Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by amonthepchitrong, 2020-11-03 08:45:15

Description: สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน
นายอมรเทพ ใจตรง เลขที่22 ชั้นม.5/6

Search

Read the Text Version

คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือศึกษา เกี่ยวกบั สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน โดยเน้ือหาประกอบ ไปดว้ นตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียน และประกอบการเรียน วชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็นประโยชน์ต่อผศู้ ึกษไดแป็นอยา่ งด ผจู้ ดั ทา นายอมรเทพ ใจตรง เลขท่ี 22 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6

ดอกพดุ ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Tabernaemontana divaricata (L.), R.Br. ex Roem. & Schult. ชื่อสามญั : – ช่ือพนื้ เมืองอ่นื : พุดป่ า (ลาปาง) ; พุดจีบ, พดุ ซอ้ น, พดุ สวน, พดุ สา (ภาคกลาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ (ST) ตน้ สูงประมาณ 1.5-3 เมตร ทุกส่วนของลาตน้ จะมีน้ายางสีขาว แตก กิ่งกา้ นสาขามาก ใบ เป็นใบเด่ียว ออกใบตรงขา้ ม ลกั ษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ขอบ ใบเรียบ ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม กา้ นใบส้นั แผน่ ใบสีเขียวเขม้ ทอ้ งใบหรือใตใ้ บสีเขียว อ่อน ผวิ ใบเป็นมนั ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบบริเวณปลายกิ่ง 2-3 ดอก ดอกขนาดเลก็ จะตมู เหมือนปลาย พ่กู นั กลีบดอกโคนเช่ือมกนั เป็นท่อเลก็ ๆ ปลายใบแยกเป็น 5 กลีบ มีสีขาว กลีบดอกบาง ออก ดอกตลอดปี ผล เป็นฝัก ยาวประมาณ 2.5-5 ซม. ปลายแหลมและโคง้ นิเวศวทิ ยา มีถิ่นกาเนิดอยใู่ นอินเดีย ในประเทศไทยเป็นไมท้ ่ีปลูกกนั มากในทว่ั ทุกภาค ชอบแดดราไร การปลกู และขยายพนั ธุ์ เจริญเติบโตไดด้ ีในดินร่วนซุย ความช้ืนปานกลาง ขยายพนั ธุด์ ว้ ยการเพาะเมลด็ หรือตอนกิ่ง

ต้นไผ่ เป็นไมท้ ่ีข้ึนง่ายและเติบโตเร็ว ข้ึนไดด้ ีในทุกสภาวะอากาศดารงอยไู่ ดใ้ นพ้ืนดินทุก ชนิด ท่ีสาคญั คือ ไผเ่ ป็นพนั ธุ์ไมท้ ่ีอานวยประโยชนห์ ลายประการ ท้งั ประโยชน์ทางตรง และทางออ้ ม และเป็นพืชท่ีลาตน้ ก่ิงมีลกั ษณะแปลกสวยงาม ไผเ่ ป็นไมท้ ี่ตายยาก ถา้ ไผ่ ออกดอกเม่ือใดจึงจะตาย แต่กย็ ากมากและนานมากที่ไผจ่ ะออกดอก ไมไ้ ผม่ ีประโยชน์ มากกบั คนเราคนเราสามารถนาไมไ้ ผม่ าสร้างบา้ นท่ีอยอู่ าศยั และทาเครื่องจกั สานอ่ืนๆ อีกมากมายสาหรับไม่ไผน่ ้นั ใชไ้ ดท้ ุกส่วนต้งั แต่ หน่อ ลาตน้ ใบ ราก เยอื่ ไผ่ ขยุ ไผ่ มี ประโยชน์ใชส้ อยในชีวิตประจาวนั ในปัจจุบนั เราสามารถนาไมไ้ ผม่ าจกั รสานทาเป็น อาชีพหารายไดใ้ หแ้ ก่ครอบครัว และยงั เป็นงานที่เราส่งออกไปขายอยนู่ อกประเทศ สาหรับคนไทยเราแลว้ งานท่ีใชฝ้ ีมือถือวา่ เป็นงานท่ีประณีตระเอียดและสวยงามมาก

ต้นหูกระจง ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminate ivorensis A. Chev. ช่ือวงศ์ COMBRETACEAE ชื่ออืน่ หูกวางแคระ ถน่ิ กาเนิด สาธารณรัฐโกตดิววั ร์ (ไอเวอรี่โคสต)์ ในแอฟริกา ลกั ษณะทวั่ ไป ไมต้ น้ ขนาดใหญ่ สูง 15-20 ม. ขนาดทรงพ่มุ 8-10 ม. ผลดั ใบ ทรงพุ่มแผเ่ ป็นช้นั ๆ หนาทึบ แตกก่ิงต้งั ฉากกบั ลาตน้ เมื่อตน้ โตเตม็ ท่ีปลาย ก่ิงจะล่ลู ง เปลือกตน้ สีน้าตาล มีรอยแตกเป็นร่อง ตามแนวยาว สีน้าตาลอมเหลืองและมีรอย ด่างขาวทวั่ ท้งั ลาตน้ ใบ ใบเดี่ยว เรียงเวยี นสลบั ถ่ีที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลบั กวา้ ง 1 -1.5ซม. ยาว 1.5-3 ซม. ปลายใบ เป็นต่ิงแหลม โคนใบสอบแคบ เวา้ และมีต่อม 1 คู่ ขอบใบเรียบ แผน่ ใบหนาและเหนียว สี เขียวเรียบเป็นมนั ใบอ่อนสีน้าตาลอมเขียว กา้ นใบยาวประมาณ 0.4 ซม. ดอก สีขาว ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดท่ีซอกใบใกลป้ ลายก่ิง ช่อดอกมีลกั ษณะเป็นแท่ง โคนกลีบเล้ียงเช่ือมติดกนั ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหล่ียม ไม่มีกลีบดอก ดอกเพศผอู้ ยู่ ปลายช่อ ดอกสมบูรณ์เพศอยบู่ ริเวณโคนช่อ เกสรเพศผู้ 10 อนั ผล ผลสดแบบมีเน้ือเมลด็ เดียว รูปไข่หรือรูปรีป้ อมและแบนเลก็ นอ้ ย กวา้ ง 2-5 ซม. ยาว 3-7 ซม. สีเขียว เม่ือสุกสีเหลืองอมเขียวมีเน้ือ และช้นั หุม้ เมลด็ ค่อนขา้ งแขง็ และเหนียว เมลด็ รูป รี สีน้าตาล ออกดอกติดผลเกือบตลอดท้งั ปี ขยายพนั ธุ์โดยการเพาะเมลด็ และตอนกิ่ง การใช้ประโยชน์ ทรงพ่มุ สวย พ่มุ ใบละเอียดเป็นช้นั ๆ สวยงาม ปลกู ประดบั สวน อาคาร ให้ ร่มเงาริมถนนลานจอดรถ ปลกู ในพ้ืนท่ีกวา้ ง เช่น สวนสาธารณะ เน้ือไมไ้ ขก้ ่อสร้าง ทา เฟอร์นิเจอร์

น้อยหน่า ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Annona squamosa L. จดั อยใู่ นวงศก์ ระดงั งา (ANNONACEAE) นอ้ ยหน่า มีช่ือทอ้ งถ่ินอื่น ๆ วา่ ลาหนงั (ปัตตานี), หน่อเกล๊ะแซ (แม่ฮ่องสอน), มะ นอแน่ มะแน่ (ภาคเหนือ), หมกั เขียบ (ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) เป็นตน้ น้อยหน่า มีถ่ินกาเนิดในแถบอเมริกากลางและใต้ พบไดท้ ว่ั ไปในเขตร้อนรวมถึง บา้ นเรา โดยจะเพาะปลกู มากในภาคกลางและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลกั ษณะ ของผลนอ้ ยหน่า เน้ือผลจะมีสีขาว ใหร้ สหวาน มีเมลด็ สีดา ซ่ึงส่วนท่ีนามาใชเ้ ป็น ยารักษาอาการต่าง ๆไดแ้ ก่ ผล ผลดิบ ผลแหง้ เมลด็ และใบ สาหรับบา้ นเรานิยมนา ใบหรือเมลด็ ของนอ้ ยหน่ามาใชใ้ นการกาจดั เหา เห็บหมดั เป็นตน้

มะม่วง ช่ือสามัญ Mango ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Mangifera indica L. (ช่ือพอ้ งวิทยาศาสตร์ Mangifera austroyunnanensis Hu) จดั อยใู่ นวงศม์ ะม่วง (ANACARDIACEAE) มะม่วงจดั เป็นไมย้ นื ตน้ ท่ีมีตน้ กาเนิดในประเทศอินเดีย และถือวา่ เป็นผลไมป้ ระจา ชาติของประเทศอินเดีย ในบา้ นเราน้นั มะม่วงจดั เป็นผลไมเ้ ศรษฐกิจซ่ึงส่งออกเป็น อนั ดบั 3 ของโลก พนั ธ์ุมะม่วง น้นั มีหลากหลายสายพนั ธุ์มาก โดยสายพนั ธุท์ ี่แพร่หลายมากที่สุดเห็น จะเป็นพนั ธุเ์ ขียวเสวย แรด น้าดอกไม้ อกร่อง ฟ้ าลน่ั โชคอนนั ต์ เป็นตน้ ซ่ึงแต่ละ สายพนั ธุ์น้นั กจ็ ะมีรสชาติและลกั ษณะแตกต่างกนั ออกไป ประโยชน์ของมะม่วง ท่ีเราเห็นเป็นประจากค็ งจะไม่พน้ การนามารับประทานเป็น ผลไมส้ ดท้งั ดิบและสุก หรือมีการไปทาเป็นอาหารวา่ งต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็น มะม่วง กวน มะม่วงแกว้ มะม่วงแช่อ่ิม มะม่วงน้าปลาหวาน ขา้ วเหนียวมะม่วง พายมะม่วง และนาไปใชป้ ระกอบอาหาร เช่น ใส่น้าพริก ยา สม้ ตา ส่วนยอดอ่อนหรือผลอ่อนก็ สามารถนามาประกอบอาหารแทนผกั ไดด้ ว้ ย เป็นตน้

ต้นยูคาลปิ ตัส ชื่อสามญั Eucalyptus ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Eucalyptus globulus Labill. ชื่อพ้องวทิ ยาศาสตร์ Eucalyptus gigantea Dehnh., Eucalyptus glauca A.Cunn. ex DC., Eucalyptus globulosus St.-Lag., Eucalyptus globulus subsp. globulus, Eucalyptus maidenii subsp. globulus (Labill.) J.B.Kirkp., Eucalyptus perfoliata Desf., Eucalyptus pulverulenta Link) จดั อยใู่ นวงศช์ มพู่ (MYRTACEAE) ลกั ษณะของยคู าลปิ ตสั ตน้ ยคู าลิปตสั จดั เป็นไมย้ นื ตน้ ลาตน้ ต้งั ตรง มีความสูงไดป้ ระมาณ 10-25 เมตร เรือน ยอดเป็นพมุ่ หนาทึบค่อนขา้ งกลม แตกก่ิงกา้ นมาก เปลือกตน้ บางเรียบเป็นมนั และลอก ออกง่าย เปลือกตน้ เป็นสีน้าตาลอ่อนปนขาว หรือมีสีเทาสลบั สีขาวและสีน้าตาลแดง เป็นบางแห่ง เปลือกนอกจะแตกร่อนเป็นแผน่ ๆ และหลุดออกจากผวิ ของลาตน้ เมื่อ แหง้ จะลอกไดง้ ่าย ก่ิงกา้ นเลก็ เป็นเหล่ียม มีจุดตากลม

ต้นมะขาม ช่ือสามัญ Tamarind ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Tamarindus indica L. จดั อยใู่ นวงศถ์ ว่ั (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยใู่ นวงศย์ อ่ ยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE) มะขามจดั เป็นพนั ธุไ์ มย้ นื ตน้ ท่ีมีถิ่นกาเนิดในทวฟี แอฟริกาและมีการนาเขา้ มาปลูกใน แถบเอเชีย นอกจากน้ีมะขามยงั เป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั เพชรบรู ณ์ และตามตารา พรหมชาติยงั ถือวา่ มะขามเป็นไมม้ งคลชนิดหน่ึง ท่ีช่วยป้ องกนั ส่ิงเลวร้าย ผรี ้ายต่าง ๆ ไม่ใหม้ ากล้ากราย อีกท้งั ยงั เป็นตน้ ไมท้ ี่มีชื่อมงคล ถือกนั เป็นเคลด็ ทาใหม้ ีคนเกรง ขาม ประโยชน์ของมะขามและสรรพคณุ มะขามน้นั มีมากมาย จดั วา่ เป็นผลไมเ้ พ่ือสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยงั มี สรรพคุณใชเ้ ป็นยารักษาโรคอีกดว้ ย โดยส่วนที่นามาใชเ้ ป็นยาจะเป็นเน้ือฝักแก่ (มะขามเปี ยก) เปลือกของลาตน้ (ท้งั สดและแหง้ ) และเน้ือในเมลด็ สามารถช่วยรักษา ไดห้ ลายโรค เช่น เป็นยาขบั เสมหะ แกอ้ าการทอ้ งเดิน บรรเทาอาการทอ้ งผกู ใชเ้ ป็น ยาถ่ายพยาธิ เป็นตน้

ต้นกล้วย ต้นกล้วย อีกหน่ึงตน้ ไมท้ ี่นิยมปลกู ไวใ้ นบา้ น เน่ืองจากเป็นตน้ ท่ีปลูกง่ายและท่ี สาคญั ถือเป็นไมม้ งคล ซ่ึงมีความเช่ือวา่ จะช่วยใหค้ ิดหรือทาสิ่งใดกง็ ่าย เปรียบเสมือนปอกกลว้ ยเขา้ ปาก ซ่ึงประโยชน์ของตน้ กลว้ ยน้นั ถือไดว้ า่ มีมากมาย ท้งั หวั ปลี ลาตน้ ใบ ผล ฯลฯ ฉะน้นั Decor.mthai จึงขออาสาพาทุกคนไปชม ประโยชน์ของต้นกล้วยในแต่ละส่วนกนั 1.รากและลาต้น นามาตม้ กช็ ่วยดบั กระหายได้ หรือนาลาตน้ มาทาสมุนไพรแผน โบราณ 2.ลาต้นเทยี มหรือกาบลาต้น สามารถนามาทาเสน้ ใย ทาเชือกทอผา้ ทาอาหารให้ สตั ว์ แลว้ กเ็ ป็นอาหารใหก้ บั เราไดอ้ ีกดว้ ย เช่น เมนูแกงหยวกกลว้ ย 3.ใบกล้วย ใชห้ ่ออาหารและขนมต่างๆ ท้งั ห่อหมก ขา้ วตม้ มดั ฯลฯ หรือประดิษฐ์ ทากระทง , บายศรี กไ็ ดอ้ ีกเช่นกนั 4.หัวปลี นามาประกอบกินเป็นเครื่องเคียงกบั อาหารต่างๆ ได้ เช่น กะปิ ผดั ไทย หรือจะทาเป็นเมนู ยาหวั ปลี กไ็ ดอ้ ีกเช่นกนั 5.ก้านกล้วย นามาฝานเป็นเสน้ ๆ กส็ ามารถนาไปมดั ของได้ หรือจะทามา้ กา้ นกลว้ ย เป็นของเล่นใหเ้ ดก็ ๆ ไดเ้ ล่นกไ็ ดอ้ ีกเช่นกนั 6.ผล สรรพคุณในกลว้ ยน้นั มากมายแถมยงั หากินไดง้ ่าย อุดมไปดว้ ยเสน้ ใยและกาก อาหาร วติ ามินและแร่ธาตุต่างๆ ท่ีมีประโยชน์ อาทิ ช่วยรักษาอาหารทอ้ งผกู ลด อาการเสียดทอ้ ง ลดกรดในกระเพาะ เป็นตน้

ต้นมะละกอ ช่ือสามัญ Papaya ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Carica papaya L. จดั อยใู่ นวงศม์ ะละกอ (CARICACEAE) มะละกอเป็นผลไมเ้ พ่ือสุขภาพท่ีมีตน้ กาเนิดจากอเมริกากลาง เป็นผลไมอ้ ีกชนิดหน่ึง ที่นิยมรับประทานมากในบา้ นเรา ดว้ ยการรับประทานสด ๆ หรือนามาประกอบ อาหาร เช่น สม้ ตา แกงสม้ หรือนาไปแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑอ์ ่ืน ๆ กไ็ ด้ มะละกอน้นั จดั วา่ เป็นไมล้ ม้ ลุก (หลาย ๆ คนมกั เขา้ ใจผดิ วา่ เป็นไมย้ นื ตน้ ) ประโยชน์ ของมะละกอน้นั กม็ ีค่อนขา้ งมาก มีสรรพคุณเป็นท้งั ยารักษาโรค สรรพคณุ มะละกอกเ็ ช่น ใชเ้ ป็นยาระบาย ยาขบั ปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคลกั ปิ ดลกั เปิ ด เป็นตน้ และยงั มีวติ ามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วติ ามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุ เหลก็ โปรตีน เป็นตน้ แต่มีคาแนะนาวา่ ไม่ควรรับประทานมะละกอสุกในปริมาณมาก ๆ หรือติดต่อกนั เป็น เวลานาน เพราะอาจจะทาใหผ้ วิ ของคุณเปล่ียนเป็นสีเหลืองได้

ต้นมะนาว ชื่อสามัญ Lime ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Citrus aurantiifolia (Christm.) Swingle จดั อยใู่ นวงศส์ ม้ (RUTACEAE) หลายคนสงสยั วา่ แลว้ คาวา่ Lemon ที่ในบา้ นเราเขา้ ใจวา่ มนั คือมะนาว แลว้ ตกลงมนั คืออะไร จริง ๆ แลว้ เลมอน (Lemon) ความหมายที่ถกู ตอ้ งของมนั กค็ ือ ผลสม้ ชนิด หน่ึงที่มีหวั ทา้ ยมนหรือมะนาวท่ีมีผลเป็นลูกออกสีเหลืองใหญ่ ไม่ใช่ผลกลม ๆ สี เขียวลูกเลก็ ๆ อยา่ งมะนาวท่ีเราคุน้ เคย การปลูกมะนาว เดิมแลว้ มะนาวเป็นพืชพ้นื เมืองในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ผู้ ท่ีอยใู่ นภมู ิภาคน้ีจีงรู้จกั การใชป้ ระโยชนจ์ ากมะนาวกนั เป็นอยา่ งดี ซ่ึงหน่ึงในน้นั ก็ คือประเทศไทยนี่เอง เรามาดูประโยชน์และสรรพคุณของมะนาวกนั ดีกวา่ สรรพคณุ ของมะนาว ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยแกอ้ าเจียน เป็นลมวิงเวยี นศีรษะ เมาเหลา้ ได้ ช่วยรักษาโรคความดนั โลหิตสูงและต่า

ต้นโพธ์ิ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Ficus religiosa L. จดั อยใู่ นวงศข์ นุน (MORACEAE) มีช่ือท้องถนิ่ อน่ื ๆ วา่ สลี (ภาคเหนือ), สี สะหลี (ภาคตะวนั ตกเฉียงเหนือ), โพ โพธิ โพศรีมหาโพ (ภาคกลาง), ยอ่ ง (แม่ฮ่องสอน), ปู (เขมร), โพธิใบ เป็นตน้ ในปัจจุบนั ตน้ โพธ์ิเป็นไมม้ งคลพระราชทานประจาจงั หวดั ปราจีนบุรี ลกั ษณะของต้นโพธิ์ ตน้ โพธ์ิ มีถิ่นกาเนิดในประเทศอินเดีย จดั เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญ่ผลดั ใบ แตก ก่ิงกา้ นสาขาออกเป็นพมุ่ ตรงส่วนยอดของลาตน้ ปลายกิ่งล่ลู ง กิ่งอ่อนเกล้ียง ตามกิ่ง มีรากอากาศหอ้ ยลงมาบา้ ง ลาตน้ มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ลาตน้ มีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1.5-3 เมตร และมีน้ายางสีขาว เปลือกตน้ เรียบเป็นสีน้าตาล ปนเทา โคนตน้ เป็นพพู อนขนาดใหญ่ โดยจดั เป็นพรรณไมท้ ่ีมีรูปทรงของลาตน้ ส่วนงามชนิดหน่ึง ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีการเพาะเมลด็ ใชก้ ิ่งชา หรือใชก้ ระโดงจากราก แต่ส่วนมากแลว้ จะเจริญเติบโตจากสตั วน์ าพา เช่น นกมากินเมลด็ และไปถ่ายทิ้งไว้ กจ็ ะเกิดเป็นตน้ ใหม่ข้ึนมา เจริญเติบโตไดใ้ นดินทุกชนิด ตอ้ งการน้าปานกลาง พบ ข้ึนทว่ั ไปท้งั ในทวีปเอเชีย ปากีสถาน จีนตอนใต้ และภมู ิภาคอินโดจีน ในไทยพบใน ธรรมชาตินอ้ ยมาก เขา้ ใจวา่ กระจายพนั ธุม์ าจากตน้ ที่มีการนามาปลูกเอง และพบข้ึน มากตามซากอาคาร และนิยมปลูกกนั ทว่ั ไปในวดั ทุกภาคของประเทศไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook