S LEE P เรื่่องของการนอน นางสาวนญา หอมหวาน เลขที่ 25
สารบัญ หน้า การนอนหลับสำคัญอย่างไร…………………1 นอนหลับอย่างไรให้ได้คุณภาพ……………4 วงจรการหลับสามระยะ………………………5 ภัยเงียบจากหลับ ๆ ตื่น ๆ…………………7 นอนเยอะไปนอนชดเชยได้ไหม……………9 10 ข้อ ควรทำและไม่ควรทำก่อนนอน……..13 โรคต่าง ๆ เกี่ยวกับการนอนหลับผิดปกติ..16 อ้างอิง
การนอนหลับสำคัญอย่างไร คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการนอนเป็ นสิ่งสำคัญสำหรับการ ดำรงชีวิต คนทั่วไปใช้เวลานอนโดยเฉลี่ยถึงหนึ่งใน สามหรือประมาณ 25 ปีของช่วงเวลาชีวิตทั้งหมด (Principal of Neuroscience, Eric Kandel) แต่ทุก วันนี้เราอาจยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร เรายอมอด นอนเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ โดยไม่รู้เลยว่าการนอนไม่ เพียงพอจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ลดลง เช่น สมาธิสั้นหรือความจำที่แย่ลง (Paula and Paivi 2007,pubmed) ดังนั้นหากเราเข้าใจการนอน มากขึ้น เราอาจใส่ใจมันมากขึ้น 1
วัฏจักรการนอนหลับของสิ่งมีชีวิตมักเปลี่ยนไปตามวัฏจักร กลางวัน-กลางคืน แม้จะแตกต่างไปในสัตว์ต่าง ๆ เช่น สัตว์ บางชนิดนอนเวลากลางวัน และออกหากินเวลากลางคืน การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลากลางวัน-กลางคืน เช่น การ เปลี่ยนแปลงฤดูกาล หรือการเดินทางข้ามเขตแบ่งเวลา อาจ รบกวนวงจรการนอนทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และอ่อน ล้า(jet lag)ได้ แต่ท้ายสุดร่างกายเราจะปรับเวลาการนอนได้ โดยอัตโนมัติ การนอนหลับถูกควบคุมโดยศูนย์ควบคุมการตื่นรู้ในก้าน สมองที่เรียกว่า Reticular formation เป็นหลัก ทำหน้ าที่ เป็นเหมือนสวิตช์เปิดปิดการนอน โดยผ่านการหลั่งสารสื่อ ประสาทหลายชนิด เช่น acetylcholine เป็นต้น หลายคน คิดว่า melatonin คือหนึ่งในนั้น แต่ความจริงแล้ว melatonin เป็นแค่สารควบคุมสมดุลการนอนเท่านั้น(ช่วย ในการปรับเวลาการนอนที่กล่าวไปข้างต้น) 2
การนอนมีทั้งหมด 5 ระยะ จากระยะแรกเป็นการหลับตื้นที่ สามารถปลุกได้ง่ายจนถึงระยะ 4 เป็นระยะหลับลึกที่อาจต้อง ปลุกด้วยการเขย่าตัว และกินเวลามากที่สุดถึง 30 นาที หลัง จากนั้นจะเข้าสู่ระยะสุดท้ายที่เรียกว่า Rapid Eye Movement (REM) ซึ่งเป็นระยะที่สมองมีความตื่นตัวสูง คล้ายตอนตื่นนอน ตาจะกลอกไปมาอย่างรวดเร็วและความ ฝันที่แปลกประหลาดจะเกิดขึ้นช่วงนี้ รวมถึงความตื่นตัวทาง เพศจะมากขึ้นด้วย(ในเพศชายอาจมีอวัยวะเพศแข็งตัว ใน ขณะที่เพศหญิงเกิดการขยายตัวของคลิสตอริส) หลังจาก ระยะสุดท้ายจบลงก็จะเข้าสู่ระยะแรกใหม่เป็ นการวนซ้ำเป็ น วงจรตลอดช่วงการนอน ซึ่งวงจรๆหนึ่งใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง ในเด็กและผู้ใหญ่ควรนอนทั้งหมด 5-8 วงจร(8-10 ชม)จึงจะเพียงพอ แต่ในเด็กเล็กจะนอนถึง 16-20 ชั่วโมง ในขณะที่ผู้สูงอายุจะเหลือเพียง 4-6 ชั่วโมง 3
นอนหลับอย่างไร ให้มีคุณภาพ ร่างกายของเราทุกคนต้องนอนหลับพักผ่อนตามตารางของ นาฬิกาชีวิต แต่จะหลับอย่างไรจึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด แล้วตื่นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น เรื่องของการนอนต้อง คำนึง 2 อย่างคือ 1.ชั่วโมงการนอน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบควรนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง แต่ละวัยต้องการจำนวนการนอนจะไม่เท่ากัน ชั่วโมงการนอนของเด็ก 11 – 13 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ 7 – 8 ชั่วโมง 2.คุณภาพการหลับ การหลับอย่างมีคุณภาพ คือ ครบวงจร ทุกระยะการหลับ ทั้งหลับตื้น หลับลึก และหลับฝัน ให้ ครบทุกระยะเพราะมีความสัมพันธ์กัน 4
วงจรการหลับ 3ระยะ วงจรการนอนหลับในคนปกติทั่วไป มักใช้เวลาตั้งแต่ 30 วินาที – 7 นาที เป็นสภาพที่แม้จะได้รับการกระตุ้นเพียง เล็กน้ อยก็จะตื่น จากนั้นเข้าสู่การหลับระยะต่าง ๆ 1.หลับตื้น เป็นระยะแรกที่มีการหลับตื้นอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝั น 2.หลับลึก ร่างกายจะเข้าสู่โหมดพักผ่อนเมื่อเข้าสู่ระยะ หลับลึกเป็ นช่วงหลับสนิทที่สุดของการนอนใช้เวลา 30 – 60 นาที ช่วงระยะนี้อุณหภูมิร่างกายและความ ดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลงเหลือ ประมาณ 60 ครั้งต่อนาที โกรทฮอร์โมนจะหลั่งใน ระยะนี้ 3.หลับฝันอีกระยะหนึ่งที่สำคัญคือ ช่วงหลับฝันร่างกาย จะได้พักผ่อน แต่สมองจะยังตื่นตัวอยู่ นอกจากนี้การ หลับฝั นยังช่วยจัดระบบความจำในเรื่ องของทักษะ ต่าง ๆ ดังนั้น การนอนหลับที่ดีต้องได้ทั้งชั่วโมงการ 5นอนและคุณภาพการหลับด้วย
แม้ว่าบางคนนอนหลับเพียง 4 – 5 ชั่วโมง แล้วตื่นมาสดชื่น ต้องดูว่าเป็นแค่หลับตื้นหรือเปล่า เนื่องจากระยะการหลับตื้น ทำให้สดชื่นได้ จึงต้องดูว่าความสามารถในเรื่องอื่น ๆ เป็น อย่างไร หากสังเกตว่าตื่นมาสดชื่นแต่ความสามารถในเรื่อง อื่น ๆ ลดลง นั่นแสดงว่า ชั่วโมงการนอนไม่เพียงพอ ควรที่ จะนอนหลับให้นานกว่านั้น เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์การนอนของ แต่ละระยะให้นานขึ้น หรือบางคนนอนมากกว่า 7 – 8 ชั่วโมง แต่ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น เป็นไปได้ว่าชั่วโมงการนอน เพียงพอ แต่คุณภาพการนอนไมได้ คือได้แค่หลับตื้นไม่เข้าสู่ ระยะหลับลึก ซึ่งต้องไปหาสาเหตุต่อว่า ทำไมไม่สามารถเข้า สู่ระยะหลับลึกได้เป็ นเพราะอะไร 6
ภัยเงียบจากหลับ ๆ ตื่น ๆ บางคนชั่วโมงการนอนหลับสั้น แต่คุณภาพของการหลับได้ ส่วนหนึ่ งเกิดจากปั จจัยภายในร่างกายทางด้านพันธุกรรม เข้ามาเกี่ยวข้องและการปรับตัวของร่างกาย ส่วนคนที่ ชั่วโมงการนอนเยอะ แต่ตื่นมาแล้วกลับไม่สดชื่นนั้น เป็น เพราะนอนได้แค่ระยะหลับตื้นหรือสะดุ้งตื่นเป็นพัก ๆ มีผล ทำให้การทำงานของระบบหายใจและหลอดเลือดทำงาน หนัก กลายเป็นว่าตื่นมาแล้วรู้สึกเพลียแทนที่จะรู้สึกสดชื่น ปั จจุบันผู้ป่ วยจำนวนมากที่มารับการตรวจสุขภาพแล้วพบ ว่า มีปัญหาความผิดปกติในการนอนร่วมด้วยและพบมาก ขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นภัยเงียบที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่เพิ่มความ เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ อาทิ ความดันโลหิตสูง เบา หวาน โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ 7
อาการที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนหลับไม่เต็มที่ซึ่งพบได้ บ่อย เช่น ง่วงและเพลียกลางวัน ประสิทธิภาพความคิด ความจำลดลง ลืมง่าย กลางคืนหลับ ๆ ตื่น ๆ นอนกรน ร่วมกับหยุดหายใจชั่วขณะ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการ วินิจฉัยที่ถูกต้องเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ฉะนั้นการนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาแค่ จำนวน 7 – 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับระดับความ ลึกของการนอนหลับ เพื่อให้ร่างกายและสมองได้รับการ พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเวลาเข้านอน – ตื่นนอนที่เหมาะ สม ไม่ควรนอนดึกหรือตื่นสายจนเกินไป 8
นอนเยอะไปอดนอน ชดเชยได้ไหม สำหรับชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมของคนวัย ทำงาน 7 – 8 ชั่วโมงถือว่าเพียงพอแล้ว หาก นอนมากกว่านั้นก็จะหลับไม่สนิท เพราะต้องรับ รู้ว่าชั่วโมงการนอนครบแล้ว ทำให้นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่เป็นหลับระยะสนิทเหมือนช่วงแรก เนื่ องจากร่างกายเก็บพลังงานได้เพียงพอแล้ว เปรียบเหมือนกับการชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ ไม่ ควรชาร์ตทิ้งไว้ข้ามคืน การนอนก็เช่นเดียวกัน เพราะแทนที่ร่างกายจะตื่นตัวกลับทำให้การตื่น ตัวลดลง 9
กรณีนอนน้ อยกว่า 4 ชั่วโมงถือว่า “อดนอน” ถ้าอด นอนติดกัน 3 วันแล้วคืนวันที่ 4 ถ้าหลับ ไม่ว่าจะหลับกี่ ชั่วโมงก็ตามร่างกายจะพยายามช่วยเหลือตัวเองคือ พอเริ่มหลับก็เข้าสู่ระยะหลับลึกเลย หากมีเวลานอนที่ นานพอ ร่างกายจะเริ่มปรับวงจรการนอนหลับอีก ครั้งหนึ่ง จากปกติต้องมีระยะเวลาการนอนช่วงแรก 30 – 60 นาที จะเป็นหลับตื้นแล้วค่อย ๆ หลับลึกไปเรื่อย ๆ 10
แต่ถ้าต้องตื่นก่อน 4 ชั่วโมงจะกลายเป็นว่า ครั้งต่อไปพอจะ หลับอีกวงจรการนอนจะยังไม่ครบ การหลับจะเป็นหลับลึกใน ระยะเวลาสั้น ๆ แค่ทำให้สดชื่นแต่ประสิทธิภาพเรื่องความจำจะ ไม่เท่าเดิม ฉะนั้นถ้ามีโอกาสที่จะหลับซ่อมแซมหรือหลับชดเชย ควรนอนให้ครบชั่วโมง การนอนที่เหมาะสม จะทำให้สภาพ ร่างกายกลับมาเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาไม่กี่วันหรือถ้าหากมี โอกาสหลับเต็มที่หนึ่งวันเต็ม ๆ หลังจากอดนอนมา 3 วัน 11
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับวัยอีกด้วย เนื่องจาก การทำงานของสมองแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน ถ้าอายุน้ อย โอกาสกลับมาเหมือนเดิมเร็ว แต่ถ้าอายุมากขึ้นจะฟื้ นตัวช้า ดังนั้นการนอนชดเชยจึงไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอนตายตัว ขึ้น อยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ว่าจะสามารถกลับมาได้ เหมือนเดิมมากน้ อยแค่ไหน 12
10 ข้อ ควรทำและ ไม่ควรทำก่อนนอน พฤติกรรมที่ควรทำก่อนนอน 1.เตียงนอนมีไว้สำหรับนอน ไม่ควรทำกิจกรรมอื่น ๆ บนเตียงก่อนนอน เช่น เล่นโทรศัพท์ ทานอาหาร เป็นต้น เมื่อเอนตัวลงบนเตียงนอนแล้ว ควรตั้งใจและมี สมาธิกับการนอนเพียงอย่างเดียว 2.เข้านอนให้เป็ นเวลา ควรเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา นอนหลับประมาณ 7-8 ชั่วโมง ถือว่าเพียงพอสำหรับคน วัยทำงาน ร่างกายจะเกิดความเคยชิน เมื่อตื่นขึ้นมาจะ สดชื่นเหมือนได้นอนเต็มอิ่ม 3.จัดสภาพแวดล้อมการนอนให้เหมาะสม อุณหภูมิใน ห้องนอนต้องไม่ร้อนหรือไม่เย็นเกินไป ปราศจากสิ่ง รบกวน เช่น แสงสว่าง เสียง กลิ่น เป็นต้น จะช่วยทำให้ จิตใจสงบร่างกายก็จะได้พักผ่อนเต็มที่ และทำให้นอน หลับได้ง่ายขึ้น 13
4.ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน เช่น น้ำอุ่น หรือ นมอุ่น เป็นต้น จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ไม่ควรดื่มใน ปริมาณมาก เพราะอาจทำให้ต้องตื่นมาปัสสาวะกลางดึก 5.เข้าห้องน้ำก่อนนอน จะช่วยให้ไม่ตื่นมากลางดึก การตื่น ขึ้นมากลางดึกจะทำให้ประสิทธิภาพการนอนลดลง หากตื่น กลางดึกซ้ำ ๆ นาน ๆ ไปอาจเกิดความเคยชิน ทำให้ร่างกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ 14
พฤติกรรมไม่ควรทำก่อนนอน 1.ก่อนนอนควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟ อีนมีผลโดยตรงต่อการนอนไม่หลับ คาเฟอินจะไป กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้มีการตื่นตัว จะ ทำให้นอนหลับยาก หลับไม่สนิท 2.งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน หลายคนคิดว่าแอลกอฮ อร์ทำให้หลับง่ายเพราะมีฤทธิ์กดประสาท แต่หากดื่ม มาก ๆ จะมีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ อาจนอนไม่หลับ ฝัน ร้าย และกระสับกระส่าย 3.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาการมื้อหนัก หรืออาหาร ที่ย่อยยากก่อนนอน 4 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายจะต้อง ทำงานหนักในการย่อยอาหารเหล่านี้ในขณะที่เรานอน หลับ ทำให้หลับไม่สนิท อาจมีอาการแน่นท้องเนื่องจาก อาหารไม่ย่อย 4.ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน เพราะร่างกายจะเผา ผลาญพลังงานและหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นประสาท ทำให้ นอนหลับไม่สนิท คุณภาพการนอนไม่ดี เพราะร่างกาย ตื่นตัวและทำให้อ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น 5.งดการเล่นเครื่องมือสื่อสารก่อนนอน อุปกรณ์เหล่า นี้มีผลต่อคลื่นสมองโดยตรง ทำให้นอนหลับยากขึ้น หรือนอนหลับไม่สนิท 15
โรคต่าง ๆ เกี่ยวกับการ นอนหลับผิดปกติ 1. Insomnia โรคนอนไม่หลับ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนไข้เกือบทุกวัย ไม่ว่าจะ มีอาการนี้ในระยะสั้น (acute) หรือเป็นเรื้อรัง (chronic) สามารถเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ 1.1 Pyschophysiologic insomnia คนไข้มักมีอาการกังวลคิดมาก (racing thought) ในช่วงเวลาก่อนนอน โดยมักมีความรู้สึกฝังใจว่าจะนอนไม่หลับขณะเข้า นอน ส่งผลให้ยิ่งนอนไม่ค่อยหลับ คนไข้ในกลุ่มนี้อาจได้ผลบางส่วนจากการรักษา โดยวิธี cognitive behavioral therapy for insomnia 1.2 Parodoxical insomnia คนไข้ในกลุ่มนี้มีความเข้าใจผิดว่านอนไม่หลับและจะมี ความกังวลว่าอาการดังกล่าวจะมีผลต่อสุขภาพของตนเอง บางคนทานยานอนหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม benzodiazepine ทุกคืนจนไม่สามารถหยุดได้ (dependence) บางครั้งอาจต้องเพิ่มขนาดของยาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม (tolerance) อย่างไรก็ตาม คนไข้ paradoxical insomnia เมื่อได้รับการตรวจค้น เพิ่มเติมโดย polysomnography จะพบว่าที่จริงแล้วคนไข้ในกลุ่มนี้สามารถเริ่มนอน หลับหลังจากเข้านอนได้โดยใช้ระยะเวลาปกติ (normal sleep onset) แต่คนไข้ใน กลุ่มนี้อาจมีความผิดปกติในแง่ sleep microstructure ทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี มากนัก ถึงแม้ระยะเวลาในการนอนอาจจะดูเพียงพอ ทำให้คนไข้ในกลุ่มมีความรู้สึก ว่ายังนอนหลับไม่เพียงพอ จึงเข้าใจผิดว่าตนเองนอนไม่หลับ 1.3 Insufficient sleep syndrome ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในกลุ่มวัยรุ่น โดย เฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่ง Internet หรือ smart phones กำลังเป็นที่นิยมแพร่ หลาย ทำให้วัยรุ่นในสมัยนี้เข้านอนค่อนข้างดึกถึงแม้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ก็ตาม โดยผลที่ตามมาจะทำให้คนในกลุ่มนี้ตื่นสายและไม่ค่อยสดชื่นหลังตื่นนอน (non-restorative sleep) จนมีผลเสียต่อการเรียน 1.4 Insomnia secondary to medical problems นอนไม่หลับเนื่องจากมีปัญหา จากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 1.5 Insomnia secondary to medication นอนไม่หลับจากยาบางชนิดที่มีผลกระตุ้ นระบบประสาท (Central nervous system stimulants) 161.6 Idiopathic insomnia นอนไม่หลับโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. Central origin of hypersomnolence นอนหลับมากเกิน ปกติ / โรคนอนเกิน / โรคนอนขี้เซา คนไข้ในกลุ่มนี้นอนหลับ มากเกินไป ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาท ดังนั้นจึง ควรได้รับการค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมเช่นกัน อย่างไรก็ตามก่อนจะลง ความเห็นว่าคนไข้ที่ง่วงนอนผิดปกติตกอยู่ในกลุ่มนี้ ควรมั่นใจ ก่อนว่าคนไข้ดังกล่าวได้รับการนอนหลับพักผ่อนแล้วอย่างเพียงพอ ไม่ใช่พวกอดหลับอดนอน (Insufficient sleep syndrome) คนไข้ Central origin of hypersomnolence ส่วนใหญ่มีการง่วงนอนผิด ปกติในเวลากลางวัน (excessive daytime sleepiness) โดย ความผิดปกตินี้อาจเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ ได้แก่ Narcolepsy นอกจากคนไข้ Narcolepsy จะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน (excessive daytime sleepiness) แล้ว บางคนอาจมีอาการคอพับ (head nodding) เข่าทรุด (knee buckling) หรือ ความตึงตัวของ กล้ามเนื้อลดลงทันทีทันใด (cataplexy) ทำให้อ่อนแรงฉลับพลัน ชั่วขณะหนึ่ง (loss of muscle tone) อาการพวกนี้มักถูกกระตุ้น ด้วยอารมณ์ต่าง ๆ เช่น อารมณ์ขบขัน อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ใน คนไข้ narcolepsy ได้แก่ sleep paralysis ซึ่งคนไข้ไม่สามารถ ขยับเขยื้อนได้ชั่วขณะทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขาดสติ (preserved consciousness) มักเกิดอาการในขณะเพิ่งตื่นนอน กำลัง สะลึมสะลือ โดยชาวบ้านบางคนอาจเรียกกันว่า ผีอำ ส่วน hypnaggoggic hallucination ก็สามารถพบได้ในคนไข้ narcolepsy โดยคนไข้จะเห็นภาพหลอนในขณะนอนเคลิ้มหลับ เคลิ้มตื่น 17
3. Circadian rhythm disorder ภาวะนอนไม่เป็ นเวลา 3.1 Advanced phase sleep disorder พบได้ในคนสูงอายุบางคน โดยคนไข้จะนอนหลับแต่หัววัน (early falling asleep time) และ ตื่นนอนตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน (early awakening) คนไข้บางคนอาจมี ตื่นนอนกลางดึกร่วมด้วย 3.2 Delayed phase sleep disorder พบ ในวัยรุ่นค่อนข้างบ่อย โดยเด็กในกลุ่มนี้นอนดึกและตื่นสาย ซึ่งถ้ามี ความจำเป็นต้องตื่นตอนเช้า อาจมีผลทำให้ง่วงนอนในขณะเรียน หรือทำงานในตอนกลางวัน 3.3 Irregular sleep-wake rhythm อาจพบได้ในคนไข้ neurodegenerative disorders เช่น คนไข้ dementia 3.4 Non 24 hour sleep-wake disorder (free running) พบได้ใน คนตาบอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตาบอดสนิท 3.5 Jet lag disorder 4. Parasomnia พฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ 4.1 Non-Rapid eye movement parasomnia เช่น night terror, sleep walking (เดินละเมอ), sleep talking, sleep drinking 4.2 Rapid eye movement parasomnia เช่น REM behavior disorder ซึ่งพบได้บ่อยในคนไข้ที่มีความผิดปกติชนิด synucleinopathy ได้แก่ คนไข้ multiple system atrophy, dementia with lewy bodies และ idiopathic parkinson disease 5. Sleep related breathing disorder ภาวะหยุดหายใจขณะ นอนหลับ เช่น Obstructive sleep apnea, Obesity hypoventilation syndrome 6. Sleep related movement disorder เช่น bruxism (กัดฟันใน ขณะนอนหลับ), periodic limb movement disorder 18
อ้างอิง http://medicalcenter.kmitl.ac.th/การนอนหลับ-สำคัญแค่ ไหน/ https://www.bangkokinternationalhospital.com/th/heal th-articles/health-tips/how-to-get-quality-sleep https://www.medparkhospital.com/content/10-dos- and-donts-for-better-sleeping? utm_medium=OrganicPost&utm_source=Facebook
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: