นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 4. ขอ้ เสยี ของภำษำจำวำ 1) ท�างานได้ช้ากว่า native code หรือโปรแกรมที่เขียนข้ึนด้วยภาษาอื่น เช่น C 20. ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ตอบคาํ ถามวา ขอ เสยี หรือ C++ ท้ังนี้ เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนข้ึนด้วยภาษาจาวา จะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ของภาษาจาวามอี ะไรบา ง จากนนั้ ครใู หศ กึ ษา ก่อน แล้วเม่ือโปรแกรมท�างาน ค�าสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปล่ียนเป็นภาษาเครื่องอีกทีหน่ึง ตวั อยา งการเขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาจาวาเพอื่ คร้งั ละคา� สัง่ (หรือกลมุ่ ของค�าส่ัง) ท�าใหท้ �างานช้ากวา่ native code ซ่ึงอยู่ในรปู ของภาษาเคร่อื ง สรา งโปรแกรมคอมพวิ เตอรส าํ หรบั คาํ นวณหา แลว้ ตั้งแต่ compile โปรแกรมทต่ี ้องการความเร็วในการทา� งานจงึ ไม่นยิ มเขยี นดว้ ย Java พ้ืนที่ส่ีเหลี่ยม ซ่ึงครูจะคอยอธิบายวาแตละ 2) 1tool ท่ีมีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวา มักไม่ค่อยทันสมัย ท�าให้หลายอย่าง กรอบคาํ สง่ั มหี นา ทอ่ี ยา งไรบา ง โปรแกรมเมอรจ์ ะตอ้ งเปน็ คนทา� เอง ทา� ใหต้ อ้ งเสยี เวลาทา� งานในสว่ นที่ tool ทา� ไมไ่ ด้ ถา้ เราดู tool ของ Microsoft จะใชง้ านได้งา่ ยกวา่ และพฒั นาได้เรว็ กวา่ ตวั อยา่ ง กำรเขยี นชุดค�ำสั่งดว้ ยภำษำจำวำ เพอ่ื สร้างโปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ า� หรับคา� นวณ หาพ้ืนทส่ี เี่ หลี่ยม import java.util.Scanner; การเรยี กใช้งานคลาสท่ีอยู่ ตา่ งแพ็กเกจ package th.ac.thailand; การระบุต�าแหน่งหรือท่ีอย่คู ลาส class AreaOfRectangle { คลาส public static void main (String[] args) ค�าสัง่ การรบั ค่า/ขอ้ มูลนา� เขา้ { width และ length SddSSoocyyauussnttbbeenllmmeeer..wlooesuunicdttga..tpptnhhrrnii=nne=rttllsnns=cc((a\"\"annEEnennnnwetteeerr.rr.nSnelwceexaxnitndtDgDntthoeho:ru:\"u(\")bS)b;;lylees(()t);e;m.in); double area = width * length; ค�าสงั่ การคา� นวณ/ประมวลผล Sisy:\"s+teamre.ao);ut.println(\"Area of Rectangle คา� สงั่ การแสดงผล/ขอ้ มูลน�าออก } } 40 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 โปรแกรมเมอร คือ บคุ คลที่เขียนโปรแกรมสั่งใหค อมพิวเตอรปฏิบัตติ ามที่ ขอ ใดอธิบายการเขยี นโปรแกรมไดถูกตอ งท่สี ุด ตอ งการได และมคี วามชาํ นาญ เขา ใจหลกั และกฎเกณฑข องภาษาตา งๆ ทเ่ี ขยี น 1. การพัฒนาแอปพลิเคชันเพ่ือใชในการแกปญหาตามที่ เพอื่ สอื่ สารใหเ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรเขา ใจ ซ่งึ ขอ ดีของอาชีพโปรแกรมเมอร มีดังน้ี ออกแบบไว 2. กระบวนการใชภาษาคอมพิวเตอรเพื่อแกปญหาตามท่ี • รายไดส งู ออกแบบไว • เปนอาชีพทสี่ ามารถตอยอดได 3. การพฒั นาแอปพลเิ คชนั เพอ่ื ทาํ งานอยา งใดอยา งหนงึ่ ตามท่ี • เปน ทตี่ อ งการของตลาดแรงงาน กาํ หนดไว • สามารถหารายไดเสรมิ เพิ่มเติมได 4. กระบวนการนาํ คอมพวิ เตอรเ ขา มาชว ยในการแกป ญ หาตาม ทอ่ี อกแบบไว (วิเคราะหคําตอบ การเขียนโปรแกรมเปนกระบวนการใชภาษา คอมพวิ เตอรเพ่อื แกปญหาตามทอี่ อกแบบไว ดังนั้น ตอบขอ 2.) T44
นาํ สอน สรปุ ประเมิน 1.6 รปู แบบการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ CinoRmeaSlcLiife ขน้ั สอน การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผู้เขียนโปรแกรม ปจั จบุ นั คอมพวิ เตอรน์ บั 21. ครูอธิบายรูปแบบการเขียนโปรแกรม ต้องเข้าใจหลักการในการเขียนแต่ละรูปแบบ ซึ่งจะท�าให้ ว่ามีประโยชน์ต่อมนุษย์มาก คอมพิวเตอรใหฟงวา การเขียนโปรแกรม สามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาโปรแกรม ขน้ึ ท้ังในดา้ นการทา� งานแทน คอมพิวเตอรผูเขียนโปรแกรมจะตองเขาใจ ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะ มนุษย์ในชีวิตประจ�าวัน เช่น หลักการในการเขียนแตละรูปแบบ ซึ่งจะ หรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกัน การเลือกภาษาโปรแกรม ระบบการเงิน การธนาคาร ทาํ ใหส ามารถเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรด ว ย หรือภาษาคอมพิวเตอร์เพ่ือน�ามาเขียนโปรแกรมน้ันข้ึน การควบคุม เส้นทางการบิน ภาษาโปรแกรมตา งๆ งา ยขนึ้ จากนนั้ ครถู าม คาํ ถามกบั นกั เรยี นวา ปจ จบุ นั รปู แบบการเขยี น โปรแกรมขน้ั ตน แบง เปน กรี่ ปู แบบ อะไรบา ง อยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเหมาะสมของโปรแกรมกับ การผลิตไฟฟ้า การผลิตสนิ ค้า o_O ขนั้ สรปุ ลักษณะงานท่ีจะน�าไปใช้ การท�างานร่วมกันได้กับโปรแกรม อุปโภคบริโภคต่าง ๆ หรือ อ่ืน ๆ หรืออาจเปน็ ความถนดั ของแต่ละคน เปน็ ตน้ โดยภาษา การให้ความบันเทิงด้านภาพ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เร่ือง การ โปรแกรมในปัจจุบันมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมข้ันต้น และเสียง ตลอดจนประโยชน์ เขียนโปรแกรมเบ้ืองตน หากนักเรียนคนใดมีขอ 3 รูปแบบ แบ่งตามโครงสรา้ ง ดงั น้ี ด้านการศึกษา ค้นคว้า เช่น สงสัยสามารถสอบถามครูไดทันที • โครงสร้ำงกำรท�ำงำนแบบเรียงล�ำดับ (sequence การเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ต structure) เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมท่ีมีการท�างานเป็น การค้นคว้าขอ้ มลู ขนั้ ประเมนิ การที่คอมพิวเตอร์ ตารางการวัดและประเมนิ ผล ลา� ดบั ข้ันตอน ไล่เรยี งล�าดบั กนั ไปเหมอื นเสน้ ตรง ไม่มีการขา้ ม สามารถท�างานตามที่มนุษย์ ขน้ั ตอน ไมม่ กี ารยอ้ นกลบั ไปทา� งานเดมิ ทท่ี า� ซา้� ไปแลว้ หรอื ไมม่ ี ต้องการได้นั้น จ�าเป็นต้อง วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตาม การตัดสนิ ใจเพอ่ื เลือกท�างานใด ๆ ควบคุมการป้อนค�าส่ังให้แก่ กอนเรยี น กอนเรยี น สภาพจริง • โครงสร้ำงกำรท�ำงำนแบบเลือกท�ำหรือมีเง่ือนไข คอมพวิ เตอรท์ า� งานตามลา� ดบั (condition structure) เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมท่ีมีการ ข้ันตอนที่เราต้องการ ค�าส่ังที่ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 ตัดสินใจ มีทางเลือกให้เลือกกระท�า โดยแต่ละทางเลือกจะมี ใช้ควบคุมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ เงื่อนไข ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบเง่ือนไขน้ัน ๆ ก่อน จึง นน้ั เรยี กวา่ ภาษาคอมพวิ เตอร์ รายบุคคล จะสามารถท�างานในทางเลือกนั้นได้ ท้ังนี้ ภายในโปรแกรม สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 คอมพวิ เตอรอ์ าจมกี ารตดั สนิ ใจเชน่ นอี้ ยหู่ ลายจดุ เรยี กโครงสรา้ งการทา� งานลกั ษณะนว้ี า่ selection การทาํ งานกลมุ พฤติกรรม ผานเกณฑ หรือ condition • โครงสรำ้ งกำรท�ำงำนแบบท�ำซ�ำ้ (iteration structure) เปน็ รปู แบบการเขียนโปรแกรม ทม่ี ีการท�างานเดมิ ซ�า้ ๆ โดยมีเงอ่ื นไขเพอื่ ก�าหนดจา� นวนรอบในการทา� งานซ้�า ซ่ึงการท�างานแบบ ท�าซา้� ม ี 3 ประเภท คือ การทา� งานแบบท�าซ้�าตามจา� นวนรอบท่ีระบุ การทา� งานแบบทา� ซ�า้ ในขณะ ที่เงือ่ นไขเปน็ จริง การทา� งานแบบท�าซ�้าจนกระทั่งเงอื่ นไขเป็นจรงิ 41 ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล โครงสรา งโปรแกรมแบบใดทแี่ สดงขนั้ ตอนการทาํ งานตามลาํ ดบั ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการทํางานกลุมของ กอ น-หลังจากบนลงลา ง นักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบสังเกตพฤติกรรม การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา 1. โครงสรางการทํางานแบบทําซํ้า ทายแผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 1 หนว ยการเรียนรทู ่ี 2 2. โครงสรางการทํางานแบบขอความ 3. โครงสรา งการทาํ งานแบบเรยี งลําดบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 4. โครงสรางการทํางานแบบเลอื กทําหรอื มเี งอ่ื นไข คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี (วเิ คราะหค ําตอบ โครงสรางการทํางานแบบเรียงลําดับเปน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน โครงสรา งโปรแกรมทแี่ สดงขนั้ ตอนการทาํ งานตามลาํ ดบั กอ น-หลงั จากบนลงลาง โดยแตละข้ันตอนจะถูกประเมินผลเพียงครั้งเดียว ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ ชื่อ–สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) 32 ของนักเรียน ความคิดเหน็ ฟังคนอน่ื ตามท่ีไดร้ บั ส่วนร่วมใน 15 1 การแสดงความคดิ เหน็ มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ื่น ผลงานกลุ่ม 3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 4 ความมีน้าใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................ ............./.................../............... ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดมี าก ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง 11–13 ดี เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง T45
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ ซอฟตแ วรท ใี่ ชใ นการเขยี น 2 ซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ชใ นการเขียน โปรแกรมทรี่ จู กั กนั ใน ซอฟต์แโวปร1์ทรี่ใแช้เกขียรนมภาคษอาโมปรพแกิวรเมตเพอื่อรสร์ ้างโปรแกรม 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา ซอฟตแ วร ปจ จบุ นั มอี ะไรบา ง ที่ใชในการเขียนโปรแกรมท่ีรูจักกันในปจจุบัน คอมพิวเตอร์นั้นสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 2 กลุม่ ดังน้ี มีอะไรบาง จากน้ันใหนักเรียนชวยกันตอบ คําถาม กลมุ่ ท่ ี 1 โปรแกรม Editor ทั่วไป เปน็ ซอฟตแ์ วร์ที่ม่งุ เน้นการพิมพข์ ้อความหรอื การ เขยี นชดุ ค�าสัง่ ภาษาโปรแกรมเปน็ หลกั แตไ่ มไ่ ด้ตดิ ต้ังเคร่อื งมืออ�านวยความสะดวกต่าง ๆ ในการ 2. ครสู มุ ถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นวา เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ไว้ด้วย โปรแกรม Editor กลุ่มนี ้ สว่ นใหญส่ ามารถใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือ นกั เรยี นเคยใชง านซอฟตแ วรท าํ ชนิ้ งานใดบา ง ส�าหรบั เขยี นภาษาโปรแกรมไดท้ ุกภาษา ตวั อยา่ งโปรแกรม Editor ทว่ั ไป เชน่ Notepad EditPlus เปน็ ต้น ขน้ั สอน กลุ่มท่ี 2 โปรแกรม IDE Editor เปน็ ซอฟต์แวรท์ ่ีรวมเครือ่ งมอื อา� นวยความสะดวก ตา่ ง ๆ ในการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ โดยส่วนมากโปรแกรม IDE Editor จะใช้เฉพาะภาษา 1. ครูอธิบาย เร่ือง ซอฟตแวรที่ใชในการเขียน โปรแกรมภาษาหนงึ่ ๆ หรอื กลมุ่ ภาษาโปรแกรมทใี่ กลเ้ คยี งกนั เทา่ นนั้ ตวั อยา่ งโปรแกรม IDE Editor โปรแกรมคอมพิวเตอรวา สามารถแบง ไดเปน เช่น Turbo C++ ส�าหรบั เขียนโปรแกรมด้วยภาษา C โปรแกรม Scratch สา� หรับเขียนโปรแกรม 2 กลุม ดังนี้ โปรแกรม Editor ท่ัวไป เปน ดว้ ยภาษา Scratch โปรแกรม python IDLE ส�าหรบั เขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา python โปรแกรม ซอฟตแวรท่ีมุงเนนการพิมพขอความหรือการ NetBeansIDE สา� หรบั เขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java เปน็ ตน้ เขียนชุดคําส่ังภาษาโปรแกรมเปนหลัก และ โปรแกรม IDE Editor เปนซอฟตแวรท่ีรวม เครื่องมืออํานวยความสะดวกตางๆ ในการ เขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร 2.1 ตวั อยา งซอฟต์แวร์ท่ใี ชใ นการเขยี นโปรแกรม 1. โปรแกรม Turbo C++ เพ่ือเขยี นชดุ ค�ำสง่ั ภำษำ C เบ้อื งต้น ภาษาซ ี เปน็ การเขยี นโปรแกรมพนื้ ฐานทส่ี ามารถประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานตา่ ง ๆ ไดม้ ากมาย เชน่ โปรแกรม MATLAB (The MathWorks-MATLAB and Simulink for Technical Computing) ซึ่งเวลาใชส้ ามารถพมิ พช์ ุดคา� สงั่ ภาษาซเี พ่มิ เขา้ ไปในโปรแกรมค�านวณทางคณติ ศาสตร ์ ประมวล ผลทางสัญญาณไฟฟา้ และทางไฟฟ้าส่ือสาร ซึ่งท�าให้ประสิทธภิ าพของงานท่ีทา� ดีย่ิงขึ้น ภาพท่ี 2.6 ตัวอยา่ งโปรแกรมภาษาซี ภาพที ่ 2.7 ตวั อย่างโปรแกรมภาษาซี แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจําหวั ขอ 42 ซอฟตแวรท่ีนิยมใชในปจจุบัน ไดแก โปรแกรม Turbo C++ โปรแกรม Scratch โปรแกรม Python IDLE โปรแกรม NetBeans IDE นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 ซอฟตแ วร คอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรห รอื ชดุ คาํ สง่ั ทโ่ี ปรแกรมเมอรเ ขยี นขน้ึ การทดสอบโปรแกรมมีความสาํ คญั อยา งไร ดว ยภาษาคอมพวิ เตอรภ าษาใดภาษาหนง่ึ โดยเครอื่ งคอมพวิ เตอรส ามารถเขา ใจ 1. เพอ่ื ตรวจสอบวา ผูใ ชมคี วามพงึ พอใจมากนอยเพยี งใด เเละปฏิบัติตามได 2. เพ่ือตรวจสอบความสมบรู ณของฟงกช ันการทํางานตา งๆ 3. เพ่ือหาวธิ กี ารเขยี นโปรแกรมทมี่ คี วามซบั ซอ นนอยกวา เดมิ 4. เพื่อตรวจสอบและแกปญหาการทํางานผิดพลาดของ โปรแกรม (วเิ คราะหค าํ ตอบ การทดสอบโปรแกรมเปน ขน้ั ตอนการตรวจสอบ ความถูกตองของโปรแกรมกอนนําไปใชงานจริง เพื่อใหผูเขียน โปรแกรมสามารถระบุความผิดพลาดของโปรแกรมไดในกรณีที่ โปรแกรมมีจุดผิดพลาดซอนอยู พรอมทั้งดําเนินการแกไขในจุด ผิดพลาดดังกลา ว ดงั น้นั ตอบขอ 4.) T46
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โปรแกรม Turbo c/c++ เปน็ โปรแกรมเขยี นภาษา C โดยบอรแ์ ลนด ์ ซอฟตแ์ วร ์ คอรป์ อเรชนั ขนั้ สอน (Borland Software Corporation) ซ่งึ เพยี บพร้อมไปด้วยเครือ่ งมือตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ โปรแกรม เรยี บเรยี งข้อความ และโปรแกรมตรวจสอบและแปลคา� สง่ั 2. ครูอธิบายโปรแกรม Turbo C++ เพื่อเขยี นชุด คาํ สง่ั ภาษา C เบือ้ งตนวา ภาษา C เปนการ แถบเมนู เขียนโปรแกรมพื้นฐานที่สามารถประยุกตใช หนา้ ต่างเอดเิ ตอรส์ า� หรับ กับงานตางๆ ไดมากมาย จากนน้ั อธิบายสวน ประกอบและเมนหู ลกั ตา งๆ ใหนกั เรียนฟงวา เขยี นชุดคา� สั่ง สั่งให้ ประกอบไปดว ยอะไรบา ง ทา� งานโดยกด Alt+F9 และ Ctrl+F10 ภาพท ี่ 2.8 ตัวอย่างโปรแกรม Turbo c/c++ แถบคีย์ลดั เมนูหลกั (Main Menu) ประกอบดว้ ย File เก็บรวมรวมค�าสั่งเก่ียวกับการเปิด-ปิดไฟล์ การบันทึกไฟล์ การออกจาก โปรแกรม Edit การแก้ไขโปรแกรม การส�าเนาหรอื การย้ายข้อความทปี่ รากฏบนเอดิเตอร์ Search ค้นหาคา� หรือข้อความทีเ่ ขยี นในโปรแกรม ตลอดจนการแทนท่ีคา� Run รันโปรแกรมทเ่ี ขียนด้วยค�าสัง่ แบบตา่ ง ๆ Compile แปลข้อมลู ของโปรแกรมที่เป็น source file ให้เป็น object file Debug ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม Project ใช้ในการระบุไฟล์ต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต้องน�ามาใช้ในตัวโปรแกรมและ project ทีท่ �างานอย่ ู Option ก �าหนดรายละเอียดต่าง ๆ ของคอมไพเลอร์ เช่น directories compiler เปน็ ตน้ Window จดั การเกยี่ วกับหนา้ ต่างทใี่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม Help ขอความชว่ ยเหลอื หรือรายละเอยี ดเกย่ี วกับโปรแกรมในลักษณะต่าง ๆ 43 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม โครงสรางใดเปนรูปแบบการเขียนโปรแกรมที่มีการตัดสินใจ สว นประกอบของโปรแกรม Turbo C++ แบง สว นของหนา จอในการใชง านออก แบบมที างเลือกใหเลือกกระทํา เปน 4 สว น ดงั น้ี 1. โครงสรางแบบทาํ ซํา้ 1. สว นเมนูหลกั (Main Menu) เปน สว นทีแ่ บง การทาํ งานออกเปนเมนู 2. โครงสรางแบบลาํ ดบั ตา งๆ ตามลกั ษณะการทาํ งาน ไดแ ก เมนู File, Edit, Search, Run, Compile, 3. โครงสรางแบบเง่ือนไข Debug, Project, Options, Window และ Help 4. โครงสรา งแบบวเิ คราะหโ ปรแกรม 2. สว นเขียนโปรแกรม (Edit) เปนสว นทผ่ี ูใชงานจะใชเ พอ่ื เขยี นโปรแกรม (วิเคราะหคําตอบ โครงสรางแบบเงื่อนไขเปนรูปแบบการเขียน โดยคาํ สง่ั ทใ่ี ชใ นการเขยี นตอ งเปน คาํ สงั่ ทรี่ องรบั บนภาษา C และ C++ เทา นนั้ โปรแกรมท่ีมีการตัดสินใจ มีทางเลือกใหเลือกกระทํา โดยแตละ ทางเลอื กจะมเี งอื่ นไข ซงึ่ ตอ งผา นการตรวจสอบเงอ่ื นไขนนั้ ๆ กอ น 3. สวนขอ ความ (Text) เปน สว นของการแสดงขอความท่ีเปน ทั้งผลลพั ธ จึงจะสามารถทาํ งานในทางเลือกน้นั ได ดังน้นั ตอบขอ 3.) (Output) และสวนของขอ ความผดิ พลาด (Error) ซงึ่ จะแจงใหทราบผานทาง หนา จอน้ี 4. สวนฟงกชนั คีย (Function Keys) เปน สว นของการแสดงการกดคยี ล ดั เพอ่ื ความรวดเรว็ ในการทาํ งาน โดยสว นใหญจ ะเปน คาํ สง่ั ทใี่ ชง านบอ ย T47
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. โปรแกรม Scratch เพอ่ื เขียนชดุ ค�ำส่งั ภำษำ Scratch โปรแกรม Scratch เปน็ โปรแกรมภาษาท่ผี ู้เรยี นสามารถสรา้ งชนิ้ งานได้อยา่ งง่าย เช่น 3. ครอู ธิบายโปรแกรมภาษา Scratch เพอื่ เขยี น นิทานทส่ี ามารถโต้ตอบกบั ผอู้ า่ นได้ ภาพเคล่ือนไหว เกม ดนตร ี และศลิ ปะ เมอ่ื สรา้ งเปน็ ชนิ้ งาน ชุดคําส่ังภาษา Scratch วา เปนโปรแกรม เสร็จแล้ว สามารถน�าช้ินงานที่สร้างสรรค์นี้แสดงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นบน ภาษาทผี่ เู รยี นสามารถสรา งชนิ้ งานไดอ ยา งงา ย เว็บไซต์ได้ ท�าให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักการทางคณิตศาสตร์ และแนวคิดการโปรแกรมไปพร้อม ๆ เชน นิทานทส่ี ามารถโตต อบกบั ผอู า นได ภาพ กบั การคิดอยา่ งสร้างสรรค ์ มีเหตุผล เป็นระบบ และเกดิ การท�างานร่วมกัน เคลื่อนไหว เกม ดนตรี ศิลปะ เมื่อสรางชิ้น 12 งานเสรจ็ แลว สามารถนาํ ชน้ิ งานทสี่ รา งสรรคน ี้ 48 แสดงและแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นบนเวบ็ ไซต 5 ได 76 3 4. ครูอธิบายสวนประกอบหลักของโปรแกรม และสุมถามคําถามวา เม่ือนักเรียนตองการ ภาพท่ ี 2.9 หนา้ ตา่ งโปรแกรม Scratch ไปคลิกเลือกบล็อกคําส่ังเพ่ือเขียนโปรแกรม ส่ังใหคอมพิวเตอรทํางาน จะตองเลือกที่สวน สว่ นประกอบหลกั ของโปรแกรม หนา้ ตา่ งการทา� งานของโปรแกรม Scratch มสี ว่ นประกอบ ประกอบใด หลัก ดังนี้ 1 แถบเคร่ืองมือ 2 เครือ่ งมอื เวที 3 ข้อมูลของเวทีหรอื ตวั ละครทีถ่ กู เลือก 4 กลุ่มบลอ็ ก ประกอบดว้ ยชดุ ค�าส่งั ที่จะก�าหนดใหก้ บั ตวั ละคร หรือเวที 5 บล็อกในกลมุ่ ทเ่ี ลอื ก เพ่ือใชใ้ นการท�าสคริปตก์ ารทา� งานของโปรแกรม 6 พืน้ ที่ทา� งาน เป็นสว่ นท่ใี ช้ในการเขียนสครปิ ต ์ โดยเป็นลกั ษณะของการลากวาง 7 เวท ี เปน็ สถานที่ทีใ่ ห้ตวั ละครใชแ้ สดง สามารถมีภาพฉากหลงั 8 รายการตวั ละคร สรา้ งขน้ึ มาเพอื่ ใชแ้ สดงบทบาทหนา้ ทต่ี า่ ง ๆ บนเวที และเวทที ใ่ี ช้ ในโปรเจกตป์ จั จบุ นั หมายเหต ุ สั่งให้ทา� งานโดยการคลิกที่รปู ภาพ ทห่ี น้าตา่ ง 7 44 ความรูเสริม กจิ กรรม ทาทาย ขอ เสียของโปรแกรมภาษา Scratch มีดังน้ี ใหน กั เรยี นแบง กลมุ เปน 3 กลมุ จากนนั้ แตล ะกลมุ สง ตวั แทน 1. คุณภาพและความละเอียดของชิน้ งานยงั ไมด ี จบั สลากเลอื กหวั ขอ ทคี่ รกู าํ หนดให สรปุ ทาํ เปน รายงานแลว ออกมา 2. การสงออกงานคอ นขางยงุ ยาก ตอ งใชโ ปรแกรมอน่ื เขามาชวย นาํ เสนอหนา ชัน้ เรียน โดยมีหวั ขอ ท่ใี หจับสลาก ดงั น้ี 3. บางคาํ สง่ั หรอื ฟง กช นั การทาํ งานบางอยา ง เมอื่ แปลเปน ภาษาไทยแลว ยงั ไมต รงกบั ความหมาย • โปรแกรมภาษา C • โปรแกรมภาษา Scratch • โปรแกรมภาษาไพทอน (Python) T48
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. โปรแกรม Python IDLE เพอ่ื เขียนชุดคำ� ส่ังภำษำ Python ขน้ั สอน การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน มวี ธิ กี ารเขยี น 2 วธิ ี ไดแ้ ก ่ การเขยี นโปรแกรมผา่ น ไพทอนเชลล์ หรือที่เรียกว่า IDLE (python GUI) เป็นการท�างานโต้ตอบกับผู้ใช้ทันที และวิธ ี 5. ครูอธิบายโปรแกรม Python IDLE เพื่อเขียน ท่เี รียกว่า ดอสเชลล์ หรือค�าส่งั สครปิ ต ์ ตอ้ งเขียนค�าสง่ั ด้วยไพทอนเอดเิ ตอร์ ไดเ้ ปน็ Source Code ชุดคําสั่งภาษาไพทอน วา การเขียนโปรแกรม ของภาษาไพทอน หลงั จากนนั้ ตอ้ งสง่ั ให้โปรแกรมบันทกึ เปน็ นามสกุลแบบ .py ดว ยภาษาไพทอนมวี ธิ เี ขยี น 2 วธิ ี คอื การเขยี น วิธีท่ี 1 IDLE (python GUI) ในโหมดน้ีช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมท�างานโต้ตอบกับ โปรแกรมผา นไพทอนเชลลหรือทีเ่ รียกวา IDLE ภาษาไพทอนไดโ้ ดยตรง เมอื่ เขยี นคา� สงั่ เสรจ็ ในหนงึ่ ชดุ คา� สงั่ โปรแกรมจะเอก็ ซคี วิ ตท์ นั ท ี มจี ดุ เดน่ (Python GUI) เปนการทาํ งานโตตอบกบั ผใู ช ท่ีสขี องตัวอกั ษร และพรอมต์ โดยมเี ครื่องหมาย >>> แทนการรอรบั ค�าส่ัง ดงั ภาพ ทันที และวิธีที่เรียกวา ดอสเชลล หรือคําส่ัง สคริปต จากน้นั ใหน ักเรยี นศึกษาวิธกี ารเขยี น โปรแกรมแบบ IDLE และดอสเชลล หรอื คําสง่ั สครปิ ต ภาพท ่ี 2.10 ภาพแสดงหนา้ ต่างการเขียนโปรแกรมกับ Python Shell วธิ ที ี่ 2 โดยการเปดิ File > New window หรอื กดปมุ่ Ctrl+N จากหนา้ ตา่ ง Python GUI ของวธิ ีท ี่ 1 หลังจากนนั้ ใหพ้ มิ พ์คา� สัง่ ตา่ ง ๆ ลงไป เหมือนกบั เอดิเตอร์อืน่ ๆ ซึ่งจะไมม่ ีสญั ลกั ษณ์ prompt >>> อยดู่ ้านหนา้ บรรทดั ภาพที่ 2.11 ภาพที่แสดงหน้าตา่ งการเขียนโปรแกรมกบั GUI 45 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การวเิ คราะหและกําหนดรายละเอยี ดของปญ หาตรงกับขอ ใด ครูอธิบายโปรแกรม Python IDLE เพื่อเขียนชุดคําส่ังภาษาไพทอนให 1. เปนการตรวจสอบและปรบั ปรงุ นักเรยี นฟง จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี 2. เปนการลงมือดําเนินการแกปญ หา 3. เปนการเลือกเคร่ืองมือและออกแบบขัน้ ตอนวิธี • ซอฟตแวรท ใี่ ชในการเขยี นภาษาโปรแกรมแบง เปน กกี่ ลมุ อะไรบาง 4. เปนการทําความเขา ใจกบั ปญหาเพอ่ื แยกขอ มลู ออกมา • ซอฟตแ วรใดบางทใี่ ชใ นการเขยี นโปรแกรม • การออกแบบโปรแกรมมีก่ีลกั ษณะ อะไรบาง (วิเคราะหคําตอบ การวิเคราะหและกําหนดรายละเอียดของ ปญหาเปนการทําความเขาใจกับปญหาเพ่ือแยกขอมูลออกมา ดงั นัน้ ตอบขอ 4.) T49
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จแล้ว ถ้าต้องการท่ีจะจัดเก็บโปรแกรมที่เขียนลงสู่ disk ให ้ คลกิ เลอื กรายการ File เลอ่ื นไปทตี่ วั เลอื ก Save หรอื กดปมุ่ Ctrl+S จะขนึ้ ไดอะลอ็ กบอ็ กซ ์ ใหพ้ มิ พ์ 6. ครูใหนักเรียนศึกษาภาพแสดงวิธีการบันทึก ชือ่ แฟม้ ทต่ี ้องการบันทึก ควรพิมพช์ ่ือนามสกุลเป็น .py ด้วย ดงั ภาพ โปรแกรม และภาพแสดงหนาตางการสั่งให โปรแกรมภาษาไพทอนประมวลผล จากนน้ั ครู ถามคําถามเกี่ยวกับโปรแกรมภาษาไพทอนวา วิธีการเขียนโปรแกรมผานไพทอนเชลลหรือที่ เรยี กวา IDEL (Python GUI) แตกตางจากวิธี การเขยี นโปรแกรมดอสเชลล หรอื คาํ สง่ั สครปิ ต อยา งไร ภาพท ่ี 2.12 ภาพแสดงวิธกี ารบันทกึ โปรแกรม ข้นั ตอนต่อไป คือ การสั่ง run โปรแกรม หรอื การ execute เพ่ือใหโ้ ปรแกรมประมวล ผลค�าสั่งให้ไดผ้ ลลัพธต์ ามต้องการ การสง่ั run โดยการคลิกเลอื กรายการ run เลอื กตัวเลือก run module หรือกดปุม่ คยี ์ลดั F5 โปรแกรมจะเปิดไพทอนเชลล ์ แสดงผลการทา� งาน ดังภาพ ภาพท ี่ 2.13 ภาพแสดงหนา้ ต่างการสั่งให้ไพทอนประมวลผลโปรแกรม 46 กจิ กรรม สรางเสรมิ ความรูเสริม ใหนักเรียนสืบคนขอมูลวา การเขียนโปรแกรมดวย Python IDLE ในโหมด IDLE กบั ในโหมด Editor มขี อ ด-ี ขอ เสยี ในการใชง าน ขน้ั ตอนหรอื วธิ กี ารพัฒนาโปรแกรมประกอบดว ย 6 ขัน้ ตอน ดงั นี้ แตกตา งกนั อยา งไร พรอ มยกตวั อยา งการใชง านใหเ ขา ใจ แลว บนั ทกึ 1. การวเิ คราะหปญ หา ลงในสมดุ ประจาํ ตัว นาํ มาสงในชวั่ โมงถัดไป 2. การออกแบบโปรแกรม 3. การเขยี นโปรแกรมดวยภาษาคอมพิวเตอร 4. การทดสอบและแกไขโปรแกรม 5. การทําเอกสารประกอบโปรแกรม 6. การบาํ รงุ รักษาโปรแกรม T50
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ในการเขียนค�าสั่งผู้เขียนจะต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของภาษาไพทอน ขนั้ สอน ทุก ๆ กรณี การเขียนค�าสั่งผิดพลาดแม้เพียงอักขระเดียว โปรแกรมจะไม่สามารถ run ได ้ แตโ่ ปรแกรมจะบอกตา� แหนง่ ทผี่ ดิ พลาด และคอยแนะนา� ใหผ้ เู้ ขยี นทราบวา่ ผดิ ในสว่ นใดบา้ ง จะแจง้ 7. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาภาพการแสดงผล error ซง่ึ บรรทัดทเี่ ขียนผดิ ดังภาพ เปนการแจงเตือนคําส่ังที่ผิด ในโปรแกรม ภาษาไพทอนจะสรางสีสมระบายขอความที่ ผิด ผูเขียนโปรแกรมจะตองใชความรูและ วิจารณญาณในการตรวจสอบและแกไขใหถูก ตอ ง เมอื่ แกไ ขขอ ผดิ พลาดใหถ กู ตอ งตามหลกั ไวยากรณแ ลว ใหท ดลอง run โปรแกรมใหมอ กี ครั้งจนกระทงั่ ไมม ีขอ ผิดพลาดอ่นื ๆ อกี ภาพท่ ี 2.14 ภาพแสดงผลของ error การแจ้งเตือนค�าส่ังที่ผิด โปรแกรมไพทอนจะสร้างสีส้มระบายข้อความที่ผิด ผู้เขียน โปรแกรมตอ้ งใช้ความรู้และวจิ ารณญาณ ในการตรวจสอบแก้ไขให้ถูกตอ้ ง เมอ่ื แก้ไขข้อผิดพลาด ใหถ้ กู ต้องตามหลกั ไวยากรณเ์ รยี บร้อยแล้ว และใหท้ ดลอง run โปรแกรมใหม่อกี คร้งั จนกระท่งั ไมม่ ีขอ้ ผิดพลาดอน่ื ๆ อกี โปรแกรมจะแสดงผลการท�างานออกมาตามต้องการ จุดเดน่ ของภาษาไพทอน - เป็นภาษาท่ีมี syntax ทีเ่ รียบงา่ ยและสะอาด สามารถเรียนรู้ได้งา่ ย เข้าใจได้งา่ ย - สนบั สนุนการเขียนโปรแกรมแบบ OOP - ทา� งานแบบ interpreter - dynamic code (ภาษาที่ไม่ต้องก�าหนด type ในการประกาศตวั แปร) 47 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู โครงสรางแบบทางเลือกมีลกั ษณะการทํางานอยา งไร ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับโปรแกรมภาษาไพทอน (Python) ให 1. ทาํ งานตามลาํ ดับกอน-หลงั นักเรียนฟงวา เปนภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรระดับสูง ซ่ึงถูกออกแบบมาให 2. เลือกทํางานแบบเง่ือนไขเปนจริงและเทจ็ เทา นน้ั เปนภาษาสคริปตท่ีอานงาย โดยตัดความซับซอนของโครงสรางและไวยากรณ 3. ทําตามคําส่งั แบบหลายทางเลือกมากกวา 2 ทาง ของภาษาออกไป ในสว นของการแปลงชดุ คาํ สงั่ ทเ่ี ขยี นใหเ ปน ภาษาเครอ่ื ง ไพทอน 4. ทํางานแบบอยางใดอยางหน่ึงระหวา งเงอื่ นไขจริงและเท็จ มกี ารทาํ งานแบบ Interpreter คอื เปน การแปลชดุ คาํ สงั่ ทลี ะบรรทดั เพอื่ ปอ นเขา สูหนวยประมวลผลใหค อมพิวเตอรท ํางานตามทีต่ อ งการ นอกจากน้ันโปรแกรม (วิเคราะหคําตอบ โครงสรางแบบทางเลือกมีลักษณะการทํางาน ภาษาไพทอนยังสามารถนําไปใชในการเขียนโปรแกรมไดหลายประเภท จึง แบบอยางใดอยางหนึ่งระหวางเง่ือนไขจริงและเท็จเปนรูปแบบ ทําใหม ีการนําไปใชก นั แพรห ลายในหลายองคก รใหญร ะดบั โลก เชน Google, โปรแกรมท่มี กี ารตดั สนิ ใจ มที างเลือกใหเ ลือกกระทาํ ดงั น้ัน ตอบ YouTube, Instagram ขอ 4.) T51
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน 4. โปรแกรม NetBeans IDE เพื่อเขยี นชุดคำ� สัง่ ภำษำจำวำ NetBeans คือ เคร่ืองมือที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาท่ีมีประสิทธิภาพ 8. ครอู ธบิ ายโปรแกรม NetBeans IDE เพอ่ื เขยี น ชดุ คาํ สงั่ ภาษาจาวา ซง่ึ เปน เครอ่ื งมอื ทช่ี ว ยใน อยา่ งมาก ท�าใหส้ ามารถพัฒนางานได้ง่ายและเร็ว เพราะ NetBeans มี Editor อยใู่ นตัวทใ่ี ช้ในการ การเขยี นโปรแกรมภาษาจาวาทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ เขียนภาษา โปรแกรมมีการแบ่งสีออกเป็นสี ๆ ใน Editor เพ่ือให้ง่ายต่อการสังเกตและการจัด อยา งมาก ทาํ ใหส ามารถพฒั นางานไดง า ยและ รูปแบบ เพ่อื ใหเ้ ขียนโปรแกรมได้งา่ ยขึ้น มคี อมไพลท์ ส่ี ามารถคอมไพล์ไดง้ า่ ย สามารถกด run รวดเรว็ ขนึ้ จากนนั้ ครสู มุ ถามคาํ ถามกบั นกั เรยี น ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกดคอมไพล์ก่อน เพราะ NetBeans จะท�าการคอมไพลใ์ หอ้ ตั โนมัติ มีปุ่มทใี่ ชส้ า� หรบั วา หนา ตา งของโปรแกรม NetBeans IDE มสี ว น ทา� GUI (Graphic User Interface) อยใู่ นตวั สามารถลากวางได้ และมบี ริการให้ฟรี โดยมีบรษิ ัท ประกอบหลกั อะไรบา ง และแตล ะสว นมหี นา ที่ Sun Microsystems เป็นผู้ใหบ้ รกิ าร จงึ สามารถมนั่ ใจไดว้ า่ เครื่องมือน้จี ะรองรับมาตรฐานใหม่ ๆ การทาํ งานอยา งไร ของภาษาจาวาในอนาคตได้อยา่ งแน่นอน 1 ขนั้ สรปุ 4 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เรื่อง 2 ซอฟตแวรท ใ่ี ชใ นการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร 3 หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัยสามารถสอบถาม ครูไดทนั ที 5 ขนั้ ประเมนิ ภาพที่ 2.15 หน้าตา่ งโปรแกรม NetBeans ตารางการวดั และประเมนิ ผล หนา้ ตา่ งการทา� งานของโปรแกรม NetBeans มสี ่วนประกอบหลกั ดงั น้ี วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑการประเมิน 1. แถบเมนู (Menu Bar) แสดงเมนเู พ่ือเรยี กใช้งาน ประเมิน แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2 2. หนา้ ตา่ งโปรเจกต์ (Project Window) แสดงโครงสร้างของไฟล์ต่าง ๆ ในโปรเจกต์ การนาํ เสนอ การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ 3. หน้าตา่ งเนวิเกเตอร์ (Navigator Window) แสดงองคป์ ระกอบของทใ่ี ชใ้ นโปรเจกต์ ผลงาน 4. หนา้ ตา่ งเอดเิ ตอร์ (Editor Window) สา� หรับเขียนชดุ คา� ส่งั ผลงาน 5. หน้าตา่ งแสดงผลการทา� งาน (Output Window) สา� หรับแสดงผลการทา� งาน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 48 การทาํ งาน พฤติกรรม ผา นเกณฑ รายบคุ คล สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 การทํางานกลมุ พฤติกรรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม ทาทาย ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ใหน กั เรยี นเขยี นสรปุ การทาํ งานของซอฟตแ วรแ ตล ะประเภท รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ วามีลักษณะเฉพาะอยางไรบาง จากนั้นครูสุมเรียกใหยกตัวอยาง ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม 4-5 คน หรอื ตามความเหมาะสม และหากมขี อ สงสยั ในการทาํ งาน การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา ใหสอบถามครูไดภายในช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน ทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 2 หนวยการเรียนรูท ี่ 2 สรปุ ความรทู ีไ่ ดจ ากการทํากิจกรรมนี้ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ระดับคะแนน 32 ลาดับที่ รายการประเมนิ 1 ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี รวม 32 ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รบั ส่วนร่วมใน 15 1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา 1 การแสดงความคดิ เหน็ ลาดับท่ี ชอื่ –สกุล มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรับปรงุ คะแนน 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื ของนกั เรียน ผลงานกลุ่ม 3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมนี ้าใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 14–15 ดมี าก ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั 11–13 ดี 11–13 ดี 8–10 พอใช้ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 8–10 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T52
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ นักเรยี นสามารถใชการ 3 การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร ขนั้ นาํ เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร จากอัลกอริทมึ โจปารกแอกลั รกมอใรดทิไดึมบเขาียงน ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน อัลกอริทึม (algorithm) คือ กระบวนการในการ วา นักเรียนสามารถใชการเขียนโปรแกรม ทํางานที่ใชการตัดสนิ ใจดว ยหลกั เหตุผลและคณิตศาสตร เปน ตวั ชว ยในการเลอื กวธิ ีการ คอมพิวเตอรจากอัลกอริทึมเขียนโปรแกรมใดได หรอื ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ งานถงึ ขนั้ ตอนสดุ ทา ย เปน วธิ กี ารทใ่ี ชก ารแยกยอ ยและเรยี งลาํ ดบั บา ง จากนน้ั ใหนักเรียนชวยกันตอบคาํ ถาม ขน้ั ตอนของกระบวนการในการทาํ งานตา ง ๆ เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการคน หาและแกไ ข ปญ หา โดยอัลกอริทึมเปน กระบวนการแกป ญหาทสี่ ามารถเขา ใจได มลี ําดับหรือวิธีการ ขน้ั สอน ในการแกป ญ หาอยางเปนข้ันตอนและชดั เจน 1. ครอู ธบิ าย เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร 3.1 การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรจากอัลกอรทิ ึม จากอลั กอริทมึ วา อัลกอริทมึ เปน กระบวนการ ในการทาํ งานทใี่ ชก ารตดั สนิ ใจดว ยหลกั เหตผุ ล คอื การแปลงจากอลั กอรทิ มึ รปู แบบตา ง ๆ ใหเ ปน การเขยี นชดุ คาํ สง่ั ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร และคณติ ศาสตรเ ปน ตวั ชว ยในการเลอื กวธิ กี าร หรือข้ันตอนการดําเนินงานถึงขั้นตอนสุดทาย µÇÑ Í‹ҧ เปน วธิ กี ารทใี่ ชก ารแยกยอ ยหรอื เรยี งลาํ ดบั ขนั้ ตอนของกระบวนการในการทํางานตางๆ การเขียนชดุ คาํ สง่ั ภาษาซจี ากอัลกอริทมึ รปู แบบรหัสจาํ ลอง 2. ครูอธิบายตัวอยาง การเขียนโปรแกรม รหสั จําลอง ชุดคาํ ส่ังภาษา C คอมพวิ เตอรจ ากอลั กอรทิ มึ และใหศ กึ ษาตวั อยา ง การเขียนชดุ คําสง่ั ภาษา C จากอัลกอริทึมรปู 1. START ##iinncclluuddee<<cstodniioo.h.h>> แบบรหสั จาํ ลอง 2. INPUT width void main(){ 3. INPUT length แนวตอบ คําถามสาํ คัญประจําหวั ขอ int width, length, area; 4. COMPUTE pprriinnttff((\"\"=======S=q=u=ar=e==A=re=a==P=ro=g=r=a=m\\\\nn\"\"));; ส า ม า ร ถ ป ร ะ ยุ ก ต ใ ช ก า ร เ ขี ย น โ ป ร แ ก ร ม area = width * length printf(\"======================\\n\"); คอมพิวเตอรกับชีวิตประจําวันได เชน การเขียน ppscrraiinnnttfff(((\"\"\"%EEnndtt\"ee,rr&wlowindigdthsth:):;\"\"));; โปรแกรมคํานวณรายรับ-รายจาย การเขียน 5. OUTPUT area scanf(\"%d\", &length); โปรแกรมคํานวณราคาสินคา การเขียนโปรแกรม 6. STOP printf(\"======================\\n\"); คํานวณพื้นที่ทางคณิตศาสตร area = width * length; printf(\"Square area is : %d\\n\", area); } printf(\"======================\\n\"); 49 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม อลั กอริทึมมลี กั ษณะอยา งไร เมอ่ื นํารหัสจําลองไปเขยี นโปรแกรมดวยโปรแกรมภาษาใดก็ตาม คาํ สงั่ ใน รหัสจําลอง 1 บรรทดั อาจถูกแปลงเปนคาํ สงั่ ภาษาคอมพิวเตอรจาํ นวนหลาย (วเิ คราะหคาํ ตอบ อัลกอริทึมเปนกระบวนการในการทํางานท่ี บรรทดั ขนึ้ อยกู บั โครงสรา งการเขยี นคาํ สงั่ ของแตล ะภาษาทแ่ี ตกตา งกนั เชน คาํ สงั่ ใชการตัดสินดวยหลักเหตุผลและคณิตศาสตรเปนตัวชวยในการ รหสั จาํ ลองในการรบั ขอ มลู INPUT Size เมอ่ื นาํ ไปเขยี นโปรแกรมอาจจะกลายเปน เลือกวิธีการหรือขั้นตอนการดําเนินงานถึงข้ันตอนสุดทาย เปน คาํ ส่งั 3 บรรทัด ดังน้ี วิธีการใชการแยกยอยและเรียงลําดับข้ันตอนของกระบวนการใน การทํางานตางๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการคนหาและแกไข บรรทัดที่ 1 ประกาศใชตวั แปร size ทจ่ี ะใชเก็บคา ปญหา) บรรทัดที่ 2 แสดงขอ ความ “Enter size : ” ออกทางหนา จอ บรรทดั ท่ี 3 รับคาขอมลู จากการพิมพเ ขามาเกบ็ ไวในตวั แปร size T53
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ขนั้ ตอนการเขียนชุดค�าส่ังภาษาซีจากอัลกอรทิ มึ รปู แบบรหัสจ�าลอง 1. แปลงรหัสจำ� ลองกำรนำ� เข้ำขอ้ มูล INPUT width และ INPUT length เป็นชดุ คา� สง่ั 3. ครูอธิบายข้ันตอนการเขียนชุดคําสั่งภาษา C จากอัลกอริทึมรูปแบบรหัสจําลอง และให ภาษาซเี พอื่ ประกาศตัวแปร และน�าเขา้ ขอ้ มูล ดังน้ี นักเรียนศึกษากรณีศึกษาการเขียนโปรแกรม • ประกาศตัวแปร : int width, length, area; คอมพิวเตอร ซ่ึงมีสถานการณวา รานขาย • นา� เขา้ ข้อมูล : อุปกรณการเรียนแหงหน่ึงกําลังจัดโพรโมชั่น โดยสนิ คาทกุ ชิ้นลด 10 เปอรเซ็นต จากราคา printf(\"Enter width : \"); ปกติ เชน สไี มกลองละ 200 บาท สว นลด 10 scanf(\"%d\", &width); เปอรเ ซ็นต คดิ เปนสว นลดก่บี าท โดยตองการ printf(\"Enter longs : \"); เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเพ่ือคํานวณหา scanf(\"%d\", &length); สว นลดของสนิ คา โดยนาํ เขา ขอ มลู ราคาสนิ คา 2. แปลงรหสั จ�ำลองกำรประมวลผล computer area = width × length เป็นชดุ ค�าสง่ั ปกติจากแปน พมิ พ ภาษาซ ี ดงั น้ ี area = width × length; 3. แปลงรหสั จำ� ลองกำรแสดงผลขอ้ มลู หรอื กำรนำ� ขอ้ มลู ออก OUTPUT area เปน็ ชดุ คา� สง่ั ภาษาซี ดงั นี ้ printf(\"Square area is : %d\\n\", area); 3.2 กรณีศกึ ษาการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ กรณศี กึ ษำท ี่ 1 ร้านขายอปุ กรณก์ ารเรยี นแหง่ หนงึ่ ก�าลงั จัดโปรโมชนั ส่วนลดสนิ คา้ โดยสนิ ค้าทุกชิ้นจะมสี ว่ นลด 10 เปอรเ์ ซ็นต์ (รอ้ ยละ 10) จากราคาขายปกติ เชน่ สีไมก้ ลอ่ งละ 200 บาท ส่วนลด 10 เปอรเ์ ซ็นต์ คิดเปน็ สว่ นลดก่ีบาท โดยต้องการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อค�านวณหาสว่ นลดของสินค้า โดยนา� เขา้ ข้อมูลราคาสนิ ค้าปกตจิ ากแปน้ พมิ พ์ สไี มม้ ีราคากลอ่ งละ 200 บาท ส่วนลด 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ คิดเป็นส่วนลดกีบ่ าท โดยแปลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ใหเ้ ปน็ ร้อยละได ้ ดังนี้ “ร้อยละ 10 ของ 200” วธิ ีกำรคำ� นวณ ข้นั ตอนท ี่ 1 น�าราคาสินคา้ ปกตมิ าหารด้วย 100 คอื 200/100 = 2 ข้นั ตอนท ี่ 2 หาสว่ นลด โดยน�า 10 เปอร์เซ็นต์ มาคูณกบั ผลลพั ธ์จากข้ันตอนท ี่ 1 คือ 10 × 2 = 20 จะได้สว่ นสด 20 บาท จากราคาปกต ิ 200 บาท 50 ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคดิ โปรแกรมสําเร็จรูปหรือภาษาคอมพิวเตอรมักถูกนํามาชวยใน วิธีการเขียนรหสั จาํ ลอง (Pseudo Code) จะมีรูปแบบในการเขยี น ดงั น้ี ขัน้ ตอนใดของการแกปญ หา • รูปแบบการเขยี นเปน ไดท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ • ใชค ําหรอื ประโยคสัน้ ๆ ท่สี ่อื ความหมายไดชัดเจนและเขา ใจงา ย 1. การดําเนินการแกป ญหา • ลกั ษณะการเขยี นเรม่ิ ตน จากบนลงลา ง โดยมที างเขา 1 ทาง และทางออก 2. การตรวจสอบและปรับปรุง 3. การเลอื กเคร่ืองมือและออกแบบวิธขี ัน้ ตอน 1 ทาง 4. การวิเคราะหแ ละกําหนดรายละเอียดของปญหา • การเขียนแตละคําสั่งควรแยกเปนบรรทัด ไมควรเขียนหลายคําสั่งใน (วิเคราะหค าํ ตอบ โปรแกรมสําเร็จรูปหรือภาษาคอมพิวเตอรมัก ถกู นาํ มาชว ยในขน้ั ตอนการดาํ เนนิ การแกป ญ หา ดงั นน้ั ตอบขอ 1.) บรรทัดเดียว • การเขยี นคาํ ส่ังควรมกี ารยอ หนาหรอื เวน วรรค เพอ่ื ใหเ กิดความสวยงาม เขา ใจงา ย • ตองมีการเร่ิมตน (Start/Begin) ตามดว ยชอ่ื ของกจิ กรรมนัน้ และตองมี จุดส้นิ สุด (End) เสมอ T54
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1ข.ัน้ ตกอำ� หนนทด่ี 1วตั ถกปุารรวะสเิ คงรคา์ขะอหงป์ โญัปรหแากรมคอมพิวเตอร1์ ขน้ั สอน • เพอื่ คำ� นวณหำสว่ นลดรำคำสนิ คำ้ 2. ก�ำหนดลกั ษณะขอ้ มลู น�ำเขำ้ (input) 4. จากกรณีศึกษาขางตน ครูอธิบายข้ันตอน • ขอ้ มูลรำคำสนิ คำ้ ปกติ เปน็ ประเภทเลขจ�ำนวนเตม็ การเขียนโปรแกรม โดยข้ันตอนที่ 1 จะตอง • กำ� หนดข้อมลู นำ� เขำ้ เป็นตัวแปร วิเคราะหปญหาจากสถานการณดังกลาว ซ่ึง ตองกําหนดวัตถุประสงคของโปรแกรม - price แทนขอ้ มลู รำคำสนิ ค้ำปกติ คอมพิวเตอร กําหนดลักษณะขอมูลนําเขา 3. กำ� หนดลักษณะขอ้ มูลน�ำออก (output) กําหนดลักษณะขอมูลนําออก และกําหนดวิธี • ข้อมลู สว่ นลด เป็นประเภทตัวเลข การประมวลผล จากนน้ั ขน้ั ตอนที่ 2 ใหอ อกแบบ • กำ� หนดข้อมูลนำ� ออกเปน็ ตัวแปร โดยให้ discount แทนขอ้ มลู ส่วนลด อัลกอริทึมโดยการเขียนภาษาธรรมชาติ รหัส 4. ก�ำหนดวิธกี ำรประมวลผล (process) จําลอง และผังงานจากสถานการณดงั กลา ว • ข้ันตอนที่ 1 ผลลัพธช์ ัว่ ครำว = รำคำสนิ ค้ำปกติ / 100 - ก�ำหนดวธิ ีกำรประมวลผลเป็นสมกำรได้ ดงั นี้ temp = price / 100 • ขนั้ ตอนท่ี 2 สว่ นลด = เปอร์เซน็ ต์ส่วนลด × ผลลพั ธช์ วั่ ครำว - ก�ำหนดวิธีกำรประมวลผลเปน็ สมกำรได้ ดงั นี้ discount = 10 × temp ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบโปรแกรม 1. ออกแบบอัลกอรทิ ึม ภาษาธรรมชาติ รหัสจา� ลอง 1. เร่มิ ต้นกำรทำ� งำน 1. START 2. นำ� เข้ำขอ้ มูล รำคำสนิ คำ้ ปกติ 2. INPUT price 3. ค�ำนวณ ผลลพั ธ์ช่วั ครำว = รำคำสนิ ค้ำปกติ / 100 3. COMPUTE temp = price / 100 4. คำ� นวณ 4. COMPUTE ส่วนลด = เปอรเ์ ซน็ ตส์ ว่ นลด × ผลลพั ธช์ วั่ ครำว discount = 10 × temp 5. แสดงผล ส่วนลด 5. OUTPUT discount 6. จบกำรทำ� งำน 6. STOP 51 กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู ใ ห นั ก เ รี ย น อ อ ก แ บ บ อั ล ก อ ริ ทึ ม แ ล ะ เ ขี ย น โ ป ร แ ก ร ม 1 โปรแกรมคอมพวิ เตอร คอื กลมุ คาํ สงั่ ทเี่ รยี บเรยี งตามไวยากรณเ พอื่ สงั่ งาน คอมพวิ เตอรด ว ยภาษา C จากอลั กอรทิ มึ เพอื่ คาํ นวณพนื้ ทสี่ เ่ี หลย่ี ม ใหเคร่ืองคอมพิวเตอรทํางานในส่ิงที่ตองการ เชน โปรแกรมคอมพิวเตอรเพ่ือ ผนื ผาและแสดงผลลพั ธการคํานวณ งานบัญชี เปนกลุมคําสั่งที่เรียบเรียงข้ึนเพื่อสั่งใหคอมพิวเตอรทํางานดาน บัญชี โปรแกรมคอมพิวเตอรสําหรับการบริหารสถานศึกษา เปนกลุมคําสั่ง สูตรการคาํ นวณหาพน้ื ทส่ี เ่ี หลย่ี มผืนผา = กวาง × ยาว ที่เรียบเรียงข้ึนเพ่ือใหรองรับการทํางานในสถาบันการศึกษา ดังนั้น การเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอรจึงเปนการเขียนกลุมคําสั่งอยางเปนกระบวนการท่ีมี ขั้นตอนและถูกตองตรงตามไวยากรณ เพื่อส่ังการใหคอมพิวเตอรประมวลผล และทาํ งานในสิ่งทีต่ องการ T55
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ผังงาน START 5. ครูใหนักเรียนศึกษาการออกแบบสวนติดตอ price กบั ผใู ชง าน และขน้ั ตอนที่ 3 เปนขั้นการเขียน temp = price / 100 โปรแกรม โดยใหนักเรียนศึกษารูปแบบการ discount = 10 * temp เขียนโปรแกรมและตัวแปรตางๆ ท่ีใชในการ เขยี นโปรแกรมนีข้ น้ึ มา discount STOP 2. ออกแบบสว่ นติดต่อกับผใู้ ชง้ าน ============================== Calculate Discount Program E==nt=e=r =p=r=ic=e= := =<=in=p=u=t>=============== ============================== D=i=s=co=u=n=t= i=s= := <=o=u=t=p=u=t>============== ข้ันตอนที ่ 3 กำรเขยี นโปรแกรม รูปแบบการเขยี นโปรแกรม : โครงสรา้ งการท�างานแบบเรียงลา� ดับ (sequence structure) โดยโปรแกรมค�านวณส่วนลดนมี้ ีการใช้ตัวแปร ดังน ้ี - price แทนราคาสนิ คา้ ปกต ิ - temp แทนผลลพั ธช์ วั่ คราว - discount แทนส่วนลด # #v oiinnidccll uumddpppppispdtpaeenecirrrrrrri<<mntsaiiiiiii nnnnnnnsccn(ppto)otttttttfdfffffff{r n(u(((((((ii=\"\"\"\"\"\"\"\"oicn%oED==== e.t h.p ====,nihd =>srt====> \"tice e,c ====or 1m e ====&u0C pp====np/ ra ,t====*ri l1 ci c====dci0etuseie==== 0 slm):====a:c;; to====p\"%e)u;==== ;ndD====t\\====;ins====\"c)====o; ====un====t==== ====P====ro====g\\\\\\\\rnnnna\"\"\"\"m))));;;; \\n\"); } 52 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ โปรแกรม Editor และโปรแกรม IDE Editor มคี วามแตกตางกัน ครูถามคําถามเก่ียวกับเนื้อหาที่เรียนมาท้ังหมดกับนักเรียนภายในช้ันเรียน อยา งไร ดงั นี้ (วิเคราะหคาํ ตอบ โปรแกรม Editor เปน ซอฟตแ วรท เี่ นน การพมิ พ • หลกั การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตนมีอะไรบา ง แตล ะขอมีลักษณะอยางไร ขอความหรือการเขียนชุดคําสั่งภาษาโปรแกรมเปนหลัก สวน • ซอฟตแ วรท่ใี ชใ นการเขยี นโปรแกรมมซี อฟตแวรอะไรบา ง โปรแกรม IDE Editor เปนซอฟตแ วรทีร่ วมเครื่องมืออาํ นวยความ • NetBeans เปน เคร่อื งมอื อะไร และใชในการเขียนโปรแกรมภาษาใด สะดวกตา งๆ ในการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร เชน เครื่องมือ • นกั เรยี นไดป ระโยชนอ ะไรบา งจากการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ บอื้ งตน ชว ยออกแบบหนา จอ) T56
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Com Sci ขนั้ สอน activity 6. ครูใหนกั เรียนทํากจิ กรรม Com Sci activity เรื่อง การออกแบบอัลกอรทิ มึ เมื่อนักเรียนทาํ การออกแบบอัลกอรทิ มึ เสรจ็ ครจู ะสมุ ใหน กั เรยี นออกมาเฉลยกจิ กรรม ค�าชีแ้ จง ให้นกั เรียนท�าตามค�าสง่ั ต่อไปนี้ 1. ออกแบบอัลกอริทึมด้วยรหัสจ�าลอง (Pseudo Code) และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอริทึม เพ่ือค�านวณอัตราเร็วของรถไฟจากสถานีต้นทางไปยังสถานีปลายทาง โดยรถไฟไม่จอดสถานีใดเลย ให้ ระยะทางระหว่างสถานีต้นทางไปยังสถานีปลายทาง และเวลาท่ีใช้ในการเดินทางระหว่างสถานีต้นทางไป ยังสถานีปลายทางเป็นข้อมูลน�าเข้า เช่น รถไฟเดินทางจากสถานีหัวล�าโพงไปยังสถานีเชียงใหม่ท่ีมีระยะ ทาง 700 กโิ ลเมตร และใชเ้ วลาเดนิ ทางทง้ั ส้ิน 7 ชว่ั โมง รถไฟว่ิงดว้ ยอัตราความเรว็ กก่ี ิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง วิธกี ารค�านวณ อัตราความเร็ว = ระยะทาง/เวลาเดินทาง speed = distance/time 2. ออกแบบอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งาน (flowchart) และเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ์ ากอลั กอรทิ มึ เพอ่ื คา� นวณการ แปลงคา่ เงนิ สกลุ ดอลลารส์ หรฐั เปน็ เงนิ บาทไทย และแสดงผลลพั ธก์ ารคา� นวณ โดยใหอ้ ตั ราคา่ เงนิ บาทไทย ต่อ 1 ดอลลาร์ และจ�านวนเงนิ สกุลดอลลารส์ หรฐั เปน็ ข้อมูลนา� เขา้ เช่น เงิน 3 ดอลลาร์สหรฐั จะเท่ากับเงนิ บาทไทยกบ่ี าท เม่อื อตั ราคา่ เงนิ บาทไทยต่อ 1 ดอลลาร์ เทา่ กับ 33 บาท วธิ ีการคา� นวณ จา� นวนเงนิ บาทไทย = จา� นวนเงนิ สกลุ ดอลลาร์ × อตั ราคา่ เงนิ บาทไทยตอ่ 1 ดอลลาร์ thaibaht = dollars × rate 3. ออกแบบอัลกอริทึมและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C จากอัลกอริทึมเพ่ือค�านวณพ้ืนท่ี สามเหลยี่ มและแสดงผลลัพธ์การคา� นวณ สตู รการค�านวณพน้ื ทีส่ ามเหล่ยี ม Aพนื้reทaีส่ oาfมaเหTลr่ียiaมng=le21=×21 ฐาน × สงู × base × height ทักษะการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 3. ทักษะการสือ่ สาร 1. ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ทักษะการคิดและการแกป้ ัญหา 53 ขอสอบเนน การคดิ ความรูเสริม ขอ ใดเปน ลกั ษณะของการเขียนผังงานทดี่ ี ประเภทของผงั งานสามารถแบง ได 2 ประเภท ดงั น้ี 1. เขยี นสญั ลกั ษณใหม ขี นาดเลก็ ที่สุด 1. ผงั งานระบบ (System Flowchart) เปนผงั งานท่ีแสดงการทํางานของ 2. ใชล ูกศรแสดงทศิ ทางจากบนลงลา งหรือซา ยไปขวา ระบบซงึ่ แสดงภาพรวมของระบบ โดยมกี ารนาํ ขอ มลู เขา ประมวลผล และขอ มลู 3. ทุกผงั งานตองมีจดุ เรม่ิ ตนและจดุ ส้นิ สดุ เพยี งอยา งละ 2 จุด ออก เทา นั้น 2. ผงั งานโปรแกรม (Program Flowchart) เปน ผงั งานทแ่ี สดงการทาํ งานยอ ย 4. สญั ลกั ษณก ารตดั สนิ ใจมลี กู ศรชท้ี ศิ ทางเขา 1 ทศิ ทาง และมี หรอื ลาํ ดับในโปรแกรม ซ่ึงแสดงรายละเอยี ดขัน้ ตอนการทํางานและประมวลผล ลกู ศรชที้ ศิ ทางออก 2 ทศิ ทาง โดยไมต อ งกาํ หนดความหมาย โปรแกรมนนั้ ๆ ทาํ ใหร วู ธิ กี ารคาํ นวณรบั ขอ มลู จากสอ่ื ใด และประมวลผลอยา งไร ของการออกจากสัญลักษณ รวมถงึ การแสดงผลลพั ธด ว ยส่อื หรอื วธิ กี ารใด (วเิ คราะหค าํ ตอบ ลกั ษณะของการเขยี นผงั งานทดี่ จี ะตอ งใชล กู ศร แสดงทิศทางของลําดับขั้นตอนการทํางานจากบนลงลางหรือซาย ไปขวา ดังนั้น ตอบขอ 2.) T57
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สรปุ Summary 1. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเนื้อหาการเรียน การออกแบบและการเขยี น หนวยการเรียนรูที่ 2 การออกแบบและการ โปรแกรมเบือ้ งตน เขยี นโปรแกรมเบ้อื งตน การเขยี นโปรแกรมเบอ้ื งตน 2. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย โปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ (computer programming) คอื ชดุ คา� สงั่ ทสี่ ง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถ พจิ ารณาขอ ความวา ถกู หรอื ผิด หากพิจารณา ทา� งานไดต้ รงตามความตอ้ งการและถกู ตอ้ ง เชน่ โปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ า� หรบั สง่ั ใหค้ อมพวิ เตอร์ ขอความไมถูกตอง ใหกลับไปทบทวนเนื้อหา พิมพเ์ อกสาร โปรแกรมส�าหรับวาดภาพ เปน็ ตน้ ตามหวั ขอที่กาํ หนดให หลกั กำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น หลกั กำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บื้องต้น 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู และใหนกั เรียนตอบคําถามลงในสมุด การก�าหนด/วิเคราะห์ปญั หา (Analysis the problem) การออกแบบโปรแกรม (Design a program) 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ การเขียนโปรแกรม (Coding) เรยี นรทู ่ี 2 การออกแบบและการเขยี นโปรแกรม การทดสอบโปรแกรม (Testing) เบือ้ งตน ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชในการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชเ้ ขยี นภาษาโปรแกรมเพอ่ื สรา้ งโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ขนั้ ประเมนิ น้นั สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ดงั น้ี กลุ่มท ี่ 1 โปรแกรม Editor เป็นซอฟต์แวร์ท่ีมุ่งเน้นการพิมพ์ ตารางการวดั และประเมนิ ผล ขอ้ ความหรือการเขยี นชดุ ค�าส่ังภาษาโปรแกรมเปน็ หลัก กล่มุ ที่ 2 โปรแกรม IDE Editor เป็นซอฟต์แวร์ที่รวมเครื่องมืออ�านวยความสะดวก วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก ารประเมนิ ตา่ ง ๆ ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ เช่น เคร่อื งมือช่วยออกแบบหนา้ จอ เปน็ ต้น การเขยี นโปรแกรมอลั กอรทิ มึ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 อลั กอรทิ มึ (algorithm) คอื กระบวนการในการทา� งานทใี่ ชก้ ารตดั สนิ ใจดว้ ยหลกั เหตผุ ลและ หลงั เรยี น หลังเรยี น ผานเกณฑ คณติ ศาสตร ์ เปน็ ตวั ชว่ ยในการเลือกวธิ กี าร หรอื ขั้นตอนการดา� เนนิ งานถึงขน้ั ตอนสดุ ทา้ ย เป็นวิธี การทใ่ี ชแ้ ยกยอ่ ยและเรยี งลา� ดบั ขน้ั ตอนของกระบวนการในการทา� งานตา่ ง ๆ เพอื่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ ประเมิน แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ในการคน้ หาและแกไ้ ขปญั หา โดยอลั กอรทิ มึ เปน็ กระบวนการแกป้ ญั หาทส่ี ามารถเขา้ ใจได ้ มลี า� ดบั การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ หรือวิธกี ารในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและชัดเจน ผลงาน ผลงาน 54 สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ รายบุคคล สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 การทาํ งานกลุม พฤตกิ รรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน 1. ใหนกั เรยี นแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 3-4 คน รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั เขยี นแผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง การออกแบบและ ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา การเขียนโปรแกรมเบื้องตน ลงในกระดาษที่ครูแจกให พรอม ทายแผนการจัดการเรียนรทู ่ี 3 หนว ยการเรยี นรูท่ี 2 ตกแตงใหสวยงาม 3. นําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 4. ครูและนกั เรียนรว มกนั สรปุ ความรทู ีไ่ ดจากการทาํ กจิ กรรมนี้ คาชี้แจง:ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาชแี้ จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับท่ี ชอื่ –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม 32 32 ของนกั เรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอื่น ตามทไี่ ด้รบั สว่ นร่วมใน 15 1 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน ผลงานกลุม่ 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ืน่ 321321321321321 3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมีนาใจ 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T58
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แนวตอบ Self Check Self Check 1. ถกู 2. ผดิ ให้นักเรียนตรวจสอบควำมเข้ำใจ โดยพิจำรณำข้อควำมว่ำถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผิด หำกพิจำรณำข้อควำมไมถ่ ูกตอ้ ง ใหก้ ลับไปทบทวนเนือ้ หำตำมหวั ขอ้ ท่กี �ำหนดให้ 4. ถูก 5. ถกู ถกู /ผิด ทบทวนหวั ข้อ 1.ช ุดค�าส่งั ทีส่ ่งั ให้คอมพิวเตอร์ทา� งานตรงตามความต้องการ เรยี กวา่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 1 2. กหาลรักกก�าาหรนเขดียตนัวแโปปรรแกการรมอปอรกะแกบอบบโไปปรดแ้วกยรมกกาารรวเิเขคยี รนาะโปหร์ปแัญกหรมา 1.1 และการแก้ไขโปรแกรม 3.โปรแกรมEditorเปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ร่ี วมเครอ่ื งอา� นวยความสะดวก ับน ึทกลงในส ุมด 2 ต่างๆในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 4.โปรแกรมภาษาCถอื เป็นซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม 2 เฉลย Unit Question อย่างหนึง่ 5.จเขาียกอนลัโปกอรแรทิกมึรรมปู คแอบมบพติวา่ เงตๆอใรห์จเ้ าปกน็ อกัลากรเอขรยี ิทนึมชดุ คคา�ือสงั่ กดาว้ รยแภปาษลาง 3 1. การเขียนโปรแกรม คือ การเขียนชุดคาํ สั่งดวย คอมพิวเตอร์ โปรแกรมที่สั่งใหคอมพิวเตอรสามารถทํางาน ไดตรงตามความตองการ และสามารถทํางาน Unit Question 2 ไดอยางถูกตอง ซึ่งเปนการกําหนดขั้นตอนให คอมพิวเตอรทํางานตามลําดับและรูปแบบที่ คำ� ชแ้ี จง : ให้นกั เรียนตอบคำ� ถำมตอ่ ไปนี้ กาํ หนดไว โดยหลกั การเขียนโปรแกรม ผเู ขยี น 1 การเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นคอื อะไรและมีหลกั การในการเขียนโปรแกรมอยา่ งไร จะตองเลอื กใชโปรแกรมภาษาทเี่ หมาะสม โดย 2 ก ารออกแบบโปรแกรมมกี ี่ลกั ษณะและแต่ละลกั ษณะแตกต่างกันอยา่ งไร ตอ งเขา ใจโครงสรา งและไวยากรณข องภาษานน้ั 3 ซ อฟต์แวร์ทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรมมีอะไรบา้ งและแตล่ ะชนดิ มีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร ซง่ึ หลกั การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ บอ้ื งตน 4 จงออกแบบอลั กอรทิ มึ และรหสั จ�าลองของการค�านวณหาพื้นท่ีวงกลมทั้งนี้ ใหร้ ับค่ารศั มี มขี น้ั ตอน ดงั น้ี การกาํ หนดและวเิ คราะหป ญ หา การออกแบบโปรแกรม การเขยี นโปรแกรม และ และแสดงผลลัพธ์ท่ไี ด้ทางเครอื่ งพมิ พ์ การทดสอบโปรแกรม 5 ก ารเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอริทึมคืออะไร และมีวิธีการเขียนอย่างไรบ้าง 2. การออกแบบโปรแกรมมี 2 ลกั ษณะ คอื การออก จงอธบิ าย แบบอัลกอรทิ ึม เปนการออกแบบลาํ ดับขน้ั ตอน การทํางานกอนและหลังของโปรแกรม และ 55 การออกแบบสวนติดตอผูใช เปนการออกแบบ หนาจอการทํางานของโปรแกรมคอมพิวเตอร จะตองออกแบบใหใชงานงาย สะดวก และไม ซับซอ น 3. ซอฟตแ วรท ใ่ี ชใ นการเขียนโปรแกรม เชน โปรแกรม Turbo C++ ใชเขยี นชดุ คําสัง่ ภาษา C เบอ้ื งตน ซ่งึ ภาษา C เปน การเขียนโปรแกรมพื้นฐานท่ีสามารถ ประยุกตใชก ับงานตา ง ๆ ไดม ากมาย โปรแกรม Scratch ใชเ ขียนชุดคาํ สั่งภาษา Scratch เปน โปรแกรมภาษาทผี่ เู รยี นสามารถสรางช้นิ งานไดอ ยางงาย โปรแกรม Python IDLE ใชเ ขียนชุดคําสั่งภาษา Python โปรแกรม NetBeans IDE ใชเขยี นชุดคําส่งั ภาษา Java 4. ออกแบบอัลกอริทึมและรหัสจําลองของการคาํ นวณหาพ้นื ทวี่ งกลม ภาษาธรรมชาติ รหสั จําลอง 1. เร่ิมตนการทํางาน 1. START 2. นําเขาขอ มูล r (รศั มีของวงกลม) 2. INPUT r 3. ประมวลผล area =3.14×(r×r) 3. area =3.14×(r×r) 4. พิมพคา area (พื้นทข่ี องวงกลม) 4. Print area 5. จบการทาํ งาน 5. STOP 5. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรจากอัลกอริทึมเปนการแปลงจากอัลกอริทึมรูปแบบตางๆ ใหเปนการเขียนชุดคําส่ังดวยภาษาคอมพิวเตอรและมีวิธีการ เขียน ดงั น้ี วิเคราะหปญ หา ออกแบบโปรแกรม และเขียนโปรแกรม T59
Chapter Overview แผนการจัด ส่ือท่ีใช จ�ดประสงค วธ� �สอน ประเมิน ทักษะที่ได คณุ ลักษณะ การเรย� นรู อนั พึงประสงค แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบกอนเรียน 1. นกั เรียนเขา ใจและบอก - บทบาท - แบบประเมนิ - ทกั ษะการคิดอยาง - มวี ินยั นกั สาํ รวจรนุ - หนังสือเรียนรายวชิ า ลักษณะของขอมูลปฐมภมู ิ สมมติ การนําเสนอผลงาน มวี ิจารณญาณ - ใฝเรยี นรู เยาว พน้ื ฐาน เทคโนโลยี ได (K) - สงั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการทํางาน - มุงมั่นใน (วทิ ยาการคํานวณ) ม.1 2. นักเรียนสามารถเก็บ การทาํ งานรายบคุ คล รว มกัน 6 - แบบฝกหดั รายวชิ า รวบรวมขอมลู ปฐมภูมิ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการสือ่ สาร การทํางาน พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ประมวลผลและนาํ เสนอ การทํางานกลุม - ทักษะความคิด ชั่วโมง (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.1 ขอมลู ในรูปแบบของ - สังเกตคณุ ลกั ษณะ สรางสรรค - มวี ินัย สารสนเทศได (P) อนั พึงประสงค - ใฝเ รยี นรู แผนฯ ที่ 2 3. นกั เรียนยกตวั อยา งการใช - มุงมนั่ ใน เสนทางของ ขอ มูลปฐมภมู ใิ นชวี ติ การทํางาน นักสํารวจ ประจาํ วันอยางสรา งสรรค ได (A) 4 - หนังสอื เรยี นรายวชิ า 1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย - แบบเกม - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการคดิ อยาง ชัว่ โมง พื้นฐาน เทคโนโลยี ลกั ษณะของขอมลู ทตุ ยิ ภมู ิ หลังเรียน มีวิจารณญาณ (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.1 และสารสนเทศได (K) - แบบประเมนิ - ทกั ษะการทํางาน - แบบฝกหัดรายวิชา 2. นกั เรียนสามารถใช การนําเสนอผลงาน รว มกนั พื้นฐาน เทคโนโลยี อินเทอรเ น็ตในการสืบคน - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการสื่อสาร (วิทยาการคํานวณ) ม.1 ขอมูล ประมวลผล และ การทํางานรายบคุ คล - ทกั ษะความคดิ - แบบทดสอบหลังเรยี น นาํ เสนอขอ มูลได (P) - สงั เกตพฤติกรรม สรา งสรรค 3. นักเรียนยกตัวอยา งการใช การทํางานกลมุ ขอ มลู สารสนเทศ ซอฟตแ วร - สังเกตคณุ ลกั ษณะ หรอื อนิ เทอรเ นต็ ทเ่ี กดิ อนั พงึ ประสงค ประโยชนใ นชวี ิตประจําวนั (A) T60
Chapter Concept Overview ขอ มลู กับสารสนเทศ ขอมูล คอื ขอเท็จจริงหรอื เหตุการณท เี่ ก่ียวขอ งกับส่ิงตาง ๆ เปน ไดทัง้ ตวั เลข ขอ ความ ภาพ และเสยี ง โดยอาจหมายถงึ คน สัตว สิ่งของ หรอื เหตุการณตาง ๆ ซึ่งเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การสัมภาษณ แบบสอบถาม และมกี ารเกบ็ รวบรวมไว และสามารถเรียก ขอ มูลเหลา น้ันมาใชใหเ กดิ ประโยชนไดในภายหลัง ตัวอยา งของขอ มลู เชน คะแนนสอบ ชอื่ เพศ อายุ สารสนเทศ คือ การนําขอ มลู มาผา นระบบการประมวลผล คาํ นวณ วิเคราะห และแปลความหมายออกมาเปน ขอ ความท่สี ามารถนาํ ไปใชประโยชนในดานตาง ๆ ไดมากมาย ทําใหคําวาสารสนเทศมีความหมายที่กวางและหลากหลาย ท้ังความหมายในเชิงเทคนิคและ ความหมายของสารสนเทศในชวี ิตประจําวัน เชน สารสนเทศท่เี ปน ความรูจากเครอื ขายคอมพวิ เตอร จากโทรศัพทมอื ถือ สารสนเทศระบบ ส่ือสารโทรคมนาคมสมัยใหม เชน ฝาก-ถอนเงนิ ผานใชตูเอทเี อม็ การจองตว๋ั เครื่องบนิ การประมวลผลขอ มูลสารสนเทศ การประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศเปน การทาํ ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศทจ่ี ะเปน ประโยชนต อ การใชง าน จาํ เปน ตอ งอาศยั เทคโนโลยี เขามาชวยในการดาํ เนินการ เรมิ่ ตง้ั แตก ารรวบรวม การตรวจสอบ การดําเนินการประมวลผลขอ มูลใหกลายเปนสารสนเทศ และการดแู ล รกั ษาสารสนเทศเพอ่ื การใชง าน ซง่ึ การประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศเปน การกระทาํ ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรก บั ขอ มลู เชน การรวบรวม ขอ มูลเปนแฟมขอ มลู การคาํ นวณ การเปรียบเทียบ การเรยี งลาํ ดบั การจดั กลุมขอมลู การทาํ รายงาน INPUT PROCESS OUTPUT ขอ มูลเขา การประมวลผล ขอ มูลออก ขอมูลนักเรียนแตล ะคน คอมพิวเตอรประมวลผลโดย สารสนเทศ กราฟแสดงผลการ เชน ชอ่ื ผลการเรยี น การเรยี งขอมลู และการจัดกลมุ เรยี นของนกั เรยี นระดบั ตา ง ๆ ขอมลู ซอฟตแวรแ ละการเลอื กใชงาน ซอฟตแ วร คอื ชดุ คาํ สง่ั หรอื โปรแกรมทใ่ี ชส งั่ เครอื่ งคอมพวิ เตอรใ หท าํ งานไดต รงตามความตอ งการและถกู ตอ ง รวมถงึ การควบคมุ การ ทาํ งานของอุปกรณตา ง ๆ ซ่ึงซอฟตแ วรเ ปนสิง่ ทจ่ี บั ตองไมได แตส ามารถรับรกู ารทํางานได สามารถแบงซอฟตแวรไ ดเปน 2 ประเภท ดังนี้ 1. ซอฟตแวรระบบ คือ ซอฟตแวรท่ีถูกสรางขึ้นเพ่ือใชบริหารจัดการระบบ การจัดสรรทรัพยากร และดําเนินงานพ้ืนฐานตาง ๆ ในระบบ เชน การจัดสรรหนวยประมวลผลกลาง การจัดสรรหนวยความจําตาง ๆ การจัดการขอมูลในแฟมขอมูลบนหนวยความจํารอง การรบั ขอ มลู จากแผงแปน อกั ขระแลว แปลความหมายใหคอมพวิ เตอรเขาใจ 2. ซอฟตแวรประยกุ ต คือ ซอฟตแวรท ่ใี ชงานดานตาง ๆ ตามความตอ งการของผูใ ช สามารถนาํ มาใชประโยชนไ ดโ ดยตรง ปจ จุบนั มีผูพัฒนาซอฟตแวรใชงานทางดานตาง ๆ ออกมาจําหนายเปนจํานวนมาก การประยุกตงานคอมพิวเตอรจึงกวางขวางและแพรหลาย อาจแบงซอฟตแวรประยกุ ตอ อกเปน 2 กลมุ คอื ซอฟตแวรส าํ เรจ็ และซอฟตแวรท พ่ี ฒั นาข้นึ ใชเฉพาะงาน T61
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 3 การจดั การหนว ยการเรยี นรทู ี่ ขอ มลู สารสนเทศ 1. ครูใหนักเรียนภายในชั้นเรียนทําแบบทดสอบ กอ นเรยี น เร่อื ง การจดั การขอมลู สารสนเทศ เพื่อเปนการทบทวนความรูและวัดพื้นฐาน ความรกู อนท่จี ะเรม่ิ เรียนเนอ้ื หาใหม 2. ครูกลาวใหนักเรียนฟงวา การจัดการขอมูล สารสนเทศในปจจุบัน อินเทอรเน็ตนับเปน เครือขายสื่อสารท่ีสําคัญมากและครอบคลุม ท่ัวโลก อีกทั้งเปนแหลงขอมูลท่ีทุกคนเขาถึง ตลอดเวลา ใชจ ดั เกบ็ และรวบรวมขอ มลู ไดเ ปน จาํ นวนมาก จากนั้นครูถามคาํ ถามนกั เรียนวา นักเรียนมีวิธีการเก็บขอมูลสวนตัวของเพื่อน รว มชนั้ เรยี นอยา งไรใหไ ดข อ มลู ตามทต่ี อ งการ และสมุ นักเรยี น 2-3 คน ตอบคําถามนี้ การจดั การขอ มลู สารสนเทศในปจ จบุ นั นน้ั อนิ เทอรเ นต็ นบั เปน เครอื ขา ยสอื่ สารทสี่ าํ คญั มากและครอบคลมุ ทวั่ โลก อกี ทั้งเปนแหลง ขอมลู ทที่ กุ คนเขาถึงตลอดเวลา ใชจ ดั เกบ็ และรวบรวมขอ มลู ไดจํานวนมาก ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภูม ิ ประมวลผล ประเมินผล นา� เสนอขอ้ มูลและสารสนเทศตามวตั ถปุ ระสงค์โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรือบรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ตทห่ี ลากหลาย เกร็ดแนะครู ในการจดั การเรียนการสอน เรื่อง การจดั การขอ มลู สารสนเทศ ครูควรยก ตัวอยางเทคโนโลยีใหมๆ ท่ีเขามามีบทบาทในการจัดการขอมูลสารสนเทศ และชว ยตอบสนองตอ ความตอ งการของมนษุ ยใ หม คี วามสะดวกสบายมากยงิ่ ขนึ้ ท้งั นี้ เพ่ือใหน ักเรยี นไดตระหนักถึงความสําคญั และประโยชนข องเทคโนโลยีใน การจัดการขอ มูลสารสนเทศทพ่ี บในชวี ติ ประจําวัน T62
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขอ มลู กบั สารสนเทศแตกตา ง 1 ขอ มูลกบั สารสนเทศ ขน้ั นาํ กนั อยา งไร มนุษยใหความสนใจกับขอมูลและสารสนเทศ 3. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน มาต้ังแตอดีต มีการเผยแพรขอมูลและสารสนเทศหลาก วา ขอมูลกับสารสนเทศแตกตางกันอยางไร หลายรูปแบบต้ังแตหนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ซ่ึงในปจจุบันอินเทอรเน็ตนับเปน จากนั้นใหนักเรยี นชวยกนั ตอบคาํ ถาม เครอื ขา ยของการสอื่ สารทค่ี รอบคลมุ ทวั่ โลก มกี ารแลกเปลย่ี นขอ มลู สารสนเทศทสี่ ะดวก รวดเร็ว เปนแหลงขอมูลทท่ี กุ คนเขา ถงึ ไดตลอดเวลา สามารถตอบสนองความตองการ ขนั้ สอน ของมนุษยในการใชขอ มูลและสารสนเทศเพ่อื การตัดสนิ ใจท้ังในเรือ่ งเลก็ และเรือ่ งใหญ 1. ครูใหความรูเก่ียวกับขอมูลวาเปนขอเท็จจริง ขอมูล (data) คือ ขอเท็จจริง หรือเหตุการณที่เกี่ยวของกับสิ่งตาง ๆ เปนไดท้ังตัวเลข หรือเหตุการณท่ีเก่ียวของกับสิ่งตางๆ เปนได ขอความ ภาพ และเสียง โดยอาจหมายถงึ คน สตั ว สง่ิ ของ หรอื เหตกุ ารณตาง ๆ ซึง่ เกดิ จากการ ท้ังตัวเลข ขอ ความ ภาพ และเสียง โดยอาจ สังเกต การจดบนั ทึก การสัมภาษณ แบบสอบถาม และมีการเก็บรวบรวมไว และสามารถเรยี ก หมายถงึ คน สตั ว สงิ่ ของ หรอื เหตกุ ารณต า งๆ ขอมูลเหลาน้นั มาใชใ หเ กดิ ประโยชนไดใ นภายหลงั ตวั อยา งของขอมูล เชน คะแนนสอบ ชื่อ เพศ ซ่ึงเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การ อายุ เปน ตน สมั ภาษณ แบบสอบถาม และมกี ารเกบ็ รวบรวม ไว และสามารถเรียกขอมูลเหลานั้นมาใชให 1.1 ประเภทของขอมูล เกิดประโยชนไดในภายหลัง 1. ขอมูลปฐมภูมิ (primary data) คือ ขอมูลที่เก็บรวบรวมมาจากแหลงขอมูลท่ีไดมา 2. ครูถามคําถามกับนักเรียนภายในช้ันเรียนวา จากแหลงขอมูลโดยตรง เชน ขอมูลนักเรียนท่ีไดมาจากการตอบแบบสอบถาม การสํารวจ การ ขอ มูลแบงออกเปน กีป่ ระเภท แตล ะประเภทมี สมั ภาษณ การวดั การสังเกต การทดลอง ขอ มูลสินคา ท่ไี ดจากการใชเครอ่ื งอานบารโ คด ขอ มูล ความแตกตางกันอยางไร จากน้ันใหนักเรียน บตั รเอทเี อม็ ทไี่ ดจ ากเครอื่ งอา นแถบแมเ หลก็ ขอ มลู ทไี่ ดจ ะมคี วามถกู ตอ ง ทนั สมยั และเปน ปจ จบุ นั ชวยกนั หาคาํ ตอบ 2. ขอมูลทุติยภูมิ (secondary data) คือ ขอมูลท่ีไดจากแหลงที่รวบรวมขอมูลไวแลว โดยมีผหู น่ึงผใู ด หรอื หนว ยงานไดทําการเกบ็ รวบรวมหรอื เรียบเรยี งไว ซึ่งขอ มลู เหลานน้ั สามารถ แนวตอบ คําถามสําคญั ประจาํ หัวขอ นาํ มาใชอ างองิ ไดเ ลย เชน ขอ มูลจากระเบียนสะสม รายงานประจําป สารานกุ รม และเอกสาร ขอ มลู คอื ขอ เท็จจริงหรือเหตกุ ารณท ี่เก่ียวขอ งกบั เผยแพร เปน ตน Com Sci ส่ิงตางๆ ซ่ึงเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การ Focus à·¤¹¤Ô ¡ÒÃÊÑÁÀÒɳà¾è×Íà¡çº¢ŒÍÁÙÅ สัมภาษณ แบบสอบถาม หรือการเก็บรวบรวมไว เชน ชื่อ เพศ คะแนนสอบ อายุ สว นสารสนเทศ คือ การนาํ 1. การตงั้ คาํ ถามตอ งมคี วามชดั เจน เขา ใจงา ย ซงึ่ ควรทดลองใชแ บบสอบถามกอ นนาํ ไปใชจ รงิ ขอ มลู เหลา นนั้ ผา นการประมวลผล วเิ คราะห แปลความ 2. วางแผนการเดินทางและกาํ หนดเวลาเดนิ ทางไปพบผใู หขอ มลู ลว งหนา หมายเพอ่ื ใหไ ดข อ มลู ท่สี ามารถนาํ ไปใชป ระโยชนไ ด 3. ผูสัมภาษณตองแนะนําตนเองและเกริ่นความเปนมาของการสัมภาษณใหผูถูกสัมภาษณ เขา ใจกอ น 4. อานคําถามอยา งชัดเจน ไมต ะกกุ ตะกกั แสดงอาการยอมรบั เชน การพูดครับ/คะ เพ่อื แสดงความเขา ใจตอ ขอ มลู ทไ่ี ดร บั ทกุ ครงั้ และตอ งสอบถามเพมิ่ เตมิ ในกรณที ผ่ี ตู อบคาํ ถาม ตอบไมช ัดเจน 57 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม ขอ มลู ปฐมภมู ิสงผลอยางไรตอ การนาํ ไปใชง าน ขอ มลู สามารถจาํ แนกตามลกั ษณะของขอ มลู ได 2 ประเภท คอื 1. มีความนาเช่ือถือสงู 1. ขอ มลู เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Data) คอื ขอ มลู ทไี่ มส ามารถวดั ออกมา 2. ผานการประมวลผลขั้นสูง เปน คา ตวั เลขได แตส ามารถบอกไดว า ดหี รอื ไมด ี บอกลกั ษณะความเปน กลมุ ของ 3. มีรปู แบบการนําเสนอนา สนใจ ขอ มลู ได เชน เพศ ศาสนา สผี ม คณุ ภาพสนิ คา ความพงึ พอใจ 4. ใชเ วลาอยา งจํากัดในการเก็บรวบรวมขอมูล 2. ขอ มลู เชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Data) คอื ขอ มลู ทว่ี ดั คา ได แสดงเปน ตวั เลข ปรมิ าณ อาจมคี า ไมต อ เนอื่ ง คอื คา จาํ นวนเตม็ หรอื จาํ นวนนบั เชน จาํ นวน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ มลู ปฐมภมู เิ ปน ขอ มลู ทไี่ ดม าจากแหลง ขอ มลู นกั เรยี น จาํ นวนรถยนต หรอื มคี า ตอ เนอ่ื ง คอื คา ทมี่ จี ดุ ทศนยิ มได เชน สว นสงู โดยตรง ทําใหขอ มูลทีไ่ ดม คี วามนา เชอ่ื ถือ ดังน้ัน ตอบขอ 1.) นาํ้ หนกั อายุ รายได T63
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 1.2 การรวบรวมขอ้ มูล (data compilation) 3. ครูต้ังคําถามกับนักเรียนวา ถาตองการ เป็นการนา� เอาขอ้ มูลต่าง ๆ ท่ีผอู้ ่นื ไดเ้ ก็บไว้แลว้ หรอื รายงานไว้ในเอกสารต่าง ๆ มาศึกษา รวบรวมขอมูลจํานวนคนท่ีเขาไปใชงานใน วเิ คราะหต์ ่อ โดยแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั น ี้ หองสมุดของโรงเรียนในแตละวัน นักเรียน 1. วธิ เี กบ็ รวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ จะมีวิธีการรวบรวมขอมูลน้ีอยางไร จากน้ัน 1) วิธีการสังเกตการณ์ (observation) ครขู ออาสาสมคั รตอบคาํ ถามน้ี เป็นวิธีเก็บข้อมูลการสังเกตโดยตรงจากปฏิกิริยา ทา่ ทาง เหตกุ ารณ์ หรอื ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะ 4. ครูอธิบายวิธีเก็บรวบรวมขอมูลปฐมภูมิวา ใดขณะหน่ึง และจดบันทึกไว้โดยไม่มีการสัมภาษณ์ มีหลายวิธี เชน วิธีการสงั เกตการณ วิธกี าร วธิ นี ใี้ ช้กนั อย่างกวา้ งขวางในการวจิ ยั เช่น จะศึกษา สมั ภาษณ และวธิ กี ารทดลอง จากนนั้ ครถู าม ดปู ฏกิ ริ ยิ าของผขู้ บั รถยนตบ์ นทอ้ งถนนภายใตส้ ภาพ คาํ ถามวา วิธีการเก็บรวบรวมขอมลู โดยการ การจราจรที่แตกต่างกัน กอ็ าจจะสง่ เจา้ หนา้ ท่ีไปยนื ภาพท่ี 3.1 การสงั เกตการณ์ เปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของยารกั ษาโรคตดิ สงั เกตการณ์ได้ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) เปนวธิ ี การเก็บขอ มลู ปฐมภมู ิในรปู แบบใด 2) วิธีการสัมภาษณ์ (interview) เป็นวิธีการท่ีส่ง เจา้ หนา้ ทหี่ รอื พนกั งานออกไปสมั ภาษณผ์ ใู้ หค้ า� ตอบ และบนั ทกึ 1 คา� ตอบลงในแบบสอบถาม วธิ นี นี้ ยิ มใชก้ นั มากในการทา� สา� มะโน และสา� รวจ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ กบั สภาพการณ์ของประเทศไทย เป็นวิธีการที่จะท�าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด พนักงานสัมภาษณ์ สามารถชี้แจงหรืออธิบายให้ผู้ตอบเข้าใจในค�าถามได้ ท�าให้ได้ รับคา� ตอบตรงตามวตั ถุประสงค์ ภาพที่ 3.2 การสมั ภาษณ์ 3) การทดลอง (experiment) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากการทดลอง เปน็ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทตี่ อ้ งมกี ารทดลองหรอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทตี่ อ้ งการ ส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ของยาแก้ปวดหลาย ๆ ชนิด ข้อมูล ทเ่ี กบ็ รวบรวมไดจ้ ากการทดลองจะมคี วาม ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ถ้าไม่เกิดความ คลาดเคล่ือนจากการวัดหรือการวางแผน การทดลอง การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เปน็ ทกั ษะพน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ให้ เกดิ ความสามารถในการปฏบิ ตั ิ และฝกึ ฝน กระบวนการแสวงหาความรู้ ภาพท่ี 3.3 การทดลอง 58 เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย ครคู วรอธบิ ายกบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั วธิ กี ารรวบรวมขอ มลู ปฐมภมู แิ ตล ะวธิ ี ไมว า ครูมอบหมายใหนักเรียนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ จะเปน วธิ กี ารสงั เกต วธิ กี ารสาํ รวจ วธิ กี ารสอบถาม หรอื วธิ กี ารสมั ภาษณ เพราะ 1 หัวขอ จากนั้นใหนักเรียนใชวิธีการเก็บรวบรวมขอมูลตางๆ จะทําใหไดขอมูลท่ีแตกตางกัน เพื่อประสิทธิภาพท่ีดีของขอมูลจึงควรเลือก พรอ มถา ยทอดขอ มลู ออกมาใหม คี วามนา สนใจในรปู แบบของภาพ วธิ กี ารรวบรวมขอ มลู ทตี่ อบสนองตอ การเกบ็ รวบรวมมากทส่ี ดุ เชน บอลตอ งการทาํ Infographic จํานวน 1 หนา โดยครูคอยใหคําแนะนํานักเรียน รายงานเกย่ี วกบั อาชพี ภายในชมุ ชน ดงั นนั้ บอลจะตอ งเลอื กวธิ กี ารรวบรวมขอ มลู อยางใกลช ดิ และสุมนักเรียนออกมานาํ เสนอบริเวณหนาชัน้ เรยี น โดยการสาํ รวจชมุ ชนจงึ จะเหมาะสมทส่ี ดุ นักเรียนควรรู 1 สํามะโน คือ การเก็บรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับประชากร การเกษตร อุตสาหกรรมธุรกิจ และการอ่ืนๆ เพือ่ ใชป ระโยชนใ นทางสถติ ิ โดยการแจงนับ จากทุกหนวยเกี่ยวกบั เรือ่ งน้ันๆ T64
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. วธิ เี ก็บรวบรวมขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ ซึง่ สว่ นใหญ่มกั จะอยูใ่ นหนังสอื รายงาน บทความ หรือ ขน้ั สอน เอกสารตา่ ง ๆ ควรดา� เนนิ การดงั ต่อไปนี ้ 1) พจิ ารณาตวั บคุ คลผเู้ ขยี นรายงาน บทความ หรอื เอกสารเหลา่ นนั้ วา่ เปน็ ผมู้ คี วามรู้ 5. ครูอธิบายวิธีการเก็บขอมูลทุติยภูมิวา สวน และมคี วามเชยี่ วชาญในเรือ่ งทเี่ ขยี นมคี วามน่าเชอ่ื ถอื การเขียนจา� เป็นต้องอาศยั เหตผุ ลและหลกั ใหญวิธีการเก็บขอมูลนี้มักจะอยูในหนังสือ วชิ าการซึ่งข้อมลู ทจ่ี ะน�ามาใช้นนั้ รวบรวมมาจากรายงาน บทความ หรือเอกสารตา่ ง ๆ และควรใช้ รายงาน เอกสารตา งๆ ซงึ่ ควรดาํ เนนิ การ ดงั น้ี ข้อมูลทผ่ี ู้เขยี นเกบ็ รวบรวมมาโดยตรง เชน่ ข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากการสา� รวจหรอื ส�ามะโน เป็นตน้ 1) พจิ ารณาตวั บคุ คลผเู ขยี นรายงาน บทความ 2) ควรเกบ็ รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหลง่ เพอื่ ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บวา่ ขอ้ มลู ทตี่ อ้ งการ วา เปนผูมีความเชยี่ วชาญในเรือ่ งที่เขยี น มคี วามผดิ พลาดหรอื ไม่ นอกจากน้ี ผเู้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู ควรใชค้ วามรแู้ ละความชา� นาญมาพจิ ารณา 2) ควรเก็บรวบรวมขอมูลมาจากหลายแหลง ข้อมูล เพือ่ ให้ไดข้ ้อมลู ท่ถี กู ต้อง ครบถว้ น และสมบรู ณ์ เพื่อใชในการเปรียบเทียบวาขอมูลที่ สมบรู ณ ์ ซง่ึ 3ข)อ้ มพลู จิ ทาไ่ี รดณจ้ าาจกาทกะลเบกั ยีษนณหะรขอื อขงอ้ขมอ้ ลูมทลู เ่ีทปเี่ น็กคบ็ วราวมบครวดิ มเหวน็า่ เหปรน็ อื ขเจอ้ ตมคลู ต1ทสิ ถี่ ว่ กู นตใอ้หงญคม่ รกั บจถะว้มนคี วแาลมะ ตองการมีความผดิ พลาดหรอื ไม ถกู ตอ้ งเชอ่ื ถอื ไดส้ งู แตถ่ า้ เปน็ ขอ้ มลู ประเภทความลบั หรอื ขอ้ มลู ทผ่ี ตู้ อบอาจตอ้ งเสยี ประโยชนจ์ าก 3) พิจารณาลักษณะของขอมูลวามีความ การตอบ ส่วนใหญ่มักจะมคี วามถูกตอ้ งเชอ่ื ถือได้น้อย ถกู ตอง ครบถว น สมบรู ณห รอื ไม 4) ถา้ ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดม้ าจากการสา� รวจจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง หรอื ตอ้ งผา่ นขนั้ ตอน 4) ขอ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดต อ งมาจากการสาํ รวจ การวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติมาก่อน จะต้องตรวจสอบวิธีการท่ีใช้ในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง กลมุ ตวั อยา ง หรอื ผา นขน้ั ตอนการวเิ คราะห ขนาดกลุ่มตัวอย่าง และวิธกี ารวเิ คราะหว์ า่ เหมาะสมทีจ่ ะใช้หรือไม่ มาเรียบรอยแลว ภาพที่ 3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 59 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอมลู ทุติยภูมมิ ลี กั ษณะอยา งไร ครูอธิบายนักเรียนเก่ียวกับขอควรระวังในการเก็บรวบรวมขอมูลทุติยภูมิ 1. ตรงกบั ความตอ งการมากทสี่ ดุ ซึง่ สว นใหญมกั จะอยูในรูปแบบหนงั สอื รายงาน บทความ หรอื เอกสาร ดังน้นั 2. เปน ขอ มลู ท่ผี ูอ่ืนรวบรวมและบนั ทึกไว กอ นนาํ ขอ มลู ไปใชง าน นกั เรยี นควรตรวจสอบความทนั สมยั ของเนอื้ หาขอ มลู เพอ่ื 3. เปน การแบง ขอ มูลตามระบบคอมพิวเตอร ลดความคลาดเคลือ่ นของขอ มูล 4. รวบรวมขอมลู ไดจ ากแหลง ขอมลู นนั้ โดยตรงเทา นัน้ นักเรียนควรรู (วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอมูลทุติยภูมิเปนขอมูลที่ไดจากแหลงท่ี รวบรวมขอมูลไวแลว โดยมีผูหน่ึงผูใด หรือหนวยงานไดทําการ 1 เจตคติ คือ ความรูสึกนึกคิดทางดานจิตใจท่ีแสดงออกตอสิ่งใดส่ิงหน่ึง เก็บรวบรวมขอ มูลไวแลว ดงั นน้ั ตอบขอ 2.) ไมวาจะเปนบุคคล สัตว สิ่งของ หรือสถานการณตางๆ ซ่ึงอาจจะแสดงทาที ในทํานองทพ่ี ึงพอใจหรือไมพ ึงพอใจ อาจจะเหน็ ดว ยหรอื ไมเ ห็นดวยก็ได T65
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 3. การสบื คน้ ขอ้ มูลบนเว็บไซต์ (Search Engine) 6. ครูถามคําถามกระตุนความคิดกับนักเรียน เสริ ช์ เอนจิน (Search Engine) หรือโปรแกรมคน้ หาขอ้ มูล วา การสบื คน ขอ มลู บนเวบ็ ไซตม ลี กั ษณะการ คือ โปรแกรมท่ีออกแบบมาเป็นเครื่องมือส�าหรับใช้ค้นหา ทํางานอยางไร และสมุ นกั เรยี นตอบคําถาม ข้อมูล ซ่ึงโปรแกรมท่ีใช้ส�าหรับค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือเว็บไซต์ที่ใช้ส�าหรับค้นหาข้อมูลจะเรียกว่า เว็บเสิร์ช 7. ครอู ธบิ ายการสบื คน ขอ มลู บนเวบ็ ไซตว า เปน เอนจนิ (Web Search Engine) ส่วนใหญจ่ ะคน้ หาข้อมูล โปรแกรมคน หาขอ มลู ทอี่ อกแบบมาสาํ หรบั ใช โดยที่เราต้องกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือค�าค้นหา คน หาขอ มลู บนเวบ็ ไซต ซงึ่ สว นใหญจ ะคน หา ตา่ ง ๆ ลงไป ซง่ึ คา� เหลา่ นน้ั เราจะเรยี กวา่ คา� คน้ (Keyword) ภาพท่ี 3.5 เสริ ์ชเอนจนิ ขอมูลโดยการกรอกขอมูลที่ตองการคนหา หรอื คําคน หาลงไป หลักการทา� งานของ Search Engines การทา� งานของ Search engines บนเว็บไซต์ สามารถแบง่ ขนั้ ตอนการทา� งานออกเปน็ 3 ข้นั ตอน ดังนี้ 1แ.ล ้วใดชึง้โปขร้อแมกูลรเมหรลว่าบนรั้นวมมเาออกัปสเาดรต1เใวสบ็ ่ใ น(Sราpยidกeาr รหฐารนอื ขW้อมebูล Rสo่วbนoมt)า ทก า� หSpนiา้dทerส่ี า� มรวักจจเะวเบ็ขไ้าซไปต์ ต่าง ๆ อัปเดตข้อมูลเปน็ รายเดือน 2. จัดท�ารายการดรรชนี หรือฐานข้อมูล (Database) เป็นส่วนที่เก็บรายการเว็บไซต์ ฐานข้อมูลที่ดีควรจะมีขนาดใหญ่เพียงพอท่ีจะรองรับการเจริญเติบโตของเว็บไซต์ในปัจจุบัน การออกแบบฐานข้อมูลท่ีดีเป็นส่วนส�าคัญ เพราะถ้าฐานข้อมูลออกแบบมาท�างานช้า ก็จะท�าให้ การรอผลนน้ั นานเกนิ ไป และท�าใหไ้ ม่ไดร้ บั ความนยิ มในท่ีสดุ 3. โปรแกรมค้นหา (Search Engine) มีหน้าที่รับค�าหรือข้อความต่าง ๆ ตามท่ีผู้ใช้งาน ปอ้ นเขา้ มา เพอื่ ใชค้ น้ หาตามเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ ทจ่ี ดั เกบ็ ไวใ้ นฐานขอ้ มลู จากนนั้ จะรายงานผลเวบ็ ไซต์ ที่ค้นพบให้กับผู้ใช้ การสืบค้นด้วยวิธีน้ีนอกจากจะต้องมีระบบการสืบค้นข้อมูลท่ีรวดเร็วและมี ประสิทธิภาพแลว้ การกลนั่ กรองผลเพ่อื ให้ตรงกับความตอ้ งการของผู้ใชก้ ส็ �าคัญเช่นกนั ประโยชน์ของ Search Engines 1. ใชส้ บื คน้ ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสบื คน้ ไดอ้ ยา่ งสะดวก และง่ายดาย 2. มคี วามรวดเร็วและมปี ระสิทธิภาพสงู สามารถ ใชง้ านไดต้ ลอดเวลา ภาพท ่ี 3.6 ค้นหาข้อมูล 3. ให้ผลลัพธ์ทต่ี รงกบั ความตอ้ งการของผูส้ ืบคน้ ข้อมูล 4. รองรับการคน้ หาไดห้ ลายภาษา รวมทง้ั ภาษาไทย 60 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 อัปเดต คือ การเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขอมูลใหทันสมัยข้ึน โดยไม การสบื คนข้นั สูง (Advanced Search) มลี ักษณะอยางไร กระทบสว นใดสว นหนงึ่ เชน การอปั เดต Windows ผานทางออนไลน ซ่ึงไมได 1. การทราบถึงที่มาของการสบื คน ขอ มลู เปน การเปลีย่ นแปลงเวอรชนั หลักๆ ทใี่ ชอยใู นปจจบุ นั เพยี งแตป รับปรุงในสว น 2. การสืบคนขอ มลู ทีเ่ ฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทีไ่ มส มบรู ณใหกลบั มาใชงานอยางมีประสิทธภิ าพมากยิ่งขนึ้ 3. การคนหาขอเทจ็ จรงิ ในการสืบคนขอ มลู 4. การนําเทคโนโลยีใหมเขา มาใชงานในการสืบคน ขอมลู (แนวตอบ การสบื คน ขนั้ สงู (Advanced Search) เปน การสบื คน ทซี่ บั ซอ นและเฉพาะเจาะจง ทาํ ใหผ ใู ชง านไดข อ มลู ทตี่ รงกบั ความ ตอ งการมากทีส่ ดุ ดังนั้น ตอบขอ 2.) T66
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การสบื คน้ เวบ็ ไซต์ข้อมูลด้วย Search Engine จากเวบ็ ไซต ์ Google ขน้ั สอน ข้ันตอนการสืบค้นเวบ็ ไซตข์ ้อมลู ดว้ ย Search Engine จากเว็บไซต์ Google 1. เปิดเว็บไซต์ทีใ่ หบ้ ริการ http://www.google.co.th/ ขน้ึ มา 8. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาขน้ั ตอนการสบื คน เวบ็ ไซต ขอมูลดวย Search Engine จากเว็บไซต Google โดยใหนักเรียนทดลองสืบคนขอมูล ดว ยการใชค าํ คน หาวา เทคโนโลยี ตามหนงั สอื เรียน จากน้ันครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเก่ียว กับตนกําเนิดของคอมพิวเตอร นําขอมูลท่ี คน หาไดส รุปลงในโปรแกรม Microsoft Word และใสแหลงอางอิงท่ีมาของขอมูลเพ่ือใหเกิด ความนา เชือ่ ถอื ภาพที ่ 3.7 เว็ปไซต์ Google 2. พิมพ์ค�าคน้ (keyword) โดยพมิ พค์ า� ว่า เทคโนโลยี ที่ต้องการสืบคน้ ลงในชอ่ ง ภาพที่ 3.8 การพิมพ์คา� คน้ 3. กดทป่ี ุ่ม “คน้ หา” 4. ระบบจะทา� การค้นหาเว็บไซตท์ ่ตี รงกบั คา� คน้ (keyword) ที่ต้องการ และแสดงออกมา ในรูปแบบของลิงกข์ ้อมลู พร้อมค�าอธบิ ายประกอบ ภาพท ี่ 3.9 การแสดงผลการคน้ หา 61 ขอ สอบเนน การคิด ความรูเสริม การคนหาขอมูลบนอินเทอรเน็ตแตกตางจากการคนหาขอมูล วธิ กี ารคน หาจากเวบ็ ไซต Google ทนี่ า สนใจ ประกอบดว ย 6 วธิ ี ดงั น้ี ในหอ งสมดุ อยา งไร 1. เมอ่ื ตอ งการคน หาประโยคแบบเฉพาะเจาะจง ใหใ สค าํ ทต่ี อ งการคน หาลงใน เครอื่ งหมายคาํ พดู (“.....”) (วเิ คราะหค ําตอบ การคนหาขอมูลบนอินเทอรเน็ตทําใหเขาถึง 2. เมอื่ ไมต อ งการใหค าํ ทไ่ี มต อ งการแสดงขนึ้ มาดว ย ใหใ สเ ครอ่ื งหมายลบ (-) ขอมูลไดงายและไดขอมูลที่ตองการอยางรวดเร็ว เพราะ ลงในชอ งคน หา อินเทอรเน็ตเปนแหลงขอมูลท่ีเก็บรวบรวมขอมูลจากหลายแหลง 3. เมอื่ ตอ งการใหม คี าํ นปี้ ระกอบอยดู ว ยเสมอโดยจะอยตู รงไหนของประโยค ไวรวมกัน ดังน้ัน เมื่อตองการคนหาขอมูล การคนหาขอมูลจาก กไ็ ด ใหใ สเ ครอื่ งหมายบวก (+) ลงในชอ งคน หา อินเทอรเน็ตจะทําใหไดขอมูลในปริมาณที่เพียงพอตอความ 4. เมอ่ื ตอ งการคน หาคาํ ทใี่ กลเ คยี งกนั ใหใ สเ ครอ่ื งหมายคลนื่ นาํ้ (~) ตองการมากทีส่ ดุ ) 5. เมอ่ื ตอ งการหาขอ มลู ตามชว งเวลาใหใ สจ ดุ 2 จดุ เชน หนงั สอื ดปี 61..63 6. เมอื่ ตอ งการกาํ หนดไฟลท ต่ี อ งการสบื คน ใหใ สน ามสกลุ ไฟลต ามประเภท ตา งๆ ลงไปดว ย T67
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 1.3 สารสนเทศเบอ้ื งต้น CinoRmeaSlcLiife 9. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนความคิดวา การ สารสนเทศ (information) คือ การน�าข้อมูลมาผ่าน ในการท�างานด้วย ฝาก-ถอนเงินจากธนาคาร ระเบียนสะสม ระบบการประมวลผล คา� นวณ วิเคราะห์ และแปลความหมาย เครื่องคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ การจองโรงแรม คะแนนสอบวชิ าคอมพวิ เตอร ออกมาเป็นข้อความท่ีสามารถน�าไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จะมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีมี จากขอความที่กําหนดใหขางตน ขอใดเปน ได้มากมาย ท�าให้ค�าว่าสารสนเทศมีความหมายท่ีกว้างและ ประสิทธิภาพดีแล้วยังต้อง สารสนเทศ และขอใดเปนขอมูล พรอม หลากหลาย ท้ังความหมายในเชิงเทคนิคและความหมายของ มีชุดค�าส่ัง (software) ท่ีจะ อธิบายเหตุผลประกอบ สารสนเทศในชีวิตประจ�าวัน เช่น สารสนเทศท่ีเป็นความรู้จาก ควบคุมการท�างานของเครื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จากโทรศัพท์มือถือ สารสนเทศระบบ อกี ดว้ ย การทา� งานโดยวธิ กี าร 10. ครอู ธบิ ายคาํ วา สารสนเทศ ใหน กั เรยี นฟง วา ส่ือสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เช่น การฝาก การถอนเงินผ่าน จดั แฟม้ ซึ่งเรียกวิธนี ว้ี ่า ระบบ เปน การนาํ ขอ มลู มาผา นระบบการประมวลผล เครอื่ ง ATM การจองตั๋วเครอ่ื งบนิ เปน็ ต้น การจัดการกระท�าแฟ้มข้อมูล o_O คาํ นวณ วเิ คราะห และแปลความหมายออก มาเปนขอความที่สามารถนําไปใชประโยชน ระบบสารสนเทศ (Information System : IS) คือ ท้ังน้ี อาจใช้โปรแกรม ในดา นตา งๆ จากนน้ั ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ ระบบที่อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดการกับข้อมูลใน ส�าเร็จซึ่งท�าหน้าท่ีในการเก็บ เกยี่ วกบั ความสาํ คญั ของสารสนเทศทางดา น องค์กร เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ รวบรวมข้อมูลให้เป็นระเบียบ การศกึ ษา สงั คม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม ประกอบดว้ ย บคุ ลากร ฮารด์ แวร ์ ซอฟตแ์ วร ์ เครอื ขา่ ยการสอื่ สาร ง่ายต่อการใช้งาน และช่วย ใหน กั เรยี นฟง และทรัพยากรด้านข้อมูลส�าหรับจัดเก็บ รวบรวม ปรับเปลี่ยน ท�าให้ผู้ใช้ประมวลผลข้อมูล ต่าง ๆ ตามความต้องการได้ Com Sciและเผยแพร่สารสนเทศเพอ่ื การน�ามาใชป้ ระโยชน์ในองค์กร อยา่ งรวดเรว็ โปรแกรมเหลา่ นี้ จะใช้ระบบการจัดการฐาน Focus ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊÒÃʹà·È ขอ้ มลู หรอื ท่เี รียกวา่ ดบี เี อม็ เอส (Data Base Management System : DBMS) 1. ด า้ นการศกึ ษา การจดั การเรยี นการสอนในปจั จบุ นั มงุ่ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง โดยครู ผสู้ อนทา� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผแู้ นะนา� ชว่ ยเหลอื และกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ดว้ ยตนเอง 2. ด ้านสังคม สารสนเทศช่วยพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพส่วน บุคคลใหอ้ ยรู่ ว่ มกับผอู้ ื่นได้อยา่ งมีความสขุ อกี ท้งั ชว่ ยให้เกิดความคิดสร้างสรรค ์ เกิด การประดษิ ฐค์ ิดค้นเทคโนโลยใี หม ่ ๆ ทีน่ �ามาซึง่ ความสะดวกสบายในการดา� เนนิ ชีวติ 3. ด ้านเศรษฐกิจ สารสนเทศมีความส�าคัญในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจยุคใหม่ท่ีเรียกว่า เศรษฐกจิ บนฐานความร ู้ หนว่ ยงานหรอื ผปู้ ระกอบการธรุ กจิ ใหค้ วามสา� คญั กบั เรอ่ื งของ “การจัดการความรู้” เพอื่ รักษาองค์ความรูข้ ององค์กรไว้ 4. ด า้ นวฒั นธรรม สารสนเทศเป็นรากฐานท่ีจา� เป็นส�าหรบั ความก้าวหน้าของอารยธรรม สารสนเทศชว่ ยสบื ทอดคา่ นยิ ม ทัศนคต ิ ศลิ ปะ และวฒั นธรรมทเ่ี ป็นเอกลักษณอ์ นั ดี งามของชาติ กอ่ ให้เกิดความภาคภมู ิใจ ความสามคั ค ี และความมนั่ คงในชาติ 62 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย ครูทบทวนความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารสนเทศเบ้ืองตน พรอมยก ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ เกย่ี วกบั สารสนเทศที่ ตวั อยา งการนาํ ระบบสารสนเทศเขา มาใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั ในดา นตา งๆ พบในชวี ติ ประจาํ วนั จากนนั้ คดั เลอื กประเดน็ ทน่ี กั เรยี นสนใจขน้ึ มา ไมว า จะเปน ดา นการศกึ ษา ดา นสงั คม ดา นเศรษฐกจิ หรอื ดา นวฒั นธรรม เพอื่ ให 1 ประเด็น แลวรวบรวมขอมูลใหครบถวน พรอมนําเสนอตาม นกั เรยี นไดต ระหนกั ถงึ ความสาํ คญั และประโยชนข องสารสนเทศมากขน้ึ รูปแบบที่นักเรียนคิดวานาสนใจอยางอิสระ โดยครูคอยใหคํา แนะนาํ เพิ่มเติมตามความเหมาะสม T68
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1.4 ลกั ษณะของสารสนเทศทด่ี ี ขนั้ สอน การไดม้ าซงึ่ สารสนเทศทด่ี ี ถกู ตอ้ ง และเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ตามความตอ้ งการของ 11. ครอู ธบิ ายลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ใี หฟ ง วา ผู้ใชง้ านนัน้ ขอ้ มลู ท่นี า� มาเพ่อื ใหไ้ ด้สารสนเทศน้นั ควรมคี ณุ ลกั ษณะ ดังนี้ ควรมีลักษณะ ดังน้ี สารสนเทศควรมีความ 1. มีความถูกต้อง แม่นย�า (accuracy) สารสนเทศที่ดีจะต้องตรงกับความเป็นจริง และ ถกู ตอ ง แมน ยาํ และเชอื่ ถอื ได สารสนเทศทด่ี ี เชื่อถอื ได ้ สารสนเทศบางอยา่ งมีความสา� คญั หากไม่ตรงกบั ความเป็นจรงิ แลว้ อาจส่งผลให้เกิด ตอ งทนั ตอ การใชง าน มคี วามครบถว นสมบรู ณ ความเสียหายได้ สารสนเทศที่ถูกต้องแม่นย�าจะต้องเกิดจากการป้อนข้อมูล รวมถึงโปรแกรมที่ ของขอมูลน้ัน มีความสอดคลองกับความ ประมวลผลจะต้องถกู ต้อง ตอ งการของผใู ชง าน และจาํ เปน ตอ งสามารถ 2. ทันต่อเวลา (timeline) สารสนเทศท่ีดีต้องทันต่อการใชง้ าน กล่าวคือ ข้อมลู ท่ปี อ้ นให้ ตรวจสอบท่ีมาและความถูกตองได จากน้ัน กบั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ตอ้ งมคี วามเปน็ ปัจจุบันทนั สมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อการน�าไปใช้ประโยชน์ได้ ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามวา ระบบสารสนเทศคอื จรงิ ตัวอย่างเชน่ ข้อมลู หมายเลขโทรศัพทข์ องผปู้ กครองนักเรยี นจะตอ้ งมีการปรับปรงุ ใหท้ นั สมยั อะไร มลี กั ษณะการทาํ งานอยา งไร หากหมายเลขโทรศพั ท์ล้าสมยั ก็จะไมส่ ามารถติดตอ่ กบั ผู้ปกครองไดห้ ากเกิดกรณฉี กุ เฉิน 3. มคี วามสมบรู ณค์ รบถว้ น (complete) สารสนเทศทด่ี จี ะตอ้ งมคี วามครบถว้ น สารสนเทศ ท่ีมีความครบถ้วนเกิดจากการเก็บข้อมูลได้ครบ หากเก็บข้อมูลเพียงบางส่วนก็จะไม่สามารถใช้ ประโยชนจ์ ากสารสนเทศไดเ้ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ตวั อยา่ งเชน่ ขอ้ มลู นกั เรยี นจะตอ้ งมกี ารเกบ็ รวบรวม รายละเอยี ดเกีย่ วกับนกั เรียนใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด เช่น ชือ่ อาย ุ ที่อย่ ู ชื่อผปู้ กครอง หมายเลขโทรศัพท์ คะแนนท่ไี ดร้ บั ในแตล่ ะวิชา เปน็ ตน้ ท้ังน ี้ เพอ่ื ให้ครสู ามารถนา� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างเต็มท่ี 4. มคี วามสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช ้ (relevancy) สารสนเทศจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้ใช้ กล่าวคือ การเก็บข้อมูลต้องมีการสอบถามการใช้งานของผู้ใช้ว่าต้องการ ในเรอ่ื งใดบา้ ง จงึ สามารถสรปุ สารสนเทศได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากทส่ี ดุ ตวั อย่างเชน่ หากต้องการเก็บข้อมูลของนักเรียนก็ต้องถามครูว่าต้องการเก็บข้อมูลใดบ้าง เพื่อให้ครูสามารถ ใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ 5. สามารถพิสูจนไ์ ด ้ (verifiable) สารสนเทศท่ีดจี ะต้องตรวจสอบท่ีมาได ้ ทง้ั น้ี เพอ่ื ให้ผใู้ ช้ ตรวจสอบความถกู ต้องของสารสนเทศได้ ภาพท ่ี 3.10 การเชื่อมต่อสารสนเทศ ภาพท ่ี 3.11 การจัดเก็บสารสนเทศ 63 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สารสนเทศมลี ักษณะตรงตามขอใด ครคู วรเนน ยาํ้ ถงึ ลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ี พรอ มยกตวั อยา งประกอบเพอื่ 1. การแสดงผลผา นจอภาพ เปรียบเทียบสารสนเทศแตละแบบเพ่ือใหนักเรียนไดเห็นถึงความแตกตางของ 2. พมิ พขอ ความผา นแปนพมิ พ สารสนเทศ และพิจารณาใหสารสนเทศมีลักษณะของสารสนเทศท่ีดีกอนท่ีจะ 3. แผนภูมิแสดงจาํ นวนนักเรียนท่ีมาสาย นาํ ไปใชง าน 4. การประมวลผลโดยใชเครอ่ื งคอมพิวเตอร (วเิ คราะหค าํ ตอบ สารสนเทศเปนการนําขอมูลมาผานระบบ ประมวลผล คํานวณ วิเคราะห หรือแปลความหมาย ทําใหเกิด สารสนเทศทมี่ คี ณุ ภาพ แลว จงึ นาํ สารสนเทศนนั้ ไปใชป ระโยชนใ น ดา นตา งๆ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) T69
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1.5 ระบบสารสนเทศ 12. ครูอธิบายระบบสารสนเทศใหนักเรียนฟงวา ระบบสารสนเทศ (Information System : IS) คอื ระบบที่สามารถจดั การข้อมลู ตั้งแต่การ เปนระบบท่ีสามารถจัดการขอมูลต้ังแตการ รวบรวมและตรวจสอบขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู รวมถงึ การดแู ลรกั ษาขอ้ มลู ไดแ้ ก ่ การจดั เกบ็ รวบรวมและตรวจสอบขอ มลู การประมวลผล ขอ้ มูล การท�าสา� เนาข้อมูล การปรบั ปรุงขอ้ มลู ตลอดจนการสอ่ื สารขอ้ มลู เพือ่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศ ขอ มลู รวมถงึ การดแู ลรกั ษาขอ มลู ไดแ ก การ ที่ถูกต้องและทันต่อความต้องการใช้งานของผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถน�าสารสนเทศที่ได้ไปประกอบการ จดั เกบ็ ขอ มลู การทาํ สาํ เนาขอ มลู การปรบั ปรงุ ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงระบบในที่น้ีอาจใช้มนุษย์จัดการข้อมูลหรือใช้คอมพิวเตอร์ ขอมลู ตลอดจนการส่อื สารขอมูล เพ่ือใหไ ด ในการจัดการข้อมูลก็ได้ แต่ปัจจุบันนิยมใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูล เราอาจเรียกระบบ สารสนเทศทถี่ กู ตอ งและทนั ตอ ความตอ งการ สารสนเทศนวี้ า่ (Computer-based Information System : CBIS) คา� ว่า “ระบบ” จะประกอบดว้ ย ใชของผูใชงาน จากนั้นครูถามคําถามกับ องค์ประกอบหลายองคป์ ระกอบ จงึ ทา� ใหไ้ ด้สารสนเทศทถ่ี กู ต้องรวดเรว็ สา� หรับองคป์ ระกอบของ นกั เรยี นวา องคป ระกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศทีส่ �าคญั มี 5 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี มกี ป่ี ระเภท อะไรบา ง ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ ข้อมลู และ บคุ ลากร กระบวนการทา� งาน สารสนเทศ ภาพที ่ 3.12 ระบบสารสนเทศ 1. ฮารด์ แวร ์ (hardware) คอื อปุ กรณท์ เ่ี กยี่ วขอ้ ง หรอื สว่ นทปี่ ระกอบเปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ อุปกรณ์คอมพวิ เตอร ์ และอปุ กรณ์อ่ืน ๆ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครอื่ งคดิ เลข เป็นตน้ 2. ซอฟตแ์ วร์ (software) คือ ชุดคา� สงั่ หรอื เรียกให้เขา้ ใจงา่ ยว่า โปรแกรมทส่ี ามารถส่งั การใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานในลกั ษณะทตี่ อ้ งการภายใตข้ อบเขตความสามารถทเ่ี ครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ หรือโปรแกรมน้ัน ๆ สามารถทา� ได ้ ซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1) ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) เปน็ โปรแกรมท่ที า� หนา้ ท่ตี ดิ ต่อกับฮารด์ แวร์ และเครอื่ งมือสา� หรบั ใหผ้ ้ใู ชท้ �างานพ้นื ฐานต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วกบั ฮารด์ แวร ์ ซอฟต์แวรร์ ะบบที่นิยมใช้ ในปจั จุบัน ไดแ้ ก ่ ระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส ์ และโปรแกรมแปลค�าส่งั ภาษา เปน็ ต้น 2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) เป็นโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ ท�างานต่าง ๆ ตามท่ีผู้ใช้ต้องการ ดังนั้น การเขียนซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อให้รองรับการท�างาน ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ท่ีผู้ใช้ต้องการ ท�าให้มีการประยุกต์ใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง ซอฟต์แวร์ประยุกต์มี 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ส�าหรับงานเฉพาะด้าน และซอฟต์แวร์ส�าหรับ งานทัว่ ไป 64 ความรูเสริม กจิ กรรม สรา งเสรมิ เปาหมายของระบบสารสนเทศ มดี งั น้ี ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ เกย่ี วกบั องคป ระกอบ 1. เพม่ิ ประสิทธิภาพในการทํางาน (Increase Work Efficiency) ของระบบสารสนเทศ จากน้ันเขียนแผนผังความคิด (Mind 2. เพิ่มผลผลติ ใหแกองคก ร (Increase Productivity) map) ลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงใหสวยงาม และ 3. เพิ่มคณุ ภาพในการบรกิ ารลูกคา (Increase Service Quality) จัดเตรียมขอมลู เพือ่ นาํ เสนอตามรปู แบบทน่ี ักเรยี นคดิ วานา สนใจ 4. สามารถนําสารสนเทศมาวิเคราะห เพื่อหากลยุทธในการแขงขันทาง อยางอิสระ โดยครูคอยใหขอเสนอแนะกับนักเรียนตามความ ธุรกจิ ได (Strategic Plan) เหมาะสม 5. สามารถประเมิน/คาดเดาสถานการณท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตได (Forecast/Project) 6. ทําใหลูกคาเกิดความพอใจในการใหบริการ (Increase Customer’s Satisfaction) T70
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. บุคลากร (peopleware) คือ ผู้ที่เก่ียวข้องกับระบบสารสนเทศ ซึ่งจะต้องมีความรู้ ขน้ั สอน ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ตามหน้าท่ีและความรับผิดชอบ บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์มีหลาย ระบบ ดงั นี้ 13. ครอู ธบิ ายองคป ระกอบของระบบสารสนเทศทงั้ 1) ระดับผู้ใชง้ าน (user) เป็นผนู้ �าสารสนเทศทไ่ี ด้จากระบบสารสนเทศไปใช้งาน 5 องคป ระกอบ ดงั นี้ 2) ระดับผู้พัฒนาระบบ (system analyst) เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ ได้แก่ 1) ฮารด แวร เปน อปุ กรณท เ่ี กย่ี วขอ งหรอื สว นท่ี นักวิเคราะห์ระบบ ท�าหน้าท่ีวิเคราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศท่ีเหมาะสมกับหน่วยงาน ประกอบเปน เครอ่ื งคอมพวิ เตอร และนกั เขยี นโปรแกรม ทา� หนา้ ทเี่ ขยี นคา� สง่ั ดว้ ยภาษาคอมพวิ เตอร ์ เพอ่ื ใหร้ ะบบสารสนเทศทา� งาน 2) ซอฟตแวร เปนชุดคําส่ังหรือโปรแกรมท่ี 4. ขอ้ มูล (data) คอื ข้อเทจ็ จริงทอี่ าจอยใู่ นรูปแบบตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ตัวหนังสอื แสง สี สามารถสั่งการใหคอมพิวเตอรทํางานใน เสยี ง สญั ญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ ภาพ วัตถ ุ หรอื หลาย ๆ อยา่ งผสมผสานกนั ซ่งึ ขอ้ มลู ที่ดจี ะตอ้ ง ลกั ษณะทต่ี อ งการ ตรงกบั ความตอ้ งการของผ้ใู ช้ 3) บุคลากร เปนบุคคลท่ีเก่ียวของกับระบบ 5. กระบวนการ (process) คือ ขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานในระบบ สารสนเทศ ซงึ่ จะตอ งมคี วามรใู นการใชง าน สารสนเทศ เพอื่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทต่ี อ้ งการ กระบวนการทา� งานจะอยใู่ นรปู แบบของคมู่ อื การใชง้ าน คอมพวิ เตอร ส�าหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ดังนั้น คู่มือจะต้องอธิบายการใช้งานระบบอย่างละเอียดและเป็นภาษา 4) ขอมูล เปนขอเท็จจริงท่ีอาจอยูในรูปแบบ ท่เี ขา้ ใจง่าย องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศตอ้ งทา� งานสมั พนั ธ์กนั ซ่ึงจะขาดองคป์ ระกอบใด ตา งๆ เชน ตวั หนงั สอื แสง สี เสยี ง องคป์ ระกอบหนงึ่ ไมไ่ ด ้ เพ่ือใหเ้ กดิ การประมวลผล และไดส้ ารสนเทศที่มปี ระสิทธภิ าพ 5) กระบวนการ เปน ขนั้ ตอนกระบวนการตา งๆ ในการปฏบิ ตั งิ านในระบบสารสนเทศ เพอ่ื ใหไ ดส ารสนเทศทต่ี อ งการ Com Sci ภาพที่ 3.13 น�าเสนอสารสนเทศ ภาพท ี่ 3.14 โลกดิจิทลั Focus à·¤â¹âÅÂÊÕ ÒÃʹà·È㹪ÇÕ µÔ »ÃШÒí Ç¹Ñ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการเงินและการพาณิชย์ จะใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในรูปแบบของเครอ่ื งเบกิ ถอนเงนิ อัตโนมตั ิ เพื่ออา� นวยความสะดวกในการฝาก ถอน โอนเงิน และน�าคอมพิวเตอร์ระบบออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาช่วยในการท�างาน ประจ�าวันของธนาคารด้วยการเช่ือมโยงข้อมูลของธนาคารต่างสาขา ต่างธนาคาร ท�าให้ ผูใ้ ชบ้ รกิ ารสามารถเบกิ ถอน โอนเงนิ และช�าระเงนิ คา่ ใช้จ่ายต่าง ๆ ไดส้ ะดวก 65 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การศึกษาทางไกลผานดาวเทียมใชประโยชนจากเทคโนโลยี ครคู วรเนน ยา้ํ ถงึ องคป ระกอบของระบบสารสนเทศทง้ั 5 องคป ระกอบ ไมว า สารสนเทศในดานใดมากทสี่ ดุ จะเปน ฮารด แวร ซอฟตแ วร ขอมูลและสารสนเทศ บคุ ลากร และกระบวนการ ทาํ งาน รวมถงึ ความสมั พนั ธข ององคป ระกอบเพอื่ ใหผ เู รยี นไดต ระหนกั ถงึ ความ 1. การแสดงผล สําคัญของระบบสารสนเทศ 2. การประมวลผล 3. การสือ่ สารและเครือขาย T71 4. การบันทึกและจัดเกบ็ ขอ มูล (วิเคราะหคําตอบ การศึกษาทางไกลผานดาวเทียม เปนการ ถายทอดกระบวนการเรียนรูของครูผูสอนจากช้ันเรียนในโรงเรียน ตนทาง สงตรงไปยังชั้นเรียนตางๆ ในพื้นที่ชนบทและหางไกล ความเจริญเปนโรงเรียนปลายทาง และดําเนินกิจกรรมการสอน ดวยครูคนเดียวกัน เวลาเดียวกัน เพราะฉะน้ัน การส่ือสารและ เครอื ขา ยจงึ นาํ มาใชป ระโยชนต อ การศกึ ษาทางไกลผา นดาวเทยี ม ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1.6 การจัดการขอ มลู และสารสนเทศ 14. ครใู หน กั เรยี นพจิ ารณาภาพการจดั การขอ มลู ประกอบดวยขั้นตอนหลักในการทํางานหลายสวน เปนไปตามวัฏจักรการประมวลผล และสารสนเทศและอธบิ ายเกยี่ วกบั ขน้ั ตอนการ สารสนเทศ (information processing cycle) โดยมกี ารใชเ ทคโนโลยที างคอมพิวเตอรเขามาดว ย ทาํ งาน โดยมขี นั้ ตอน ดงั นี้ การนาํ เขา ขอ มลู แบง ออกเปน ขน้ั ตอน ดังน้ี จะประกอบไปดว ยขนั้ ตอนการรวบรวมขอ มลู การตรวจสอบ และการเตรยี มขอ มลู ใหถ กู ตอ ง การจดั การขอ มลู และสารสนเทศ สมบรู ณ และเหมาะสม จากนน้ั ครถู ามคาํ ถาม กับนักเรียนวา การรวบรวม การตรวจสอบ ขอ มลู และการเตรยี มขอ มลู มลี กั ษณะอยา งไร กระบวนการ (process) การนาํ เขาขอมลู การแสดงผล (input) (output) การเก็บรกั ษาขอ มลู (storage) ภาพท่ี 3.15 การจดั การขอมูลและสารสนเทศ 1. การนาํ เขา ขอ มลู ประกอบดว ยขนั้ ตอนการรวบรวม การตรวจสอบ และการเตรยี มขอ มลู ใหถกู ตอ ง สมบูรณ และเหมาะสม การนําเขา ขอ มลู ประกอบดว ย 1) การรวบรวมขอมูล เปนการรวบรวมขอมลู จากแหลง กําเนิดขอ มูลโดยใชวิธสี งั เกต กหารรืออสาอนบบถาารมโคเ1ด ชขน องขสอินมคลู าคะเแปนน นตสนอบจากสมดุ ประจําตวั นักเรียน ใบฝากหรือถอนเงิน ขอมูลจาก 2) การตรวจสอบขอ มลู เมอื่ มกี ารรวบรวมขอ มลู แลว จาํ เปน ตอ งมกี ารตรวจสอบขอ มลู เพือ่ ความถกู ตอง ขอ มลู ท่เี ก็บเขา ระบบตองมีความนา เชื่อถอื 3) การเตรยี มขอมลู ขอ มลู ท่มี ีการรวบรวมมาน้ันอาจมีหลายรปู แบบ ทําใหก ารนําไป ประมวลผลอาจเกดิ ความผดิ พลาดได ดงั นนั้ จงึ ควรมกี ารเตรยี มขอ มลู ใหอ ยใู นรปู แบบเดยี วกนั เพอื่ ความสะดวกในการประมวลผลและใหไดผ ลลพั ธท ่ีถกู ตอ ง 66 เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย ครคู วรเนน ยา้ํ กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั ขนั้ ตอนการจดั การขอ มลู และสารสนเทศทง้ั ครูใหนักเรียนแตละคนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ 1 4 ขน้ั ตอน คอื การนาํ เขา ขอ มลู การประมวลผลขอ มลู การเกบ็ รกั ษาขอ มลู และการ หัวขอ จากน้ันใหนักเรียนวิเคราะหตามข้ันตอนการจัดการขอมูล แสดงผล พรอ มยกตวั อยา งการจดั การขอ มลู และสารสนเทศทพี่ บในชวี ติ ประจาํ วนั และสารสนเทศทั้ง 4 ข้ันตอน พรอมถายทอดขอมูลออกมาใหมี ของนักเรียน เพื่อใหนักเรียนไดเขาใจและตระหนักถึงประโยชนของการ ความนา สนใจ โดยครูคอยใหค าํ แนะนาํ นกั เรยี นอยา งใกลชิด และ จดั การขอ มลู และสารสนเทศ สมุ นักเรียนออกมานาํ เสนอบรเิ วณหนาช้นั เรียน นักเรียนควรรู 1 บารโ คด คอื รหสั แทง ทป่ี ระกอบดว ยเสน ตรงสดี าํ ทมี่ ขี นาดแตกตา งกนั วาง ขนานกนั ในแนวต้งั มองดูเปนแทง เมื่อพิมพตดิ ไวทีใ่ ดก็จะบอกรายละเอยี ดของ สงิ่ นัน้ เมอ่ื มเี ครื่องอา นบารโ คด T72
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. การประมวลผลข้อมูล คือ การด�าเนินการต่าง ๆ กับข้อมูลเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ที่ม ี ขนั้ สอน ความหมายและมีประโยชน์ต่อการน�าไปใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ข้อมลู เรยี กวา่ สารสนเทศ ซึง่ อาจอยู่ในรปู ของแบบฟอร์มหรือรายงานท่ีสะดวกต่อการน�าไปใช้ 15. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา การเก็บรักษา 3. การเก็บรักษาข้อมูล คือ การเก็บบันทึกผลลัพธ์บางส่วนที่ยังไม่ต้องการน�าไปใช้งาน ขอมูลมีอะไรบาง จากนั้นสุมนักเรียนตอบ ในขณะนัน้ ลงสสู่ อื่ บนั ทึกขอ้ มูล ตลอดจนปรบั ปรงุ ข้อมูลใหม้ คี วามทนั สมยั อยเู่ สมอ การเก็บรักษา คาํ ถามน้ี ขอ้ มลู ทด่ี จี ะตอ้ งคา� นงึ ถงึ วธิ กี ารนา� ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รกั ษามาใชอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การเกบ็ รกั ษาขอ้ มลู มีดงั นี ้ 16. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลวา เปนการ ดาํ เนนิ การตา งๆ กบั ขอ มลู เพอื่ ใหไ ดผ ลลพั ธท ่ี 1) การจดั เกบ็ ข้อมลู 2) การส�าเนาข้อมลู 3) การปรบั ปรุงข้อมูล มีความหมายและมีประโยชนตอการนําไปใช ข้อมูลที่จะมีการส�ารวจ ก า ร จั ด ท� า ส� า เ น า ข ้ อ มู ล การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง งานมากยงิ่ ขน้ึ การเกบ็ รกั ษาขอ มลู เปน การเกบ็ รวบรวม หรอื ประมวลผลให้ จากชุดเดิมเพ่ือป้องกัน ข้อมูลให้มีความทันสมัย บนั ทกึ ผลลพั ธบ างสว นทยี่ งั ไมต อ งการนาํ ไปใช เป็นสารสนเทศ จ�าเปน็ ตอ้ ง การสูญหายหรือเสียหาย สอดคล้องกับเหตุการณ์ งานในขณะนน้ั ลงสสู อ่ื บนั ทกึ ขอ มลู และอธบิ าย ด�าเนินการจัดเก็บไว้เพื่อใช้ ที่ อ า จ เ กิ ด ข้ึ น กั บ ข ้ อ มู ล และเวลาที่เปล่ียนแปลงไป เกยี่ วกบั การแสดงผลวา เปน การจดั รปู แบบของ ในภายหลงั การจดั เกบ็ สมยั และเมื่อมีข้อมูลท่ีจัดเก็บ เช่น การเปลี่ยนที่อยู่หรือ สารสนเทศทเ่ี ปน ผลลพั ธจากการประมวลผล ใหม่มักเปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หมายเลขโทรศพั ทข์ องลกู คา้ ใหอ ยใู นรปู แบบของรายงาน ตาราง แบบฟอรม ในรปู แบบท่ีสามารถจัดเกบ็ การท�าส�าเนาจะท�าได้ง่าย การเปลยี่ นอตั ราทใี่ ชค้ า� นวณ เพอ่ื ใหส ะดวกในการศกึ ษา ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น และท�าได้เป็นจ�านวนมาก ดอกเบยี้ หรอื ภาษสี า� หรับเงิน ฮารด์ ดสิ ก ์ แผน่ ซดี ี แผน่ ดวี ดี ี อุปกรณ์ทใี่ ชท้ �าสา� เนา เชน่ ฝากประจา� หน่วยความจ�าแบบแฟลช เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่าย โดยจัดเก็บอยู่ในรูปแบบ เอกสาร ส่ือบันทึก เช่น เช่น ไฟล์งาน ฐานข้อมูล แผ่นบันทึก แผ่นซีดี แผ่น เป็นตน้ ดวี ดี ี 4. การแสดงผล คือ การจัดรูปแบบของสารสนเทศที่เป็นผลลัพธ์จากการประมวลผล ใหอ้ ยูใ่ นรูปแบบของรายงาน ตาราง แบบฟอร์ม แผนภมู ิ ฯลฯ เพื่อใหส้ ะดวกในการศึกษา งา่ ย ต่อการท�าความเข้าใจ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของปัญหาการแสดงผลลัพธ์ มีทั้งที่เป็น ขอ้ ความ ภาพ เสียง วดี ทิ ัศน ์ เปน็ ตน้ ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยมี าช่วยในการแสดงผลลัพธ ์ เช่น การไฟฟ้าใช้เครื่องพิมพ์แสดงค่าไฟฟ้าประจ�าเดือน ห้างสรรพสินค้าใช้เคร่ืองพิมพ์แสดงรายการ และราคาสินค้า 67 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู การกระทําของบคุ คลใดเกย่ี วของกบั การประมวลผลขอมูล ครูควรยกตัวอยางการเก็บรักษาขอมูลท่ีพบในชีวิตประจําวันของนักเรียน 1. นิดเเสดงภาพเคลื่อนไหวบนหนา จอ เพอื่ ใหนักเรยี นเหน็ ขน้ั ตอนการเกบ็ รักษาขอ มลู ทัง้ 3 ขน้ั ตอน ไดแ ก การจัดเก็บ 2. นุน จัดเก็บขอ มลู ไวท ี่หนว ยความจาํ รอง ขอ มลู การสําเนาขอมูล และการปรับปรงุ ขอ มูล โดยการเก็บรักษาขอ มูลที่ดจี ะ 3. แนนใชกราฟเเสดงยอดขายสนิ คา ประจาํ วนั ตองคํานงึ ถงึ วธิ ีการนําขอมูลท่ีเกบ็ รกั ษามาใชอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ 4. หนอ ยกําลงั เรยี งลาํ ดบั ช่ือนักเรยี นตามตัวอักษร (วิเคราะหคําตอบ การประมวลผลขอมูล เปน การดาํ เนินการกับ ขอมูล เพ่ือใหไดผลลัพธท่ีมีความหมายและมีประโยชนตอการใช งานมากย่งิ ข้ึน เรยี กวา สารสนเทศ กราฟแสดงยอดขายเกิดจาก ขอมูลท่ีถูกนําไปประมวลผลเปนสารสนเทศเพ่ือนํามาใชในการ นําเสนอ ดังนนั้ ตอบขอ 3.) T73
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กรณศี กึ ษา 1 17. ใหน กั เรยี นรวบรวมขอ มลู กฬี าทชี่ อบ 3 อนั ดบั การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ เรอื่ ง ค่าดชั นีมวลกายของคนในทอ้ งถ่นิ แรกจากเพื่อน 12 คน โดยใชข้ันตอนการ จัดการขอมูลและสารสนเทศ แลวบันทึกลง ในสมดุ ประจาํ ตวั นาํ มาสง ในชวั่ โมงถดั ไป ขั้นท่ี 1 การนา� เข้าข้อมูล การรวบรวมข้อมลู การตรวจสอบข้อมลู การเตรียมขอ้ มูล ท�ำกำรเก็บรวบรวมข้อมูล ท�ำกำรตรวจสอบข้อมลู ช่อื เตรียมข้อมูลโดยน�ำข้อมูล ข อ ง ค น ใ น ท ้ อ ง ถิ่ น โ ด ย เพศ อำยุ น�้ำหนัก และ เข้ำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กำรตอบแบบสอบถำมท่ี สว่ นสงู ว่ำครบหรอื ไม่ และ โปรแกรม และจัดเตรียม ประกอบด้วย ช่ือ เพศ อำยุ ข้อมูลถกู ตอ้ งหรอื ไม่ ข้อมูล Microsoft excel น้ำ� หนกั และสว่ นสูง น้�ำหนักหน่วยเป็นกิโลกรัม ส่วนสูงหนว่ ยเป็นเมตร เพื่อ นำ� ไปคำ� นวณคำ่ ดชั นมี วลกำย ขั้นท่ี 2 การประมวลขอ้ มูล 1) กำรจัดกลุ่มหรือจ�ำแนกประเภท : มีกำรจัดกลุ่มแยกเป็น 2 กลุ่ม ชำยและหญิง กล่มุ ช่วงอำยุ 4 กลมุ่ 0-6 ปี 7-18 ปี 19-60 ปี และตง้ั แต่ 60 ปขี ึน้ ไป 2) กำรเรียงล�ำดับข้อมูล : มีกำรจัดเรียงล�ำดับข้อมูลตำมอำยุ เพ่ือให้เกิดควำมสะดวก ในกำรจดั กลมุ่ ช่วงอำยเุ พือ่ สรปุ ผล 3) กำรคำ� นวณ : มกี ำรค�ำนวณค่ำดัชนีมวลกำยจำกสตู รกำรค�ำนวณ ค่ำดัชนีมวลกำย = น้�ำหนัก (กก.) / [สว่ นสงู (ซม.)]2 4) กำรค้นคืน : มีกำรเรยี กใช้ขอ้ มลู ที่สนใจ แยกตำมเพศ ตำมช่วงอำยุ 5) กำรสรปุ : มกี ำรสรปุ แยกกลมุ่ เพอื่ ประมวลผลของคำ่ ดชั นมี วลกำย โดยคำ่ ดชั นมี วลกำย ท่คี �ำนวณได้ ดังนี้ คำ่ ดัชนมี วลกำย นอ้ ยกวำ่ 18.5 ผอมเกินไป ค่ำดัชนมี วลกำย อยูร่ ะหวำ่ ง 18.5-22.9 อยใู่ นเกณฑเ์ หมำะสม นำ้� หนักตวั ปกติ ค่ำดัชนมี วลกำย อยรู่ ะหวำ่ ง 23-24.9 นำ้� หนกั เกิน แต่ยังไม่เรยี กว่ำอว้ น ค่ำดชั นีมวลกำย อยูร่ ะหว่ำง 25-29.9 เรม่ิ อ้วน คำ่ ดชั นมี วลกำย มำกกว่ำ 29.9 อ้วนเกนิ ไป เสีย่ งทจี่ ะเกิดโรคท่ีมำจำก ควำมอว้ น 68 นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills 1 คาดัชนีมวลกาย คือ คาอัตราสวนระหวางน้ําหนักตอสวนสูงที่ใชบงบอก 1. ใหนักเรยี นแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุม ละ 4-5 คน วาอวนหรือผอมในผูใหญต้ังแตอายุ 20 ปขึ้นไป เพ่ือดูอัตราการเสี่ยงตอการ 2. นกั เรียนแตล ะกลุมคิดคนหวั ขอ ทน่ี าสนใจ กลมุ ละ 1 หวั ขอ เกดิ โรคตา งๆ ถา คา ดชั นมี วลกายมากเกนิ ไปจะทาํ ใหเ ปน โรคอว น และทาํ ใหเ กดิ 3. จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและจัดการขอมูล ภาวะเสย่ี งตอ โรคความดนั โลหติ สงู โรคเบาหวาน โรคหวั ใจขาดเลอื ด แตใ นขณะ เดยี วกนั ผทู ผ่ี อมเกนิ ไปกจ็ ะทาํ ใหเ สยี่ งตอ การตดิ เชอ้ื ไดง า ย สง ผลใหป ระสทิ ธภิ าพ และสารสนเทศตามข้ันตอนท้งั 4 ขัน้ ตอน ดังนี้ การทาํ งานของรา งกายลดลง ดงั นนั้ ควรรกั ษาระดบั นาํ้ หนกั ใหอ ยใู นเกณฑป กติ ขน้ั ท่ี 1 การนาํ เขาขอ มลู ขนั้ ท่ี 2 การประมวลขอมลู T74 ข้ันท่ี 3 การเก็บรกั ษาขอมลู ข้นั ที่ 4 การแสดงผล 4. สมาชิกภายในกลุมรวมกันจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนํามาเสนอตาม รปู แบบทีน่ กั เรยี นคิดวานาสนใจอยางอิสระ 5. นกั เรยี นแตละกลุมนาํ เสนอขอ มูลหนาชั้นเรียน 6. นกั เรียนภายในช้ันเรยี นและครผู สู อนรวมกันสรุปขอมูล
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั ท่ี 3 การเก็บรักษาขอ้ มลู ขน้ั สอน การจดั เกบ็ ขอ้ มลู การสา� เนาขอ้ มลู การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู 18. ครอู ธบิ ายขน้ั การเกบ็ รกั ษาขอ มลู ขน้ั การแสดง การจัดเก็บข้อมูลอยู่ในรูป มีการส�าเนาไฟล์งานลงใน มีการปรับปรุงข้อมูลทุกเดือน ผลกบั นกั เรยี น และใหน กั เรยี นอธบิ ายกราฟคา ของไฟล์งานในฮาร์ดดิสก์ แแผฟน่ลดชวีไดีดีรหฟ์ น1ว่ ยความจา� แบบ โดยการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ใหม่ และ ดชั นมี วลกายในประชากรไทย จาํ แนกตามกลมุ และมีการพิมพ์ใส่กระดาษ น�ามาเปรียบเทียบข้อมูลเดิม อายุและเพศ จากนั้นครูสรุปความรูที่ไดจาก เพ่ือดูพัฒนาการของคนใน การศกึ ษากรณตี วั อยา งน้ี ท้องถ่นิ ท่มี กี ารเปลย่ี นแปลง 19. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา การจดั การขอ มลู และสารสนเทศมีความสําคัญอยางไรบางกับ การทาํ งานในอาชพี ตา งๆ ข้ันท่ี 4 การแสดงผล มกี ารแสดงผลในรปู ของรายงาน ดงั น้ี แสดงผลในรปู แบบของตารางเพือ่ ใหเ้ ห็นขอ้ มลู ทงั้ หมด • แสดงผลในรูปของกราฟแท่ง เพื่อให้เห็นการเปรียบเทียบค่าดัชนีมวลกายของกลุ่มคน ในทอ้ งถ่ินแยกตามเพศ และชว่ งอายุ • แสดงผลในรปู ของกราฟเส้น เพือ่ ให้เหน็ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของค่าดัชนมี วลกาย ของกลุ่มคนในทอ้ งถิน่ ในแตล่ ะเดอื น ค่าดชั นมี วลกายในประชากรไทยจา� แนกตามกลมุ่ อายแุ ละเพศ 30 7-18 ป ี 19-60 ปี เพศชาย 25 เพศญงิ 20 15 มากกวา่ 60 ปี กลุ่มช่วงอายุ (ป)ี 10 5 0 0-6 ปี ภาพที่ 3.16 ตวั อย่างการแสดงผลในรปู ของกราฟแท่ง 69 กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู ใหน ักเรยี นสบื คนขอมูลจากอนิ เทอรเน็ตเพิม่ เตมิ เกีย่ วกับการ 1 แฟลชไดรฟ คือ อุปกรณคอมพิวเตอรท่ีใชสําหรับเก็บขอมูล มีขนาดเล็ก แสดงผลขอ มลู เพอ่ื ศกึ ษารปู แบบการแสดงผลขอ มลู ทห่ี ลากหลาย นาํ้ หนกั เบา และพกพางา ย สามารถเขยี นขอ มลู และลบขอ มลู ไดไ มจ าํ กดั จาํ นวน เชน การแสดงผลในรูปแบบตาราง แผนภมู ิ แผนที่ กราฟ จากนั้น ครั้ง ใชเ สยี บเขากบั USB พอรตของเครื่องคอมพวิ เตอรเพอ่ื ถายโอนขอ มูลจาก ใหน กั เรยี นหาหวั ขอ ทต่ี นเองสนใจพรอ มเลอื กวธิ กี ารแสดงผลขอ มลู คอมพิวเตอรเ คร่อื งหนึ่งไปยังคอมพิวเตอรอกี เครอื่ งหน่ึง ทเี่ หมาะสม และออกมานาํ เสนอบรเิ วณหนาชน้ั เรียน T75
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กจิ กรรมใดบา งในชวี ติ 2 ส กาารรปสนระเทมศวลผลข้อมลู ประจาํ วนั ทตี่ อ งใชก าร 20. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี น ประมวลผลขอ มลู วา กจิ กรรมใดบา งในชวี ติ ประจาํ วนั ทต่ี อ งใชก าร ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจต้องอาศัยข้อมูล ประมวลผลขอ มลู จากนนั้ ใหน กั เรยี นชว ยกนั เป็นหลัก จึงมีการน�าเทคโนโลยีมาช่วยจัดการข้อมูล ตอบคาํ ถาม อยา่ งมาก ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการแขง่ ขนั การใหบ้ รกิ ารของธนาคารพาณชิ ย ์ การใชข้ อ้ มลู ใน การตดั สนิ ใจลงทนุ ซอ้ื ขายหลกั ทรพั ย ์ ขอ้ มลู เปน็ หวั ใจของการดา� เนนิ งานเปน็ แหลง่ ความรู้ 21. ครอู ธบิ ายการทาํ ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศวา จะ ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ บริษัทหรือองค์กรจึงด�าเนินการอย่างจริงจังเพ่ือให้ได้มา ตอ งประกอบไปดว ย 2 ขนั้ ตอน ดงั น้ี ซง่ึ ขอ้ มลู และปกปอ้ งดแู ลขอ้ มูลของตนเป็นอยา่ งดี 1) การเกบ็ รวบรวมขอ มลู เปน การเกบ็ รวบรวม ขอ มลู ซง่ึ มจี าํ นวนมาก 2.1 การประมวลผลข้อมลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ 2) การตรวจสอบขอมูลซึ่งจะตองมีการตรวจ สอบขอมูลท่ีเก็บรวบรวมมาเพ่ือตรวจสอบ การทา� ขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศทจ่ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การใชง้ าน จา� เปน็ ตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี ความถกู ตอ ง นา เชอ่ื ถอื เขา้ มาชว่ ยในการดา� เนนิ การ เรม่ิ ตง้ั แตก่ ารรวบรวม การตรวจสอบ การดา� เนนิ การประมวลผลขอ้ มลู ให้กลายเป็นสารสนเทศ และการดูแลรักษาสารสนเทศเพอื่ การใชง้ านควรประกอบด้วย 1. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นเร่ืองของการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ซ่ึงมจี า� นวนมาก และต้อง เก็บให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีท่ีช่วยในการจัดเก็บอยู่เป็นจ�านวนมาก เช่น การป้อนข้อมูลเข้าเคร่ือง คอมพิวเตอร์การอ่านข้อมูลจากรหัสแท่ง การตรวจใบลงทะเบียนท่ีมีการฝนดินสอด�าในต�าแหน่ง ต่าง ๆ เปน็ วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูล 2. การตรวจสอบขอ้ มลู เมอื่ มกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แลว้ จา� เปน็ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบขอ้ มลู เพอ่ื ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขอ้ มูลทเ่ี กบ็ เขา้ ในระบบจะต้องมคี วามเชอื่ ถอื ได้ หากพบที่ผิดพลาด ต้องแก้ไข การตรวจสอบขอ้ มลู มหี ลายวธิ ี เชน่ การใช้ผปู้ ้อนขอ้ มูลสองคนป้อนข้อมูลชดุ เดยี วกัน เข้าคอมพวิ เตอร ์ เปน็ ตน้ แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หัวขอ 70 ภาพท่ ี 3.17 การทา� งานของระบบสารสนเทศ การคดั เลอื กขอ มลู การพจิ ารณาขอ มลู การวเิ คราะห ขอมูลท่ีไดจากการสืบคนขอมูลทางอินเทอรเน็ตไปใช งานในรูปแบบทเี่ หมาะสม เชน การจดั ทาํ รายงานหรอื การทําปา ยนเิ ทศ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครตู ง้ั คาํ ถามกบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั การประมวลผลขอ มลู วา ในปจ จบุ นั มกี าร สารสนเทศทีด่ ีควรมีลักษณะอยา งไร ซอื้ -ขายสนิ คา ผา นทางโซเชยี ลมเี ดยี อยา งแพรห ลาย ดงั นนั้ นกั เรยี นคดิ วา การ 1. เก็บขอมลู เพียงบางสว นอยางพอเพียง ประมวลผลสงผลตอการซ้ือ-ขายสินคาไดอยางไร โดยใหนักเรียนภายในช้ัน 2. เปน ขอมลู เกาที่นํามาประมวลผลใหม เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถาม จากนน้ั ครอู ธบิ ายกบั นกั เรยี นเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหน กั เรยี นได 3. มีการจัดเกบ็ ขอมูลไวในแฟมขอ มลู สาํ รอง ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของการประมวลผลขอ มลู สารสนเทศ 4. สามารถตรวจสอบแหลง ที่มาของสารสนเทศได (วิเคราะหค ําตอบ สารสนเทศทด่ี จี ะตอ งมปี ระโยชนต อ การใชง าน และสามารถตรวจสอบแหลง ทมี่ าของสารสนเทศได ดังนน้ั ตอบ ขอ 4.) T76
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การประมวลผลข้อมูลให้เปนสารสนเทศ (information processing) คือ การกระท�าของเคร่ือง ขน้ั สอน คอมพิวเตอร์กับข้อมูล เช่น การรวบรวมข้อมูลเป็นแฟ้มข้อมูล การค�านวณ การเปรียบเทียบ การเรยี งล�าดบั การจดั กล่มุ ข้อมูล การท�ารายงาน เป็นต้น 22. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลใหเปน สารสนเทศวา เปนการกระทําของเคร่ือง INPUT PROCESS OUTPUT คอมพวิ เตอรก บั ขอ มลู เชน การรวบรวมขอ มลู เปน แฟม ขอ มลู การคาํ นวณ การเปรยี บเทยี บ การเรยี งลาํ ดบั การจดั กลมุ และการทาํ รายงาน จากน้ันครูอธิบายความหมายของขอมูลเขา การประมวลผล และขอ มลู ออกใหน กั เรยี นฟง ข้อมลู เข้า การประมวลผล ข้อมลู ออก ข้อมูลนักเรยี นแตล่ ะคน คอมพวิ เตอร์ประมวลผล สารสนเทศ กราฟแสดง เชน่ ชื่อ ผลการเรยี น โดยการเรยี งข้อมูล และ ผลการเรียนของนักเรียน เปน็ ต้น การจัดกลุ่มขอ้ มลู ระดับต่าง ๆ การประมวลผล ความหมาย การรวบรวมเปนแฟมขอ้ มูล การพิมพ์ข้อมูลและบันทึกไว้เป็นแฟ้มข้อมูล (file) ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งน้ี เพ่ือให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ได้อย่าง การคา� นวณ สะดวกและรวดเร็ว การน�าข้อมูลท่ีเป็นตัวเลขค�านวณด้วยการด�าเนินการทาง การเปรยี บเทียบ คณติ ศาสตร์ เช่น การบวก การลบ การคูณ การหารขอ้ มูลเพ่อื ให้ ได้ผลลัพธ์ตามทผ่ี ้ใู ช้ต้องการอยา่ งถูกตอ้ งรวดเร็ว การเรยี งล�าดบั การด�าเนินการเปรียบเทียบทางตรรกะ เช่น มากกว่า น้อยกว่า การจัดกล่มุ ข้อมลู เท่ากับ หรือไม่เท่ากับ เพ่ือให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้ การจดั ทา� รายงาน อยา่ งรวดเร็ว การเรียงข้อมูลตามล�าดับตัวเลขหรือการเรียงล�าดับตามตัวอักษร เพื่อใหค้ น้ หาขอ้ มลู ไดง้ า่ ย การจดั กลมุ่ ขอ้ มลู ตามเพศของนกั เรยี นเพอื่ ใหผ้ ใู้ ชเ้ รยี กดขู อ้ มลู ได้ สะดวกรวดเรว็ การสรปุ ผลและสรา้ งรายงานเพอ่ื นา� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการตดั สนิ ใจ 71 กิจกรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเพ่ิมเติมเก่ียวกับ ครูควรยกตัวอยางการประมวลผลขอมูลใหเปนสารสนเทศที่สามารถ การประมวลผลขอมูลใหเปนสารสนเทศ โดยเลือกขอมูลที่นํามา กระทําไดดว ยวิธกี ารตางๆ กับนกั เรยี น เชน การรวบรวมขอมลู เปนแฟมขอ มูล ประมวลผลตามท่นี ักเรยี นสนใจคนละ 1 ขอ มูล พรอ มประมวลผล การคํานวณ การเปรยี บเทยี บ การเรยี งลําดบั การจัดกลมุ ขอมูล การทํารายงาน ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศตามขั้นตอนท้ัง 3 ประการ และบันทึกลง เพอื่ ใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจถงึ กระบวนการประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศอยา ง ในกระดาษทคี่ รแู จกให โดยครคู อยใหค วามชว ยเหลอื อยา งใกลช ดิ ละเอียดท้งั 3 กระบวนการ และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอบริเวณหนาช้ันเรยี น T77
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน 2.2 วิธกี ารประมวลผลขอ มูล 23. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลโดยอาศัย การประมวลผลขอมูลโดยอาศยั เคร่ืองคอมพิวเตอรม ี 2 วธิ ี เครอ่ื งคอมพวิ เตอรซ ง่ึ มที ง้ั หมด 2 วธิ ี ไดแ ก 1. การประมวลผลแบบเช่ือมตรง (online processing) เปน วธิ กี ารนําขอ มลู แตล ะรายการ การประมวลผลแบบเชื่อมตรง เปนวิธีการ ที่ถูกบันทึกเขามาประมวลผลทันที นิยมใชในงานที่ตองไดผลลัพธใหกับผูใชทันที หรือในงานท่ี นําขอมูลแตละรายการที่ถูกบันทึกเขามา ขอมลู จะตอ งทันสมยั อยูต ลอดเวลา เชน เม่อื นกั เรยี นเบิกเงนิ จากตเู อทีเอม็ รายการการเบกิ เงิน ทาํ การประมวลผลทนั ที นยิ มใชใ นงานทต่ี อ งได ของนักเรียนแตละครั้งจะไปประมวลผลท่ีเคร่ืองหลักที่อาจอยูหางไกลทันที โดยขอมูลจะถูกนําไป ผลลพั ธใ หก บั ผใู ชง านทนั ที และการประมวลผล คาํ นวณและบันทกึ ยอดคงเหลือในบัญชเี งินฝากของนักเรยี นทันที เปนตน แบบกลุมเปนการเก็บรวบรวมขอมูลในแตละ ชว งเวลาหนงึ่ และนาํ ขอ มลู ทไี่ ดร บั ในชว งเวลา การประมวลผลแบบเช่ือมตรงของการถอนเงินผา นตเู อทีเอ็ม ดงั กลา วมาประมวลผลพรอ มกนั ขน้ั สรปุ 2 คอมพวิ เตอร 3 คอมพวิ เตอรธ นาคาร A ทต่ี เู อทเี อม็ สาขายอ ย COMPUTER ตรวจสอบบญั ชใี นฐานขอ มลู ตรวจสอบผล ธนาคาร B สง A บญั ชลี กู คา และตดั ยอดเงนิ รายการถอนเงิน จากบญั ชลี กู คา ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ขอ มลู ไปยังคอมพวิ เตอร สารสนเทศและการประมวลผลขอมูลสารสนเทศ ธนาคาร A หากนกั เรยี นคนใดมขี อ สงสยั สามารถสอบถามครู ไดท นั ที 1 สอดบัตรเอทเี อ็มของธนาคาร A 4 โอนเงนิ ไปยงั แลวกดรหัสผาน และปอนขอมูล เพื่อสง่ั ทํารายการถอนเงนิ ธนาคาร B ขนั้ ประเมนิ ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมนิ ผล 6 จายเงินสดใหผูถอน 5 คอมพวิ เตอรธ นาคาร B เงนิ ทางชอ งจา ยเงนิ วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑก ารประเมนิ COMPUTER สงั่ จายเงินสดไปยังตูเ อทีเอม็ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตาม สาขายอยธนาคาร B B กอนเรียน กอนเรียน สภาพจรงิ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 ภาพที่ 3.18 ตวั อยางการประมวลผลแบบเชื่อมตรง หมายเหตุ การทํางานราย พฤตกิ รรม ผานเกณฑ แบบสังเกต A = คอมพวิ เตอรธ นาคาร A บุคคล พฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 B = คอมพวิ เตอรธนาคาร B สังเกตพฤติกรรม ผา นเกณฑ การทํางานกลุม 2. การประมวลผลแบบกลุม (batch processing) เปนการเก็บรวบรวมขอมูลในแตละ ชวงเวลาหนึ่ง และนําขอมูลที่ไดรับในชวงเวลาดังกลาวมาประมวลผลพรอมกัน เชน การเก็บ ขอมูลเวลาเขาออกของนักเรียน เมื่อถึงสิ้นเดือนโรงเรียนจะนําขอมูลมาประมวลผลเปนรายงาน ในการเขาช้นั เรียนของนักเรยี นประจําเดอื น เปน ตน 72 แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล และการทาํ งานกลมุ ของ 1. ใหนกั เรียนแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน นักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบสังเกตพฤติกรรม 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ คดิ คน หวั ขอ ทนี่ า สนใจสาํ หรบั การประมวลผล การทํางานรายบคุ คล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุมทีแ่ นบมา ทา ย แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 1 หนวยการเรยี นรทู ่ี 3 ขอ มลู กลมุ ละ 1 หวั ขอ 3. จากนนั้ ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ประมวลผลขอ มลู โดยอาศยั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ เคร่ืองคอมพวิ เตอร ซ่ึงแบงออกได 2 วธิ ี ดงั น้ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน - การประมวลผลแบบเชอ่ื มตรง - การประมวลผลแบบกลมุ ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม 4. สมาชิกภายในกลุมรวมกันจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนํามาเสนอ 32 ความคดิ เห็น ฟงั คนอืน่ ตามท่ีได้รับ ส่วนร่วมใน 15 ตามรูปแบบท่ีนกั เรียนคดิ วานา สนใจอยา งอิสระ 1 การแสดงความคดิ เห็น ลาดับที่ ช่ือ–สกุล มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน 5. นกั เรียนแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอมูลหนา ชั้นเรียน 2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผูอ้ น่ื ของนักเรยี น ผลงานกลมุ่ 6. นักเรียนภายในชั้นเรียนและครูผูสอนรวมกันสรุปขอมูล เร่ือง 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ีได้รบั มอบหมาย การประมวลผลขอ มูล 4 ความมนี า้ ใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ............./.................../............... ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 11–13 ดี ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ 8–10 พอใช้ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง T78
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ซอฟตแ วรท นี่ กั เรยี นรจู กั 3 ซอฟต์แวร์และการเลือกใชง้ าน ขน้ั นาํ มอี ะไรบา ง และเคยใช ปจั จบุ นั คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ เทคโนโลยที ม่ี คี วามสา� คญั ซอฟตแ วรน นั้ หรอื ไม และจ�าเป็นส�าหรับการใช้ชีวิตของคนเรา ท้ังการจัดเก็บ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน วา ซอฟตแวรที่นักเรียนรูจักมีอะไรบาง และ รวบรวม ค้นคว้าข้อมูล หรือการศึกษาและความสนุก เคยใชซ อฟตแ วรน นั้ หรอื ไม จากนน้ั ใหน กั เรยี น เพลดิ เพลนิ ดังนั้น การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ่วยในการท�างานจงึ ต้องมีการจดั วางระบบเพอื่ ชว ยกนั ตอบคําถาม ใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานหรอื จดั เกบ็ ขอ้ มลู ตามทเี่ ราตอ้ งการ ทเ่ี รยี กกนั วา่ “ซอฟตแ์ วร”์ ซงึ่ เปรียบเสมอื นตวั เช่อื มระหวา่ งผใู้ ช้งานกบั การทา� งานของคอมพิวเตอร์ 2. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคดิ วา เมอ่ื นกั เรยี น ตองการนําเสนอปายประกาศเพ่ือรณรงคการ ซอฟต์แวร์ (software) คือ ชุดค�าส่ังหรือโปรแกรมที่ งดสูบบุหร่ี นกั เรียนจะเลอื กใชซอฟตแ วรใ ดใน ใช้ส่ังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้ท�างานได้ตรงตามความต้องการ การนําเสนอ พรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ และถูกต้อง รวมถึงการควบคุมการท�างานของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น CD ROM drive modem เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นส่ิงท่ี ขน้ั สอน จับต้องไม่ได1้ แต่สามารถรับรู้การท�างานของมันได้ ซ่ึงจะต่าง กับฮาร์ดแวร์ (hardware) ที่สามารถจะจับต้องได้ ซอฟต์แวร์ 1. ครอู ธิบาย เรือ่ ง ซอฟตแ วรร ะบบ ใหน กั เรยี น จึงหมายรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ท�าให้ ฟงวา เปนซอฟตแวรที่ถูกสรางขึ้นเพื่อใช คอมพวิ เตอร์ท�างานได้ บริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร โดยทําการ ภาพท ่ี 3.19 ต ัวอยา่ งซอฟตแ์ วร์ท่คี วบคุม จดั สรรทรพั ยากรตา งๆ ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร 3.1 ประเภทของซอฟตแ์ วร์ การทา� งานของคอมพวิ เตอร์ ใหถูกใชงานอยางเหมาะสม รวมทั้งทําการ ค ว บ คุ ม ดู แ ล ก า ร เ รี ย ก ใ ช ง า น ซ อ ฟ ต แ ว ร ซอฟตแ์ วรห์ รอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ผี พู้ ฒั นาขน้ึ เพอ่ื ใชง้ านกบั คอมพวิ เตอรม์ มี ากมาย ประเภทอ่ืนๆ ท่ีทํางานอยูภายใตซอฟตแวร ซอฟตแ์ วรเ์ หลา่ นอี้ าจไดร้ บั การพฒั นาโดยผใู้ ชง้ านเอง ผพู้ ฒั นาระบบ หรอื ผผู้ ลติ จา� หนา่ ย ซอฟตแ์ วร์ ระบบ ซอฟตแวรระบบเปน โปรแกรมแรกท่ีถกู สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ได้แก ่ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ และซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ เรียกใชงานหลังจากเปดเคร่ืองคอมพิวเตอร 1. ซอฟตแ์ วร์ระบบ (system software) คอื ซอฟตแ์ วรท์ ี่ถกู สร้างข้ึนเพอื่ ใชบ้ รหิ ารจัดการ และเปนซอฟตแวรท่ีตองติดต้ังบนเคร่ือง คอมพิวเตอรก อนซอฟตแวรป ระเภทอ่นื เสมอ ระบบ การจดั สรรทรพั ยากร และดา� เนนิ งานพน้ื ฐานตา่ ง ๆ ในระบบ เชน่ การจดั สรรหนว่ ยประมวล ผลกลาง การจัดสรรหน่วยความจ�าต่าง ๆ การจัดการข้อมูลในแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจ�ารอง การรบั ขอ้ มลู จากแผงแปน้ อกั ขระแลว้ แปลความหมายใหค้ อมพวิ เตอรเ์ ขา้ ใจ การนา� ขอ้ มลู ไปแสดง ผลบนจอภาพหรอื นา� ออกไปยงั เครอื่ งพมิ พ ์ เปน็ ตน้ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบนบั วา่ เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ มี่ คี วาม ส�าคญั ต่อคอมพิวเตอร ์ เนอ่ื งจากโปรแกรมแรกทีส่ ั่งใหค้ อมพวิ เตอร์ท�างานหลังจากเปิดเครอ่ื ง คือ ซอฟต์แวร์ระบบ หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถท�างานได้ หรือไม่สามารถ ทา� งานได้อยา่ งถกู ต้อง 73 แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดย คาํ ตอบข้นึ อยกู ับดุลยพินิจของครู ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในการติดตั้งโปรแกรมตางๆ ใหกับเครื่องคอมพิวเตอร ควร 1 ฮารด แวร คอื อปุ กรณท ปี่ ระกอบขน้ึ เปน เครอ่ื งคอมพวิ เตอร มลี กั ษณะเปน ติดตง้ั ส่งิ ใดกอ นเสมอ โครงราง มองเห็นไดด ว ยตา และสามารถสมั ผสั ไดห รือเปนรูปธรรม ไดแ ก วงจร ไฟฟา จอภาพ คียบ อรด เคร่อื งพิมพ เมาส ซ่ึงสามารถแบงออกเปน สว นตา งๆ 1. ระบบปฏิบตั ิการ ได 4 หนวย คอื 2. ซอฟตแวรประยุกต 3. โปรแกรมอรรถประโยชน 1. หนวยรบั ขอมลู 4. โปรแกรมยกเลกิ การติดตัง้ ขอ มูล 2. หนว ยประมวลผลกลาง 3. หนวยแสดงผล (วเิ คราะหคาํ ตอบ การตดิ ตงั้ โปรแกรมตา งๆ จาํ เปน ตอ งลงระบบ 4. หนว ยเก็บขอมลู สาํ รอง ปฏิบัติการกอนเปนอันดับแรก จึงจะสามารถติดต้ังโปรแกรม ประเภทอ่นื ๆ ได ดังนนั้ ตอบขอ 1.) T79
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ซอฟตแ์ วรร์ ะบบสามารถแบง่ ได้เปน็ 2 ประเภท ดังนี้ 1) ระบบปฏบิ ัติการ (Operating System : OS) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา ซอฟตแวรระบบ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมและประสานงานระหว่างอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ สามารถแบง ไดเ ปน 2 ประเภท ไดแก ทั้งหมดต้ังแต่ซีพียู หน่วยความจ�าไปจนถึงหน่วยน�าเข้าและส่งออก บางครั้งนิยมเรียกรวม ๆ 1) ระบบปฏบิ ตั กิ าร เปน ซอฟตแ วรท ใ่ี ชค วบคมุ ว่าแพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์จะท�างานได้จ�าเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการติดตั้งอยู่ในเครื่องเสีย และประสานงานระหวางอุปกรณภายใน ก่อน ตัวอย่างของระบบปฏิบัติการที่ส�าคัญ และควรรู้ มีดังนี้ ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์ คอมพวิ เตอรท งั้ หมดตง้ั แตซ พี ยี ู หนว ยความ วนิ โดวส ์ ระบบปฏบิ ตั กิ ารแมคอินทอช ระบบปฏิบัตกิ ารลีนกุ ซ์ ระบบปฏิบัตกิ ารดอส และระบบ จํา ไปจนถึงหนว ยนําเขา และสง ออก ปฏิบตั ิการแอนดรอยด์ 2) ตัวแปลภาษาเปนโปรแกรมที่ทําหนาที่ใน การแปลโปรแกรมหรอื ชดุ คําสัง่ ท่ีเขียนดว ย ภาษาทไ่ี มใ ชภ าษาเครอื่ ง หรอื ภาษาเครอ่ื งที่ ไมเ ขา ใจใหเ ปน ภาษาเครอ่ื งทส่ี ามารถรแู ละ เขาใจ แลว เครื่องคอมพิวเตอรน าํ ไปปฏบิ ตั ิ ได ภาพท ่ี 3.20 ระบบปฏิบตั ิการไมโครซอฟต์วนิ โดวส์ ภาพท ่ี 3.21 ระบบปฏิบตั กิ ารแมคอนิ ทอช 2) ตัวแปลภาษา (Translator) เปน็ โปรแกรมทท่ี า� หนา้ ทใ่ี นการแปลโปรแกรมหรอื ชดุ คา� สงั่ ทเี่ ขยี นดว้ ยภาษาทไี่ มใ่ ชภ่ าษา เคร่ือง หรือภาษาเครื่องที่ไม่เข้าใจให้เป็นภาษาที่เครื่องสามารถรู้และเข้าใจ แล้วเคร่ืองน�าไป ปฏิบัติได ้ เชน่ ภาษา BASIC, COBOL, C, PASCAL, FORTRAN, ASSEMBLY เปน็ ต้น โปรแกรมภาษา C ตวั แปลภาษา โปรแกรมท�างานได้ 74 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครคู วรเปด ระบบปฏบิ ตั กิ ารตา งๆ ใหน กั เรยี นดู เพอื่ ใหน กั เรยี นไดเ หน็ วา ระบบ ขอใดจัดเปนซอฟตแ วรระบบทัง้ หมด ปฏบิ ตั กิ ารแตล ะแบบมคี วามแตกตา งกนั อยา งไร พรอ มอธบิ ายเกย่ี วกบั ลกั ษณะการ 1. Windows 7/C++ ใชง าน ขอ ด-ี ขอ เสยี และขอ จาํ กดั ของระบบปฏบิ ตั กิ ารนน้ั ๆ เชน 2. Windows 7/Ubuntu 3. Microsoft Office 2010/Windows XP - ระบบปฏบิ ตั กิ ารไมโครซอฟตว นิ โดวส (Windows) 4. Window media player/Windows Vista - ระบบปฏบิ ตั กิ ารแมคอนิ ทอช (Macintosh) (วิเคราะหค ําตอบ Windows 7 และ Ubuntu ถอื วา เปน ซอฟตแ วร - ระบบปฏบิ ตั กิ ารลนี กุ ซ (Linux) - ระบบปฏบิ ตั กิ ารดอส (DOS) ระบบ ดงั นน้ั ตอบขอ 2.) - ระบบปฏบิ ตั กิ ารแอนดรอยด (Android) T80
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา่ งโปรแกรมทสี่ ามารถใช้งานได้ฟรี ขน้ั สอน โปรแกรม Open Source โอเพนซอร์ส (Open Source) คอื ซอฟตแ์ วรท์ สี่ ามารถ 3. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางโปรแกรมที่ น�าไปใชง้ าน ศึกษา แก้ไข และเผยแพร่ไดอ้ ยา่ งเสรี ปราศจาก สามารถใชง านไดฟ รี และครูสรุปความรู เรื่อง เงอ่ื นไขเพมิ่ เตมิ การพฒั นาทเี่ ปดิ เผยซอรส์ โคด้ (รหสั ตน้ ฉบบั ) โปรแกรมโอเพนซอรส ใหฟ ง วา เปน ซอฟตแ วร ให้สาธารณะน�าไปพัฒนาต่อยอดได้ ท�าให้เกิดการร่วมมือกัน ที่สามารถนําไปใชงาน ศึกษา แกไข และ ทา� งานอย่างไรพ้ รมแดนผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ (ขอ้ สงั เกต เผยแพรไดอยางเสรี จากนั้นครูอธิบาย คา� วา่ ซอฟตแ์ วรโ์ อเพนซอรส์ และซอฟตแ์ วรเ์ สรี มคี วามหมาย คุณสมบัติที่สําคัญของซอฟตแวรโอเพนซอรส เดยี วกนั และใชแ้ ทนกนั ได้ พรอ มกบั ถามคาํ ถามวา โปรแกรมโอเพนซอรส คุณสมบ1ัต. ทิ กสี่ าา� รคเัญข้าขถอึงงซซออรฟ์สตโ์แคว้ด1ร์โอโดเพยนทซ่ีแอจรก์สจป่ารยะหกรอือบกดาว้ รยกระจายซอฟต์แวร์กระท�าโดยการแนบ ท่ีนกั เรียนรูจกั มีโปรแกรมใดบาง ซอรส์ โคด้ รว่ มกบั ไบนารโี คด้ การทใี่ หผ้ ใู้ ชห้ รอื บคุ คลอน่ื เขา้ ถงึ ซอรส์ โคด้ ได้ เพอ่ื ทจ่ี ะทา� การปรบั ปรงุ ใชป้ ระโยชน์ซอร์สโคด้ เพอ่ื การศึกษา ท�าความเข้าใจ เรียนร้เู ทคนิค ตลอดจนการเพิ่มเติมปรับปรุง ฟังก์ชนั หรอื บางส่วนของซอฟตแ์ วรไ์ ดเ้ อง 2. การมีข้อตกลงเกีย่ วกบั สิทธิ (licensing agreement) ในการอนุญาตให้แจกจ่ายเผยแพร่ ซอฟตแ์ วร์ท่ีเร่มิ พฒั นาข้ึน และกระจายตอ่ เม่อื มกี ารปรบั ปรงุ แก้ไขใหด้ ีขึ้นหรอื เพม่ิ เตมิ โปรแกรม Open source มดี ังน้ี 1. Google Chrome คอื เวบ็ ใหมแ่ ละเปน็ เวบ็ เบราวเ์ ซอรแ์ รกของ กูเกิล ท่สี รา้ งโดยกเู กิล ซึง่ ตอนนม้ี ีถึงเวอร์ชนั 66 แลว้ ด้วยการใช้ งานทงี่ ่าย ฟรี และติดตั้งไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ภายในไมก่ ่วี ินาที ภาพที่ 3.22 Google Chrome 2. VLC Media Player คือ โปรแกรมเลน่ ไฟล์สอ่ื เชน่ เพลงและ ภาพที่ 3.23 VLC Media Player ภาพเคลอื่ นไหวไดห้ ลายสกุล รวมทงั้ ไฟลท์ ่เี ล่นบนมือถอื ใช้ส�าหรับ เลน่ ไฟลม์ เี ดยี ตา่ ง ๆ โดยวแี อลซมี เี ดยี เพลเยอร์ (VLC Media Player) เปน็ ซอฟตแ์ วรเ์ ลน่ ไฟลส์ อ่ื คณุ ภาพสงู รบั ชมภาพและเสยี ง บนั ทกึ ภาพ และเสยี ง และการถ่ายทอดแบบสตรีม ซ่งึ สนบั สนนุ ไฟล์ในหลาย ๆ ประเภททรี่ จู้ ักกันดี เช่น วีซีดี ดวี ดี ี การสตรีมโพรโทคอล 3. ปลาดาวออฟฟิศ คอื ชุดโปรแกรมสา� นกั งานทรี่ องรบั การทา� งาน ภาพท่ี 3.24 Pladao office กับเอกสารภาษาไทย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้โดยไม่เสียค่า ใชจ้ า่ ยใด ๆ และมโี ปรแกรมประมวลผลคา� (Word Processor) 75 สร้างตารางค�านวณ (Spreadsheet) น�าเสนองาน (Presentation) วาดภาพแบบเวกเตอร์ (Drawing) และโปรแกรมสมการคณติ ศาสตร์ (Equation) ใช้ไดก้ บั 3 ระบบปฏิบตั กิ ารหลกั คอื Solaris Linux และ Windows กจิ กรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเพ่ิมเติม 1 ซอรสโคด คือ คําส่ังหรือโคดในโปรแกรมซึ่งเขียนดวยภาษาคอมพิวเตอร เกีย่ วกบั โปรแกรมโอเพนซอรส คนละ 5 โปรแกรม พรอมวิเคราะห ภาษาตา งๆ เชน C, Java, pascal ทมี่ นุษยสามารถอานและเขา ใจได ซง่ึ เปน วิธีการใชงาน คุณสมบัติที่สําคัญของโปรแกรม ขอดี-ขอเสีย ภาษาท่ีเขยี นกอนท่จี ะถกู แปลไปเปนภาษาเคร่ือง ขอจํากดั ของโปรแกรม และบันทึกลงในกระดาษทค่ี รแู จกให และ สมุ นักเรียนออกมานาํ เสนอบริเวณหนาช้ันเรยี น T81
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 4. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรป ระยกุ ตว า เปน ซอฟตแ วร ใชง้ านทางดา้ นตา่ ง ๆ ออกมาจา� หนา่ ยเปน็ จา� นวนมาก การประยกุ ตง์ านคอมพวิ เตอรจ์ งึ กวา้ งขวาง ทีใ่ ชกับงานดานตา งๆ ตามความตองการของ และแพรห่ ลาย อาจแบ่งซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ออกเปน็ 2 กลุม่ คือ ซอฟตแ์ วร์สา� เรจ็ และซอฟต์แวร์ ผูใช สามารถนําไปใชประโยชนไดโดยตรง ที่พัฒนาขึ้นใช้เฉพาะงาน ซ่ึงปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลค�า ซอฟต์แวร์ตาราง และสามารถแบงซอฟตแวรประยุกตออกเปน ท�างาน 2 กลมุ คอื ซอฟตแวรสําเร็จและซอฟตแวรท่ี พฒั นาข้ึนใชเ ฉพาะงาน จากนัน้ ครใู หน ักเรียน 1) ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตท์ วั่ ไป (General purpose software) เป็นซอฟต์แวรท์ ี่พฒั นาขึน้ อธิบายเก่ียวกับซอฟตแวรประมวลคําวา เพอื่ ไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานทว่ั ไป ผใู้ ชต้ อ้ งเลอื กซอฟตแ์ วรใ์ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน เชน่ การ มีลักษณะการใชงานอยางไร และสามารถทํา พิมพ์รายงาน การสรา้ งตารางทา� งาน การนา� เสนอผลงาน เปน็ ต้น ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตท์ ว่ั ไปแบ่ง ช้นิ งานประเภทใดออกมาไดบา ง ไดเ้ ปน็ 6 ประเภท ดังนี้ • ซอฟตแ์ วร์ประมวลคา� (Word processing software) เปน็ ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตใ์ ช้ ส�าหรับการพมิ พ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพม่ิ แทรก ลบ และจดั รปู แบบเอกสารได้อย่างด ี เอกสาร ทพี่ มิ พไ์ วจ้ ดั เปน็ แฟม้ ขอ้ มลู เรยี กมาพมิ พห์ รอื แกไ้ ขใหมไ่ ด ้ การพมิ พอ์ อกทางเครอื่ งพมิ พก์ ม็ รี ปู แบบ ตัวอกั ษรให้เลือกหลายรปู แบบ เอกสารจงึ ดูเรยี บรอ้ ยสวยงาม ปัจจุบนั มีการเพิ่มขดี ความสามารถ ของซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� อกี มากมาย ซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� ทน่ี ยิ มใชอ้ ยใู่ นปจั จบุ นั เชน่ Microsoft Word และ CorelDRAW เปน็ ตน้ ภาพที่ 3.25 ตวั อยา่ งซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� Microsoft Word (ซา้ ย) และ CorelDRAW (ขวา) 76 ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคิด Google Documents หรือเรียกส้ันๆ วา Google Docs เปน บริการทาง ขอใดจัดเปนซอฟตแวรประยกุ ตทงั้ หมด ออนไลนข องบริษทั กเู กิล (ประเทศไทย) จาํ กดั ทีเ่ ขา มาชวยในการจัดการดาน 1. Windows 7/Windows 10 เอกสารแบบไมตองเสียเงิน ไมวาจะเปนการสราง การแกไข หรือการแบงปน 2. Windows 7/Microsoft Office 2010 ไฟลเ อกสารทสี่ าํ คญั สามารถแบง ปน เอกสารใหก บั ผอู นื่ เพอ่ื รว มกนั แกไ ขขอ มลู ใน 3. Windows media player/Windows 10 ไฟลเ อกสารเดียวกนั ไดผ า นการเช่ือมตออนิ เทอรเ น็ต 4. Adobe Photoshop/Windows Movie Maker (วิเคราะหคาํ ตอบ Adobe Photoshop และ Windows Movie Maker ถือวาเปนซอฟตแวรประยุกตท่ีสามารถนํามาใชงานใน ดา นตา งๆ ดงั นนั้ ตอบขอ 4.) T82
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ • ซอฟต์แวร์ตารางท�างาน (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีช่วยในการ ขน้ั สอน คิดค�านวณ การท�างานของซอฟต์แวร์ตารางท�างาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะท�างานท่ีมีกระดาษ ขนาดใหญ่วางไวม้ เี คร่ืองมอื คล้ายปากกา ยางลบ และเคร่อื งคา� นวณเตรยี มไวใ้ ห้เสร็จ บนกระดาษ 5. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรต ารางทาํ งานใหฟ ง วา เปน มีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถส่ังให้ค�านวณตามสูตรหรือเงื่อนไขท่ีก�าหนด ผู้ใช้ ซอฟตแ วรท ชี่ ว ยในการคดิ คาํ นวณ สามารถสง่ั ซอฟตแ์ วรต์ ารางท�างานสามารถประยุกต์ใชง้ านประมวลผลตวั เลขอ่นื ๆ ไดก้ ว้างขวาง ซอฟตแ์ วร์ ใหคํานวณตามสูตรหรอื เงอ่ื นไขทก่ี ําหนด ผูใ ช ตารางทา� งานทนี่ ยิ มใช ้ เชน่ Microsoft Excel เปน็ ต้น งานซอฟตแวรตารางทํางานสามารถประยุกต ใชงานประมวลผลตัวเลขอื่นๆ ได จากน้ัน อธิบายเกีย่ วกบั ซอฟตแ วรจ ัดการฐานขอ มูลให ฟงวา เปน การเก็บขอ มลู และจัดการกบั ขอมลู ในคอมพิวเตอร และใหนักเรียนชวยกันยก ตวั อยา งซอฟตแ วรต ารางทาํ งานและซอฟตแ วร จัดการฐานขอ มลู มาคนละ 1 ชนดิ ภาพที ่ 3.26 ตัวอย่างซอฟตแ์ วรต์ ารางท�างาน Microsoft Excel • ซอฟตแ์ วรจ์ ดั การฐานขอ้ มลู (data base management software) การใชค้ อมพวิ เตอร์ อย่างหน่ึง คือ การใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจ�าเป็นต้องมี ซอฟต์แวร์จัดการข้อมลู การรวบรวมขอ้ มูลหลาย ๆ เรอื่ งท่ีเก่ยี วข้องกนั ไว้ในคอมพวิ เตอร ์ เราก็ เรยี กว่า ฐานขอ้ มูล ซอฟตแ์ วรจ์ ดั การฐานขอ้ มลู จงึ หมายถึง ซอฟตแ์ วร์ท่ชี ว่ ยในการเกบ็ การเรยี ก ค้นมาใช้งาน การท�ารายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลท่ีนิยมใช้ เช่น Microsoft Access, dBase, Paradox, Foxbase เป็นตน้ ภาพท ี่ 3.27 ตวั อย่างซอฟตแ์ วร์จัดการฐานข้อมลู Microsoft Access (ซา้ ย) และ dBase (ขวา) 77 กจิ กรรม ทาทาย ความรูเสริม ครูใหนักเรียนแตละคนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ 1 Google Spreadsheets หรอื เรยี กสน้ั ๆ วา Google Sheets เปน บรกิ ารทาง หัวขอ เพื่อสํารวจความคิดเห็นของเพ่ือนรวมชั้นเรียน จากน้ันให ออนไลนข องบรษิ ทั กเู กลิ (ประเทศไทย) จาํ กดั ทเี่ ขา มาชว ยในการจดั การดา น นกั เรยี นรวบรวมขอ มลู ตา งๆ และใช Google Spreadsheets เขา มา เอกสารแบบไมต อ งเสยี เงนิ มลี กั ษณะการทาํ งานคลา ยกบั Microsoft Excel สามารถ ชว ยจดั การกับขอ มูลตามสูตรตา งๆ พรอ มถายทอดขอมลู ออกมา สรา ง Column และ Row รวมถงึ ใสข อ มลู เพอ่ื คาํ นวณตามสตู รตา งๆ ได ทส่ี าํ คญั ใหม ีความนาสนใจ โดยครูคอยใหค ําแนะนาํ นักเรยี นอยา งใกลชิด สามารถแบง ปน เอกสารใหก บั ผอู น่ื เพอ่ื รว มกนั แกไ ขขอ มลู ในไฟลเ อกสารเดยี วกนั ได และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอหนาช้ันเรยี น ผา นการเชอื่ มตอ อนิ เทอรเ นต็ T83
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน • ซอฟต์แวร์น�าเสนอ (presentation software) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีใช้ส�าหรับน�าเสนอ ข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดดู ความสนใจ ซอฟตแ์ วรเ์ หลา่ นจี้ ึงเปน็ ซอฟต์แวรท์ ่นี อกจาก 6. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา นักเรียนเคยใช สามารถแสดงข้อความในลักษณะท่ีจะส่ือความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และ ซอฟตแ วรใ ดบา งในการนาํ เสนอผลงาน พรอ ม รูปภาพได้ ตวั อย่างของซอฟต์แวร์น�าเสนอ เชน่ Microsoft PowerPoint, OpenOffice Impress, กบั อธบิ ายซอฟตแ วรน าํ เสนอวา เปน ซอฟตแ วร Pladao office เปน็ ต้น ท่ีใชสําหรับนําเสนอขอมูล ซึ่งการนําเสนอ ขอมูลนั้นตองสามารถดึงดูดความสนใจของ ภาพท่ี 3.28 ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรน์ �าเสนอ Microsoft PowerPoint (ซา้ ย) และ OpenOffice Impress (ขวา) ผูชมได จากน้ันครูอธิบายซอฟตแวรทางดาน กราฟกใหฟงวา เปนกลุมซอฟตแวรประยุกต • ซอฟตแ์ วรท์ างดา้ นกราฟก และมลั ตมิ เี ดยี 1(graphic and multimedia software) เปน็ ท่ีถูกพัฒนาขึ้นสําหรับจัดการทํางานทางดาน กลมุ่ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตท์ ถ่ี กู พฒั นาขนึ้ สา� หรบั จดั การทา� งานทางดา้ นกราฟกิ และมลั ตมิ เี ดยี มคี วาม กราฟกและมัลติมีเดีย ซ่ึงจะมีเครื่องมือใน สามารถเสมือนเป็นผู้ช่วยในการออกแบบชิ้นงานเก่ียวกับการตกแต่งภาพ วาดภาพ ปรับเสียง การออกแบบช้ินงานเกี่ยวกับการตกแตงภาพ ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างและออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์ทางด้านกราฟิก วาดภาพ ปรบั เสยี ง หรอื ตดั ตอ ภาพเคลอื่ นไหว และมลั ติมีเดีย เช่น Adobe Indesign, Adobe Illustrator, Adobe Photoshop เป็นตน้ ภาพท่ี 3.29 ตวั อยา่ งซอฟต์แวรท์ างดา้ นกราฟกิ และมลั ติมเี ดยี Adobe Photoshop (ซา้ ย) และ Adobe Indesign (ขวา) 78 นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills 1 มัลติมเี ดยี คอื เทคโนโลยที ่ไี ดรบั การพัฒนาใหกา วหนาอยางรวดเร็ว และ 1. ใหน กั เรียนแบงกลุมตามความสมคั รใจ กลมุ ละ 4-5 คน ใชค อมพวิ เตอรแ สดงผลในลกั ษณะการผสมสอื่ หลายชนดิ เขา ดว ยกนั ทงั้ ตวั อกั ษร 2. นักเรยี นแตละกลมุ คิดคนหัวขอท่นี าสนใจ กลุมละ 1 หวั ขอ รูปภาพ เสียง ภาพเคล่ือนไหว วิดีโอ โดยเนนการโตตอบและมีปฏิสัมพันธกับ 3. จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมใชซอฟตแวรนําเสนอสรางงาน ผูใชงาน นาํ เสนอตามรูปแบบทน่ี กั เรยี นคดิ วานาสนใจอยา งอิสระ 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู บรเิ วณหนา ชนั้ เรยี น โดยใชว ธิ ี การสื่อสารท่ที ําใหผอู ่นื เขาใจไดงา ย 5. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั ซอฟตแ วรนาํ เสนอ T84
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ • ซอฟตแ์ วรก์ ารใชง้ านบนเวบ็ ไซตแ์ ละการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (web site and communications ขน้ั สอน software) จากการเจรญิ เตบิ โตของเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ทา� ใหผ้ พู้ ฒั นาโปรแกรมเพอื่ ใชง้ านเฉพาะ อยา่ งเพม่ิ มากขน้ึ มที ง้ั การตรวจเชก็ อเี มล เขา้ เวบ็ ไซต ์ การจดั การและการดแู ลเวบ็ ไซต ์ สง่ ขอ้ ความ 7. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรก ารใชง านบนเวบ็ ไซตแ ละ ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร รวมไปถงึ การประชมุ ทางไกลผา่ นเครอื ขา่ ย ตวั อยา่ งซอฟตแ์ วรก์ ารใชง้ านบนเวบ็ ไซต์ การติดตอสื่อสารวา เปนซอฟตแวรที่ใชงาน และการตดิ ตอ่ สื่อสาร เช่น Microsoft Outlook, Microsoft NetMeeting, Skype, Line เปน็ ตน้ เฉพาะในหลายๆ ดา น เชน การตรวจเชก็ อเี มล การเขา เวบ็ ไซต การจดั การและการดแู ลเวบ็ ไซต รวมถึงการประชุมทางไกลผานเครือขาย อนิ เทอรเ นต็ ภาพที ่ 3.37 ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรก์ ารใช้งานบนเว็บไซต์และการสอื่ สาร Microsoft Outlook (ซา้ ย) และ Skype (ขวา) 8. ครูอธิบายซอฟตแวรประยุกตเฉพาะงาน ใหนักเรียนฟงวา เปนโปรแกรมท่ีไดรับการ 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตเ์ ฉพาะงาน เปน็ โปรแกรมทไ่ี ดร้ บั การออกแบบและพฒั นาสา� หรบั ออกแบบและพัฒนาสําหรับนําไปใชงาน น�าไปใช้งานเฉพาะด้านหรือในสาขาใดสาขาหน่ึงตามความต้องการของผู้ใช้ โดยท่ีผู้เขียน คือ เฉพาะดานหรือในสาขาใดสาขาหนึ่งตาม โปรแกรมเมอร์ (programmer) ที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ และ ความตองการของผูใช โดยมีโปรแกรมเมอร ตอ้ งศกึ ษาท�าความเข้าใจงานและรายละเอียดของการประยกุ ตน์ นั้ เป็นอย่างดี เช่น โปรแกรมช่วย ท่ีมีความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษา จัดการดา้ นการเงนิ โปรแกรมชว่ ยจัดการบริการลกู ค้า ฯลฯ ตามปกตจิ ะไมค่ ่อยได้เห็นซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร ซึ่งจะตองศึกษาทําความเขาใจ ประเภทนใี้ นทอ้ งตลาดทวั่ ไป แตจ่ ะซอื้ หาไดจ้ ากผผู้ ลติ หรอื ตวั แทนจา� หนา่ ยในราคาคอ่ นขา้ งสงู กวา่ งานและรายละเอยี ดของการใชงานซอฟตแวร ซอฟต์แวรท์ ่ใี ชง้ านทัว่ ไป แบ่งออกได้ ดังน้ี ประยุกตน ัน้ เปน อยา งดี • ซอฟตแ์ วร์สา� หรับงานธุรกจิ ได้แก ่ ระบบงานบญั ชเี จ้าหน ี้ และบัญชสี นิ ทรัพยถ์ าวร • ซอฟตแ์ วร์ระบบงานจดั จา� หน่าย ได้แก ่ ระบบงานรบั ใบสั่งซือ้ สินค้า และระบบงาน บรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั • ซอฟต์แวร์ระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ ระบบงานก�าหนดโครงสร้าง ผลติ ภัณฑ ์ การวางแผนกา� ลงั การผลิต • ซอฟตแ์ วรอ์ ืน่ ๆ ไดแ้ ก ่ ระบบการสร้างรายงาน การบรหิ ารการเงนิ การเชา่ ซอ้ื อสงั หาริมทรัพย์ และการเช่าซอื้ รถยนต์ 79 กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู 1. ใหน กั เรียนแบง กลุมตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน ครคู วรใชคาํ ถามกระตนุ ความคิดของนกั เรียนวา นกั เรยี นเคยใชซอฟตแ วร 2. นักเรียนแตละกลุมเลือกซอฟตแวรประยุกตเฉพาะงานท่ีสนใจ ใดบางในการติดตอส่ือสาร และแตละซอฟตแวรมีลักษณะการใชงานอยางไร มีขอดี-ขอเสีย หรือขอจํากัดอยางไร พรอมสุมใหนักเรียนไดแลกเปล่ียนความ กลุมละ 1 ชวั่ โมง คดิ เหน็ รวมกัน หรือครอู าจจะยกตวั อยา งการนําไปใชง านของซอฟตแวรการใช 3. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ งานบนเว็บไซตและการติดตอสอื่ สาร ซอฟตแ วรท่ีเลอื ก T85 4. ใหนักเรียนแตละกลุมใชซอฟตแวรนําเสนอสรางงานนําเสนอ ขอมูลพื้นฐานของซอฟตแวรและเตรียมการสาธิตการใชงาน เบอื้ งตนของซอฟตแวร 5. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียน และสาธิต การใชงานเบือ้ งตน ของซอฟตแ วร 6. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั ซอฟตแ วรเ ฉพาะงาน
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 3.2 การใช้ซอฟตแ์ วร์ ในการทา� งานพ้ืนฐาน 9. ครูอธิบายวา ซอฟตแวรมีสวนชวยในการ ซอฟตแ์ วรม์ สี ว่ นชว่ ยในการทา� งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ เราสามารถใชซ้ อฟตแ์ วรช์ ว่ ย ทํางานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถ ในการทา� งานได ้ ดงั น้ี ใชซ อฟตแ วรชว ยในการทาํ งานได ดังนี้ 1) พิมพเอกสารตางๆ 1. พมิ พ์เอกสาร การพมิ พ์เอกสาร เช่น รายงาน จดหมาย บทความ เป็นต้น นยิ มใช้ 2) สรางตารางในการคํานวณหรือประมวลผล โปรแกรมประมวลค�า (Word processing) เชน่ ไมโครซอฟต์เวิร์ด เวริ ด์ สตาร ์ ปลาดาว เปน็ ตน้ ตา งๆ ได โปรแกรมประมวลค�ามีหลักการ คือ จ�าลองหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็นเหมือนแผ่นกระดาษ 3) สรางกราฟในการนําเสนอขอมูลในรูปแบบ มีการก�าหนดก้ันหน้า-กั้นหลัง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง แล้วมีต�าแหน่งการพิมพ์บนหน้ากระดาษนั้น ของแผนภาพ ผพู้ ิมพส์ ามารถพิมพ์เอกสารยอ่ หน้า เว้นวรรค สรา้ งภาพประกอบข้อความ ลบแกไ้ ข และคดั ลอก 4) ชว ยในการออกแบบ เอกสารได ้ 5) ชวยในการนําเสนองานจากโปรแกรม คอมพิวเตอรต างๆ 2. สร้างตาราง การสร้างตารางเป็นการประยุกต์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือใช้ในการ ค�านวณหรือประมวลผล เช่น บัญชรี ายรบั -รายจ่าย บญั ชเี งินเดือน เปน็ ตน้ โปรแกรมตารางงาน เรยี กอกี อย่างหนึง่ ว่า Spreadsheet เชน่ โปรแกรมไมโครซอฟต์เอก็ เซล โลตสั โปรแกรมปลาดาว ตารางงาน เป็นต้น การสร้างตารางเหมาะกับงานที่เกี่ยวกับบัญชี หรือตัวเลขที่น�ามาค�านวณ ประมวลผล 3. สร้างกราฟ กราฟเป็นการน�าเสนอข้อมูลในรูปของแผนภาพ กราฟที่นิยมใช้บ่อย ๆ คอื กราฟแทง่ แนวนอน กราฟแทง่ กราฟวงกลม กราฟเส้น เปน็ ต้น การสร้างกราฟโดยปกติใช้ โปรแกรมสา� เรจ็ รูป 4. ออกแบบ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์มีโปรแกรมส�าเร็จรูปหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม AutoCad โปรแกรม PhotoShop โปรแกรม Freehand เป็นต้น ซงึ่ ช่วยในการออกแบบ ตา่ ง ๆ เชน่ ออกแบบบา้ น ออกแบบเสอื้ ผา้ ออกแบบโตะ๊ โดยโปรแกรมประเภทนีจ้ ะออกแบบหน้า กระดาษใหเ้ ปน็ พืน้ ทว่ี า่ ง ๆ และมเี คร่อื งมือสา� หรับออกแบบไวใ้ หผ้ ูใ้ ชง้ านสามารถน�าเคร่ืองมอื มา สร้างแบบเป็นรูปทรงตา่ ง ๆ ได้ตามตอ้ งการ 5. น�าเสนองาน การน�าเสนองานเป็นการน�าเสนอที่สร้างงานจากโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ เช่น เอกสารจากโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ด ตารางจากโปรแกรมตารางงาน เปน็ ตน้ แลว้ นา� มา เสนอด้วยโปรแกรมการน�าเสนอ ซ่ึงโปรแกรมน�าเสนอที่ได้รับความนิยม คือ โปรแกรมคีย์โน้ต ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ เป็นต้น ลักษณะของโปรแกรมประเภทน้ีจะมีเครื่องมือช่วยให้ผู้ใช้ สร้างภาพและตกแต่งสไลด์ได้อย่างสวยงาม หรือใส่ภาพเคลื่อนไหวและบันทึกเสียงประกอบการ นา� เสนอได้ 80 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครูควรกระตุนความคิดของนักเรียนในการตอบคําถามวา ซอฟตแ วรมีสวน ใหนักเรยี นแตละคนวาดแผนผงั ความคิด (Mind Map) เรอื่ ง ชว ยในการทาํ งานใหม ปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขนึ้ ไดอ ยา งไร เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดฝ ก การ การใชซอฟตแวรในการทํางานพื้นฐาน เพ่ือใหนักเรียนไดทบทวน คิดยืดหยุนและคิดหลากหลาย โดยครูอาจสุมนักเรียนตอบคําถามเพ่ือ การใชซ อฟตแ วรต า งๆ ทอี่ ยใู นชวี ติ ประจาํ วนั และเขา มามสี ว นชว ย แลกเปลี่ยนความคิดรว มกันภายในชัน้ เรียน ในการทํางานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบันทึกลงในกระดาษ ท่คี รแู จกให และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอหนา ช้นั เรยี น T86
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.3 การพัฒนาซอฟตแ์ วร ์ ขนั้ สอน การพัฒนาซอฟต์แวร ์ มขี นั้ ตอน ดงั นี้ 10. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา การพัฒนา 1. การวิเคราะห ์ เปน็ ขัน้ ตอนแรกของการพฒั นาซอฟต์แวร์ ซ่ึงอาจแบ่งไดเ้ ป็น 2 ข้นั ตอน ซอฟตแวรมีก่ีขั้นตอน อะไรบาง จากนั้นให • ข นั้ ที ่ 1 เป็นการส�ารวจความต้องการ และเหตุผลของการตัดสนิ ใจนา� คอมพวิ เตอร์ นกั เรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถามน้ี เข้ามาช่วยในการทา� งานใหเ้ ป็นไปโดยอตั โนมตั ิ 11. ครอู ธบิ ายการพฒั นาซอฟตแ วรว า มขี น้ั ตอน • ขน้ั ที ่ 2 เปน็ การวิเคราะหร์ ะบบงานที่ใช้อยู่ปัจจบุ ัน หากน�าระบบทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์ ดงั นี้ 1) การวิเคราะห เปนข้ันตอนแรกของการ มาช่วยงานจะตอบสนองความต้องการได้อย่างไร ข้อมูลที่ใช้และระบบซอฟต์แวร์ พฒั นาซอฟตแ วร ซง่ึ เปน การสาํ รวจความ จะตอ้ งกา� หนดได้อยา่ งเด่นชดั ผลลัพธ์จากการวเิ คราะห์ทา� ใหไ้ ด้ชดุ ของขอ้ ก�าหนด ตอ งการและวเิ คราะหร ะบบงานทใ่ี ชอ ยใู น ของระบบเพือ่ น�าไปใชใ้ นการออกแบบซอฟตแ์ วร์ตอ่ ไป ปจ จบุ นั 2. การออกแบบ ในการออกแบบซอฟต์แวร์ จะเป็นงานพัฒนาทางด้านเทคนิคเพื่อแบ่ง 2) การออกแบบ เปนงานพัฒนาทางดาน แยกงานใหเ้ ปน็ หนว่ ยยอ่ ยเรยี กวา่ มอดลู ทสี่ ามารถแยกจดั การเฉพาะสว่ นไดโ้ ดยงา่ ย การนา� ระบบ เทคนคิ เพอ่ื แบง แยกงานใหเ ปน หนว ยยอ ย ใหญม่ าแบง่ ย่อยเป็นสว่ นเล็ก ๆ และสามารถนา� มาเช่อื มรวมกันเป็นระบบใหญ่ถอื เปน็ ส่วนส�าคญั ทส่ี ามารถแยกจดั การเฉพาะสว นไดโ ดยงา ย ที่ชว่ ยใหง้ านใหญส่ �าเรจ็ ลงได้ เพราะการสรา้ งระบบซอฟต์แวร์ขนาดใหญแ่ ตเ่ พียงล�าพงั เป็นเรอ่ื ง 3) การเขียนโปรแกรมหรือการสรางช้ินงาน ท่ีเกินกว่าก�าลังของคนคนเดียว การแยกส่วนแบ่งงานกันท�าจะท�าให้ผู้พัฒนาแต่ละคนสามารถ จริง เปนข้ันตอนของการสรางหรือเขียน ทา� งานเฉพาะในสว่ นของตนไดด้ ี ขณะเดยี วกนั จะงา่ ยแกก่ ารบา� รงุ รกั ษาในอนาคต โปรแกรม การสรา งแฟม ขอ มลู การพฒั นา 3. การเขียนโปรแกรมหรือการสร้างชิ้นงานจริง เป็นข้ันตอนของการสร้างหรือเขียน ฐานขอ มลู โปรแกรม การสรา้ งแฟม้ ข้อมลู และการพฒั นาฐานขอ้ มลู การออกแบบซอฟต์แวร์เปน็ หนว่ ยย่อย 4) การตรวจสอบซอฟตแวร เปนข้ันตอน หลาย ๆ มอดูล ท�าใหส้ ามารถแบ่งงานเขยี นโปรแกรม หรอื สร้างชิ้นงานให้กับนักเขยี นโปรแกรม สุดทายที่เปนการตรวจสอบซอฟตแวรวา หลาย ๆ คนทา� พรอ้ มกันได้ ทาํ งานไดอ ยา งครบถว นตามตอ งการหรอื ไม 4. การตรวจสอบซอฟต์แวร์ ขั้นตอนสุดท้ายท่ีเป็นการตรวจสอบซอฟต์แวร์ว่าท�างานได้ อยา่ งครบถว้ นตามตอ้ งการหรอื ไม ่ โดยมกี ารตรวจแกไ้ ขซอฟตแ์ วรเ์ ปน็ ชดุ มอดลู และตรวจสอบการ ท�างานร่วมกนั ของมอดลู ต่าง ๆ ซง่ึ ข้ันตอนนจี้ ะต้องมคี วามพิถีพถิ ันในการตรวจสอบอย่างละเอียด การพัฒนาซอฟตแ์ วรข์ นาดใหญ่จ�าเป็นต้องดา� เนนิ ตามขนั้ ตอนที่กล่าวแลว้ ข้างต้น เพื่อให้ ไดร้ ะบบซอฟตแ์ วรท์ ส่ี มบรู ณม์ ขี อ้ ผดิ พลาดนอ้ ยทสี่ ดุ ในทกุ ขน้ั ตอนควรเขยี นเอกสารประกอบอยา่ ง ครบถ้วน เพอ่ื ใหผ้ ู้ร่วมงานคนอืน่ ๆ เขา้ ใจและทา� งานรว่ มกนั ได้ ภาพที่ 3.31 การพัฒนาซอฟต์แวร์ 81 กิจกรรม 21st Century Skills ส่ือ Digital 1. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ ตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนศึกษาเน้ือหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับอาชีพนักพัฒนาซอฟตแวร 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ คดิ ประเภทของซอฟตแวรที่ตองการพัฒนา จากคลิปวิดีโอใน YouTube เรือ่ ง I AM : Programmer นักพฒั นาซอฟตแวร ตามลงิ กที่แนบมา https://www.youtube.com/watch?v=5RSuLsHI-Pk กลมุ ละ 1 ประเภท 3. นักเรียนรวมกันวางแผนและวิเคราะหหาแนวทางในการพัฒนา ซอฟตแ วรด ังกลาว 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สรา งงานนาํ เสนอขน้ั ตอนและแนวทางในการ พัฒนาซอฟตแ วรของกลุมตนเอง 5. นักเรยี นแตล ะกลมุ นําเสนอขอมลู หนาชั้นเรยี น 6. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั การพัฒนาซอฟตแวร T87
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อย่างโปรแกรมทส่ี ามารถใชง้ านได้ฟรี โปรแกรม OpenOffice 12. ครอู ธบิ ายโปรแกรม OpenOffice วา เปน ชดุ โปรแกรมสํานักงานที่มีความสามารถทํางาน โปรแกรม OpenOffice คอื ชดุ โปรแกรมสา� นกั งานทม่ี คี วาม ไดใ นระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows Linux Mac สามารถ และคลา้ ยคลงึ กบั Microsoft Office สามารถทา� งาน OS จากน้ันครูอธิบายชุดคําส่ังของโปรแกรม ไดใ้ น Windows Linux Mac OS เป็นต้น OpenOffice.org OpenOffice และถามคําถามเกี่ยวกับชุด ประกอบดว้ ยโปรแกรม คอื Writer Calc Draw Impress และ โปรแกรม OpenOffice กบั นกั เรยี น Base โดยแตล่ ะสว่ นสามารถเทียบเคียงกันได้ ดงั นี้ ภาพที่ 3.32 โปรแกรม OpenOffice ตาราง 3.1 เปรยี บเทียบการใช้งานของโปรแกรม OpenOffice กบั Microsoft Office Open Office Microsoft Office หนา้ ท่ี Writer Microsoft Word ประมวลข้อความจดั ท�าเอกสาร Calc Microsoft Excel ตารางค�านวณ Draw Microsoft Visio วาดภาพลายเส้น แผนผัง Impress Microsoft PowerPoint น�าเสนอข้อมลู Base Microsoft Access ฐานข้อมลู ชุดโปรแกรม Open Office มดี งั นี้ 1. OpenOffice \"Writer\" เป็นโปรแกรมช่วยด้านการพิมพ์ตัวหนังสือส�าหรับงานเอกสาร ตา่ ง ๆ เช่น การพิมพ์บันทกึ ข้อความ การพิมพร์ ายงาน การพมิ พ์วิทยานพิ นธ ์ จดหมาย เป็นตน้ โดยมตี วั ชว่ ยในเรอื่ งของการตรวจคา� สะกด ทง้ั ศพั ทภ์ าษาไทยและภาษาองั กฤษ การแกไ้ ขคา� ผดิ แบบ อตั โนมตั ิ การตัดค�าเมือ่ ส้นิ สดุ บรรทัด ส่วนสนบั สนนุ การท�างานเอกสารรว่ มกัน และยังสามารถจัด เก็บในรปู แบบของ HTML เพือ่ ชว่ ยใหเ้ ราทา� เว็บไซต์ไดอ้ ย่างงา่ ย เปน็ ต้น 2. OpenOffice \"Calc\" เป็นโปรแกรมประเภท Spread Sheet แบบทเ่ี ราร้จู กั กนั ดีในชื่อของ Microsoft Excel โดยท ่ี Calc กม็ หี นา้ ตาคลา้ ยกบั หนา้ ตาของ Microsoft Excel ทา� หนา้ ท ี่ นา� ขอ้ มลู ในตารางทม่ี อี ยูม่ าสร้างกราฟรปู แบบต่าง ๆ ทั้งกราฟเส้น กราฟแทง่ กราฟวงกลม ทง้ั แบบ 2 มติ ิ และ 3 มิตไิ ด้ 3. OpenOffice \"Impress\" เป็นโปรแกรมการน�าเสนองาน (Presentation) ทีใ่ ชง้ า่ ยไมต่ ่าง จาก Microsoft PowerPoint เราสามารถสร้างสไลดก์ ารนา� เสนอได้อย่างงา่ ย ๆ ดว้ ย Template ท่ี มมี าให ้ จะเลอื กพิมพ์ขอ้ ความ หรอื จะแทรกภาพประกอบอยา่ งไร กส็ ามารถท�าไดส้ ะดวก 4. OpenOffice \"Math\" เปน็ โปรแกรมชว่ ยสร้างสตู รทางคณิตศาสตร์หรอื สมการต่าง ๆ 5. OpenOffice \"Base\" เปน็ โปรแกรมชว่ ยงานในเร่ืองเกย่ี วกบั การจัดการฐานขอ้ มลู เรา สามารถสร้างฐานข้อมูล เรียกดูและเรียกใช้ฐานข้อมูลจ�านวนมากเพ่ือการวิเคราะห์ต่าง ๆ ช่วย เราทา� รายงานที่ซับซอ้ นยงุ่ ยาก หรือจดหมายเวียนจา� นวนมากได้ และยังสามารถเชือ่ มต่อกับฐาน ข้อมลู ภายนอกทม่ี อี ยู่แล้ว xเช่น MySQL และ dBase ได้ 82 เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills ครคู วรเปด โปรแกรม OpenOffice แตล ะโปรแกรมใหน กั เรยี นดู พรอ มอธบิ าย แบง นกั เรยี นออกเปน 3 กลมุ แตละกลุมเลือกศึกษาโปรแกรม ถึงความสามารถในการทํางานของแตละโปรแกรม รวมถึงขอดี-ขอเสียของ OpenOffice ตามลําดับ โปรแกรม เพ่ือใหนักเรียนไดเปรียบเทียบความแตกตางระหวางโปรแกรม OpenOffice กับโปรแกรม Microsoft Office ท่ีใชอ ยใู นชีวิตประจาํ วนั ได กลุมที่ 1 Writer กลุมท่ี 2 Calc กลมุ ที่ 3 Impress จากนั้นใหแตละกลุมทําตารางสรุปขอดี-ขอเสียในการใชงาน เปรียบเทียบกับโปรแกรมกลุม Microsoft Office แลวออกมานํา เสนอหนาชั้นเรยี น T88
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.4 ตัวอย่างการสร้างกราฟ ขน้ั สอน 1. การสรา้ งกราฟเส้นดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel 13. ครูอธิบายตัวอยางการสรางกราฟโดยใช โปรแกรม Microsoft Office Excel เป็นทน่ี ยิ มในการท�ากราฟ การรวมขอ้ มูล ใชส้ รา้ ง โปรแกรม Microsoft Excel โดยใหน กั เรยี นศกึ ษา กราฟแสดงผลรวมขอ้ มลู หรอื การทา� รายงานสรปุ ผลตา่ ง ๆ การทา� เปน็ กราฟทา� ใหส้ ามารถดใู นรปู ขน้ั ตอนการสรา งกราฟตามหนงั สอื เรยี น โดย แบบเป็นแกนแท่ง ๆ แยกข้อมูลแต่ละประเภทไดช้ ัดเจน สะดวกกวา่ การทด่ี ูข้อมูลเปน็ ตาราง การเปด โปรแกรม Microsoft Excel และสรา ง ข้นั ตอนการสรา้ งกราฟเส้นดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel ตารางขอ มลู ทต่ี อ งการ พรอ มกบั ใชเ มาสล าก 1) เปดิ โปรแกรม Microsoft Excel จากนั้นสร้างตารางขอ้ มูลทตี่ ้องการ คลมุ ในสว นขอ มลู ทต่ี อ งการทําเปน กราฟเสน จากนั้นคลิกท่ีเมนูแทรกและเลือกชนิดของ กราฟทต่ี อ งการ ภาพท่ ี 3.33 หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Excel 2) ใช้เมาส์ลากคลุมในส่วนข้อมูลท่ีต้องการน�ามาท�าเป็นกราฟแบบเส้น คลิกท่ีเมนู แทรก (Insert) เลอื กชนิดของกราฟทตี่ ้องการใชง้ าน ภาพท่ ี 3.34 ตวั อย่างการใสข่ ้อมูลเพือ่ ท�ากราฟเส้นของโปรแกรม Microsoft Excel 83 กิจกรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลเก่ียวกับการนําเสนอขอมูล ครูควรนําเสนอการสรางกราฟแบบตางๆ โดยใชโปรแกรม Microsoft โดยใชก ราฟเสน ดว ยโปรแกรม Microsoft Excel จากนน้ั ใหน กั เรยี น Excel เพ่ือใหนักเรียนไดเห็นถึงขอแตกตางของกราฟแตละแบบ พรอมอธิบาย รวบรวมขอ มูลจากแหลงขอมลู เพ่อื ดูเปน แนวทาง และใหน กั เรยี น การใชง าน ขอ ด-ี ขอ เสยี และขอ จาํ กดั ของกราฟแตล ะแบบ ไมว า จะเปน กราฟเสน คดั เลือกหวั ขอทตี่ นเองสนใจมาคนละ 1 หัวขอ พรอมสรางกราฟ กราฟวงกลม กราฟแทง จากน้ันครถู ามคาํ ถามกระตุนความคดิ ของนกั เรยี นวา เสน ดว ยโปรแกรม Microsoft Excel และตกแตงออกมาในรปู แบบ นกั เรียนพบการนําเสนอขอมูลโดยการใชกราฟกับงานในลักษณะใดบาง ท่นี า สนใจมา จากนนั้ ครสู ุม นกั เรียนออกมานําเสนอกราฟเสน ทีไ่ ด สรา งขึน้ หนาช้ันเรียน T89
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 3) หลังเลือกชนิดของกราฟจะปรากฏรูปกราฟเป็นกราฟเส้น หากต้องการปรับแต่ง กราฟ เชน่ เปลย่ี นตัวอกั ษร แตง่ สี เปลย่ี นชนิดของกราฟ หรือลบเสน้ กราฟที่ได้ ใหเ้ ลือกชดุ ขอ้ มูล 14. ครอู ธบิ ายตวั อยา งการสรา งกราฟตอ โดยหลงั ในกราฟใหม่ โดยคลกิ ขวา แลว้ เลือกปรบั แต่งตามตอ้ งการ จากเลอื กชนดิ ของกราฟ หากตอ งการปรบั แตง กราฟ เชน เปล่ียนสี เปลี่ยนชนิดของกราฟ หรือลบเสนกราฟ ใหเลือกชุดขอมูลในกราฟ ใหมดวยการคลิกขวาแลวเลือกปรับแตงตาม ตอ งการ ภาพท ี่ 3.35 ตวั อย่างการแสดงผลกราฟเส้น 2. การสร้างกราฟแท่งด้วยโปรแกรม Microsoft Word ขนั้ ตอนการสรา้ งกราฟแทง่ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 1) เปิดโปรแกรม Microsoft Word จากนั้นสร้างตารางขอ้ มูลท่ตี ้องการ ภาพท่ี 3.36 หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Word 84 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครคู วรยกตวั อยา งการนาํ เสนอขอ มลู โดยใชก ารสรา งกราฟแทง ดว ยโปรแกรม ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับการนําเสนอขอมูล Microsoft Word หลายๆ แบบ เพ่ือใหนกั เรยี นไดเ ขาใจถงึ ขอ ดี-ขอเสยี และขอ โดยใชก ราฟแทง ดว ยโปรแกรม Microsoft Word จากนน้ั ใหน กั เรยี น จํากัดสําหรบั การนํากราฟแทงไปใชงาน จากนั้นครถู ามคําถามกระตนุ ความคิด รวบรวมขอมลู จากแหลง ขอมูลเพ่ือดเู ปน แนวทาง และใหน ักเรยี น ของนักเรียนวา นักเรียนคิดวา การนําเสนอขอมูลดวยกราฟแทงเหมาะสําหรับ คดั เลอื กหวั ขอ ทตี่ นเองสนใจมาคนละ 1 หวั ขอ พรอ มสรา งกราฟแทง ขอ มลู ประเภทใด ดวยโปรแกรม Microsoft Word และตกแตงออกมาในรูปแบบ ท่ีนาสนใจ จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอกราฟแทงท่ีได สรา งขึน้ หนาช้ันเรียน T90
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2) คลกิ ท่เี มนูแทรก เลอื กชนิดของกราฟท่ีตอ้ งการใชง้ าน ขนั้ สอน 15. ครอู ธบิ ายการสรา งกราฟแทง โดยใชโ ปรแกรม ภาพท ี่ 3.37 เมนกู ารทา� งานของโปรแกรม Microsoft Word Microsoft Word โดยคลกิ ทเ่ี มนแู ทรก เลอื ก ชนิดของกราฟตามตองการ จากนั้นหาก 3) หลังเลือกชนิดของกราฟจะปรากฏรูปกราฟ หากต้องการปรับแต่งกราฟ เช่น ตอ งการปรบั แตง กราฟ เชน เปลยี่ นสี เปลย่ี น เปลีย่ นตัวอักษร แตง่ สี เปลีย่ นชนิดของกราฟ หรือลบเสน้ กราฟที่ได้ ให้เลือกชุดขอ้ มูลในกราฟ ชนดิ ของกราฟ หรอื ลบเสน กราฟ ใหเ ลอื กชดุ ใหม่ โดยคลกิ ขวา แลว้ เลือกปรับแตง่ ตามตอ้ งการ ขอ มลู ในกราฟใหมด ว ยการคลกิ ขวาแลว เลอื ก ปรบั แตง ตามตอ งการ 16. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม Com Sci activity เรอ่ื ง การจดั การขอ มลู สารสนเทศ เมอ่ื นกั เรยี น ทําเสร็จ ครูจะสุมใหนักเรียนออกมาเฉลย กจิ กรรม Com Sci activity Com Sciภาพท ี่ 3.38 การแสดงผลกราฟของโปรแกรม Microsoft Word activity การจัดการข้อมลู สารสนเทศ 1. ให้นักเรยี นพิจารณาขอ้ ความทีก่ �าหนดใหว้ ่าเป็นข้อมูลหรอื สารสนเทศ • ตารางการเดนิ รถโดยสาร • ข่าวในหนังสอื พิมพร์ ายวนั • สถิติจ�านวนประชากรในประเทศ • ผลการเรยี นเฉลย่ี ของนกั เรยี นแตล่ ะคน • สรุปรายงานคา่ อุณหภูมิของแตล่ ะภาคในประเทศไทย 2. ใหน้ ักเรยี นสรา้ งกราฟแผนภมู แิ ทง่ จากข้อมูลท่กี า� หนดใหต้ ่อไปนี้ คะแนนสอบวิชาวิทยาการค�านวณของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ ี 1 ห้อง 1/1 เลขท่ ี 1 ไดค้ ะแนน 20 เลขที ่ 5 ได้คะแนน 16 เลขท ่ี 9 ได้คะแนน 12 เลขท ่ี 2 ไดค้ ะแนน 15 เลขที ่ 6 ได้คะแนน 12 เลขที ่ 10 ไดค้ ะแนน 15 เลขที่ 3 ได้คะแนน 18 เลขที่ 7 ได้คะแนน 8 เลขที่ 4 ไดค้ ะแนน 11 เลขที่ 8 ไดค้ ะแนน 18 ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ ี 21 3. ทกั ษะการส่อื สาร 85 1. ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ทกั ษะการคดิ และการแกป้ ญั หา กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ครูใหนกั เรียนแตล ะคนคิดคน หัวขอ ทีต่ นเองสนใจมาคนละ 1 ครคู วรแนะนาํ ใหนกั เรยี นเกบ็ สาํ รองไฟลจากการทาํ กจิ กรรมใน Com Sci หัวขอ เพื่อสํารวจความคิดเห็นของเพ่ือนรวมช้ันเรียน จากน้ันให activity เรื่อง การจัดการขอมลู สารสนเทศ ไวในอเี มลหรอื อปุ กรณสํารองขอ มูล นักเรยี นรวบรวมขอมลู ตางๆ และใชโ ปรแกรม Microsoft Excel ของนักเรยี น เพือ่ เปน ประโยชนใ นการนาํ ขอมลู มาใชภ ายหลัง หรอื การนําขอ มูล สรา งกราฟวงกลมเพอ่ื นาํ เสนอขอ มลู พรอ มถา ยทอดขอ มลู ออกมา มาใชในการเรยี นเนื้อหาในระดบั ชน้ั ทส่ี ูงขน้ึ ตอไป ใหมคี วามนา สนใจ โดยครูคอยใหคําแนะนาํ นักเรยี นอยางใกลช ดิ และสมุ นักเรยี นออกมานําเสนอหนา ชัน้ เรียน T91
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ Summary ตรวจสอบผล การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ 1. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเนื้อหาการเรียน ขอ้ มลู และสารสนเทศ หนวยการเรียนรูที่ 3 การจัดการขอมูล ข้อมูล (data) คือ ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับส่ิงต่าง ๆ เป็นได้ท้ังตัวเลข สารสนเทศ ข้อความ ภาพ และเสยี ง โดยอาจจะหมายถึง คน สัตว์ ส่ิงของ หรอื เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ สารสนเทศ (information) หมายถงึ การนา� ขอ้ มูลมาผ่านระบบการประมวลผล คา� นวณ 2. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย วิเคราะห์ และแปลความหมายเป็นข้อความทีส่ ามารถนา� ไปใชป้ ระโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไดม้ ากมาย พจิ ารณาขอความวา ถกู หรือผิด หากพจิ ารณา การประมวลผลขอ้ มลู สารสนเทศ ขอความไมถูกตอง ใหกลับไปทบทวนเนื้อหา ตามหวั ขอ ที่กาํ หนดให 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู และตอบคําถามลงในสมดุ ประจาํ ตวั 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการ เรียนรูท ี่ 3 การจัดการขอมลู สารสนเทศ ขนั้ ประเมนิ INPUT PROCESS OUTPUT ตรวจสอบผล ตารางการวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑการประเมิน ข้อมลู เข้า การประมวลผล ข้อมลู ออก ขอ้ มูลนักเรยี นแตล่ ะคน คอมพวิ เตอร์ประมวลผล สารสนเทศ กราฟแสดงผล ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 เชน่ ช่อื ผลการเรียน โดยการเรียงข้อมูล และ การเรียนของนักเรียนระดับ หลงั เรยี น หลงั เรียน ผานเกณฑ เป็นตน้ การจัดกลุ่มขอ้ มูล ตา่ ง ๆ ประเมนิ แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 ซอฟตแ์ วรแ์ ละการเลอื กใชง้ าน การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ ผลงาน ผลงาน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง ชุดค�าสั่งหรือ การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ โปรแกรมท่ีใช้ส่ังคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมท่ีคอยส่ัง รายบคุ คล ให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์สามารถท�างานได้ตรงตามความ ต้องการและถูกต้องรวมถึงการควบคุมการท�างานของ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 อุปกรณ์ต่างๆ เช่น CD ROM drive modem เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ การทาํ งานกลุม พฤติกรรม ผานเกณฑ สามารถรับรู้การท�างานของมันได้ซ่ึงจะต่างกับฮาร์ดแวร์ (hardware) ท่ีสามารถจะจับต้องได ้ ซอฟต์แวร์น้ี รวมถงึ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทกุ ประเภทท่ที �าให้คอมพิวเตอร์ท�างานได้ 86 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด การสรา งกราฟทใ่ี ชเ ปรยี บเทยี บความแตกตา งหรอื ความสมั พนั ธ ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ของขอ มูลตงั้ แต 2 ขอมลู ขนึ้ ไป คอื กราฟชนดิ ใด รายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม 1. กราฟหุน การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมา 2. กราฟเสน ทายแผนการจัดการเรียนรทู ี่ 2 หนว ยการเรียนรูที่ 3 3. กราฟแทง 4. กราฟวงกลม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ (วเิ คราะหค ําตอบ กราฟที่มักใชในการเปรียบเทียบความ แตกตางหรือความสัมพันธของขอมูลต้ังแต 2 ขอมูลข้ึนไป เชน คาช้แี จง:ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ การเปรียบเทียบจํานวนนักเรียนกับจํานวนหองเรียน ควรเลือกใช ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน กราฟแทง ดังน้นั ตอบขอ 3.) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม 32 32 ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามที่ไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15 1 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุม่ 1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ่นื 321321321321321 3 วิธีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมีนาใจ 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑ์การใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ T92
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แนวตอบ Self Check Self Check 1. ถกู 2. ถกู ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผดิ หากพจิ ารณาข้อความไมถ่ กู ต้องให้กลับไปทบทวนเนอ้ื หาตามหัวขอ้ ท่ีกา� หนดให้ 4. ถกู 5. ผดิ ถกู /ผดิ ทบทวนหวั ข้อ 1. ขอ้ มลู เปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบตวั อกั ษร ตวั เลข สญั ลกั ษณ์ 1 เฉลย Unit Question พิเศษ รปู ภาพ ภาพเคล่อื นไหว และเสียง 1. ขอ มลู และสารสนเทศทีด่ จี ะตองมลี กั ษณะ ดงั น้ี 2. คล กัวาษมณสะมขบอรู งณสา์ครรสบนถเ้วทนศ ทมด่ี คี มี วคีาวมาสมอถดกู คตลอ้ ้องงแกมบั น่ คยวา�า มทตนั ้อตงอ่ กเาวรลขาอ มงี 2 มีความถูกตองแมนยํา ทันตอเวลา มีความ ผ้ใู ช้ และสามารถพสิ จู นไ์ ด้ สมบูรณครบถวนของขอมูล มีความสอดคลอง กบั ความตอ งการของผใู ช และสามารถพสิ จู นไ ด 3. ก ารจดั การสารสนเทศ มขี นั้ ตอน ดงั น ี้ การรวบรวมและตรวจสอบ ับน ึทกลงในส ุมด 2 ขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู และการดูแลรกั ษาข้อมลู 2. สารสนเทศเปนการนําขอมูลมาผานระบบการ ประมวลผล คํานวณ วิเคราะห และแปลความ 4. ก ารประมวลผลขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ จะนา� ขอ้ มลู มาประมวล 2 หมายออกมาเปนขอความท่ีสามารถนําไปใช ผลโดยคอมพวิ เตอร์ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ และน�าข้อมลู ออกมาเปน็ ประโยชนใ นดา นตางๆ ไดม ากมาย เชน ใชใน สารสนเทศ การจดั การเรยี นการสอนในดา นการศกึ ษา ใชใ น การพฒั นาสตปิ ญ ญาและบคุ ลกิ ภาพสว นบคุ คล 5. ซLoอtฟusต แ์1ว-2รป์-3ระมวลค�า ไดแ้ ก่ โปรแกรม Microsoft Excel และ 3 ในดา นสงั คม ใชใ นการขบั เคลอ่ื นของเศรษฐกจิ ยุคใหมในดานเศรษฐกิจ และเปนรากฐานที่ Unit Question 3 จําเปนสําหรับความกาวหนาของอารยธรรม ซ่ึงสารสนเทศจะชวยสืบทอดคานิยม ทัศนคติ ค�าชีแ้ จง : ให้นักเรียนตอบคา� ถามต่อไปนี้ ศลิ ปะในดานวัฒนธรรม 1 ขอ้ มูลและสารสนเทศทดี่ มี ีลกั ษณะอยา่ งไร 2 สารสนเทศมีความส�าคัญต่อการด�าเนนิ ชวี ิตของนักเรยี นอย่างไรบา้ ง จงอธิบาย 3. การประมวลผลแบบเช่ือมตรงเปนวิธีการนํา 3 ก ารประมวลผลแบบกลมุ่ ต่างจากการประมวลผลแบบเช่อื มตรงอย่างไร พร้อมยกตัวอยา่ ง ขอมูลแตละรายการท่ีถูกบันทึกมาประมวลผล 4 ซ อฟตแ์ วรแ์ บ่งเปน็ กีป่ ระเภท มีอะไรบ้าง จงอธบิ าย ทันที นิยมใชในงานท่ีตองการผลลัพธใหกับผู 5 ก ระบวนการจดั การข้อมูลเพอ่ื ใหไ้ ด้มาซึ่งสารสนเทศมกี ระบวนการหรอื ข้ันตอนอย่างไร ใชทันที หรือในงานท่ีขอมูลจะตองทันสมัยอยู ตลอดเวลา เชน การกดเงินผานตูเ อทีเอ็ม สว น จงอธิบาย การประมวลผลแบบกลุมเปนการเก็บรวบรวม ขอ มลู ในแตล ะชว งเวลาหนงึ่ และนาํ ขอ มลู ทไ่ี ดร บั 87 ในชว งเวลาดงั กลา วมาประมวลผลพรอ มกนั เชน การเกบ็ ขอ มลู เวลาเขา ออกของนกั เรยี น 4. ซอฟตแวรสามารถแบง ซอฟตแวรไดเปน 2 ประเภท ดงั น้ี • ซอฟตแวรระบบ คอื ซอฟตแ วรท่ถี กู สรา งขน้ึ เพ่อื ใชบ ริหารจดั การระบบ การจัดสรรทรัพยากร และดําเนนิ งานพนื้ ฐานตา งๆ ในระบบ เชน การจัดสรร หนวยประมวลผลกลาง การจดั สรรหนว ยความจาํ ตางๆ การจัดการขอ มลู ในแฟม ขอมูลบนหนว ยความจํารอง • ซอฟตแวรประยกุ ต คือ ซอฟตแวรที่ใชงานดา นตางๆ ตามความตองการของผใู ช สามารถนาํ มาใชประโยชนไ ดโ ดยตรง ปจจุบันมผี ูพัฒนาซอฟตแ วร ใชงานทางดา นตางๆ ออกมาจาํ หนา ยเปน จาํ นวนมาก การประยุกตงานคอมพวิ เตอรจึงกวางขวางและแพรห ลาย 5. กระบวนการจัดการขอ มลู เพื่อใหไ ดม าซง่ึ สารสนเทศมขี น้ั ตอน ดงั น้ี • นาํ เขาขอมลู ประกอบดวยขน้ั ตอนการรวบรวมขอมลู การตรวจสอบขอมลู และการเตรียมขอ มูลใหถกู ตอง สมบูรณ • ประมวลผลขอ มูล เปนการดําเนนิ การตางๆ กบั ขอ มลู เพอ่ื ใหไ ดผลลัพธทมี่ คี วามหมายและประโยชนต อการนําไปใชงาน • เกบ็ รกั ษาขอ มลู เปน การเกบ็ บนั ทกึ ผลลพั ธบ างสว นทย่ี งั ไมต อ งการนาํ ไปใชง านในขณะนนั้ ลงสสู อื่ บนั ทกึ ขอ มลู ตลอดจนปรบั ปรงุ ขอ มลู ใหม คี วามทนั สมยั อยเู สมอ • แสดงผล เปนการจดั รปู แบบของสารสนเทศที่เปนผลลัพธจากการประมวลผลใหอ ยูในรปู แบบของรายงาน ตาราง แบบฟอรม แผนภูมิ เพือ่ ใหสะดวก ในการศกึ ษา T93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122