Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนหน้าที่พลเมือง 2562

แผนการสอนหน้าที่พลเมือง 2562

Published by artitaya211157, 2022-06-28 08:12:02

Description: แผนการสอนหน้าที่พลเมือง 2562

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา 3 (รหัสวิชา ส22103) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 นายสายชล ชังอินทร์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ โรงเรียนปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี

คำอธบิ ายรายวชิ า ส ๒๒๑๐๓ รายวิชาสังคมศกึ ษา ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ศกึ ษากฎหมายที่เกย่ี วข้องกบั ตนเอง กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องกับชุมชน และประเทศ รวมถงึ ถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรภี าพ หนา้ ท่ีในฐานะพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย บทบาท ความสำคัญ และความสัมพันธ์ ของสถาบันทางสังคม รวมทัง้ การปฏิบตั ติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ในฐานะพลเมอื งดตี าม วถิ ีประชาธิปไตย ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างของวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าค เอเชยี เพือ่ นำไปส่คู วามเข้าใจอนั ดีระหวา่ งกนั รวมทงั้ ข่าวสารทางการเมืองการปกครองท่มี ีผลกระทบต่อ สังคมไทยสมัยปัจจบุ นั มสี ว่ นร่วมและแนะนำผ้อู ่นื ให้อนรุ กั ษ์มารยาทไทย ความเอื้อเฟื้อเผือ่ แผ่ การเสียสละ สบื สานขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย ประยุกต์และเผยแพร่พระบรมราโชวาท หลกั การทำงาน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศึกษาและวเิ คราะหป์ จั จัยที่มีผลตอ่ การลงทนุ และการออม ปัจจัยการผลิตสินคา้ และบริการ แนว ทางการพัฒนาการผลิตในท้องถน่ิ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง แนวทางการคมุ้ ครองสิทธขิ องตนเองในฐานะ ผบู้ ริโภค และระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ งๆ ยกตัวอย่างทสี่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ การพ่ึงพาอาศยั กัน และการแขง่ ขนั กนั ทางเศรษฐกิจในภมู ภิ าคเอเชยี โดยใชก้ ระบวนการกลุ่ม การสืบคน้ การนำเสนอ การวเิ คราะห์ การฝกึ ปฏิบัติ และการอภปิ ราย เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีลกั ษณะทด่ี ขี องคนไทย ภาคภมู ิใจในความเป็นไทย ยึดมนั่ ในศาสนาและเทิดทนู สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ เป็นพลเมืองดใี นระบอบประชาธปิ ไตยอนั มรพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข มสี ว่ นร่วม ทางการเมอื งและพระบรมราโชวาทหลักการทำงาน ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง การนำความรู้มาประยุกตใ์ น ชวี ิตประจำวันไปใชแ้ ก้ปญั หาทเ่ี ปน็ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน รหสั ตวั ชี้วัด ส ๒.๑ ม๒/๑ ม๒/๑ ม๒/๒ ส ๒.๑ ม๒/๓ ส ๒.๑ ม๒/๔ ส ๒.๒ ม๒/๒ ส ๒.๒ ส ๒.๒ ส ๓.๑ ม๒/๑ ส ๓.๑ ม๒/๒ ส ๓.๑ ม๒/๓ ส ๓.๑ ม ม๒/๔ ส ๓.๒ ม๒/๒ ๓.๒ ส ๓.๒ ม๒/๒ ส ๓.๒ ม๒/๓ ส ๓.๒ ม๒/๔ รวมทั้งหมด ๑๔ ตัวช้วี ดั

รหัสวชิ า ๒๒๑๐๔ โครงสร้างรายวชิ า ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลาเรยี น ๖๐ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐาน/ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก ๑ พลเมอื งดีตามวถิ ี ตวั ชีว้ ัด (ชม.) คะแนน ประชาธปิ ไตย มาตรน ส ผู้ทป่ี ฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมกบั ๖ ๒ ๒.๑ ตัวชว้ี ดั สถานภาพ บทบาทและหน้าที่ของตนเอง ๖ กฏหมายกบั การ ท่ี ๒ เขา้ ในสทิ ธเิ สรภี าพตามท่ีรฐั ธรรมนูญ ๖ ๓ ดำรงชวี ิตประจำวนั กำหนด โดยไม่ละเมดิ สทิ ธิและเสรภี าพ ๖ มาตรฐาน ของผู้อืน่ ตลอดจนไปปฏบิ ัตติ นและ ๖ เหตกุ ารณแ์ ละการ ส ๒.๑ ส่งเสริมผู้อน่ื ในสังคม ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ๖ เปลี่ยนแปลงสำคัญของ ตัวชีว้ ัดท่ี ๑ พลเมอื งดตี ามวธิ ปี ระชาธปิ ไตยเพ่อื ระบอบการปกครอง และ เสรมิ สรา้ งสงั คมให้มีความสุข ไทย มาตรฐาน การอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยง ส ๒.๒ ผู้คนในสงั คมจำเป็นตีเ่ รยี กองมสี ว่ นร่วม ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๑ ในการกำหนดกติกาของสงั คมท่เี รียกว่า “กฎหมาย”ร่วมกนั และเมื่อกฎหมายา มาตรฐาน นัน้ มีผลบังคบั ใช้แล้ว สมาชิกในสังคมก็ ส ๒.๒ จำเป็นตอ้ งปฏิบตั ิตาม เพื่อความเปน็ ตวั ชวี้ ัดท่ี ๒ ระเบยี บและความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย ในสงั คม ปัจจุบนั สงั คมไทยมลี ักษณะเป็นสังคม ข้อมลู ข่าวสารคนในสังคมรับข้อมูล ข่าวสารในปรมิ าณมากและรวดเรว็ ขนึ้ จากส่อื ต่างดังน้ีการเลือกรับและใช้ วจิ ารณญาณกบั ขอ้ มลู ขา่ วสารโดยเฉพาะ ขอ้ มลู ข่าวสารทางการเมอื ง จงึ เปน็ เรือ่ ง สำคญั ทจี่ ะทำให้ตกเป็นเหย่ือหรือถกู โน้ม น้าวไปยงั ฝ่ายใดฝา่ ยหน่ึง

๔ สถาบันทางสงั คม มาตรฐาน สถาบนั ทางสงั คมกำเนดิ ข้นึ เพ่ือ ๖ ๖ ส ๒.๑ ตอบสนองความต้องการขั้นพ้ืนฐานของ ๖ ๒๐ ตวั ชวี้ ดั ที่ ๓ มนษุ ยก์ ำหนดสถานภาพและบทบาท ๔ ของบุคคลในสังคม สถาบันเป็นสงิ่ ท่ี ๔ สงั คมสว่ นใหญใ่ ห้การยอมรับ สถาบนั ทางสงั คมทกุ สถาบัน มคี วามเกยี่ วขอ้ ง สัมพนั ธ์กันและมีบทบาทสำคัญในการ พฒั นาสงั คมให้เจรญิ ก้าวหนา้ ๕ วฒั นธรรมของไทยและ มาตรฐาน การเรียนรู้ รปู แบบของกจิ กรรมมนุษย์ ๖ วฒั นธรรมของประเทศ ส ๓.๑ และโครงสร้างเชงิ สญั ลักษณ์ท่ีทำให้ ในภูมิภาคเอเซีย ตัวชี้วดั ท่ี ๔ กิจกรรมน้นั เดน่ ชัดและมีความสำคัญ วถิ ี การดำเนินชวี ิต ซึ่งเปน็ พฤตกิ รรมและสิง่ ท่ีคนในหมผู่ ลิตสร้างขน้ึ ดว้ ยการเรยี นรู้ จากกันและกนั เปลย่ี นแปลงเพือ่ ความ เจริญงอกงาม และสบื ต่อกนั มา สอบกลางภาค ๖ การออมและการลงทนุ มาตรฐาน ส ความหมายและความสำคญั ของการ ๖ ๓.๑ ตัวชว้ี ัดท่ี ออมและการลงทนุ ต่อระบบเศรษฐกจิ ๑ และการลงทุนภาคครวั เรือน ปจั จัยของ การลงทุนและการออม คอื อัตรา ดอกเบ้ีย รวมถึงปัจจัยอน่ื ๆ เชน่ คา่ ชอง เงนิ เทคโนโลยี การคาดเดาเกี่ยวกบั อนาคตรวมถงึ ปัญหาการลงทุนและการ ออมในปัจจบุ ัน ๗ การผลติ สนิ ค้าและ มาตรฐาน ส ความหมายและความสำคัญของ ๖ บริการ ๓.๑ ตวั ชวี้ ดั ท่ี หลักการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารอยา่ งมี ๒ ประสิทธภิ าพผลิตในท้องถิน่ อยา่ งไร ใช้ วิธีการผลติ อย่างไร มปี ัญหาด้านใด มี การนำเทคโนโลยีอะไรมาใชใ้ นการผลติ สินค้าและบริการนำการผลติ มา วเิ คราะหส์ นิ คา้ และบรกิ ารในทอ้ งถ่นิ ทั้ง ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม

๘ เศษรฐกิจพอเพยี งกับ มาตรฐาน ส หลักการและเป้าหมายของปรัชญาของ ๖ ๔ ๔ การผลติ สินค้าและ ๓.๑ ตวั ชวี้ ดั ท่ี เศรษฐกิจพอเพียง สำรวจและวิเคราะห์ ๔ บริการ ๓ ปญั หาการผลิตสินค้าและบริการใน ๓๐ ทอ้ งถ่นิ ประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการผลติ สินค้าและ บริการในท้องถิน่ ๙ การคุ้มครองผู้บรโิ ภค มาตรฐาน ส กฎหมายคมุ้ ครองสิทธผิ ู้บริโภคและ ๖ ๓.๑ ตวั ชวี้ ดั ที่ หน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง การรักษาและ ๔ ค้มุ ครองสทิ ธิประโยชนข์ องการผบู้ รโิ ภค การดำเนินกจิ กรรมพทิ ักษส์ ทิ ธแิ ละ ผลประโยชน์ตามกฎหมายในฐานะ ผ้บู ริโภคและแนวทางคุ้มครองสิทธิ ผบู้ ริโภค ๑๐ ระบบเศรษฐกจิ การ มาตรฐาน ส หลักการและผลกระทบการพึ่งพาอาศยั ๖ พ่งึ พา การแข่งขันทาง ๓.๒ ตัวชวี้ ัดที่ กันและการการแข่งขันกนั ทางเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ ในทวีปเอเชีย ๑,๒,๓,๔ ในภูมภิ าคเอเชียในรูปแบบระบบ เศรษฐกจิ แบบต่างๆ การกระจายของ ทรพั ยากรในโลกที่สง่ ผลตอ่ ความสัมพนั ธ์ทางเศรษฐกิจระหวา่ ง ประเทศ เชน่ นำ้ มนั ปา่ ไม้ ทองคำ ถ่าน หิน แร่ เปน็ ตน้ การแข่งขนั ทางการคา้ ในประเทศและต่างประเทศ สอบปลายภาค รวม

การวดั และประเมินผล กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วิชา ส22103 รายวิชา สังคมศกึ ษา 4 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 เวลาเรียน 3 คาบ/สปั ดาห์ จำนวน 1.5 หน่วยกติ ครผู สู้ อน 1. นางสาวชนันญา อุ่นใจ ช้ัน/ห้อง ม.2/2,2/4,2/6,2/10,2/11 2. นายสายชล ชังอินทร์ ช้นั /ห้อง ม.2/1,2/3,2/5,2/7,2/13 3. นางลักษณา ดลเสถยี ร ชนั้ /ห้อง ม.2/8,2/9,2/12,2/14 คะแนนเก็บระหว่างภาคเรยี น : คะแนนสอบปลายภาคเรียน = 70 : 30 หน่วยการเรียนรู้ จำนวน กอ่ นสอบ สอบ คะแนน สอบ รวม ชั่วโมง กลางภาค กลางภาค กอ่ นสอบ ปลายภาค 10 ปลายภาค 10 1. การลงทุนและการออม 65 5 - - 5 1.1 ความหมายและความสำคัญของ 10 การลงทุนและการออมตอ่ ระบบเศรษฐกิจ 1.2 การบรหิ ารจัดการเงนิ ออมและการ ลงทนุ ภาคครวั เรือน 1.3 ปัจจัยการลงทนุ และการออมใน สังคมไทย 2. การผลติ สนิ ค้าและบรกิ าร 45 5 - - 2.1 ความหมาย ความสำคญั และ หลักการผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารในทอ้ งถนิ่ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. การพัฒนาการผลิตในท้องถิน่ ตาม 6 5 - - - ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.1 หลกั การ เป้าหมายปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 3.2 ปัญหาการประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งในการผลติ สินคา้ และ บริการในท้องถน่ิ 4. การคุม้ ครองสิทธขิ องตนเองในฐานะ 6 5 5 - - ผูบ้ ริโภค

4.1 การรักษาและคุ้มครองสิทธิ ประโยชนข์ องผบู้ รโิ ภค 4.2 กฎหมายคุม้ ครองสทิ ธิผู้บรโิ ภคและ หน่วยงานท่เี กีย่ วข้อง 4.3 การดำเนินกิจกรรมพทิ ักษส์ ทิ ธแิ ละ ผลประโยชนต์ ามกฏหมายในฐานะผบู้ รโิ ภค 4.4 แนวทางการปกป้องสิทธขิ องผุ้ บริโภค 5. ระบบเศรษฐกจิ และความสมั พันธ์ทาง 8 10 5 - - 15 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ 5.1 ระบบเศรษฐกิจแบบต่าง ๆ 5.2 หลกั การและผลกระทบการพ่งึ พา อาศยั กันและการแข่งขันทางเศรษฐกิจใน ภมู ภิ าคเอเชยี 5.3 การกระจายของทรัพยากรในโลกท่ี ส่งผลต่อความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกิจ ระหวา่ งประเทศ 5.4 การแข่งขันทางการค้าในประเทศ และตา่ งประเทศทีส่ ่งผลตอ่ คุณภาพสนิ ค้า ปริมาณการผลิต และราคาสินคา้ 6. สถาบบันทางสังคม 4- - - 5 5 6.1 บทบาท ความสมั พันธ์ และ ความสำคญั ของสถาบนั ทางสังคม 7. กฏหมายกบั ตัวเรา 6 - - 5 5 10 7.1 กระบวนการในการตรากฎหมาย 7.2 กฎหมายทีเ่ ก่ียวช้องกับตนเอง ครอบครวั ชุมชนและประเทศโดยสงั เขป 8. เราเป็นพลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธปิ ไตย 8.1 สถานภาพ บทบาท สิทธเิ สรีภาพ 6 - - 5 5 10 หน้าท่ี และแนวทางในการส่งเสริมให้ปฏบิ ตั ิ ตนเปน็ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย

9. ข้อมลู ข่าวสารทางการเมืองการ 6 - - 5 5 10 ปกครองในสมัยปจั จุบัน 9.1 เหตกุ ารและการเปลย่ี นแปลงสำคัญ ของระบอบการปกครองของไทย 9.2 หลกั การเลือกข้อมูลข่าวสารทาง การเมืองเพื่อนำมาวเิ คราะห์ 10. เรียนรวู้ ัฒนธรรมเอเชีย 8 - - 5 10 15 10.1 ความคล้ายคลึงและความแตกต่าง ของวัฒนธรรมไทย และวฒั นธรรมของ ประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี 10.2 วฒั นธรรมที่เป็นปจั จัยสำคัญในการ สร้างความเข้าใจอนั ดีระหว่างกนั รวมท้ังสนิ้ 60 30 20 20 30 100 (นางสาวชนนั ญา อนุ่ ใจ) (นายสายชล ชงั อนิ ทร์) (นางลกั ษณา ดลเสถียร) ครูผสู้ อน ครูผสู้ อน ครูผสู้ อน

โรงเรียนปากเกร็ด จังหวดั นนทบุรี แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา รหัสวชิ า ส 22103 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย จานวน 6 ชม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นิยมที่ดีงาม และธารงรักษา ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี ส 2.1 (2) เห็นคุณคา่ ในการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หนา้ ที่ในฐานะพลเมือง ดีตามวถิ ีประชาธิปไตย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายลกั ษณะของพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้ (K) 2. เห็นคณุ คา่ ในการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ท่ีในฐานะพลเมืองดี ตามวิถีประชาธิปไตย (A) 3. สื่อสารและปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ที่ในฐานะพลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตยได้ (P) 4. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มิจิตสาธารณะ 2. รักความเป็นไทย 3. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 5. สมรรถนะผู้เรียน 1. ทกั ษะในการใชช้ ีวติ 6. สาระสาคญั พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยจะตอ้ งมีวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย คือ มีความเคารพซ่ึงกนั และกนั มีความเช่ือในปัญญา มีการแบ่งปัน ร่วมมือ และประสานงานกนั นอกจากน้ียงั ตอ้ งปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิและเสรีภาพ รวมท้งั หนา้ ท่ีของพลเมืองท่ีอยใู่ นสงั คมประชาธิปไตย

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ความหมายและความสาคญั สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหน้าทพี่ ลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตย นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพกิจกรรมภายในโรงเรียน พร้อมซกั ถามเพ่ือกระตนุ้ ความคิดและตรวจสอบ ความเขา้ ใจของผเู้ รียน เช่น - การอยใู่ นโรงเรียนจะตอ้ งปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท และหนา้ ที่ของนกั เรียนที่ดี อยา่ งไร - เมื่อปฏิบตั ิแลว้ กจ็ ะก่อใหเ้ กิดผลดีแก่ตนเองและโรงเรียนอยา่ งไร กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงความสาคญั และความหมายของสถานภาพ บทบาท หนา้ ที่ของ การเป็นสมาชิกท่ีดีภายในโรงเรียน นาไปสู่การเป็นพลเมืองดีของสังคมนาไปสู่ประเทศชาติ 3. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4–6 คน โดยแต่ละกล่มุ เลือกประธาน 1 คน เลขานุการกลมุ่ 1 คน เป็นผจู้ ดบนั ทึกความคิดเห็นของกลมุ่ 4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วิเคราะหภ์ าพและเหตกุ ารณ์จากภาพขา่ วหนงั สือพมิ พท์ ่ีครูนาไปให้ ออกมาในรูปแบบแผนท่ีความคิด ลงในกระดาษบรู๊ฟ พร้อมนาเสนอ หวั ขอ้ อภิปราย: พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย วตั ถปุ ระสงคข์ องการอภิปราย: เพ่ือใหน้ กั เรียนเห็นความสาคญั และคุณคา่ ของการปฏิบตั ิตนเป็น พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย และสามารถปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ดาเนินการอภิปรายตามหวั ขอ้ ที่กาหนด ในขณะที่กลมุ่ ดาเนินการอภิปราย ครูคอย สังเกตและกระตนุ้ ใหท้ กุ คนไดแ้ สดงความคดิ เห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี 6. ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ สรุปบนั ทึกผลการอภิปรายลงในแบบบนั ทึกผลการอภิปรายเรื่อง พลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย แลว้ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการอภิปรายต่อที่ประชุมหรือหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เปิ ด โอกาสใหผ้ ฟู้ ังซกั ถาม ผอู้ ภิปรายตอบคาถาม ครูคอยช่วยเหลือใหค้ าแนะนา 7. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกล่มุ สรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ความสาคญั ของสถานภาพ บทบาท หนา้ ที่ของพลเมืองดี ตามวิถีประชาธิปไตย พร้อมบนั ทึกลงในสมดุ ครูแนะนาใหน้ กั เรียนทาแผน่ พบั เพื่อรณรงคใ์ หค้ นในทอ้ งถิ่น เห็นคุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวิถีประชาธิปไตย *******************************************

ชั่วโมงที่ 3-4 คุณค่าและประโยชน์ของการปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ พลเมืองดี นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพยนตร์ส้ันทาดีเพ่ือพ่อ พร้อมซกั ถามนกั เรียนเพอ่ื กระตนุ้ การเรียนรู้พร้อม ทบทวนเน้ือหาเก่ียวกบั สถานภาพ บทบาท สิทธิและเสรีภาพหนา้ ที่ของพลเมืองดี ดงั น้ี - จากภาพยนตร์ ตวั ละครมีสถานภาพใดและแตกต่างกนั อยา่ งไร ส่งผลต่อบทบาทหนา้ ท่ีอยา่ งไร - จากภาพยนตร์ท่ีไดช้ ม เป็นเรื่องท่ีเกี่ยวกบั สิทธิและเสรีภาพของพลเมืองดีอยา่ งไรบา้ ง กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงคุณค่าของการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ีของการเป็นพลเมืองดีของสังคมนาไปสู่ประเทศชาติ 3. ครูใหแ้ บง่ กลมุ่ สมาชิกใหม่ จานวน 6 กลมุ่ จากการนบั ลาดบั และร่วมกนั อภิปรายสรุปลงใน กระดาษบรู๊ฟพร้อมนาเสนอ ดว้ ยบทบาทสมมุติ ตามหวั ขอ้ ที่ครูกาหนดใหด้ งั น้ี 3.1 หนา้ ที่ของพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญ 3.2 คณุ คา่ และประโยชน์ตอ่ ตนเอง และครอบครัว 3.3 คุณค่าและประโยชน์ตอ่ โรงเรียน 3.4 คุณคา่ และประโยชน์ต่อชุมชน 3.5 คณุ ค่าและประโยชน์ต่อประเทศชาติ 3.6 คุณค่าและประโยชน์ตอ่ โลก วตั ถปุ ระสงคข์ องการอภิปราย: เพื่อใหน้ กั เรียนเห็นความสาคญั และคณุ คา่ ของการปฏิบตั ิตนเป็น พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย และสามารถปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มดาเนินการอภิปรายตามหวั ขอ้ ที่กาหนด ในขณะท่ีกลมุ่ ดาเนินการอภิปราย ครูคอย สงั เกตและกระตนุ้ ใหท้ กุ คนไดแ้ สดงความคดิ เห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี 5. ใหแ้ ต่ละกลุม่ สรุปบนั ทึกผลการอภิปรายลงในแบบบนั ทึกผลการอภิปรายเรื่อง ประโยชนแ์ ละ คุณคา่ ของการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพและหนา้ ท่ีพลเมืองดี ครูคอยช่วยเหลือให้ คาแนะนา 6. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุม่ สรุป 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ประโยชน์และคุณคา่ ของการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท หนา้ ที่ของพลเมืองดี พร้อมบนั ทึกลงในสมุดครูแนะนาใหน้ กั เรียนทาแผน่ พบั เพ่อื รณรงคใ์ หค้ นใน ทอ้ งถ่ินเห็นคุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวถิ ีประชาธิปไตย *******************************************

ช่ัวโมงท่ี 5 -6 แนวทางส่งเสริมให้ปฏบิ ตั ิตนเป็ นพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพการใชส้ ิทธิเลือกต้งั การชุมนุมประทว้ งอยา่ งสงบ การแสดงความคดิ เห็นในท่ี ประชุม แลว้ ซกั ถามนกั เรียนวา่ เคยพบเหตกุ ารณ์เหล่าน้ีในชุมชนของตนเองหรือไม่ ครูอธิบายเพือ่ เช่ือมโยง เขา้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเกี่ยวกบั แนวทางส่งเสริมการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยใหน้ กั เรียน ฟัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขยี นคาถามคนละ 1 ขอ้ ใส่กระดาษท่ีครูแจกให้ แลว้ ครูเก็บคาถาม 3. ครูนาคาถามของนกั เรียนมาอา่ นแลว้ ใหน้ กั เรียนยกมือตอบ ใครตอบถกู ได้ 1 คะแนน เม่ือตอบ ครบทุกคาถามแลว้ ครูรวบรวมคะแนน แลว้ ประกาศชื่อผทู้ ี่ไดค้ ะแนนมากท่ีสุด 3 อนั ดบั แรก 4. ครูกล่าวชมเชยนกั เรียน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ท่ีไดร้ ับ 5. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษาเรื่อง บทบาทของสถาบนั ต่าง ๆ ในการส่งเสริมการ ปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยตามแบบบนั ทึกความรู้เรื่อง แนวทางส่งเสริมการปฏิบตั ิตนเป็น พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยเป็นการบา้ น 6. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั แนวทางส่งเสริมการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย และช่วยกนั เฉลยคาตอบ สรุป 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง แนวทางส่งเสริมการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในสมุดหรือเขียนเป็นแผนที่ความคิด 8. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน และช่วยกนั เฉลยคาตอบ เพ่ือตรวจสอบและประเมินผล การเรียนรู้ของนกั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนสารวจในชุมชนของตนเองวา่ มีกิจกรรมใดบา้ งที่แสดงถึงการส่งเสริมให้คนในชุมชน ปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย สรุปเป็นแผนที่ความคดิ แลว้ นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน *******************************************

8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ ทางานเป็นรายบคุ คลและ 1. ซกั ถามความรู้เร่ือง พลเมือง • ประเมินพฤติกรรมในการ เป็นกล่มุ ในดา้ นการสื่อสาร การคดิ การแกป้ ัญหา ฯลฯ ดีตามวิถีประชาธิปไตย ทางานเป็นรายบุคคลในดา้ น 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น ความมีวินยั ความใฝ่เรียน รายบคุ คลหรือเป็นกลุม่ รู้ ฯลฯ 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ภาพยนตร์ ภาพกิจกรรมภายในโรงเรียน ข่าว 2. ส่ือการเรียนรู้ หนา้ ที่พลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวิตในสงั คม

10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ความคิดเห็นหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงช่ิอ......................................................... (นายนิติกร เบญมาตย)์ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ความคิดเห็นรองผอู้ านวยการกลมุ่ การบริหารวิชาการ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................................. (........................................................) รองผอู้ านวยการกลุ่มการบริหารวชิ าการ ความคิดเห็นผอู้ านวยการโรงเรียน ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... (นางสาววณิ ฐั ธพชั ร์ โพธ์ิเพชร) ผอู้ านวยการโรงเรียนปากเกร็ด

โรงเรียนปากเกร็ด จงั หวัดนนทบรุ ี แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา รหัสวิชา ส 22103 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สถาบันทางสังคม จานวน 5 ชม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นิยมท่ีดีงาม และธารงรักษา ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลกอยา่ งสนั ติสุข 2. ตวั ชี้วัดช้ันปี ส 2.1 (3) วิเคราะหบ์ ทบาท ความสาคญั และความสัมพนั ธข์ องสาบนั ทางสงั คม 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย บทบาท ความสาคญั และความสัมพนั ธข์ องสถาบนั ทางสงั คมได้ (K) 2. เห็นคณุ คา่ และความสาคญั ของสถาบนั ทางสงั คมแตล่ ะสถาบนั รวมท้งั ตระหนกั ถึงความจาเป็นที่ จะตอ้ งปฏิบตั ิตามบทบาทหนา้ ท่ีในฐานะสมาชิกของสถาบนั น้นั ๆ (A) 3. วิเคราะห์และอภิปรายความสาคญั และประโยชนข์ องสถาบนั ทางสังคมได้ (P) 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มิจิตสาธารณะ 2. รักความเป็นไทย 3. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 5. สมรรถนะผ้เู รียน 1. ทกั ษะในการใชช้ ีวติ 6. สาระสาคญั สถาบนั ทางสงั คมท่ีสาคญั ๆ มี 7 สถาบนั ไดแ้ ก่ สถาบนั ครอบครัว สถาบนั การศึกษา สถาบนั ศาสนา สถาบนั เศรษฐกิจ สถาบนั การเมืองการปกครอง สถาบนั สื่อสารมวลชน และสถาบนั นนั ทนาการแตล่ ะ สถาบนั กจ็ ะมีบทบาทหนา้ ท่ีและระเบียบแบบแผนความสัมพนั ธ์ของสมาชิกที่แตกตา่ งกนั ไป แตท่ กุ สถาบนั ลว้ นมีความเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั เน่ืองจากมีวตั ถปุ ระสงคเ์ ดียวกนั คอื เพื่อสนองความตอ้ งการของสมาชิกใน สังคมท้งั ดา้ นร่างกายและจิตใจ เพอ่ื ใหส้ งั คมคงอยแู่ ละเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย

7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1-2 องค์ประกอบ บทบาทและความสาคญั ของสถาบนั ทางสังคม นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนาภาพของบุคคลหลากหลายกลุ่ม หลากหลายอาชีพใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั จดั กลุ่มคนในภาพวา่ ใครบา้ งที่อยกู่ ล่มุ เดียวกนั โดยอาจจะใชเ้ กณฑข์ องอาชีพ สถานภาพในครอบครัว การนบั ถือศาสนา เม่ือนกั เรียนจดั กลมุ่ เสร็จแลว้ ครูอธิบายวา่ บุคคลในภาพเหลา่ น้ีลว้ นเป็นสมาชิกของสถาบนั ทาง สังคมหลากหลายสถาบนั และนกั เรียนเองก็เป็นสมาชิกของสถาบนั ทางสงั คมหลายสถาบนั ดว้ ยเช่นกนั กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเก่ียวกบั สถาบนั ทางสังคมใหน้ กั เรียนฟัง แลว้ ซกั ถามนกั เรียนเกี่ยวกบั เรื่องที่อธิบาย 3. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 3 คน คละความสามารถและเพศ หลงั จากน้นั ใหส้ มาชิกภายใน กลุ่มจบั สลากเพอ่ื สืบคน้ ขอ้ มูลและศึกษาเรื่องสถาบนั ทางสงั คมจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ ในหวั ขอ้ ดงั น้ี คนท่ี 1 ความหมายของสถาบนั ทางสงั คม คนท่ี 2 บทบาทของสถาบนั ทางสงั คม คนที่ 3 ความสาคญั ของสถาบนั ทางสังคม หลงั จากน้นั ใหส้ มาชิกแต่ละกลมุ่ สืบคน้ ขอ้ มูลและศึกษาจากหนงั สือเรียน หอ้ งสมุด หรือ อินเทอร์เน็ต 4. หลงั จากสืบคน้ ขอ้ มลู และศึกษาจนเขา้ ใจดีแลว้ ใหส้ มาชิกแตล่ ะคนอธิบายในหวั ขอ้ ท่ีตนศึกษามา ใหเ้ พื่อนในกลุ่มฟัง จนครบทุกคน เพ่ือเตรียมตวั ตอบคาถามของครู 5. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มแขง่ ขนั กนั ตอบปัญหา โดยแจกแบบบนั ทึกคาถาม-คาตอบใหแ้ ตล่ ะกลุ่ม แลว้ ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั ตอบคาถาม โดยเขียนคาตอบลงในแบบบนั ทึกคาถาม-คาตอบ ตวั อยา่ ง คาถาม เช่น 1) สถาบนั ทางสังคมคืออะไร 2) สถาบนั ทางสงั คมมีบทบาทอย่างไร 3) สถาบนั ทางสงั คมมีความสาคญั ตอ่ สังคมไทยอยา่ งไรบา้ ง 6. ครูใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งแบบบนั ทึกคาถาม-คาตอบ แลว้ เฉลยคาตอบ พร้อมท้งั รวบรวมคะแนนของแต่ ละกล่มุ กลุ่มท่ีไดค้ ะแนนสูงสุดเป็นผชู้ นะ 7. ครูใหร้ างวลั หรือกล่าวคาชมเชยแก่กลุ่มท่ีชนะพร้อมสรุปความรู้จากการแขง่ ขนั ตอบปัญหา 8 ครูแนะนาใหน้ กั เรียนหาขา่ วที่เกี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั ทางสงั คม แลว้ นามาวิเคราะห์ถึงความสาคญั และบทบาทของสถาบนั ทางสงั คมจากข่าวน้นั สรุป 9. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง สถาบนั ทางสงั คม โดยใหน้ กั เรียนบนั ทึกขอ้ สรุปลงใน สมดุ

***************************************** ชั่วโมงท่ี 3-4 องค์ประกอบ บทบาทและความสาคญั ของสถาบนั ทางสังคม นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพของสถาบนั ต่าง ๆ เช่น ครอบครัว โรงเรียน วดั การประกอบอาชีพตา่ ง ๆ องคก์ รทางการเมือง แลว้ ซกั ถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนมีความเก่ียวขอ้ งกบั ภาพใดบา้ ง หลงั จากน้นั ครูอธิบาย เพื่อเชื่อมโยงเขา้ สู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาคน้ ควา้ เร่ืองสถาบนั สังคมที่สาคญั 3. เมื่อนกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ แลว้ ครูอธิบายเพม่ิ เติม และซกั ถามนกั เรียนเก่ียวกบั ความรู้เรื่องสถาบนั ทางสงั คมท่ีสาคญั 4. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 7 กลมุ่ เพ่ือใหแ้ ต่ละกลมุ่ อภิปรายเกี่ยวกบั บทบาทหนา้ ที่ ความสาคญั และความสัมพนั ธข์ องสมาชิกในสถาบนั ทางสังคม กลุ่มละ 1 สถาบนั ดงั น้ี กลุ่มที่ 1 สถาบนั ครอบครัว กลมุ่ ท่ี 2 สถาบนั การศึกษา กล่มุ ที่ 3 สถาบนั ศาสนา กลุ่มที่ 4 สถาบนั เศรษฐกิจ กลมุ่ ที่ 5 สถาบนั การเมืองการปกครอง กลมุ่ ที่ 6 สถาบนั สื่อสารมวลชน กลุ่มที่ 7 สถาบนั นนั ทนาการ 5. ใหแ้ ต่ละกลุ่มดาเนินการอภิปรายพร้อมแสดงบทบาทสมมตุ ิตามหวั ขอ้ ท่ีกาหนด ในขณะที่กลุ่ม ดาเนินการอภิปราย ครูคอยสังเกตและกระตนุ้ ใหท้ กุ คนแสดงความคิดเห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี 6. ใหแ้ ต่ละกลุ่มสรุปบนั ทึกผลการอภิปรายลงในแบบบนั ทึกผลการอภิปรายเร่ือง สถาบนั ทางสังคม ที่สาคญั 7. ครูสรุปขอ้ มูลความรู้จากการอภิปราย ข้นั สรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง สถาบนั ทางสังคมที่สาคญั โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในสมุด หรือเขยี นเป็นแผนท่ีความคิด ***************************************** ช่ัวโมงท่ี 5-6 ความสัมพนั ธ์ของสถาบนั ทางสังคม นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพขา่ วของสภาพสังคมในยคุ ปัจจุบนั แลว้ ซกั ถามนกั เรียนวา่ จากเน้ือขา่ วเก่ียว ของกบั สถาบนั ใดบา้ ง และมีความเก่ียวขอ้ งกนั อยา่ งไร หลงั จากน้นั ครูอธิบายเพือ่ เชื่อมโยงเขา้ สู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้

2. ครูอธิบายทบทวนในเร่ืองบทบาท หนา้ ท่ี ของสถาบนั ต่าง ๆ และคนในสถาบนั โดยยกตวั อยา่ ง จากสถาบนั ทางการศึกษา เพ่อื เชื่อมโยงกบั สถาบนั อ่ืน ๆ ในรูปแบบของแผนผงั ความคิด 3. นกั เรียนแบ่งกล่มุ ละๆ 5 จานวน 10 กลมุ่ เพอื่ ศึกษาขา่ วจากหนงั สือ พร้อมทาแผนท่ีความคดิ ความสมั พนั ธ์ของสถาบนั ต่างๆ ในสังคม 4. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานของตนเอง ในขณะที่กลมุ่ ดาเนินการอภิปราย ครูคอยสังเกตและ กระตนุ้ ใหท้ กุ คนแสดงความคดิ เห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความสาคญั บทบาทหนา้ ท่ีและความสัมพนั ธ์ของสถาบนั ต่าง ๆ ใน สังคม ผลดีผลเสียของการปฏิบตั ิตนในสังคม ข้ันสรุป 6. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง สถาบนั ทางสงั คมที่สาคญั โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในสมดุ หรื อเขียนเป็ นแผนที่ความคิด 7. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน และช่วยกนั เฉลยคาตอบ เพื่อตรวจสอบและประเมินผล การเรียนรู้ของนกั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนสารวจบทบาทของสถาบนั ทางสงั คมต่าง ๆ ในชุมชนของตนเองวา่ ไดป้ ฏิบตั ิตาม บทบาทหนา้ ท่ีของสถาบนั น้นั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งครบถว้ นหรือไม่ อยา่ งไร สรุปเป็นแผนท่ีความคิด แลว้ นาเสนอ ผลงานหนา้ ช้นั เรียน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ภาพข่าวในสังคมปัจจุบนั และภาพกิจกรรมภายในโรงเรียน 2. ภาพบคุ คลหลากหลายกลมุ่ หลากหลายอาชีพ 3. สื่อการเรียนรู้ หนา้ ที่พลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวิตในสังคม สมบรู ณ์แบบ ม. 2 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวติ ในสงั คม ม. 2บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ค่านิยม (A) 1. ทดสอบหลงั เรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ • ประเมินพฤติกรรมในการ 2. ซกั ถามความรู้เร่ือง สถาบนั ทางานเป็นรายบุคคลในดา้ น ทางานเป็นรายบุคคลและ ทางสงั คม ความมีวินยั ความใฝ่เรียน เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น รู้ ฯลฯ การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม

10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... แนวทางการแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน …………………………………………………………………………………… เหตุผล ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผ้สู อน / / โรงเรียนปากเกร็ด จังหวดั นนทบุรี แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา รหสั วิชา ส 22103 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เหตกุ ารณ์และการเปลย่ี นแปลงทางการเมืองการปกครองของไทย จานวน 6 ชม

1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบนั ยดึ มน่ั ศรัทธาและธารงรักษาไวซ้ ่ึงการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข 2. ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี ส 2.1 (2) วิเคราะหข์ อ้ มูลข่าวสารทางการเมืองการปกครองท่ีมีผลกระทบต่อสังคมไทยสมยั ปัจจุบนั 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบเุ หตกุ ารณ์และการเปลี่ยนแปลงสาคญั ของระบอบการปกครองไทยได้ (K) 2. เห็นความสาคญั ของเหตกุ ารณ์และการเปล่ียนแปลงที่สาคญั ของระบอบการปกครองไทย (A) 3. ส่ือสารและเผยแพร่เกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์และการเปลี่ยนแปลงสาคญั ของระบอบการปกครองไทย (P) 4. อธิบายหลกั ในการเลือกขอ้ มูลข่าวสารเพื่อนามาวเิ คราะหไ์ ด้ (K) 5. เห็นความสาคญั ของการเลือกขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื นามาวิเคราะห์ (A) 6. เลือกขอ้ มูลขา่ วสารท่ีจะนามาวเิ คราะห์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม (P) 4. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มิจิตสาธารณะ 2. รักความเป็นไทย 3. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 5. สมรรถนะผู้เรียน 1. ทกั ษะในการคดิ วเิ คราะห์สื่อสาร 6. สาระสาคัญ การเมืองการปกครองของไทยมีการเปลี่ยนแปลงใหเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั นบั ต้งั แต่การ ปกครองในระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชยใ์ นสมยั อยธุ ยา ธนบรุ ี และสมยั รัตนโกสินทร์ ซ่ึงในช่วงสมยั รัชกาลท่ี 4 และรัชกาลที่ 5 ไดม้ ีการปฏิรูปประเทศใหท้ นั สมยั อยา่ งตะวนั ตก จนกระทงั่ ในสมยั รัชกาลที่ 7 เกิด การเปล่ียนแปลงคร้ังสาคญั คือ การเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชยม์ าเป็น ระบอบประชาธิปไตย โดยคณะราษฎร ซ่ึงนบั แตน่ ้นั มาประเทศไทยกป็ กครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตยมา จนถึงปัจจุบนั ซ่ึงช่วงน้ีก็มีเหตุการณ์สาคญั เกิดข้นึ หลาย ๆ เหตุการณ์ 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-3 เหตุการณ์การเปลยี่ นแปลงทส่ี าคัญทางการเมือง นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพเหตกุ ารณ์การชุมนุมทางการเมือง พร้อมซกั ถามนกั เรียนเพอื่ เชื่อมโยงเขา้ สู่ บทเรียนดงั คาถามต่อไปน้ี - จากภาพเป็นเหตุการณ์ท่ีเป็นการกระทาท่ีถกู ตอ้ งหรือไม่เพราะเหตุใด

- ประชาชนสามารถออกมาเรียกร้องทางการเมืองไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูเช่ือมโยงเขา้ สู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย พร้อมอธิบายหลกั การในระบอบ ประชาธิปไตย รูปแบบ และนาเขา้ สู่การเป็นมาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 3. ครูนาภาพในหลวงรัชกาลท่ี 7 และคณะราษฎร์ใหน้ กั เรียนดูพร้อมอธิบายเหตุการณ์สาคญั การ เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พอสังเขป 4. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 7 กลุม่ ๆ ละ 7 คน ศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกบั เหตกุ ารณ์สาคญั ทางการเมืองของ ไทย ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี พร้อมนาเสนอในรูปแบบของ Active Leanning หวั ขอ้ ที่ 1 เหตกุ ารณ์การเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 หวั ขอ้ ที่ 2 เหตุการณ์ 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 หวั ขอ้ ที่ 3 เหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 หวั ขอ้ ท่ี 4 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หวั ขอ้ ที่ 5 การจดั ทารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 หวั ขอ้ ที่ 6 เหตกุ ารณ์ 19 กนั ยายน พ.ศ. 2549 หวั ขอ้ ที่ 7 เหตุการณ์สาคญั ทางการเมืองหลงั การประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 หลงั จากน้นั ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลมุ่ สืบคน้ ขอ้ มลู และศึกษาจากหนงั สือเรียน หอ้ งสมดุ หรือ อินเทอร์เน็ต 5. ครูใหน้ กั เรียนนาเสนอในรูปแบบของภาพ สไลด์ คลิปเรื่องส้นั สมดุ ภาพ ใหค้ รบทุกกลุ่ม 6. ตวั แทนกลุม่ นาเสนอผลการอภิปรายต่อที่ประชุมหรือหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เปิ ดโอกาสใหผ้ ฟู้ ัง ซกั ถาม ผอู้ ภิปรายตอบคาถาม ครูคอยช่วยเหลือใหค้ าแนะนา 7. ในขณะท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 8. ครูสรุปเหตกุ ารณ์สาคญั จากเหตกุ ารณ์การปกครองต่าง ๆ ในรูปแบบของ Time line พร้อม ร่วมกนั วิเคราะห์จุดเปลี่ยน พฒั นา นาไปสู่เหตุการณ์ในปัจจุบนั สรุป 9. นกั เรียนร่วมกนั สรุปประเด็นการเปลี่ยนแปลงจากประเดน็ สาคญั ๆ ของแต่ละเหตุการณ์นาไปสู่ การเหตกุ ารณ์ทางการเมืองในยคุ ปัจจุบนั ในดา้ นขอ้ ดีและขอ้ เสีย ในรูปแบบแผนผงั ความคดิ โดยใหน้ กั เรียน บนั ทึกขอ้ สรุปลงในสมดุ ***************************************** ช่ัวโมงที่ 4-5 หลกั การเลือกรับข้อมูลข่าวสารทางการเมือง

นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ กั เรียนดูข่าวในเรื่องใดเร่ืองหน่ึง จากหนงั สือพมิ พฉ์ บบั ต่าง ๆ แลว้ ถามนกั เรียนวา่ เราจะรู้ไดอ้ ย่างไรวา่ ขา่ วที่นาเสนอตามหนงั สือพมิ พน์ ้ีถกู ตอ้ งและเป็นขอ้ มูลขา่ วสารท่ีดี กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูสุ่มนกั เรียน 5–6 คน ออกมาอธิบายหลกั การเลือกรับขอ้ มลู ข่าวสารของตนเอง แลว้ ครูสรุป ขอ้ มลู ต่าง ๆ ลงบนกระดาน โดยครูยงั ไม่เฉลยวา่ ขอ้ มลู ที่นาเสนอน้นั ถกู หรือผิด 3. ใหน้ กั เรียนเขียนคาถามที่ตอ้ งการทราบเก่ียวกบั หลกั การเลือกรับขอ้ มูลขา่ วสาร จากน้นั ให้ นกั เรียนไปศึกษาคน้ ควา้ หาคาตอบจากหนงั สือเรียน ห้องสมดุ หรืออินเทอร์เนต็ 4. ใหน้ กั เรียนออกมานาเสนอสาระความรู้ท่ีไดไ้ ปศึกษาคน้ ควา้ มาใหเ้ พอื่ นฟังหนา้ ช้นั เรียน 5. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั วิเคราะหว์ า่ ขอ้ มูลที่เพื่อนไดอ้ อกมานาเสนอไวใ้ นขอ้ 3 ถกู หรือผิด ถา้ ผดิ คาตอบท่ีถูกคืออะไร จากน้นั ครูอธิบายเน้ือหาเก่ียวกบั หลกั การเลือกรับขอ้ มลู ข่าวสาร โดยใชส้ ่ือต่าง ๆ ประกอบ เช่น หนงั สือพมิ พ์ นิตยสาร 6. หลงั จากอธิบายจบแลว้ ครูซกั ถามนกั เรียนเกี่ยวกบั หลกั การเลือกรับขอ้ มลู ข่าวสาร 7. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษาเรื่อง หลกั การเลือกรับขอ้ มลู ข่าวสารลงในแบบ บนั ทึกความรู้ สรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง หลกั การเลือกรับขอ้ มูลข่าวสาร โดยใหน้ กั เรียนสรุปเป็ น เรียงความ แผนท่ีความคดิ หรือผงั มโนทศั น์ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม 9. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน และช่วยกนั เฉลยคาตอบ เพื่อตรวจสอบและประเมินผล การเรียนรู้ของนกั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนสารวจและรวบรวมข่าวสารตา่ ง แลว้ นาข่าวน้นั มาช่วยกนั วิเคราะห์วา่ ข่าวใดท่ีสมควร เลือกรับ หรือขา่ วใดท่ีไม่สมควรเลือกรับ เพราะอะไร แลว้ นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน 8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ค่านยิ ม (A)

1. ซกั ถามความรู้เร่ือง • ประเมินพฤติกรรมในการ • ประเมินพฤติกรรมในการ เหตุการณ์และการ ทางานเป็นรายบคุ คลในดา้ น ทางานเป็ นรายบุคคลและ เปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความมีวินยั ความใฝ่เรียน เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร การปกครองของไทย รู้ ฯลฯ การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ข่าวจากหนงั สือพิมพฉ์ บบั ต่าง ๆ แหล่งขอ้ มลู จาก อินเทอร์เน็ต 2. หนงั สือพิมพ์ นิตยสาร 3. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ...........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ แนวทางการแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ ส่ิงท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน …………………………………………………………………………………… เหตผุ ล ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ผู้สอน // โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบรุ ี แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา รหัสวิชา ส 22103 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กระบวนการตรากฎหมายกบั กฎหมายน่ารู้ จานวน 5 ชม 1. มาตรฐานการเรียนรู้

ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นิยมที่ดีงาม และธารงรักษา ประเพณี และวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลกอยา่ งสันติสุข ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบนั ยดึ มนั่ ศรัทธาและธารงรักษาไวซ้ ่ึงการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข 2. ตัวชีว้ ัดช้ันปี ส 2.1 (2) วเิ คราะห์ขอ้ มลู ข่าวสารทางการเมืองการปกครองท่ีมีผลกระทบตอ่ สงั คมไทยสมยั ปัจจุบนั ส 2.2 (1) อธิบายกระบวนการในการตรากฎหมาย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย ความสาคญั ของกฎหมายและกระบวนการในการตรากฎหมายได้ ได้ (K) 2. เห็นคณุ ค่าและตระหนกั ในความสาคญั ของกฎหมาย และกระบวนการในการตรากฎหมาย (A) 3. วเิ คราะห์และปฏิบตั ิตนตามกฎหมายไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (P) 4. ระบแุ นวทางในวิธีปฏิบตั ิในกระบวนการตรากฎหมาย และการมีส่วนร่วมในการตรากฎหมาย ของประชาชนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (K, P) 4. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มิจิตสาธารณะ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 4. รักความเป็นไทย 5. สมรรถนะผู้เรียน 1. ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์สื่อสาร 6. สาระสาคัญ กฎหมาย คือ ขอ้ บงั คบั ที่รัฐกาหนดใหป้ ระชาชนปฏิบตั ิตาม หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ กฎหมายเป็นส่ิงที่ทาใหบ้ า้ นเมืองเกิดความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย กฎหมายมีหลายประเภท ถา้ แบง่ ตามขอ้ ความที่บญั ญตั ิในกฎหมายจะแบ่งเป็นกฎหมายมหาชนและกฎหมายเอกชนกฎหมายแตล่ ะประเภทจะ มีกระบวนการหรือข้นั ตอนในการตราท่ีแตกต่างกนั ท้งั พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบญั ญตั ิ พระราชกาหนด พระราชกฤษฎีกา และขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถิ่นโดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตรา พระราชบญั ญตั ิและขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถิ่นไดต้ ามวิธีการท่ีกฎหมายกาหนด 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1-2 ความหมายและความสาคญั ของกฎหมายกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกบั ตนเอง ครอบครัว นาเข้าสู่บทเรียน

1. ครูซกั ถามนกั เรียนวา่ เพราะอะไรคนในสงั คมจึงตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎเกณฑแ์ ละกฎระเบียบที่สงั คม กาหนดไว้ และมีสิ่งใดบา้ งที่ใชค้ วบคมุ ใหค้ นประพฤติและปฏิบตั ิตามกฎเกณฑห์ รือกฎระเบียบเหลา่ น้ี จากน้นั ครูอธิบายเพือ่ เขา้ สู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูเขยี นคาวา่ กฎหมาย บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนระดมสมองหานิยามของคาน้ี แลว้ ช่วยกนั เรียบเรียงใหถ้ ูกตอ้ ง 3. นกั เรียนร่วมกนั ระดมสมองเพื่อนคู่คิด บอกความสาคญั และกฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกบั ประชาชน ตอ้ งปฏิบตั ิ คู่ละ 1 ขอ้ พร้อมบนั ทึกลงบนกระดาน 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ความหมาย ความสาคญั และประเภทของกฎหมาย ใหเ้ กิดความ เขา้ ใจตรงกนั ลงใบงาน 5. ครูแสดงบตั รประจาตวั ประชาชนใหน้ กั เรียนดู แลว้ ซกั ถามนกั เรียนในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1) เราจะตอ้ งมีบตั รประจาตวั เม่ืออายเุ ทา่ ใด 2) เราจะตอ้ งไปทาบตั รประจาตวั ประชาชนท่ีไหน และตอ้ งเตรียมเอกสารใดไปบา้ ง 3) หากไปทาบตั รประจาตวั ประชาชนชา้ เราจะมีความผดิ ตามกฎหมายหรือไม่ อยา่ งไร 6. ครูอธิบายสรุปวา่ การทาบตั รประจาตวั ประชาชนเป็นตวั อยา่ งหน่ึงของการปฏิบตั ิตามกฎหมายท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว ซ่ึงทุกคนตอ้ งรู้และปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 7. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาเร่ือง กฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว หลงั จากท่ีนกั เรียนอา่ นจบ แลว้ ครูสนทนาซกั ถามนกั เรียนเกี่ยวกบั ความรู้ที่ไดศ้ ึกษามา 8. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4 คน คละความสามารถและเพศ ออกมาจบั สลากซองคาถาม เกี่ยวกบั กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ไปคน้ ควา้ หาคาตอบจากหนงั สือเรียน ในหอ้ งสมดุ หรืออินเทอร์เน็ต ตวั อยา่ งคาถาม เช่น 1) นิพฒั นม์ ีอายุ 15 ปี เขาสามารถซ้ือจกั รยานเพ่ือใชเ้ ป็นพาหนะไปโรงเรียนไดห้ รือไม่ อยา่ งไร 2) นายอนุชาอายุ 18 ปี จะทาการสมรสกบั นางสาวดารุณีอายุ 17 ปี ไดห้ รือไม่ อยา่ งไร 3) ใครบา้ งที่ตอ้ งมีบตั รประจาตวั ประชาชน และผทู้ ่ีศึกษาอยใู่ นตา่ งประเทศตอ้ งมีบตั รประจาตวั ประชาชนหรือไม่ อยา่ งไร 4) บุตรนอกสมรสมีสิทธิเหมือนหรือแตกต่างจากบุตรบุญธรรมหรือไม่ อยา่ งไร 9. หลงั จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มตอบคาถามลงในแบบบนั ทึกคาถาม-คาตอบ แลว้ ส่งตวั แทนนาเสนอ ผลงานหนา้ ช้นั เรียน 10. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอ ผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ 11. ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งแบบบนั ทึกคาถาม-คาตอบ แลว้ เฉลยคาตอบ พร้อมท้งั รวบรวมคะแนนของ แตล่ ะกลุ่ม กลุ่มที่ไดค้ ะแนนสูงสุดเป็นผชู้ นะ จากน้นั ครูใหร้ างวลั หรือกล่าวคาชมเชยแก่กลมุ่ ที่ชนะ 12. ครูสรุปความรู้จากการตอบคาถามเรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว

สรุป 13. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง กฎหมาย โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในสมดุ หรือสรุปเป็น เรียงความ แผนที่ความคิด หรือผงั มโนทศั นพ์ ร้อมท้งั ตกแต่งใหส้ วยงาม กจิ กรรมเสนอแนะ 14. ครูแนะนาให้นกั เรียนนาความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนเร่ือง กฎหมาย ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั และเผยแพร่ใหก้ บั บุคคลอ่ืน ***************************************** ช่ัวโมงที่ 3 กฏหมายที่เกยี่ วข้องกบั ชุมชนและประเทศชาติ นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพประชาชนกาลงั ยนื่ เรื่องเสียภาษีอากร แลว้ ซกั ถามนกั เรียนวา่ เป็นภาพอะไร ทาไมจึงตอ้ งปฏิบตั ิตามภาพน้ี แลว้ อธิบายวา่ ภาพน้ีเป็นการเสียภาษีของประชาชน ซ่ึงเป็นการปฏิบตั ิตามท่ี กฎหมายภาษอี ากรกาหนดไว้ กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเร่ือง กฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชุมชนและประเทศชาติ แลว้ สนทนาซกั ถามนกั เรียน เกี่ยวกบั เรื่องท่ีอธิบาย 3. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 4 กลุม่ คละความสามารถและเพศ แต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมา เพื่อจบั สลากศึกษาเรื่องกฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชุมชนและประเทศ กล่มุ ละ 1 หวั ขอ้ ดงั น้ี กลุ่มท่ี 1 กฎหมายเก่ียวกบั การอนุรักษธ์ รรมชาติ กลุ่มท่ี 2 กฎหมายภาษอี ากร กลุ่มที่ 3 กฎหมายแรงงาน กลมุ่ ท่ี 4 กฎหมายปกครอง จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศึกษาและสืบคน้ ขอ้ มูล ตามหวั ขอ้ ท่ีกาหนด 4. เมื่อศึกษาคน้ ควา้ และสืบคน้ ขอ้ มูลเสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกล่มุ ดาเนินการอภิปรายตามหัวขอ้ ท่ีกาหนด ในขณะดาเนินการอภิปราย ครูคอยสงั เกตและกระตนุ้ ใหท้ ุกคนแสดงความคดิ เห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี 5. ใหแ้ ต่ละกล่มุ สรุปบนั ทึกผลการอภิปรายลงในแบบบนั ทึกผลการอภิปรายเร่ือง กฎหมายท่ี เก่ียวขอ้ งกบั ชุมชนและประเทศ 6. ตวั แทนกลุม่ นาเสนอผลการอภิปรายต่อที่ประชุมหรือหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เปิ ดโอกาสใหผ้ ฟู้ ัง ซกั ถาม ผอู้ ภิปรายตอบคาถาม ครูคอยช่วยเหลือใหค้ าแนะนา 7. ในขณะท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม ใหค้ รูสังเกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกล่มุ 8. ครูสรุปขอ้ มูลความรู้จากการอภิปราย สรุป

9. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ชุมชนและประเทศ โดยให้ นกั เรียนสรุปลงในสมดุ หรือเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ พร้อมท้งั ตกแต่งใหส้ วยงาม 10. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน และช่วยกนั เฉลยคาตอบ เพอ่ื ตรวจสอบและประเมินผล การเรียนรู้ของนกั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนสารวจตนเองและบุคคลในครอบครัววา่ ไดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ชุมชน และประเทศอยา่ งถกู ตอ้ งและครบถว้ นหรือไม่ อยา่ งไร บนั ทึกผล แลว้ นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน *********************************** ช่ัวโมงท่ี 4-5 กระบวนการตรากฎหมาย นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพการประชุมรัฐสภาในการพจิ ารณาร่างพระราชบญั ญตั ิ แลว้ อธิบายวา่ ในการ ตรากฎหมาย การพจิ ารณาร่างพระราชบญั ญตั ิเป็นข้นั ตอนหน่ึงในกระบวนการตรากฎหมาย ซ่ึงมีข้นั ตอนอื่น ๆ อีกหลายข้นั ตอน แลว้ นาเขา้ สู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเก่ียวกบั กระบวนการตรากฎหมายใหน้ กั เรียนฟัง จากน้นั สนทนาซกั ถามความรู้นกั เรียน ในเร่ืองที่อธิบาย 3. ครูกลา่ วชมเชยนกั เรียน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ที่ไดร้ ับ 4. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 4 กลมุ่ แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากเพ่ือศึกษาเรื่อง – ข้นั ตอนการตรากฎหมาย กลุม่ ละ 1 หวั ขอ้ ดงั น้ี 1) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ 2) พระราชบญั ญตั ิ 3) พระราชกาหนด 4) พระราชกฤษฎีกา 5) ขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถ่ิน แต่ละกลุ่มร่วมกนั อภิปรายและสรุปความรู้ที่ไดร้ ับ แลว้ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน 5. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 6. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษาเรื่อง กระบวนการตรากฎหมายลงในแบบบนั ทึก ความรู้เป็นการบา้ น 7. ครูทบทวนความรู้เรื่อง กระบวนการตรากฎหมาย จากน้นั อธิบายเรื่อง การมีส่วนร่วมในการตรา กฎหมายของประชาชน อยา่ งกวา้ ง ๆ ใหน้ กั เรียนฟัง

8. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ศึกษาเรื่อง การมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชน จากน้นั ใหน้ กั เรียนเลม่ เกมปุจฉา–วิสัชนา (ถาม–ตอบ) โดยใหแ้ ต่ละฝ่ายผลดั กนั ต้งั คาถามถามเพ่ืออีกฝ่ายตาม เวลาท่ีกาหนด ฝ่ายใดถามและตอบไดม้ ากกวา่ ฝ่ายน้นั เป็นฝ่ายชนะ 9. ครูสรุปความรู้เร่ืองการมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชน แลว้ ให้นกั เรียนเขียนสรุป ความรู้ท่ีไดร้ ับลงในแบบบนั ทึกความรู้เป็นการบา้ น สรุป 10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง กระบวนการตรากฎหมาย โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงใน สมุดหรือจดั ทาในรูปแบบของ Power Point 11. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนสืบคน้ การมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชนชาวไทย สรุป แลว้ นาเสนอ ผลงานหนา้ ช้นั เรียน 8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ค่านิยม (A) 1. แบบทดสอบในเร่ือง การ • ประเมินพฤติกรรมในการ • ประเมินพฤติกรรมในการ ตรากฎหมาย กฎหมาย ทางานเป็นรายบุคคลในดา้ น ทางานเป็นรายบคุ คลและ เก่ียวกบั ตนเองและ ความมีวนิ ยั ความใฝ่เรียน เป็นกลมุ่ ในดา้ นการส่ือสาร ครอบครัว ชุมชนและ รู้ ฯลฯ การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ ประเทศ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ภาพขา่ ว และเหตุการณ์ 2. หนงั สือพิมพ์ 3. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ แนวทางการแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ................................ สิ่งท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน …………………………………………………………………………………… เหตผุ ล ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................ ลงชื่อ ผู้สอน / / โรงเรียนปากเกร็ด จงั หวัดนนทบุรี

แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา รหัสวิชา ส 22103 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชีย จานวน 5 ชม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นิยมที่ดีงาม และธารงรักษา ประเพณี และวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสันติสุข 2. ตัวชีว้ ดั ช้ันปี ส 2.1 (4) อธิบายความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมของประเทศ ในภมู ิภาคเอเชีย เพื่อนาไปสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทยและ วฒั นธรรมในภูมิภาคเอเชียได้ (K) 2. อธิบายวฒั นธรรมที่นาไปสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั ได้ (K) 3. เห็นคุณคา่ ของวฒั นธรรมไทยและชาติต่าง ๆ (A) 4. เห็นความสาคญั ของวฒั นธรรมที่นาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั (A) 5. ส่ือสารและวเิ คราะห์วฒั นธรรมของชาติตา่ ง ๆ ที่คลา้ ยคลึงกบั วฒั นธรรมไทย รวมถึงวฒั นธรรมท่ี นาไปสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั ได้ (P) 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มิจิตสาธารณะ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 4. รักความเป็นไทย 5. สมรรถนะผ้เู รียน 1. ทกั ษะในการคดิ วิเคราะห์ส่ือสาร 6. สาระสาคญั วฒั นธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ป่ นุ เกาหลี จีน อินเดีย และซาอดุ ีอาระเบีย ลว้ นมีความโดดเด่นและเป็นเอกลกั ษณ์ วฒั นธรรมเหล่าน้ีมีท้งั ส่วนท่ีคลา้ ยคลึงและแตกตา่ งกบั วฒั นธรรม ไทย ท้งั ดา้ นการแต่งกาย ภาษา ความเชื่อ และอาหาร วฒั นธรรมเป็นสิ่งหน่ึงท่ีสามารถสร้างความเขา้ ใจอนั ดี ระหวา่ งคนต่างวฒั นธรรมได้ ไม่วา่ จะเป็น วฒั นธรรมที่เกี่ยวกบั ภาษา ความเช่ือ และขนบธรรมเนียมประเพณี การเรียนรู้วฒั นธรรมเหลา่ น้ีจะทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจกนั และอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1-3 ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างทางวฒั นธรรมของไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชีย นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพวฒั นธรรมของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ภาพชุดกิโมโน ฮนั บก ก่ี เพา้ ส่าหรี ภาพอาหารของแต่ละชาติ ภาพประเพณีและวฒั นธรรม แลว้ ซกั ถามนกั เรียนวา่ วฒั นธรรมตาม ภาพเหลา่ น้ีคลา้ ยคลึงหรือแตกต่างจากวฒั นธรรมไทยอยา่ งไรบา้ ง จากน้นั อธิบายวา่ ภาพเหล่าน้ีเป็นภาพของ วฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซ่ึงมีท้งั ในส่วนที่คลา้ ยคลึงและแตกต่างกบั วฒั นธรรมไทย กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเรื่องความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างทางวฒั นธรรมของไทยและประเทศในภมู ิภาค เอเชีย โดยเนน้ ในส่วนของวฒั นธรรมไทย 3. เมื่ออธิบายจบแลว้ ครูสนทนาซกั ถามความรู้กบั นกั เรียนในเร่ืองที่ศึกษา 4. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลมุ่ พ้นื ฐาน โดยคละความสามารถและเพศ กลุ่มละ 4 คน 5. ครูมอบหมายใหส้ มาชิกแต่ละคนของกลุม่ พ้นื ฐานศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง ความคลา้ ยคลึงและความ แตกต่างทางวฒั นธรรมของไทยกบั ประเทศในภมู ิภาคเอเชีย คนละ 1 ประเทศ ดงั น้ี สมาชิกคนท่ี 1 ศึกษาวฒั นธรรมญี่ป่ ุน สมาชิกคนที่ 2 ศึกษาวฒั นธรรมเกาหลี สมาชิกคนท่ี 3 ศึกษาวฒั นธรรมจีน สมาชิกคนท่ี 4 ศึกษาวฒั นธรรมอินเดีย สมาชิกคนท่ี 5 ศึกษาวฒั นธรรมซาอดุ ีอาระเบีย 6. ครูแบ่งกลุ่มใหม่ ซ่ึงเรียกกลมุ่ น้ีวา่ กลมุ่ ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะ โดยใหน้ กั เรียนท่ีศึกษาเร่ืองเดียวกนั ใน แต่ละกล่มุ พ้ืนฐานมาอยกู่ ลุ่มเดียวกนั 7. ใหก้ ล่มุ ผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะช่วยกนั คน้ ควา้ ความรู้เพม่ิ เติมจากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น หอ้ งสมดุ อินเทอร์เน็ต ในเรื่องที่ตนไดศ้ ึกษามาในขณะท่ีอยใู่ นกล่มุ พ้ืนฐาน เพ่ือเตรียมการท่ีจะนาไปสอน อธิบาย หรือ ใหค้ วามรู้แก่เพื่อน ๆ ในกลุ่มพ้ืนฐานหรือกลมุ่ เดิมของตน โดยครูจะตอ้ งดูแล และคอยใหค้ าปรึกษาแก่ นกั เรียนอยา่ งใกลช้ ิด 8. ใหส้ มาชิกกลุ่มผเู้ ช่ียวชาญแตล่ ะคนกลบั เขา้ กล่มุ เดิมท่ีเป็นกลมุ่ พ้ืนฐานของตน จากน้นั แต่ละคน ผลดั เปล่ียนหมุนเวียนกนั อธิบายใหค้ วามรู้เพือ่ นสมาชิกในกลุ่มจนครบ โดยใหม้ ีการซักถามขอ้ สงสยั ตอบ ปัญหา และทบทวนใหเ้ กิดความเขา้ ใจท่ีชดั เจน 9. ครูต้งั คาถามในทุกหวั ขอ้ ที่ไดท้ าการเรียนรู้เพ่อื ใหส้ มาชิกของแตล่ ะกลุ่มตอบ เช่น 1) วฒั นธรรมดา้ นการแต่งกายของไทยคลา้ ยคลึงหรือแตกตา่ งจากวฒั นธรรมญ่ีป่ นุ อยา่ งไรบา้ ง 2) วฒั นธรรมดา้ นความเชื่อของไทยคลา้ ยคลึงหรือแตกตา่ งกบั วฒั นธรรมเกาหลีอยา่ งไรบา้ ง 3) วฒั นธรรมดา้ นภาษาของไทยคลา้ ยคลึงหรือแตกต่างกบั วฒั นธรรมอินเดียอยา่ งไรบา้ ง 4) วฒั นธรรมดา้ นอาหารของไทยเหมือนหรือแตกตา่ งกบั วฒั นธรรมจีนอยา่ งไรบา้ ง

5) วฒั นธรรมไทยดา้ นใดบา้ งท่ีแตกต่างจากวฒั นธรรมซาอุดีอาระเบีย ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เขยี นคาตอบลงในแบบบนั ทึกคาถาม–คาตอบ และเมื่อเขยี นคาตอบเสร็จแลว้ ส่ง ตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน แลว้ รวบรวมส่งครู 10. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอ ผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุม่ 11. ครูเฉลยคาตอบใหน้ กั เรียนฟัง โดยกล่มุ ที่ตอบถูก 1 ขอ้ จะได้ 1 คะแนน 12. ครูสรุปคะแนนท่ีแตล่ ะกลุม่ ไดล้ งบนกระดานดา จากน้นั กล่าวชมเชยกล่มุ ที่ไดค้ ะแนนมากท่ีสุด สรุป 13. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมของ ไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยใหน้ กั เรียนสรุปเป็นแผนท่ีความคิด หรือในรูปแบบของเพาเวอร์พอยท์ (Power Point) 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 14. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 4–6 คน คน้ หาขา่ วเกี่ยวกบั วฒั นธรรมของประเทศในภูมิภาค เอเชีย แลว้ ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น 15. ครูแนะนาใหน้ กั เรียนทาป้ายนิเทศรณรงคใ์ หเ้ พ่ือนในโรงเรียนเห็นความสาคญั ของวฒั นธรรม ไทยและวฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ***************************************** ชั่วโมงที่ 4-5 วฒั นธรรมนาสู่ความเข้าใจอนั ดีระหว่างกนั นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนหันไปยม้ิ ใหก้ บั เพ่ือนที่นงั่ ขา้ ง ๆ พร้อมกบั ยกมือไหว้ และกล่าวคาวา่ สวสั ดีครับ/ สวสั ดีคะ่ หลงั จากน้นั ครูซกั ถามนกั เรียนวา่ เม่ือมีคนยมิ้ และไหวท้ กั ทายเรา เรามีความรู้สึกอยา่ งไร หลงั จาก น้นั ครูอธิบายวา่ การยมิ้ และการไหวเ้ ป็นวฒั นธรรมอยา่ งหน่ึงของไทยที่จะช่วยสร้างความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ ง กนั ได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเก่ียวกบั วฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั ใหน้ กั เรียนฟังพอสังเขป แลว้ สนทนาซกั ถามนกั เรียนเกี่ยวกบั เรื่องที่อธิบาย 3. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3 คน แตล่ ะกลุม่ จบั สลากแบง่ หวั ขอ้ เก่ียวกบั วฒั นธรรมนาสู่ความ เขา้ ใจ คนละ 1 หวั ขอ้ ดงั น้ี หมายเลข 1 วฒั นธรรมที่เกี่ยวกบั ภาษา หมายเลข 2 วฒั นธรรมท่ีเกี่ยวกบั ความเช่ือ หมายเลข 3 วฒั นธรรมที่เก่ียวกบั ขนบธรรมเนียมประเพณี

จากน้นั ใหน้ กั เรียนศึกษาหวั ขอ้ ของตนจากหนงั สือเรียน หรือหนงั สือต่าง ๆ ในหอ้ งสมุด หรือจาก อินเทอร์เน็ต โดยผทู้ ี่จบั สลากไดห้ วั ขอ้ เดียวกนั จะตอ้ งไปศึกษาคน้ ควา้ ร่วมกนั จนแมน่ ยา หลงั จากน้นั ใหแ้ ต่ ละคนกลบั มาที่กลุ่มเดิม แลว้ อธิบายสาระสาคญั ที่ตนศึกษามาใหเ้ พอ่ื นร่วมช้นั ฟังหนา้ ช้นั เรียน 4. หลงั จากท่ีฟังเพื่อนอธิบายจนเขา้ ใจแลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อภิปรายในหวั ขอ้ วฒั นธรรมนาสู่ ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั แลว้ ส่งตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน 5. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 6. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความรู้ท่ีไดร้ ับจากการอภิปรายเร่ือง วฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ ง กนั ลงในแบบบนั ทึกผลการอภิปรายเร่ือง วฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษาเรื่อง วฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดี ระหวา่ งกนั สรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง วฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั โดยให้ นกั เรียนสรุปลงในสมุด พร้อมท้งั วาดภาพประกอบและตกแต่งใหส้ วยงาม 9. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน และช่วยกนั เฉลยคาตอบ เพ่ือตรวจสอบและประเมินผล การเรียนรู้ของนกั เรียน กจิ กรรมเสนอแนะ 10. ครูใหน้ กั เรียนสารวจวฒั นธรรมในทอ้ งถิ่นของตนท่ีทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจอนั ดีระหหวา่ งคนใน ทอ้ งถิ่นและคนตา่ งทอ้ งถ่ิน สรุป แลว้ นาเสนอหนา้ ช้นั เรียน 11. ครูใหน้ กั เรียนนาประโยชน์จากการเรียนเรื่องวฒั นธรรมนาสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั ไป ปฏิบตั ิและเผยแพร่ความรู้ใหก้ บั ผอู้ ื่นได้ 4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) ค่านิยม (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง ความ • ประเมินพฤติกรรมในการ • ประเมินพฤติกรรมในการ คลา้ ยคลึงและความแตกตา่ ง ทางานเป็นรายบคุ คลในดา้ น ทางานเป็นรายบคุ คลและ ทางวฒั นธรรมของไทยและ ความมีวนิ ยั ความใฝ่เรียน เป็นกลมุ่ ในดา้ นการสื่อสาร ประเทศในภมู ิภาคเอเชีย รู้ ฯลฯ การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม

9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลงั เรียน 2. ภาพวฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ภาพชุดกิโมโน ฮนั บก ก่ีเพา้ ส่าหรี ภาพ อาหารของแตล่ ะชาติ ภาพประเพณีและวฒั นธรรม 3. แบบบนั ทึกคาถาม–คาตอบ 4. แบบบนั ทึกพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลมุ่

10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... แนวทางการแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน …………………………………………………………………………………… เหตุผล ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผ้สู อน / /


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook