลมู ท่ีสัมพันธ์กับพฤติกรรม พฤติกรรม ลำดับขัน้ ของพฤติกรรมตามทฤษฎคี วามรขู้ องบลูม การเรียนรู้ รหสั ตัวชว้ี ัด รายละเอยี ดตัวชี้วัด จำ เข้าใจ ประยุกต์ วิเคราะห์ ประเมินค่า คดิ ใช้ สรา้ งสรรค์ ว2.1 ป 6/1 อธิบายและเปรียบเทียบ การแยกสารผสมโดย การหยิบออก การร่อน การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู การรินออก การกรอง และ การตกตะกอน โดยใช้ ห ล ั ก ฐ า น เ ช ิ ง ป ร ะ จ ั ก ษ์ รวมทั้งระบวุ ธิ แี ก้ปัญหาใน ชวี ติ ประจำวันเกี่ยวกับ เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 49 พฤติกรรม ลำดับขน้ั ของพฤตกิ รรมตามทฤษฎีความรขู้ องบลูม การเรยี นรู้ รหัสตวั ชวี้ ัด รายละเอียดตัวชี้วัด จำ เข้าใจ ประยุกต์ วิเคราะห์ ประเมินคา่ คิด ใช้ สร้างสรรค์ การแยกสาร ว2.2 ป 6/1 อธบิ ายการเกิดและผลของ แรงไฟฟา้ ซ่งึ เกดิ จากวัตถุที่ ผ่าน ก าร ขัดถูโดยใช้ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ว2.3 ป 6/1 ระบุส่วนประกอบและ บรรยายหน้าที่ของแต่ละ ส่วนประกอบของ วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจาก หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว2.3 ป 6/2 เขียนแผนภาพและ ต่อ วงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย ว2.3 ป 6/3 ออกแบบการทดลองและ ทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสม ในการอธิบายวิธีการและ ผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้า แบบอนุกรม ว3.1 ป 6/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบาย การเกิดและเปรียบเทียบ ปรากฏการณ์ สุริยุปราคา และจนั ทรปุ ราคา ว3.1 ป 6/2 อธิบายพัฒนาการ ของ เทคโนโลยี อวกาศ และ ยกตัวอย่างการนำ เทคโนโลยีอวกาศมาใช้ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ ว3.2 ป 6/1 เปรียบเทียบกระบวนการ เกิดหินอัคนี หินตะกอน เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 50 พฤติกรรม ลำดบั ขั้นของพฤตกิ รรมตามทฤษฎคี วามรู้ของบลูม การเรยี นรู้ รหัสตวั ชี้วัด รายละเอยี ดตัวช้ีวัด จำ เข้าใจ ประยุกต์ วิเคราะห์ ประเมินค่า คดิ ใช้ สร้างสรรค์ ว3.2 ป 6/2 และหินแปร และอธิบาย ว4.2 ป 6/1 วัฏจักรหินจากแบบจำลอง ว4.2 ป 6/3 บรรยายและยกตัวอย่าง ว4.2 ป 6/4 การใช้ประโยชน์ของหิน และแร่ในชีวิต ประจำวัน จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะใน การอธิบายและออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาที่พบใน ชวี ติ ประจำวนั ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ใน การค้นหาข้อมูลอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ทำงานร่วมกันอย่าง ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและ หน้าที่ของตน เคารพใน ส ิ ท ธ ิ ข อ ง ผ ู ้ อ ื ่ น แ จ้ ง ผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูล หรือ บคุ คลที่ไม่เหมาะสม ให้ท่านศกึ ษาใบความรถู้ ดั ไปเลยค่ะ.... เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 51 ใบความรูท้ ่ี 6 การวิเคราะห์หลกั การเขยี นขอ้ สอบ 6.1 องคป์ ระกอบการเขยี นขอ้ สอบเลือกตอบ สำนักทดสอบทางการศึกษา (2561) ได้กำหนดหลักในการเขยี นขอ้ สอบแบบเลือกตอบ มี องค์ประกอบสำคัญของข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ปัจจุบันข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนท่ี นยิ มใช้ มักประกอบดว้ ยองค์ประกอบ 3 สว่ น ไดแ้ ก่ 1. สถานการณ์ (Stimulus) สถานการณ์กระตุ้น หรือข้อสารสนเทศ เป็นส่วนของข้อมูล รูปภาพ แผนภาพ และอน่ื ๆ เพื่อใชเ้ ป็นข้อมูลในการตอบคำถาม สถานการณท์ ี่กำหนดต้องมีลักษณะคำศัพท์ที่ใช้ ในขอ้ สอบมีความเหมาะสม สาระการเรยี นรู้ในหลักสตู รกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของหลักสูตร มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำไปใช้ตอบ เป็นเหตุการณ์จริงหรือสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงความจริง ไม่ใช้ คำพูด/การลวงเพ่ือให้ผสู้ อบเข้าใจผดิ ภาษาสอ่ื สารทเ่ี ขา้ ใจง่าย หรือใช้รูปภาพประกอบเป็นตัวสถานการณ์ 2. คำถาม (Stem) เป็นส่วนของคำถามท่สี ั่งระบุใหท้ ราบว่าตอ้ งการให้ทำอะไรโดยให้ตอบสนองโดย การคิดในเชงิ วิทยาศาสตร์ เพ่อื ใชแ้ ก้ปญั หา คำถามส่วนใหญ่มีลักษณะที่ให้ผู้เรียนมีอิสระทางความคิด ซ่ึง คำถามควรสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และสถานการณท์ ี่กำหนด สื่อสารได้ชดั เจน ส่งเสริมให้ผู้เรียน คิดตัดสินใจ ประเมิน คำถามต้องใช้ข้อมูลจากสถานการณ์ที่กำหนดให้มาตอบ ถ้าจำเป็นต้องใช้ประโยค ปฏิเสธ ควรเน้นดว้ ยข้อความทีข่ ดี เสน้ ใต้ 3. ตัวเลือก (Option) มีทั้งตัวเลือกถูก (Key) และตัวเลือกผิด (Distracters) ลักษณะของตัวเลือก ควรมีลักษณะดังน้ี คำตอบที่ถกู จะตอ้ งเปน็ ตัวเลือกทไี่ ม่ส้ัน หรอื ยาวกวา่ ตวั เลือกอน่ื ตัวเลือกแต่ละข้อต้อง ไม่คาบเกยี่ ว หรือซอ้ นทบั กับตัวเลอื กอ่ืนสอดคล้องกบั คำถาม ตัวลวงต้องมีความสมเหตสุ มผล หรือเปน็ จรงิ ไดใ้ นสถานการณ์ทั่วไป ควรกระจายตำแหนง่ ตวั ถูกในตัวเลอื กทุกตวั ให้เท่าๆ กันในลกั ษณะสมุ่ และคำตอบ ทถี่ กู และคำตอบทผ่ี ิดตอ้ งไม่แตกต่างกันชดั เจนจนเกินไป เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 52 สทุ ธิวรรณ พรี ศักด์ิโสภณ (2555) ได้กำหนดหลกั ในการเขยี นขอ้ สอบเลอื กตอบดังนี้ 1. ด้านคำถาม คำถามเป็นตัวเร้าตัวแรกที่จะทำให้เกดิ การตอบสนอง การเขียนคำถามบอกให้แน่ ชัดว่าให้ทำอะไร เป็นคำถามที่ผู้ตอบได้ใช้ความคิด ถามให้ตรงจุดและชัดเจน กะทัดรัด ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ ภาษาให้เหมาะสมกับระดับผู้ตอบ ไม่ใช้คำปฏิเสธหรือปฏิเสธซ้อน ควรถามเรื่องเดียวข้อคำถาม และไม่ ควรถามในส่ิงที่ผเู้ รยี นท่องจำจนคล่องปาก 2. ดา้ นตัวเลอื ก ข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก การเขยี นตวั เลอื กที่ดจี ะจำแนกแยกผู้เรียนได้ ว่ามีความรู้เพียงใด ตัวเลือกควรมีคำตอบถูกเพียงตัวเดียว ตัวเลือกไม่ควรแนะคำตอบ ตัวเลือกควร กะทัดรัดไม่ยาวยืดเยื้อหรือเพ่ิมคำท่ีไมจ่ ำเป็นควร เป็นระบบเรียงลำดับตัวเลือกตามลำดับของตัวเลข ไม่ ควรมปี ระเภทถกู หมดทุกขอ้ ไมม่ ขี อ้ ใดถกู ตอ้ งถกู ท้งั ก และ ข สามารถสรุป หลักการเขียนข้อสอบได้ว่าองค์ประกอบสำคัญของข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ของ นักเรียน ปัจจุบันข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนที่นิยมใช้ มักประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน ตาม ขอ้ สอบแนวใหม่ ได้แก่ 1. สถานการณ์ (Stimulus) 2 คำถาม 3 ตัวเลอื ก (Stem) (Option) ภาพ องคป์ ระกอบของขอ้ สอบ เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 53 6.2 หลักการเขียนสถานการณ์ ภาพ หลักการเขยี นสถานการณ์ เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 54 6.3 หลกั ในการเขยี นตัวโจทย์ข้อคำถาม ภาพ หลักการเขยี นตัวโจทย์ขอ้ คำถาม เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 55 6.4 หลักการเขียนตวั เลอื ก ภาพ หลักการเขยี นตวั เลอื ก 6.5 หลกั การให้คะแนน ภาพ หลกั การใหค้ ะแนน เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 56 ใบกิจกรรมที่ 6 ...จากทา่ นไดศ้ กึ ษาใบความรแู้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ........ จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. องค์ประกอบของข้อสอบเลือกตอบมีกีอ่ งคป์ ระกอบ จงอธบิ าย ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. จงบอกหลักการเขียนข้อสอบแบบเลือกตอบ องค์ประกอบข้อสอบ หลักการ ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ..................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ..................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... ................................................... ..................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................... .................................................. ..................................................................................................... ให้ทา่ นศึกษาใบความรู้ถัดไปเลยค่ะ.... เลม่ ที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 57 ใบความรู้ท่ี 7 ประเภทของข้อสอบแบบเลอื กตอบ การเลือกประเภทขอ้ สอบท่ตี อ้ งการสร้าง โดยประเภทของข้อสอบ แบบเลือกตอบที่ใช้การจัดการเรยี นรู้ ทีน่ ิยมใช้ในการวัดและประเมินผล ในปจั จุบนั มอี ยู่ 4 รูปแบบ (สำนักทดสอบทางการศึกษา, 2561) คอื 1. ข้อสอบเลือกตอบแบบคำตอบเดียว (Multiple choice: MC) 2. ข้อสอบเลือกตอบแบบหลายคำตอบ (Multiple-selection /Multiple Response: MS) 3. ขอ้ สอบเลือกตอบแบบเชงิ ซอ้ น (complex multiple choice: CM) 4. ขอ้ สอบเลอื กตอบแบบกลมุ่ คำตอบสัมพันธ์ (Responses related: RR) สำนักทดสอบทางการศึกษา (2561) กล่าววา่ ถงึ การเลือกรปู แบบข้อสอบแบบ เลือกตอบตามแนวทางการทดสอบทัว่ ไป ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตวั ช้วี ัด โดยพจิ ารณาจากลำดับข้ันของ พฤติกรรมตามทฤษฎีการเรยี นร้ขู องบลูม ดังตารางนี้ ลำดับขนั้ ของพฤติกรรม ประเภทของข้อสอบ ตามทฤษฎคี วามรขู้ องบลมู ตามแนวทางการทดสอบเลอื กตอบ การสรา้ งสรรค์ MC, MS, CM, RR การประเมนิ ค่า การวิเคราะห์ MC, MS, CM, RR การประยกุ ต์ใช้ MC, MS, CM, RR การเขา้ ใจ การจำ MC, MS, CM, RR MC, MS, CM, RR MC, MS, CM, RR ตัวอยา่ ง การกำหนดรปู แบบข้อสอบให้สอดคล้องกับระดบั พฤตกิ รรมตามทฤษฎคี วามรู้ของบลูม คำสำคัญ พฤติกรรมตามทฤษฎี ประเภทของข้อสอบ ความรู้ของบลมู แบบเลอื กตอบ รหัสตวั ชี้วัด เข้าใจ MC MS CM RR ว1.2 ป 6/1 -ระบุสารอาหาร -  -- ว1.2 ป 6/2 -บอกประโยชนข์ องสารอาหารแต่ วเิ คราะห์ ละ ประเภท -  -- -บอกแนวทางในการเลือก รับประทานอาหาร เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 58 คำสำคัญ พฤติกรรมตามทฤษฎี ประเภทของขอ้ สอบ ความร้ขู องบลูม แบบเลอื กตอบ รหัสตัวชี้วัด วิเคราะห์ MC MS CM RR ว1.2 ป 6/4 -สรา้ งแบบจำลอง ระบบยอ่ ย -  -- อาหาร -บรรยายหน้าทข่ี องอวัยวะใน ระบบย่อยอาหาร -อธบิ ายการยอ่ ยอาหารและ การดดู ซึมสารอาหาร ประเภทขอ้ สอบเลือกตอบ 1. ข้อสอบเลือกตอบแบบคำตอบเดียว(Multiple choice: MC) เป็นลักษณะของข้อสอบเลือกตอบ ที่มีคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว ตัวอย่างเช่น 1.1.ขอ้ สอบท่สี ถานการณเ์ ปน็ แบบความเรียง สถานการณ์ นักเรยี นปลูกผกั กาดไว้ที่บา้ นพบว่า ตอนเทีย่ งแดดร้อนจดั ทำให้ผักเหยี่ วตายไปหลายต้น และบางต้น เริ่มมหี นอนและแมลงมารบกวน จึงคิดวา่ ควรหาวัสดทุ ่ีสามารถบงั แสงแดดให้ผักกาดในตอนกลางวนั และ สามารถป้องกันการรบกวนของหนอนและแมงท่ีจะมากนิ ผกั ได้ ขอ้ คำถาม นักเรียนจะเลอื กวสั ดุชนดิ ใดมาทำท่ีบังแสงแดดและป้องกนั แมลงและหนอนได้ 1. ถงุ พลาสติกสีดำ 2. ทางมะพรา้ วแหง้ 3. มงุ้ เก่าที่ไมไ่ ดใ้ ชแ้ ล้ว 4. แผน่ สังกะสีทใ่ี ช้มุงหลังคา แนวคำตอบ ตอบ 3. มุ้งเก่าทไ่ี มไ่ ดใ้ ช้แล้ว มุง้ เกา่ สามารถปอ้ งกนั แมลงและหนอนเขา้ กัดกนิ ใบพชื ได้ อกี ทัง้ มุ้ง เป็นตัวกลางโปรง่ แสง ยอมให้แสงผ่านได้บา้ งเลก็ นอ้ ย ทำให้ลดแสงแดดท่ีส่องลงมาถึงตน้ พืช ช่วยลดการ คายนำ้ ในตอนกลางวัน อนั เป็นสาเหตุทำให้ต้นไมท้ ี่ปลูกเห่ียวได้ เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 59 สถานการณ์ : Aerogel ซลิ ิกาแอโรเจล Silica aerogel) เปน็ วัสดทุ ่ีมี รพู รนุ ทีม่ นี ำ้ หนกั เบามากจนได้รับการบันทึกใน Guinness World Records วา่ เปน็ ของแขง็ ที่มีความหนาแน่นนอ้ ย ทส่ี ุดในโลก เมื่อสัมผัสจะรสู้ กึ คล้ายกบั โฟม ซลิ กิ าแอโรเจล เกดิ จากการสังเคราะห์ทางเคมเี พ่อื ทำใหโ้ ครงสรา้ งของซลิ ิ กามรี พู รนุ ขนาดเลก็ ระดับนาโนเมตรจำนวนมาก ทำใหซ้ ลิ ิ กาแอโรเจลจะมีอากาศอยภู่ ายในโครงสรา้ งมากกวา่ 90% ซึง่ เปน็ เหตุผลทำให้ซลิ กิ ้าแอโรเจลเป็นทรี่ จู้ ักกนั วา่ เป็น “ฉนวนทีด่ ที สี่ ุดในโลก” ด้วยสมบตั ิน้ี ซลิ กิ า้ แอโรเจลจงึ ถูกใช้เพือ่ รกั ษาอณุ หภูมิของหุน่ ยนต์สำรวจดาว อังคาร Mar Rover นอกจากนี้ ซลิ ิกาแอโรเจลที่สังเคราะห์ยังสามารถสังเคราะห์ให้มีสมบัตไิ มช่ อบนำ้ หรือ Hydrophobic ได้ ซง่ึ ทำใหส้ ามารถนำไปทำวัสดเุ คลอื บผวิ กันน้ำ และ เปน็ Self-cleaning surface หรือพ้ืนผวิ ทีท่ ำความสะอาดตัวเอง ซิลิกาแอโรเจล ถูกใช้เพื่อรักษาอุณหภมู ิของหุน่ ยนต์สำรวจดาวองั คาร Mar Rover วัสดุทุกชนดิ สามารถดูดซับเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันไป เมื่อคลื่นเสียงวิ่งกระทบวัสดุ จะมีบางส่วนของพลังงาน เสียงถูกดูดซับและที่เหลือจะสะท้อนออกไป และเสียงที่สะท้อนออกไปนั้นจะมีพลังงานน้อยกว่า แหล่งกำเนิดเสียงเสมอ และพลังงานเสียงที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปอ่ืน โดยทว่ั ไปจะเปน็ ความร้อน วสั ดทุ ี่มรี พู รุนจะมคี วามเป็นฉนวนกันเสยี งที่ดี เพราะขณะท่ีเสียงวิ่งตกกระทบ ฉนวน พลังงานเสยี งเหล่าน้ันจะถูกเปลีย่ นเป็นพลงั งานความรอ้ น ซึ่งเกิดจากการเสียดสีของพลังงานเสียง กับรพู รุนของฉนวน ยง่ิ ถา้ เพม่ิ ความหนาของฉนวนมากเทา่ ไร กย็ ่งิ ช่วยเพิม่ ประสทิ ธิภาพของฉนวนมากข้ึน ข้อคำถาม: หากต้องการนำ Silica aerogel ไปประยุกต์ใช้เปน็ วัสดุทำผนังกันเสียง ข้อใดต่อไปนี้อาจจะ เกดิ ข้นึ 1. ป้องกนั ความรอ้ นจากภายนอกเขา้ ส่หู อ้ งได้มากขึน้ 2. ทำให้โอกาสในการเกดิ เชื้อรามากข้นึ เนื่องจากผนังดูดซับความชื้น 3. นำ้ หนกั ผนงั มีความเบา 4. สามารถทำผนงั ห้องกนั เสยี งท่มี ีความบางข้นึ เล่มที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 60 1.2 ข้อสอบท่สี ถานการณ์เปน็ รูปแผนภูมิ หรือกราฟ สถานการณ์ พิจารณารปู ภาพแล้วตอบคำถาม อณุ หภูมิ (°C) 250  จดุ เดอื ด °c 200  จุดเยือกแขง็ °c 150 E 100 ชนิดของสาร 50 0  -50 -100 -150  AB C D กราฟ แสดงจดุ เดอื ดและจดุ เยอื กแข็งของสารตา่ งๆ ข้อคำถาม จากกราฟแสดงจุดเดอื ดและจดุ เยือกแข็งของสารตา่ ง ๆ สารใดทีม่ ีจุดหลอมเหลวต่ำสดุ และสูงสดุ ตามลำดับคอื 1. สาร D และสาร E ตามลำดบั 2. สาร E และสาร D ตามลำดบั 3. สาร E และสาร A ตามลำดับ 4. สาร D และสาร A ตามลำดบั แนวคำตอบ 1 เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 61 1.3 ขอ้ สอบท่ีสถานการณ์เป็นรปู ภาพ สถานการณ์ พจิ ารณาภาพถังขยะ และชนดิ ขยะท่ีกำหนดให้มาดงั ตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ตอบคำถาม 1) ขวดแกว้ 2) เศษไม้ 3) เศษกระดาษ 4) กลอ่ งพลาสตกิ 5) กล่องโฟม 6) ถงุ พลาสตกิ 7) ขวดพลาสตกิ 8) หญ้าและใบไม้แหง้ ข้อคำถาม ขยะในขอ้ ใดทคี่ วรคัดแยกใสใ่ นถังขยะตามภาพทงั้ หมด ก 4) และ 7) ข 3) และ 8) ค 5) และ 6) ง 6) และ 8) แนวคำตอบ ตอบ ก 4) และ 7) 2 ข้อสอบเลือกตอบแบบหลายคำตอบ (Multiple-selection/Multiple Response: MS) เป็นลักษณะข้อสอบเลือกตอบ ที่มีข้อคำถามเอื้อให้คิดคำตอบได้ หลากหลายคำตอบ มคี ำตอบถูกมากกวา่ 1 คำตอบ ตัวอยา่ งเช่น 2.1 ข้อสอบทไ่ี มไ่ ดก้ ำหนดจำนวนคำตอบให้นกั เรยี นตอบ ขอ้ คำถาม ข้อใดแสดงวา่ ด.ช นโม แสดงพฤติกรรมวา่ มเี จตคตทิ ดี่ วี ิชาวิทยาศาสตร์ ก. เม่อื ด.ช นโม ทำการทดลองไดผ้ ลการทดลองถูกต้องสอดคล้องกบั สมมติฐาน ข. เมื่อ ด.ช นโม มกี ารวางแผนการทดลองและทำตามข้ันตอนการทดลองทไี่ ด้วางแผนไว้ ค. เมื่อ ด.ช นโม เข้าเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตรต์ รงต่อเวลาทกุ ชวั่ โมง ง. เม่ือ ด.ช นโม อธิบายและอภปิ รายผลการทดลองได้อย่างถูกต้อง เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 62 2.2 ข้อสอบท่มี กี ารกำหนดจำนวนคำตอบให้นักเรียนตอบ สถานการณ์ (เลือกตอบได้ 2 ขอ้ ) แผนผังโซ่อาหาร สงิ่ มีชวี ิต A สิง่ มชี วี ิต B ส่ิงมชี ีวิต C สง่ิ มีชวี ิต D ข้อคำถาม จากแผนผังโซอ่ าหารถา้ ส่งิ มีชวี ติ C ตายหมด จะมีเหตุการณใ์ ดเกดิ ขึ้นได้บา้ ง 1. สง่ิ มชี วี ิต A มจี ำนวนเพ่ิมขน้ึ 2. ส่งิ มีชวี ติ A จำนวนเทา่ เดิม 3. ส่งิ มชี วี ติ B มีจำนวนลดลง 4. สง่ิ มีชีวติ B มีจำนวนเพ่มิ ขน้ึ 5. สิ่งมีชวี ิต D มีจำนวนลดลง 6. สง่ิ มีชีวิต D มจี ำนวนเพ่ิมข้นึ แนวคำตอบ ขอ้ 4 และ 5 3 ขอ้ สอบเลอื กตอบแบบเชิงซอ้ น (complex multiple choice: CM) เป็นลักษณะข้อสอบที่มีข้อคำถามย่อยรวมอยู่ในข้อเดียวกัน โดยข้อ คำถามแตล่ ะขอ้ จะถามขอ้ คดิ เห็นหรือข้อเท็จจริงหรือขอ้ สรุปจากเรอ่ื งท่อี ่าน การเลือก “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” หรือ “จริง”หรือ “ ไม่จริง” “ถูกต้อง” หรือ “ไม่ถูกต้อง” ซึ่งจะได้คะแนนเมื่อตอบถูกทั้งหมดในชุดคำถามนั้น สามารถ เลอื กไดม้ ากกวา่ หนง่ึ คำตอบจากรายการทีก่ ำหนดให้ และต้องมน่ั ใจว่า ข้อคำถาม ในแตล่ ะชุดคำถามไมม่ คี วามซ้ำซ้อนซง่ึ กนั และกัน กลา่ วคือแตล่ ะข้อตอ้ งไมถ่ ามใน ประเด็นคำถามเดียวกัน ตวั อย่างเช่น เล่มที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 63 สถานการณ์ โรงไฟฟา้ พลังงานความรอ้ นแบบรวมแสงอาทติ ย์ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากการป่ันกังหนั ในเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้า โดยอาศัยการไหลของ น้ำ หรอื ไอน้ำ เป็นวิธีการผลิตกระแสไฟฟ้าหลักที่นยิ มใช้ในปจั จุบนั สำหรับกระแสไฟฟ้าท่ีได้ จากการปัน่ กงั หันของไอน้ำ จะต้องมกี ารให้พลังงานความร้อนกับน้ำ เพอื่ ทำใหน้ ้ำกลายเปน็ ไอ นำ้ ซึ่งโรงไฟฟา้ แต่ละแห่งจะอาศัยแหล่งพลงั งานหรือเชอ้ื เพลิงทแี่ ตกตา่ งกัน สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนแบบรวมแสงอาทิตย์ (Concentrating solar power plant) ถือเป็นโรงไฟฟ้าแนวใหม่ที่อาศัยการวางแผ่นสะท้อน เมื่อมีรังสีของดวง อาทติ ยต์ กกระทบและสะทอ้ น ไปยงั ตวั รบั รงั สี (receiver) หรอื ตัวดดู กลนื ซงึ่ มีหลายรูปแบบ ดังรูป และถ่ายเทพลังงานผ่านตัวกลางทีส่ ะสมความร้อนได้ เช่น เกลือหลอมเหลว (molten salt) จากนนั้ นำความร้อนไปผลิตกระแสไฟฟา้ ต่อไป ขอ้ ดีของโรงไฟฟ้าประเภทนี้ คอื สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในช่วงท่ไี ม่มีแดดได้อีก ระยะหนึ่ง ในขณะที่โรงไฟฟ้าแบบเซลล์แสงอาทิตย์ (solar cell power plant) จะใช้เซลล์ แสงอาทิตย์ ในการแปลงพลงั งานแสงจากดวงอาทิตย์มาเปน็ พลงั งานไฟฟ้า ซึ้งทำให้สามารถ ผลติ กระแสไฟฟ้าได้เฉพาะในช่วงทม่ี แี ดดเท่านั้น เล่มท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 64 ขอ้ คำถาม : จากขอ้ มูลอ้างองิ ด้านขา้ งนักเรียนคดิ วา่ ข้อความใดต่อไปนี้ ขอ้ ใดอธบิ ายถงึ ลักษณะของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนแบบรวมแสงอาทิตย์ ได้ถูกตอ้ ง ข้อความ ถูกต้อง ไมถ่ กู ต้อง 1.เปน็ โรงไฟฟา้ ทไ่ี ม่ต้องอาศัยเชือ้ เพลงิ ในการเผาไหม้ และมี ดวงอาทติ ย์เป็นแหล่งพลังงาน 2.ตัวแผ่นสะท้อนแสงควรมีสดี ำเพือ่ ชว่ ยในการสะท้อนรังสี ดวงอาทติ ยไ์ ว้ 3.ตวั รับรงั สี (receiver) หรอื ตัวดูดกลืน ควรมีความสามารถ ในสะสมพลังงานความรอ้ นไวไ้ ด้นาน เพ่อื ใชใ้ นการผลิต กระแสไฟฟา้ ไดแ้ บบต่อเนอ่ื ง 4 ขอ้ สอบเลือกตอบแบบกลมุ่ คำตอบสัมพนั ธ์(Responses related: RR) เปน็ ลักษณะขอ้ สอบเลือกตอบมากกว่า 1 ข้อ ท่ีมีเงอ่ื นไขให้คิดที่ต่อเน่ือง และสมั พนั ธก์ ัน ตัวอยา่ งเชน่ 4.1 แบบโจทยส์ ัมพนั ธ์ เปน็ ข้อสอบทค่ี ำตอบทไี่ ดจ้ ากโจทย์ ข้อแรก จะเป็นขอ้ มูลสำคัญท่ีใช้ในการตอบข้อคำถามต่อไป สถานการณ์ ใชข้ ้อความท่ีกำหนดให้ ตอบคำถามข้อท่ี 1-2 รปู แบบความสมั พนั ธ์ของสิง่ มชี วี ิต 1.แบบเหยอ่ื กบั ผู้ลา่ 2.แบบไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั 3.แบบอิงอาศยั 4.แบบพ่งึ พากนั 5.แบบปรสิต เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 65 ข้อคำถาม 1. สิ่งมชี วี ติ คใู่ ด ไม่ได้มีความสมั พนั ธ์กันในแบบท่ี 1 1. สงิ โต มา้ ลาย 2. กิง้ กา่ แมลง 3. นกกระสา ปลา 4. เหบ็ สุนัข แนวคำตอบ ขอ้ 5 2. จากคำตอบขอ้ 1 สง่ิ มชี ีวิตค่นู น้ั มคี วามสมั พันธใ์ นระบบใด 1. แบบท่ี 5 2. แบบที่ 4 3. แบบที่ 3 4. แบบที่ 2 แนวคำตอบ ข้อ 1 4.2 แบบคำตอบสัมพันธ์ เป็นข้อสอบที่มีลักษณะเป็นการจับคู่ความสัมพันธ์ระหว่าง คำตอบของชดุ คำตอบ 2 ชุดคำตอบเช่น สถานการณ์ วธิ ีการแยกสาร สารผสม 1. การรอ่ น A สารผสมที่เป็นของแขง็ แขวนลอยอย่ใู นของเหลว 2. การตกตะกอน B สารผสมที่มีของแข็งละลายในของเหลว 3. การกรอง C สารผสมของแข็งกับของแข็งท่ีมีขนาดตา่ งกัน 4. การระเหดิ D สารผสมที่มีสถานะเปน็ ของเหลวออกจากของแข็ง 5. การระเหยแหง้ E สารผสมของแขง็ กบั ของแข็งทรี่ ะเหิดได้กบั ระเหิดไม่ได้ ข้อคำถาม ให้นักเรียนจับคูว่ ิธกี ารแยกสารกบั สารผสมแตล่ ะชนดิ ด้วยวธิ ีการท่เี หมาะสม แนวคำตอบ 1. การร่อน C สารผสมของแข็งกับของแขง็ ท่มี ขี นาดต่างกัน 2. การตกตะกอน A สารผสมทเ่ี ป็นของแขง็ แขวนลอยอยู่ในของเหลว 3. การกรอง B สารผสมทม่ี ขี องแขง็ ละลายในของเหลว 4. การระเหดิ E สารผสมของแขง็ กบั ของแข็งทีร่ ะเหิดไดก้ ับระเหดิ ไมไ่ ด้ 5. การระเหยแห้ง D สารผสมที่มีสถานะเป็นของเหลวออกจากของแขง็ เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 66 ข้อดีและข้อจำกัดของแบบทดสอบเลือกตอบ ตาราง การเปรยี บเทยี บขอ้ ดีและข้อจำกดั ของแบบทดสอบเลอื กตอบ ขอ้ ดี จำกดั 1. วดั ได้ครอบคลมุ เนื้อหาและสมรรถภาพทาง 1. สรา้ งได้ยากและเสยี เวลาในการสรา้ งเพราะตอ้ ง ปัญญาตัง้ แตข่ นั้ ตน้ ถงึ ข้นั สงู อาศยั ความรูค้ วามชำนาญของผูส้ ร้างเป็นสำคัญ 2. ตรวจใหค้ ะแนนไดง้ ่ายและรวดเรว็ เหมาะ 2. ความคดิ ลึกซึ้งในเชิงความคิดสรา้ งสรรค์ สำหรบั ใช้สอบคดั เลือกทม่ี ีผสู้ อบจำนวนมาก ๆ ความสามารถในการใช้ภาษาและแสดงความ 3. มคี วามเป็นปรนยั สูงซง่ึ สามารถเขา้ ใจคำถามได้ คดิ เห็นตา่ ง ๆ ไดย้ าก ตรงกันตรวจใหค้ ะแนนตรงกนั และการแปล 3. ไมส่ ่งเสริมหรอื ชว่ ยเสริมสร้างทักษะการเขียน ความหมายคะแนนไดต้ รงกนั 4. ส้นิ เปลอื งมากโดยต้องลงทนุ กระดาษหมกึ และ 4. สามารถนำมาวเิ คราะห์และปรับปรงุ ให้มี อุปกรณใ์ นการสร้างและผลิตขอ้ สอบ คุณภาพดีขน้ึ ได้งา่ ย 5. ส่งเสริมการเดาถา้ ผู้สอบไมต่ อบการคิดหา 5. มีโอกาสให้ความยุตธิ รรมสงู เพราะออกขอ้ สอบ คำตอบอาจใชก้ ารเดาคำตอบแทน ได้ครอบคลมุ ตัวอยา่ งของเนื้อหาและพฤตกิ รรมที่ ตอ้ งการวดั เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 67 ใบกิจกรรมท่ี 7 ...จากท่านไดศ้ ึกษาใบความรู้แลว้ ลองตอบคำถามนะคะ........ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. จงอธิบายลักษณะของขอ้ สอบเลือกตอบ ต่อไปนี้ 1.1 ข้อสอบเลอื กตอบแบบคำตอบเดยี ว (Multiple choice: MC) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.2 ข้อสอบเลือกตอบแบบหลายคำตอบ (Multiple - selection /Multiple Response: MS) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.3 ข้อสอบเลอื กตอบแบบเชงิ ซอ้ น (complex multiple choice: CM) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.4 ข้อสอบเลอื กตอบแบบกลุ่มคำตอบสมั พนั ธ์ (Responses related: RR) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ท่านมแี นวทางการสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 68 3. จงสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบตามรูปแบบการสรา้ งขอ้ สอบท่ีกำหนดให้ จำนวน 2 ตวั ชว้ี ัด ขอ้ ท่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ระดับช้ัน มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด พฤติกรรมที่แสดงออก/คำสำคัญ รปู แบบขอ้ สอบแบบคำตอบเดยี วแบบหลายคำตอบแบบเชงิ ซอ้ น แบบกลมุ่ คำตอบสมั พนั ธ์ ระดับพฤตกิ รรมท่ีวัดจำเข้าใจ ประยกุ ตใ์ ช้ วเิ คราะห์  ประเมนิ ค่า สร้างสรรค์ สถานการณ์ โจทย์และตัวเลือก แนวคำตอบ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/คะแนนเต็ม เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 69 ข้อท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ระดบั ชั้น มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด พฤติกรรมทแี่ สดงออก/คำสำคัญ รปู แบบขอ้ สอบแบบคำตอบเดยี วแบบหลายคำตอบแบบเชงิ ซ้อน แบบกลมุ่ คำตอบสัมพันธ์ ระดบั พฤตกิ รรมทว่ี ัดจำเข้าใจ ประยุกตใ์ ช้ วเิ คราะห์  ประเมินค่า สรา้ งสรรค์ สถานการณ์ โจทยแ์ ละตัวเลือก แนวคำตอบ เกณฑ์การใหค้ ะแนน/คะแนนเต็ม เลม่ ท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 70 4. จงบอกขอ้ ดแี ละขอ้ จำกดั ของแบบทดสอบเลือกตอบ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมือวดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 71 วพิ ากษข์ อ้ สอบแบบเลือกตอบ ...จากทท่ี า่ นได้ศกึ ษาใบความรูแ้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ........ คำชี้แจง ให้ท่านนำข้อสอบที่สร้างขึ้นจากใบกิจกรรมที่ 7 ในข้อที่ 3 มาร่วมวิพากษ์/พิจารณาตามประเด็นท่ี กำหนดวิเคราะหห์ าขอ้ บกพรอ่ ง ของแบบทดสอบพรอ้ มทงั้ อธิบายเหตุผลและแนวทางการแกไ้ ขพอสงั เขป ข้อท่ี 1 ผลการพจิ ารณาขอ้ สอบ รายการ เหตุผล/ขอ้ เสนอแนะ 1.ดา้ นรปู แบบ (Item card) 1.1 ขอ้ คำถามมี สถานการณ์ คำถาม และตัวเลอื ก หรือไม่  มี  ไมม่ ี 1.2 รปู แบบของข้อสอบสอดคล้องกบั ท่ีกำหนดไวใ้ นบัตรขอ้ สอบ หรือไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 2. ดา้ นสถานการณ์ของคำถาม (Stimulus) 2.1 สถานการณส์ อดคล้องกบั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน การเรยี นรู้และตัวชี้วัดหรือไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 2.2 สถานการณห์ รือขอ้ สนเทศท่กี ำหนดสอดคล้องกับกบั ความ สนใจหรอื ไม่  สอดคล้อง  ไม่สอดคล้อง 2.3 สถานการณใ์ ช้ภาษาสื่อสารทเี่ ข้าใจงา่ ยเหมาะสมกบั วัยหรอื ไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 2.4 สถานการณ์หรือขอ้ สนเทศทีก่ ำหนด มีขอ้ มูลเพยี งพอใน การใช้ตอบคำถามหรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 2.5 สถานการณม์ ีความชดั เจน เหมาะสมกบั ระดับผู้เรยี นหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 72 รายการ เหตผุ ล/ข้อเสนอแนะ 3. ด้านข้อคำถาม (Stem) 3.1 คำถามสอดคลอ้ งกับสถานการณ์หรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3.2 คำถามชดั เจนสอดคลอ้ งกบั ระดับพฤตกิ รรมทีร่ ะบุหรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3.3 คำถามสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั หรอื ไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3.4 คำถามสอดคลอ้ งกบั หลักการเขียนให้อยู่ในรูปประโยค คำถามทสี่ มบูรณ์หรอื ไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3.5 คำถามมคี วามเหมาะสมกบั ความรู้ของผู้ตอบหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 3.6 คำถามสือ่ สารไดช้ ัดเจนและใช้ภาษาท่เี หมาะสมกบั ระดับ ของผเู้ รียนหรือไม่  เหมาะสม ไม่เหมาะสม 3.7 คำถามสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนคิดวเิ คราะห์หรอื ไม่  ส่งเสรมิ  ไมส่ ง่ เสรมิ 3.8 คำถามมขี อ้ มลู หรอื กำหนดเง่อื นไขเพียงพอตอ่ การเลือก คำตอบหรือไม่  ไม่เหมาะสม  เหมาะสม 4. ด้านตัวเลือก (Option)และเฉลย 4.1 ตัวเลือกแต่ละข้อแยกกนั อยา่ งชัดเจนกบั ตวั เลอื กอน่ื หรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4.2 ตวั เลอื กมีความสอดคล้องกับคำถามหรอื ไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคลอ้ ง 4.3 ตัวลวงมคี วามเหมาะสมหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4.5 เฉลยหรือคำตอบมีความถกู ตอ้ งหรอื ไม่  ถกู ต้อง  ไม่ถูกต้อง 4.6 เฉลยหรอื คำตอบครอบคลุมหรอื ไม่  ครอบคลุม  ไม่ครอบคลมุ เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 73 ขอ้ ท่ี 2 ผลการพิจารณาขอ้ สอบ รายการ เหตุผล/ขอ้ เสนอแนะ 1.ดา้ นรปู แบบ (Item card) 1.1 ขอ้ คำถามมี สถานการณ์ คำถาม และตัวเลือก หรือไม่  มี  ไมม่ ี 1.2 รูปแบบของข้อสอบสอดคลอ้ งกับทีก่ ำหนดไวใ้ นบัตรข้อสอบ หรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคล้อง 2. ดา้ นสถานการณ์ของคำถาม (Stimulus) 2.1 สถานการณส์ อดคลอ้ งกบั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน การเรยี นรู้และตัวช้ีวดั หรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคล้อง 2.2 สถานการณห์ รือขอ้ สนเทศท่กี ำหนดสอดคลอ้ งกบั กับความ สนใจหรอื ไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 2.3 สถานการณใ์ ช้ภาษาส่อื สารที่เขา้ ใจงา่ ยเหมาะสมกบั วยั หรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 2.4 สถานการณห์ รอื ข้อสนเทศท่กี ำหนด มขี ้อมูลเพียงพอใน การใชต้ อบคำถามหรอื ไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคลอ้ ง 2.5 สถานการณม์ คี วามชดั เจน เหมาะสมกบั ระดับผูเ้ รียนหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 3. ดา้ นขอ้ คำถาม (Stem) 3.1 คำถามสอดคลอ้ งกับสถานการณ์หรือไม่  สอดคล้อง  ไม่สอดคล้อง 3.2 คำถามชัดเจนสอดคลอ้ งกับระดบั พฤตกิ รรมทร่ี ะบุหรือไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคลอ้ ง 3.3 คำถามสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ดั หรอื ไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3.4 คำถามสอดคลอ้ งกบั หลักการเขียนให้อยู่ในรูปประโยค คำถามทส่ี มบูรณ์หรอื ไม่ เลม่ ที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 74 รายการ เหตผุ ล/ข้อเสนอแนะ  สอดคล้อง  ไม่สอดคลอ้ ง 3.5 คำถามมคี วามเหมาะสมกบั ความรขู้ องผู้ตอบหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 3.6 คำถามสือ่ สารไดช้ ัดเจนและใช้ภาษาทเ่ี หมาะสมกบั ระดบั ของผเู้ รียนหรอื ไม่  เหมาะสม ไม่เหมาะสม 3.7 คำถามสง่ เสริมให้ผ้เู รยี นคิดวิเคราะห์หรอื ไม่  ส่งเสรมิ  ไม่ส่งเสริม 3.8 คำถามมีข้อมูลหรือกำหนดเงือ่ นไขเพยี งพอต่อการเลือก คำตอบหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4. ดา้ นตวั เลือก (Option)และเฉลย 4.1 ตัวเลือกแต่ละข้อแยกกันอย่างชดั เจนกับตวั เลือกอืน่ หรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4.2 ตัวเลือกมีความสอดคลอ้ งกบั คำถามหรือไม่  สอดคล้อง  ไม่สอดคล้อง 4.3 ตวั ลวงมีความเหมาะสมหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4.5 เฉลยหรอื คำตอบมีความถกู ต้องหรอื ไม่  ถูกต้อง  ไมถ่ ูกต้อง 4.6 เฉลยหรอื คำตอบครอบคลมุ หรือไม่  ครอบคลุม  ไม่ครอบคลุม …….มีตวั อย่างข้อสอบทีส่ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชี้วดั วิชาวิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ทุกตวั ชี้วดั เราไปศึกษากนั เลยคะ่ ......... เลม่ ที่ 3 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 75 ใบความร้ทู ่ี 8 ตัวอยา่ งขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิ่งมชี ีวติ หนว่ ยพน้ื ฐานของส่ิงมชี วี ิต การลาเลียงสาร เขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของ โครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี องระบบต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ท่ีทา งานสมั พันธก์ ัน ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ที ำงานสัมพนั ธ์กัน รวมท้งั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด ว1.2 ป 6/5 ตระหนกั ถึงความสำคัญของระบบย่อยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดแู ล รกั ษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารให้ทางานเปน็ ปกติ สถานการณ์ พิจารณาข้อความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคำถาม น้ำผลไม้ - ผลไม้สด การดื่มนำ้ ผลไมท้ ำใหเ้ ราไดส้ ารอาหารแต่จะเสยี โอกาสไดร้ บั ไฟเบอรท์ ่มี ีอย่ใู นผักผลไม้ และการ กินผลไมส้ ดบางชนิดทำใหเ้ ราไดไ้ ฟเบอร์มากและบางชนิดเราได้ไฟเบอร์น้อย ไฟเบอรไ์ มใ่ ชส่ ารอาหาร แตเ่ ปน็ สารทีม่ ีคุณสมบัตอิ มน้ำ ทำให้เกดิ นำ้ หนกั ซง่ึ ไฟเบอร์จะเคล่อื นท่ีผา่ นกระเพาะ ลำไส้ขณะผ่าน ลำไส้มันจะกวาดเอาน้ำตาล ไขมนั และคอเลสเตอรอล ซ่งึ คอเลสเตอรอลเป็นสาเหตขุ องการอดุ ตนั ในเส้น เลือด ดงั นั้นไฟเบอรจ์ งึ เปรียบเป็นไม้กวาดกวาดสิง่ ไมด่ ีออกจากรา่ งกาย (สพป.สฎ2, 2561) คำถาม ไฟเบอรม์ ีผลดโี ดยตรงต่อการทำงานของรา่ งกายในระบบใดทัง้ หมด 1. ระบบหายใจ ระบบยอ่ ยอาหาร 2. ระบบหายใจ ระบบหมุนเวยี นเลอื ด 3. ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถา่ ย 4.ระบบหมุนเวยี นเลอื ด ระบบขบั ถ่าย แนวคำตอบ ข้อ 3 เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 76 มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องสง่ิ มีชวี ิต หน่วยพืน้ ฐานของสิง่ มชี ีวติ การลาเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ยท์ ่ีทางานสัมพันธ์กนั ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทีท่ ำงานสมั พันธ์กนั รวมท้ังนาความรูไ้ ป ใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ัด ว1.2 ป 6/2 บอกแนวทางในการเลือกรบั ประทานอาหารใหไ้ ด้สารอาหารครบถว้ นในสัดสว่ นที่ เหมาะสมกบั เพศและวยั รวมท้งั ความปลอดภัยตอ่ สขุ ภาพ สถานการณ์ พจิ ารณาข้อมลู ต่อไปน้แี ล้วตอบคำถาม ตารางแสดงพลังงานที่ไดร้ ับจากอาหารแต่ละชนดิ อาหาร พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)่ี อาหาร พลงั งาน (กิโลแคลอร่ี) ข้าวหมแู ดง ข้าวผดั กะเพราไก่ 540 ขนมจีนน้ำยา 332 ข้าวมันไก่ ขา้ วคลุกกะปิ 554 ปีกไก่ 1 ชน้ิ 181 ก๋วยเตี๋ยวหมู 596 แฮมเบอร์เกอร์ 270 614 นำ้ ส้มคน้ั 80 530 น้ำอัดลม 150 ข้อคำถาม ถ้านกั เรียนตอ้ งการพลงั งาน 1,900 กิโลแคลอรต่ี ่อวัน ควรรับประทานอาหารตามขอ้ ใด (Pre ONET,2560) 1. ข้าวหมแู ดง ขา้ วมันไก่ ขา้ วคลุกกะปิ นำ้ อัดลม 2. ก๋วยเต๋ยี วหมู ขนมจีนน้ำยา แฮมเบอรเ์ กอร์ นำ้ สม้ คนั้ 3. ขา้ วผัดกะเพราไก่ กว๋ ยเตยี๋ วหมู ปีกไก่ น้ำอัดลม 4. ขา้ วคลุกกะปิ ขา้ วผดั กะเพราไก่ ขนมจนี น้ำยา น้ำสม้ คั้น แนวคำตอบ ข้อ 1 เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 77 มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชีว้ ัด ว2.3 ป 6/2 เขยี นแผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ย สถานการณ์ จากภาพ นดิ นำถ่านไฟฉาย 1 กอ้ น หลอดไฟ 1 หลอด สายไฟ 3 เสน้ และสวิตซไ์ ฟ 1 อัน มาตอ่ เป็น วงจรไฟฟ้า เมื่อต่อเสรจ็ นิดเปดิ สวิตซ์ไฟปรากฏว่าหลอดไฟสว่าง (สพป.สฎ2, 2562) โจทยแ์ ละตวั เลอื ก นดิ สามารเขยี นแผนภาพการตอ่ วงจรไฟฟา้ ได้ตามข้อใด 1. 2. 3. 4. เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 78 มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายใน โลก และบนผวิ โลก ธรณพี ิบัติภัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและสิง่ แวดล้อม ตัวชว้ี ัด ว3.2 ป 6/1 เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ หนิ อคั นี หินตะกอน และหนิ แปร และอธบิ าย วฏั จักรหนิ จากแบบจำลอง สถานการณ์ นกั วิทยาศาสตร์สงั เกตลกั ษณะเนื้อหนิ 3 ชนดิ และการเปลยี่ นแปลงของหนิ เมื่อหยดกรดเกลอื ไดผ้ ลดังนี้ (Pre ONET,2559) ชนดิ หิน ลักษณะของหนิ การเปลี่ยนแปลงเม่อื หยดกรดเกลอื ก แบง่ เปน็ ชน้ั ๆ ไม่เปล่ียนแปลง ข สขี าวมีลวดลาย เกดิ ฟองแกส๊ ค เปน็ ผลึกหยาบ มี 3 สี ไมเ่ ปลย่ี นแปลง ขอ้ คำถาม จากขอ้ มูลขอ้ สรุปใดต่อไปนีถ้ ูกต้อง 1.หิน ก เกดิ จากการทับถมของหินปนู หิน ข มหี ินปูนเป็นองค์ประกอบ และหิน ค เกิดจาก การเย็นตวั ของหนิ ทรี่ อ้ นและหลอมเหลว 2.หิน ก เกดิ จากการทับถมของตะกอน หิน ข เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ ปนู และหนิ ค เกิดจากการเย็นตวั ของหินที่ร้อนและหลอมเหลว 3.หนิ ก เกิดจากการทับถมของตะกอน หิน ข เกดิ จากการทบั ถมของหินปูน และหนิ ค เกิด จากการทับถมของหนิ ตา่ งกนั สามชนดิ 4.หิน ก เกดิ จากการทับถมของตะกอน หิน ข เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ ปูน และหนิ ค เกดิ จากการทับถมของหินตา่ งกันสามชนิด แนวคำตอบ ขอ้ 2 เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 79 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายใน โลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัตภิ ยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมทัง้ ผลตอ่ สิง่ มีชีวติ และสิง่ แวดล้อม ตัวช้วี ัด ว3.2 ป 6/7 ตระหนกั ถึงผลกระทบของภัยธรรมชาตแิ ละธรณพี ิบัติภัย โดยนำเสนอแนวทางใน การเฝ้าระวังและปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภัยจากภยั ธรรมชาติและธรณพี บิ ัตภิ ยั ท่ีอาจเกดิ ในท้องถน่ิ สถานการณ์ จากภาพ ข้อคำถาม ถ้าประชากรบุกรกุ ปา่ เพ่ือนำพน้ื ทไ่ี ปทำกนิ โดยนำกล้าไม้ ท่ีไม่มีรากแก้ว ดังภาพ ไป ปลูกแทนจะเกดิ ภัยพบิ ตั ิใดไดง้ า่ ยทีส่ ุด (Pre ONET,2559) 1. เกดิ ไฟป่า 2. เกดิ การระบาดของโรคพชื อย่างรุนแรง 3. เกดิ ดนิ ถล่ม 4. เกิดความแห้งแล้งฝนไม่ตกตามฤดูกาล แนวคำตอบ ข้อ 3 เล่มที่ 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 80 มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุรยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสมั พันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีสง่ ผลตอ่ สิ่งมชี วี ิตและการประยุกตใ์ ช้ เทคโนโลยี อวกาศ ตัวช้วี ัด ว3.1 ป 6/2 อธบิ ายพฒั นาการ ของเทคโนโลยี อวกาศ และ ยกตัวอยา่ งการนำเทคโนโลยีอวกาศ มาใช้ประโยชนใ์ น ชีวติ ประจำวนั จากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ สถานการณ์ ข้อมลู ท่ีได้จากการใชป้ ระโยชนข์ องดาวเทยี ม 2 ดวงเป็นดงั นี้ ดาวเทียม ขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการใช้ประโยชน์ดาวเทียม A ภาพถา่ ยแสดงปริมาณและสัดสว่ นของพื้นท่ีปา่ ไม้บริเวณและสดั ส่วนของแหลง่ น้ำและลักษณะภูมปิ ระเทศ B ภาพถ่ายแสดงอณุ หภูมขิ องพน้ื ผิวโลกอณุ หภูมิของชัน้ บรรยากาศความ หนาแนน่ ของเมฆลักษณะของพายหุ มนุ เขตรอ้ นและทศิ ทางการเคล่อื นตวั ของ พายุ ข้อคำถาม จากขอ้ มูลดาวเทียม a และ b เปน็ ดาวเทยี มประเภทใดตามลำดับ (Pre ONET,2560) 1. ดาวเทียมส่ือสาร และดาวเทียมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา 2. ดาวเทยี มสำรวจทรัพยากรโลก และดาวเทยี มอุตุนยิ มวทิ ยา 3. ดาวเทยี มอตุ ุนิยมวทิ ยา และดาวเทยี มดาราศาสตร์ 4. ดาวเทียมสำรวจทรพั ยากรโลก และดาวเทียมดาราศาสตร์ แนวคำตอบ ขอ้ 2 เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 81 สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทง้ั ปฏิสมั พันธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะท่ีส่งผลตอ่ สง่ิ มีชวี ิตและการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยี อวกาศ ตัวช้ีวัด ว3.1 ป 6/1 สร้างแบบจำลองทอี่ ธิบายการเกดิ และเปรียบเทียบ ปรากฏการณ์ สุรยิ ุปราคา และจนั ทรปุ ราคา สถานการณ์ ชมรมดาราศาสตรไ์ ดแ้ สดงแผนภาพการเกิดสุรยิ ปุ ราคาเตม็ ดวงครั้งหนึ่งในประเทศไทย ดังน้ี อ้อย อร โอ และอำนาจ ร่วมกันอภปิ รายเกย่ี วกบั ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้น ดังนี้ (Pre ONET,2560) ออ้ ย : คนทีอ่ ย่จู ังหวัดเชยี งรายมองเห็นสุรยิ ุปราคาเต็มดวง อร : คนท่อี ยจู่ ังหวดั หนองคายมองเห็นสรุ ิยุปราคาเตม็ ดวง โอ : คนท่ีอยู่กรุงเทพมหานครมองเหน็ สุรยิ ปุ ราคาบางสว่ น อำนาจ : คนทอี่ ยู่จงั หวัดยะลาไมเ่ ห็นสรุ ิยปุ ราคา ขอ้ คำถาม จากข้อมูล ใครกลา่ วถูกต้อง 1. อ้อยและอร 2. อรและโอ 3. โอและอำนาจ 4. ออ้ ยและอำนาจ แนวคำตอบ ขอ้ 3 เลม่ ท่ี 3 การสรา้ งข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 82 ต่อไปเป็นการสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ หลังจากท่ีสรา้ งข้อสอบตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชวี้ ัด ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน 2551 แบบเลือกตอบแล้ว ให้ท่านศกึ ษาการสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ ในเอกสารชุดฝกึ อบรมชดุ ที่ 3 เรอ่ื งการสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี น ตอบ กันค่ะ และหลงั จากท่านทำใบกิจกรรมทุกแล้ว....... ใหท้ ่านทำแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรม จำนวน 10 ขอ้ และตรวจคำตอบ ด้วยตนเองประเมนิ ตนเอง ก่อนฝึกอบรมและหลงั ฝึกอบรม วา่ มี ความกา้ วหนา้ เพยี งใด คิดเป็นร้อยละเท่าใด หากไมเ่ ขา้ ใจในเนอื้ หาให้ท่าน ทบทวนไดเ้ สมอ หวงั เป็นอย่างยิ่งว่าชดุ กิจกรรมนี้จะมีประโยชนต์ อ่ ทา่ น เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 83 แบบทดสอบก่อนศกึ ษาชุดฝกึ อบรม 1. ขอ้ ดีของข้อสอบแบบเขยี นตอบคอื สร้างข้อสอบไดค้ รอบคลมุ ทุกเนอ้ื หาและพฤตกิ รรมทางสมอง 1. ถกู ตอ้ ง 2. ผดิ 2. ขอ้ สอบเลอื กตอบมี 4 ประเภท ได้แก่ แบบเลอื กตอบแบบคำตอบเดียว แบบหลายคำตอบ แบบเชิงซอ้ น แบบกลมุ่ คำตอบสัมพันธ์ 1. ถกู ตอ้ ง 2. ผิด 3. พฤตกิ รรมการเรยี นร้ดู า้ นความรู้ ตามแนวคดิ ของบลมู มี 6 ระดับ ไดแ้ ก่ การจำ การเข้าใจ การ ประยกุ ตใ์ ช้ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ การสร้างสรรค์ 1. ถกู ตอ้ ง 2. ผิด 4. การเขยี นข้อสอบแบบเลือกตอบประกอบด้วยองคป์ ระกอบ 3 ส่วน ได้แก่ สถานการณ์ คำถาม และตัวเลอื ก 1. ถูกต้อง 2. ผดิ 5. ตัวชีว้ ดั ทว่ี า่ “สำรวจและอภปิ รายความสัมพันธ์ของกลุม่ สง่ิ มีชีวิตในแหลง่ ทอ่ี ยู่ต่างๆ” พฤติกรรมท่ี ต้องการวดั และประเมินผลคือการสำรวจและการอภิปราย 1. ถูกตอ้ ง 2. ผิด 6. ข้อใดเป็นพฤติกรรมทางสติปญั ญาด้านความรตู้ ามทฤษฎี (Bloom Taxonomy) ระดบั การวเิ คราะห์ 1. การจัดระบบ 2. การวพิ ากษว์ ิจารณ์ 3. การปรบั ปรุง 4. การเปรียบเทยี บ 7. ขอ้ ใดต่อไปน้ี กล่าวไม่ถกู ต้อง เกย่ี วกบั ตวั ชวี้ ัด ว3.1 ป.6/1 ทดลองและอธบิ ายสมบตั ิของสารเมื่อ สารเกิดการละลายและเปล่ียนสถานะ 1. พฤติกรรมท่ีต้องการวัดคือการทดลองและการอธบิ าย 2. พฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการวดั คือสารเกิดการละลายและเปล่ยี นสถานะ 3. องค์ประกอบของตวั ช้วี ดั ประกอบด้วยพฤตกิ รรมและสถานการณ์ 4. ระดับพฤติกรรมท่ีต้องการวัดอยู่ในลำดับข้นั การวเิ คราะห์ 8. ขอ้ ใด ไม่ใช่ หลักการสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ 1. คำถามควรเปน็ สถานการณ์ รูปภาพ หรอื กราฟ 2. หลีกเล่ยี งคำถามปฏิเสธ 3. คำถามตอ้ งถามในระดับการคิดวิเคราะห์ข้ึนไป 4. ใชค้ ำถามให้เกิดความคดิ ทางปญั ญาข้ันสงู เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 84 9. ตารางสมบัติของหนิ ชนดิ ตา่ ง ๆ สมบตั ิ เนอ้ื หิน มผี ลกึ เกิด มีกลนิ่ ของหิน ละเอียด มรี ูพรุน แร่ ปฏิกริ ิยา โคลน ชนดิ เม่ือหยด เม่อื หยด ของหนิ เกลอื นำ้ A✓ ✓ ✓ ✓ B✓ C✓ D✓ จากข้อมลู ในตาราง ควรเลอื กใชห้ นิ ชนิดใดปพู ืน้ หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารวิทยาศาสตร์ ก. A ข. B ค. D ง. C คำถามดังกลา่ วเปน็ ขอ้ สอบระดับพฤติกรรมทางสติปญั ญา ของบลูมข้นั ใด 1. ความเขา้ ใจ 2. การวเิ คราะห์ 3. การประเมนิ 4. การคิดสร้างสรรค์ 10. ขอ้ คำถาม “จากข้อมูลกราฟเสน้ ตรงของผลการขายรถยนตย์ ห่ี อ้ หนง่ึ ในประเทศไทย ยอดขายของรถยนตใ์ นแต่ละปี 60000 40000 20000 0 ปี ยอดรถที่จำหนำ่ ย นกั เรียนคดิ ว่าแนวโนม้ ยอดขายของรถยนต์ในปีต่อไปจะเป็นอย่างไร” จากคำถามเปน็ พฤติกรรมขั้นใดของบลมู 1. การเขา้ ใจ 2. การประยกุ ต์ใช้ 3. การวิเคราะห์ 4. การประเมนิ คา่ เลม่ ที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 85 เฉลย ข้อ ขอ้ 1 2 61 2 1 72 3 2 84 4 1 92 5 1 10 1 เล่มท่ี 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 86 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพค์ รุ สุ ภา ลาดพรา้ ว, 2551. กงั วล เทียนกัณฑเ์ ทศน์. การวัดการวเิ คราะห์การประเมนิ ทางการศึกษาเบ้อื งตน้ . กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สอื่ เสรมิ กรุงเทพ, 2550. ฉลอง ชยู มิ้ . การพัฒนารูปแบบการพฒั นาครใู นการสรา้ งขอ้ สอบ. ศกึ ษาศาสตรต์ ามหลกั สูตรปรชั ญา ดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาการวิจยั และพัฒนาการศึกษา. มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพบิ ูลสงคราม, 2556. ธีระชัย ปูรณโชติ. ประมวลบทความทกั ษะของครูวิทยาศาสตร์ มืออาชพี ในยุคปฏิรปู การเรียนรูป : การจัดการเรยี น การสอนบรู ณาการรู.้ กรุงเทพมหานคร: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2540. นภา หลมิ รัตน.์ “การจดั การเรยี นรู้โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน”. วารสารส่งเสริมประสิทธภิ าพการเรียนการสอน. มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . 10 (กันยายน-ธนั วาคม), 13-19 2546. บญั ญัติ ชํานาญกจิ . กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์. นครสวรรค์: คณะครศุ าสตร์. มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์, 2553. บุญธรรม กิจปรีดาบริสทุ ธ์ิ. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนการสอน. กรงุ เทพ ฯ: สามเจรญิ พาณชิ ย์, 2535. . เทคนคิ การสรา้ งเคร่ืองมอื รวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจยั . พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: เจรญิ ดี การพมิ พ์, 2552. พันธ์ ทองชมุ นมุ . การสอนวทิ ยาศาสตร์ระดบั ประถมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2547. พิชิต ฤทธ์จิ รูญ. หลกั การวดั และประเมินผลการศึกษา. พิมพ์คร้ังท่ี 5 กรุงเทพ ฯ: เฮา้ สอ์ อฟ เคอร์มสิ ท์, 2556. พิศษิ ฐ ตัณฑวณชิ . “แนวคิดการจำแนกพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ตามวตั ถุประสงคก์ ารจดั การศึกษาด้านพุทธพิ ิสัย ตามแนวคดิ ของบลูมและคณะฉบับปรบั ปรงุ ”, วารสารมหาวทิ ยาลัยราชภฎั ลำปาง. 3(2) ตลุ าคม 2557- มีนาคม: 11-25, 2558. ภพ เลาหไพบลู ย์. แนวทางการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช, 2537. ภานุเดช หงษาวงศ์. ทักษะสำหรบั ครวู ิทยาศาสตร์. เชียงใหม่: ภาควิชาหลกั สตู รและการสอน. สถาบันราชภัฏเชียงใหม่, 2540. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้า. เอกสารประกอบการบรรยายการอบรมหลกั สตู รการใช้ ระบบงาน“PISA Style” สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน, 2562. เล่มที่ 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 87 ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ. เทคนคิ การวดั ผลการเรียนรู้. พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร: สวุ รี ิยาสาส์น, 2548. ศริ ิชยั กาญจนวาสี. ทฤษฎีการทดสอบแบบด้งั เดมิ . พมิ พ์คร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552. สมศกั ดิ์ ลลิ า. การพฒั นาระบบคลังขอ้ สอบเพ่ือการเรยี นการสอนด้วยไมโครคอมพวิ เตอร.์ ปริญญานิพนธก์ ารศึกษาดุษฎบี ัณฑติ . มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒประสานมติ ร, 2549. สำนกั ทดสอบทางการศกึ ษา. หลักสตู รการพฒั นาศักยภาพการสรา้ งเครอื่ งมือวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนแบบอตั นัยและ (ฉบับปรับปรงุ 2561). สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2561. สำนักทดสอบทางการศกึ ษา. หลักสูตรฝกึ อบรมเทคนิคการวัดและประเมินผลระดับชั้นเรียน. สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2561. สุดารัตน์ นนทค์ ลงั . การพฒั นาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช่วงชัน้ ท่ี 3 สงั กดั กลุ่มโรงเรียนเทศบาลเมืองอตุ รดติ ถ์. อตุ รดติ ถ:์ วิทยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑติ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อตุ รดิตถ,์ 2549. สุทธิวรรณ พีรศักดโ์ิ สภณ. เอกสารประกอบการบรรยายการเขยี นข้อสอบวัด “การคิดวิเคราะห”์ . http://www.mathayom9.go.th/nitad/analyze/analytic.pdf, 5 มีนาคม 2561. สุวฒั ก์ นยิ มค้า. การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ บบพฒั นาความคดิ . กรงุ เทพฯ: วฒั นาพานชิ, 2537. ทฤษฎแี ละการปฏบิ ัตใิ นการสอนวิทยาศาสตร์แบบสบื เสาะหาความรู้. กรุงเทพฯ: เจนเนอรัล บคุ เซนตเ์ ตอร์, 2531. Anderson, L.W., Krathwohl, D. R., Airasian, P. W., Cruikshank, K. A.,Mayer, R. E., Pintrich,P. R., Raths, J., and Wittrock, M. C. (Eds.). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing. [Abridged Edition.] New York : Longman, 2001. Bloom, Benjamin A. “Taxonomy of Education Objective Handbook I: Cognitive Domain”. New York: David Mc Kay Company, 1956. Carin, Arthur A. Teaching Modern Science. New York: Macmillan Publishing Company, 1993. เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลอื กตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 88 คณะทำงาน กรรมการท่ปี รึกษา ผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 1. นายประทปี ทองด้วง สุราษฎรธ์ านี เขต 2 รองผูอ้ ำนวยการสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา 2. นายจตุ ิพร ขาวมะลิ ประถมศึกษาสรุ าษฎร์ธานี เขต 2 ผอู้ ำนวยการกลมุ่ นิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 3. นางมณีรตั น์ อนิ ทรค์ ง การจดั การศึกษา ศกึ ษานิเทศก์ 4. นายนพพร แท่นนิล ศึกษานเิ ทศก์ 5. นายกฤษณันท์ ทองจนี ศกึ ษานิเทศก์ 6. นางสาวนิตยา ภูมไิ ชยา ศึกษานเิ ทศก์ 7. นางสาวสุภาภรณ์ ใจสุข ศกึ ษานเิ ทศก์ 8. นางสาวศุภรัตน์ อนิ ทรสุวรรณ ผเู้ ขียน ศกึ ษานิเทศก์ นางสาวนชุ จิรา แดงวันสี สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 2 เลม่ ท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook