หนว่ ยท่ี 3โครงสรา้ งเครอื ขา่ ย ลักษณะการเชอ่ื มต่อเครือข่าย ลักษณะของโครงสร้างเครอื ข่าย สว่ นประกอบของเครอื ขา่ ย รูปแบบของเครอื ข่าย อปุ กรณ์ทใ่ี ช้เช่อื มต่อระบบเครือข่าย จดั ทาโดย นางสาวสภุ าภรณ์ กล่องแกว้เลขท่ี 20 สาขาคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ ห้อง 2 เสนอต่อ อาจารย์ เพยี รวทิ ย์ ขาทวี วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาเพชรบรุ ี
ลกั ษณะการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ย1. โทโปโลยีแบบบสั เป็นโทโปโลยีท่ีได้รับความนิยมใช้กันมากท่ีสุดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะการทางานของเครือข่าย โทโปโลยีแบบบัส คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครอื ข่ายจะตอ้ งเชอื่ มโยงเข้ากบั สายส่ือสารหลกั ท่ีเรยี กวา่ ”บัส” (BUS) เม่ือโหนดหน่ึงต้องการจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนด หนึ่งภายในเครอื ข่าย จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบัสว่างหรือไม่ ถ้าหากไม่ว่างก็ไม่สามารถจะส่งข้อมูลออกไปได้ ท้ังนี้เพราะสายสื่อสารหลักมีเพียงสายเดียว ในกรณีท่ีมีข้อมูลว่ิงมาในบัส ข้อมูลน้ีจะวิ่งผ่านโหนดต่างๆ ไปเรื่อยๆ ในขณะท่ีแต่ละโหนดจะคอยตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมาว่าเป็นของตนเองหรือไม่หากไม่ใช่ ก็จะปล่อยให้ข้อมูลว่ิงผ่านไป แต่หากเลขท่ีอยู่ปลายทาง ซ่ึงกากับมากับข้อมูลตรงกบั เลขท่อี ยขู่ องของตน โหนดนนั้ ก็จะรบั ขอ้ มูลเขา้ ไปขอ้ ดี1.ใชส้ ายสง่ ข้อมลู น้อยและมรี ปู แบบท่งี ่ายในการติดตัง้ ทาให้ลดคา่ ใช้จ่ายในการติดต้ังและบารุงรกั ษา2. สามารถเพิม่ อุปกรณ์ชน้ิ ใหมเ่ ข้าไปในเครือข่ายได้งา่ ยขอ้ เสยี1. ในกรณที ี่เกิดการเสยี หายของสายสง่ ข้อมูลหลัก จะทาให้ท้ังระบบทางานไม่ได้2. การตรวจสอบข้อผิดพลาดทาได้ยาก ตอ้ งทาจากหลาย ๆจดุ
2. โทโปโลยแี บบดาว เป็นรูปแบบท่ีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองท่ีเชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือ ข่ายจะต้องเช่ือมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งท่ีเรียกว่า ฮับ (HUB) หรือสวิตช์ (Switch)หรือเคร่ือง ๆ หน่ึง ซึ่งทาหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาญที่มาจากเครือ่ งต่าง ๆ ในเครือขา่ ย และควบคุมเส้นทางการสือ่ สาร ทง้ั หมด เมื่อมีเคร่อื งที่ตอ้ งการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอ่ืน ๆ ท่ีตอ้ งการในเครือขา่ ย เคร่อื งน้ันก็จะตอ้ งส่งข้อมูลมายัง HUBหรอื เคร่ืองศูนยก์ ลางกอ่ น แล้ว HUB ก็จะทาหนา้ ทก่ี ระจายขอ้ มูลนนั้ ไปในเครือข่ายต่อไปขอ้ ดีการติดตั้งเครือข่ายและการดูแลรักษาทา ได้ง่าย หากมีเคร่ืองใดเกิดความเสียหาย ก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และศูนย์ กลางสามารถตัดเคร่ืองท่ีเสียหายน้ันออกจากการสอ่ื สาร ในเครอื ขา่ ยได้เลย โดยไม่มผี ลกระทบกับระบบเครอื ขา่ ยข้อเสยีเสยี คา่ ใช้จา่ ยมาก ทั้งในด้านของเครอื่ งท่ีจะใช้เป็น เคร่ืองศนู ยก์ ลาง หรอื ตวั HUB เอง และคา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ตัง้ สายเคเบลิ ในเครือ่ งอน่ื ๆ ทุกเครือ่ ง การขยายระบบให้ใหญ่ขนึ้ ทาได้ยาก เพราะการขยายแต่ละครง้ั จะต้องเก่ียวเน่ืองกับเครอ่ื งอ่นื ๆ ทง้ั ระบบ
3. โทโปโลยแี บบวงแหวน (RING) เป็นรูปแบบท่ี เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในระบบเครือข่าย ทั้งเคร่ืองที่เป็นผู้ให้บริการ( Server) และ เครื่องท่ีเป็นผู้ขอใช้บริการ(Client) ทุกเครื่องถูกเช่ือมต่อกันเป็นวงกลม ข้อมลู ขา่ วสารที่สง่ ระหว่างกัน จะไหลวนอย่ใู นเครือข่ายไปใน ทิศทางเดยี วกัน โดยไม่มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์เช่นเดียวกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือแต่ละเคร่ือง จะมรี ีพตี เตอร์ (Repeater) ประจาแตล่ ะเคร่อื ง 1 ตัว ซึ่งจะทาหน้าทีเ่ พ่ิมเติมข้อมูลท่ีจาเป็นต่อการติดต่อส่ือสารเข้าในส่วนหัวของแพ็กเกจที่ส่ง และตรวจสอบข้อมูลจากส่วนหัวของ Packet ทีส่ ่งมาถงึ ว่าเปน็ ข้อมูลของตนหรือไม่ แตถ่ ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมลู นั้นไปยังRepeater ของเคร่ืองถดั ไปขอ้ ดี1.ผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้หลาย ๆ เครื่องพร้อม ๆ กัน โดยกาหนดตาแหน่งปลายทางเหล่านนั้ ลงในสว่ นหวั ของแพ็กเกจขอ้ มูล Repeaterของแต่ละเครื่องจะทาการตรวจสอบเองว่า ข้อมูลท่ีส่งมาใหน้ ั้นเปน็ตนเองหรอื ไม่2. การส่งผ่านข้อมูลในเครือข่ายแบบ RING จะเป็นไปในทิศทางเดียวจากเคร่ืองสู่เคร่ืองจงึ ไมม่ กี ารชนกนัของ สัญญาณข้อมูลท่ีสง่ ออกไป3.คอมพิวเตอรท์ ุกเครอ่ื งในเนต็ เวิร์กมโี อกาสท่ีจะสง่ ข้อมลู ได้อย่างทัดเทียมกันขอ้ เสยี1.ถา้ มเี ครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือขา่ ยเสยี หาย ข้อมลู จะไม่สามารถสง่ ผา่ นไปยังเคร่ืองต่อๆ ไปได้ และจะทาให้เครือข่ายทั้งเครอื ขา่ ย หยดุ ชะงกั ได้2.ขณะท่ีข้อมูลถูกส่งผ่านแต่ละเครื่อง เวลาส่วนหนึ่งจะสูญเสียไปกับการที่ทุก ๆ Repeaterจะตอ้ งทาการตรวจ
4. โทโพโลยีแบบต้นไม้ (Tree Topology) มีลักษณะเชื่อมโยงคล้ายกับโครงสร้างแบบดาวแต่จะมีโครงสร้างแบบต้นไม้ โดยมีสายนาสัญญาณแยกออกไปเป็นแบบก่ิงไม่เป็นวงรอบ โครงสร้างแบบนี้จะเหมาะกับการประมวลผลแบบกลุ่มจะประกอบด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ระดับต่างๆกันอยู่หลายเครื่องแล้วต่อกันเป็นชั้น ๆ ดูราวกับแผนภาพองค์กร แต่ละกลุ่มจะมีโหนดแม่ละโหนดลูกในกลุ่มน้นั ที่มีการสมั พันธก์ ัน การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตวั กลางไปยังสถานีอื่นๆไดท้ ั้งหมด เพราะทกุ สถานีจะอยู่บนทางเชอ่ื ม และรับสง่ ข้อมลู เดยี วกนั ดังนั้นในแต่ละกลุ่มจะสง่ ขอ้ มูลได้ทีละสถานีโดยไม่สง่ พรอ้ มกัน5. โทโพโลยแี บบผสม (Hybrid Topology) เป็นเครือข่ายทผ่ี สมผสานโทโพโลยีแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน เป็นเครอื ข่ายขนาดใหญ่เพียงเครือข่ายเดียว เช่น การเช่ือมเครือข่ายแบบวงแหวน แบบดาว และแบบบัสเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกัน เครือข่ายบริเวณกว้าง (WAN) เป็นตัวอย่างท่ีใช้ลักษณะโทโพโลยีแบบผสมที่พบเห็นมากท่ีสุด เครือข่ายแบบนี้จะเช่ือมต่อทั้งเครือข่ายขนาดเล็กและขนาดใหญ่หลากหลายที่เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจจะถูกเชื่อมต่อจากคนละจังหวัด หรือคนละประเทศก็ได้ตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีสาขาแยกย่อยตามจังหวัดต่าง ๆ สาขาที่หนึ่งอาจจะใช้โทโพโลยีแบบดาว อีกสาขาหน่ึงอาจใชโ้ ทโพโลยีแบบบัส การเชอื่ มต่อเครอื ข่ายเขา้ ดว้ ยกนั อาจใช้สื่อกลางเป็นไมโครเวฟ หรือดาวเทยี ม เปน็ ต้น
ลกั ษณะของโครงสรา้ งเครอื ขา่ ย1.โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส (Bus Topology)- มีการเช่อื มตอ่ แบบเส้นตรง เชอ่ื มตอ่ ง่ายและไมซ่ บั ซอ้ น โดยจะใชส้ ายสญั ญาณเส้นเดียวในการเช่อื มตอ่ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ทกุ เครือ่ งในเครือข่ายข้อดคี ือ เช่อื มตอ่ ง่าย ไมซ่ ับซอ้ น , ประหยดั สายสญั ญาณ , เพิม่ เติมปรมิ าณเครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ นเครอื ข่ายได้งา่ ย.ขอ้ เสยี คือ เนอ่ื งจากเปน็ การเชอ่ื มต่อโดยใช้สญั ญาณเดยี วเม่ือสายสัญญาณเสียหายจดุ ใดจุดหนง่ึ จะสง่ ผลให้เครือขา่ ยจะไม่ทางานไดท้ นั ที , หาข้อผิดพลาดในการชารุดได้ยาก.2.โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว (Star Topology)- มีอุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อเครือข่ายคือ \"ฮับ (Hub)\" เป็นศูนย์กลางในการเช่ือมต่อเครือข่าย คอมพวิ เตอรแ์ ต่ละเคร่อื งจะเชื่อมตอ่ สายสญั ญาณเข้าไปยงั ฮับ เป็นแบบการกระกระจาย ถ้าหากจะส่งข้อมูล ข้อมูลจะต้องผ่านฮับก่อน ฮับจะทาหน้าที่กระจายข้อมูลไปยังเครอ่ื งปลายทางข้อดีคอื จัดการระบบงา่ ย , จบั หาขอ้ ผดิ พลาดง่าย , เครอื ขา่ ยคงทนสงูขอ้ เสยี คือ สิน้ เปลืองสัญญาณ , ต้องมีการจากัดจานวนคอมพวิ เตอรท์ ่จี ะนามาเช่อื มตอ่ .3.โครงสรา้ งเครือขา่ ยแบบวงแหวน (Ring Topology)- มลี ักษณะของการเชอ่ื มต่อเป็นรูปวงแหวนหรือวงกลม สัญญาณจะเดินทางเป็นวงกลมในทิศทางเดียว โดยจะใช้ลักษณะการส่งต่อข้อมูล เมอื่ การส่งข้อมูลเรียบร้อย จะแจ้งไปยังเครอื่ งอ่ืนๆ วา่ สายสญั ญาณวา่ ง เพ่ือใหเ้ คร่ืองอนื่ ทาการสง่ ข้อมลู ตอ่ ไปข้อดีคือ ประหยัดสายสัญญาณ , ทาการติดตั้งในเครือข่ายสามารถทาได้ง่าย , การส่งข้อมูลมีผลเท่าเทียมกันข้อเสียคือ ถ้าสายสัญญาณช่วงใดช่วงหน่ึงเสียหายจะทาให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถทางานได้ทันที ,การตรวจสอบเมื่อเกิดความผิดพลาดทาได้ยาก4.โครงสรา้ งเครอื ขา่ ยแบบเมซ (Mesh Topology)- เป็นการเช่ือมต่อเครือข่ายท่ีสมบูรณ์ คอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในเครือข่ายเช่ือมต่อถึงกันได้ทั้งหมดด้วยสัญญาณเป็นอิสระในการส่งข้อมูล ถ้าเส้นทางหลักเกิดความเสียหาย จะลดความผิดพลาดในการส่งขอ้ มลู ทาใหร้ ะบบน้มี ีประสทิ ธภิ าพและมคี วามเช่ือถือสงู .ข้อดีคือ ถ้าสายสัญญาณเกิดความเสียหายก็ไม่ส่งผลต่อการส่งข้อมูลเพราะมีเส้นสารองเพ่ือสง่ ขอ้ มูล ,เกิดความรวดเร็วในการส่งขอ้ มูล เนื่องจากเดนิ ทางได้หลายทางขอ้ เสยี คือ ทาใหส้ ิ้นเปลืองสายสัญญาณมาก , มคี วามซับซ้อนในการเช่ือมตอ่ เครือขา่ ย
สว่ นประกอบของเครอื ขา่ ย ในชีวติ ประจาวันของเรานั้นเกย่ี วข้องกบั เครือข่ายตลอดเวลา เพระทกุ การตดิ ต่อส่อื สารน้นั ตอ้ งผา่ นระบบเครอื ขา่ ยมาแลว้ ทั้งสิ้น ไม่วา่ จะเป็น โทรศัพท์ SMS ATMวิทยุ โทรทัศน์ ล้วนเป็นระบบเครือขา่ ยทั้งสิ้น โดยท่ี Internet เป็นระบบเครอื ข่ายทใ่ี หญ่ทส่ี ดุ ในโลก ในท่นี ี้จะกล่าวถึงส่วนประกอบของระบบเครือขา่ ย ซงึ่ ประกอบไปด้วย เครื่องบรกิ ารข้อมลู (Server) เคร่อื งลูกข่ายหรอื สถานี (Client) การด์ เครือขา่ ย (Network Interface Cards) สายเคเบิลท่ใี ชบ้ นเครอื ขา่ ย (Network Cables) ฮบั หรือสวิตช์ (Hubs and Switches) ระบบปฏิบัตกิ ารเครอื ขา่ ย (Network operating System)เครอ่ื งศนู ย์บรกิ ารข้อมูลโดยมกั เรียกว่า เครือ่ งเซิรฟ์ เวอร์ เปน็ คอมพวิ เตอรท์ ่ีทาหน้าทบ่ี ริการทรัพยากรให้กับเคร่อื งลกู ข่าย เช่น การบริการไฟล์ การบรกิ ารงานพมิ พ์ เปน็ ต้น เนอื่ งจากเครอ่ื งเซฟเวอร์มักต้องรบั ภารกิจหนักในระบบจึงมกั ใชเ้ คร่อื งทมี่ ีขีดความสามารถมาเป็นเครือ่ งแม่ข่ายเครื่องลูกข่ายหรือสถานเี ครือขา่ ยเครื่องลูกข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซ่ึงอาจเรียกว่าเวิร์กสเตชัน ก็ได้ โดยมักเป็นเคร่ืองของผู้ใช้งานทั่วไปสาหรับติดต่อเพ่ือขอใช้บริการจากเซิร์ฟเวอร์ ซ่ึงสามารถจะขอหรือนา software ท้ังข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายมาประมวลผลใช้งานไดแ้ ละยงั ตดิ ต่อส่อื สาร รับ-ส่งขอ้ มูลจากคอมพิวเตอร์เคร่ืองอ่นื ๆในเครอื ขา่ ยได้การด์ เครือข่ายแผงวงจรสาหรับใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในเครือข่ายจะต้องมีอุปกรณ์นี้ และหน้าทีของการ์ดก็คือ แปลงสัญญาณของคอมพิวเตอร์ส่งผา่ นไปตามสายสญั ญาณทาใหค้ อมพิวเตอรใ์ นเครอื ข่ายแลกเปลย่ี นข้อมูลกันได้สายเคเบลิ ทใี่ ช้บนเครอื ขา่ ยเครือข่ายคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องมีสายเคเบิลเพื่อใช้สาหรับเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ต่าง ๆให้อยู่บนเครือข่ายเดียวกันเพ่ือส่ือสารกันได้ นอกจากนี้เครือข่ายยังสามารถสื่อสารระหว่างกันโดยไม่ใช้สายก็ได้ เรียกว่า เครือข่ายไร้สายโดยสามารถใช้คลื่นวิทยุหรืออินฟาเรด เป็นตัวกลางในการปลงสัญญาณ อีกท้ังยังสามารถนาเครือข่ายแบบมีสายและเครอื ขา่ ยแบบไรส้ ายมาเชื่อมตอ่ เข้าดว้ ยกันเปน็ เครอื ข่ายเดยี วกนั ได
ฮบั และสวติ ช์เป็นอุปกรณ์ฮับและสวิตช์มักนาไปใช้เป็นศูนย์กลางของสายเคเบิลที่เช่ือมต่อเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งฮับหรือสวิตช์จะมีพอร์ตเพ่ือให้สายเคเบิลเช่ือมต่อเข้าระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์ โดยจานวนพอร์ตจะขึ้นอย่กู ับแตล่ ะชนดิ เช่น แบบ 4 , 8, 16 , 24 พอรต์ ยังสามารถนาฮับหรือสวติ ช์หลายๆตัว มาเชื่อมต่อเข้าดว้ ยกันเพือ่ ขยายเครอื ข่ายไดอ้ ีกดว้ ยระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่ายเครื่องแม่ข่ายของระบบจาเป็นต้องติดต้ังระบบปฏิบัติการเครือข่ายไว้ เพ่ือทาหน้าที่ควบคุมและรองรับการทางานของเครือข่ายไว้ เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจาเป็นต้องพึ่งSoftware ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพตามดว้ ยเชน่ กนั3.4 รปู แบบของเครือข่ายแบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่1. เครือข่ายแบบ Client/Server2. เครือขา่ ยแบบ Peer To Peerเครอื ข่ายแบบ Client/Server เปน็ เครือข่ายทม่ี คี อมพวิ เตอรเ์ ครือ่ งหนงึ่ ทาหน้าทเ่ี ป็นเซริ ์ฟเวอร์ ไว้คอยบริการข้อมลู ใหก้ ับลูกเครอื ข่าย โดยมฮี บั หรอื สวติ ซ์เป็นตวั กลาง โดยคอมพิวเตอร์ทกุ เครอ่ื งจะถูกเชอื่ มตอ่ กบั ฮบั เพอื่ ทาหน้าท่ีเชือ่ มตอ่ ระหา่ งกันและสมารถขอใช้บรกิ าร web server , mailserver , file server และ print server ได้ เครอื ข่ายประเภทน้ีอาจมีเซฟเวอรต์ ัวหนงึ่ ทาหน้าท่ีหลายๆหน้าทีบ่ นเคร่ืองเดียวหรืออาจทาหน้าท่เี ฉพาะกไ็ ด้
web server : บริการ HTTP เพ่ือให้ผู้ใช้สามารถอ่านข้อมูลทางภาพและเสียงผ่าน webbrowser เช่น google เป็นต้นmail server : เครือบริการรับส่งจดหมายสาหรับสมาชิก บริการที่มีให้ใช้ เช่น ส่งจดหมายรับจดหมาน หรือการมือ addressbook ตัวอย่าง mail server ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ได้แก่hotmaik หรอื Thaimail เปน็ ต้นfile server : เซฟเวอร์ที่มีหน้าท่ีจัดเก็บไฟล์โยการจัดเก็บไฟล์น้ันเสมือนเป็นฮาร์ดดิสศูนย์รวม เสมือนว่าผู้ใช้งานทุกคนมีท่ีเก็บข้อมูลท่ีเดียว สามรถดูแลรักษาข้อมูลได้ง่ายและปอ้ งกนั ความซ้าซอ้ นของขอ้ มูล ข้อมลู ดงั กล่าวสมารถแชรใ์ หเ้ คร่ืองอน่ื ได้print server : เซฟเวอร์ที่มีหน้าที่ในการจัดการแบ่งปร้ินเตอร์ในสานักงาน จากเคร่ืองปร้ินเตอร์เคร่ืองเดียวให้ผู้อ่ืนสามรถส่ังปร้ินได้ หน้าท่ีหลักๆของปร้ินเซฟเวอร์คือ ช่วยในการแบง่ ปนั จดั ควิ ในการใชเ้ ครอ่ื งปริ้นรว่ มกนั ในองค์กรได้เครือข่าย Peer To Peerเป็นระบบท่ีเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนเครือข่ายมีฐานะเท่าเทียมกันโยที่ทุกเคร่ืองจะต่อสายเคเบิลเข้ากับฮับหรือสวิตซ์ทุกเคร่ืองสามารถใช้ไฟล์ในเคร่ืองอื่นได้และสามารถให้เคร่ืองอื่นมาชไ้ ฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบเครือข่ายประเภทนี้มักจะใช้งานในหน่วยงานขนาดเล็กหรอื ใชค้ อมพิวเตอร์ไม่เกนิ 10 เคร่ือง อาจมปี ัญหาเรื่องความปลอดภยั ในระบบเนอ่ื งจากขอ้ มลู ท่เี ปน็ ความลับะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอืน่ ด้วยเช่นกัน
อปุ กรณท์ ใ่ี ชเ้ ชอ่ื มตอ่ ระบบเครอื ขา่ ย รีพีตเตอร์(Repeater) : ในระบบ Lan โดยท่ัวไปน้ัน ยิ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองอยู่ไกลกันมากเท่าไร สัญญาณท่ีจะส่ือถึงกันเริ่มเพี้ยนและจะจางหายไปในท่ีสุดจึงต้องมีอปุ กรณ์เสริมพิเศษท่เี รยี กวา่ รีพีตเตอร์ ขึ้นมาทาหน้าท่ีในการเดินสัญญาณคือชว่ ยขยายสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งบนสาย Lan ให้แรงขึ้นและจัดรูปสัญญาณท่ีเพ้ืยนให้กลับเป็นเหมือนเดิม ฮับ(Hub) : ทาหน้าที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางท่ีกระจายข้อมูลช่วยให้คอมพิวเตอร์ต่างๆบนเครือข่ายสามารถส่ือสารถึงกันได้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต่อเข้ากับฮับโยสายเคเบิลแล้วส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์จากเคราองหน่ึงไปยังอีกเครือหนึ่งโยงผ่านฮับฮบั ไม่สามารถระบุแหล่งท่มี าข้อมลู และปลายทางของข้อมลู ทส่ี ่งไปได้ ดังน้นั ฮบั จะสง่ ข้อมูลไปใหก้ บั เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ี่เชอ่ื มต่อกับฮับทุกเครื่องรวมถึงเคร่ืองที่สง่ ขอ้ มลู ด้วย ฮบั ไม่สามรถรับและส่งข้อมูลได้ในเวลาเดียวกันจึงทาให้ฮับทางานช้ากว่าสวิตซ์ การเช่ือมต่อแบบนี้ หากเชิรฟ์ เวอร์ไม่ได้เปดิ ใชง้ านอยู่ เครือ่ งลกู ข่ายก็ไมส่ ามารใชง้ านบรกิ ารได้ สวติ ซ์(Switch) : อุปกรณค์ อมพิวเตอรท์ ่ีพัฒนามาจากฮบั ลกั ษณะทางกายภาพของเนก็ เวริ ์ดสวิตซน์ น้ั จะเหมือนกบั เน็ตเวริ ์ดฮบั ทุกอยา่ ง แตกตา่ งกนั ตรงท่ี- สวิตส์จะเลือกสง่ ขอ้ มูลถึงผ้รู บั เทา่ น้ัน- สวติ สม์ ีความรว็ สงู- มีความปลอดภยั สงู กวา่- สามารถรับสง่ ข้อมลู ได้ในเวลาเดยี วกัน
บริดจ(์ Bridge) : เปน็ อปุ กรณเ์ ครือข่ายท่ีเชื่อม 2 เครือข่ายเข้าดว้ ยกนั เสมือนเปน็สะพานเชื่อมโยงระหว่าง 2 เครือข่ายบรดิ จ์มคี วามสามารถมากกว่าฮบั และรีพีตเตอร์กลา่ วคอื สามารถกรองขอ้ มูลท่จี ะส่งได้ โดยตรวจสอบว่า- ตรวจสอบความสามารถของข้อมูล- ส่งข้อมูลไปในเครื่องทตี่ อ้ งการเทา่ น้นั- จดั การความหนาแนน่ ของข้อมูลได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: