Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 4 ชุดที่ 4

4 ชุดที่ 4

Published by dengwansri, 2020-09-27 03:26:39

Description: 4 ชุดที่ 4

Search

Read the Text Version

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 7. คำชี้แจง ให้ทา่ นอา่ นและทำความเขา้ ใจขอ้ สอบขอ้ ท่ี 1 – 3 ตอ่ ไปนีแ้ ล้วตอบคำถาม ข้อ 1 การใหป้ ยุ๋ กับการปลกู สม้ (PISA,2015) การให้ปยุ๋ กบั การปลกู ส้ม นาย A และครอบครวั ได้ทำการเกษตรปลกู ต้นส้มเขยี วหวาน ซง่ึ ส้มเขยี วหวานสามารถปลูกได้ดี ในดินที่มีการระบายน้ำดี เช่น ดินร่วน ดินร่วนปนทราย และใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อให้ดินมีความอุดม สมบูรณ์สูง ต้นส้มชอบแดดจัดและมีปริมาณแสงไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน โดยในช่วงปีแรก นาย A และครอบครัว ไดใ้ สป่ ยุ๋ เคมสี ตู ร 25-7-7 เม่ือตน้ สม้ เจรญิ งอกงามดแี ลว้ จงึ ไดป้ รบั สูตรป๋ยุ เปน็ 13-13-21 เพื่อช่วยให้ผลสม้ มีคณุ ภาพดีข้ึน นาย A หาข้อมูลของสตู รปุ๋ยเคมีในอินเตอรเ์ นต็ พบว่า สตู รปยุ๋ จะระบุเปอร์เซ็นต์หรือรอ้ ยละของธาตุอาหารหลักของน้ำหนกั ปุ๋ย เช่น 20-10-5 ตัวเลขแรก บอกปริมาณไนโตรเจน เลขท่ีสองบอกปริมาณฟอสฟอรสั และเลขตวั ท่ีสามบอกปรมิ าณโพแทสเซียม คำถาม: การให้ปุ๋ยกับการปลกู ส้ม วันหนึ่งนาย A พบว่า ต้นส้มเขียวหวานมีลักษณะลำต้นเหี่ยว แคระแกร็น เขาตรวจพบว่า ต้นส้มไมม่ อี าการโรคพืชและไม่พบแมลงศัตรพู ืช แตเ่ ขาสังเกตว่าเขาให้ป๋ยุ กบั ต้นพืชในปริมาณมาก เกนิ ระดบั ความเหมาะสม จงอธบิ ายว่า ทำไมการท่ใี หป้ ุ๋ยเคมใี นปรมิ าณท่ีมากเกินไปจะทำให้ ต้นส้ม เหยี่ วและแคระแกร็น ขอ้ 2 เอทลิ ีน เอทิลีน เอทิลีนเป็นสารอินทรีย์ที่ระเหยได้มีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนพืชโดยเนื้อเยื่อพืชและ เช้ือจลุ ินทรยี ์บางชนิดสามารถสังเคราะหเ์ อทิลีนได้ ตามปกติปรมิ าณการผลติ เอทิลีนของพืชจะน้อย แต่เมื่อผักผลไม้ได้รับการกระทบกระเทือนจะสามารถสังเคราะห์เอทิลีนได้จำนวนมาก หรือเม่ือ ผลไม้อยู่ในช่วงระยะการสุก พืชจะมีอัตราการหายใจและการผลิตเอทิลีนเพิ่มอย่างรวดเร็ว ซ่ึงท้ัง อัตราการหายใจและการผลิตเอทิลีนที่เพิ่มขึ้น นี้จะส่งผลให้เกิดการเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทางชวี เคมแี ละสรีรวทิ ยาต่างๆ เช่น การเปลยี่ นแปลงของรงควัตถุ รสชาติ ตลอดจนเนอ้ื สัมผัส เช่น ทำใหเ้ กิดรสขม สญู เสียความเขยี วและเกดิ การหลุดล่วงของใบนำไปสู่การเสอ่ื มสภาพและเกิดการสูญเสีย กระตนุ้ การงอกของพืชหัวลำต้นใตด้ ินเชน่ มนั ฝรัง่ นอกจากนี้ แก๊สเอทลิ นี จะเร่งกระบวนการสุกใน ระหวา่ งการขนสง่ และการเก็บรักษา ทำใหอ้ ายกุ ารเก็บรักษาสนั้ ลงและคุณภาพตำ่ อย่างไรกต็ าม เอทลิ นี มีประโยชนเ์ มื่อตอ้ งการเร่งผลไม้ให้สกุ พร้อมกันและเร็วขน้ึ ตามตอ้ งการ คำถาม เพื่อใหก้ ารทดลองมคี วามแมน่ ยำขึ้น จงระบุ ปจั จยั อืน่ ๆ ทจี่ ำเปน็ ตอ้ งควบคุมให้ คงท่ี มา 1 ปจั จยั 41 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ขอ้ 3 Aerogel Aerogel ซลิ ิกาแอโรเจล Silica aerogel) เป็นวสั ดทุ ม่ี รี ูพรนุ ทม่ี นี ำ้ หนักเบามากจนไดร้ บั ก า ร บั น ท ึก ใน Guinness World Records ว่ า เ ป็ น ของแขง็ ทม่ี คี วามหนาแนน่ น้อยท่ีสุดในโลก เม่ือสัมผัสจะ รู้สกึ คล้ายกับโฟม ซลิ ิกาแอโรเจล เกิดจากการสงั เคราะห์ ทางเคมีเพื่อทำให้โครงสร้างของซิลิกามีรูพรุนขนาดเล็ก ระดับนาโนเมตรจำนวนมาก ทำให้ซิลิกาแอโรเจลจะมี อากาศอยภู่ ายในโครงสร้างมากกวา่ 90% ซ่ึงเป็นเหตุผล ทำให้ซลิ ิก้าแอโรเจลเปน็ ทีร่ จู้ ักกนั ว่าเปน็ “ฉนวนที่ดีท่ีสุด ในโลก” ด้วยสมบัตินี้ ซิลิก้าแอโรเจลจึงถูกใช้เพื่อรักษา อุณหภูมิของห่นุ ยนตส์ ำรวจดาวอังคาร Mar Rover นอกจากน้ี ซลิ ิกาแอโรเจลที่สังเคราะหย์ ังสามารถสังเคราะหใ์ หม้ ีสมบัตไิ ม่ชอบน้ำ หรือ Hydrophobic ได้ ซึ่งทำให้สามารถนำไปทำวสั ดุเคลือบผิวกนั นำ้ และ เปน็ Self-cleaning surface หรือพ้นื ผวิ ทีท่ ำความสะอาดตัวเอง ซิลิกาแอโรเจล ถูกใช้เพื่อรักษาอุณหภูมิของหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร Mar Rover วัสดุทุกชนิดสามารถดูดซับเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันไป เมื่อคลื่นเสียงวิ่งกระทบวัสดุ จะมี บางส่วนของพลังงานเสียงถูกดูดซับและทีเ่ หลอื จะสะทอ้ นออกไป และเสยี งทีส่ ะทอ้ นออกไปน้ันจะมี พลังงานน้อยกว่าแหล่งกำเนิดเสียงเสมอ และพลังงานเสียงที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกแปรเปล่ี ยนไป เปน็ พลงั งานรปู อื่น โดยทว่ั ไปจะเปน็ ความรอ้ น วัสดทุ ่มี รี ูพรนุ จะมคี วามเป็นฉนวนกันเสียงทีด่ ี เพราะ ขณะที่เสียงวิ่งตกกระทบฉนวน พลังงานเสียงเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ซึ่งเกิด จากการเสียดสีของพลงั งานเสยี งกับรูพรุนของฉนวน ย่งิ ถา้ เพิ่มความหนาของฉนวนมากเทา่ ไร ก็ยิ่ง ชว่ ยเพิม่ ประสิทธภิ าพของฉนวนมากขน้ึ คำถาม Aerogel อธบิ ายเหตผุ ลทีท่ ำให้ ซลิ กิ าแอโรเจล ได้ชอื่ ว่าเป็น \"ฉนวนท่ดี \"ี เมื่อเทยี บ กับวสั ดอุ ืน่ ๆ โดยใช้ความรู้เร่อื งการถา่ ยโอนความรอ้ น 42 เล่มท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ

ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ คำช้ีแจง ให้ทา่ นวิเคราะห์รูปแบบของข้อสอบข้อที่ 1–3 วา่ เปน็ รูปแบบใด พรอ้ มท้ังอธบิ ายเหตผุ ล ประกอบการเลือกรปู แบบของข้อสอบดงั กล่าว รูปแบบของข้อสอบ เหตุผล ขอ้ 1  แบบตอบส้ันหรอื จำกัดคำตอบ (Restricted - answer essay)  แบบตอบแบบอิสระหรอื ไม่จำกัดคำตอบ (Unrestricted - answer essay ข้อ 2  แบบตอบส้ันหรือจำกดั คำตอบ (Restricted - answer essay)  แบบตอบแบบอิสระหรอื ไม่จำกดั คำตอบ (Unrestricted - answer essay ข้อ 3  แบบตอบสัน้ หรอื จำกดั คำตอบ (Restricted - answer essay)  แบบตอบแบบอิสระหรอื ไม่จำกัดคำตอบ (Unrestricted - answer essay 43 เล่มท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบความรูท้ ่ี 5 การเขียนเกณฑ์การใหค้ ะแนน (Rubric) สำนักทดสอบทางการศึกษา(2561) ได้กล่าวถึงเกณฑ์การประเมิน (Rubric) คือแนวการให้คะแนน เพื่อประเมินผลงานหรอื ประเมินการปฏิบัตงิ านของผู้เรียน การประเมินผลงานของนักเรียนมี 2 ลักษณะคอื ผลงานที่ได้จากกระบวนการของนักเรียน และกระบวนการที่นักเรียนใช้เพื่อให้เกิดผลงาน ผู้ประเมิน จะต้องตัดสนิ คุณภาพของผลงานแตล่ ะคนทม่ี รี ะดบั ท่แี ตกตา่ งกันหลายระดับ เกณฑ์อาจจะอยใู่ นเชิงคุณภาพหรือปรมิ าณ อาจจะมีลักษณะเป็นมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating scale) หรือแบบตรวจสอบ (Checklist) โดยปกตจิ ะใช้ Rubric ในการประเมนิ ผู้ประเมนิ จะตอ้ งมีเกณฑ์ การให้คะแนนที่มากมายเพื่อให้เหมาะกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ที่แตกต่างกัน หรือเหมาะกับแต่ละส่วน ของการปฏิบัติงาน การให้คะแนนจะอยู่ในรูปของตัวเลข โดยปกติจะเป็น 0-3 หรือ 1-5 ในแต่ละระดับ ของคะแนนจะข้ึนอยกู่ ับระดับของคุณภาพของงาน ดงั นน้ั ในแต่ละระดบั คะแนนจะต้องอธบิ ายเปน็ ภาษาท่ี แสดงให้เหน็ ถึงคุณภาพของการปฏบิ ัติงานในระดบั นน้ั 5.1 หลักในการเขยี นเกณฑ์การประเมนิ การสร้างเกณฑ์การประเมิน จะต้องศึกษาและพิจารณาจากตัวอย่างงานหรือผลการปฏิบัติ หลายๆตวั อย่างที่มีระดบั ความแตกตา่ งกันตัง้ แตด่ ที ี่สดุ ถงึ แย่ทีส่ ดุ โดยมีหลักการ ดงั ต่อไปน้ี 1. เขียนอธิบายคุณภาพของงานโดยใช้ถ้อยคำที่บอกถึงคุณภาพที่สูงกว่าหรือสิ่งที่ขาด หายไปจากงานนั้นเพื่อให้สามารถแยกแยะความเหมือนหรือความแตกต่างของแต่ละระดับคุณภาพโดย พยายามหลีกเลย่ี งคำขยายเชิงเปรยี บเทียบท่เี ป็นนามธรรม 2. กำหนดระดับของการประเมินให้พอเหมาะกับความสามารถที่จะกำหนดความแตกตา่ ง ตามระดบั คณุ ภาพได้อย่างพอเพียงไม่มากเกินไปโดยทั่วไปจะอยูใ่ น 6 ระดับหรอื 12 ระดับคำอธิบายระดับ คุณภาพกำหนดให้เหมะสมกับวัยของผูเ้ รียนเพื่อที่เขาจะสามารถประเมินตนเองได้และปรับปรุงตัวเองได้ ตามระดับคุณภาพนั้นในกรณีนี้มีข้อแนะนำคือในแต่ละระดับควรมีตัวอย่างงานที่ได้รับการประเมินใน ระดบั นัน้ ๆให้เห็นชัดเจนสามารถเปรยี บเทียบได้และเปน็ รปู ธรรม 44 เลม่ ท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมินต้องเน้นใหเ้ หน็ ถึงผลที่เกิดจากการปฏบิ ัติงานนั้นอยา่ งแท้จริงรวมถึง ผลประโยชน์ท่ีเกดิ ขน้ึ จากการทผี่ ู้เรยี นไดส้ ร้างผลงานนน้ั โดยเน้นกระบวนการและความพยายามใน การปฏบิ ตั ิงานน้นั 5.2 ชนดิ ของเกณฑก์ ารประเมิน (Rubric) เกณฑ์การประเมนิ (Rubric) มี 2 ชนิด คอื เกณฑ์การประเมนิ แบบภาพรวม (Holistic Rubric) และเกณฑ์การประเมนิ แบบแยกสว่ น (Analytic Rubric) (สำนักทดสอบทางการศกึ ษา, 2561) ดงั น้ี 1) เกณฑก์ ารประเมินแบบภาพรวม (Holistic Rubric) เป็นการประเมินภาพรวม ของการปฏิบัติงานหรอื ผลงาน โดยดูคุณภาพโดยรวมมากกว่าดขู ้อบกพร่องส่วนย่อย การประเมนิ แบบนี้ เหมาะกบั การปฏิบัติทตี่ อ้ งการใหน้ กั เรยี นสร้างสรรค์งานท่ีไมม่ คี ำตอบทถี่ กู ตอ้ งชดั เจนแน่นอน ผปู้ ระเมนิ ต้องอา่ นหรอื พจิ ารณา ผลงานใหล้ ะเอียด สว่ นใหญม่ ักกำหนดระดบั คณุ ภาพอย่ทู ่ี 3-6 ระดบั 2) เกณฑ์การประเมินแบบแยกส่วน (Analytic Rubric) เปน็ การประเมนิ ท่ตี อ้ งการเน้น การตอบสนองท่มี ีลกั ษณะเฉพาะ ผลลัพธ์ข้นั ตน้ จะมีคะแนนหลายตวั ตามด้วยคะแนนรวม ใช้เป็นตัวแทน ของการประเมินหลายมติ ิ เกณฑก์ ารประเมินแบบน้ีจะได้ผลสะทอ้ นกลบั คอ่ นข้างสมบูรณ์ 5.3 องคป์ ระกอบของเกณฑ์การประเมนิ (Rubric) เกณฑ์การประเมนิ (Rubric) มอี งคป์ ระกอบ 3 ส่วน คือ 1. เกณฑ์หรือประเด็นที่จะประเมิน (criteria) เป็นการพิจารณาว่าการปฏิบัติงานหรือ ผลงานนน้ั ประกอบดว้ ยคณุ ภาพอะไรบ้าง 2. ระดบั ความสามารถหรือระดับคุณภาพ (Performance Level) เป็นการกำหนดจำนวนระดับ ของเกณฑ์ (criteria) วา่ จะกำหนดกรี่ ะดับ สว่ นมากจะกำหนดขน้ึ 3-6 ระดบั 3. การบรรยายคุณภาพของแต่ละระดับความสามารถ (Quality Description) เป็นการเขียน คำอธบิ ายความสามารถให้เหน็ ถงึ ความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละระดบั ซึ่งจะทำใหง้ ่ายต่อการตรวจให้ คะแนน 45 เลม่ ท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 5.4 ขนั้ ตอนการสร้างเกณฑก์ ารประเมนิ (Rubric) ปัจจุบันมีการจดั พิมพ์ รูบริกในหนังสอื ต่าง ๆ ครูอาจนำมาปรับใช้ใหเ้ หมาะสมกบั หลักสูตร และการสอนของตนเองได้ เพื่อช่วยยกระดับการเรียนโดยเพิ่มอิทธิพลของรูบริกก็สามารถทำได้ กระบวนการสร้างรูบรกิ มีหน่วยงานทางการศึกษาและนกั วิชาการหลายท่าน ได้เสนอแนวทางการสร้างไว้ หลากหลาย มีทั้งให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์และผู้สอนสร้างเอง ในที่นี้ขอเสนอขั้นตอน ดังน้ี ขน้ั ตอนที่ 1 กำหนดประเดน็ สำคญั ในการตรวจใหค้ ะแนน และจัดลำดับความสำคัญ หรอื น้ำหนกั ของแตล่ ะประเด็น ขั้นตอนที่ 2 กำหนดระดบั หรือคุณภาพที่ต้องการใหค้ ะแนน เช่น 3 ระดบั ได้แก่ ดี (2 คะแนน) พอใช้ (1 คะแนน) และปรับปรงุ (0 คะแนน) ขน้ั ตอนที่ 3 กำหนดรูปแบบของRubric คือ แบบภาพรวม (Holistic Rubric) หรอื แบบแยกส่วน (Analytic Rubric) ขนั้ ตอนที่ 4 วิธีการเขยี นคำอธบิ ายในแต่ละระดบั สามารถเขยี นได้ 3 รูปแบบ คอื แบบที่ 1 กำหนดคำอธิบายแบบลดลง หมายถึง การเขียนเกณฑ์การให้คะแนนโดยเริ่ม เขยี นเกณฑท์ ี่ระดับคณุ ภาพสงู สุดหรือไดค้ ะแนนเต็มกอ่ นแล้วลดคะแนนตามคุณภาพทล่ี ดลง แบบที่ 2 กำหนดคำอธิบายแบบบวกหรือเพิ่มขึ้น หมายถึง การเริ่มต้นที่ระดับคุณภาพ ตำ่ สุดหรอื ไมไ่ ดค้ ะแนนกอ่ นแลว้ เพม่ิ ระดับคุณภาพตามระดับคะแนนทเี่ พ่ิมขน้ึ ไปตามลำดบั แบบที่ 3 กำหนดคำอธิบายแบบเพิ่มขึ้นและลดลง หมายถึง การเริ่มต้นที่ระดับ คุณภาพกลาง(พึงพอใจ/ผา่ นเกณฑ์) แลว้ เพมิ่ ระดับคณุ ภาพตามคะแนนที่เพิ่มขึน้ (ด/ี ดีมาก) และลด ระดบั คณุ ภาพตามคะแนนท่ลี ดลง(ปรบั ปรงุ )ไปตามลำดบั ข้นั ตอนท่ี 5 ตรวจสอบโดยคณะผู้มีสว่ นร่วมหรือผู้เชย่ี วชาญทางการวดั ผล ขั้นตอนท่ี 6 ทดลองใช้เกณฑ์ในการตรวจผลงานทม่ี ีมาตรฐาน/คณุ ลกั ษณะตาม 46 เล่มที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขียนตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เกณฑท์ ่ีกำหนด ข้ันตอน 7 หาความเทยี่ งตรงตามสภาพ (Concurrence Validity) โดยพิจารณา จากความสอดคล้องของคะแนนท่ีกรรมการ 1 ท่านใหก้ บั สภาพทเ่ี ป็นจรงิ ของงาน 3 ชนิ้ ที่มคี ุณภาพตา่ งกัน และหาความเชอ่ื มัน่ (inter rater reliability) โดยพิจารณาจากความสอดคลอ้ งในการตรวจข้อสอบเขียน ตอบของกรรมการ 3 ท่าน ข้นั ตอนท่ี 9 ปรับปรงุ เกณฑ์ท่ไี ม่ได้มาตรฐาน 5.5 ประโยชน์ของเกณฑก์ ารประเมนิ (Rubric) สำนักทดสอบทางการศึกษา (2561) ไดก้ ล่าวถึงประโยชน์ของเกณฑ์การประเมิน (Rubric) ดงั นี้ 1) ช่วยให้ความคาดหวงั ของครูทีม่ ีต่อผลงานของผู้เรียน บรรลคุ วามสำเร็จได้ 2) ชว่ ยใหค้ รูเกดิ ความกระจ่างชัดยิง่ ข้นึ ว่าต้องการให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้หรือมี พัฒนาการอะไรบา้ ง 3) ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจและสามารถใช้เกณฑ์การประเมินตัดสินคุณภาพผลงานของ ตนเองและของคนอ่นื อยา่ งมเี หตผุ ล 4) ช่วยให้ผู้เรียนระบุคุณลักษณะจากงานที่เป็นตัวอย่างได้โดยใช้เกณฑ์การประเมิน ตรวจสอบ 5) ชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นสามารถควบคมุ ตนเองในการปฏบิ ตั ิงานเพือ่ ไปสคู่ วามสำเรจ็ ได้ 6) เป็นเคร่อื งมือในการเช่ือมโยงความสัมพนั ธ์ระหว่างกิจกรรมการปฏบิ ัติงานต่าง ๆ ของผู้เรียน ได้เป็นอย่างดี 7) ชว่ ยลดเวลาของครูผ้สู อนในการประเมินงานของผู้เรยี น 8) ช่วยเพิ่มคุณภาพผลงานของผู้เรยี น 9) สามารถยืดหยุ่นตามสภาพของผู้เรยี น 10) ทำใหบ้ คุ ลากรทเี่ กย่ี วขอ้ ง เช่น ผู้ปกครอง ศึกษานเิ ทศก์ หรอื อ่นื ๆ เขา้ ใจในเกณฑ์ การตดั สินผลงานของผู้เรียนท่คี รใู ชช้ ่วยในการให้เหตผุ ลประกอบการใหร้ ะดบั คณุ ภาพได้ ....ศึกษาใบความรตู้ อ่ ไปกนั เลยคะ่ 47 เล่มที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขียนตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมท่ี 5 1. เกณฑ์การประเมนิ (Rubric) มีความสำคญั อยา่ งไร .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. 2. เพราะเหตุใดจงึ ต้องกำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. 3. จงอธบิ ายลกั ษณะของเกณฑ์ต่อไปนี้ Holistic Rubric ความเหมือน Analytic Rubric 4. จงยกตวั อยา่ งประโยชน์ของเกณฑ์การประเมนิ (Rubric) 48 .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. 5. จงบอกข้ันตอนการสรา้ งเกณฑ์การประเมิน (Rubric) .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. เล่มที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขียนตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6. คำชแี้ จง ให้ท่านเลือกตวั ชวี้ ัด 1 ตวั ช้วี ดั มาสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ ตามบตั รข้อสอบที่กำหนดให้ บตั รขอ้ สอบ (Item Card) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระการเรียนรู้ท่ี ระดับชน้ั มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด รูปแบบขอ้ สอบ  แบบจำกัดคำตอบหรือตอบสนั้  แบบไมจ่ ำกัดคำตอบหรือตอบแบบอสิ ระ ระดับพฤติกรรมท่วี ัด  ประยุกตใ์ ช้  วิเคราะห์  ประเมนิ ค่า  สร้างสรรค์ สถานการณ์ ข้อคำถาม เกณฑ์การตรวจให้คะแนนและเฉลย 49 เลม่ ที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 7.คำชแ้ี จง ให้ท่านนำขอ้ สอบในขอ้ ที่ 6 มารว่ มวิพากษ์/พิจารณาตามประเดน็ ที่กำหนดพรอ้ มทัง้ อธบิ ายเหตุผล และแนวทางการแกไ้ ขพอสงั เขป รายการ เหตผุ ล/ขอ้ เสนอแนะ 1.ด้านรปู แบบ (Item card) 1.1 ข้อคำถามมี สถานการณ์ คำถาม และตัวเลอื กหรอื ไม่  มี  ไม่มี 1.2 รูปแบบของขอ้ สอบสอดคลอ้ งกบั ทก่ี ำหนดไว้ในบัตรข้อสอบหรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคล้อง 2. ด้านสถานการณ์ของคำถาม (Stimulus) 2.1 สถานการณส์ อดคลอ้ งกบั สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละ ตวั ช้วี ัดหรอื ไม่  สอดคล้อง  ไม่สอดคลอ้ ง 2.2 สถานการณห์ รือขอ้ สนเทศทก่ี ำหนดสอดคล้องกบั ความสนใจหรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคล้อง 2.3 สถานการณใ์ ชภ้ าษาสื่อสารท่เี ข้าใจง่ายเหมาะสมกับวัยหรอื ไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 2.4 สถานการณห์ รอื ขอ้ สนเทศท่ีกำหนด มขี อ้ มูลเพยี งพอในการใช้ตอบ คำถามหรือไม่  เพยี งพอ/จำเป็น  ไมเ่ พยี งพอ/ไมจ่ ำเปน็ 2.5 สถานการณม์ คี วามชัดเจน เหมาะสมกบั ระดบั ผู้เรยี นหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 3. ด้านขอ้ คำถาม (Stem) 3.1 คำถามสอดคล้องกับสถานการณ์หรือไม่  สอดคลอ้ ง  ไมส่ อดคล้อง 3.2 คำถามชัดเจนสอดคลอ้ งกับระดบั พฤตกิ รรมทีร่ ะบุหรอื ไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3.3 คำถามสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั หรอื ไม่ 50 เล่มท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ

ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ รายการ เหตุผล/ขอ้ เสนอแนะ  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 3.4 คำถามสอดคลอ้ งกบั หลกั การเขียนให้อย่ใู นรูปประโยคคำถามทีส่ มบรู ณ์ หรอื ไม่  สอดคลอ้ ง  ไม่สอดคลอ้ ง 3.5 คำถามมคี วามเหมาะสมกบั ความรขู้ องผู้ตอบหรอื ไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 3.6 คำถามสอ่ื สารได้ชัดเจนและใช้ภาษาที่เหมาะสมกบั ระดับของผู้เรียนหรอื ไม่  ชัดเจน  ไม่ชัดเจน 3.7 คำถามสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นคิดวเิ คราะห์หรือไม่  ส่งเสรมิ  ไม่ส่งเสริม 3.8 คำถามมขี อ้ มลู หรอื กำหนดเงอ่ื นไขเพียงพอต่อการเลอื กคำตอบหรือไม่  เพียงพอ/จำเป็น  ไมเ่ พียงพอ/ไม่จำเปน็ 4.ดา้ นเกณฑก์ ารประเมนิ (Rubric) และเฉลย 4.1 เขียนอธิบายคุณภาพของงานโดยใช้คำท่ีบอกถึงคณุ ภาพที่สูงกวา่ หรอื สิง่ ที่ ขาดหายไปชัดเจนหรือไม่  ชัดเจน  ไม่ชดั เจน 4.2 กำหนดระดับของการประเมินได้พอเหมาะกบั ความสามารถทจ่ี ะกำหนด ความแตกตา่ งตามระดบั คุณภาพไดอ้ ยา่ งพอเพยี งไม่มากเกนิ ไปชดั เจนหรอื ไม่  สอดคล้อง  ไมส่ อดคล้อง 4.3 เกณฑ์การประเมนิ มคี วามเหมาะสมหรือไม่  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม 4.4 เฉลยหรอื คำตอบมีความถกู ตอ้ งหรือไม่  ถกู ตอ้ ง  ไม่ถูกต้อง 4.5 เฉลยหรอื คำตอบครอบคลุมหรอื ไม่  ครอบคลุม  ไม่ครอบคลุม 51 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบความรูท้ ี่ 6 ตัวอย่างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ วิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างสสาร และพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ียวข้องกบั เสยี ง แสง และคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ ตัวชว้ี ัด ว2.3 ป 6/6 ตระหนักถงึ ประโยชน์ของความรขู้ องการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ขอ้ จำกดั และการประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั รูปแบบขอ้ สอบ  แบบจำกัดคำตอบหรอื ตอบสัน้  แบบไมจ่ ำกดั คำตอบหรอื ตอบแบบอิสระ ระดบั พฤตกิ รรมท่ีวดั ประยกุ ต์ใช้  วิเคราะห์  ประเมนิ คา่ สร้างสรรค์ สถานการณ์ หลอดไฟฟา้ โทมสั อัลวา เอดสิ ัน เป็นผ้รู เิ รมิ่ ประดิษฐห์ ลอดไฟฟ้า โดยพยายามคน้ หาวัสดุที่สามารถ ทนความร้อนได้สงู มากกว่า 10,000 ชนิด มาทำเป็นไสห้ ลอดไฟฟ้า และในปี ค.ศ. 1879 เขาพบว่าเมอ่ื นำเสน้ ใยจากฝา้ ยมาทำเปน็ ด้าย หลงั จากนน้ั นำมาเผาไฟจะ ไดถ้ า่ นคาร์บอนทท่ี นความร้อนได้สูง แลว้ นำมาบรรจไุ ว้ในหลอดสญุ ญากาศ แตถ่ งึ อย่างน้ันเอดิสันกย็ ังตอ้ งการหาวัสดุท่ดี กี ว่าฝ้าย และในทีส่ ดุ เขาก็พบวา่ เส้นใยของไม้ไผ่ในประเทศญป่ี ุ่นมีคณุ ภาพดกี วา่ คำถาม จะทราบไดอ้ ย่างไรว่า เส้นใยของไม้ไผ่จากประเทศญี่ปนุ่ มีคุณภาพดกี วา่ เสน้ ใยฝ้ายท่ีนำมาทำเป็นไสห้ ลอดไฟฟ้า (ตอบ 2 ชนิด) ตอบ ............................................................................................................................. แนวคำตอบ ไสห้ ลอดไฟฟา้ ทีท่ ำจากไม้ไผ่มีความทนทานมากกว่าไส้หลอดไฟฟ้าทที่ ำจากใยฝ้าย เกณฑก์ ารให้คะแนน/คะแนนเต็ม ไดค้ ะแนนเต็ม ได้คะแนนบางสว่ น (1 ไม่ได้คะแนน(0 (2 คะแนน) คะแนน) คะแนน) อธิบายถึงการเปรยี บเทียบ หรอื ขอ้ สงั เกตเก่ียวกับคณุ ภาพทด่ี ีกวา่ ตอบเพียงคุณภาพท่ีดีกว่า ไม่ตอบ ของไส้หลอดไฟฟา้ ทีท่ ำจากเสน้ ใยไมไ้ ผ่ เช่น แตไ่ มไ่ ดเ้ ปรียบเทียบ เช่น หรือตอบผดิ - ไส้หลอดไฟฟ้าทที่ ำจากไม้ไผ่มคี วามทนทานมากกวา่ ไส้หลอด - ทนทานกวา่ ไฟฟา้ ทที่ ำจากใยฝ้าย - อายกุ ารใช้งาน - ไส้หลอดไฟฟ้าท่ีทำจากไมไ่ ผม่ ีอายกุ ารใชง้ านนานกวา่ ไสห้ ลอด นานกว่า ไฟฟา้ ท่ที ำจากใยฝา้ ย - สวา่ งกวา่ ฯลฯ - ไส้หลอดไฟฟ้าท่ีทำจากไม่ไผม่ ีความสว่างมากกวา่ ไสห้ ลอด ไฟฟา้ ท่ที ำจากใยฝ้าย ฯลฯ 52 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสารความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ิของสสารกับ โครงสร้างและแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ตัวช้วี ัด ว2.1 ป 6/1 อธบิ ายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การร่อน การใช้แม่เหลก็ ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ รวมทง้ั ระบุวิธแี ก้ปัญหาใน ชวี ติ ประจำวันเกี่ยวกบั การแยกสาร รปู แบบขอ้ สอบ  แบบจำกัดคำตอบหรือตอบสั้น  แบบไม่จำกัดคำตอบหรือตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมทีว่ ัด ประยกุ ตใ์ ช้  วเิ คราะห์  ประเมินคา่ สร้างสรรค์ สถานการณ์ เด็กหญิงจำปีได้รับมอบหมายจากคุณครูให้สืบค้นการผลิตเกลือสินเธาว์ ของอำเภอคำเขอื่ นแก้ว จงั หวัดยโสธร ส่วนเด็กชายดักแด้ได้รับมอบหมายจากคุณครู ให้สืบค้นการผลิตเกลือสมุทร ของอำเภอ เมือง จังหวัดสมุทรสาคร ข้อคำถาม นกั เรยี นคดิ วา่ การผลิตเกลือสมุทรและเกลอื สินเธาว์อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตรใ์ นการผลติ เหมือนหรอื แตกต่างกัน อย่างไร ตอบ ................................................................................................................................................................... แนวคำตอบ แตกต่างกนั การผลิตเกลือสมุทร ใช้หลักการระเหยและหลกั การตกผลกึ สว่ นการผลิตเกลอื สนิ เธาว์ ใชห้ ลักการระเหยแห้ง ฯ เกณฑ์การใหค้ ะแนน/คะแนนเตม็ คะแนนเตม็ (2 คะแนน) คะแนนบางส่วน (1 คะแนน) ไมไ่ ดค้ ะแนน (0 คะแนน) ตอบได้ถูกต้องพรอ้ มคำอธบิ าย ตอบได้ถกู ต้องพร้อมคำอธบิ าย ตอบไดไ้ มถ่ ูกต้องและอธบิ าย เหตุผลได้ถูกตอ้ ง เหตผุ ลไดบ้ างสว่ น เหตผุ ลไมไ่ ด้ แนวการตอบ แนวการตอบ - แตกต่างกัน การผลิตเกลือ - แตกต่างกัน แตไ่ มม่ ีเหตุผล สมุทรใช้หลักการระเหยและ ประกอบ หรอื เหตผุ ลไมเ่ หมาะ หลักการตกผลกึ สว่ นการผลิต สมเหตุสมผล เกลอื สินเธาว์ ใชห้ ลกั การระเหย แห้ง 53 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 2.วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างสสาร และ พลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั เสียง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้วี ดั ว2.3 ป 6/1 ระบสุ ว่ นประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ อยา่ งง่ายจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ รปู แบบขอ้ สอบ  แบบจำกัดคำตอบหรือตอบส้ัน  แบบไมจ่ ำกัดคำตอบหรือตอบแบบอิสระ ระดบั พฤตกิ รรมทีว่ ดั ประยุกต์ใช้  วิเคราะห์  ประเมนิ ค่า สรา้ งสรรค์ สถานการณ์ พจิ ารณาข้อความต่อไปน้ีแล้วตอบคำถาม ภผู า สร้างแบบจำลองแผนผังวงจรไฟฟา้ อยา่ งง่ายโดยใชพ้ ลงั งานจากถา่ นไฟฉาย ดังภาพ ขอ้ คำถาม หากไมม่ ีสวติ ซไ์ ฟ ภผู าสามารถใชว้ สั ดใุ ดมาต่อในตำแหนง่ S1 S2 และ S3 โดยท่ี S1 S2 และ S3 ต้องไมเ่ ปน็ วัตถุชนิดเดยี วกนั เพือ่ ทำให้หลอดไฟสว่างทุกดวง พรอ้ มบอกเหตผุ ลประกอบทส่ี มเหตุสมผล ตอบ ................................................................................................................................ แนวคำตอบ ลวดทองแดง เพราะเปน็ ตวั นำไฟฟา้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน/คะแนนเตม็ คะแนนบางสว่ น ไม่ได้คะแนน (2 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม ตอบไม่ตรงประเด็นหรอื (4 คะแนน) บอกวสั ดุทีส่ ามารถนำมาต่อแล้วทำให้ ไมต่ อบ กระแสไหลครบวงจร เช่น ทองแดง บอกวัสดุท่สี ามารถนำมาตอ่ แล้วทำให้กระแสไหล ลวดเสียบกระดาษ ฯลฯ แตใ่ ห้เหตุผล ครบวงจร เช่น ทองแดง ลวด ลวดเสียบกระดาษ ประกอบไม่สมเหตุสมผล ฯลฯ พรอ้ มให้เหตุผลประกอบสมเหตุสมผล คือ เป็น ตวั นำไฟฟ้า แนวคาตอบ ลวดทองแดง / ช้อนสแตนเลส /กรรไกรเหลก็ / อลูมเิ นียม / โลหะชนดิ ต่างๆ เงิน ทอง ตะปู / แกรไฟต์ / ทองเหลอื ง / ลวด เหตุผล เพราะ * เป็นตัวนำไฟฟ้า หรอื * กระแสไฟไหลผา่ นได้ ฯลฯ 54 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสสาร และพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเก่ยี วข้องกบั เสยี ง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้วี ดั ว2.3 ป 6/1ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหน้าทีข่ องแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ รปู แบบขอ้ สอบ  แบบจำกดั คำตอบหรือตอบสนั้  แบบไมจ่ ำกัดคำตอบหรือตอบแบบอิสระ ระดบั พฤติกรรมที่วัด ประยุกตใ์ ช้  วิเคราะห์  ประเมนิ ค่า สรา้ งสรรค์ พจิ ารณาขอ้ มูลตอ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคำถาม สถานการณ์ สายไฟฟา้ เปน็ อุปกรณท์ ี่ใชส้ ่งพลังงานไฟฟา้ จากที่หนง่ึ ไปยงั อีกท่หี น่งึ สายไฟฟ้า ประกอบด้วยวสั ดุ ทยี่ อมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้เรียกวา่ ตัวนำไฟฟ้าอยูด่ ้านใน และหุ้มดว้ ยวสั ดุท่ีไม่ยอมให้กระแสไฟฟา้ ไหล ผา่ น เรยี กวา่ ฉนวนไฟฟา้ อยูด่ า้ นนอก ขอ้ คำถาม จงยกตัวอยา่ งวสั ดทุ มี่ สี มบัตเิ ช่นเดยี วกบั วัสดทุ อ่ี ยู่ดา้ นในของสายไฟฟา้ และทอี่ ยู่ด้านนอกของ สายไฟฟ้า มาอย่างละ 1 ชนิด ตอบ............................................................................................................................. ... แนวคำตอบ วัสดุทมี่ ีสมบัติเช่นเดียวกับวัสดุทีอ่ ยดู่ ้านในของสายไฟฟา้ เชน่ ทองแดง และวัสดทุ ่ีเป็น ฉนวนไฟฟ้าเชน่ PVC เกณฑ์การให้คะแนน/คะแนนเตม็ ไดค้ ะแนนเต็ม (6 คะแนน) ได้คะแนนบางสว่ น (3 ไม่ไดค้ ะแนน คะแนน) เมอ่ื ตอบไดต้ ้องถูกทั้ง 2 ประเด็น แนวคำตอบ เม่ือตอบได้ถกู ตอ้ งเพียง ไม่ตอบหรอื ตอบอยา่ งอน่ื 1. ระบุชอื่ วสั ดุทเี่ ป็นตวั นำไฟฟ้าไดถ้ กู ต้อง เชน่ ประเด็นเดยี ว ท่ีไมต่ รงตาม แนวคำตอบ ทองแดง อลูมิเนียม เหลก็ เงนิ สงั กะสี ทองคำ ฯลฯ 2. ระบวุ ัสดุทีเ่ ปน็ ฉนวนไฟฟ้าได้ถกู ต้อง เช่น พลาสติก ยาง PVC ฯลฯ 55 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ัย กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทัง้ ผลตอ่ ส่งิ มชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม ตวั ช้ีวัด ว3.2 ป 6/1 เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดหินอคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร และอธบิ าย วัฏจักรหิน จากแบบจำลอง รปู แบบข้อสอบ  แบบจำกดั คำตอบหรือตอบส้นั  แบบไม่จำกัดคำตอบหรือตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมที่วัด ประยกุ ตใ์ ช้  วเิ คราะห์  ประเมนิ ค่า สร้างสรรค์ สถานการณ์ พจิ ารณาขอ้ ความต่อไปนแ้ี ลว้ ตอบคำถาม จากขา่ วการประทุของภูเขาไฟแหง่ หนงึ่ โดยอธบิ ายลกั ษณะการประทุแสดงภาพตัดขวางได้ ดงั นี้ ขอ้ คำถาม จากภาพถา้ หนิ ในบรเิ วณ A เกิดการกัดกร่อน แล้วรวมตัวกนั จะทำให้เกดิ หินชนดิ ใด เพราะเหตุใด ตอบ.................................................................................................................................................. แนวคำตอบ หนิ ตะกอนเพราะ เกิดจากการพดั พา และกัด เซาะของกระแสน้ำ แล้วมาทับถม รวมกัน กลายเป็นหนิ ตะกอน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/คะแนนเตม็ ได้คะแนนเตม็ (4 คะแนน) ได้คะแนนบางสว่ น(2 คะแนน) ไมไ่ ดค้ ะแนน(0 คะแนน) ระบุช่อื หนิ ท่ีเปน็ หินท่ีเกิดจากการกัดกรอ่ น ระบุชอ่ื หนิ ไดถ้ ูกต้อง หรือไม่ ไม่ตอบหรือตอบ อย่างอ่ืนท่ี และรวมตัวกนั ได้ถูกตอ้ ง พรอ้ มให้เหตุผล ระบชุ อ่ื หินแตใ่ ห้เหตุผล ไม่ตรงตาม แนวคำตอบหรอื ประกอบ สมเหตุสมผล แนวคำตอบ ประกอบ สมเหตุสมผล ระบทุ ไี่ ม่ สมั พันธ์กบั * หินตะกอน * หินชนั้ * หินปนู ฯลฯ 1. หินตะกอน ตะกอน หนิ ชั้น กระบวนการเกดิ * หินทราย * หนิ กรวด เพราะ เกิดจาก หรอื หนิ ปนู หรอื หินทราย การพัดพา และกดั เซาะของกระแสน้ำ หรอื หินกรวด แลว้ มาทบั ถม รวมกนั กลายเป็นหนิ 2. หนิ ท่เี กิดจากการทบั ถม ตะกอน และ พัดพาของกระแสน้ำ 56 เล่มที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบหลงั ศึกษาชดุ ฝึกอบรม คำสัง่ ใหท้ ่านเลอื กคำตอบทที่ ่านเหน็ ว่าถกู ต้องท่ีสุดเพียงคำตอบเดยี ว 1. เพราะเหตใุ ดจึงนิยมออกข้อสอบแบบเขยี นตอบ 1.วดั ความสามารถระดับการวเิ คราะห์ขึน้ ไปได้ 2.ข้อสอบมีความเที่ยงตรง 3. ตรวจงา่ ยและสะดวกรวดเรว็ 4. วัดได้ครอบคลมุ เนอ้ื หาทั้งหมด 2. ตวั ชี้วดั ใดเหมาะทจี่ ะวดั และประเมินผลดว้ ยข้อสอบแบบเขียนตอบ 1. ตระหนักถึงความสำคญั ของระบบย่อยอาหาร 2. สรา้ งแบบจำลองการหมุนของโลก 3. ปลกู ฝกั ปลอดสารพษิ ได้ถกู ต้องตามหลกั วิชาการ 4. ทดลองการแยกสารละลายของสารเนอื้ ผสม3. 3. ข้อใดคอื ความแตกตา่ งระหว่างข้อสอบเลอื กตอบกบั ขอ้ สอบเขียนตอบที่ชดั เจนท่ีสุด 1. ความเปน็ ปรนัยของขอ้ คำถาม 2. การกำหนดเกณฑ์การให้คะแนน 3. ความครอบคลมุ ของเนอ้ื หาทอ่ี อกขอ้ สอบ 4. สถานการณ์ที่ใช้เปน็ ข้อมลู ในการตอบคำถาม 4. ข้อใดไม่ใช่ องคป์ ระกอบสำคญั ของข้อสอบเขียนตอบ 1. สถานการณ์ทเ่ี ป็นข้อมูล 2. ประเด็นคำถาม 3. ตวั เลอื กและตัวลวง 4. เกณฑ์การให้คะแนน 5. ขั้นตอนแรกของสรา้ งเครือ่ งมือแบบเขยี นตอบคือข้อใด 1. การกำหนดเกณฑ์การประเมนิ คณุ ภาพ 2. วเิ คราะห์มาตรฐานและตัวชว้ี ดั ตามหลักสูตร 3. เลอื กวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล 4. เลือกรูปแบบของข้อสอบ 57 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ

ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อสอบเขยี นตอบ 1. มเี นื้อหาและคำตอบท่ีชดั เจนตายตัว 2. สามารถวดั พฤตกิ รรมระดับการประเมนิ คา่ ได้เปน็ อย่างดี 3. สามารถวัดไดใ้ นทุกระดบั พฤตกิ รรมทางสติปญั ญาของบลมู 4. สามารถวัดระดับพฤตกิ รรมท่เี ปน็ การคดิ ข้นั สูง ได้ 7. ตัวช้วี ัดใด ไม่เหมาะที่จะวัดและประเมินผลดว้ ยแบบทดสอบแบบเขยี นตอบ 1. ออกแบบการทดลองเร่อื งแรงดนั อากาศ 2. บอกความแตกต่างระหว่างของแข็ง ของเหลวและแกส๊ 3. จงวัดปริมาตรของสารลาย A ในบีกเกอร์ขนาด 250 ml 4. อธิบายการเคลอ่ื นทข่ี องอนภุ าคมวลสาร 8. นักเรียนเขยี นขน้ั ตอนการวางแผนการแกป้ ัญหา อย่ใู นระดับพฤติกรรมดา้ นใดของทฤษฎบี ลมู 1. การประเมินคา่ 2. การคดิ วเิ คราะห์ 3. การสงั เคราะห์ 4. การคิดสรา้ งสรรค์ 9. ข้อดขี องข้อสอบแบบเขยี นตอบ ไดแ้ ก่ขอ้ ใด 1. สามารถวดั พฤติกรรมขนั้ สงู 2. ใช้เวลาในการสอบไมม่ าก 3. ตรวจใหค้ ะแนนได้ง่าย 4. วดั ไดค้ รอบคลมุ เนือ้ หา 10.การออกข้อสอบแบบเขยี นตอบ เมือ่ ต้องการวัดส่งิ ใด 1. ใครฉลาดกวา่ กัน 2. ใครมีความคดิ ริเรมิ่ ดี 3. ใครคล่องกวา่ กัน 4. ใครมคี วามรู้ความจำดี 58 เล่มท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เฉลย ขอ้ ท่ี ข้อท่ี 1161 2173 3184 4391 5 2 10 2 59 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ บรรณานกุ รม บญุ ธรรม กจิ ปรดี าบริสทุ ธิ์. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนการสอน. กรงุ เทพ ฯ: สามเจริญพาณิชย์, 2535. เยาวดี วิบลู ยศ์ ร.ี การวัดและการสร้างแบบสอบสมั ฤทธ์ิ. พิมพ์ครงั้ ท่ี 4. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2548. ลว้ น สายยศ และอังคณา สายยศ. เทคนคิ การวดั ผลและการเรยี นรู้. พิมพค์ รงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ: สุวริ ิยา สาสน์, 2543. ศิริชัย กาญจนวาสี. ทฤษฎกี ารทดสอบแบบดงั้ เดิม. พมิ พค์ รัง้ ท่ี 6. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2552. สำนักทดสอบทางการศึกษา. หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นแบบเขยี นตอบและเลอื กตอบ (ฉบบั ปรับปรุง 2561). สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขน้ั พื้นฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ, 2561. สำนักทดสอบทางการศึกษา. หลกั สตู รฝกึ อบรมเทคนิคการวัดและประเมนิ ผลระดับช้ันเรยี น. สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2561. Anderson, L W, & Krathwohl D R. A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman, 2001. Bloom, Benjamin S. Taxonomy of Education Objective. New York : Devid Mckay, 1957. National Research Council (NRC). A Framework for K-12 Science Education: Practices, Crosscutting Concepts, and Core Idea. Committee on a Conceptual Framework for New K-12 Science Education, Division of Behavioral and Social Sciences and Education. Washington, DC : The National Academies Press, 2012 . 60 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ

ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ คณะทำงาน กรรมการท่ีปรึกษา ผูอ้ ำนวยการสำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษา 1. นายประทีป ทองด้วง สุราษฎร์ธานี เขต 2 รองผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา 2. นายจุติพร ขาวมะลิ ประถมศึกษาสุราษฎรธ์ านี เขต 2 3. นางมณีรตั น์ อินทร์คง ผอู้ ำนวยการกล่มุ นเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 4. นายนพพร แท่นนลิ การจดั การศกึ ษา 5. นายกฤษณนั ท์ ทองจนี ศกึ ษานิเทศก์ 6. นางสาวนิตยา ภมู ิไชยา ศึกษานิเทศก์ 7. นางสาวสภุ าภรณ์ ใจสขุ 8. นางสาวศภุ รตั น์ อินทรสุวรรณ ศกึ ษานิเทศก์ ศกึ ษานิเทศก์ ศึกษานิเทศก์ ผเู้ ขยี น ศึกษานเิ ทศก์ นางสาวนชุ จิรา แดงวันสี สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 2 เขต 2 61 เล่มท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook