Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อีบุควิชาวิทยาการคำนวณ-ม1

อีบุควิชาวิทยาการคำนวณ-ม1

Published by toi pan, 2023-07-06 01:41:57

Description: อีบุควิชาวิทยาการคำนวณ-ม1 นี้ เป็นหนังสืออีเล็คทรอนิกส์เสริมการเรียนรู้วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในรูปแบบออนไลน์ สามารถศึกษาได้ตลอดเวลา

Search

Read the Text Version

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 4. ขอ้ เสยี ของภำษำจำวำ 1) ท�างานได้ช้ากว่า native code หรือโปรแกรมที่เขียนข้ึนด้วยภาษาอื่น เช่น C 20. ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ตอบคาํ ถามวา ขอ เสยี หรือ C++ ท้ังนี้ เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนข้ึนด้วยภาษาจาวา จะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ของภาษาจาวามอี ะไรบา ง จากนนั้ ครใู หศ กึ ษา ก่อน แล้วเม่ือโปรแกรมท�างาน ค�าสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปล่ียนเป็นภาษาเครื่องอีกทีหน่ึง ตวั อยา งการเขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาจาวาเพอื่ คร้งั ละคา� สัง่ (หรือกลมุ่ ของค�าส่ัง) ท�าใหท้ �างานช้ากวา่ native code ซ่ึงอยู่ในรปู ของภาษาเคร่อื ง สรา งโปรแกรมคอมพวิ เตอรส าํ หรบั คาํ นวณหา แลว้ ตั้งแต่ compile โปรแกรมทต่ี ้องการความเร็วในการทา� งานจงึ ไม่นยิ มเขยี นดว้ ย Java พ้ืนที่ส่ีเหลี่ยม ซ่ึงครูจะคอยอธิบายวาแตละ 2) 1tool ท่ีมีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวา มักไม่ค่อยทันสมัย ท�าให้หลายอย่าง กรอบคาํ สง่ั มหี นา ทอ่ี ยา งไรบา ง โปรแกรมเมอรจ์ ะตอ้ งเปน็ คนทา� เอง ทา� ใหต้ อ้ งเสยี เวลาทา� งานในสว่ นที่ tool ทา� ไมไ่ ด้ ถา้ เราดู tool ของ Microsoft จะใชง้ านได้งา่ ยกวา่ และพฒั นาได้เรว็ กวา่ ตวั อยา่ ง กำรเขยี นชุดค�ำสั่งดว้ ยภำษำจำวำ เพอ่ื สร้างโปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ า� หรับคา� นวณ หาพ้ืนทส่ี เี่ หลี่ยม import java.util.Scanner; การเรยี กใช้งานคลาสท่ีอยู่ ตา่ งแพ็กเกจ package th.ac.thailand; การระบุต�าแหน่งหรือท่ีอย่คู ลาส class AreaOfRectangle { คลาส public static void main (String[] args) ค�าสัง่ การรบั ค่า/ขอ้ มูลนา� เขา้ { width และ length SddSSoocyyauussnttbbeenllmmeeer..wlooesuunicdttga..tpptnhhrrnii=nne=rttllsnns=cc((a\"\"annEEnennnnwetteeerr.rr.nSnelwceexaxnitndtDgDntthoeho:ru:\"u(\")bS)b;;lylees(()t);e;m.in); double area = width * length; ค�าสงั่ การคา� นวณ/ประมวลผล Sisy:\"s+teamre.ao);ut.println(\"Area of Rectangle คา� สงั่ การแสดงผล/ขอ้ มูลน�าออก } } 40 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 โปรแกรมเมอร คือ บคุ คลที่เขียนโปรแกรมสั่งใหค อมพิวเตอรปฏิบัตติ ามที่ ขอ ใดอธิบายการเขยี นโปรแกรมไดถูกตอ งท่สี ุด ตอ งการได และมคี วามชาํ นาญ เขา ใจหลกั และกฎเกณฑข องภาษาตา งๆ ทเ่ี ขยี น 1. การพัฒนาแอปพลิเคชันเพ่ือใชในการแกปญหาตามที่ เพอื่ สอื่ สารใหเ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรเขา ใจ ซ่งึ ขอ ดีของอาชีพโปรแกรมเมอร มีดังน้ี ออกแบบไว 2. กระบวนการใชภาษาคอมพิวเตอรเพื่อแกปญหาตามท่ี • รายไดส งู ออกแบบไว • เปนอาชีพทสี่ ามารถตอยอดได 3. การพฒั นาแอปพลเิ คชนั เพอ่ื ทาํ งานอยา งใดอยา งหนงึ่ ตามท่ี • เปน ทตี่ อ งการของตลาดแรงงาน กาํ หนดไว • สามารถหารายไดเสรมิ เพิ่มเติมได 4. กระบวนการนาํ คอมพวิ เตอรเ ขา มาชว ยในการแกป ญ หาตาม ทอ่ี อกแบบไว (วิเคราะหคําตอบ การเขียนโปรแกรมเปนกระบวนการใชภาษา คอมพวิ เตอรเพ่อื แกปญหาตามทอี่ อกแบบไว ดังนั้น ตอบขอ 2.) T44

นาํ สอน สรปุ ประเมิน 1.6 รปู แบบการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ CinoRmeaSlcLiife ขน้ั สอน การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผู้เขียนโปรแกรม ปจั จบุ นั คอมพวิ เตอรน์ บั 21. ครูอธิบายรูปแบบการเขียนโปรแกรม ต้องเข้าใจหลักการในการเขียนแต่ละรูปแบบ ซึ่งจะท�าให้ ว่ามีประโยชน์ต่อมนุษย์มาก คอมพิวเตอรใหฟงวา การเขียนโปรแกรม สามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาโปรแกรม ขน้ึ ท้ังในดา้ นการทา� งานแทน คอมพิวเตอรผูเขียนโปรแกรมจะตองเขาใจ ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะ มนุษย์ในชีวิตประจ�าวัน เช่น หลักการในการเขียนแตละรูปแบบ ซึ่งจะ หรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกัน การเลือกภาษาโปรแกรม ระบบการเงิน การธนาคาร ทาํ ใหส ามารถเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรด ว ย หรือภาษาคอมพิวเตอร์เพ่ือน�ามาเขียนโปรแกรมน้ันข้ึน การควบคุม เส้นทางการบิน ภาษาโปรแกรมตา งๆ งา ยขนึ้ จากนนั้ ครถู าม คาํ ถามกบั นกั เรยี นวา ปจ จบุ นั รปู แบบการเขยี น โปรแกรมขน้ั ตน แบง เปน กรี่ ปู แบบ อะไรบา ง อยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเหมาะสมของโปรแกรมกับ การผลิตไฟฟ้า การผลิตสนิ ค้า o_O ขนั้ สรปุ ลักษณะงานท่ีจะน�าไปใช้ การท�างานร่วมกันได้กับโปรแกรม อุปโภคบริโภคต่าง ๆ หรือ อ่ืน ๆ หรืออาจเปน็ ความถนดั ของแต่ละคน เปน็ ตน้ โดยภาษา การให้ความบันเทิงด้านภาพ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เร่ือง การ โปรแกรมในปัจจุบันมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมข้ันต้น และเสียง ตลอดจนประโยชน์ เขียนโปรแกรมเบ้ืองตน หากนักเรียนคนใดมีขอ 3 รูปแบบ แบ่งตามโครงสรา้ ง ดงั น้ี ด้านการศึกษา ค้นคว้า เช่น สงสัยสามารถสอบถามครูไดทันที • โครงสร้ำงกำรท�ำงำนแบบเรียงล�ำดับ (sequence การเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ต structure) เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมท่ีมีการท�างานเป็น การค้นคว้าขอ้ มลู ขนั้ ประเมนิ การที่คอมพิวเตอร์ ตารางการวัดและประเมนิ ผล ลา� ดบั ข้ันตอน ไล่เรยี งล�าดบั กนั ไปเหมอื นเสน้ ตรง ไม่มีการขา้ ม สามารถท�างานตามที่มนุษย์ ขน้ั ตอน ไมม่ กี ารยอ้ นกลบั ไปทา� งานเดมิ ทท่ี า� ซา้� ไปแลว้ หรอื ไมม่ ี ต้องการได้นั้น จ�าเป็นต้อง วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตาม การตัดสนิ ใจเพอ่ื เลือกท�างานใด ๆ ควบคุมการป้อนค�าส่ังให้แก่ กอนเรยี น กอนเรยี น สภาพจริง • โครงสร้ำงกำรท�ำงำนแบบเลือกท�ำหรือมีเง่ือนไข คอมพวิ เตอรท์ า� งานตามลา� ดบั (condition structure) เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมท่ีมีการ ข้ันตอนที่เราต้องการ ค�าส่ังที่ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 ตัดสินใจ มีทางเลือกให้เลือกกระท�า โดยแต่ละทางเลือกจะมี ใช้ควบคุมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ เงื่อนไข ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบเง่ือนไขน้ัน ๆ ก่อน จึง นน้ั เรยี กวา่ ภาษาคอมพวิ เตอร์ รายบุคคล จะสามารถท�างานในทางเลือกนั้นได้ ท้ังนี้ ภายในโปรแกรม สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 คอมพวิ เตอรอ์ าจมกี ารตดั สนิ ใจเชน่ นอี้ ยหู่ ลายจดุ เรยี กโครงสรา้ งการทา� งานลกั ษณะนว้ี า่ selection การทาํ งานกลมุ พฤติกรรม ผานเกณฑ หรือ condition • โครงสรำ้ งกำรท�ำงำนแบบท�ำซ�ำ้ (iteration structure) เปน็ รปู แบบการเขียนโปรแกรม ทม่ี ีการท�างานเดมิ ซ�า้ ๆ โดยมีเงอ่ื นไขเพอื่ ก�าหนดจา� นวนรอบในการทา� งานซ้�า ซ่ึงการท�างานแบบ ท�าซา้� ม ี 3 ประเภท คือ การทา� งานแบบท�าซ้�าตามจา� นวนรอบท่ีระบุ การทา� งานแบบทา� ซ�า้ ในขณะ ที่เงือ่ นไขเปน็ จริง การทา� งานแบบท�าซ�้าจนกระทั่งเงอื่ นไขเป็นจรงิ 41 ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล โครงสรา งโปรแกรมแบบใดทแี่ สดงขนั้ ตอนการทาํ งานตามลาํ ดบั ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการทํางานกลุมของ กอ น-หลังจากบนลงลา ง นักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบสังเกตพฤติกรรม การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา 1. โครงสรางการทํางานแบบทําซํ้า ทายแผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 1 หนว ยการเรียนรทู ่ี 2 2. โครงสรางการทํางานแบบขอความ 3. โครงสรา งการทาํ งานแบบเรยี งลําดบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 4. โครงสรางการทํางานแบบเลอื กทําหรอื มเี งอ่ื นไข คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี (วเิ คราะหค ําตอบ โครงสรางการทํางานแบบเรียงลําดับเปน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน โครงสรา งโปรแกรมทแี่ สดงขนั้ ตอนการทาํ งานตามลาํ ดบั กอ น-หลงั จากบนลงลาง โดยแตละข้ันตอนจะถูกประเมินผลเพียงครั้งเดียว ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ ชื่อ–สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) 32  ของนักเรียน ความคิดเหน็ ฟังคนอน่ื ตามท่ีไดร้ บั ส่วนร่วมใน 15 1 การแสดงความคดิ เหน็   มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ื่น   ผลงานกลุ่ม 3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย   4 ความมีน้าใจ   321321321321321 5 การตรงต่อเวลา  รวม เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................ ............./.................../............... ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดมี าก ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง 11–13 ดี เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง T45

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ ซอฟตแ วรท ใี่ ชใ นการเขยี น 2 ซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ชใ นการเขียน โปรแกรมทรี่ จู กั กนั ใน ซอฟต์แโวปร1์ทรี่ใแช้เกขียรนมภาคษอาโมปรพแกิวรเมตเพอื่อรสร์ ้างโปรแกรม 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา ซอฟตแ วร ปจ จบุ นั มอี ะไรบา ง ที่ใชในการเขียนโปรแกรมท่ีรูจักกันในปจจุบัน คอมพิวเตอร์นั้นสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 2 กลุม่ ดังน้ี มีอะไรบาง จากน้ันใหนักเรียนชวยกันตอบ คําถาม กลมุ่ ท่ ี 1 โปรแกรม Editor ทั่วไป เปน็ ซอฟตแ์ วร์ที่ม่งุ เน้นการพิมพข์ ้อความหรอื การ เขยี นชดุ ค�าสัง่ ภาษาโปรแกรมเปน็ หลกั แตไ่ มไ่ ด้ตดิ ต้ังเคร่อื งมืออ�านวยความสะดวกต่าง ๆ ในการ 2. ครสู มุ ถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นวา เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ไว้ด้วย โปรแกรม Editor กลุ่มนี ้ สว่ นใหญส่ ามารถใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือ นกั เรยี นเคยใชง านซอฟตแ วรท าํ ชนิ้ งานใดบา ง ส�าหรบั เขยี นภาษาโปรแกรมไดท้ ุกภาษา ตวั อยา่ งโปรแกรม Editor ทว่ั ไป เชน่ Notepad EditPlus เปน็ ต้น ขน้ั สอน กลุ่มท่ี 2 โปรแกรม IDE Editor เปน็ ซอฟต์แวรท์ ่ีรวมเครือ่ งมอื อา� นวยความสะดวก ตา่ ง ๆ ในการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ โดยส่วนมากโปรแกรม IDE Editor จะใช้เฉพาะภาษา 1. ครูอธิบาย เร่ือง ซอฟตแวรที่ใชในการเขียน โปรแกรมภาษาหนงึ่ ๆ หรอื กลมุ่ ภาษาโปรแกรมทใี่ กลเ้ คยี งกนั เทา่ นนั้ ตวั อยา่ งโปรแกรม IDE Editor โปรแกรมคอมพิวเตอรวา สามารถแบง ไดเปน เช่น Turbo C++ ส�าหรบั เขียนโปรแกรมด้วยภาษา C โปรแกรม Scratch สา� หรับเขียนโปรแกรม 2 กลุม ดังนี้ โปรแกรม Editor ท่ัวไป เปน ดว้ ยภาษา Scratch โปรแกรม python IDLE ส�าหรบั เขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา python โปรแกรม ซอฟตแวรท่ีมุงเนนการพิมพขอความหรือการ NetBeansIDE สา� หรบั เขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java เปน็ ตน้ เขียนชุดคําส่ังภาษาโปรแกรมเปนหลัก และ โปรแกรม IDE Editor เปนซอฟตแวรท่ีรวม เครื่องมืออํานวยความสะดวกตางๆ ในการ เขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร 2.1 ตวั อยา งซอฟต์แวร์ท่ใี ชใ นการเขยี นโปรแกรม 1. โปรแกรม Turbo C++ เพ่ือเขยี นชดุ ค�ำสง่ั ภำษำ C เบ้อื งต้น ภาษาซ ี เปน็ การเขยี นโปรแกรมพนื้ ฐานทส่ี ามารถประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานตา่ ง ๆ ไดม้ ากมาย เชน่ โปรแกรม MATLAB (The MathWorks-MATLAB and Simulink for Technical Computing) ซึ่งเวลาใชส้ ามารถพมิ พช์ ุดคา� สงั่ ภาษาซเี พ่มิ เขา้ ไปในโปรแกรมค�านวณทางคณติ ศาสตร ์ ประมวล ผลทางสัญญาณไฟฟา้ และทางไฟฟ้าส่ือสาร ซึ่งท�าให้ประสิทธภิ าพของงานท่ีทา� ดีย่ิงขึ้น ภาพท่ี 2.6 ตัวอยา่ งโปรแกรมภาษาซี ภาพที ่ 2.7 ตวั อย่างโปรแกรมภาษาซี แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจําหวั ขอ 42 ซอฟตแวรท่ีนิยมใชในปจจุบัน ไดแก โปรแกรม Turbo C++ โปรแกรม Scratch โปรแกรม Python IDLE โปรแกรม NetBeans IDE นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 ซอฟตแ วร คอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรห รอื ชดุ คาํ สง่ั ทโ่ี ปรแกรมเมอรเ ขยี นขน้ึ การทดสอบโปรแกรมมีความสาํ คญั อยา งไร ดว ยภาษาคอมพวิ เตอรภ าษาใดภาษาหนง่ึ โดยเครอื่ งคอมพวิ เตอรส ามารถเขา ใจ 1. เพอ่ื ตรวจสอบวา ผูใ ชมคี วามพงึ พอใจมากนอยเพยี งใด เเละปฏิบัติตามได 2. เพ่ือตรวจสอบความสมบรู ณของฟงกช ันการทํางานตา งๆ 3. เพ่ือหาวธิ กี ารเขยี นโปรแกรมทมี่ คี วามซบั ซอ นนอยกวา เดมิ 4. เพื่อตรวจสอบและแกปญหาการทํางานผิดพลาดของ โปรแกรม (วเิ คราะหค าํ ตอบ การทดสอบโปรแกรมเปน ขน้ั ตอนการตรวจสอบ ความถูกตองของโปรแกรมกอนนําไปใชงานจริง เพื่อใหผูเขียน โปรแกรมสามารถระบุความผิดพลาดของโปรแกรมไดในกรณีที่ โปรแกรมมีจุดผิดพลาดซอนอยู พรอมทั้งดําเนินการแกไขในจุด ผิดพลาดดังกลา ว ดงั น้นั ตอบขอ 4.) T46

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โปรแกรม Turbo c/c++ เปน็ โปรแกรมเขยี นภาษา C โดยบอรแ์ ลนด ์ ซอฟตแ์ วร ์ คอรป์ อเรชนั ขนั้ สอน (Borland Software Corporation) ซ่งึ เพยี บพร้อมไปด้วยเครือ่ งมือตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ โปรแกรม เรยี บเรยี งข้อความ และโปรแกรมตรวจสอบและแปลคา� สง่ั 2. ครูอธิบายโปรแกรม Turbo C++ เพื่อเขยี นชุด คาํ สง่ั ภาษา C เบือ้ งตนวา ภาษา C เปนการ แถบเมนู เขียนโปรแกรมพื้นฐานที่สามารถประยุกตใช หนา้ ต่างเอดเิ ตอรส์ า� หรับ กับงานตางๆ ไดมากมาย จากนน้ั อธิบายสวน ประกอบและเมนหู ลกั ตา งๆ ใหนกั เรียนฟงวา เขยี นชุดคา� สั่ง สั่งให้ ประกอบไปดว ยอะไรบา ง ทา� งานโดยกด Alt+F9 และ Ctrl+F10 ภาพท ี่ 2.8 ตัวอย่างโปรแกรม Turbo c/c++ แถบคีย์ลดั เมนูหลกั (Main Menu) ประกอบดว้ ย File เก็บรวมรวมค�าสั่งเก่ียวกับการเปิด-ปิดไฟล์ การบันทึกไฟล์ การออกจาก โปรแกรม Edit การแก้ไขโปรแกรม การส�าเนาหรอื การย้ายข้อความทปี่ รากฏบนเอดิเตอร์ Search ค้นหาคา� หรือข้อความทีเ่ ขยี นในโปรแกรม ตลอดจนการแทนท่ีคา� Run รันโปรแกรมทเ่ี ขียนด้วยค�าสัง่ แบบตา่ ง ๆ Compile แปลข้อมลู ของโปรแกรมที่เป็น source file ให้เป็น object file Debug ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม Project ใช้ในการระบุไฟล์ต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต้องน�ามาใช้ในตัวโปรแกรมและ project ทีท่ �างานอย่ ู Option ก �าหนดรายละเอียดต่าง ๆ ของคอมไพเลอร์ เช่น directories compiler เปน็ ตน้ Window จดั การเกยี่ วกับหนา้ ต่างทใี่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม Help ขอความชว่ ยเหลอื หรือรายละเอยี ดเกย่ี วกับโปรแกรมในลักษณะต่าง ๆ 43 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม โครงสรางใดเปนรูปแบบการเขียนโปรแกรมที่มีการตัดสินใจ สว นประกอบของโปรแกรม Turbo C++ แบง สว นของหนา จอในการใชง านออก แบบมที างเลือกใหเลือกกระทํา เปน 4 สว น ดงั น้ี 1. โครงสรางแบบทาํ ซํา้ 1. สว นเมนูหลกั (Main Menu) เปน สว นทีแ่ บง การทาํ งานออกเปนเมนู 2. โครงสรางแบบลาํ ดบั ตา งๆ ตามลกั ษณะการทาํ งาน ไดแ ก เมนู File, Edit, Search, Run, Compile, 3. โครงสรางแบบเง่ือนไข Debug, Project, Options, Window และ Help 4. โครงสรา งแบบวเิ คราะหโ ปรแกรม 2. สว นเขียนโปรแกรม (Edit) เปนสว นทผ่ี ูใชงานจะใชเ พอ่ื เขยี นโปรแกรม (วิเคราะหคําตอบ โครงสรางแบบเงื่อนไขเปนรูปแบบการเขียน โดยคาํ สง่ั ทใ่ี ชใ นการเขยี นตอ งเปน คาํ สงั่ ทรี่ องรบั บนภาษา C และ C++ เทา นนั้ โปรแกรมท่ีมีการตัดสินใจ มีทางเลือกใหเลือกกระทํา โดยแตละ ทางเลอื กจะมเี งอื่ นไข ซงึ่ ตอ งผา นการตรวจสอบเงอ่ื นไขนนั้ ๆ กอ น 3. สวนขอ ความ (Text) เปน สว นของการแสดงขอความท่ีเปน ทั้งผลลพั ธ จึงจะสามารถทาํ งานในทางเลือกน้นั ได ดังน้นั ตอบขอ 3.) (Output) และสวนของขอ ความผดิ พลาด (Error) ซงึ่ จะแจงใหทราบผานทาง หนา จอน้ี 4. สวนฟงกชนั คีย (Function Keys) เปน สว นของการแสดงการกดคยี ล ดั เพอ่ื ความรวดเรว็ ในการทาํ งาน โดยสว นใหญจ ะเปน คาํ สง่ั ทใี่ ชง านบอ ย T47

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. โปรแกรม Scratch เพอ่ื เขียนชดุ ค�ำส่งั ภำษำ Scratch โปรแกรม Scratch เปน็ โปรแกรมภาษาท่ผี ู้เรยี นสามารถสรา้ งชนิ้ งานได้อยา่ งง่าย เช่น 3. ครอู ธิบายโปรแกรมภาษา Scratch เพอื่ เขยี น นิทานทส่ี ามารถโต้ตอบกบั ผอู้ า่ นได้ ภาพเคล่ือนไหว เกม ดนตร ี และศลิ ปะ เมอ่ื สรา้ งเปน็ ชนิ้ งาน ชุดคําส่ังภาษา Scratch วา เปนโปรแกรม เสร็จแล้ว สามารถน�าช้ินงานที่สร้างสรรค์นี้แสดงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นบน ภาษาทผี่ เู รยี นสามารถสรา งชนิ้ งานไดอ ยา งงา ย เว็บไซต์ได้ ท�าให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักการทางคณิตศาสตร์ และแนวคิดการโปรแกรมไปพร้อม ๆ เชน นิทานทส่ี ามารถโตต อบกบั ผอู า นได ภาพ กบั การคิดอยา่ งสร้างสรรค ์ มีเหตุผล เป็นระบบ และเกดิ การท�างานร่วมกัน เคลื่อนไหว เกม ดนตรี ศิลปะ เมื่อสรางชิ้น 12 งานเสรจ็ แลว สามารถนาํ ชน้ิ งานทสี่ รา งสรรคน ี้ 48 แสดงและแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นบนเวบ็ ไซต 5 ได 76 3 4. ครูอธิบายสวนประกอบหลักของโปรแกรม และสุมถามคําถามวา เม่ือนักเรียนตองการ ภาพท่ ี 2.9 หนา้ ตา่ งโปรแกรม Scratch ไปคลิกเลือกบล็อกคําส่ังเพ่ือเขียนโปรแกรม ส่ังใหคอมพิวเตอรทํางาน จะตองเลือกที่สวน สว่ นประกอบหลกั ของโปรแกรม หนา้ ตา่ งการทา� งานของโปรแกรม Scratch มสี ว่ นประกอบ ประกอบใด หลัก ดังนี้ 1 แถบเคร่ืองมือ 2 เครือ่ งมอื เวที 3 ข้อมูลของเวทีหรอื ตวั ละครทีถ่ กู เลือก 4 กลุ่มบลอ็ ก ประกอบดว้ ยชดุ ค�าส่งั ที่จะก�าหนดใหก้ บั ตวั ละคร หรือเวที 5 บล็อกในกลมุ่ ทเ่ี ลอื ก เพ่ือใชใ้ นการท�าสคริปตก์ ารทา� งานของโปรแกรม 6 พืน้ ที่ทา� งาน เป็นสว่ นท่ใี ช้ในการเขียนสครปิ ต ์ โดยเป็นลกั ษณะของการลากวาง 7 เวท ี เปน็ สถานที่ทีใ่ ห้ตวั ละครใชแ้ สดง สามารถมีภาพฉากหลงั 8 รายการตวั ละคร สรา้ งขน้ึ มาเพอื่ ใชแ้ สดงบทบาทหนา้ ทต่ี า่ ง ๆ บนเวที และเวทที ใ่ี ช้ ในโปรเจกตป์ จั จบุ นั หมายเหต ุ สั่งให้ทา� งานโดยการคลิกที่รปู ภาพ ทห่ี น้าตา่ ง 7 44 ความรูเสริม กจิ กรรม ทาทาย ขอ เสียของโปรแกรมภาษา Scratch มีดังน้ี ใหน กั เรยี นแบง กลมุ เปน 3 กลมุ จากนนั้ แตล ะกลมุ สง ตวั แทน 1. คุณภาพและความละเอียดของชิน้ งานยงั ไมด ี จบั สลากเลอื กหวั ขอ ทคี่ รกู าํ หนดให สรปุ ทาํ เปน รายงานแลว ออกมา 2. การสงออกงานคอ นขางยงุ ยาก ตอ งใชโ ปรแกรมอน่ื เขามาชวย นาํ เสนอหนา ชัน้ เรียน โดยมีหวั ขอ ท่ใี หจับสลาก ดงั น้ี 3. บางคาํ สง่ั หรอื ฟง กช นั การทาํ งานบางอยา ง เมอื่ แปลเปน ภาษาไทยแลว ยงั ไมต รงกบั ความหมาย • โปรแกรมภาษา C • โปรแกรมภาษา Scratch • โปรแกรมภาษาไพทอน (Python) T48

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. โปรแกรม Python IDLE เพอ่ื เขียนชุดคำ� ส่ังภำษำ Python ขน้ั สอน การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน มวี ธิ กี ารเขยี น 2 วธิ ี ไดแ้ ก ่ การเขยี นโปรแกรมผา่ น ไพทอนเชลล์ หรือที่เรียกว่า IDLE (python GUI) เป็นการท�างานโต้ตอบกับผู้ใช้ทันที และวิธ ี 5. ครูอธิบายโปรแกรม Python IDLE เพื่อเขียน ท่เี รียกว่า ดอสเชลล์ หรือค�าส่งั สครปิ ต ์ ตอ้ งเขียนค�าสง่ั ด้วยไพทอนเอดเิ ตอร์ ไดเ้ ปน็ Source Code ชุดคําสั่งภาษาไพทอน วา การเขียนโปรแกรม ของภาษาไพทอน หลงั จากนนั้ ตอ้ งสง่ั ให้โปรแกรมบันทกึ เปน็ นามสกุลแบบ .py ดว ยภาษาไพทอนมวี ธิ เี ขยี น 2 วธิ ี คอื การเขยี น วิธีท่ี 1 IDLE (python GUI) ในโหมดน้ีช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมท�างานโต้ตอบกับ โปรแกรมผา นไพทอนเชลลหรือทีเ่ รียกวา IDLE ภาษาไพทอนไดโ้ ดยตรง เมอื่ เขยี นคา� สงั่ เสรจ็ ในหนงึ่ ชดุ คา� สงั่ โปรแกรมจะเอก็ ซคี วิ ตท์ นั ท ี มจี ดุ เดน่ (Python GUI) เปนการทาํ งานโตตอบกบั ผใู ช ท่ีสขี องตัวอกั ษร และพรอมต์ โดยมเี ครื่องหมาย >>> แทนการรอรบั ค�าส่ัง ดงั ภาพ ทันที และวิธีที่เรียกวา ดอสเชลล หรือคําส่ัง สคริปต จากน้นั ใหน ักเรยี นศึกษาวิธกี ารเขยี น โปรแกรมแบบ IDLE และดอสเชลล หรอื คําสง่ั สครปิ ต ภาพท ่ี 2.10 ภาพแสดงหนา้ ต่างการเขียนโปรแกรมกับ Python Shell วธิ ที ี่ 2 โดยการเปดิ File > New window หรอื กดปมุ่ Ctrl+N จากหนา้ ตา่ ง Python GUI ของวธิ ีท ี่ 1 หลังจากนนั้ ใหพ้ มิ พ์คา� สัง่ ตา่ ง ๆ ลงไป เหมือนกบั เอดิเตอร์อืน่ ๆ ซึ่งจะไมม่ ีสญั ลกั ษณ์ prompt >>> อยดู่ ้านหนา้ บรรทดั ภาพที่ 2.11 ภาพที่แสดงหน้าตา่ งการเขียนโปรแกรมกบั GUI 45 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การวเิ คราะหและกําหนดรายละเอยี ดของปญ หาตรงกับขอ ใด ครูอธิบายโปรแกรม Python IDLE เพื่อเขียนชุดคําส่ังภาษาไพทอนให 1. เปนการตรวจสอบและปรบั ปรงุ นักเรยี นฟง จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี 2. เปนการลงมือดําเนินการแกปญ หา 3. เปนการเลือกเคร่ืองมือและออกแบบขัน้ ตอนวิธี • ซอฟตแวรท ใี่ ชในการเขยี นภาษาโปรแกรมแบง เปน กกี่ ลมุ อะไรบาง 4. เปนการทําความเขา ใจกบั ปญหาเพอ่ื แยกขอ มลู ออกมา • ซอฟตแ วรใดบางทใี่ ชใ นการเขยี นโปรแกรม • การออกแบบโปรแกรมมีก่ีลกั ษณะ อะไรบาง (วิเคราะหคําตอบ การวิเคราะหและกําหนดรายละเอียดของ ปญหาเปนการทําความเขาใจกับปญหาเพ่ือแยกขอมูลออกมา ดงั นัน้ ตอบขอ 4.) T49

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จแล้ว ถ้าต้องการท่ีจะจัดเก็บโปรแกรมที่เขียนลงสู่ disk ให ้ คลกิ เลอื กรายการ File เลอ่ื นไปทตี่ วั เลอื ก Save หรอื กดปมุ่ Ctrl+S จะขนึ้ ไดอะลอ็ กบอ็ กซ ์ ใหพ้ มิ พ์ 6. ครูใหนักเรียนศึกษาภาพแสดงวิธีการบันทึก ชือ่ แฟม้ ทต่ี ้องการบันทึก ควรพิมพช์ ่ือนามสกุลเป็น .py ด้วย ดงั ภาพ โปรแกรม และภาพแสดงหนาตางการสั่งให โปรแกรมภาษาไพทอนประมวลผล จากนน้ั ครู ถามคําถามเกี่ยวกับโปรแกรมภาษาไพทอนวา วิธีการเขียนโปรแกรมผานไพทอนเชลลหรือที่ เรยี กวา IDEL (Python GUI) แตกตางจากวิธี การเขยี นโปรแกรมดอสเชลล หรอื คาํ สง่ั สครปิ ต อยา งไร ภาพท ่ี 2.12 ภาพแสดงวิธกี ารบันทกึ โปรแกรม ข้นั ตอนต่อไป คือ การสั่ง run โปรแกรม หรอื การ execute เพ่ือใหโ้ ปรแกรมประมวล ผลค�าสั่งให้ไดผ้ ลลัพธต์ ามต้องการ การสง่ั run โดยการคลิกเลอื กรายการ run เลอื กตัวเลือก run module หรือกดปุม่ คยี ์ลดั F5 โปรแกรมจะเปิดไพทอนเชลล ์ แสดงผลการทา� งาน ดังภาพ ภาพท ี่ 2.13 ภาพแสดงหนา้ ต่างการสั่งให้ไพทอนประมวลผลโปรแกรม 46 กจิ กรรม สรางเสรมิ ความรูเสริม ใหนักเรียนสืบคนขอมูลวา การเขียนโปรแกรมดวย Python IDLE ในโหมด IDLE กบั ในโหมด Editor มขี อ ด-ี ขอ เสยี ในการใชง าน ขน้ั ตอนหรอื วธิ กี ารพัฒนาโปรแกรมประกอบดว ย 6 ขัน้ ตอน ดงั นี้ แตกตา งกนั อยา งไร พรอ มยกตวั อยา งการใชง านใหเ ขา ใจ แลว บนั ทกึ 1. การวเิ คราะหปญ หา ลงในสมดุ ประจาํ ตัว นาํ มาสงในชวั่ โมงถัดไป 2. การออกแบบโปรแกรม 3. การเขยี นโปรแกรมดวยภาษาคอมพิวเตอร 4. การทดสอบและแกไขโปรแกรม 5. การทําเอกสารประกอบโปรแกรม 6. การบาํ รงุ รักษาโปรแกรม T50

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ในการเขียนค�าสั่งผู้เขียนจะต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของภาษาไพทอน ขนั้ สอน ทุก ๆ กรณี การเขียนค�าสั่งผิดพลาดแม้เพียงอักขระเดียว โปรแกรมจะไม่สามารถ run ได ้ แตโ่ ปรแกรมจะบอกตา� แหนง่ ทผี่ ดิ พลาด และคอยแนะนา� ใหผ้ เู้ ขยี นทราบวา่ ผดิ ในสว่ นใดบา้ ง จะแจง้ 7. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาภาพการแสดงผล error ซง่ึ บรรทัดทเี่ ขียนผดิ ดังภาพ เปนการแจงเตือนคําส่ังที่ผิด ในโปรแกรม ภาษาไพทอนจะสรางสีสมระบายขอความที่ ผิด ผูเขียนโปรแกรมจะตองใชความรูและ วิจารณญาณในการตรวจสอบและแกไขใหถูก ตอ ง เมอื่ แกไ ขขอ ผดิ พลาดใหถ กู ตอ งตามหลกั ไวยากรณแ ลว ใหท ดลอง run โปรแกรมใหมอ กี ครั้งจนกระทงั่ ไมม ีขอ ผิดพลาดอ่นื ๆ อกี ภาพท่ ี 2.14 ภาพแสดงผลของ error การแจ้งเตือนค�าส่ังที่ผิด โปรแกรมไพทอนจะสร้างสีส้มระบายข้อความที่ผิด ผู้เขียน โปรแกรมตอ้ งใช้ความรู้และวจิ ารณญาณ ในการตรวจสอบแก้ไขให้ถูกตอ้ ง เมอ่ื แก้ไขข้อผิดพลาด ใหถ้ กู ต้องตามหลกั ไวยากรณเ์ รยี บร้อยแล้ว และใหท้ ดลอง run โปรแกรมใหม่อกี คร้งั จนกระท่งั ไมม่ ีขอ้ ผิดพลาดอน่ื ๆ อกี โปรแกรมจะแสดงผลการท�างานออกมาตามต้องการ จุดเดน่ ของภาษาไพทอน - เป็นภาษาท่ีมี syntax ทีเ่ รียบงา่ ยและสะอาด สามารถเรียนรู้ได้งา่ ย เข้าใจได้งา่ ย - สนบั สนุนการเขียนโปรแกรมแบบ OOP - ทา� งานแบบ interpreter - dynamic code (ภาษาที่ไม่ต้องก�าหนด type ในการประกาศตวั แปร) 47 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู โครงสรางแบบทางเลือกมีลกั ษณะการทํางานอยา งไร ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับโปรแกรมภาษาไพทอน (Python) ให 1. ทาํ งานตามลาํ ดับกอน-หลงั นักเรียนฟงวา เปนภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรระดับสูง ซ่ึงถูกออกแบบมาให 2. เลือกทํางานแบบเง่ือนไขเปนจริงและเทจ็ เทา นน้ั เปนภาษาสคริปตท่ีอานงาย โดยตัดความซับซอนของโครงสรางและไวยากรณ 3. ทําตามคําส่งั แบบหลายทางเลือกมากกวา 2 ทาง ของภาษาออกไป ในสว นของการแปลงชดุ คาํ สงั่ ทเ่ี ขยี นใหเ ปน ภาษาเครอ่ื ง ไพทอน 4. ทํางานแบบอยางใดอยางหน่ึงระหวา งเงอื่ นไขจริงและเท็จ มกี ารทาํ งานแบบ Interpreter คอื เปน การแปลชดุ คาํ สงั่ ทลี ะบรรทดั เพอื่ ปอ นเขา สูหนวยประมวลผลใหค อมพิวเตอรท ํางานตามทีต่ อ งการ นอกจากน้ันโปรแกรม (วิเคราะหคําตอบ โครงสรางแบบทางเลือกมีลักษณะการทํางาน ภาษาไพทอนยังสามารถนําไปใชในการเขียนโปรแกรมไดหลายประเภท จึง แบบอยางใดอยางหนึ่งระหวางเง่ือนไขจริงและเท็จเปนรูปแบบ ทําใหม ีการนําไปใชก นั แพรห ลายในหลายองคก รใหญร ะดบั โลก เชน Google, โปรแกรมท่มี กี ารตดั สนิ ใจ มที างเลือกใหเ ลือกกระทาํ ดงั น้ัน ตอบ YouTube, Instagram ขอ 4.) T51

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน 4. โปรแกรม NetBeans IDE เพื่อเขยี นชุดคำ� สัง่ ภำษำจำวำ NetBeans คือ เคร่ืองมือที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาท่ีมีประสิทธิภาพ 8. ครอู ธบิ ายโปรแกรม NetBeans IDE เพอ่ื เขยี น ชดุ คาํ สงั่ ภาษาจาวา ซง่ึ เปน เครอ่ื งมอื ทช่ี ว ยใน อยา่ งมาก ท�าใหส้ ามารถพัฒนางานได้ง่ายและเร็ว เพราะ NetBeans มี Editor อยใู่ นตัวทใ่ี ช้ในการ การเขยี นโปรแกรมภาษาจาวาทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ เขียนภาษา โปรแกรมมีการแบ่งสีออกเป็นสี ๆ ใน Editor เพ่ือให้ง่ายต่อการสังเกตและการจัด อยา งมาก ทาํ ใหส ามารถพฒั นางานไดง า ยและ รูปแบบ เพ่อื ใหเ้ ขียนโปรแกรมได้งา่ ยขึ้น มคี อมไพลท์ ส่ี ามารถคอมไพล์ไดง้ า่ ย สามารถกด run รวดเรว็ ขนึ้ จากนนั้ ครสู มุ ถามคาํ ถามกบั นกั เรยี น ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกดคอมไพล์ก่อน เพราะ NetBeans จะท�าการคอมไพลใ์ หอ้ ตั โนมัติ มีปุ่มทใี่ ชส้ า� หรบั วา หนา ตา งของโปรแกรม NetBeans IDE มสี ว น ทา� GUI (Graphic User Interface) อยใู่ นตวั สามารถลากวางได้ และมบี ริการให้ฟรี โดยมีบรษิ ัท ประกอบหลกั อะไรบา ง และแตล ะสว นมหี นา ที่ Sun Microsystems เป็นผู้ใหบ้ รกิ าร จงึ สามารถมนั่ ใจไดว้ า่ เครื่องมือน้จี ะรองรับมาตรฐานใหม่ ๆ การทาํ งานอยา งไร ของภาษาจาวาในอนาคตได้อยา่ งแน่นอน 1 ขนั้ สรปุ 4 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เรื่อง 2 ซอฟตแวรท ใ่ี ชใ นการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร 3 หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัยสามารถสอบถาม ครูไดทนั ที 5 ขนั้ ประเมนิ ภาพที่ 2.15 หน้าตา่ งโปรแกรม NetBeans ตารางการวดั และประเมนิ ผล หนา้ ตา่ งการทา� งานของโปรแกรม NetBeans มสี ่วนประกอบหลกั ดงั น้ี วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑการประเมิน 1. แถบเมนู (Menu Bar) แสดงเมนเู พ่ือเรยี กใช้งาน ประเมิน แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2 2. หนา้ ตา่ งโปรเจกต์ (Project Window) แสดงโครงสร้างของไฟล์ต่าง ๆ ในโปรเจกต์ การนาํ เสนอ การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ 3. หน้าตา่ งเนวิเกเตอร์ (Navigator Window) แสดงองคป์ ระกอบของทใ่ี ชใ้ นโปรเจกต์ ผลงาน 4. หนา้ ตา่ งเอดเิ ตอร์ (Editor Window) สา� หรับเขียนชดุ คา� ส่งั ผลงาน 5. หน้าตา่ งแสดงผลการทา� งาน (Output Window) สา� หรับแสดงผลการทา� งาน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 48 การทาํ งาน พฤติกรรม ผา นเกณฑ รายบคุ คล สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 การทํางานกลมุ พฤติกรรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม ทาทาย ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ใหน กั เรยี นเขยี นสรปุ การทาํ งานของซอฟตแ วรแ ตล ะประเภท รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ วามีลักษณะเฉพาะอยางไรบาง จากนั้นครูสุมเรียกใหยกตัวอยาง ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม 4-5 คน หรอื ตามความเหมาะสม และหากมขี อ สงสยั ในการทาํ งาน การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา ใหสอบถามครูไดภายในช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน ทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 2 หนวยการเรียนรูท ี่ 2 สรปุ ความรทู ีไ่ ดจ ากการทํากิจกรรมนี้ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ระดับคะแนน 32 ลาดับที่ รายการประเมนิ  1 ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี รวม   32  ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รบั ส่วนร่วมใน 15 1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา   1 การแสดงความคดิ เหน็   ลาดับท่ี ชอื่ –สกุล มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรับปรงุ คะแนน 2 ความคดิ สร้างสรรค์   2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื   ของนกั เรียน ผลงานกลุ่ม 3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน   3 การทางานตามหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย   4 การนาไปใช้ประโยชน์  4 ความมนี ้าใจ   321321321321321 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา  รวม รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 14–15 ดมี าก ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั 11–13 ดี 11–13 ดี 8–10 พอใช้ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 8–10 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T52

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ นักเรยี นสามารถใชการ 3 การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร ขนั้ นาํ เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร จากอัลกอริทมึ โจปารกแอกลั รกมอใรดทิไดึมบเขาียงน ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน อัลกอริทึม (algorithm) คือ กระบวนการในการ วา นักเรียนสามารถใชการเขียนโปรแกรม ทํางานที่ใชการตัดสนิ ใจดว ยหลกั เหตุผลและคณิตศาสตร เปน ตวั ชว ยในการเลอื กวธิ ีการ คอมพิวเตอรจากอัลกอริทึมเขียนโปรแกรมใดได หรอื ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ งานถงึ ขนั้ ตอนสดุ ทา ย เปน วธิ กี ารทใ่ี ชก ารแยกยอ ยและเรยี งลาํ ดบั บา ง จากนน้ั ใหนักเรียนชวยกันตอบคาํ ถาม ขน้ั ตอนของกระบวนการในการทาํ งานตา ง ๆ เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการคน หาและแกไ ข ปญ หา โดยอัลกอริทึมเปน กระบวนการแกป ญหาทสี่ ามารถเขา ใจได มลี ําดับหรือวิธีการ ขน้ั สอน ในการแกป ญ หาอยางเปนข้ันตอนและชดั เจน 1. ครอู ธบิ าย เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร 3.1 การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรจากอัลกอรทิ ึม จากอลั กอริทมึ วา อัลกอริทมึ เปน กระบวนการ ในการทาํ งานทใี่ ชก ารตดั สนิ ใจดว ยหลกั เหตผุ ล คอื การแปลงจากอลั กอรทิ มึ รปู แบบตา ง ๆ ใหเ ปน การเขยี นชดุ คาํ สง่ั ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร และคณติ ศาสตรเ ปน ตวั ชว ยในการเลอื กวธิ กี าร หรือข้ันตอนการดําเนินงานถึงขั้นตอนสุดทาย µÇÑ Í‹ҧ เปน วธิ กี ารทใี่ ชก ารแยกยอ ยหรอื เรยี งลาํ ดบั ขนั้ ตอนของกระบวนการในการทํางานตางๆ การเขียนชดุ คาํ สง่ั ภาษาซจี ากอัลกอริทมึ รปู แบบรหัสจาํ ลอง 2. ครูอธิบายตัวอยาง การเขียนโปรแกรม รหสั จําลอง ชุดคาํ ส่ังภาษา C คอมพวิ เตอรจ ากอลั กอรทิ มึ และใหศ กึ ษาตวั อยา ง การเขียนชดุ คําสง่ั ภาษา C จากอัลกอริทึมรปู 1. START ##iinncclluuddee<<cstodniioo.h.h>> แบบรหสั จาํ ลอง 2. INPUT width void main(){ 3. INPUT length แนวตอบ คําถามสาํ คัญประจําหวั ขอ int width, length, area; 4. COMPUTE pprriinnttff((\"\"=======S=q=u=ar=e==A=re=a==P=ro=g=r=a=m\\\\nn\"\"));; ส า ม า ร ถ ป ร ะ ยุ ก ต  ใ ช  ก า ร เ ขี ย น โ ป ร แ ก ร ม area = width * length printf(\"======================\\n\"); คอมพิวเตอรกับชีวิตประจําวันได เชน การเขียน ppscrraiinnnttfff(((\"\"\"%EEnndtt\"ee,rr&wlowindigdthsth:):;\"\"));; โปรแกรมคํานวณรายรับ-รายจาย การเขียน 5. OUTPUT area scanf(\"%d\", &length); โปรแกรมคํานวณราคาสินคา การเขียนโปรแกรม 6. STOP printf(\"======================\\n\"); คํานวณพื้นที่ทางคณิตศาสตร area = width * length; printf(\"Square area is : %d\\n\", area); } printf(\"======================\\n\"); 49 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม อลั กอริทึมมลี กั ษณะอยา งไร เมอ่ื นํารหัสจําลองไปเขยี นโปรแกรมดวยโปรแกรมภาษาใดก็ตาม คาํ สงั่ ใน รหัสจําลอง 1 บรรทดั อาจถูกแปลงเปนคาํ สงั่ ภาษาคอมพิวเตอรจาํ นวนหลาย (วเิ คราะหคาํ ตอบ อัลกอริทึมเปนกระบวนการในการทํางานท่ี บรรทดั ขนึ้ อยกู บั โครงสรา งการเขยี นคาํ สงั่ ของแตล ะภาษาทแ่ี ตกตา งกนั เชน คาํ สงั่ ใชการตัดสินดวยหลักเหตุผลและคณิตศาสตรเปนตัวชวยในการ รหสั จาํ ลองในการรบั ขอ มลู INPUT Size เมอ่ื นาํ ไปเขยี นโปรแกรมอาจจะกลายเปน เลือกวิธีการหรือขั้นตอนการดําเนินงานถึงข้ันตอนสุดทาย เปน คาํ ส่งั 3 บรรทัด ดังน้ี วิธีการใชการแยกยอยและเรียงลําดับข้ันตอนของกระบวนการใน การทํางานตางๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการคนหาและแกไข บรรทัดที่ 1 ประกาศใชตวั แปร size ทจ่ี ะใชเก็บคา ปญหา) บรรทัดที่ 2 แสดงขอ ความ “Enter size : ” ออกทางหนา จอ บรรทดั ท่ี 3 รับคาขอมลู จากการพิมพเ ขามาเกบ็ ไวในตวั แปร size T53

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ขนั้ ตอนการเขียนชุดค�าส่ังภาษาซีจากอัลกอรทิ มึ รปู แบบรหัสจ�าลอง 1. แปลงรหัสจำ� ลองกำรนำ� เข้ำขอ้ มูล INPUT width และ INPUT length เป็นชดุ คา� สง่ั 3. ครูอธิบายข้ันตอนการเขียนชุดคําสั่งภาษา C จากอัลกอริทึมรูปแบบรหัสจําลอง และให ภาษาซเี พอื่ ประกาศตัวแปร และน�าเขา้ ขอ้ มูล ดังน้ี นักเรียนศึกษากรณีศึกษาการเขียนโปรแกรม • ประกาศตัวแปร : int width, length, area; คอมพิวเตอร ซ่ึงมีสถานการณวา รานขาย • นา� เขา้ ข้อมูล : อุปกรณการเรียนแหงหน่ึงกําลังจัดโพรโมชั่น โดยสนิ คาทกุ ชิ้นลด 10 เปอรเซ็นต จากราคา printf(\"Enter width : \"); ปกติ เชน สไี มกลองละ 200 บาท สว นลด 10 scanf(\"%d\", &width); เปอรเ ซ็นต คดิ เปนสว นลดก่บี าท โดยตองการ printf(\"Enter longs : \"); เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเพ่ือคํานวณหา scanf(\"%d\", &length); สว นลดของสนิ คา โดยนาํ เขา ขอ มลู ราคาสนิ คา 2. แปลงรหสั จ�ำลองกำรประมวลผล computer area = width × length เป็นชดุ ค�าสง่ั ปกติจากแปน พมิ พ ภาษาซ ี ดงั น้ ี area = width × length; 3. แปลงรหสั จำ� ลองกำรแสดงผลขอ้ มลู หรอื กำรนำ� ขอ้ มลู ออก OUTPUT area เปน็ ชดุ คา� สง่ั ภาษาซี ดงั นี ้ printf(\"Square area is : %d\\n\", area); 3.2 กรณีศกึ ษาการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ กรณศี กึ ษำท ี่ 1 ร้านขายอปุ กรณก์ ารเรยี นแหง่ หนงึ่ ก�าลงั จัดโปรโมชนั ส่วนลดสนิ คา้ โดยสนิ ค้าทุกชิ้นจะมสี ว่ นลด 10 เปอรเ์ ซ็นต์ (รอ้ ยละ 10) จากราคาขายปกติ เชน่ สีไมก้ ลอ่ งละ 200 บาท ส่วนลด 10 เปอรเ์ ซ็นต์ คิดเปน็ สว่ นลดก่ีบาท โดยต้องการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อค�านวณหาสว่ นลดของสินค้า โดยนา� เขา้ ข้อมูลราคาสนิ ค้าปกตจิ ากแปน้ พมิ พ์ สไี มม้ ีราคากลอ่ งละ 200 บาท ส่วนลด 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ คิดเป็นส่วนลดกีบ่ าท โดยแปลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ใหเ้ ปน็ ร้อยละได ้ ดังนี้ “ร้อยละ 10 ของ 200” วธิ ีกำรคำ� นวณ ข้นั ตอนท ี่ 1 น�าราคาสินคา้ ปกตมิ าหารด้วย 100 คอื 200/100 = 2 ข้นั ตอนท ี่ 2 หาสว่ นลด โดยน�า 10 เปอร์เซ็นต์ มาคูณกบั ผลลพั ธ์จากข้ันตอนท ี่ 1 คือ 10 × 2 = 20 จะได้สว่ นสด 20 บาท จากราคาปกต ิ 200 บาท 50 ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคดิ โปรแกรมสําเร็จรูปหรือภาษาคอมพิวเตอรมักถูกนํามาชวยใน วิธีการเขียนรหสั จาํ ลอง (Pseudo Code) จะมีรูปแบบในการเขยี น ดงั น้ี ขัน้ ตอนใดของการแกปญ หา • รูปแบบการเขยี นเปน ไดท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ • ใชค ําหรอื ประโยคสัน้ ๆ ท่สี ่อื ความหมายไดชัดเจนและเขา ใจงา ย 1. การดําเนินการแกป ญหา • ลกั ษณะการเขยี นเรม่ิ ตน จากบนลงลา ง โดยมที างเขา 1 ทาง และทางออก 2. การตรวจสอบและปรับปรุง 3. การเลอื กเคร่ืองมือและออกแบบวิธขี ัน้ ตอน 1 ทาง 4. การวิเคราะหแ ละกําหนดรายละเอียดของปญหา • การเขียนแตละคําสั่งควรแยกเปนบรรทัด ไมควรเขียนหลายคําสั่งใน (วิเคราะหค าํ ตอบ โปรแกรมสําเร็จรูปหรือภาษาคอมพิวเตอรมัก ถกู นาํ มาชว ยในขน้ั ตอนการดาํ เนนิ การแกป ญ หา ดงั นน้ั ตอบขอ 1.) บรรทัดเดียว • การเขยี นคาํ ส่ังควรมกี ารยอ หนาหรอื เวน วรรค เพอ่ื ใหเ กิดความสวยงาม เขา ใจงา ย • ตองมีการเร่ิมตน (Start/Begin) ตามดว ยชอ่ื ของกจิ กรรมนัน้ และตองมี จุดส้นิ สุด (End) เสมอ T54

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1ข.ัน้ ตกอำ� หนนทด่ี 1วตั ถกปุารรวะสเิ คงรคา์ขะอหงป์ โญัปรหแากรมคอมพิวเตอร1์ ขน้ั สอน • เพอื่ คำ� นวณหำสว่ นลดรำคำสนิ คำ้ 2. ก�ำหนดลกั ษณะขอ้ มลู น�ำเขำ้ (input) 4. จากกรณีศึกษาขางตน ครูอธิบายข้ันตอน • ขอ้ มูลรำคำสนิ คำ้ ปกติ เปน็ ประเภทเลขจ�ำนวนเตม็ การเขียนโปรแกรม โดยข้ันตอนที่ 1 จะตอง • กำ� หนดข้อมลู นำ� เขำ้ เป็นตัวแปร วิเคราะหปญหาจากสถานการณดังกลาว ซ่ึง ตองกําหนดวัตถุประสงคของโปรแกรม - price แทนขอ้ มลู รำคำสนิ ค้ำปกติ คอมพิวเตอร กําหนดลักษณะขอมูลนําเขา 3. กำ� หนดลักษณะขอ้ มูลน�ำออก (output) กําหนดลักษณะขอมูลนําออก และกําหนดวิธี • ข้อมลู สว่ นลด เป็นประเภทตัวเลข การประมวลผล จากนน้ั ขน้ั ตอนที่ 2 ใหอ อกแบบ • กำ� หนดข้อมูลนำ� ออกเปน็ ตัวแปร โดยให้ discount แทนขอ้ มลู ส่วนลด อัลกอริทึมโดยการเขียนภาษาธรรมชาติ รหัส 4. ก�ำหนดวิธกี ำรประมวลผล (process) จําลอง และผังงานจากสถานการณดงั กลา ว • ข้ันตอนที่ 1 ผลลัพธช์ ัว่ ครำว = รำคำสนิ ค้ำปกติ / 100 - ก�ำหนดวธิ ีกำรประมวลผลเป็นสมกำรได้ ดงั นี้ temp = price / 100 • ขนั้ ตอนท่ี 2 สว่ นลด = เปอร์เซน็ ต์ส่วนลด × ผลลพั ธช์ วั่ ครำว - ก�ำหนดวิธีกำรประมวลผลเปน็ สมกำรได้ ดงั นี้ discount = 10 × temp ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบโปรแกรม 1. ออกแบบอัลกอรทิ ึม ภาษาธรรมชาติ รหัสจา� ลอง 1. เร่มิ ต้นกำรทำ� งำน 1. START 2. นำ� เข้ำขอ้ มูล รำคำสนิ คำ้ ปกติ 2. INPUT price 3. ค�ำนวณ ผลลพั ธ์ช่วั ครำว = รำคำสนิ ค้ำปกติ / 100 3. COMPUTE temp = price / 100 4. คำ� นวณ 4. COMPUTE ส่วนลด = เปอรเ์ ซน็ ตส์ ว่ นลด × ผลลพั ธช์ วั่ ครำว discount = 10 × temp 5. แสดงผล ส่วนลด 5. OUTPUT discount 6. จบกำรทำ� งำน 6. STOP 51 กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู ใ ห  นั ก เ รี ย น อ อ ก แ บ บ อั ล ก อ ริ ทึ ม แ ล ะ เ ขี ย น โ ป ร แ ก ร ม 1 โปรแกรมคอมพวิ เตอร คอื กลมุ คาํ สงั่ ทเี่ รยี บเรยี งตามไวยากรณเ พอื่ สงั่ งาน คอมพวิ เตอรด ว ยภาษา C จากอลั กอรทิ มึ เพอื่ คาํ นวณพนื้ ทสี่ เ่ี หลย่ี ม ใหเคร่ืองคอมพิวเตอรทํางานในส่ิงที่ตองการ เชน โปรแกรมคอมพิวเตอรเพ่ือ ผนื ผาและแสดงผลลพั ธการคํานวณ งานบัญชี เปนกลุมคําสั่งที่เรียบเรียงข้ึนเพื่อสั่งใหคอมพิวเตอรทํางานดาน บัญชี โปรแกรมคอมพิวเตอรสําหรับการบริหารสถานศึกษา เปนกลุมคําสั่ง สูตรการคาํ นวณหาพน้ื ทส่ี เ่ี หลย่ี มผืนผา = กวาง × ยาว ที่เรียบเรียงข้ึนเพ่ือใหรองรับการทํางานในสถาบันการศึกษา ดังนั้น การเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอรจึงเปนการเขียนกลุมคําสั่งอยางเปนกระบวนการท่ีมี ขั้นตอนและถูกตองตรงตามไวยากรณ เพื่อส่ังการใหคอมพิวเตอรประมวลผล และทาํ งานในสิ่งทีต่ องการ T55

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ผังงาน START 5. ครูใหนักเรียนศึกษาการออกแบบสวนติดตอ price กบั ผใู ชง าน และขน้ั ตอนที่ 3 เปนขั้นการเขียน temp = price / 100 โปรแกรม โดยใหนักเรียนศึกษารูปแบบการ discount = 10 * temp เขียนโปรแกรมและตัวแปรตางๆ ท่ีใชในการ เขยี นโปรแกรมนีข้ น้ึ มา discount STOP 2. ออกแบบสว่ นติดต่อกับผใู้ ชง้ าน ============================== Calculate Discount Program E==nt=e=r =p=r=ic=e= := =<=in=p=u=t>=============== ============================== D=i=s=co=u=n=t= i=s= := <=o=u=t=p=u=t>============== ข้ันตอนที ่ 3 กำรเขยี นโปรแกรม รูปแบบการเขยี นโปรแกรม : โครงสรา้ งการท�างานแบบเรียงลา� ดับ (sequence structure) โดยโปรแกรมค�านวณส่วนลดนมี้ ีการใช้ตัวแปร ดังน ้ี - price แทนราคาสนิ คา้ ปกต ิ - temp แทนผลลพั ธช์ วั่ คราว - discount แทนส่วนลด # #v oiinnidccll uumddpppppispdtpaeenecirrrrrrri<<mntsaiiiiiii nnnnnnnsccn(ppto)otttttttfdfffffff{r n(u(((((((ii=\"\"\"\"\"\"\"\"oicn%oED==== e.t h.p ====,nihd =>srt====> \"tice e,c ====or 1m e ====&u0C pp====np/ ra ,t====*ri l1 ci c====dci0etuseie==== 0 slm):====a:c;; to====p\"%e)u;==== ;ndD====t\\====;ins====\"c)====o; ====un====t==== ====P====ro====g\\\\\\\\rnnnna\"\"\"\"m))));;;; \\n\"); } 52 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ โปรแกรม Editor และโปรแกรม IDE Editor มคี วามแตกตางกัน ครูถามคําถามเก่ียวกับเนื้อหาที่เรียนมาท้ังหมดกับนักเรียนภายในช้ันเรียน อยา งไร ดงั นี้ (วิเคราะหคาํ ตอบ โปรแกรม Editor เปน ซอฟตแ วรท เี่ นน การพมิ พ • หลกั การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตนมีอะไรบา ง แตล ะขอมีลักษณะอยางไร ขอความหรือการเขียนชุดคําสั่งภาษาโปรแกรมเปนหลัก สวน • ซอฟตแ วรท่ใี ชใ นการเขยี นโปรแกรมมซี อฟตแวรอะไรบา ง โปรแกรม IDE Editor เปนซอฟตแ วรทีร่ วมเครื่องมืออาํ นวยความ • NetBeans เปน เคร่อื งมอื อะไร และใชในการเขียนโปรแกรมภาษาใด สะดวกตา งๆ ในการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร เชน เครื่องมือ • นกั เรยี นไดป ระโยชนอ ะไรบา งจากการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ บอื้ งตน ชว ยออกแบบหนา จอ) T56

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Com Sci ขนั้ สอน activity 6. ครูใหนกั เรียนทํากจิ กรรม Com Sci activity เรื่อง การออกแบบอัลกอรทิ มึ เมื่อนักเรียนทาํ การออกแบบอัลกอรทิ มึ เสรจ็ ครจู ะสมุ ใหน กั เรยี นออกมาเฉลยกจิ กรรม ค�าชีแ้ จง ให้นกั เรียนท�าตามค�าสง่ั ต่อไปนี้ 1. ออกแบบอัลกอริทึมด้วยรหัสจ�าลอง (Pseudo Code) และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอริทึม เพ่ือค�านวณอัตราเร็วของรถไฟจากสถานีต้นทางไปยังสถานีปลายทาง โดยรถไฟไม่จอดสถานีใดเลย ให้ ระยะทางระหว่างสถานีต้นทางไปยังสถานีปลายทาง และเวลาท่ีใช้ในการเดินทางระหว่างสถานีต้นทางไป ยังสถานีปลายทางเป็นข้อมูลน�าเข้า เช่น รถไฟเดินทางจากสถานีหัวล�าโพงไปยังสถานีเชียงใหม่ท่ีมีระยะ ทาง 700 กโิ ลเมตร และใชเ้ วลาเดนิ ทางทง้ั ส้ิน 7 ชว่ั โมง รถไฟว่ิงดว้ ยอัตราความเรว็ กก่ี ิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง วิธกี ารค�านวณ อัตราความเร็ว = ระยะทาง/เวลาเดินทาง speed = distance/time 2. ออกแบบอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งาน (flowchart) และเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ์ ากอลั กอรทิ มึ เพอ่ื คา� นวณการ แปลงคา่ เงนิ สกลุ ดอลลารส์ หรฐั เปน็ เงนิ บาทไทย และแสดงผลลพั ธก์ ารคา� นวณ โดยใหอ้ ตั ราคา่ เงนิ บาทไทย ต่อ 1 ดอลลาร์ และจ�านวนเงนิ สกุลดอลลารส์ หรฐั เปน็ ข้อมูลนา� เขา้ เช่น เงิน 3 ดอลลาร์สหรฐั จะเท่ากับเงนิ บาทไทยกบ่ี าท เม่อื อตั ราคา่ เงนิ บาทไทยต่อ 1 ดอลลาร์ เทา่ กับ 33 บาท วธิ ีการคา� นวณ จา� นวนเงนิ บาทไทย = จา� นวนเงนิ สกลุ ดอลลาร์ × อตั ราคา่ เงนิ บาทไทยตอ่ 1 ดอลลาร์ thaibaht = dollars × rate 3. ออกแบบอัลกอริทึมและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C จากอัลกอริทึมเพ่ือค�านวณพ้ืนท่ี สามเหลยี่ มและแสดงผลลัพธ์การคา� นวณ สตู รการค�านวณพน้ื ทีส่ ามเหล่ยี ม Aพนื้reทaีส่ oาfมaเหTลr่ียiaมng=le21=×21 ฐาน × สงู × base × height ทักษะการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 3. ทักษะการสือ่ สาร 1. ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ทักษะการคิดและการแกป้ ัญหา 53 ขอสอบเนน การคดิ ความรูเสริม ขอ ใดเปน ลกั ษณะของการเขียนผังงานทดี่ ี ประเภทของผงั งานสามารถแบง ได 2 ประเภท ดงั น้ี 1. เขยี นสญั ลกั ษณใหม ขี นาดเลก็ ที่สุด 1. ผงั งานระบบ (System Flowchart) เปนผงั งานท่ีแสดงการทํางานของ 2. ใชล ูกศรแสดงทศิ ทางจากบนลงลา งหรือซา ยไปขวา ระบบซงึ่ แสดงภาพรวมของระบบ โดยมกี ารนาํ ขอ มลู เขา ประมวลผล และขอ มลู 3. ทุกผงั งานตองมีจดุ เรม่ิ ตนและจดุ ส้นิ สดุ เพยี งอยา งละ 2 จุด ออก เทา นั้น 2. ผงั งานโปรแกรม (Program Flowchart) เปน ผงั งานทแ่ี สดงการทาํ งานยอ ย 4. สญั ลกั ษณก ารตดั สนิ ใจมลี กู ศรชท้ี ศิ ทางเขา 1 ทศิ ทาง และมี หรอื ลาํ ดับในโปรแกรม ซ่ึงแสดงรายละเอยี ดขัน้ ตอนการทํางานและประมวลผล ลกู ศรชที้ ศิ ทางออก 2 ทศิ ทาง โดยไมต อ งกาํ หนดความหมาย โปรแกรมนนั้ ๆ ทาํ ใหร วู ธิ กี ารคาํ นวณรบั ขอ มลู จากสอ่ื ใด และประมวลผลอยา งไร ของการออกจากสัญลักษณ รวมถงึ การแสดงผลลพั ธด ว ยส่อื หรอื วธิ กี ารใด (วเิ คราะหค าํ ตอบ ลกั ษณะของการเขยี นผงั งานทดี่ จี ะตอ งใชล กู ศร แสดงทิศทางของลําดับขั้นตอนการทํางานจากบนลงลางหรือซาย ไปขวา ดังนั้น ตอบขอ 2.) T57

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สรปุ Summary 1. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเนื้อหาการเรียน การออกแบบและการเขยี น หนวยการเรียนรูที่ 2 การออกแบบและการ โปรแกรมเบือ้ งตน เขยี นโปรแกรมเบ้อื งตน การเขยี นโปรแกรมเบอ้ื งตน 2. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย โปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ (computer programming) คอื ชดุ คา� สงั่ ทสี่ ง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถ พจิ ารณาขอ ความวา ถกู หรอื ผิด หากพิจารณา ทา� งานไดต้ รงตามความตอ้ งการและถกู ตอ้ ง เชน่ โปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ า� หรบั สง่ั ใหค้ อมพวิ เตอร์ ขอความไมถูกตอง ใหกลับไปทบทวนเนื้อหา พิมพเ์ อกสาร โปรแกรมส�าหรับวาดภาพ เปน็ ตน้ ตามหวั ขอที่กาํ หนดให หลกั กำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น หลกั กำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บื้องต้น 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู และใหนกั เรียนตอบคําถามลงในสมุด การก�าหนด/วิเคราะห์ปญั หา (Analysis the problem) การออกแบบโปรแกรม (Design a program) 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ การเขียนโปรแกรม (Coding) เรยี นรทู ่ี 2 การออกแบบและการเขยี นโปรแกรม การทดสอบโปรแกรม (Testing) เบือ้ งตน ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชในการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชเ้ ขยี นภาษาโปรแกรมเพอ่ื สรา้ งโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ขนั้ ประเมนิ น้นั สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ดงั น้ี กลุ่มท ี่ 1 โปรแกรม Editor เป็นซอฟต์แวร์ท่ีมุ่งเน้นการพิมพ์ ตารางการวดั และประเมนิ ผล ขอ้ ความหรือการเขยี นชดุ ค�าส่ังภาษาโปรแกรมเปน็ หลัก กล่มุ ที่ 2 โปรแกรม IDE Editor เป็นซอฟต์แวร์ที่รวมเครื่องมืออ�านวยความสะดวก วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก ารประเมนิ ตา่ ง ๆ ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ เช่น เคร่อื งมือช่วยออกแบบหนา้ จอ เปน็ ต้น การเขยี นโปรแกรมอลั กอรทิ มึ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 อลั กอรทิ มึ (algorithm) คอื กระบวนการในการทา� งานทใี่ ชก้ ารตดั สนิ ใจดว้ ยหลกั เหตผุ ลและ หลงั เรยี น หลังเรยี น ผานเกณฑ คณติ ศาสตร ์ เปน็ ตวั ชว่ ยในการเลือกวธิ กี าร หรอื ขั้นตอนการดา� เนนิ งานถึงขน้ั ตอนสดุ ทา้ ย เป็นวิธี การทใ่ี ชแ้ ยกยอ่ ยและเรยี งลา� ดบั ขน้ั ตอนของกระบวนการในการทา� งานตา่ ง ๆ เพอื่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ ประเมิน แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ในการคน้ หาและแกไ้ ขปญั หา โดยอลั กอรทิ มึ เปน็ กระบวนการแกป้ ญั หาทส่ี ามารถเขา้ ใจได ้ มลี า� ดบั การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ หรือวิธกี ารในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและชัดเจน ผลงาน ผลงาน 54 สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ รายบุคคล สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 การทาํ งานกลุม พฤตกิ รรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน 1. ใหนกั เรยี นแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 3-4 คน รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั เขยี นแผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง การออกแบบและ ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา การเขียนโปรแกรมเบื้องตน ลงในกระดาษที่ครูแจกให พรอม ทายแผนการจัดการเรียนรทู ่ี 3 หนว ยการเรยี นรูท่ี 2 ตกแตงใหสวยงาม 3. นําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 4. ครูและนกั เรียนรว มกนั สรปุ ความรทู ีไ่ ดจากการทาํ กจิ กรรมนี้ คาชี้แจง:ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาชแี้ จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับท่ี ชอื่ –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม 32  32 ของนกั เรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอื่น ตามทไี่ ด้รบั สว่ นร่วมใน 15    1 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน   ผลงานกลุม่ 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา   1 การแสดงความคดิ เห็น   2 ความคิดสรา้ งสรรค์  2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ืน่  321321321321321 3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมาย   4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมีนาใจ  5 การตรงต่อเวลา  5 การตรงต่อเวลา    รวม รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T58

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แนวตอบ Self Check Self Check 1. ถกู 2. ผดิ ให้นักเรียนตรวจสอบควำมเข้ำใจ โดยพิจำรณำข้อควำมว่ำถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผิด หำกพิจำรณำข้อควำมไมถ่ ูกตอ้ ง ใหก้ ลับไปทบทวนเนือ้ หำตำมหวั ขอ้ ท่กี �ำหนดให้ 4. ถูก 5. ถกู ถกู /ผิด ทบทวนหวั ข้อ 1.ช ุดค�าส่งั ทีส่ ่งั ให้คอมพิวเตอร์ทา� งานตรงตามความต้องการ  เรยี กวา่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 1 2. กหาลรักกก�าาหรนเขดียตนัวแโปปรรแกการรมอปอรกะแกบอบบโไปปรดแ้วกยรมกกาารรวเิเขคยี รนาะโปหร์ปแัญกหรมา 1.1 และการแก้ไขโปรแกรม 3.โปรแกรมEditorเปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ร่ี วมเครอ่ื งอา� นวยความสะดวก ับน ึทกลงในส ุมด 2 ต่างๆในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 4.โปรแกรมภาษาCถอื เป็นซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม 2 เฉลย Unit Question อย่างหนึง่ 5.จเขาียกอนลัโปกอรแรทิกมึรรมปู คแอบมบพติวา่ เงตๆอใรห์จเ้ าปกน็ อกัลากรเอขรยี ิทนึมชดุ คคา�ือสงั่ กดาว้ รยแภปาษลาง 3 1. การเขียนโปรแกรม คือ การเขียนชุดคาํ สั่งดวย คอมพิวเตอร์ โปรแกรมที่สั่งใหคอมพิวเตอรสามารถทํางาน ไดตรงตามความตองการ และสามารถทํางาน Unit Question 2 ไดอยางถูกตอง ซึ่งเปนการกําหนดขั้นตอนให คอมพิวเตอรทํางานตามลําดับและรูปแบบที่ คำ� ชแ้ี จง : ให้นกั เรียนตอบคำ� ถำมตอ่ ไปนี้ กาํ หนดไว โดยหลกั การเขียนโปรแกรม ผเู ขยี น 1 การเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นคอื อะไรและมีหลกั การในการเขียนโปรแกรมอยา่ งไร จะตองเลอื กใชโปรแกรมภาษาทเี่ หมาะสม โดย 2 ก ารออกแบบโปรแกรมมกี ี่ลกั ษณะและแต่ละลกั ษณะแตกต่างกันอยา่ งไร ตอ งเขา ใจโครงสรา งและไวยากรณข องภาษานน้ั 3 ซ อฟต์แวร์ทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรมมีอะไรบา้ งและแตล่ ะชนดิ มีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร ซง่ึ หลกั การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ บอ้ื งตน 4 จงออกแบบอลั กอรทิ มึ และรหสั จ�าลองของการค�านวณหาพื้นท่ีวงกลมทั้งนี้ ใหร้ ับค่ารศั มี มขี น้ั ตอน ดงั น้ี การกาํ หนดและวเิ คราะหป ญ หา การออกแบบโปรแกรม การเขยี นโปรแกรม และ และแสดงผลลัพธ์ท่ไี ด้ทางเครอื่ งพมิ พ์ การทดสอบโปรแกรม 5 ก ารเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอริทึมคืออะไร และมีวิธีการเขียนอย่างไรบ้าง 2. การออกแบบโปรแกรมมี 2 ลกั ษณะ คอื การออก จงอธบิ าย แบบอัลกอรทิ ึม เปนการออกแบบลาํ ดับขน้ั ตอน การทํางานกอนและหลังของโปรแกรม และ 55 การออกแบบสวนติดตอผูใช เปนการออกแบบ หนาจอการทํางานของโปรแกรมคอมพิวเตอร จะตองออกแบบใหใชงานงาย สะดวก และไม ซับซอ น 3. ซอฟตแ วรท ใ่ี ชใ นการเขียนโปรแกรม เชน โปรแกรม Turbo C++ ใชเขยี นชดุ คําสัง่ ภาษา C เบอ้ื งตน ซ่งึ ภาษา C เปน การเขียนโปรแกรมพื้นฐานท่ีสามารถ ประยุกตใชก ับงานตา ง ๆ ไดม ากมาย โปรแกรม Scratch ใชเ ขียนชุดคาํ สั่งภาษา Scratch เปน โปรแกรมภาษาทผี่ เู รยี นสามารถสรางช้นิ งานไดอ ยางงาย โปรแกรม Python IDLE ใชเ ขียนชุดคําสั่งภาษา Python โปรแกรม NetBeans IDE ใชเขยี นชุดคําส่งั ภาษา Java 4. ออกแบบอัลกอริทึมและรหัสจําลองของการคาํ นวณหาพ้นื ทวี่ งกลม ภาษาธรรมชาติ รหสั จําลอง 1. เร่ิมตนการทํางาน 1. START 2. นําเขาขอ มูล r (รศั มีของวงกลม) 2. INPUT r 3. ประมวลผล area =3.14×(r×r) 3. area =3.14×(r×r) 4. พิมพคา area (พื้นทข่ี องวงกลม) 4. Print area 5. จบการทาํ งาน 5. STOP 5. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรจากอัลกอริทึมเปนการแปลงจากอัลกอริทึมรูปแบบตางๆ ใหเปนการเขียนชุดคําส่ังดวยภาษาคอมพิวเตอรและมีวิธีการ เขียน ดงั น้ี วิเคราะหปญ หา ออกแบบโปรแกรม และเขียนโปรแกรม T59

Chapter Overview แผนการจัด ส่ือท่ีใช จ�ดประสงค วธ� �สอน ประเมิน ทักษะที่ได คณุ ลักษณะ การเรย� นรู อนั พึงประสงค แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบกอนเรียน 1. นกั เรียนเขา ใจและบอก - บทบาท - แบบประเมนิ - ทกั ษะการคิดอยาง - มวี ินยั นกั สาํ รวจรนุ - หนังสือเรียนรายวชิ า ลักษณะของขอมูลปฐมภมู ิ สมมติ การนําเสนอผลงาน มวี ิจารณญาณ - ใฝเรยี นรู เยาว พน้ื ฐาน เทคโนโลยี ได (K) - สงั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการทํางาน - มุงมั่นใน (วทิ ยาการคํานวณ) ม.1 2. นักเรียนสามารถเก็บ การทาํ งานรายบคุ คล รว มกัน 6 - แบบฝกหดั รายวชิ า รวบรวมขอมลู ปฐมภูมิ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการสือ่ สาร การทํางาน พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ประมวลผลและนาํ เสนอ การทํางานกลุม - ทักษะความคิด ชั่วโมง (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.1 ขอมลู ในรูปแบบของ - สังเกตคณุ ลกั ษณะ สรางสรรค - มวี ินัย สารสนเทศได (P) อนั พึงประสงค - ใฝเ รยี นรู แผนฯ ที่ 2 3. นกั เรียนยกตวั อยา งการใช - มุงมนั่ ใน เสนทางของ ขอ มูลปฐมภมู ใิ นชวี ติ การทํางาน นักสํารวจ ประจาํ วันอยางสรา งสรรค ได (A) 4 - หนังสอื เรยี นรายวชิ า 1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย - แบบเกม - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการคดิ อยาง ชัว่ โมง พื้นฐาน เทคโนโลยี ลกั ษณะของขอมลู ทตุ ยิ ภมู ิ หลังเรียน มีวิจารณญาณ (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.1 และสารสนเทศได (K) - แบบประเมนิ - ทกั ษะการทํางาน - แบบฝกหัดรายวิชา 2. นกั เรียนสามารถใช การนําเสนอผลงาน รว มกนั พื้นฐาน เทคโนโลยี อินเทอรเ น็ตในการสืบคน - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการสื่อสาร (วิทยาการคํานวณ) ม.1 ขอมูล ประมวลผล และ การทํางานรายบคุ คล - ทกั ษะความคดิ - แบบทดสอบหลังเรยี น นาํ เสนอขอ มูลได (P) - สงั เกตพฤติกรรม สรา งสรรค 3. นักเรียนยกตัวอยา งการใช การทํางานกลมุ ขอ มลู สารสนเทศ ซอฟตแ วร - สังเกตคณุ ลกั ษณะ หรอื อนิ เทอรเ นต็ ทเ่ี กดิ อนั พงึ ประสงค ประโยชนใ นชวี ิตประจําวนั (A) T60

Chapter Concept Overview ขอ มลู กับสารสนเทศ ขอมูล คอื ขอเท็จจริงหรอื เหตุการณท เี่ ก่ียวขอ งกับส่ิงตาง ๆ เปน ไดทัง้ ตวั เลข ขอ ความ ภาพ และเสยี ง โดยอาจหมายถงึ คน สัตว สิ่งของ หรอื เหตุการณตาง ๆ ซึ่งเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การสัมภาษณ แบบสอบถาม และมกี ารเกบ็ รวบรวมไว และสามารถเรียก ขอ มูลเหลา น้ันมาใชใหเ กดิ ประโยชนไดในภายหลัง ตัวอยา งของขอ มลู เชน คะแนนสอบ ชอื่ เพศ อายุ สารสนเทศ คือ การนําขอ มลู มาผา นระบบการประมวลผล คาํ นวณ วิเคราะห และแปลความหมายออกมาเปน ขอ ความท่สี ามารถนาํ ไปใชประโยชนในดานตาง ๆ ไดมากมาย ทําใหคําวาสารสนเทศมีความหมายที่กวางและหลากหลาย ท้ังความหมายในเชิงเทคนิคและ ความหมายของสารสนเทศในชวี ิตประจําวัน เชน สารสนเทศท่เี ปน ความรูจากเครอื ขายคอมพวิ เตอร จากโทรศัพทมอื ถือ สารสนเทศระบบ ส่ือสารโทรคมนาคมสมัยใหม เชน ฝาก-ถอนเงนิ ผานใชตูเอทเี อม็ การจองตว๋ั เครื่องบนิ การประมวลผลขอ มูลสารสนเทศ การประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศเปน การทาํ ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศทจ่ี ะเปน ประโยชนต อ การใชง าน จาํ เปน ตอ งอาศยั เทคโนโลยี เขามาชวยในการดาํ เนินการ เรมิ่ ตง้ั แตก ารรวบรวม การตรวจสอบ การดําเนินการประมวลผลขอ มูลใหกลายเปนสารสนเทศ และการดแู ล รกั ษาสารสนเทศเพอ่ื การใชง าน ซง่ึ การประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศเปน การกระทาํ ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรก บั ขอ มลู เชน การรวบรวม ขอ มูลเปนแฟมขอ มลู การคาํ นวณ การเปรียบเทียบ การเรยี งลาํ ดบั การจดั กลุมขอมลู การทาํ รายงาน INPUT PROCESS OUTPUT ขอ มูลเขา การประมวลผล ขอ มูลออก ขอมูลนักเรียนแตล ะคน คอมพิวเตอรประมวลผลโดย สารสนเทศ กราฟแสดงผลการ เชน ชอ่ื ผลการเรยี น การเรยี งขอมลู และการจัดกลมุ เรยี นของนกั เรยี นระดบั ตา ง ๆ ขอมลู ซอฟตแวรแ ละการเลอื กใชงาน ซอฟตแ วร คอื ชดุ คาํ สง่ั หรอื โปรแกรมทใ่ี ชส งั่ เครอื่ งคอมพวิ เตอรใ หท าํ งานไดต รงตามความตอ งการและถกู ตอ ง รวมถงึ การควบคมุ การ ทาํ งานของอุปกรณตา ง ๆ ซ่ึงซอฟตแ วรเ ปนสิง่ ทจ่ี บั ตองไมได แตส ามารถรับรกู ารทํางานได สามารถแบงซอฟตแวรไ ดเปน 2 ประเภท ดังนี้ 1. ซอฟตแวรระบบ คือ ซอฟตแวรท่ีถูกสรางขึ้นเพ่ือใชบริหารจัดการระบบ การจัดสรรทรัพยากร และดําเนินงานพ้ืนฐานตาง ๆ ในระบบ เชน การจัดสรรหนวยประมวลผลกลาง การจัดสรรหนวยความจําตาง ๆ การจัดการขอมูลในแฟมขอมูลบนหนวยความจํารอง การรบั ขอ มลู จากแผงแปน อกั ขระแลว แปลความหมายใหคอมพวิ เตอรเขาใจ 2. ซอฟตแวรประยกุ ต คือ ซอฟตแวรท ่ใี ชงานดานตาง ๆ ตามความตอ งการของผูใ ช สามารถนาํ มาใชประโยชนไ ดโ ดยตรง ปจ จุบนั มีผูพัฒนาซอฟตแวรใชงานทางดานตาง ๆ ออกมาจําหนายเปนจํานวนมาก การประยุกตงานคอมพิวเตอรจึงกวางขวางและแพรหลาย อาจแบงซอฟตแวรประยกุ ตอ อกเปน 2 กลมุ คอื ซอฟตแวรส าํ เรจ็ และซอฟตแวรท พ่ี ฒั นาข้นึ ใชเฉพาะงาน T61

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 3 การจดั การหนว ยการเรยี นรทู ี่ ขอ มลู สารสนเทศ 1. ครูใหนักเรียนภายในชั้นเรียนทําแบบทดสอบ กอ นเรยี น เร่อื ง การจดั การขอมลู สารสนเทศ เพื่อเปนการทบทวนความรูและวัดพื้นฐาน ความรกู อนท่จี ะเรม่ิ เรียนเนอ้ื หาใหม 2. ครูกลาวใหนักเรียนฟงวา การจัดการขอมูล สารสนเทศในปจจุบัน อินเทอรเน็ตนับเปน เครือขายสื่อสารท่ีสําคัญมากและครอบคลุม ท่ัวโลก อีกทั้งเปนแหลงขอมูลท่ีทุกคนเขาถึง ตลอดเวลา ใชจ ดั เกบ็ และรวบรวมขอ มลู ไดเ ปน จาํ นวนมาก จากนั้นครูถามคาํ ถามนกั เรียนวา นักเรียนมีวิธีการเก็บขอมูลสวนตัวของเพื่อน รว มชนั้ เรยี นอยา งไรใหไ ดข อ มลู ตามทต่ี อ งการ และสมุ นักเรยี น 2-3 คน ตอบคําถามนี้ การจดั การขอ มลู สารสนเทศในปจ จบุ นั นน้ั อนิ เทอรเ นต็ นบั เปน เครอื ขา ยสอื่ สารทสี่ าํ คญั มากและครอบคลมุ ทวั่ โลก อกี ทั้งเปนแหลง ขอมลู ทที่ กุ คนเขาถึงตลอดเวลา ใชจ ดั เกบ็ และรวบรวมขอ มลู ไดจํานวนมาก ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภูม ิ ประมวลผล ประเมินผล นา� เสนอขอ้ มูลและสารสนเทศตามวตั ถปุ ระสงค์โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรือบรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ตทห่ี ลากหลาย เกร็ดแนะครู ในการจดั การเรียนการสอน เรื่อง การจดั การขอ มลู สารสนเทศ ครูควรยก ตัวอยางเทคโนโลยีใหมๆ ท่ีเขามามีบทบาทในการจัดการขอมูลสารสนเทศ และชว ยตอบสนองตอ ความตอ งการของมนษุ ยใ หม คี วามสะดวกสบายมากยงิ่ ขนึ้ ท้งั นี้ เพ่ือใหน ักเรยี นไดตระหนักถึงความสําคญั และประโยชนข องเทคโนโลยีใน การจัดการขอ มูลสารสนเทศทพ่ี บในชวี ติ ประจําวัน T62

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขอ มลู กบั สารสนเทศแตกตา ง 1 ขอ มูลกบั สารสนเทศ ขน้ั นาํ กนั อยา งไร มนุษยใหความสนใจกับขอมูลและสารสนเทศ 3. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน มาต้ังแตอดีต มีการเผยแพรขอมูลและสารสนเทศหลาก วา ขอมูลกับสารสนเทศแตกตางกันอยางไร หลายรูปแบบต้ังแตหนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ซ่ึงในปจจุบันอินเทอรเน็ตนับเปน จากนั้นใหนักเรยี นชวยกนั ตอบคาํ ถาม เครอื ขา ยของการสอื่ สารทค่ี รอบคลมุ ทวั่ โลก มกี ารแลกเปลย่ี นขอ มลู สารสนเทศทสี่ ะดวก รวดเร็ว เปนแหลงขอมูลทท่ี กุ คนเขา ถงึ ไดตลอดเวลา สามารถตอบสนองความตองการ ขนั้ สอน ของมนุษยในการใชขอ มูลและสารสนเทศเพ่อื การตัดสนิ ใจท้ังในเรือ่ งเลก็ และเรือ่ งใหญ 1. ครูใหความรูเก่ียวกับขอมูลวาเปนขอเท็จจริง ขอมูล (data) คือ ขอเท็จจริง หรือเหตุการณที่เกี่ยวของกับสิ่งตาง ๆ เปนไดท้ังตัวเลข หรือเหตุการณท่ีเก่ียวของกับสิ่งตางๆ เปนได ขอความ ภาพ และเสียง โดยอาจหมายถงึ คน สตั ว สง่ิ ของ หรอื เหตกุ ารณตาง ๆ ซึง่ เกดิ จากการ ท้ังตัวเลข ขอ ความ ภาพ และเสียง โดยอาจ สังเกต การจดบนั ทึก การสัมภาษณ แบบสอบถาม และมีการเก็บรวบรวมไว และสามารถเรยี ก หมายถงึ คน สตั ว สงิ่ ของ หรอื เหตกุ ารณต า งๆ ขอมูลเหลาน้นั มาใชใ หเ กดิ ประโยชนไดใ นภายหลงั ตวั อยา งของขอมูล เชน คะแนนสอบ ชื่อ เพศ ซ่ึงเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การ อายุ เปน ตน สมั ภาษณ แบบสอบถาม และมกี ารเกบ็ รวบรวม ไว และสามารถเรียกขอมูลเหลานั้นมาใชให 1.1 ประเภทของขอมูล เกิดประโยชนไดในภายหลัง 1. ขอมูลปฐมภูมิ (primary data) คือ ขอมูลที่เก็บรวบรวมมาจากแหลงขอมูลท่ีไดมา 2. ครูถามคําถามกับนักเรียนภายในช้ันเรียนวา จากแหลงขอมูลโดยตรง เชน ขอมูลนักเรียนท่ีไดมาจากการตอบแบบสอบถาม การสํารวจ การ ขอ มูลแบงออกเปน กีป่ ระเภท แตล ะประเภทมี สมั ภาษณ การวดั การสังเกต การทดลอง ขอ มูลสินคา ท่ไี ดจากการใชเครอ่ื งอานบารโ คด ขอ มูล ความแตกตางกันอยางไร จากน้ันใหนักเรียน บตั รเอทเี อม็ ทไี่ ดจ ากเครอื่ งอา นแถบแมเ หลก็ ขอ มลู ทไี่ ดจ ะมคี วามถกู ตอ ง ทนั สมยั และเปน ปจ จบุ นั ชวยกนั หาคาํ ตอบ 2. ขอมูลทุติยภูมิ (secondary data) คือ ขอมูลท่ีไดจากแหลงที่รวบรวมขอมูลไวแลว โดยมีผหู น่ึงผใู ด หรอื หนว ยงานไดทําการเกบ็ รวบรวมหรอื เรียบเรยี งไว ซึ่งขอ มลู เหลานน้ั สามารถ แนวตอบ คําถามสําคญั ประจาํ หัวขอ นาํ มาใชอ างองิ ไดเ ลย เชน ขอ มูลจากระเบียนสะสม รายงานประจําป สารานกุ รม และเอกสาร ขอ มลู คอื ขอ เท็จจริงหรือเหตกุ ารณท ี่เก่ียวขอ งกบั เผยแพร เปน ตน Com Sci ส่ิงตางๆ ซ่ึงเกิดจากการสังเกต การจดบันทึก การ Focus à·¤¹¤Ô ¡ÒÃÊÑÁÀÒɳà¾è×Íà¡çº¢ŒÍÁÙÅ สัมภาษณ แบบสอบถาม หรือการเก็บรวบรวมไว เชน ชื่อ เพศ คะแนนสอบ อายุ สว นสารสนเทศ คือ การนาํ 1. การตงั้ คาํ ถามตอ งมคี วามชดั เจน เขา ใจงา ย ซงึ่ ควรทดลองใชแ บบสอบถามกอ นนาํ ไปใชจ รงิ ขอ มลู เหลา นนั้ ผา นการประมวลผล วเิ คราะห แปลความ 2. วางแผนการเดินทางและกาํ หนดเวลาเดนิ ทางไปพบผใู หขอ มลู ลว งหนา หมายเพอ่ื ใหไ ดข อ มลู ท่สี ามารถนาํ ไปใชป ระโยชนไ ด 3. ผูสัมภาษณตองแนะนําตนเองและเกริ่นความเปนมาของการสัมภาษณใหผูถูกสัมภาษณ เขา ใจกอ น 4. อานคําถามอยา งชัดเจน ไมต ะกกุ ตะกกั แสดงอาการยอมรบั เชน การพูดครับ/คะ เพ่อื แสดงความเขา ใจตอ ขอ มลู ทไ่ี ดร บั ทกุ ครงั้ และตอ งสอบถามเพมิ่ เตมิ ในกรณที ผ่ี ตู อบคาํ ถาม ตอบไมช ัดเจน 57 ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม ขอ มลู ปฐมภมู ิสงผลอยางไรตอ การนาํ ไปใชง าน ขอ มลู สามารถจาํ แนกตามลกั ษณะของขอ มลู ได 2 ประเภท คอื 1. มีความนาเช่ือถือสงู 1. ขอ มลู เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Data) คอื ขอ มลู ทไี่ มส ามารถวดั ออกมา 2. ผานการประมวลผลขั้นสูง เปน คา ตวั เลขได แตส ามารถบอกไดว า ดหี รอื ไมด ี บอกลกั ษณะความเปน กลมุ ของ 3. มีรปู แบบการนําเสนอนา สนใจ ขอ มลู ได เชน เพศ ศาสนา สผี ม คณุ ภาพสนิ คา ความพงึ พอใจ 4. ใชเ วลาอยา งจํากัดในการเก็บรวบรวมขอมูล 2. ขอ มลู เชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Data) คอื ขอ มลู ทว่ี ดั คา ได แสดงเปน ตวั เลข ปรมิ าณ อาจมคี า ไมต อ เนอื่ ง คอื คา จาํ นวนเตม็ หรอื จาํ นวนนบั เชน จาํ นวน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ มลู ปฐมภมู เิ ปน ขอ มลู ทไี่ ดม าจากแหลง ขอ มลู นกั เรยี น จาํ นวนรถยนต หรอื มคี า ตอ เนอ่ื ง คอื คา ทมี่ จี ดุ ทศนยิ มได เชน สว นสงู โดยตรง ทําใหขอ มูลทีไ่ ดม คี วามนา เชอ่ื ถือ ดังน้ัน ตอบขอ 1.) นาํ้ หนกั อายุ รายได T63

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 1.2  การรวบรวมขอ้ มูล (data compilation) 3. ครูต้ังคําถามกับนักเรียนวา ถาตองการ เป็นการนา� เอาขอ้ มูลต่าง ๆ ท่ีผอู้ ่นื ไดเ้ ก็บไว้แลว้ หรอื รายงานไว้ในเอกสารต่าง ๆ มาศึกษา รวบรวมขอมูลจํานวนคนท่ีเขาไปใชงานใน วเิ คราะหต์ ่อ โดยแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั น ี้ หองสมุดของโรงเรียนในแตละวัน นักเรียน 1. วธิ เี กบ็ รวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ จะมีวิธีการรวบรวมขอมูลน้ีอยางไร จากน้ัน 1) วิธีการสังเกตการณ์ (observation) ครขู ออาสาสมคั รตอบคาํ ถามน้ี เป็นวิธีเก็บข้อมูลการสังเกตโดยตรงจากปฏิกิริยา ทา่ ทาง เหตกุ ารณ์ หรอื ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะ 4. ครูอธิบายวิธีเก็บรวบรวมขอมูลปฐมภูมิวา ใดขณะหน่ึง และจดบันทึกไว้โดยไม่มีการสัมภาษณ์ มีหลายวิธี เชน วิธีการสงั เกตการณ วิธกี าร วธิ นี ใี้ ช้กนั อย่างกวา้ งขวางในการวจิ ยั เช่น จะศึกษา สมั ภาษณ และวธิ กี ารทดลอง จากนนั้ ครถู าม ดปู ฏกิ ริ ยิ าของผขู้ บั รถยนตบ์ นทอ้ งถนนภายใตส้ ภาพ คาํ ถามวา วิธีการเก็บรวบรวมขอมลู โดยการ การจราจรที่แตกต่างกัน กอ็ าจจะสง่ เจา้ หนา้ ท่ีไปยนื ภาพท่ี 3.1 การสงั เกตการณ์ เปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของยารกั ษาโรคตดิ สงั เกตการณ์ได้ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) เปนวธิ ี การเก็บขอ มลู ปฐมภมู ิในรปู แบบใด 2) วิธีการสัมภาษณ์ (interview) เป็นวิธีการท่ีส่ง เจา้ หนา้ ทหี่ รอื พนกั งานออกไปสมั ภาษณผ์ ใู้ หค้ า� ตอบ และบนั ทกึ 1 คา� ตอบลงในแบบสอบถาม วธิ นี นี้ ยิ มใชก้ นั มากในการทา� สา� มะโน และสา� รวจ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ กบั สภาพการณ์ของประเทศไทย เป็นวิธีการที่จะท�าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด พนักงานสัมภาษณ์ สามารถชี้แจงหรืออธิบายให้ผู้ตอบเข้าใจในค�าถามได้ ท�าให้ได้ รับคา� ตอบตรงตามวตั ถุประสงค์ ภาพที่ 3.2 การสมั ภาษณ์ 3) การทดลอง (experiment) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากการทดลอง เปน็ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทตี่ อ้ งมกี ารทดลองหรอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทตี่ อ้ งการ ส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ของยาแก้ปวดหลาย ๆ ชนิด ข้อมูล ทเ่ี กบ็ รวบรวมไดจ้ ากการทดลองจะมคี วาม ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ถ้าไม่เกิดความ คลาดเคล่ือนจากการวัดหรือการวางแผน การทดลอง การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เปน็ ทกั ษะพน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ให้ เกดิ ความสามารถในการปฏบิ ตั ิ และฝกึ ฝน กระบวนการแสวงหาความรู้ ภาพท่ี 3.3 การทดลอง 58 เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย ครคู วรอธบิ ายกบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั วธิ กี ารรวบรวมขอ มลู ปฐมภมู แิ ตล ะวธิ ี ไมว า ครูมอบหมายใหนักเรียนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ จะเปน วธิ กี ารสงั เกต วธิ กี ารสาํ รวจ วธิ กี ารสอบถาม หรอื วธิ กี ารสมั ภาษณ เพราะ 1 หัวขอ จากนั้นใหนักเรียนใชวิธีการเก็บรวบรวมขอมูลตางๆ จะทําใหไดขอมูลท่ีแตกตางกัน เพื่อประสิทธิภาพท่ีดีของขอมูลจึงควรเลือก พรอ มถา ยทอดขอ มลู ออกมาใหม คี วามนา สนใจในรปู แบบของภาพ วธิ กี ารรวบรวมขอ มลู ทตี่ อบสนองตอ การเกบ็ รวบรวมมากทส่ี ดุ เชน บอลตอ งการทาํ Infographic จํานวน 1 หนา โดยครูคอยใหคําแนะนํานักเรียน รายงานเกย่ี วกบั อาชพี ภายในชมุ ชน ดงั นนั้ บอลจะตอ งเลอื กวธิ กี ารรวบรวมขอ มลู อยางใกลช ดิ และสุมนักเรียนออกมานาํ เสนอบริเวณหนาชัน้ เรยี น โดยการสาํ รวจชมุ ชนจงึ จะเหมาะสมทส่ี ดุ นักเรียนควรรู 1 สํามะโน คือ การเก็บรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับประชากร การเกษตร อุตสาหกรรมธุรกิจ และการอ่ืนๆ เพือ่ ใชป ระโยชนใ นทางสถติ ิ โดยการแจงนับ จากทุกหนวยเกี่ยวกบั เรือ่ งน้ันๆ T64

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. วธิ เี ก็บรวบรวมขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ ซึง่ สว่ นใหญ่มกั จะอยูใ่ นหนังสอื รายงาน บทความ หรือ ขน้ั สอน เอกสารตา่ ง ๆ ควรดา� เนนิ การดงั ต่อไปนี ้ 1) พจิ ารณาตวั บคุ คลผเู้ ขยี นรายงาน บทความ หรอื เอกสารเหลา่ นนั้ วา่ เปน็ ผมู้ คี วามรู้ 5. ครูอธิบายวิธีการเก็บขอมูลทุติยภูมิวา สวน และมคี วามเชยี่ วชาญในเรือ่ งทเี่ ขยี นมคี วามน่าเชอ่ื ถอื การเขียนจา� เป็นต้องอาศยั เหตผุ ลและหลกั ใหญวิธีการเก็บขอมูลนี้มักจะอยูในหนังสือ วชิ าการซึ่งข้อมลู ทจ่ี ะน�ามาใช้นนั้ รวบรวมมาจากรายงาน บทความ หรือเอกสารตา่ ง ๆ และควรใช้ รายงาน เอกสารตา งๆ ซงึ่ ควรดาํ เนนิ การ ดงั น้ี ข้อมูลทผ่ี ู้เขยี นเกบ็ รวบรวมมาโดยตรง เชน่ ข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากการสา� รวจหรอื ส�ามะโน เป็นตน้ 1) พจิ ารณาตวั บคุ คลผเู ขยี นรายงาน บทความ 2) ควรเกบ็ รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหลง่ เพอื่ ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บวา่ ขอ้ มลู ทตี่ อ้ งการ วา เปนผูมีความเชยี่ วชาญในเรือ่ งที่เขยี น มคี วามผดิ พลาดหรอื ไม่ นอกจากน้ี ผเู้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู ควรใชค้ วามรแู้ ละความชา� นาญมาพจิ ารณา 2) ควรเก็บรวบรวมขอมูลมาจากหลายแหลง ข้อมูล เพือ่ ให้ไดข้ ้อมลู ท่ถี กู ต้อง ครบถว้ น และสมบรู ณ์ เพื่อใชในการเปรียบเทียบวาขอมูลที่ สมบรู ณ ์ ซง่ึ 3ข)อ้ มพลู จิ ทาไ่ี รดณจ้ าาจกาทกะลเบกั ยีษนณหะรขอื อขงอ้ขมอ้ ลูมทลู เ่ีทปเี่ น็กคบ็ วราวมบครวดิ มเหวน็า่ เหปรน็ อื ขเจอ้ ตมคลู ต1ทสิ ถี่ ว่ กู นตใอ้หงญคม่ รกั บจถะว้มนคี วแาลมะ ตองการมีความผดิ พลาดหรอื ไม ถกู ตอ้ งเชอ่ื ถอื ไดส้ งู แตถ่ า้ เปน็ ขอ้ มลู ประเภทความลบั หรอื ขอ้ มลู ทผ่ี ตู้ อบอาจตอ้ งเสยี ประโยชนจ์ าก 3) พิจารณาลักษณะของขอมูลวามีความ การตอบ ส่วนใหญ่มักจะมคี วามถูกตอ้ งเชอ่ื ถือได้น้อย ถกู ตอง ครบถว น สมบรู ณห รอื ไม 4) ถา้ ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดม้ าจากการสา� รวจจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง หรอื ตอ้ งผา่ นขนั้ ตอน 4) ขอ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดต อ งมาจากการสาํ รวจ การวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติมาก่อน จะต้องตรวจสอบวิธีการท่ีใช้ในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง กลมุ ตวั อยา ง หรอื ผา นขน้ั ตอนการวเิ คราะห ขนาดกลุ่มตัวอย่าง และวิธกี ารวเิ คราะหว์ า่ เหมาะสมทีจ่ ะใช้หรือไม่ มาเรียบรอยแลว ภาพที่ 3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 59 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอมลู ทุติยภูมมิ ลี กั ษณะอยา งไร ครูอธิบายนักเรียนเก่ียวกับขอควรระวังในการเก็บรวบรวมขอมูลทุติยภูมิ 1. ตรงกบั ความตอ งการมากทสี่ ดุ ซึง่ สว นใหญมกั จะอยูในรูปแบบหนงั สอื รายงาน บทความ หรอื เอกสาร ดังน้นั 2. เปน ขอ มลู ท่ผี ูอ่ืนรวบรวมและบนั ทึกไว กอ นนาํ ขอ มลู ไปใชง าน นกั เรยี นควรตรวจสอบความทนั สมยั ของเนอื้ หาขอ มลู เพอ่ื 3. เปน การแบง ขอ มูลตามระบบคอมพิวเตอร ลดความคลาดเคลือ่ นของขอ มูล 4. รวบรวมขอมลู ไดจ ากแหลง ขอมลู นนั้ โดยตรงเทา นัน้ นักเรียนควรรู (วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอมูลทุติยภูมิเปนขอมูลที่ไดจากแหลงท่ี รวบรวมขอมูลไวแลว โดยมีผูหน่ึงผูใด หรือหนวยงานไดทําการ 1 เจตคติ คือ ความรูสึกนึกคิดทางดานจิตใจท่ีแสดงออกตอสิ่งใดส่ิงหน่ึง เก็บรวบรวมขอ มูลไวแลว ดงั นน้ั ตอบขอ 2.) ไมวาจะเปนบุคคล สัตว สิ่งของ หรือสถานการณตางๆ ซ่ึงอาจจะแสดงทาที ในทํานองทพ่ี ึงพอใจหรือไมพ ึงพอใจ อาจจะเหน็ ดว ยหรอื ไมเ ห็นดวยก็ได T65

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 3. การสบื คน้ ขอ้ มูลบนเว็บไซต์ (Search Engine) 6. ครูถามคําถามกระตุนความคิดกับนักเรียน เสริ ช์ เอนจิน (Search Engine) หรือโปรแกรมคน้ หาขอ้ มูล วา การสบื คน ขอ มลู บนเวบ็ ไซตม ลี กั ษณะการ คือ โปรแกรมท่ีออกแบบมาเป็นเครื่องมือส�าหรับใช้ค้นหา ทํางานอยางไร และสมุ นกั เรยี นตอบคําถาม ข้อมูล ซ่ึงโปรแกรมท่ีใช้ส�าหรับค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือเว็บไซต์ที่ใช้ส�าหรับค้นหาข้อมูลจะเรียกว่า เว็บเสิร์ช 7. ครอู ธบิ ายการสบื คน ขอ มลู บนเวบ็ ไซตว า เปน เอนจนิ (Web Search Engine) ส่วนใหญจ่ ะคน้ หาข้อมูล โปรแกรมคน หาขอ มลู ทอี่ อกแบบมาสาํ หรบั ใช โดยที่เราต้องกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือค�าค้นหา คน หาขอ มลู บนเวบ็ ไซต ซงึ่ สว นใหญจ ะคน หา ตา่ ง ๆ ลงไป ซง่ึ คา� เหลา่ นน้ั เราจะเรยี กวา่ คา� คน้ (Keyword) ภาพท่ี 3.5 เสริ ์ชเอนจนิ ขอมูลโดยการกรอกขอมูลที่ตองการคนหา หรอื คําคน หาลงไป หลักการทา� งานของ Search Engines การทา� งานของ Search engines บนเว็บไซต์ สามารถแบง่ ขนั้ ตอนการทา� งานออกเปน็ 3 ข้นั ตอน ดังนี้ 1แ.ล ้วใดชึง้โปขร้อแมกูลรเมหรลว่าบนรั้นวมมเาออกัปสเาดรต1เใวสบ็ ่ใ น(Sราpยidกeาr รหฐารนอื ขW้อมebูล Rสo่วbนoมt)า ทก า� หSpนiา้dทerส่ี า� มรวักจจเะวเบ็ขไ้าซไปต์ ต่าง ๆ อัปเดตข้อมูลเปน็ รายเดือน 2. จัดท�ารายการดรรชนี หรือฐานข้อมูล (Database) เป็นส่วนที่เก็บรายการเว็บไซต์ ฐานข้อมูลที่ดีควรจะมีขนาดใหญ่เพียงพอท่ีจะรองรับการเจริญเติบโตของเว็บไซต์ในปัจจุบัน การออกแบบฐานข้อมูลท่ีดีเป็นส่วนส�าคัญ เพราะถ้าฐานข้อมูลออกแบบมาท�างานช้า ก็จะท�าให้ การรอผลนน้ั นานเกนิ ไป และท�าใหไ้ ม่ไดร้ บั ความนยิ มในท่ีสดุ 3. โปรแกรมค้นหา (Search Engine) มีหน้าที่รับค�าหรือข้อความต่าง ๆ ตามท่ีผู้ใช้งาน ปอ้ นเขา้ มา เพอื่ ใชค้ น้ หาตามเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ ทจ่ี ดั เกบ็ ไวใ้ นฐานขอ้ มลู จากนนั้ จะรายงานผลเวบ็ ไซต์ ที่ค้นพบให้กับผู้ใช้ การสืบค้นด้วยวิธีน้ีนอกจากจะต้องมีระบบการสืบค้นข้อมูลท่ีรวดเร็วและมี ประสิทธิภาพแลว้ การกลนั่ กรองผลเพ่อื ให้ตรงกับความตอ้ งการของผู้ใชก้ ส็ �าคัญเช่นกนั ประโยชน์ของ Search Engines 1. ใชส้ บื คน้ ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสบื คน้ ไดอ้ ยา่ งสะดวก และง่ายดาย 2. มคี วามรวดเร็วและมปี ระสิทธิภาพสงู สามารถ ใชง้ านไดต้ ลอดเวลา ภาพท ่ี 3.6 ค้นหาข้อมูล 3. ให้ผลลัพธ์ทต่ี รงกบั ความตอ้ งการของผูส้ ืบคน้ ข้อมูล 4. รองรับการคน้ หาไดห้ ลายภาษา รวมทง้ั ภาษาไทย 60 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 อัปเดต คือ การเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขอมูลใหทันสมัยข้ึน โดยไม การสบื คนข้นั สูง (Advanced Search) มลี ักษณะอยางไร กระทบสว นใดสว นหนงึ่ เชน การอปั เดต Windows ผานทางออนไลน ซ่ึงไมได 1. การทราบถึงที่มาของการสบื คน ขอ มลู เปน การเปลีย่ นแปลงเวอรชนั หลักๆ ทใี่ ชอยใู นปจจบุ นั เพยี งแตป รับปรุงในสว น 2. การสืบคนขอ มลู ทีเ่ ฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทีไ่ มส มบรู ณใหกลบั มาใชงานอยางมีประสิทธภิ าพมากยิ่งขนึ้ 3. การคนหาขอเทจ็ จรงิ ในการสืบคนขอ มลู 4. การนําเทคโนโลยีใหมเขา มาใชงานในการสืบคน ขอมลู (แนวตอบ การสบื คน ขนั้ สงู (Advanced Search) เปน การสบื คน ทซี่ บั ซอ นและเฉพาะเจาะจง ทาํ ใหผ ใู ชง านไดข อ มลู ทตี่ รงกบั ความ ตอ งการมากทีส่ ดุ ดังนั้น ตอบขอ 2.) T66

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การสบื คน้ เวบ็ ไซต์ข้อมูลด้วย Search Engine จากเวบ็ ไซต ์ Google ขน้ั สอน ข้ันตอนการสืบค้นเวบ็ ไซตข์ ้อมลู ดว้ ย Search Engine จากเว็บไซต์ Google 1. เปิดเว็บไซต์ทีใ่ หบ้ ริการ http://www.google.co.th/ ขน้ึ มา 8. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาขน้ั ตอนการสบื คน เวบ็ ไซต ขอมูลดวย Search Engine จากเว็บไซต Google โดยใหนักเรียนทดลองสืบคนขอมูล ดว ยการใชค าํ คน หาวา เทคโนโลยี ตามหนงั สอื เรียน จากน้ันครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเก่ียว กับตนกําเนิดของคอมพิวเตอร นําขอมูลท่ี คน หาไดส รุปลงในโปรแกรม Microsoft Word และใสแหลงอางอิงท่ีมาของขอมูลเพ่ือใหเกิด ความนา เชือ่ ถอื ภาพที ่ 3.7 เว็ปไซต์ Google 2. พิมพ์ค�าคน้ (keyword) โดยพมิ พค์ า� ว่า เทคโนโลยี ที่ต้องการสืบคน้ ลงในชอ่ ง ภาพที่ 3.8 การพิมพ์คา� คน้ 3. กดทป่ี ุ่ม “คน้ หา” 4. ระบบจะทา� การค้นหาเว็บไซตท์ ่ตี รงกบั คา� คน้ (keyword) ที่ต้องการ และแสดงออกมา ในรูปแบบของลิงกข์ ้อมลู พร้อมค�าอธบิ ายประกอบ ภาพท ี่ 3.9 การแสดงผลการคน้ หา 61 ขอ สอบเนน การคิด ความรูเสริม การคนหาขอมูลบนอินเทอรเน็ตแตกตางจากการคนหาขอมูล วธิ กี ารคน หาจากเวบ็ ไซต Google ทนี่ า สนใจ ประกอบดว ย 6 วธิ ี ดงั น้ี ในหอ งสมดุ อยา งไร 1. เมอ่ื ตอ งการคน หาประโยคแบบเฉพาะเจาะจง ใหใ สค าํ ทต่ี อ งการคน หาลงใน เครอื่ งหมายคาํ พดู (“.....”) (วเิ คราะหค ําตอบ การคนหาขอมูลบนอินเทอรเน็ตทําใหเขาถึง 2. เมอื่ ไมต อ งการใหค าํ ทไ่ี มต อ งการแสดงขนึ้ มาดว ย ใหใ สเ ครอ่ื งหมายลบ (-) ขอมูลไดงายและไดขอมูลที่ตองการอยางรวดเร็ว เพราะ ลงในชอ งคน หา อินเทอรเน็ตเปนแหลงขอมูลท่ีเก็บรวบรวมขอมูลจากหลายแหลง 3. เมอื่ ตอ งการใหม คี าํ นปี้ ระกอบอยดู ว ยเสมอโดยจะอยตู รงไหนของประโยค ไวรวมกัน ดังน้ัน เมื่อตองการคนหาขอมูล การคนหาขอมูลจาก กไ็ ด ใหใ สเ ครอื่ งหมายบวก (+) ลงในชอ งคน หา อินเทอรเน็ตจะทําใหไดขอมูลในปริมาณที่เพียงพอตอความ 4. เมอ่ื ตอ งการคน หาคาํ ทใี่ กลเ คยี งกนั ใหใ สเ ครอ่ื งหมายคลนื่ นาํ้ (~) ตองการมากทีส่ ดุ ) 5. เมอ่ื ตอ งการหาขอ มลู ตามชว งเวลาใหใ สจ ดุ 2 จดุ เชน หนงั สอื ดปี  61..63 6. เมอื่ ตอ งการกาํ หนดไฟลท ต่ี อ งการสบื คน ใหใ สน ามสกลุ ไฟลต ามประเภท ตา งๆ ลงไปดว ย T67

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 1.3  สารสนเทศเบอ้ื งต้น CinoRmeaSlcLiife 9. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนความคิดวา การ สารสนเทศ (information) คือ การน�าข้อมูลมาผ่าน ในการท�างานด้วย ฝาก-ถอนเงินจากธนาคาร ระเบียนสะสม ระบบการประมวลผล คา� นวณ วิเคราะห์ และแปลความหมาย เครื่องคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ การจองโรงแรม คะแนนสอบวชิ าคอมพวิ เตอร ออกมาเป็นข้อความท่ีสามารถน�าไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จะมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีมี จากขอความที่กําหนดใหขางตน ขอใดเปน ได้มากมาย ท�าให้ค�าว่าสารสนเทศมีความหมายท่ีกว้างและ ประสิทธิภาพดีแล้วยังต้อง สารสนเทศ และขอใดเปนขอมูล พรอม หลากหลาย ท้ังความหมายในเชิงเทคนิคและความหมายของ มีชุดค�าส่ัง (software) ท่ีจะ อธิบายเหตุผลประกอบ สารสนเทศในชีวิตประจ�าวัน เช่น สารสนเทศท่ีเป็นความรู้จาก ควบคุมการท�างานของเครื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จากโทรศัพท์มือถือ สารสนเทศระบบ อกี ดว้ ย การทา� งานโดยวธิ กี าร 10. ครอู ธบิ ายคาํ วา สารสนเทศ ใหน กั เรยี นฟง วา ส่ือสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เช่น การฝาก การถอนเงินผ่าน จดั แฟม้ ซึ่งเรียกวิธนี ว้ี ่า ระบบ เปน การนาํ ขอ มลู มาผา นระบบการประมวลผล เครอื่ ง ATM การจองตั๋วเครอ่ื งบนิ เปน็ ต้น การจัดการกระท�าแฟ้มข้อมูล o_O คาํ นวณ วเิ คราะห และแปลความหมายออก มาเปนขอความที่สามารถนําไปใชประโยชน ระบบสารสนเทศ (Information System : IS) คือ ท้ังน้ี อาจใช้โปรแกรม ในดา นตา งๆ จากนน้ั ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ ระบบที่อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดการกับข้อมูลใน ส�าเร็จซึ่งท�าหน้าท่ีในการเก็บ เกยี่ วกบั ความสาํ คญั ของสารสนเทศทางดา น องค์กร เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ รวบรวมข้อมูลให้เป็นระเบียบ การศกึ ษา สงั คม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม ประกอบดว้ ย บคุ ลากร ฮารด์ แวร ์ ซอฟตแ์ วร ์ เครอื ขา่ ยการสอื่ สาร ง่ายต่อการใช้งาน และช่วย ใหน กั เรยี นฟง และทรัพยากรด้านข้อมูลส�าหรับจัดเก็บ รวบรวม ปรับเปลี่ยน ท�าให้ผู้ใช้ประมวลผลข้อมูล ต่าง ๆ ตามความต้องการได้ Com Sciและเผยแพร่สารสนเทศเพอ่ื การน�ามาใชป้ ระโยชน์ในองค์กร อยา่ งรวดเรว็ โปรแกรมเหลา่ นี้ จะใช้ระบบการจัดการฐาน Focus ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊÒÃʹà·È ขอ้ มลู หรอื ท่เี รียกวา่ ดบี เี อม็ เอส (Data Base Management System : DBMS) 1. ด า้ นการศกึ ษา การจดั การเรยี นการสอนในปจั จบุ นั มงุ่ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง โดยครู ผสู้ อนทา� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผแู้ นะนา� ชว่ ยเหลอื และกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ดว้ ยตนเอง 2. ด ้านสังคม สารสนเทศช่วยพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพส่วน บุคคลใหอ้ ยรู่ ว่ มกับผอู้ ื่นได้อยา่ งมีความสขุ อกี ท้งั ชว่ ยให้เกิดความคิดสร้างสรรค ์ เกิด การประดษิ ฐค์ ิดค้นเทคโนโลยใี หม ่ ๆ ทีน่ �ามาซึง่ ความสะดวกสบายในการดา� เนนิ ชีวติ 3. ด ้านเศรษฐกิจ สารสนเทศมีความส�าคัญในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจยุคใหม่ท่ีเรียกว่า เศรษฐกจิ บนฐานความร ู้ หนว่ ยงานหรอื ผปู้ ระกอบการธรุ กจิ ใหค้ วามสา� คญั กบั เรอ่ื งของ “การจัดการความรู้” เพอื่ รักษาองค์ความรูข้ ององค์กรไว้ 4. ด า้ นวฒั นธรรม สารสนเทศเป็นรากฐานท่ีจา� เป็นส�าหรบั ความก้าวหน้าของอารยธรรม สารสนเทศชว่ ยสบื ทอดคา่ นยิ ม ทัศนคต ิ ศลิ ปะ และวฒั นธรรมทเ่ี ป็นเอกลักษณอ์ นั ดี งามของชาติ กอ่ ให้เกิดความภาคภมู ิใจ ความสามคั ค ี และความมนั่ คงในชาติ 62 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย ครูทบทวนความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารสนเทศเบ้ืองตน พรอมยก ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ เกย่ี วกบั สารสนเทศที่ ตวั อยา งการนาํ ระบบสารสนเทศเขา มาใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั ในดา นตา งๆ พบในชวี ติ ประจาํ วนั จากนนั้ คดั เลอื กประเดน็ ทน่ี กั เรยี นสนใจขน้ึ มา ไมว า จะเปน ดา นการศกึ ษา ดา นสงั คม ดา นเศรษฐกจิ หรอื ดา นวฒั นธรรม เพอื่ ให 1 ประเด็น แลวรวบรวมขอมูลใหครบถวน พรอมนําเสนอตาม นกั เรยี นไดต ระหนกั ถงึ ความสาํ คญั และประโยชนข องสารสนเทศมากขน้ึ รูปแบบที่นักเรียนคิดวานาสนใจอยางอิสระ โดยครูคอยใหคํา แนะนาํ เพิ่มเติมตามความเหมาะสม T68

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1.4  ลกั ษณะของสารสนเทศทด่ี ี ขนั้ สอน การไดม้ าซงึ่ สารสนเทศทด่ี ี ถกู ตอ้ ง และเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ตามความตอ้ งการของ 11. ครอู ธบิ ายลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ใี หฟ ง วา ผู้ใชง้ านนัน้ ขอ้ มลู ท่นี า� มาเพ่อื ใหไ้ ด้สารสนเทศน้นั ควรมคี ณุ ลกั ษณะ ดังนี้ ควรมีลักษณะ ดังน้ี สารสนเทศควรมีความ 1. มีความถูกต้อง แม่นย�า (accuracy) สารสนเทศที่ดีจะต้องตรงกับความเป็นจริง และ ถกู ตอ ง แมน ยาํ และเชอื่ ถอื ได สารสนเทศทด่ี ี เชื่อถอื ได ้ สารสนเทศบางอยา่ งมีความสา� คญั หากไม่ตรงกบั ความเป็นจรงิ แลว้ อาจส่งผลให้เกิด ตอ งทนั ตอ การใชง าน มคี วามครบถว นสมบรู ณ ความเสียหายได้ สารสนเทศที่ถูกต้องแม่นย�าจะต้องเกิดจากการป้อนข้อมูล รวมถึงโปรแกรมที่ ของขอมูลน้ัน มีความสอดคลองกับความ ประมวลผลจะต้องถกู ต้อง ตอ งการของผใู ชง าน และจาํ เปน ตอ งสามารถ 2. ทันต่อเวลา (timeline) สารสนเทศท่ีดีต้องทันต่อการใชง้ าน กล่าวคือ ข้อมลู ท่ปี อ้ นให้ ตรวจสอบท่ีมาและความถูกตองได จากน้ัน กบั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ตอ้ งมคี วามเปน็ ปัจจุบันทนั สมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อการน�าไปใช้ประโยชน์ได้ ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามวา ระบบสารสนเทศคอื จรงิ ตัวอย่างเชน่ ข้อมลู หมายเลขโทรศัพทข์ องผปู้ กครองนักเรยี นจะตอ้ งมีการปรับปรงุ ใหท้ นั สมยั อะไร มลี กั ษณะการทาํ งานอยา งไร หากหมายเลขโทรศพั ท์ล้าสมยั ก็จะไมส่ ามารถติดตอ่ กบั ผู้ปกครองไดห้ ากเกิดกรณฉี กุ เฉิน 3. มคี วามสมบรู ณค์ รบถว้ น (complete) สารสนเทศทด่ี จี ะตอ้ งมคี วามครบถว้ น สารสนเทศ ท่ีมีความครบถ้วนเกิดจากการเก็บข้อมูลได้ครบ หากเก็บข้อมูลเพียงบางส่วนก็จะไม่สามารถใช้ ประโยชนจ์ ากสารสนเทศไดเ้ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ตวั อยา่ งเชน่ ขอ้ มลู นกั เรยี นจะตอ้ งมกี ารเกบ็ รวบรวม รายละเอยี ดเกีย่ วกับนกั เรียนใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด เช่น ชือ่ อาย ุ ที่อย่ ู ชื่อผปู้ กครอง หมายเลขโทรศัพท์ คะแนนท่ไี ดร้ บั ในแตล่ ะวิชา เปน็ ตน้ ท้ังน ี้ เพอ่ื ให้ครสู ามารถนา� ขอ้ มลู ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างเต็มท่ี 4. มคี วามสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช ้ (relevancy) สารสนเทศจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้ใช้ กล่าวคือ การเก็บข้อมูลต้องมีการสอบถามการใช้งานของผู้ใช้ว่าต้องการ ในเรอ่ื งใดบา้ ง จงึ สามารถสรปุ สารสนเทศได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากทส่ี ดุ ตวั อย่างเชน่ หากต้องการเก็บข้อมูลของนักเรียนก็ต้องถามครูว่าต้องการเก็บข้อมูลใดบ้าง เพื่อให้ครูสามารถ ใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ 5. สามารถพิสูจนไ์ ด ้ (verifiable) สารสนเทศท่ีดจี ะต้องตรวจสอบท่ีมาได ้ ทง้ั น้ี เพอ่ื ให้ผใู้ ช้ ตรวจสอบความถกู ต้องของสารสนเทศได้ ภาพท ่ี 3.10 การเชื่อมต่อสารสนเทศ ภาพท ่ี 3.11 การจัดเก็บสารสนเทศ 63 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สารสนเทศมลี ักษณะตรงตามขอใด ครคู วรเนน ยาํ้ ถงึ ลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ี พรอ มยกตวั อยา งประกอบเพอื่ 1. การแสดงผลผา นจอภาพ เปรียบเทียบสารสนเทศแตละแบบเพ่ือใหนักเรียนไดเห็นถึงความแตกตางของ 2. พมิ พขอ ความผา นแปนพมิ พ สารสนเทศ และพิจารณาใหสารสนเทศมีลักษณะของสารสนเทศท่ีดีกอนท่ีจะ 3. แผนภูมิแสดงจาํ นวนนักเรียนท่ีมาสาย นาํ ไปใชง าน 4. การประมวลผลโดยใชเครอ่ื งคอมพิวเตอร (วเิ คราะหค าํ ตอบ สารสนเทศเปนการนําขอมูลมาผานระบบ ประมวลผล คํานวณ วิเคราะห หรือแปลความหมาย ทําใหเกิด สารสนเทศทมี่ คี ณุ ภาพ แลว จงึ นาํ สารสนเทศนนั้ ไปใชป ระโยชนใ น ดา นตา งๆ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) T69

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1.5  ระบบสารสนเทศ 12. ครูอธิบายระบบสารสนเทศใหนักเรียนฟงวา ระบบสารสนเทศ (Information System : IS) คอื ระบบที่สามารถจดั การข้อมลู ตั้งแต่การ เปนระบบท่ีสามารถจัดการขอมูลต้ังแตการ รวบรวมและตรวจสอบขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู รวมถงึ การดแู ลรกั ษาขอ้ มลู ไดแ้ ก ่ การจดั เกบ็ รวบรวมและตรวจสอบขอ มลู การประมวลผล ขอ้ มูล การท�าสา� เนาข้อมูล การปรบั ปรุงขอ้ มลู ตลอดจนการสอ่ื สารขอ้ มลู เพือ่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศ ขอ มลู รวมถงึ การดแู ลรกั ษาขอ มลู ไดแ ก การ ที่ถูกต้องและทันต่อความต้องการใช้งานของผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถน�าสารสนเทศที่ได้ไปประกอบการ จดั เกบ็ ขอ มลู การทาํ สาํ เนาขอ มลู การปรบั ปรงุ ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงระบบในที่น้ีอาจใช้มนุษย์จัดการข้อมูลหรือใช้คอมพิวเตอร์ ขอมลู ตลอดจนการส่อื สารขอมูล เพ่ือใหไ ด ในการจัดการข้อมูลก็ได้ แต่ปัจจุบันนิยมใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูล เราอาจเรียกระบบ สารสนเทศทถี่ กู ตอ งและทนั ตอ ความตอ งการ สารสนเทศนวี้ า่ (Computer-based Information System : CBIS) คา� ว่า “ระบบ” จะประกอบดว้ ย ใชของผูใชงาน จากนั้นครูถามคําถามกับ องค์ประกอบหลายองคป์ ระกอบ จงึ ทา� ใหไ้ ด้สารสนเทศทถ่ี กู ต้องรวดเรว็ สา� หรับองคป์ ระกอบของ นกั เรยี นวา องคป ระกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศทีส่ �าคญั มี 5 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี มกี ป่ี ระเภท อะไรบา ง ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ ข้อมลู และ บคุ ลากร กระบวนการทา� งาน สารสนเทศ ภาพที ่ 3.12 ระบบสารสนเทศ 1. ฮารด์ แวร ์ (hardware) คอื อปุ กรณท์ เ่ี กยี่ วขอ้ ง หรอื สว่ นทปี่ ระกอบเปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ อุปกรณ์คอมพวิ เตอร ์ และอปุ กรณ์อ่ืน ๆ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครอื่ งคดิ เลข เป็นตน้ 2. ซอฟตแ์ วร์ (software) คือ ชุดคา� สงั่ หรอื เรียกให้เขา้ ใจงา่ ยว่า โปรแกรมทส่ี ามารถส่งั การใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานในลกั ษณะทตี่ อ้ งการภายใตข้ อบเขตความสามารถทเ่ี ครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ หรือโปรแกรมน้ัน ๆ สามารถทา� ได ้ ซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1) ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) เปน็ โปรแกรมท่ที า� หนา้ ท่ตี ดิ ต่อกับฮารด์ แวร์ และเครอื่ งมือสา� หรบั ใหผ้ ้ใู ชท้ �างานพ้นื ฐานต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วกบั ฮารด์ แวร ์ ซอฟต์แวรร์ ะบบที่นิยมใช้ ในปจั จุบัน ไดแ้ ก ่ ระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส ์ และโปรแกรมแปลค�าส่งั ภาษา เปน็ ต้น 2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) เป็นโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ ท�างานต่าง ๆ ตามท่ีผู้ใช้ต้องการ ดังนั้น การเขียนซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อให้รองรับการท�างาน ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ท่ีผู้ใช้ต้องการ ท�าให้มีการประยุกต์ใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง ซอฟต์แวร์ประยุกต์มี 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ส�าหรับงานเฉพาะด้าน และซอฟต์แวร์ส�าหรับ งานทัว่ ไป 64 ความรูเสริม กจิ กรรม สรา งเสรมิ เปาหมายของระบบสารสนเทศ มดี งั น้ี ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ เกย่ี วกบั องคป ระกอบ 1. เพม่ิ ประสิทธิภาพในการทํางาน (Increase Work Efficiency) ของระบบสารสนเทศ จากน้ันเขียนแผนผังความคิด (Mind 2. เพิ่มผลผลติ ใหแกองคก ร (Increase Productivity) map) ลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงใหสวยงาม และ 3. เพิ่มคณุ ภาพในการบรกิ ารลูกคา (Increase Service Quality) จัดเตรียมขอมลู เพือ่ นาํ เสนอตามรปู แบบทน่ี ักเรยี นคดิ วานา สนใจ 4. สามารถนําสารสนเทศมาวิเคราะห เพื่อหากลยุทธในการแขงขันทาง อยางอิสระ โดยครูคอยใหขอเสนอแนะกับนักเรียนตามความ ธุรกจิ ได (Strategic Plan) เหมาะสม 5. สามารถประเมิน/คาดเดาสถานการณท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตได (Forecast/Project) 6. ทําใหลูกคาเกิดความพอใจในการใหบริการ (Increase Customer’s Satisfaction) T70

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. บุคลากร (peopleware) คือ ผู้ที่เก่ียวข้องกับระบบสารสนเทศ ซึ่งจะต้องมีความรู้ ขน้ั สอน ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ตามหน้าท่ีและความรับผิดชอบ บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์มีหลาย ระบบ ดงั นี้ 13. ครอู ธบิ ายองคป ระกอบของระบบสารสนเทศทงั้ 1) ระดับผู้ใชง้ าน (user) เป็นผนู้ �าสารสนเทศทไ่ี ด้จากระบบสารสนเทศไปใช้งาน 5 องคป ระกอบ ดงั นี้ 2) ระดับผู้พัฒนาระบบ (system analyst) เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ ได้แก่ 1) ฮารด แวร เปน อปุ กรณท เ่ี กย่ี วขอ งหรอื สว นท่ี นักวิเคราะห์ระบบ ท�าหน้าท่ีวิเคราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศท่ีเหมาะสมกับหน่วยงาน ประกอบเปน เครอ่ื งคอมพวิ เตอร และนกั เขยี นโปรแกรม ทา� หนา้ ทเี่ ขยี นคา� สง่ั ดว้ ยภาษาคอมพวิ เตอร ์ เพอ่ื ใหร้ ะบบสารสนเทศทา� งาน 2) ซอฟตแวร เปนชุดคําส่ังหรือโปรแกรมท่ี 4. ขอ้ มูล (data) คอื ข้อเทจ็ จริงทอี่ าจอยใู่ นรูปแบบตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ตัวหนังสอื แสง สี สามารถสั่งการใหคอมพิวเตอรทํางานใน เสยี ง สญั ญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ ภาพ วัตถ ุ หรอื หลาย ๆ อยา่ งผสมผสานกนั ซ่งึ ขอ้ มลู ที่ดจี ะตอ้ ง ลกั ษณะทต่ี อ งการ ตรงกบั ความตอ้ งการของผ้ใู ช้ 3) บุคลากร เปนบุคคลท่ีเก่ียวของกับระบบ 5. กระบวนการ (process) คือ ขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานในระบบ สารสนเทศ ซงึ่ จะตอ งมคี วามรใู นการใชง าน สารสนเทศ เพอื่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทต่ี อ้ งการ กระบวนการทา� งานจะอยใู่ นรปู แบบของคมู่ อื การใชง้ าน คอมพวิ เตอร ส�าหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ดังนั้น คู่มือจะต้องอธิบายการใช้งานระบบอย่างละเอียดและเป็นภาษา 4) ขอมูล เปนขอเท็จจริงท่ีอาจอยูในรูปแบบ ท่เี ขา้ ใจง่าย องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศตอ้ งทา� งานสมั พนั ธ์กนั ซ่ึงจะขาดองคป์ ระกอบใด ตา งๆ เชน ตวั หนงั สอื แสง สี เสยี ง องคป์ ระกอบหนงึ่ ไมไ่ ด ้ เพ่ือใหเ้ กดิ การประมวลผล และไดส้ ารสนเทศที่มปี ระสิทธภิ าพ 5) กระบวนการ เปน ขนั้ ตอนกระบวนการตา งๆ ในการปฏบิ ตั งิ านในระบบสารสนเทศ เพอ่ื ใหไ ดส ารสนเทศทต่ี อ งการ Com Sci ภาพที่ 3.13 น�าเสนอสารสนเทศ ภาพท ี่ 3.14 โลกดิจิทลั Focus à·¤â¹âÅÂÊÕ ÒÃʹà·È㹪ÇÕ µÔ »ÃШÒí Ç¹Ñ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการเงินและการพาณิชย์ จะใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในรูปแบบของเครอ่ื งเบกิ ถอนเงนิ อัตโนมตั ิ เพื่ออา� นวยความสะดวกในการฝาก ถอน โอนเงิน และน�าคอมพิวเตอร์ระบบออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาช่วยในการท�างาน ประจ�าวันของธนาคารด้วยการเช่ือมโยงข้อมูลของธนาคารต่างสาขา ต่างธนาคาร ท�าให้ ผูใ้ ชบ้ รกิ ารสามารถเบกิ ถอน โอนเงนิ และช�าระเงนิ คา่ ใช้จ่ายต่าง ๆ ไดส้ ะดวก 65 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การศึกษาทางไกลผานดาวเทียมใชประโยชนจากเทคโนโลยี ครคู วรเนน ยา้ํ ถงึ องคป ระกอบของระบบสารสนเทศทง้ั 5 องคป ระกอบ ไมว า สารสนเทศในดานใดมากทสี่ ดุ จะเปน ฮารด แวร ซอฟตแ วร ขอมูลและสารสนเทศ บคุ ลากร และกระบวนการ ทาํ งาน รวมถงึ ความสมั พนั ธข ององคป ระกอบเพอื่ ใหผ เู รยี นไดต ระหนกั ถงึ ความ 1. การแสดงผล สําคัญของระบบสารสนเทศ 2. การประมวลผล 3. การสือ่ สารและเครือขาย T71 4. การบันทึกและจัดเกบ็ ขอ มูล (วิเคราะหคําตอบ การศึกษาทางไกลผานดาวเทียม เปนการ ถายทอดกระบวนการเรียนรูของครูผูสอนจากช้ันเรียนในโรงเรียน ตนทาง สงตรงไปยังชั้นเรียนตางๆ ในพื้นที่ชนบทและหางไกล ความเจริญเปนโรงเรียนปลายทาง และดําเนินกิจกรรมการสอน ดวยครูคนเดียวกัน เวลาเดียวกัน เพราะฉะน้ัน การส่ือสารและ เครอื ขา ยจงึ นาํ มาใชป ระโยชนต อ การศกึ ษาทางไกลผา นดาวเทยี ม ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1.6 การจัดการขอ มลู และสารสนเทศ 14. ครใู หน กั เรยี นพจิ ารณาภาพการจดั การขอ มลู ประกอบดวยขั้นตอนหลักในการทํางานหลายสวน เปนไปตามวัฏจักรการประมวลผล และสารสนเทศและอธบิ ายเกยี่ วกบั ขน้ั ตอนการ สารสนเทศ (information processing cycle) โดยมกี ารใชเ ทคโนโลยที างคอมพิวเตอรเขามาดว ย ทาํ งาน โดยมขี นั้ ตอน ดงั นี้ การนาํ เขา ขอ มลู แบง ออกเปน ขน้ั ตอน ดังน้ี จะประกอบไปดว ยขนั้ ตอนการรวบรวมขอ มลู การตรวจสอบ และการเตรยี มขอ มลู ใหถ กู ตอ ง การจดั การขอ มลู และสารสนเทศ สมบรู ณ และเหมาะสม จากนน้ั ครถู ามคาํ ถาม กับนักเรียนวา การรวบรวม การตรวจสอบ ขอ มลู และการเตรยี มขอ มลู มลี กั ษณะอยา งไร กระบวนการ (process) การนาํ เขาขอมลู การแสดงผล (input) (output) การเก็บรกั ษาขอ มลู (storage) ภาพท่ี 3.15 การจดั การขอมูลและสารสนเทศ 1. การนาํ เขา ขอ มลู ประกอบดว ยขนั้ ตอนการรวบรวม การตรวจสอบ และการเตรยี มขอ มลู ใหถกู ตอ ง สมบูรณ และเหมาะสม การนําเขา ขอ มลู ประกอบดว ย 1) การรวบรวมขอมูล เปนการรวบรวมขอมลู จากแหลง กําเนิดขอ มูลโดยใชวิธสี งั เกต กหารรืออสาอนบบถาารมโคเ1ด ชขน องขสอินมคลู าคะเแปนน นตสนอบจากสมดุ ประจําตวั นักเรียน ใบฝากหรือถอนเงิน ขอมูลจาก 2) การตรวจสอบขอ มลู เมอื่ มกี ารรวบรวมขอ มลู แลว จาํ เปน ตอ งมกี ารตรวจสอบขอ มลู เพือ่ ความถกู ตอง ขอ มลู ท่เี ก็บเขา ระบบตองมีความนา เชื่อถอื 3) การเตรยี มขอมลู ขอ มลู ท่มี ีการรวบรวมมาน้ันอาจมีหลายรปู แบบ ทําใหก ารนําไป ประมวลผลอาจเกดิ ความผดิ พลาดได ดงั นนั้ จงึ ควรมกี ารเตรยี มขอ มลู ใหอ ยใู นรปู แบบเดยี วกนั เพอื่ ความสะดวกในการประมวลผลและใหไดผ ลลพั ธท ่ีถกู ตอ ง 66 เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย ครคู วรเนน ยา้ํ กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั ขนั้ ตอนการจดั การขอ มลู และสารสนเทศทง้ั ครูใหนักเรียนแตละคนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ 1 4 ขน้ั ตอน คอื การนาํ เขา ขอ มลู การประมวลผลขอ มลู การเกบ็ รกั ษาขอ มลู และการ หัวขอ จากน้ันใหนักเรียนวิเคราะหตามข้ันตอนการจัดการขอมูล แสดงผล พรอ มยกตวั อยา งการจดั การขอ มลู และสารสนเทศทพี่ บในชวี ติ ประจาํ วนั และสารสนเทศทั้ง 4 ข้ันตอน พรอมถายทอดขอมูลออกมาใหมี ของนักเรียน เพื่อใหนักเรียนไดเขาใจและตระหนักถึงประโยชนของการ ความนา สนใจ โดยครูคอยใหค าํ แนะนาํ นกั เรยี นอยา งใกลชิด และ จดั การขอ มลู และสารสนเทศ สมุ นักเรียนออกมานาํ เสนอบรเิ วณหนาช้นั เรียน นักเรียนควรรู 1 บารโ คด คอื รหสั แทง ทป่ี ระกอบดว ยเสน ตรงสดี าํ ทมี่ ขี นาดแตกตา งกนั วาง ขนานกนั ในแนวต้งั มองดูเปนแทง เมื่อพิมพตดิ ไวทีใ่ ดก็จะบอกรายละเอยี ดของ สงิ่ นัน้ เมอ่ื มเี ครื่องอา นบารโ คด T72

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. การประมวลผลข้อมูล คือ การด�าเนินการต่าง ๆ กับข้อมูลเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ที่ม ี ขนั้ สอน ความหมายและมีประโยชน์ต่อการน�าไปใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ข้อมลู เรยี กวา่ สารสนเทศ ซึง่ อาจอยู่ในรปู ของแบบฟอร์มหรือรายงานท่ีสะดวกต่อการน�าไปใช้ 15. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา การเก็บรักษา 3. การเก็บรักษาข้อมูล คือ การเก็บบันทึกผลลัพธ์บางส่วนที่ยังไม่ต้องการน�าไปใช้งาน ขอมูลมีอะไรบาง จากนั้นสุมนักเรียนตอบ ในขณะนัน้ ลงสสู่ อื่ บนั ทึกขอ้ มูล ตลอดจนปรบั ปรงุ ข้อมูลใหม้ คี วามทนั สมยั อยเู่ สมอ การเก็บรักษา คาํ ถามน้ี ขอ้ มลู ทด่ี จี ะตอ้ งคา� นงึ ถงึ วธิ กี ารนา� ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รกั ษามาใชอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การเกบ็ รกั ษาขอ้ มลู มีดงั นี ้ 16. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลวา เปนการ ดาํ เนนิ การตา งๆ กบั ขอ มลู เพอื่ ใหไ ดผ ลลพั ธท ่ี 1) การจดั เกบ็ ข้อมลู 2) การส�าเนาข้อมลู 3) การปรบั ปรุงข้อมูล มีความหมายและมีประโยชนตอการนําไปใช ข้อมูลที่จะมีการส�ารวจ ก า ร จั ด ท� า ส� า เ น า ข ้ อ มู ล การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง งานมากยงิ่ ขน้ึ การเกบ็ รกั ษาขอ มลู เปน การเกบ็ รวบรวม หรอื ประมวลผลให้ จากชุดเดิมเพ่ือป้องกัน ข้อมูลให้มีความทันสมัย บนั ทกึ ผลลพั ธบ างสว นทยี่ งั ไมต อ งการนาํ ไปใช เป็นสารสนเทศ จ�าเปน็ ตอ้ ง การสูญหายหรือเสียหาย สอดคล้องกับเหตุการณ์ งานในขณะนน้ั ลงสสู อ่ื บนั ทกึ ขอ มลู และอธบิ าย ด�าเนินการจัดเก็บไว้เพื่อใช้ ที่ อ า จ เ กิ ด ข้ึ น กั บ ข ้ อ มู ล และเวลาที่เปล่ียนแปลงไป เกยี่ วกบั การแสดงผลวา เปน การจดั รปู แบบของ ในภายหลงั การจดั เกบ็ สมยั และเมื่อมีข้อมูลท่ีจัดเก็บ เช่น การเปลี่ยนที่อยู่หรือ สารสนเทศทเ่ี ปน ผลลพั ธจากการประมวลผล ใหม่มักเปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หมายเลขโทรศพั ทข์ องลกู คา้ ใหอ ยใู นรปู แบบของรายงาน ตาราง แบบฟอรม ในรปู แบบท่ีสามารถจัดเกบ็ การท�าส�าเนาจะท�าได้ง่าย การเปลยี่ นอตั ราทใี่ ชค้ า� นวณ เพอ่ื ใหส ะดวกในการศกึ ษา ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น และท�าได้เป็นจ�านวนมาก ดอกเบยี้ หรอื ภาษสี า� หรับเงิน ฮารด์ ดสิ ก ์ แผน่ ซดี ี แผน่ ดวี ดี ี อุปกรณ์ทใี่ ชท้ �าสา� เนา เชน่ ฝากประจา� หน่วยความจ�าแบบแฟลช เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่าย โดยจัดเก็บอยู่ในรูปแบบ เอกสาร ส่ือบันทึก เช่น เช่น ไฟล์งาน ฐานข้อมูล แผ่นบันทึก แผ่นซีดี แผ่น เป็นตน้ ดวี ดี ี 4. การแสดงผล คือ การจัดรูปแบบของสารสนเทศที่เป็นผลลัพธ์จากการประมวลผล ใหอ้ ยูใ่ นรูปแบบของรายงาน ตาราง แบบฟอร์ม แผนภมู ิ ฯลฯ เพื่อใหส้ ะดวกในการศึกษา งา่ ย ต่อการท�าความเข้าใจ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของปัญหาการแสดงผลลัพธ์ มีทั้งที่เป็น ขอ้ ความ ภาพ เสียง วดี ทิ ัศน ์ เปน็ ตน้ ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยมี าช่วยในการแสดงผลลัพธ ์ เช่น การไฟฟ้าใช้เครื่องพิมพ์แสดงค่าไฟฟ้าประจ�าเดือน ห้างสรรพสินค้าใช้เคร่ืองพิมพ์แสดงรายการ และราคาสินค้า 67 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู การกระทําของบคุ คลใดเกย่ี วของกบั การประมวลผลขอมูล ครูควรยกตัวอยางการเก็บรักษาขอมูลท่ีพบในชีวิตประจําวันของนักเรียน 1. นิดเเสดงภาพเคลื่อนไหวบนหนา จอ เพอื่ ใหนักเรยี นเหน็ ขน้ั ตอนการเกบ็ รักษาขอ มลู ทัง้ 3 ขน้ั ตอน ไดแ ก การจัดเก็บ 2. นุน จัดเก็บขอ มลู ไวท ี่หนว ยความจาํ รอง ขอ มลู การสําเนาขอมูล และการปรับปรงุ ขอ มูล โดยการเก็บรักษาขอ มูลที่ดจี ะ 3. แนนใชกราฟเเสดงยอดขายสนิ คา ประจาํ วนั ตองคํานงึ ถงึ วธิ ีการนําขอมูลท่ีเกบ็ รกั ษามาใชอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ 4. หนอ ยกําลงั เรยี งลาํ ดบั ช่ือนักเรยี นตามตัวอักษร (วิเคราะหคําตอบ การประมวลผลขอมูล เปน การดาํ เนินการกับ ขอมูล เพ่ือใหไดผลลัพธท่ีมีความหมายและมีประโยชนตอการใช งานมากย่งิ ข้ึน เรยี กวา สารสนเทศ กราฟแสดงยอดขายเกิดจาก ขอมูลท่ีถูกนําไปประมวลผลเปนสารสนเทศเพ่ือนํามาใชในการ นําเสนอ ดังนนั้ ตอบขอ 3.) T73

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กรณศี กึ ษา 1 17. ใหน กั เรยี นรวบรวมขอ มลู กฬี าทชี่ อบ 3 อนั ดบั การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ เรอื่ ง ค่าดชั นีมวลกายของคนในทอ้ งถ่นิ แรกจากเพื่อน 12 คน โดยใชข้ันตอนการ จัดการขอมูลและสารสนเทศ แลวบันทึกลง ในสมดุ ประจาํ ตวั นาํ มาสง ในชวั่ โมงถดั ไป ขั้นท่ี 1 การนา� เข้าข้อมูล การรวบรวมข้อมลู การตรวจสอบข้อมลู การเตรียมขอ้ มูล ท�ำกำรเก็บรวบรวมข้อมูล ท�ำกำรตรวจสอบข้อมลู ช่อื เตรียมข้อมูลโดยน�ำข้อมูล ข อ ง ค น ใ น ท ้ อ ง ถิ่ น โ ด ย เพศ อำยุ น�้ำหนัก และ เข้ำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กำรตอบแบบสอบถำมท่ี สว่ นสงู ว่ำครบหรอื ไม่ และ โปรแกรม และจัดเตรียม ประกอบด้วย ช่ือ เพศ อำยุ ข้อมูลถกู ตอ้ งหรอื ไม่ ข้อมูล Microsoft excel น้ำ� หนกั และสว่ นสูง น้�ำหนักหน่วยเป็นกิโลกรัม ส่วนสูงหนว่ ยเป็นเมตร เพื่อ นำ� ไปคำ� นวณคำ่ ดชั นมี วลกำย ขั้นท่ี 2 การประมวลขอ้ มูล 1) กำรจัดกลุ่มหรือจ�ำแนกประเภท : มีกำรจัดกลุ่มแยกเป็น 2 กลุ่ม ชำยและหญิง กล่มุ ช่วงอำยุ 4 กลมุ่ 0-6 ปี 7-18 ปี 19-60 ปี และตง้ั แต่ 60 ปขี ึน้ ไป 2) กำรเรียงล�ำดับข้อมูล : มีกำรจัดเรียงล�ำดับข้อมูลตำมอำยุ เพ่ือให้เกิดควำมสะดวก ในกำรจดั กลมุ่ ช่วงอำยเุ พือ่ สรปุ ผล 3) กำรคำ� นวณ : มกี ำรค�ำนวณค่ำดัชนีมวลกำยจำกสตู รกำรค�ำนวณ ค่ำดัชนีมวลกำย = น้�ำหนัก (กก.) / [สว่ นสงู (ซม.)]2 4) กำรค้นคืน : มีกำรเรยี กใช้ขอ้ มลู ที่สนใจ แยกตำมเพศ ตำมช่วงอำยุ 5) กำรสรปุ : มกี ำรสรปุ แยกกลมุ่ เพอื่ ประมวลผลของคำ่ ดชั นมี วลกำย โดยคำ่ ดชั นมี วลกำย ท่คี �ำนวณได้ ดังนี้ คำ่ ดัชนมี วลกำย นอ้ ยกวำ่ 18.5 ผอมเกินไป ค่ำดัชนมี วลกำย อยูร่ ะหวำ่ ง 18.5-22.9 อยใู่ นเกณฑเ์ หมำะสม นำ้� หนักตวั ปกติ ค่ำดัชนมี วลกำย อยรู่ ะหวำ่ ง 23-24.9 นำ้� หนกั เกิน แต่ยังไม่เรยี กว่ำอว้ น ค่ำดชั นีมวลกำย อยูร่ ะหว่ำง 25-29.9 เรม่ิ อ้วน คำ่ ดชั นมี วลกำย มำกกว่ำ 29.9 อ้วนเกนิ ไป เสีย่ งทจี่ ะเกิดโรคท่ีมำจำก ควำมอว้ น 68 นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills 1 คาดัชนีมวลกาย คือ คาอัตราสวนระหวางน้ําหนักตอสวนสูงที่ใชบงบอก 1. ใหนักเรยี นแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุม ละ 4-5 คน วาอวนหรือผอมในผูใหญต้ังแตอายุ 20 ปขึ้นไป เพ่ือดูอัตราการเสี่ยงตอการ 2. นกั เรียนแตล ะกลุมคิดคนหวั ขอ ทน่ี าสนใจ กลมุ ละ 1 หวั ขอ เกดิ โรคตา งๆ ถา คา ดชั นมี วลกายมากเกนิ ไปจะทาํ ใหเ ปน โรคอว น และทาํ ใหเ กดิ 3. จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและจัดการขอมูล ภาวะเสย่ี งตอ โรคความดนั โลหติ สงู โรคเบาหวาน โรคหวั ใจขาดเลอื ด แตใ นขณะ เดยี วกนั ผทู ผ่ี อมเกนิ ไปกจ็ ะทาํ ใหเ สยี่ งตอ การตดิ เชอ้ื ไดง า ย สง ผลใหป ระสทิ ธภิ าพ และสารสนเทศตามข้ันตอนท้งั 4 ขัน้ ตอน ดังนี้ การทาํ งานของรา งกายลดลง ดงั นนั้ ควรรกั ษาระดบั นาํ้ หนกั ใหอ ยใู นเกณฑป กติ ขน้ั ท่ี 1 การนาํ เขาขอ มลู ขนั้ ท่ี 2 การประมวลขอมลู T74 ข้ันท่ี 3 การเก็บรกั ษาขอมลู ข้นั ที่ 4 การแสดงผล 4. สมาชิกภายในกลุมรวมกันจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนํามาเสนอตาม รปู แบบทีน่ กั เรยี นคิดวานาสนใจอยางอิสระ 5. นกั เรยี นแตละกลุมนาํ เสนอขอ มูลหนาชั้นเรียน 6. นกั เรียนภายในช้ันเรยี นและครผู สู อนรวมกันสรุปขอมูล

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั ท่ี 3 การเก็บรักษาขอ้ มลู ขน้ั สอน การจดั เกบ็ ขอ้ มลู การสา� เนาขอ้ มลู การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู 18. ครอู ธบิ ายขน้ั การเกบ็ รกั ษาขอ มลู ขน้ั การแสดง การจัดเก็บข้อมูลอยู่ในรูป มีการส�าเนาไฟล์งานลงใน มีการปรับปรุงข้อมูลทุกเดือน ผลกบั นกั เรยี น และใหน กั เรยี นอธบิ ายกราฟคา ของไฟล์งานในฮาร์ดดิสก์ แแผฟน่ลดชวีไดีดีรหฟ์ น1ว่ ยความจา� แบบ โดยการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ใหม่ และ ดชั นมี วลกายในประชากรไทย จาํ แนกตามกลมุ และมีการพิมพ์ใส่กระดาษ น�ามาเปรียบเทียบข้อมูลเดิม อายุและเพศ จากนั้นครูสรุปความรูที่ไดจาก เพ่ือดูพัฒนาการของคนใน การศกึ ษากรณตี วั อยา งน้ี ท้องถ่นิ ท่มี กี ารเปลย่ี นแปลง 19. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา การจดั การขอ มลู และสารสนเทศมีความสําคัญอยางไรบางกับ การทาํ งานในอาชพี ตา งๆ ข้ันท่ี 4 การแสดงผล มกี ารแสดงผลในรปู ของรายงาน ดงั น้ี แสดงผลในรปู แบบของตารางเพือ่ ใหเ้ ห็นขอ้ มลู ทงั้ หมด • แสดงผลในรูปของกราฟแท่ง เพื่อให้เห็นการเปรียบเทียบค่าดัชนีมวลกายของกลุ่มคน ในทอ้ งถ่ินแยกตามเพศ และชว่ งอายุ • แสดงผลในรปู ของกราฟเส้น เพือ่ ให้เหน็ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของค่าดัชนมี วลกาย ของกลุ่มคนในทอ้ งถิน่ ในแตล่ ะเดอื น ค่าดชั นมี วลกายในประชากรไทยจา� แนกตามกลมุ่ อายแุ ละเพศ 30 7-18 ป ี 19-60 ปี เพศชาย 25 เพศญงิ 20 15 มากกวา่ 60 ปี กลุ่มช่วงอายุ (ป)ี 10 5 0 0-6 ปี ภาพที่ 3.16 ตวั อย่างการแสดงผลในรปู ของกราฟแท่ง 69 กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู ใหน ักเรยี นสบื คนขอมูลจากอนิ เทอรเน็ตเพิม่ เตมิ เกีย่ วกับการ 1 แฟลชไดรฟ คือ อุปกรณคอมพิวเตอรท่ีใชสําหรับเก็บขอมูล มีขนาดเล็ก แสดงผลขอ มลู เพอ่ื ศกึ ษารปู แบบการแสดงผลขอ มลู ทห่ี ลากหลาย นาํ้ หนกั เบา และพกพางา ย สามารถเขยี นขอ มลู และลบขอ มลู ไดไ มจ าํ กดั จาํ นวน เชน การแสดงผลในรูปแบบตาราง แผนภมู ิ แผนที่ กราฟ จากนั้น ครั้ง ใชเ สยี บเขากบั USB พอรตของเครื่องคอมพวิ เตอรเพอ่ื ถายโอนขอ มูลจาก ใหน กั เรยี นหาหวั ขอ ทต่ี นเองสนใจพรอ มเลอื กวธิ กี ารแสดงผลขอ มลู คอมพิวเตอรเ คร่อื งหนึ่งไปยังคอมพิวเตอรอกี เครอื่ งหน่ึง ทเี่ หมาะสม และออกมานาํ เสนอบรเิ วณหนาชน้ั เรียน T75

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กจิ กรรมใดบา งในชวี ติ 2   ส กาารรปสนระเทมศวลผลข้อมลู ประจาํ วนั ทตี่ อ งใชก าร 20. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี น ประมวลผลขอ มลู วา กจิ กรรมใดบา งในชวี ติ ประจาํ วนั ทต่ี อ งใชก าร ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจต้องอาศัยข้อมูล ประมวลผลขอ มลู จากนนั้ ใหน กั เรยี นชว ยกนั เป็นหลัก จึงมีการน�าเทคโนโลยีมาช่วยจัดการข้อมูล ตอบคาํ ถาม อยา่ งมาก ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการแขง่ ขนั การใหบ้ รกิ ารของธนาคารพาณชิ ย ์ การใชข้ อ้ มลู ใน การตดั สนิ ใจลงทนุ ซอ้ื ขายหลกั ทรพั ย ์ ขอ้ มลู เปน็ หวั ใจของการดา� เนนิ งานเปน็ แหลง่ ความรู้ 21. ครอู ธบิ ายการทาํ ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศวา จะ ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ บริษัทหรือองค์กรจึงด�าเนินการอย่างจริงจังเพ่ือให้ได้มา ตอ งประกอบไปดว ย 2 ขนั้ ตอน ดงั น้ี ซง่ึ ขอ้ มลู และปกปอ้ งดแู ลขอ้ มูลของตนเป็นอยา่ งดี 1) การเกบ็ รวบรวมขอ มลู เปน การเกบ็ รวบรวม ขอ มลู ซง่ึ มจี าํ นวนมาก 2.1  การประมวลผลข้อมลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ   2) การตรวจสอบขอมูลซึ่งจะตองมีการตรวจ สอบขอมูลท่ีเก็บรวบรวมมาเพ่ือตรวจสอบ การทา� ขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศทจ่ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การใชง้ าน จา� เปน็ ตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี ความถกู ตอ ง นา เชอ่ื ถอื เขา้ มาชว่ ยในการดา� เนนิ การ เรม่ิ ตง้ั แตก่ ารรวบรวม การตรวจสอบ การดา� เนนิ การประมวลผลขอ้ มลู ให้กลายเป็นสารสนเทศ และการดูแลรักษาสารสนเทศเพอื่ การใชง้ านควรประกอบด้วย 1. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นเร่ืองของการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ซ่ึงมจี า� นวนมาก และต้อง เก็บให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีท่ีช่วยในการจัดเก็บอยู่เป็นจ�านวนมาก เช่น การป้อนข้อมูลเข้าเคร่ือง คอมพิวเตอร์การอ่านข้อมูลจากรหัสแท่ง การตรวจใบลงทะเบียนท่ีมีการฝนดินสอด�าในต�าแหน่ง ต่าง ๆ เปน็ วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูล 2. การตรวจสอบขอ้ มลู เมอื่ มกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แลว้ จา� เปน็ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบขอ้ มลู เพอ่ื ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขอ้ มูลทเ่ี กบ็ เขา้ ในระบบจะต้องมคี วามเชอื่ ถอื ได้ หากพบที่ผิดพลาด ต้องแก้ไข การตรวจสอบขอ้ มลู มหี ลายวธิ ี เชน่ การใช้ผปู้ ้อนขอ้ มูลสองคนป้อนข้อมูลชดุ เดยี วกัน เข้าคอมพวิ เตอร ์ เปน็ ตน้ แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หัวขอ 70 ภาพท่ ี 3.17 การทา� งานของระบบสารสนเทศ การคดั เลอื กขอ มลู การพจิ ารณาขอ มลู การวเิ คราะห ขอมูลท่ีไดจากการสืบคนขอมูลทางอินเทอรเน็ตไปใช งานในรูปแบบทเี่ หมาะสม เชน การจดั ทาํ รายงานหรอื การทําปา ยนเิ ทศ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครตู ง้ั คาํ ถามกบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั การประมวลผลขอ มลู วา ในปจ จบุ นั มกี าร สารสนเทศทีด่ ีควรมีลักษณะอยา งไร ซอื้ -ขายสนิ คา ผา นทางโซเชยี ลมเี ดยี อยา งแพรห ลาย ดงั นนั้ นกั เรยี นคดิ วา การ 1. เก็บขอมลู เพียงบางสว นอยางพอเพียง ประมวลผลสงผลตอการซ้ือ-ขายสินคาไดอยางไร โดยใหนักเรียนภายในช้ัน 2. เปน ขอมลู เกาที่นํามาประมวลผลใหม เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถาม จากนน้ั ครอู ธบิ ายกบั นกั เรยี นเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหน กั เรยี นได 3. มีการจัดเกบ็ ขอมูลไวในแฟมขอ มลู สาํ รอง ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของการประมวลผลขอ มลู สารสนเทศ 4. สามารถตรวจสอบแหลง ที่มาของสารสนเทศได (วิเคราะหค ําตอบ สารสนเทศทด่ี จี ะตอ งมปี ระโยชนต อ การใชง าน และสามารถตรวจสอบแหลง ทมี่ าของสารสนเทศได ดังนน้ั ตอบ ขอ 4.) T76

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การประมวลผลข้อมูลให้เปนสารสนเทศ (information processing) คือ การกระท�าของเคร่ือง ขน้ั สอน คอมพิวเตอร์กับข้อมูล เช่น การรวบรวมข้อมูลเป็นแฟ้มข้อมูล การค�านวณ การเปรียบเทียบ การเรยี งล�าดบั การจดั กล่มุ ข้อมูล การท�ารายงาน เป็นต้น 22. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลใหเปน สารสนเทศวา เปนการกระทําของเคร่ือง INPUT PROCESS OUTPUT คอมพวิ เตอรก บั ขอ มลู เชน การรวบรวมขอ มลู เปน แฟม ขอ มลู การคาํ นวณ การเปรยี บเทยี บ การเรยี งลาํ ดบั การจดั กลมุ และการทาํ รายงาน จากน้ันครูอธิบายความหมายของขอมูลเขา การประมวลผล และขอ มลู ออกใหน กั เรยี นฟง ข้อมลู เข้า การประมวลผล ข้อมลู ออก ข้อมูลนักเรยี นแตล่ ะคน คอมพวิ เตอร์ประมวลผล สารสนเทศ กราฟแสดง เชน่ ชื่อ ผลการเรยี น โดยการเรยี งข้อมูล และ ผลการเรียนของนักเรียน เปน็ ต้น การจัดกลุ่มขอ้ มลู ระดับต่าง ๆ การประมวลผล ความหมาย การรวบรวมเปนแฟมขอ้ มูล การพิมพ์ข้อมูลและบันทึกไว้เป็นแฟ้มข้อมูล (file) ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งน้ี เพ่ือให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ได้อย่าง การคา� นวณ สะดวกและรวดเร็ว การน�าข้อมูลท่ีเป็นตัวเลขค�านวณด้วยการด�าเนินการทาง การเปรยี บเทียบ คณติ ศาสตร์ เช่น การบวก การลบ การคูณ การหารขอ้ มูลเพ่อื ให้ ได้ผลลัพธ์ตามทผ่ี ้ใู ช้ต้องการอยา่ งถูกตอ้ งรวดเร็ว การเรยี งล�าดบั การด�าเนินการเปรียบเทียบทางตรรกะ เช่น มากกว่า น้อยกว่า การจัดกล่มุ ข้อมลู เท่ากับ หรือไม่เท่ากับ เพ่ือให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้ การจดั ทา� รายงาน อยา่ งรวดเร็ว การเรียงข้อมูลตามล�าดับตัวเลขหรือการเรียงล�าดับตามตัวอักษร เพื่อใหค้ น้ หาขอ้ มลู ไดง้ า่ ย การจดั กลมุ่ ขอ้ มลู ตามเพศของนกั เรยี นเพอื่ ใหผ้ ใู้ ชเ้ รยี กดขู อ้ มลู ได้ สะดวกรวดเรว็ การสรปุ ผลและสรา้ งรายงานเพอ่ื นา� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการตดั สนิ ใจ 71 กิจกรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเพ่ิมเติมเก่ียวกับ ครูควรยกตัวอยางการประมวลผลขอมูลใหเปนสารสนเทศที่สามารถ การประมวลผลขอมูลใหเปนสารสนเทศ โดยเลือกขอมูลที่นํามา กระทําไดดว ยวิธกี ารตางๆ กับนกั เรยี น เชน การรวบรวมขอมลู เปนแฟมขอ มูล ประมวลผลตามท่นี ักเรยี นสนใจคนละ 1 ขอ มูล พรอ มประมวลผล การคํานวณ การเปรยี บเทยี บ การเรยี งลําดบั การจัดกลมุ ขอมูล การทํารายงาน ขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศตามขั้นตอนท้ัง 3 ประการ และบันทึกลง เพอื่ ใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจถงึ กระบวนการประมวลผลขอ มลู ใหเ ปน สารสนเทศอยา ง ในกระดาษทคี่ รแู จกให โดยครคู อยใหค วามชว ยเหลอื อยา งใกลช ดิ ละเอียดท้งั 3 กระบวนการ และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอบริเวณหนาช้ันเรยี น T77

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน 2.2 วิธกี ารประมวลผลขอ มูล 23. ครูอธิบายการประมวลผลขอมูลโดยอาศัย การประมวลผลขอมูลโดยอาศยั เคร่ืองคอมพิวเตอรม ี 2 วธิ ี เครอ่ื งคอมพวิ เตอรซ ง่ึ มที ง้ั หมด 2 วธิ ี ไดแ ก 1. การประมวลผลแบบเช่ือมตรง (online processing) เปน วธิ กี ารนําขอ มลู แตล ะรายการ การประมวลผลแบบเชื่อมตรง เปนวิธีการ ที่ถูกบันทึกเขามาประมวลผลทันที นิยมใชในงานที่ตองไดผลลัพธใหกับผูใชทันที หรือในงานท่ี นําขอมูลแตละรายการที่ถูกบันทึกเขามา ขอมลู จะตอ งทันสมยั อยูต ลอดเวลา เชน เม่อื นกั เรยี นเบิกเงนิ จากตเู อทีเอม็ รายการการเบกิ เงิน ทาํ การประมวลผลทนั ที นยิ มใชใ นงานทต่ี อ งได ของนักเรียนแตละครั้งจะไปประมวลผลท่ีเคร่ืองหลักที่อาจอยูหางไกลทันที โดยขอมูลจะถูกนําไป ผลลพั ธใ หก บั ผใู ชง านทนั ที และการประมวลผล คาํ นวณและบันทกึ ยอดคงเหลือในบัญชเี งินฝากของนักเรยี นทันที เปนตน แบบกลุมเปนการเก็บรวบรวมขอมูลในแตละ ชว งเวลาหนงึ่ และนาํ ขอ มลู ทไี่ ดร บั ในชว งเวลา การประมวลผลแบบเช่ือมตรงของการถอนเงินผา นตเู อทีเอ็ม ดงั กลา วมาประมวลผลพรอ มกนั ขน้ั สรปุ 2 คอมพวิ เตอร 3 คอมพวิ เตอรธ นาคาร A ทต่ี เู อทเี อม็ สาขายอ ย COMPUTER ตรวจสอบบญั ชใี นฐานขอ มลู ตรวจสอบผล ธนาคาร B สง A บญั ชลี กู คา และตดั ยอดเงนิ รายการถอนเงิน จากบญั ชลี กู คา ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ขอ มลู ไปยังคอมพวิ เตอร สารสนเทศและการประมวลผลขอมูลสารสนเทศ ธนาคาร A หากนกั เรยี นคนใดมขี อ สงสยั สามารถสอบถามครู ไดท นั ที 1 สอดบัตรเอทเี อ็มของธนาคาร A 4 โอนเงนิ ไปยงั แลวกดรหัสผาน และปอนขอมูล เพื่อสง่ั ทํารายการถอนเงนิ ธนาคาร B ขนั้ ประเมนิ ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมนิ ผล 6 จายเงินสดใหผูถอน 5 คอมพวิ เตอรธ นาคาร B เงนิ ทางชอ งจา ยเงนิ วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑก ารประเมนิ COMPUTER สงั่ จายเงินสดไปยังตูเ อทีเอม็ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตาม สาขายอยธนาคาร B B กอนเรียน กอนเรียน สภาพจรงิ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 ภาพที่ 3.18 ตวั อยางการประมวลผลแบบเชื่อมตรง หมายเหตุ การทํางานราย พฤตกิ รรม ผานเกณฑ แบบสังเกต A = คอมพวิ เตอรธ นาคาร A บุคคล พฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 B = คอมพวิ เตอรธนาคาร B สังเกตพฤติกรรม ผา นเกณฑ การทํางานกลุม 2. การประมวลผลแบบกลุม (batch processing) เปนการเก็บรวบรวมขอมูลในแตละ ชวงเวลาหนึ่ง และนําขอมูลที่ไดรับในชวงเวลาดังกลาวมาประมวลผลพรอมกัน เชน การเก็บ ขอมูลเวลาเขาออกของนักเรียน เมื่อถึงสิ้นเดือนโรงเรียนจะนําขอมูลมาประมวลผลเปนรายงาน ในการเขาช้นั เรียนของนักเรยี นประจําเดอื น เปน ตน 72 แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล และการทาํ งานกลมุ ของ 1. ใหนกั เรียนแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน นักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบสังเกตพฤติกรรม 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ คดิ คน หวั ขอ ทนี่ า สนใจสาํ หรบั การประมวลผล การทํางานรายบคุ คล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุมทีแ่ นบมา ทา ย แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 1 หนวยการเรยี นรทู ่ี 3 ขอ มลู กลมุ ละ 1 หวั ขอ 3. จากนนั้ ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ประมวลผลขอ มลู โดยอาศยั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ เคร่ืองคอมพวิ เตอร ซ่ึงแบงออกได 2 วธิ ี ดงั น้ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน - การประมวลผลแบบเชอ่ื มตรง - การประมวลผลแบบกลมุ ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม 4. สมาชิกภายในกลุมรวมกันจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนํามาเสนอ 32  ความคดิ เห็น ฟงั คนอืน่ ตามท่ีได้รับ ส่วนร่วมใน 15 ตามรูปแบบท่ีนกั เรียนคดิ วานา สนใจอยา งอิสระ 1 การแสดงความคดิ เห็น   ลาดับที่ ช่ือ–สกุล มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน 5. นกั เรียนแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอมูลหนา ชั้นเรียน 2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผูอ้ น่ื   ของนักเรยี น ผลงานกลมุ่ 6. นักเรียนภายในชั้นเรียนและครูผูสอนรวมกันสรุปขอมูล เร่ือง 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ีได้รบั มอบหมาย   การประมวลผลขอ มูล 4 ความมนี า้ ใจ   321321321321321 5 การตรงต่อเวลา  รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ............./.................../............... ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 14–15 ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 11–13 ดี ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ 8–10 พอใช้ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง T78

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ซอฟตแ วรท นี่ กั เรยี นรจู กั 3    ซอฟต์แวร์และการเลือกใชง้ าน ขน้ั นาํ มอี ะไรบา ง และเคยใช ปจั จบุ นั คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ เทคโนโลยที ม่ี คี วามสา� คญั ซอฟตแ วรน นั้ หรอื ไม และจ�าเป็นส�าหรับการใช้ชีวิตของคนเรา ท้ังการจัดเก็บ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน วา ซอฟตแวรที่นักเรียนรูจักมีอะไรบาง และ รวบรวม ค้นคว้าข้อมูล หรือการศึกษาและความสนุก เคยใชซ อฟตแ วรน นั้ หรอื ไม จากนน้ั ใหน กั เรยี น เพลดิ เพลนิ ดังนั้น การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ่วยในการท�างานจงึ ต้องมีการจดั วางระบบเพอื่ ชว ยกนั ตอบคําถาม ใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานหรอื จดั เกบ็ ขอ้ มลู ตามทเี่ ราตอ้ งการ ทเ่ี รยี กกนั วา่ “ซอฟตแ์ วร”์ ซงึ่ เปรียบเสมอื นตวั เช่อื มระหวา่ งผใู้ ช้งานกบั การทา� งานของคอมพิวเตอร์ 2. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคดิ วา เมอ่ื นกั เรยี น ตองการนําเสนอปายประกาศเพ่ือรณรงคการ ซอฟต์แวร์ (software) คือ ชุดค�าส่ังหรือโปรแกรมที่ งดสูบบุหร่ี นกั เรียนจะเลอื กใชซอฟตแ วรใ ดใน ใช้ส่ังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้ท�างานได้ตรงตามความต้องการ การนําเสนอ พรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ และถูกต้อง รวมถึงการควบคุมการท�างานของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น CD ROM drive modem เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นส่ิงท่ี ขน้ั สอน จับต้องไม่ได1้ แต่สามารถรับรู้การท�างานของมันได้ ซ่ึงจะต่าง กับฮาร์ดแวร์ (hardware) ที่สามารถจะจับต้องได้ ซอฟต์แวร์ 1. ครอู ธิบาย เรือ่ ง ซอฟตแ วรร ะบบ ใหน กั เรยี น จึงหมายรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ท�าให้ ฟงวา เปนซอฟตแวรที่ถูกสรางขึ้นเพื่อใช คอมพวิ เตอร์ท�างานได้ บริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร โดยทําการ ภาพท ่ี 3.19 ต ัวอยา่ งซอฟตแ์ วร์ท่คี วบคุม จดั สรรทรพั ยากรตา งๆ ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร 3.1  ประเภทของซอฟตแ์ วร์ การทา� งานของคอมพวิ เตอร์ ใหถูกใชงานอยางเหมาะสม รวมทั้งทําการ ค ว บ คุ ม ดู แ ล ก า ร เ รี ย ก ใ ช  ง า น ซ อ ฟ ต  แ ว ร  ซอฟตแ์ วรห์ รอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ผี พู้ ฒั นาขน้ึ เพอ่ื ใชง้ านกบั คอมพวิ เตอรม์ มี ากมาย ประเภทอ่ืนๆ ท่ีทํางานอยูภายใตซอฟตแวร ซอฟตแ์ วรเ์ หลา่ นอี้ าจไดร้ บั การพฒั นาโดยผใู้ ชง้ านเอง ผพู้ ฒั นาระบบ หรอื ผผู้ ลติ จา� หนา่ ย ซอฟตแ์ วร์ ระบบ ซอฟตแวรระบบเปน โปรแกรมแรกท่ีถกู สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ได้แก ่ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ และซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ เรียกใชงานหลังจากเปดเคร่ืองคอมพิวเตอร 1. ซอฟตแ์ วร์ระบบ (system software) คอื ซอฟตแ์ วรท์ ี่ถกู สร้างข้ึนเพอื่ ใชบ้ รหิ ารจัดการ และเปนซอฟตแวรท่ีตองติดต้ังบนเคร่ือง คอมพิวเตอรก อนซอฟตแวรป ระเภทอ่นื เสมอ ระบบ การจดั สรรทรพั ยากร และดา� เนนิ งานพน้ื ฐานตา่ ง ๆ ในระบบ เชน่ การจดั สรรหนว่ ยประมวล ผลกลาง การจัดสรรหน่วยความจ�าต่าง ๆ การจัดการข้อมูลในแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจ�ารอง การรบั ขอ้ มลู จากแผงแปน้ อกั ขระแลว้ แปลความหมายใหค้ อมพวิ เตอรเ์ ขา้ ใจ การนา� ขอ้ มลู ไปแสดง ผลบนจอภาพหรอื นา� ออกไปยงั เครอื่ งพมิ พ ์ เปน็ ตน้ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบนบั วา่ เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ มี่ คี วาม ส�าคญั ต่อคอมพิวเตอร ์ เนอ่ื งจากโปรแกรมแรกทีส่ ั่งใหค้ อมพวิ เตอร์ท�างานหลังจากเปิดเครอ่ื ง คือ ซอฟต์แวร์ระบบ หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถท�างานได้ หรือไม่สามารถ ทา� งานได้อยา่ งถกู ต้อง 73 แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดย คาํ ตอบข้นึ อยกู ับดุลยพินิจของครู ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในการติดตั้งโปรแกรมตางๆ ใหกับเครื่องคอมพิวเตอร ควร 1 ฮารด แวร คอื อปุ กรณท ปี่ ระกอบขน้ึ เปน เครอ่ื งคอมพวิ เตอร มลี กั ษณะเปน ติดตง้ั ส่งิ ใดกอ นเสมอ โครงราง มองเห็นไดด ว ยตา และสามารถสมั ผสั ไดห รือเปนรูปธรรม ไดแ ก วงจร ไฟฟา จอภาพ คียบ อรด เคร่อื งพิมพ เมาส ซ่ึงสามารถแบงออกเปน สว นตา งๆ 1. ระบบปฏิบตั ิการ ได 4 หนวย คอื 2. ซอฟตแวรประยุกต 3. โปรแกรมอรรถประโยชน 1. หนวยรบั ขอมลู 4. โปรแกรมยกเลกิ การติดตัง้ ขอ มูล 2. หนว ยประมวลผลกลาง 3. หนวยแสดงผล (วเิ คราะหคาํ ตอบ การตดิ ตงั้ โปรแกรมตา งๆ จาํ เปน ตอ งลงระบบ 4. หนว ยเก็บขอมลู สาํ รอง ปฏิบัติการกอนเปนอันดับแรก จึงจะสามารถติดต้ังโปรแกรม ประเภทอ่นื ๆ ได ดังนนั้ ตอบขอ 1.) T79

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ซอฟตแ์ วรร์ ะบบสามารถแบง่ ได้เปน็ 2 ประเภท ดังนี้ 1) ระบบปฏบิ ัติการ (Operating System : OS) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา ซอฟตแวรระบบ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมและประสานงานระหว่างอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ สามารถแบง ไดเ ปน 2 ประเภท ไดแก ทั้งหมดต้ังแต่ซีพียู หน่วยความจ�าไปจนถึงหน่วยน�าเข้าและส่งออก บางครั้งนิยมเรียกรวม ๆ 1) ระบบปฏบิ ตั กิ าร เปน ซอฟตแ วรท ใ่ี ชค วบคมุ ว่าแพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์จะท�างานได้จ�าเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการติดตั้งอยู่ในเครื่องเสีย และประสานงานระหวางอุปกรณภายใน ก่อน ตัวอย่างของระบบปฏิบัติการที่ส�าคัญ และควรรู้ มีดังนี้ ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์ คอมพวิ เตอรท งั้ หมดตง้ั แตซ พี ยี ู หนว ยความ วนิ โดวส ์ ระบบปฏบิ ตั กิ ารแมคอินทอช ระบบปฏิบัตกิ ารลีนกุ ซ์ ระบบปฏิบัตกิ ารดอส และระบบ จํา ไปจนถึงหนว ยนําเขา และสง ออก ปฏิบตั ิการแอนดรอยด์ 2) ตัวแปลภาษาเปนโปรแกรมที่ทําหนาที่ใน การแปลโปรแกรมหรอื ชดุ คําสัง่ ท่ีเขียนดว ย ภาษาทไ่ี มใ ชภ าษาเครอื่ ง หรอื ภาษาเครอ่ื งที่ ไมเ ขา ใจใหเ ปน ภาษาเครอ่ื งทส่ี ามารถรแู ละ เขาใจ แลว เครื่องคอมพิวเตอรน าํ ไปปฏบิ ตั ิ ได ภาพท ่ี 3.20 ระบบปฏิบตั ิการไมโครซอฟต์วนิ โดวส์ ภาพท ่ี 3.21 ระบบปฏิบตั กิ ารแมคอนิ ทอช 2) ตัวแปลภาษา (Translator) เปน็ โปรแกรมทท่ี า� หนา้ ทใ่ี นการแปลโปรแกรมหรอื ชดุ คา� สงั่ ทเี่ ขยี นดว้ ยภาษาทไี่ มใ่ ชภ่ าษา เคร่ือง หรือภาษาเครื่องที่ไม่เข้าใจให้เป็นภาษาที่เครื่องสามารถรู้และเข้าใจ แล้วเคร่ืองน�าไป ปฏิบัติได ้ เชน่ ภาษา BASIC, COBOL, C, PASCAL, FORTRAN, ASSEMBLY เปน็ ต้น โปรแกรมภาษา C ตวั แปลภาษา โปรแกรมท�างานได้ 74 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครคู วรเปด ระบบปฏบิ ตั กิ ารตา งๆ ใหน กั เรยี นดู เพอื่ ใหน กั เรยี นไดเ หน็ วา ระบบ ขอใดจัดเปนซอฟตแ วรระบบทัง้ หมด ปฏบิ ตั กิ ารแตล ะแบบมคี วามแตกตา งกนั อยา งไร พรอ มอธบิ ายเกย่ี วกบั ลกั ษณะการ 1. Windows 7/C++ ใชง าน ขอ ด-ี ขอ เสยี และขอ จาํ กดั ของระบบปฏบิ ตั กิ ารนน้ั ๆ เชน 2. Windows 7/Ubuntu 3. Microsoft Office 2010/Windows XP - ระบบปฏบิ ตั กิ ารไมโครซอฟตว นิ โดวส (Windows) 4. Window media player/Windows Vista - ระบบปฏบิ ตั กิ ารแมคอนิ ทอช (Macintosh) (วิเคราะหค ําตอบ Windows 7 และ Ubuntu ถอื วา เปน ซอฟตแ วร - ระบบปฏบิ ตั กิ ารลนี กุ ซ (Linux) - ระบบปฏบิ ตั กิ ารดอส (DOS) ระบบ ดงั นน้ั ตอบขอ 2.) - ระบบปฏบิ ตั กิ ารแอนดรอยด (Android) T80

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา่ งโปรแกรมทสี่ ามารถใช้งานได้ฟรี ขน้ั สอน โปรแกรม Open Source โอเพนซอร์ส (Open Source) คอื ซอฟตแ์ วรท์ สี่ ามารถ 3. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางโปรแกรมที่ น�าไปใชง้ าน ศึกษา แก้ไข และเผยแพร่ไดอ้ ยา่ งเสรี ปราศจาก สามารถใชง านไดฟ รี และครูสรุปความรู เรื่อง เงอ่ื นไขเพมิ่ เตมิ การพฒั นาทเี่ ปดิ เผยซอรส์ โคด้ (รหสั ตน้ ฉบบั ) โปรแกรมโอเพนซอรส ใหฟ ง วา เปน ซอฟตแ วร ให้สาธารณะน�าไปพัฒนาต่อยอดได้ ท�าให้เกิดการร่วมมือกัน ที่สามารถนําไปใชงาน ศึกษา แกไข และ ทา� งานอย่างไรพ้ รมแดนผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ (ขอ้ สงั เกต เผยแพรไดอยางเสรี จากนั้นครูอธิบาย คา� วา่ ซอฟตแ์ วรโ์ อเพนซอรส์ และซอฟตแ์ วรเ์ สรี มคี วามหมาย คุณสมบัติที่สําคัญของซอฟตแวรโอเพนซอรส เดยี วกนั และใชแ้ ทนกนั ได้ พรอ มกบั ถามคาํ ถามวา โปรแกรมโอเพนซอรส คุณสมบ1ัต. ทิ กสี่ าา� รคเัญข้าขถอึงงซซออรฟ์สตโ์แคว้ด1ร์โอโดเพยนทซ่ีแอจรก์สจป่ารยะหกรอือบกดาว้ รยกระจายซอฟต์แวร์กระท�าโดยการแนบ ท่ีนกั เรียนรูจกั มีโปรแกรมใดบาง ซอรส์ โคด้ รว่ มกบั ไบนารโี คด้ การทใี่ หผ้ ใู้ ชห้ รอื บคุ คลอน่ื เขา้ ถงึ ซอรส์ โคด้ ได้ เพอ่ื ทจ่ี ะทา� การปรบั ปรงุ ใชป้ ระโยชน์ซอร์สโคด้ เพอ่ื การศึกษา ท�าความเข้าใจ เรียนร้เู ทคนิค ตลอดจนการเพิ่มเติมปรับปรุง ฟังก์ชนั หรอื บางส่วนของซอฟตแ์ วรไ์ ดเ้ อง 2. การมีข้อตกลงเกีย่ วกบั สิทธิ (licensing agreement) ในการอนุญาตให้แจกจ่ายเผยแพร่ ซอฟตแ์ วร์ท่ีเร่มิ พฒั นาข้ึน และกระจายตอ่ เม่อื มกี ารปรบั ปรงุ แก้ไขใหด้ ีขึ้นหรอื เพม่ิ เตมิ โปรแกรม Open source มดี ังน้ี 1. Google Chrome คอื เวบ็ ใหมแ่ ละเปน็ เวบ็ เบราวเ์ ซอรแ์ รกของ กูเกิล ท่สี รา้ งโดยกเู กิล ซึง่ ตอนนม้ี ีถึงเวอร์ชนั 66 แลว้ ด้วยการใช้ งานทงี่ ่าย ฟรี และติดตั้งไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ภายในไมก่ ่วี ินาที ภาพที่ 3.22 Google Chrome 2. VLC Media Player คือ โปรแกรมเลน่ ไฟล์สอ่ื เชน่ เพลงและ ภาพที่ 3.23 VLC Media Player ภาพเคลอื่ นไหวไดห้ ลายสกุล รวมทงั้ ไฟลท์ ่เี ล่นบนมือถอื ใช้ส�าหรับ เลน่ ไฟลม์ เี ดยี ตา่ ง ๆ โดยวแี อลซมี เี ดยี เพลเยอร์ (VLC Media Player) เปน็ ซอฟตแ์ วรเ์ ลน่ ไฟลส์ อ่ื คณุ ภาพสงู รบั ชมภาพและเสยี ง บนั ทกึ ภาพ และเสยี ง และการถ่ายทอดแบบสตรีม ซ่งึ สนบั สนนุ ไฟล์ในหลาย ๆ ประเภททรี่ จู้ ักกันดี เช่น วีซีดี ดวี ดี ี การสตรีมโพรโทคอล 3. ปลาดาวออฟฟิศ คอื ชุดโปรแกรมสา� นกั งานทรี่ องรบั การทา� งาน ภาพท่ี 3.24 Pladao office กับเอกสารภาษาไทย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้โดยไม่เสียค่า ใชจ้ า่ ยใด ๆ และมโี ปรแกรมประมวลผลคา� (Word Processor) 75 สร้างตารางค�านวณ (Spreadsheet) น�าเสนองาน (Presentation) วาดภาพแบบเวกเตอร์ (Drawing) และโปรแกรมสมการคณติ ศาสตร์ (Equation) ใช้ไดก้ บั 3 ระบบปฏิบตั กิ ารหลกั คอื Solaris Linux และ Windows กจิ กรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเพ่ิมเติม 1 ซอรสโคด คือ คําส่ังหรือโคดในโปรแกรมซึ่งเขียนดวยภาษาคอมพิวเตอร เกีย่ วกบั โปรแกรมโอเพนซอรส คนละ 5 โปรแกรม พรอมวิเคราะห ภาษาตา งๆ เชน C, Java, pascal ทมี่ นุษยสามารถอานและเขา ใจได ซง่ึ เปน วิธีการใชงาน คุณสมบัติที่สําคัญของโปรแกรม ขอดี-ขอเสีย ภาษาท่ีเขยี นกอนท่จี ะถกู แปลไปเปนภาษาเคร่ือง ขอจํากดั ของโปรแกรม และบันทึกลงในกระดาษทค่ี รแู จกให และ สมุ นักเรียนออกมานาํ เสนอบริเวณหนาช้ันเรยี น T81

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 4. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรป ระยกุ ตว า เปน ซอฟตแ วร ใชง้ านทางดา้ นตา่ ง ๆ ออกมาจา� หนา่ ยเปน็ จา� นวนมาก การประยกุ ตง์ านคอมพวิ เตอรจ์ งึ กวา้ งขวาง ทีใ่ ชกับงานดานตา งๆ ตามความตองการของ และแพรห่ ลาย อาจแบ่งซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ออกเปน็ 2 กลุม่ คือ ซอฟตแ์ วร์สา� เรจ็ และซอฟต์แวร์ ผูใช สามารถนําไปใชประโยชนไดโดยตรง ที่พัฒนาขึ้นใช้เฉพาะงาน ซ่ึงปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลค�า ซอฟต์แวร์ตาราง และสามารถแบงซอฟตแวรประยุกตออกเปน ท�างาน 2 กลมุ คอื ซอฟตแวรสําเร็จและซอฟตแวรท่ี พฒั นาข้ึนใชเ ฉพาะงาน จากนัน้ ครใู หน ักเรียน 1) ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตท์ วั่ ไป (General purpose software) เป็นซอฟต์แวรท์ ี่พฒั นาขึน้ อธิบายเก่ียวกับซอฟตแวรประมวลคําวา เพอื่ ไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานทว่ั ไป ผใู้ ชต้ อ้ งเลอื กซอฟตแ์ วรใ์ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน เชน่ การ มีลักษณะการใชงานอยางไร และสามารถทํา พิมพ์รายงาน การสรา้ งตารางทา� งาน การนา� เสนอผลงาน เปน็ ต้น ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตท์ ว่ั ไปแบ่ง ช้นิ งานประเภทใดออกมาไดบา ง ไดเ้ ปน็ 6 ประเภท ดังนี้ • ซอฟตแ์ วร์ประมวลคา� (Word processing software) เปน็ ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตใ์ ช้ ส�าหรับการพมิ พ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพม่ิ แทรก ลบ และจดั รปู แบบเอกสารได้อย่างด ี เอกสาร ทพี่ มิ พไ์ วจ้ ดั เปน็ แฟม้ ขอ้ มลู เรยี กมาพมิ พห์ รอื แกไ้ ขใหมไ่ ด ้ การพมิ พอ์ อกทางเครอื่ งพมิ พก์ ม็ รี ปู แบบ ตัวอกั ษรให้เลือกหลายรปู แบบ เอกสารจงึ ดูเรยี บรอ้ ยสวยงาม ปัจจุบนั มีการเพิ่มขดี ความสามารถ ของซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� อกี มากมาย ซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� ทน่ี ยิ มใชอ้ ยใู่ นปจั จบุ นั เชน่ Microsoft Word และ CorelDRAW เปน็ ตน้ ภาพที่ 3.25 ตวั อยา่ งซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา� Microsoft Word (ซา้ ย) และ CorelDRAW (ขวา) 76 ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคิด Google Documents หรือเรียกส้ันๆ วา Google Docs เปน บริการทาง ขอใดจัดเปนซอฟตแวรประยกุ ตทงั้ หมด ออนไลนข องบริษทั กเู กิล (ประเทศไทย) จาํ กดั ทีเ่ ขา มาชวยในการจัดการดาน 1. Windows 7/Windows 10 เอกสารแบบไมตองเสียเงิน ไมวาจะเปนการสราง การแกไข หรือการแบงปน 2. Windows 7/Microsoft Office 2010 ไฟลเ อกสารทสี่ าํ คญั สามารถแบง ปน เอกสารใหก บั ผอู นื่ เพอ่ื รว มกนั แกไ ขขอ มลู ใน 3. Windows media player/Windows 10 ไฟลเ อกสารเดียวกนั ไดผ า นการเช่ือมตออนิ เทอรเ น็ต 4. Adobe Photoshop/Windows Movie Maker (วิเคราะหคาํ ตอบ Adobe Photoshop และ Windows Movie Maker ถือวาเปนซอฟตแวรประยุกตท่ีสามารถนํามาใชงานใน ดา นตา งๆ ดงั นนั้ ตอบขอ 4.) T82

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ • ซอฟต์แวร์ตารางท�างาน (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีช่วยในการ ขน้ั สอน คิดค�านวณ การท�างานของซอฟต์แวร์ตารางท�างาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะท�างานท่ีมีกระดาษ ขนาดใหญ่วางไวม้ เี คร่ืองมอื คล้ายปากกา ยางลบ และเคร่อื งคา� นวณเตรยี มไวใ้ ห้เสร็จ บนกระดาษ 5. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรต ารางทาํ งานใหฟ ง วา เปน มีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถส่ังให้ค�านวณตามสูตรหรือเงื่อนไขท่ีก�าหนด ผู้ใช้ ซอฟตแ วรท ชี่ ว ยในการคดิ คาํ นวณ สามารถสง่ั ซอฟตแ์ วรต์ ารางท�างานสามารถประยุกต์ใชง้ านประมวลผลตวั เลขอ่นื ๆ ไดก้ ว้างขวาง ซอฟตแ์ วร์ ใหคํานวณตามสูตรหรอื เงอ่ื นไขทก่ี ําหนด ผูใ ช ตารางทา� งานทนี่ ยิ มใช ้ เชน่ Microsoft Excel เปน็ ต้น งานซอฟตแวรตารางทํางานสามารถประยุกต ใชงานประมวลผลตัวเลขอื่นๆ ได จากน้ัน อธิบายเกีย่ วกบั ซอฟตแ วรจ ัดการฐานขอ มูลให ฟงวา เปน การเก็บขอ มลู และจัดการกบั ขอมลู ในคอมพิวเตอร และใหนักเรียนชวยกันยก ตวั อยา งซอฟตแ วรต ารางทาํ งานและซอฟตแ วร จัดการฐานขอ มลู มาคนละ 1 ชนดิ ภาพที ่ 3.26 ตัวอย่างซอฟตแ์ วรต์ ารางท�างาน Microsoft Excel • ซอฟตแ์ วรจ์ ดั การฐานขอ้ มลู (data base management software) การใชค้ อมพวิ เตอร์ อย่างหน่ึง คือ การใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจ�าเป็นต้องมี ซอฟต์แวร์จัดการข้อมลู การรวบรวมขอ้ มูลหลาย ๆ เรอื่ งท่ีเก่ยี วข้องกนั ไว้ในคอมพวิ เตอร ์ เราก็ เรยี กว่า ฐานขอ้ มูล ซอฟตแ์ วรจ์ ดั การฐานขอ้ มลู จงึ หมายถึง ซอฟตแ์ วร์ท่ชี ว่ ยในการเกบ็ การเรยี ก ค้นมาใช้งาน การท�ารายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลท่ีนิยมใช้ เช่น Microsoft Access, dBase, Paradox, Foxbase เป็นตน้ ภาพท ี่ 3.27 ตวั อย่างซอฟตแ์ วร์จัดการฐานข้อมลู Microsoft Access (ซา้ ย) และ dBase (ขวา) 77 กจิ กรรม ทาทาย ความรูเสริม ครูใหนักเรียนแตละคนคิดคนหัวขอท่ีตนเองสนใจคนละ 1 Google Spreadsheets หรอื เรยี กสน้ั ๆ วา Google Sheets เปน บรกิ ารทาง หัวขอ เพื่อสํารวจความคิดเห็นของเพ่ือนรวมชั้นเรียน จากน้ันให ออนไลนข องบรษิ ทั กเู กลิ (ประเทศไทย) จาํ กดั ทเี่ ขา มาชว ยในการจดั การดา น นกั เรยี นรวบรวมขอ มลู ตา งๆ และใช Google Spreadsheets เขา มา เอกสารแบบไมต อ งเสยี เงนิ มลี กั ษณะการทาํ งานคลา ยกบั Microsoft Excel สามารถ ชว ยจดั การกับขอ มูลตามสูตรตา งๆ พรอ มถายทอดขอมลู ออกมา สรา ง Column และ Row รวมถงึ ใสข อ มลู เพอ่ื คาํ นวณตามสตู รตา งๆ ได ทส่ี าํ คญั ใหม ีความนาสนใจ โดยครูคอยใหค ําแนะนาํ นักเรยี นอยา งใกลชิด สามารถแบง ปน เอกสารใหก บั ผอู น่ื เพอ่ื รว มกนั แกไ ขขอ มลู ในไฟลเ อกสารเดยี วกนั ได และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอหนาช้ันเรยี น ผา นการเชอื่ มตอ อนิ เทอรเ นต็ T83

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน • ซอฟต์แวร์น�าเสนอ (presentation software) เป็นซอฟต์แวร์ท่ีใช้ส�าหรับน�าเสนอ ข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดดู ความสนใจ ซอฟตแ์ วรเ์ หลา่ นจี้ ึงเปน็ ซอฟต์แวรท์ ่นี อกจาก 6. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา นักเรียนเคยใช สามารถแสดงข้อความในลักษณะท่ีจะส่ือความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และ ซอฟตแ วรใ ดบา งในการนาํ เสนอผลงาน พรอ ม รูปภาพได้ ตวั อย่างของซอฟต์แวร์น�าเสนอ เชน่ Microsoft PowerPoint, OpenOffice Impress, กบั อธบิ ายซอฟตแ วรน าํ เสนอวา เปน ซอฟตแ วร Pladao office เปน็ ต้น ท่ีใชสําหรับนําเสนอขอมูล ซึ่งการนําเสนอ ขอมูลนั้นตองสามารถดึงดูดความสนใจของ ภาพท่ี 3.28 ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรน์ �าเสนอ Microsoft PowerPoint (ซา้ ย) และ OpenOffice Impress (ขวา) ผูชมได จากน้ันครูอธิบายซอฟตแวรทางดาน กราฟกใหฟงวา เปนกลุมซอฟตแวรประยุกต • ซอฟตแ์ วรท์ างดา้ นกราฟก และมลั ตมิ เี ดยี 1(graphic and multimedia software) เปน็ ท่ีถูกพัฒนาขึ้นสําหรับจัดการทํางานทางดาน กลมุ่ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตท์ ถ่ี กู พฒั นาขนึ้ สา� หรบั จดั การทา� งานทางดา้ นกราฟกิ และมลั ตมิ เี ดยี มคี วาม กราฟกและมัลติมีเดีย ซ่ึงจะมีเครื่องมือใน สามารถเสมือนเป็นผู้ช่วยในการออกแบบชิ้นงานเก่ียวกับการตกแต่งภาพ วาดภาพ ปรับเสียง การออกแบบช้ินงานเกี่ยวกับการตกแตงภาพ ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างและออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์ทางด้านกราฟิก วาดภาพ ปรบั เสยี ง หรอื ตดั ตอ ภาพเคลอื่ นไหว และมลั ติมีเดีย เช่น Adobe Indesign, Adobe Illustrator, Adobe Photoshop เป็นตน้ ภาพท่ี 3.29 ตวั อยา่ งซอฟต์แวรท์ างดา้ นกราฟกิ และมลั ติมเี ดยี Adobe Photoshop (ซา้ ย) และ Adobe Indesign (ขวา) 78 นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills 1 มัลติมเี ดยี คอื เทคโนโลยที ่ไี ดรบั การพัฒนาใหกา วหนาอยางรวดเร็ว และ 1. ใหน กั เรียนแบงกลุมตามความสมคั รใจ กลมุ ละ 4-5 คน ใชค อมพวิ เตอรแ สดงผลในลกั ษณะการผสมสอื่ หลายชนดิ เขา ดว ยกนั ทงั้ ตวั อกั ษร 2. นักเรยี นแตละกลมุ คิดคนหัวขอท่นี าสนใจ กลุมละ 1 หวั ขอ รูปภาพ เสียง ภาพเคล่ือนไหว วิดีโอ โดยเนนการโตตอบและมีปฏิสัมพันธกับ 3. จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมใชซอฟตแวรนําเสนอสรางงาน ผูใชงาน นาํ เสนอตามรูปแบบทน่ี กั เรยี นคดิ วานาสนใจอยา งอิสระ 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู บรเิ วณหนา ชนั้ เรยี น โดยใชว ธิ ี การสื่อสารท่ที ําใหผอู ่นื เขาใจไดงา ย 5. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั ซอฟตแ วรนาํ เสนอ T84

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ • ซอฟตแ์ วรก์ ารใชง้ านบนเวบ็ ไซตแ์ ละการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (web site and communications ขน้ั สอน software) จากการเจรญิ เตบิ โตของเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ทา� ใหผ้ พู้ ฒั นาโปรแกรมเพอื่ ใชง้ านเฉพาะ อยา่ งเพม่ิ มากขน้ึ มที ง้ั การตรวจเชก็ อเี มล เขา้ เวบ็ ไซต ์ การจดั การและการดแู ลเวบ็ ไซต ์ สง่ ขอ้ ความ 7. ครอู ธบิ ายซอฟตแ วรก ารใชง านบนเวบ็ ไซตแ ละ ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร รวมไปถงึ การประชมุ ทางไกลผา่ นเครอื ขา่ ย ตวั อยา่ งซอฟตแ์ วรก์ ารใชง้ านบนเวบ็ ไซต์ การติดตอสื่อสารวา เปนซอฟตแวรที่ใชงาน และการตดิ ตอ่ สื่อสาร เช่น Microsoft Outlook, Microsoft NetMeeting, Skype, Line เปน็ ตน้ เฉพาะในหลายๆ ดา น เชน การตรวจเชก็ อเี มล การเขา เวบ็ ไซต การจดั การและการดแู ลเวบ็ ไซต รวมถึงการประชุมทางไกลผานเครือขาย อนิ เทอรเ นต็ ภาพที ่ 3.37 ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรก์ ารใช้งานบนเว็บไซต์และการสอื่ สาร Microsoft Outlook (ซา้ ย) และ Skype (ขวา) 8. ครูอธิบายซอฟตแวรประยุกตเฉพาะงาน ใหนักเรียนฟงวา เปนโปรแกรมท่ีไดรับการ 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตเ์ ฉพาะงาน เปน็ โปรแกรมทไ่ี ดร้ บั การออกแบบและพฒั นาสา� หรบั ออกแบบและพัฒนาสําหรับนําไปใชงาน น�าไปใช้งานเฉพาะด้านหรือในสาขาใดสาขาหน่ึงตามความต้องการของผู้ใช้ โดยท่ีผู้เขียน คือ เฉพาะดานหรือในสาขาใดสาขาหนึ่งตาม โปรแกรมเมอร์ (programmer) ที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ และ ความตองการของผูใช โดยมีโปรแกรมเมอร ตอ้ งศกึ ษาท�าความเข้าใจงานและรายละเอียดของการประยกุ ตน์ นั้ เป็นอย่างดี เช่น โปรแกรมช่วย ท่ีมีความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษา จัดการดา้ นการเงนิ โปรแกรมชว่ ยจัดการบริการลกู ค้า ฯลฯ ตามปกตจิ ะไมค่ ่อยได้เห็นซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร ซึ่งจะตองศึกษาทําความเขาใจ ประเภทนใี้ นทอ้ งตลาดทวั่ ไป แตจ่ ะซอื้ หาไดจ้ ากผผู้ ลติ หรอื ตวั แทนจา� หนา่ ยในราคาคอ่ นขา้ งสงู กวา่ งานและรายละเอยี ดของการใชงานซอฟตแวร ซอฟต์แวรท์ ่ใี ชง้ านทัว่ ไป แบ่งออกได้ ดังน้ี ประยุกตน ัน้ เปน อยา งดี • ซอฟตแ์ วร์สา� หรับงานธุรกจิ ได้แก ่ ระบบงานบญั ชเี จ้าหน ี้ และบัญชสี นิ ทรัพยถ์ าวร • ซอฟตแ์ วร์ระบบงานจดั จา� หน่าย ได้แก ่ ระบบงานรบั ใบสั่งซือ้ สินค้า และระบบงาน บรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั • ซอฟต์แวร์ระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ ระบบงานก�าหนดโครงสร้าง ผลติ ภัณฑ ์ การวางแผนกา� ลงั การผลิต • ซอฟตแ์ วรอ์ ืน่ ๆ ไดแ้ ก ่ ระบบการสร้างรายงาน การบรหิ ารการเงนิ การเชา่ ซอ้ื อสงั หาริมทรัพย์ และการเช่าซอื้ รถยนต์ 79 กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู 1. ใหน กั เรียนแบง กลุมตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน ครคู วรใชคาํ ถามกระตนุ ความคิดของนกั เรียนวา นกั เรยี นเคยใชซอฟตแ วร 2. นักเรียนแตละกลุมเลือกซอฟตแวรประยุกตเฉพาะงานท่ีสนใจ ใดบางในการติดตอส่ือสาร และแตละซอฟตแวรมีลักษณะการใชงานอยางไร มีขอดี-ขอเสีย หรือขอจํากัดอยางไร พรอมสุมใหนักเรียนไดแลกเปล่ียนความ กลุมละ 1 ชวั่ โมง คดิ เหน็ รวมกัน หรือครอู าจจะยกตวั อยา งการนําไปใชง านของซอฟตแวรการใช 3. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ งานบนเว็บไซตและการติดตอสอื่ สาร ซอฟตแ วรท่ีเลอื ก T85 4. ใหนักเรียนแตละกลุมใชซอฟตแวรนําเสนอสรางงานนําเสนอ ขอมูลพื้นฐานของซอฟตแวรและเตรียมการสาธิตการใชงาน เบอื้ งตนของซอฟตแวร 5. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียน และสาธิต การใชงานเบือ้ งตน ของซอฟตแ วร 6. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั ซอฟตแ วรเ ฉพาะงาน

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 3.2  การใช้ซอฟตแ์ วร์ ในการทา� งานพ้ืนฐาน 9. ครูอธิบายวา ซอฟตแวรมีสวนชวยในการ ซอฟตแ์ วรม์ สี ว่ นชว่ ยในการทา� งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ เราสามารถใชซ้ อฟตแ์ วรช์ ว่ ย ทํางานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถ ในการทา� งานได ้ ดงั น้ี ใชซ อฟตแ วรชว ยในการทาํ งานได ดังนี้ 1) พิมพเอกสารตางๆ 1. พมิ พ์เอกสาร การพมิ พ์เอกสาร เช่น รายงาน จดหมาย บทความ เป็นต้น นยิ มใช้ 2) สรางตารางในการคํานวณหรือประมวลผล โปรแกรมประมวลค�า (Word processing) เชน่ ไมโครซอฟต์เวิร์ด เวริ ด์ สตาร ์ ปลาดาว เปน็ ตน้ ตา งๆ ได โปรแกรมประมวลค�ามีหลักการ คือ จ�าลองหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็นเหมือนแผ่นกระดาษ 3) สรางกราฟในการนําเสนอขอมูลในรูปแบบ มีการก�าหนดก้ันหน้า-กั้นหลัง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง แล้วมีต�าแหน่งการพิมพ์บนหน้ากระดาษนั้น ของแผนภาพ ผพู้ ิมพส์ ามารถพิมพ์เอกสารยอ่ หน้า เว้นวรรค สรา้ งภาพประกอบข้อความ ลบแกไ้ ข และคดั ลอก 4) ชว ยในการออกแบบ เอกสารได ้ 5) ชวยในการนําเสนองานจากโปรแกรม คอมพิวเตอรต างๆ 2. สร้างตาราง การสร้างตารางเป็นการประยุกต์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพ่ือใช้ในการ ค�านวณหรือประมวลผล เช่น บัญชรี ายรบั -รายจ่าย บญั ชเี งินเดือน เปน็ ตน้ โปรแกรมตารางงาน เรยี กอกี อย่างหนึง่ ว่า Spreadsheet เชน่ โปรแกรมไมโครซอฟต์เอก็ เซล โลตสั โปรแกรมปลาดาว ตารางงาน เป็นต้น การสร้างตารางเหมาะกับงานที่เกี่ยวกับบัญชี หรือตัวเลขที่น�ามาค�านวณ ประมวลผล 3. สร้างกราฟ กราฟเป็นการน�าเสนอข้อมูลในรูปของแผนภาพ กราฟที่นิยมใช้บ่อย ๆ คอื กราฟแทง่ แนวนอน กราฟแทง่ กราฟวงกลม กราฟเส้น เปน็ ต้น การสร้างกราฟโดยปกติใช้ โปรแกรมสา� เรจ็ รูป 4. ออกแบบ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์มีโปรแกรมส�าเร็จรูปหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม AutoCad โปรแกรม PhotoShop โปรแกรม Freehand เป็นต้น ซงึ่ ช่วยในการออกแบบ ตา่ ง ๆ เชน่ ออกแบบบา้ น ออกแบบเสอื้ ผา้ ออกแบบโตะ๊ โดยโปรแกรมประเภทนีจ้ ะออกแบบหน้า กระดาษใหเ้ ปน็ พืน้ ทว่ี า่ ง ๆ และมเี คร่อื งมือสา� หรับออกแบบไวใ้ หผ้ ูใ้ ชง้ านสามารถน�าเคร่ืองมอื มา สร้างแบบเป็นรูปทรงตา่ ง ๆ ได้ตามตอ้ งการ 5. น�าเสนองาน การน�าเสนองานเป็นการน�าเสนอที่สร้างงานจากโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ เช่น เอกสารจากโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ด ตารางจากโปรแกรมตารางงาน เปน็ ตน้ แลว้ นา� มา เสนอด้วยโปรแกรมการน�าเสนอ ซ่ึงโปรแกรมน�าเสนอที่ได้รับความนิยม คือ โปรแกรมคีย์โน้ต ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ เป็นต้น ลักษณะของโปรแกรมประเภทน้ีจะมีเครื่องมือช่วยให้ผู้ใช้ สร้างภาพและตกแต่งสไลด์ได้อย่างสวยงาม หรือใส่ภาพเคลื่อนไหวและบันทึกเสียงประกอบการ นา� เสนอได้ 80 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครูควรกระตุนความคิดของนักเรียนในการตอบคําถามวา ซอฟตแ วรมีสวน ใหนักเรยี นแตละคนวาดแผนผงั ความคิด (Mind Map) เรอื่ ง ชว ยในการทาํ งานใหม ปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขนึ้ ไดอ ยา งไร เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดฝ ก การ การใชซอฟตแวรในการทํางานพื้นฐาน เพ่ือใหนักเรียนไดทบทวน คิดยืดหยุนและคิดหลากหลาย โดยครูอาจสุมนักเรียนตอบคําถามเพ่ือ การใชซ อฟตแ วรต า งๆ ทอี่ ยใู นชวี ติ ประจาํ วนั และเขา มามสี ว นชว ย แลกเปลี่ยนความคิดรว มกันภายในชัน้ เรียน ในการทํางานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบันทึกลงในกระดาษ ท่คี รแู จกให และสุมนักเรยี นออกมานําเสนอหนา ช้นั เรยี น T86

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.3  การพัฒนาซอฟตแ์ วร ์ ขนั้ สอน การพัฒนาซอฟต์แวร ์ มขี นั้ ตอน ดงั นี้ 10. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา การพัฒนา 1. การวิเคราะห ์ เปน็ ขัน้ ตอนแรกของการพฒั นาซอฟต์แวร์ ซ่ึงอาจแบ่งไดเ้ ป็น 2 ข้นั ตอน ซอฟตแวรมีก่ีขั้นตอน อะไรบาง จากนั้นให • ข นั้ ที ่ 1 เป็นการส�ารวจความต้องการ และเหตุผลของการตัดสนิ ใจนา� คอมพวิ เตอร์ นกั เรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถามน้ี เข้ามาช่วยในการทา� งานใหเ้ ป็นไปโดยอตั โนมตั ิ 11. ครอู ธบิ ายการพฒั นาซอฟตแ วรว า มขี น้ั ตอน • ขน้ั ที ่ 2 เปน็ การวิเคราะหร์ ะบบงานที่ใช้อยู่ปัจจบุ ัน หากน�าระบบทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์ ดงั นี้ 1) การวิเคราะห เปนข้ันตอนแรกของการ มาช่วยงานจะตอบสนองความต้องการได้อย่างไร ข้อมูลที่ใช้และระบบซอฟต์แวร์ พฒั นาซอฟตแ วร ซง่ึ เปน การสาํ รวจความ จะตอ้ งกา� หนดได้อยา่ งเด่นชดั ผลลัพธ์จากการวเิ คราะห์ทา� ใหไ้ ด้ชดุ ของขอ้ ก�าหนด ตอ งการและวเิ คราะหร ะบบงานทใ่ี ชอ ยใู น ของระบบเพือ่ น�าไปใชใ้ นการออกแบบซอฟตแ์ วร์ตอ่ ไป ปจ จบุ นั 2. การออกแบบ ในการออกแบบซอฟต์แวร์ จะเป็นงานพัฒนาทางด้านเทคนิคเพื่อแบ่ง 2) การออกแบบ เปนงานพัฒนาทางดาน แยกงานใหเ้ ปน็ หนว่ ยยอ่ ยเรยี กวา่ มอดลู ทสี่ ามารถแยกจดั การเฉพาะสว่ นไดโ้ ดยงา่ ย การนา� ระบบ เทคนคิ เพอ่ื แบง แยกงานใหเ ปน หนว ยยอ ย ใหญม่ าแบง่ ย่อยเป็นสว่ นเล็ก ๆ และสามารถนา� มาเช่อื มรวมกันเป็นระบบใหญ่ถอื เปน็ ส่วนส�าคญั ทส่ี ามารถแยกจดั การเฉพาะสว นไดโ ดยงา ย ที่ชว่ ยใหง้ านใหญส่ �าเรจ็ ลงได้ เพราะการสรา้ งระบบซอฟต์แวร์ขนาดใหญแ่ ตเ่ พียงล�าพงั เป็นเรอ่ื ง 3) การเขียนโปรแกรมหรือการสรางช้ินงาน ท่ีเกินกว่าก�าลังของคนคนเดียว การแยกส่วนแบ่งงานกันท�าจะท�าให้ผู้พัฒนาแต่ละคนสามารถ จริง เปนข้ันตอนของการสรางหรือเขียน ทา� งานเฉพาะในสว่ นของตนไดด้ ี ขณะเดยี วกนั จะงา่ ยแกก่ ารบา� รงุ รกั ษาในอนาคต โปรแกรม การสรา งแฟม ขอ มลู การพฒั นา 3. การเขียนโปรแกรมหรือการสร้างชิ้นงานจริง เป็นข้ันตอนของการสร้างหรือเขียน ฐานขอ มลู โปรแกรม การสรา้ งแฟม้ ข้อมลู และการพฒั นาฐานขอ้ มลู การออกแบบซอฟต์แวร์เปน็ หนว่ ยย่อย 4) การตรวจสอบซอฟตแวร เปนข้ันตอน หลาย ๆ มอดูล ท�าใหส้ ามารถแบ่งงานเขยี นโปรแกรม หรอื สร้างชิ้นงานให้กับนักเขยี นโปรแกรม สุดทายที่เปนการตรวจสอบซอฟตแวรวา หลาย ๆ คนทา� พรอ้ มกันได้ ทาํ งานไดอ ยา งครบถว นตามตอ งการหรอื ไม 4. การตรวจสอบซอฟต์แวร์ ขั้นตอนสุดท้ายท่ีเป็นการตรวจสอบซอฟต์แวร์ว่าท�างานได้ อยา่ งครบถว้ นตามตอ้ งการหรอื ไม ่ โดยมกี ารตรวจแกไ้ ขซอฟตแ์ วรเ์ ปน็ ชดุ มอดลู และตรวจสอบการ ท�างานร่วมกนั ของมอดลู ต่าง ๆ ซง่ึ ข้ันตอนนจี้ ะต้องมคี วามพิถีพถิ ันในการตรวจสอบอย่างละเอียด การพัฒนาซอฟตแ์ วรข์ นาดใหญ่จ�าเป็นต้องดา� เนนิ ตามขนั้ ตอนที่กล่าวแลว้ ข้างต้น เพื่อให้ ไดร้ ะบบซอฟตแ์ วรท์ ส่ี มบรู ณม์ ขี อ้ ผดิ พลาดนอ้ ยทสี่ ดุ ในทกุ ขน้ั ตอนควรเขยี นเอกสารประกอบอยา่ ง ครบถ้วน เพอ่ื ใหผ้ ู้ร่วมงานคนอืน่ ๆ เขา้ ใจและทา� งานรว่ มกนั ได้ ภาพที่ 3.31 การพัฒนาซอฟต์แวร์ 81 กิจกรรม 21st Century Skills ส่ือ Digital 1. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ ตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนศึกษาเน้ือหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับอาชีพนักพัฒนาซอฟตแวร 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ คดิ ประเภทของซอฟตแวรที่ตองการพัฒนา จากคลิปวิดีโอใน YouTube เรือ่ ง I AM : Programmer นักพฒั นาซอฟตแวร ตามลงิ กที่แนบมา https://www.youtube.com/watch?v=5RSuLsHI-Pk กลมุ ละ 1 ประเภท 3. นักเรียนรวมกันวางแผนและวิเคราะหหาแนวทางในการพัฒนา ซอฟตแ วรด ังกลาว 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สรา งงานนาํ เสนอขน้ั ตอนและแนวทางในการ พัฒนาซอฟตแ วรของกลุมตนเอง 5. นักเรยี นแตล ะกลมุ นําเสนอขอมลู หนาชั้นเรยี น 6. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั การพัฒนาซอฟตแวร T87

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อย่างโปรแกรมทส่ี ามารถใชง้ านได้ฟรี โปรแกรม OpenOffice 12. ครอู ธบิ ายโปรแกรม OpenOffice วา เปน ชดุ โปรแกรมสํานักงานที่มีความสามารถทํางาน โปรแกรม OpenOffice คอื ชดุ โปรแกรมสา� นกั งานทม่ี คี วาม ไดใ นระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows Linux Mac สามารถ และคลา้ ยคลงึ กบั Microsoft Office สามารถทา� งาน OS จากน้ันครูอธิบายชุดคําส่ังของโปรแกรม ไดใ้ น Windows Linux Mac OS เป็นต้น OpenOffice.org OpenOffice และถามคําถามเกี่ยวกับชุด ประกอบดว้ ยโปรแกรม คอื Writer Calc Draw Impress และ โปรแกรม OpenOffice กบั นกั เรยี น Base โดยแตล่ ะสว่ นสามารถเทียบเคียงกันได้ ดงั นี้ ภาพที่ 3.32 โปรแกรม OpenOffice ตาราง 3.1 เปรยี บเทียบการใช้งานของโปรแกรม OpenOffice กบั Microsoft Office Open Office Microsoft Office หนา้ ท่ี Writer Microsoft Word ประมวลข้อความจดั ท�าเอกสาร Calc Microsoft Excel ตารางค�านวณ Draw Microsoft Visio วาดภาพลายเส้น แผนผัง Impress Microsoft PowerPoint น�าเสนอข้อมลู Base Microsoft Access ฐานข้อมลู ชุดโปรแกรม Open Office มดี งั นี้ 1. OpenOffice \"Writer\" เป็นโปรแกรมช่วยด้านการพิมพ์ตัวหนังสือส�าหรับงานเอกสาร ตา่ ง ๆ เช่น การพิมพ์บันทกึ ข้อความ การพิมพร์ ายงาน การพมิ พ์วิทยานพิ นธ ์ จดหมาย เป็นตน้ โดยมตี วั ชว่ ยในเรอื่ งของการตรวจคา� สะกด ทง้ั ศพั ทภ์ าษาไทยและภาษาองั กฤษ การแกไ้ ขคา� ผดิ แบบ อตั โนมตั ิ การตัดค�าเมือ่ ส้นิ สดุ บรรทัด ส่วนสนบั สนนุ การท�างานเอกสารรว่ มกัน และยังสามารถจัด เก็บในรปู แบบของ HTML เพือ่ ชว่ ยใหเ้ ราทา� เว็บไซต์ไดอ้ ย่างงา่ ย เปน็ ต้น 2. OpenOffice \"Calc\" เป็นโปรแกรมประเภท Spread Sheet แบบทเ่ี ราร้จู กั กนั ดีในชื่อของ Microsoft Excel โดยท ่ี Calc กม็ หี นา้ ตาคลา้ ยกบั หนา้ ตาของ Microsoft Excel ทา� หนา้ ท ี่ นา� ขอ้ มลู ในตารางทม่ี อี ยูม่ าสร้างกราฟรปู แบบต่าง ๆ ทั้งกราฟเส้น กราฟแทง่ กราฟวงกลม ทง้ั แบบ 2 มติ ิ และ 3 มิตไิ ด้ 3. OpenOffice \"Impress\" เป็นโปรแกรมการน�าเสนองาน (Presentation) ทีใ่ ชง้ า่ ยไมต่ ่าง จาก Microsoft PowerPoint เราสามารถสร้างสไลดก์ ารนา� เสนอได้อย่างงา่ ย ๆ ดว้ ย Template ท่ี มมี าให ้ จะเลอื กพิมพ์ขอ้ ความ หรอื จะแทรกภาพประกอบอยา่ งไร กส็ ามารถท�าไดส้ ะดวก 4. OpenOffice \"Math\" เปน็ โปรแกรมชว่ ยสร้างสตู รทางคณิตศาสตร์หรอื สมการต่าง ๆ 5. OpenOffice \"Base\" เปน็ โปรแกรมชว่ ยงานในเร่ืองเกย่ี วกบั การจัดการฐานขอ้ มลู เรา สามารถสร้างฐานข้อมูล เรียกดูและเรียกใช้ฐานข้อมูลจ�านวนมากเพ่ือการวิเคราะห์ต่าง ๆ ช่วย เราทา� รายงานที่ซับซอ้ นยงุ่ ยาก หรือจดหมายเวียนจา� นวนมากได้ และยังสามารถเชือ่ มต่อกับฐาน ข้อมลู ภายนอกทม่ี อี ยู่แล้ว xเช่น MySQL และ dBase ได้ 82 เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills ครคู วรเปด โปรแกรม OpenOffice แตล ะโปรแกรมใหน กั เรยี นดู พรอ มอธบิ าย แบง นกั เรยี นออกเปน 3 กลมุ แตละกลุมเลือกศึกษาโปรแกรม ถึงความสามารถในการทํางานของแตละโปรแกรม รวมถึงขอดี-ขอเสียของ OpenOffice ตามลําดับ โปรแกรม เพ่ือใหนักเรียนไดเปรียบเทียบความแตกตางระหวางโปรแกรม OpenOffice กับโปรแกรม Microsoft Office ท่ีใชอ ยใู นชีวิตประจาํ วนั ได กลุมที่ 1 Writer กลุมท่ี 2 Calc กลมุ ที่ 3 Impress จากนั้นใหแตละกลุมทําตารางสรุปขอดี-ขอเสียในการใชงาน เปรียบเทียบกับโปรแกรมกลุม Microsoft Office แลวออกมานํา เสนอหนาชั้นเรยี น T88

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.4  ตัวอย่างการสร้างกราฟ ขน้ั สอน 1. การสรา้ งกราฟเส้นดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel 13. ครูอธิบายตัวอยางการสรางกราฟโดยใช โปรแกรม Microsoft Office Excel เป็นทน่ี ยิ มในการท�ากราฟ การรวมขอ้ มูล ใชส้ รา้ ง โปรแกรม Microsoft Excel โดยใหน กั เรยี นศกึ ษา กราฟแสดงผลรวมขอ้ มลู หรอื การทา� รายงานสรปุ ผลตา่ ง ๆ การทา� เปน็ กราฟทา� ใหส้ ามารถดใู นรปู ขน้ั ตอนการสรา งกราฟตามหนงั สอื เรยี น โดย แบบเป็นแกนแท่ง ๆ แยกข้อมูลแต่ละประเภทไดช้ ัดเจน สะดวกกวา่ การทด่ี ูข้อมูลเปน็ ตาราง การเปด โปรแกรม Microsoft Excel และสรา ง ข้นั ตอนการสรา้ งกราฟเส้นดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel ตารางขอ มลู ทต่ี อ งการ พรอ มกบั ใชเ มาสล าก 1) เปดิ โปรแกรม Microsoft Excel จากนั้นสร้างตารางขอ้ มูลทตี่ ้องการ คลมุ ในสว นขอ มลู ทต่ี อ งการทําเปน กราฟเสน จากนั้นคลิกท่ีเมนูแทรกและเลือกชนิดของ กราฟทต่ี อ งการ ภาพท่ ี 3.33 หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Excel 2) ใช้เมาส์ลากคลุมในส่วนข้อมูลท่ีต้องการน�ามาท�าเป็นกราฟแบบเส้น คลิกท่ีเมนู แทรก (Insert) เลอื กชนิดของกราฟทตี่ ้องการใชง้ าน ภาพท่ ี 3.34 ตวั อย่างการใสข่ ้อมูลเพือ่ ท�ากราฟเส้นของโปรแกรม Microsoft Excel 83 กิจกรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลเก่ียวกับการนําเสนอขอมูล ครูควรนําเสนอการสรางกราฟแบบตางๆ โดยใชโปรแกรม Microsoft โดยใชก ราฟเสน ดว ยโปรแกรม Microsoft Excel จากนน้ั ใหน กั เรยี น Excel เพ่ือใหนักเรียนไดเห็นถึงขอแตกตางของกราฟแตละแบบ พรอมอธิบาย รวบรวมขอ มูลจากแหลงขอมลู เพ่อื ดูเปน แนวทาง และใหน กั เรยี น การใชง าน ขอ ด-ี ขอ เสยี และขอ จาํ กดั ของกราฟแตล ะแบบ ไมว า จะเปน กราฟเสน คดั เลือกหวั ขอทตี่ นเองสนใจมาคนละ 1 หัวขอ พรอมสรางกราฟ กราฟวงกลม กราฟแทง จากน้ันครถู ามคาํ ถามกระตุนความคดิ ของนกั เรยี นวา เสน ดว ยโปรแกรม Microsoft Excel และตกแตงออกมาในรปู แบบ นกั เรียนพบการนําเสนอขอมูลโดยการใชกราฟกับงานในลักษณะใดบาง ท่นี า สนใจมา จากนนั้ ครสู ุม นกั เรียนออกมานําเสนอกราฟเสน ทีไ่ ด สรา งขึน้ หนาช้ันเรียน T89

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 3) หลังเลือกชนิดของกราฟจะปรากฏรูปกราฟเป็นกราฟเส้น หากต้องการปรับแต่ง กราฟ เชน่ เปลย่ี นตัวอกั ษร แตง่ สี เปลย่ี นชนิดของกราฟ หรือลบเสน้ กราฟที่ได้ ใหเ้ ลือกชดุ ขอ้ มูล 14. ครอู ธบิ ายตวั อยา งการสรา งกราฟตอ โดยหลงั ในกราฟใหม่ โดยคลกิ ขวา แลว้ เลือกปรบั แต่งตามตอ้ งการ จากเลอื กชนดิ ของกราฟ หากตอ งการปรบั แตง กราฟ เชน เปล่ียนสี เปลี่ยนชนิดของกราฟ หรือลบเสนกราฟ ใหเลือกชุดขอมูลในกราฟ ใหมดวยการคลิกขวาแลวเลือกปรับแตงตาม ตอ งการ ภาพท ี่ 3.35 ตวั อย่างการแสดงผลกราฟเส้น 2. การสร้างกราฟแท่งด้วยโปรแกรม Microsoft Word ขนั้ ตอนการสรา้ งกราฟแทง่ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 1) เปิดโปรแกรม Microsoft Word จากนั้นสร้างตารางขอ้ มูลท่ตี ้องการ ภาพท่ี 3.36 หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Word 84 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครคู วรยกตวั อยา งการนาํ เสนอขอ มลู โดยใชก ารสรา งกราฟแทง ดว ยโปรแกรม ใหนักเรียนแตละคนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับการนําเสนอขอมูล Microsoft Word หลายๆ แบบ เพ่ือใหนกั เรยี นไดเ ขาใจถงึ ขอ ดี-ขอเสยี และขอ โดยใชก ราฟแทง ดว ยโปรแกรม Microsoft Word จากนน้ั ใหน กั เรยี น จํากัดสําหรบั การนํากราฟแทงไปใชงาน จากนั้นครถู ามคําถามกระตนุ ความคิด รวบรวมขอมลู จากแหลง ขอมูลเพ่ือดเู ปน แนวทาง และใหน ักเรยี น ของนักเรียนวา นักเรียนคิดวา การนําเสนอขอมูลดวยกราฟแทงเหมาะสําหรับ คดั เลอื กหวั ขอ ทตี่ นเองสนใจมาคนละ 1 หวั ขอ พรอ มสรา งกราฟแทง ขอ มลู ประเภทใด ดวยโปรแกรม Microsoft Word และตกแตงออกมาในรูปแบบ ท่ีนาสนใจ จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอกราฟแทงท่ีได สรา งขึน้ หนาช้ันเรียน T90

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2) คลกิ ท่เี มนูแทรก เลอื กชนิดของกราฟท่ีตอ้ งการใชง้ าน ขนั้ สอน 15. ครอู ธบิ ายการสรา งกราฟแทง โดยใชโ ปรแกรม ภาพท ี่ 3.37 เมนกู ารทา� งานของโปรแกรม Microsoft Word Microsoft Word โดยคลกิ ทเ่ี มนแู ทรก เลอื ก ชนิดของกราฟตามตองการ จากนั้นหาก 3) หลังเลือกชนิดของกราฟจะปรากฏรูปกราฟ หากต้องการปรับแต่งกราฟ เช่น ตอ งการปรบั แตง กราฟ เชน เปลยี่ นสี เปลย่ี น เปลีย่ นตัวอักษร แตง่ สี เปลีย่ นชนิดของกราฟ หรือลบเสน้ กราฟที่ได้ ให้เลือกชุดขอ้ มูลในกราฟ ชนดิ ของกราฟ หรอื ลบเสน กราฟ ใหเ ลอื กชดุ ใหม่ โดยคลกิ ขวา แลว้ เลือกปรับแตง่ ตามตอ้ งการ ขอ มลู ในกราฟใหมด ว ยการคลกิ ขวาแลว เลอื ก ปรบั แตง ตามตอ งการ 16. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม Com Sci activity เรอ่ื ง การจดั การขอ มลู สารสนเทศ เมอ่ื นกั เรยี น ทําเสร็จ ครูจะสุมใหนักเรียนออกมาเฉลย กจิ กรรม Com Sci activity Com Sciภาพท ี่ 3.38 การแสดงผลกราฟของโปรแกรม Microsoft Word activity การจัดการข้อมลู สารสนเทศ 1. ให้นักเรยี นพิจารณาขอ้ ความทีก่ �าหนดใหว้ ่าเป็นข้อมูลหรอื สารสนเทศ • ตารางการเดนิ รถโดยสาร • ข่าวในหนังสอื พิมพร์ ายวนั • สถิติจ�านวนประชากรในประเทศ • ผลการเรยี นเฉลย่ี ของนกั เรยี นแตล่ ะคน • สรุปรายงานคา่ อุณหภูมิของแตล่ ะภาคในประเทศไทย 2. ใหน้ ักเรยี นสรา้ งกราฟแผนภมู แิ ทง่ จากข้อมูลท่กี า� หนดใหต้ ่อไปนี้ คะแนนสอบวิชาวิทยาการค�านวณของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ ี 1 ห้อง 1/1 เลขท่ ี 1 ไดค้ ะแนน 20 เลขที ่ 5 ได้คะแนน 16 เลขท ่ี 9 ได้คะแนน 12 เลขท ่ี 2 ไดค้ ะแนน 15 เลขที ่ 6 ได้คะแนน 12 เลขที ่ 10 ไดค้ ะแนน 15 เลขที่ 3 ได้คะแนน 18 เลขที่ 7 ได้คะแนน 8 เลขที่ 4 ไดค้ ะแนน 11 เลขที่ 8 ไดค้ ะแนน 18 ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ ี 21 3. ทกั ษะการส่อื สาร 85 1. ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ทกั ษะการคดิ และการแกป้ ญั หา กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ครูใหนกั เรียนแตล ะคนคิดคน หัวขอ ทีต่ นเองสนใจมาคนละ 1 ครคู วรแนะนาํ ใหนกั เรยี นเกบ็ สาํ รองไฟลจากการทาํ กจิ กรรมใน Com Sci หัวขอ เพื่อสํารวจความคิดเห็นของเพ่ือนรวมช้ันเรียน จากน้ันให activity เรื่อง การจัดการขอมลู สารสนเทศ ไวในอเี มลหรอื อปุ กรณสํารองขอ มูล นักเรยี นรวบรวมขอมลู ตางๆ และใชโ ปรแกรม Microsoft Excel ของนักเรยี น เพือ่ เปน ประโยชนใ นการนาํ ขอมลู มาใชภ ายหลัง หรอื การนําขอ มูล สรา งกราฟวงกลมเพอ่ื นาํ เสนอขอ มลู พรอ มถา ยทอดขอ มลู ออกมา มาใชในการเรยี นเนื้อหาในระดบั ชน้ั ทส่ี ูงขน้ึ ตอไป ใหมคี วามนา สนใจ โดยครูคอยใหคําแนะนาํ นักเรยี นอยางใกลช ดิ และสมุ นักเรยี นออกมานําเสนอหนา ชัน้ เรียน T91

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ Summary ตรวจสอบผล การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ 1. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเนื้อหาการเรียน ขอ้ มลู และสารสนเทศ หนวยการเรียนรูที่ 3 การจัดการขอมูล ข้อมูล (data) คือ ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับส่ิงต่าง ๆ เป็นได้ท้ังตัวเลข สารสนเทศ ข้อความ ภาพ และเสยี ง โดยอาจจะหมายถึง คน สัตว์ ส่ิงของ หรอื เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ สารสนเทศ (information) หมายถงึ การนา� ขอ้ มูลมาผ่านระบบการประมวลผล คา� นวณ 2. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย วิเคราะห์ และแปลความหมายเป็นข้อความทีส่ ามารถนา� ไปใชป้ ระโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไดม้ ากมาย พจิ ารณาขอความวา ถกู หรือผิด หากพจิ ารณา การประมวลผลขอ้ มลู สารสนเทศ ขอความไมถูกตอง ใหกลับไปทบทวนเนื้อหา ตามหวั ขอ ที่กาํ หนดให 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู และตอบคําถามลงในสมดุ ประจาํ ตวั 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการ เรียนรูท ี่ 3 การจัดการขอมลู สารสนเทศ ขนั้ ประเมนิ INPUT PROCESS OUTPUT ตรวจสอบผล ตารางการวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑการประเมิน ข้อมลู เข้า การประมวลผล ข้อมลู ออก ขอ้ มูลนักเรยี นแตล่ ะคน คอมพวิ เตอร์ประมวลผล สารสนเทศ กราฟแสดงผล ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 เชน่ ช่อื ผลการเรียน โดยการเรียงข้อมูล และ การเรียนของนักเรียนระดับ หลงั เรยี น หลงั เรียน ผานเกณฑ เป็นตน้ การจัดกลุ่มขอ้ มูล ตา่ ง ๆ ประเมนิ แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 ซอฟตแ์ วรแ์ ละการเลอื กใชง้ าน การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ ผลงาน ผลงาน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง ชุดค�าสั่งหรือ การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ โปรแกรมท่ีใช้ส่ังคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมท่ีคอยส่ัง รายบคุ คล ให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์สามารถท�างานได้ตรงตามความ ต้องการและถูกต้องรวมถึงการควบคุมการท�างานของ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 อุปกรณ์ต่างๆ เช่น CD ROM drive modem เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ การทาํ งานกลุม พฤติกรรม ผานเกณฑ สามารถรับรู้การท�างานของมันได้ซ่ึงจะต่างกับฮาร์ดแวร์ (hardware) ท่ีสามารถจะจับต้องได ้ ซอฟต์แวร์น้ี รวมถงึ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทกุ ประเภทท่ที �าให้คอมพิวเตอร์ท�างานได้ 86 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด การสรา งกราฟทใ่ี ชเ ปรยี บเทยี บความแตกตา งหรอื ความสมั พนั ธ ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ของขอ มูลตงั้ แต 2 ขอมลู ขนึ้ ไป คอื กราฟชนดิ ใด รายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม 1. กราฟหุน การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมา 2. กราฟเสน ทายแผนการจัดการเรียนรทู ี่ 2 หนว ยการเรียนรูที่ 3 3. กราฟแทง 4. กราฟวงกลม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ (วเิ คราะหค ําตอบ กราฟที่มักใชในการเปรียบเทียบความ แตกตางหรือความสัมพันธของขอมูลต้ังแต 2 ขอมูลข้ึนไป เชน คาช้แี จง:ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ การเปรียบเทียบจํานวนนักเรียนกับจํานวนหองเรียน ควรเลือกใช ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน กราฟแทง ดังน้นั ตอบขอ 3.) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม 32  32 ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามที่ไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15    1 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน   ผลงานกลุม่ 1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา   1 การแสดงความคดิ เห็น   2 ความคดิ สร้างสรรค์  2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ่นื  321321321321321 3 วิธีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย   4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมีนาใจ  5 การตรงต่อเวลา  5 การตรงต่อเวลา    รวม รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑ์การใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ T92

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แนวตอบ Self Check Self Check 1. ถกู 2. ถกู ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผดิ หากพจิ ารณาข้อความไมถ่ กู ต้องให้กลับไปทบทวนเนอ้ื หาตามหัวขอ้ ท่ีกา� หนดให้ 4. ถกู 5. ผดิ ถกู /ผดิ ทบทวนหวั ข้อ 1. ขอ้ มลู เปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบตวั อกั ษร ตวั เลข สญั ลกั ษณ์ 1 เฉลย Unit Question พิเศษ รปู ภาพ ภาพเคล่อื นไหว และเสียง 1. ขอ มลู และสารสนเทศทีด่ จี ะตองมลี กั ษณะ ดงั น้ี 2. คล กัวาษมณสะมขบอรู งณสา์ครรสบนถเ้วทนศ ทมด่ี คี มี วคีาวมาสมอถดกู คตลอ้ ้องงแกมบั น่ คยวา�า มทตนั ้อตงอ่ กเาวรลขาอ มงี 2 มีความถูกตองแมนยํา ทันตอเวลา มีความ ผ้ใู ช้ และสามารถพสิ จู นไ์ ด้ สมบูรณครบถวนของขอมูล มีความสอดคลอง กบั ความตอ งการของผใู ช และสามารถพสิ จู นไ ด 3. ก ารจดั การสารสนเทศ มขี นั้ ตอน ดงั น ี้ การรวบรวมและตรวจสอบ ับน ึทกลงในส ุมด 2 ขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู และการดูแลรกั ษาข้อมลู 2. สารสนเทศเปนการนําขอมูลมาผานระบบการ ประมวลผล คํานวณ วิเคราะห และแปลความ 4. ก ารประมวลผลขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ จะนา� ขอ้ มลู มาประมวล 2 หมายออกมาเปนขอความท่ีสามารถนําไปใช ผลโดยคอมพวิ เตอร์ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ และน�าข้อมลู ออกมาเปน็ ประโยชนใ นดา นตางๆ ไดม ากมาย เชน ใชใน สารสนเทศ การจดั การเรยี นการสอนในดา นการศกึ ษา ใชใ น การพฒั นาสตปิ ญ ญาและบคุ ลกิ ภาพสว นบคุ คล 5. ซLoอtฟusต แ์1ว-2รป์-3ระมวลค�า ไดแ้ ก่ โปรแกรม Microsoft Excel และ 3 ในดา นสงั คม ใชใ นการขบั เคลอ่ื นของเศรษฐกจิ ยุคใหมในดานเศรษฐกิจ และเปนรากฐานที่ Unit Question 3 จําเปนสําหรับความกาวหนาของอารยธรรม ซ่ึงสารสนเทศจะชวยสืบทอดคานิยม ทัศนคติ ค�าชีแ้ จง : ให้นักเรียนตอบคา� ถามต่อไปนี้ ศลิ ปะในดานวัฒนธรรม 1 ขอ้ มูลและสารสนเทศทดี่ มี ีลกั ษณะอยา่ งไร 2 สารสนเทศมีความส�าคัญต่อการด�าเนนิ ชวี ิตของนักเรยี นอย่างไรบา้ ง จงอธิบาย 3. การประมวลผลแบบเช่ือมตรงเปนวิธีการนํา 3 ก ารประมวลผลแบบกลมุ่ ต่างจากการประมวลผลแบบเช่อื มตรงอย่างไร พร้อมยกตัวอยา่ ง ขอมูลแตละรายการท่ีถูกบันทึกมาประมวลผล 4 ซ อฟตแ์ วรแ์ บ่งเปน็ กีป่ ระเภท มีอะไรบ้าง จงอธบิ าย ทันที นิยมใชในงานท่ีตองการผลลัพธใหกับผู 5 ก ระบวนการจดั การข้อมูลเพอ่ื ใหไ้ ด้มาซึ่งสารสนเทศมกี ระบวนการหรอื ข้ันตอนอย่างไร ใชทันที หรือในงานท่ีขอมูลจะตองทันสมัยอยู ตลอดเวลา เชน การกดเงินผานตูเ อทีเอ็ม สว น จงอธิบาย การประมวลผลแบบกลุมเปนการเก็บรวบรวม ขอ มลู ในแตล ะชว งเวลาหนงึ่ และนาํ ขอ มลู ทไ่ี ดร บั 87 ในชว งเวลาดงั กลา วมาประมวลผลพรอ มกนั เชน การเกบ็ ขอ มลู เวลาเขา ออกของนกั เรยี น 4. ซอฟตแวรสามารถแบง ซอฟตแวรไดเปน 2 ประเภท ดงั น้ี • ซอฟตแวรระบบ คอื ซอฟตแ วรท่ถี กู สรา งขน้ึ เพ่อื ใชบ ริหารจดั การระบบ การจัดสรรทรัพยากร และดําเนนิ งานพนื้ ฐานตา งๆ ในระบบ เชน การจัดสรร หนวยประมวลผลกลาง การจดั สรรหนว ยความจาํ ตางๆ การจัดการขอ มลู ในแฟม ขอมูลบนหนว ยความจํารอง • ซอฟตแวรประยกุ ต คือ ซอฟตแวรที่ใชงานดา นตางๆ ตามความตองการของผใู ช สามารถนาํ มาใชประโยชนไ ดโ ดยตรง ปจจุบันมผี ูพัฒนาซอฟตแ วร ใชงานทางดา นตางๆ ออกมาจาํ หนา ยเปน จาํ นวนมาก การประยุกตงานคอมพวิ เตอรจึงกวางขวางและแพรห ลาย 5. กระบวนการจัดการขอ มลู เพื่อใหไ ดม าซง่ึ สารสนเทศมขี น้ั ตอน ดงั น้ี • นาํ เขาขอมลู ประกอบดวยขน้ั ตอนการรวบรวมขอมลู การตรวจสอบขอมลู และการเตรียมขอ มูลใหถกู ตอง สมบูรณ • ประมวลผลขอ มูล เปนการดําเนนิ การตางๆ กบั ขอ มลู เพอ่ื ใหไ ดผลลัพธทมี่ คี วามหมายและประโยชนต อการนําไปใชงาน • เกบ็ รกั ษาขอ มลู เปน การเกบ็ บนั ทกึ ผลลพั ธบ างสว นทย่ี งั ไมต อ งการนาํ ไปใชง านในขณะนนั้ ลงสสู อื่ บนั ทกึ ขอ มลู ตลอดจนปรบั ปรงุ ขอ มลู ใหม คี วามทนั สมยั อยเู สมอ • แสดงผล เปนการจดั รปู แบบของสารสนเทศที่เปนผลลัพธจากการประมวลผลใหอ ยูในรปู แบบของรายงาน ตาราง แบบฟอรม แผนภูมิ เพือ่ ใหสะดวก ในการศกึ ษา T93


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook