Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย

ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย

Published by Jaruwan Bualuang, 2019-05-24 00:57:44

Description: ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย

Search

Read the Text Version

ความรทู้ วั่ ไป เกีย่ วกับวิชาภาษาไทย ตอนท่ี 1 คาศพั ท์ คา คอื ถอ๎ ยคาท่กี ลาํ วออกมาใหร๎ ๎เู ฉพาะคาหนงึ่ ๆ เทาํ นนั้ คาประกอบดว๎ ยคาผสมอยํางน๎อย 3 สํวน คอื พยญั ชนะตน๎ ,สระ, เสียงหรอื วรรณยุกต์ และมสี วํ นอ่ืนๆ มาประกอบเข๎าอีกดว๎ ย ตามความจาเป็น ไดแ๎ กํ ตวั สะกดและตวั การันต์ คาศัพท์ หมายถงึ คายากท่ีตอ๎ งแปล, ตามหลกั สตู รการสอบเข๎ารบั ราชการจะทดสอบเกี่ยวกับ 1.การสะกดคา 2.การอํานคา 3.ความหมายของคาหรือกลํุมคา 4.การเลือกใชค๎ าหรือกลมุํ คา การสะกดคา ข๎อสอบประเภทน้เี ปน็ การวัดการสะกดคา โจทก์: จะกาหนดคามาใหแ๎ ลว๎ ให๎ หาคาทีส่ ะกดผิดหรอื ใหห๎ าคาที่สะกดถูก คาช้ีแจง ให๎หาคาทสี่ ะกดผดิ ขอ๎ ละเพยี งละคาตอบเดยี ว 1. ก.ภูษิต ข. ภูธร ค.ภบู าล ง.ภูวนัย* จ.ภวู เนตร 2. ก.ลาไย* ข.ชักใย ค.สายใย ง.หํวงใย จ.เย่อื ใย 3. ก.ตกั บาตร ข.ลูกบาศ ค.บาดหลวง* ง.บาดทะยกั จ.บํวงบาศก์ 4. ก.วิวาท ข.เถรวาท ค.มุสาวาส* ง.โอวาท จ.วาทการ 5. ก.เสอื้ เชิ๊ต ข.สมดุ โนต๏ * ค.ไม๎ก๏อก ง.ขนมเค๎ก การอาํ นคา ข๎อสอบประเภทนี้ โจทก์ : จะกาหนดคาและคาอาํ นมาให๎แล๎วให๎เลือกคาอําน ผดิ หรอื คาอํานถกู กาหนดคามาใหพ๎ ร๎อมทั้งคาอําน 5 คา ให๎พิจารณาคาวําคาใดอาํ นผิด หรอื อาจถามโดยยกคาศพั ท์พร๎อมท้งั การอํานมาให๎ แล๎วความวําอาํ นอยํางไรผดิ หรอื อําน อยํางไรถกู หรอื อาจจะถามคาอํานวํามกี ีพ่ ยางค์ หรอื ออกเสยี งใดไมํออกเสียงใด หรือ กาหนดข๎อความมาใช๎ หาคาท่ีเขยี นผิดในข๎อความนน้ั หรอื อาจให๎พิจารณาวาํ คาที่ กาหนดใหน๎ ัน้ จะตอ๎ งนาข๎อใดมาเติมจงึ จะถกู ตอ๎ ง

คาชแ้ี จง จงเลือกคาตอบท่ีถกู เพียงคาตอบเดยี ว ข๎อใดเป็นคาอํานทถ่ี ูกต๎อง 1. “ประวัติศาสตร์” ก. ประ – วตั ิ – ติ – สาด ข. ประ – หวดั – ติ – สาด* ค. ประ – หวดั – สาด ง. ประ – วดั – สาด 2. “ผลิตภัณฑ์” ก. ผะ – หลิ – ตะ – พนั ข. ผะ – หลดิ – ตะ – พนั * ค. ผลิด – ตะ – พนั ง. ผลดิ – พัน 3. “ปรชั ญา” ก. ปรัด – ยา* ข. ปรัด – ชะ – ยา ค. ปะ – รัด – ชะ – ยา ง. ปะ – หรัด – ชะ – ยา 4.ตัวยํอ “ศธ” อาํ นคาเตม็ ที่ถูกต๎องวาํ อยาํ งไร ก. สกึ – สา – ทา ข. สึก – สา – ทิ – กาน* ค. สาด – สะ – นะ – ทา ง. สา – ทา – สะ – นะ – สกุ 5. “จรดพระมังคลั ” ก. จะ – รด – พระ – นงั –คัน ข. จด – พระ – นัง – คัน ค. จะ – หรด – พระ – นัง – คนั * ง. จรด – พระ – นัง – คัน ความหมายของคาหรอื กลมํุ คา ขอ๎ สอบประเภทนี้ : โจทก์กาหนดให๎เลือกข๎อความท่มี ี ความหมายตรงกบั คา หรือขอ๎ ความทีก่ าหนดให๎ หรืออาจให๎อธิบายความหมายของ สานวน สุภาษิต คาพงั เพย หรอื ให๎เลอื กคาทม่ี คี วามหมายตรงกนั ข๎ามกับคาที่กาหนดให๎ หรือแตกตํางไปจากคาอน่ื คาชี้แจง จงเลอื กคาตอบท่ีถกู ที่สุดเพยี งคาเดยี ว 1. “นอนหลับทับสิทธิ์” ก.ไมํมสี ิทธิ์ ข.ไมแํ สดงหนา๎ ทขี่ องตน ค.ไมํเอาใจใสํ ใชส๎ ิทธิ์ที่ตนมี* ง.ไมรํ ๎วู าํ ตนมสี ิทธ์ิ 2. คาใดท่ีมีความหมายแตกตํางไปจากคาอน่ื

ก.กรุณา ข.เมตตา ค.สงสาร ง.ชมเชย* 3. เธอทาไปเพราะความร๎ูเทําไมํถงึ การณ์ ความหมายตรงขา๎ มกับคาใด ก.รอบคอบ* ข.เลิน่ เลอํ ค.สะเพรํา ง.ประมาท 4. เขาเป็นคน ข้ตี ืด อยาํ งมาก ก.เหน็ แกตํ ัว ข.เห็นแกไํ ด๎ ค.ละโมบ ง.ตระหน่เี หนยี วแนนํ * 5. “เส้ยี มเขาควายให๎ชนกนั ” เขา๎ ลักษณะใด ก.ศรศิลปไ์ มํกินกนั ข.ยใุ หต๎ าราให๎ร่ัว* ค.ถงึ พริกถึงขงิ ง.คดในข๎องอในกระดูก การเลือกใช๎คาหรอื กลมํุ คา ขอ๎ สอบประเภทน้ี : โจทกจ์ ะกาหนดให๎เลือกคาทเ่ี หมาะสมเพื่อ เติมในชํองวาํ ที่เว๎นไว๎ เพอ่ื ใหไ๎ ด๎ความสมบูรณ์ถูกต๎อง หรอื คาใดในกลุํมคานัน้ จึงเป็นคาท่ี เหมาะสมที่สุด เติมในชํองวาํ งของข๎อความน้นั แลว๎ ได๎ความสมบรู ณ์ คาช้แี จง จงเลอื กคาทเี่ หมาะสมทส่ี ุดเตมิ ในชอํ งวําง 1. ท่หี ๎องดนตรมี ีระนาดสอง………………. ก.ตัว ข. อัน ค. เลา ง. ราง* 2. คอยไปเถิด…………เขาจะต๎องกลับมา ก. ในไมํชา๎ ข. ไมํนานนัก ค. ไมกํ ่ีวนั ง. สกั วนั หนงึ่ * 3. จะลาบากยากเยน็ อยาํ งไรเราก็ตอ๎ ง…………… ก. มานะ ข. กัดฟัน ค. อดทน* ง. ฮดึ สู๎ 4. คนสวมเสอื้ ผา๎ ปอ้ งกันความอายหรือ…………ตา ก. อนาถ ข. ทเุ รศ ค. อุจาด* ง. ระคาย 5. จักรเย็บผ๎า…………น้ใี ชด๎ มี าก ก. คัน ข. หลงั * ค. เครอื่ ง ง. อัน

ตอนที่ 2 การเขยี น การเขยี น คอื การเรียบเรียงถ๎อยคา ขอ๎ ความ ได๎อยํางถูกตอ๎ งและสละสลวยเขยี นถกู ตอ๎ ง ตามพจนานกุ รม ถกู ตอ๎ งตามหลักเกณฑ์ ถูกตอ๎ งตาม สะกดการันต์ ตามหลักสูตร การเขยี น ไดแ๎ กํ การเรียงขอ๎ ความการแตํงประโยค การยอํ ความ การเขยี นอธบิ ายความหมายของคา การเขียน ผูเ๎ ขยี นตอ๎ งเขยี นอยํางถกู ตอ๎ ง สามารถในการเรียงถ๎อยคาให๎เป็นประโยค และ ขอ๎ ความอยาํ งถกู ตอ๎ งสละสลวย, เปน็ การแสดงความรู๎ ความคดิ และความรส๎ู กึ และความ ตอ๎ งการของผส๎ู งํ สารส่ือความหมายออกเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร เพื่อให๎ผ๎ูรบั สามารถอาํ น เขา๎ ใจในการรับทราบความร๎ูความคิด ความรูส๎ กึ และความตอ๎ งการส่งิ น้นั หลักการเขียน การเขียนหนังสอื ตอ๎ งเขียนถูกและเขียนเปน็ การเขียนเป็น หมายถึงการเขียนเพื่อบอกใหผ๎ อ๎ู นื่ ร๎ูเรือ่ ง และเขา๎ ใจเจตนาเอาความประสงค์ ของผ๎เู ขียนเรอื่ งการเขยี นเป็นน้ี ตอ๎ งฝึกให๎เกิดความชานาญ จึงจะได๎ผล สมความมงํุ หมายของวิชาความสามารถในการใช๎ภาษาไทย หากเขียนไดย๎ ังไมํ เรยี กวํา เขียนเป็น การเขยี นถกู หมายถงึ เขียนไดต๎ ามหลักเกณฑ์ การสะกดการันต์จงึ เปน็ เรื่องสาคญั ในการ ใชภ๎ าษาไทย เพราะถา๎ เขยี นไมํถกู ความหมาย ความหมายก็เปลย่ี นไป เชนํ อนุญาต หมายถงึ ยินยอม ยอมให๎ ตกลง แตํถา๎ เขยี นเป็นอนุญาต ความหมายกเ็ ปลี่ยนไป ทง้ั นเี้ พราะ คาวํา ญาติ ตามพจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 (ยาด,ยาต)ิ น.คนในวงศ์ วานทีย่ งั นับรก๎ู นั ไดท๎ างเชอื้ สายฝ่ายพํอหรอื ฝ่ายแมํ หลกั เกณฑ์การเขยี นอยใํู นวิชาหลกั ภาษาไทยต๎องฝึกบํอยๆ จะเกิดความจาและเปน็ ประโยชนใ์ นการใช๎ภาษาไทย การเรยี งข๎อความ ขอ๎ สอบประเภทน้ี : โจทก์จะให๎พิจารณาข๎อความทเี่ ขียนมาให๎แล๎วให๎ เรียงขอ๎ ความเสียใหมํ ให๎ถูกตอ๎ งเหมาะสมตาม หลักการใชภ๎ าษาไทย (เทคนิค ในการทา ขอ๎ สอบเรียงขอ๎ ความ ผูส๎ อบต๎องอํานโจทก์ท่ีเป็นข๎อความ แตลํ ะขอ๎ แลว๎ นาตํอกันจนเห็นวาํ การตํอแบบใดดีทส่ี ุด ก็เลือกคาตอบท่ีให๎ไว๎,หลักการตอบ อยํางอํานตวั เลขกอํ น จงอําน ใจความให๎เขา๎ ใจเสียกอํ นแลว๎ จึง เรียงตวั เลขมาเรียงกัน)

คาชีแ้ จง จงเรยี งขอ๎ ความให๎ถูกตอ๎ ง 2. 1. 1.การทช่ี วํ ยงานหลายๆขํายงาน 4. ในสถาบันตํางๆ มกี ารปฏิบตั งิ านคล๎ายๆกนั 3.จาเปน็ อยาํ งยงิ่ ท่ีจะต๎องสร๎างแกนรวม 4.เพ่ือประสานประโยชน์รํวมกนั ก.3 2 4 1 ข.2 3 4 1 ค.1 2 3 4* ง.4 3 2 1 2. 1.แนวทางแกไ๎ ขปญั หาหากรวํ มกนั ทากจ็ ะเปน็ เรือ่ งดมี าก 2.ฉะนนั้ โดยภาพรวมแลว๎ 3.เม่อื แบํงสํวนรับผิดชอบแล๎วก็จะงํายเข๎า ปัญหาท่เี คยยากๆ ก.1 2 3 4 ข.2 3 4 1 ค.4 3 2 1* ง.3 2 4 1 3. 1.เสยี งทน่ี ่ังอยาํ งเฉยี บขาดน้ันเปน็ เสียงผ๎หู ญิง 2.เขาเคยเห็นผหู๎ ญงิ หลายคนฆาํ คนตาย 3.ซ่ึงไมํได๎ทาใหเ๎ ขาสบายใจเลยแม๎แตํนดิ เดยี ว 4.”ยืนอยนูํ ง่ิ อยํางน้ันแหละ” ก.2 1 4 3 ข.1 4 2 3 ค.2 3 4 1* ง.1 3 2 4 4. 1.มนษุ ย์โลกอาศัยพลังงานของสายน้า สายลม แสงแดด ไฟ สัตว์เลย้ี ง และ แรงงานคน 2.และมนุษยก์ ็อยํูกับธรรมชาติด๎วยความสันติสุขมาโดยตลอด 3.สมัยกอํ นการปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมในยโุ รป 4.เพือ่ ใหง๎ านตาํ งๆ สาเร็จลุลวํ ง ก.1 2 3 4 ข.4 1 2 3 ค.3 1 4 2* ง.1 3 2 4 5. 1.รางวัลชนะเลิศเป็นโลรํ างวัลของประธานรัฐสภา 2.รางวลั รองชนะเลิศเปน็ โลรํ างวัลของประธานสภาผแู๎ ทนราษฎร 3.พรอ๎ มใบประกาศเกียรติคณุ และทุนการศกึ ษา 2,000 บาท 4.พร๎อมใบประกาศเกียรติคณุ และทนุ การศกึ ษา 3,000 บาท ก.1 2 3 4 ข.4 3 2 1 ค.2 4 1 3 ง.1 4 2 3*

การแตํงประโยค ข๎อสอบประเภทน้ี : โจทกจ์ ะให๎พจิ ารณาประโยคแตลํ ะประโยควํา ประโยคใดแตงํ ได๎ถกู ตอ๎ งตามหลักภาษามากที่สดุ คาช้ีแจง จงเลอื กคาตอบที่ถกู ตอ๎ งท่สี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว 1. ขอ๎ ใด ไมํ เป็นประโยค ก. ท๎องทะเลสคี ราม* ข. หอ๎ งนีจ้ คุ นไดน๎ ๎อย ค. มรรยาทของเขาดีมาก ง. ฝนั สลายเมอื รูค๎ วามจริง อํานประโยคในข๎อ 1 – 4 แลว๎ ตอบคาถามขอ๎ 3 – 5 1.เขาคนเดียว 2.ใครท่มี ากบั เขา 3.ใครคนหนึง่ ล๎มลง 4.เราไมชํ อบอาหารรสเผด็ 3.ข๎อใดเป็นประโยคปฏิเสธ ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4* 4.ขอ๎ ใดไมํเป็นประโยค ก. 1* ข. 2 ค. 3 ง. 4 5.ขอ๎ ใดเปน็ ประโยคบอกเลํา ก. 1 ข. 2 ค. 3 * ง. 4 การยอํ ความ ขอ๎ สอบประเภทนี้ โจทย์ : จะกาหนดขอ๎ ความมาให๎แล๎วยํอใจความหรือสรปุ สาระสาคัญ,หรอื ให๎ข๎อความมาแล๎วให๎ต้งั ชอื่ เรอ่ื ง,หรือถามวาํ ข๎อความมีใจความโดยยอํ ตรงกับข๎อใด คาชีแ้ จง จงอาํ นข๎อความขา๎ งลาํ งน้แี ล๎วตอบคาถาม “นางสิริกร มณรี นิ ทร์ รัฐมนตรชี วํ ยวาํ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดต๎ อบขอ๎ ซักถาม ของผ๎สู ่อื ขําวเก่ียวกบั การกวดขนั จรรยาของครวู ํา กระทรวงศกึ ษาธิการพจิ ารณาเห็นวําครู และบุคคลท่วั ไป เหน็ แบบฉบับของความดงี าม ถกู ต๎องของสังคม กระทรวงศึกษาธกิ ารจงึ ไดก๎ วดขนั ในเรือ่ งจรรยามารยาทครู นับตงั้ แตํการแตงํ กาย ควรจะเปน็ ระเบียบเรียบร๎อยสม

แกตํ าแหนํงฐานะ ไมํใชแํ ตํงกันตามสบายอยํางอาชีพอื่นซึ่งเคร่ืองแตํงกายอืน่ นอกจากจะ เปน็ การสรา๎ งบคุ ลิกภาพแลว๎ ยังบอกความเป็นใครด๎วย รัฐมนตรชี ํวยวาํ การกระทรวงศึกษาธกิ ารกลาํ วตํอไปอีกวาํ นอกจากเสอื้ ผา๎ อาภรณ์ การแตงํ กาย แล๎วการวางตัวของครูเปน็ เร่ืองท่ีกระทรวงศึกษาธกิ ารจะพจิ ารณาเข๎มงวด กวดขนั ดว๎ ยใหพ๎ ยายามละเวน๎ อบายมุข เชํน การสบู บุหรี่ ดื่มสุรา เลํนการพนัน เปน็ ต๎น โดยจะขอความรวํ มมอื จากครู อาจารย์ ตลอดจนผู๎บังคับบญั ชาด๎วย ทง้ั นีเ้ พื่อให๎ภาพพจน์ เกียรตยิ ศ ชื่อเสียงของครู เปน็ ท่นี าํ นยิ มยกยอํ งแกบํ คุ คลในวงการทว่ั ไป” 1.ขอ๎ ความข๎างบนมีใจความโดยยํอความกับข๎อใด ก.กระทรวงศึกษาธกิ ารกวดขันในเร่อื งการแตํงกายของครู ข.นางสริ กิ ร มณีรนิ ทร์ ตักเตอื นให๎ครดู ารงตนเป็นปูชนียบุคคลและพยายามละเว๎น อบายมุข ค.รฐั มนตรีชํวยวาํ การกระทรวงศกึ ษาธิการใหค๎ รูชํวยสร๎างภาพพจน์ เกยี รติยศ ชอ่ื เสียงของครู ง.รัฐมนตรีชวํ ยวาํ การกระทรวงศึกษาธกิ ารตอบขอ๎ ซักถามของผู๎สอื่ ขาํ วเกยี่ วกบั การกวดขนั จรรยาของครู* จ.รัฐมนตรชี ํวยวําการกระทรวงศึกษาธกิ ารให๎สมั ภาษณ์ นโยบายรีบดํวนทเี่ ก่ยี วกบั ครู 2.ขอ๎ ความข๎างตน๎ นค้ี วรตง้ั ชื่อเร่อื งตามขอ๎ ใดจงึ เหมาะสมทส่ี ดุ ก.ปูชนยี บุคคล ข.การแตงํ กายของครู ค.การกวดขนั จรรยาของครู* ง.ภาพพจน์ของกระทรวงศึกษาธิการ จ.นโยบายทเี่ ก่ียวกับครู การเขยี นอธิบายความหมายของคา ข๎อสอบประเภทน้ี โจทย์ : จะให๎เขยี นข๎อความสัน้ ๆ ของคาแตํละคา โดยอธิบายความหมายของคา ให๎ถกู ต๎องตามความหมายของคาแตํละคา นัน้ หรอื ใหเ๎ ลือกคาเติมในชอํ งวํางทใี่ หไ๎ ว๎ถูกต๎องสมบรู ณ์เทคนิคในการทาขอ๎ สอบ ตอ๎ งจา คาสภุ าษติ ,คาพงั เพย,สานวนทพี่ บบอํ ยๆ และรคู๎ วามหมายของวลเี ดมิ ตัวอยาํ ง การเขยี นอธิบายความหมายของคา

คาช้ีแจง จงเลอื กคาส่งั วลีทใี่ หไ๎ วใ๎ นชอํ งวาํ งให๎ถูกต๎องสมบูรณ์ 1. ก.กลาํ ว ข.อ๎าง ค.นา* ง.บอก จ.พดู 2. ก.สวํ นแรก ข.ประการแรก* ค.ข๎อแรก ง.เบ้อื งตน๎ จ.เรื่องแรก 3. ก.เลิก ข.ทิง้ ค.หยุด* ง.ทง้ิ ขวา๎ ง จ.ละทิ้ง 4. ก. พัฒนาการ ข.วิวัฒนาการ ค.พฒั นา* ง.เปลยี่ นแปลง จ.เตบิ โต 5. ก.เสียเลย ข.เสยี ทเี ดียว* ค.เปน็ อันขาด ง.อยํางเดด็ ขาด จ.ของคนเสยี 6. ก.ถูก ข.ควร ค.ชอบ* ง.ดี จ.งาม 7. ก.จง ข.อยาํ ค.และ* ง.ให๎ จ.อนึง่ 8. ก.อดตี ข.ปัจจุบนั ค.อนาคต ง.ฐานะ* จ.เงนิ เดือน 9. ก.เรียน ข.เตือน* ค.เน๎น ง.บอก จ.ย้า 10. ก.ฉะน้ัน* ข.สรุปแล๎ว ค.เพราะฉะนัน้ ง.ดงั น้ี จ.โดยสรุป ข๎าพเจา๎ จะขอ……1…..เอาข๎ออันควรประพฤตปิ ฏิบัติเฉพาะท่ีสาคัญๆ มาตกั เตอื น ทาํ นไว๎ ดังตํอไปนี้ ใน…..2….กค็ ือเรื่องการศึกษา ซึ่งสวํ นมากมักจะเข๎าใจผิดกันวํา ตนได๎ศกึ ษามา นานพอแล๎ว และพากัน….3….เสีย อนั น้ีนบั วาํ เป็นการเข๎าใจผิดอยํางสาคัญทสี่ ดุ จริงอยํูใน การทางานนน้ั เราต๎องการใชค๎ วามสามารถเปน็ ประการสาคัญ แตกํ ็ขออยาํ งได๎ลืมเสียวาํ บันได๎ท่ีจะนาเราไปสคูํ วามเป็นผู๎มคี วามรคู๎ วามสามารถไดอ๎ ยํางดนี ั้น กค็ อื การศกึ ษามนั่ คง และยิง่ ในสมัยทวี่ ิชาการของโลกกาลงั มี…4…ไปสูํการเป็นผ๎ลู ๎าสมยั ได๎อยาํ งนําเสียดาย ท่ีสุดฉะน้นั ส่ิงสาคญั ประการแรกที่ขา๎ พเจ๎าอยากเตือนทํานไว๎ในโอกาสน้ีก็คือ จงอยาํ งได๎ ละทง้ิ การศกึ ษา…..5…. ในประการที่ 2 เปน็ เรื่องเก่ียวกับความประพฤติของทาํ น เพราะการออกไปเปน็ นายทหารนน้ั ทาํ นจะเป็นอสิ ระ และมีโอกาสพบปะกับบคุ คลตาํ งๆ มากกวาํ เมอ่ื ครง้ั ยังเปน็ นักเรียนอยํู ดว๎ ยเหตุนี้จงึ มีความจาเปน็ ทที่ าํ นจะต๎องร๎ูจกั บังคบั ตัวของตนเองให๎รจู๎ ัก ประพฤตปิ ฏิบัตแิ นํในส่งิ ท่ี…..6…. เชํนในการระมดั ระวงั ในเร่อื งกิรยิ ามารยาท การ ประหยัด การคบหาแตเํ พ่ือนทดี่ ี และการรักษาความสามคั คใี นหมํคู ณะเหลาํ น้ี เปน็ ตน๎ จง ทาตามแตตํ วั อยํางที่ดี…7….พึงหลีกหนคี วามช่ัวทงั้ หลาย เชํนการด่มื สรุ าจนเมามาย หรือ การใชจ๎ าํ ยทีไ่ มํคานงึ ถงึ ….8….เหลํานเี้ สยี ข๎าพเจา๎ ขอ….9…วําเร่อื งเสียความประพฤตินีไ้ ด๎

เคยทาลายอนาคตอนั สกุ ใสของนายทหารมามากตํอมากแลว๎ จนต๎องออกจากราชการไปก็ มตี วั อยํางอยูํ…..10…. จงึ ขอใหท๎ าํ นพงึ ระมัดระวังใหจ๎ งหนัก ตอนที่ 3 ความเข๎าใจภาษา ความเขา๎ ใจภาษา หลักสูตรทดสอบเก่ียวกบั การอาํ น จบั ใจความ การทาความเข๎าใจเก่ียวกับ เร่อื งราว บทความหรอื ขอ๎ ความที่กาหนดให๎ แล๎วตอบคาถามในแตํละบทความ หรอื ข๎อความนัน้ รวมทั้งการสรุปความ การตีความ และขยายความด๎วย ความเขา๎ ใจภาษา นยิ มใชว๎ ัดความสามารถทัว่ ไปอยํางมาก ขอ๎ สอบจะกาหนดสถานการณ์ ซ่ึงอาจจะเปน็ บทความ ภาพหรือสิ่งอ่นื ๆ ใหแ๎ ล๎ว จะถามผสู๎ อบวาํ มคี วามเขา๎ ใจ สถานการณ์ในการอํานนั้นเพียงใด การตอบขอ๎ คาถามจาเปน็ ตอ๎ งอาศัยสถานการณ์เสนอ แนวทางการถามมักจะถามใหว๎ เิ คราะหส์ ถานการณ์ เชนํ ควรตั้งชื่อบทความน้ีวําอยํางไร ผเ๎ู ขยี นมคี วามประสงคใ์ ด บทความน้ใี ห๎แนวคิดเราอยํางไร อาจสรปุ ขอ๎ ความนไ้ี ดอ๎ ยํางไร ข๎อความนม้ี ีประเดน็ สาคญั ใด จดุ ใดเปน็ หวั ใจของบทความน้ี ขอ๎ ความความเขา๎ ใจภาษา ไมํนยิ มถามความจา ย่ิงเป็นขอ๎ สอบคดั เลือกดว๎ ยแลว๎ ลีลาการ ตอบจะตอ๎ งใชค๎ วามคดิ อยํางดจี ึงตอบได๎ ซ่ึงอาจจะถามใหแ๎ ปลความหมายตีความหมาย พยากรณ์ผล แก๎ปัญหาวิเคราะหป์ ญั หา คือถามหาเหตุผล การให๎ประเมินเหตุการณใ์ น ขอ๎ ความน้ันผู๎ตอบต๎องคิดให๎รอบคอบกํอนตอบข๎อสรุปทุกคร้งั เสมอ แบบการทาความเข๎าใจข๎อความ ขอ๎ สอบประเภทนี้ โจทก์ : จะกาหนดขอ๎ ความมา ให๎อํานเม่ืออํานขอ๎ ความทก่ี าหนดให๎แลว๎ ตอบคาถามแตํละข๎อที่โจทก์กาหนดไว๎ คาชแ้ี จง จงอาํ นข๎อความตอํ ไปนี้แลว๎ ตอบคาถามขอ๎ 1-10 “คนไทยเรามีลักษณะอยาํ งหนึง่ คือ พร๎อมจะเสยี เงนิ ในหลายๆ เรอ่ื ง แตํกบั เรือ่ ง ของภาษถี า๎ ไมจํ าเปน็ จริงๆ ขอเลีย่ งไว๎กอํ นดกี วํา ซึ่งหลายคนใช๎เหตผุ ลวาํ การที่ พวกตนไมอํ ยากเสียภาษี ใจจริงแลว๎ พร๎อมที่จะเป็นพลเมอื งดี เสียภาษเี ตม็ เมด็ เตม็ หนวํ ย ถ๎ารฐั จะสร๎างความมัน่ ใจให๎กบั พวกตนได๎วําเงนิ ภาษีทเ่ี ก็บไปนนั้ รฐั ได๎นาไป ใชป๎ ระโยชน์ตํอสาธารณะชนตาํ งๆ อยํางแทจ๎ ริง ไมใํ ชไํ ปหลํนอยใํู นกระเปา๋ ของ ใครตํอใคร เสยี กวาํ ครึ่ง เพราะทผ่ี ํานมา ชัว่ ความ เรอื่ งการคอรปั ชั่นมีใหไ๎ ด๎ยินกัน

หนาหู รวมไปถึงการนาภาษอี ากรไปใช๎ผิดวตั ถุประสงค์ มไิ ด๎กํอใหเ๎ กดิ ประโยชนต์ ํอ สาธารณชน เพยี งหวงั อยากสร๎างอานาจหรอื เออื้ ประโยชน์ กลมุํ อยํางเดียวแล๎ว ใครเขาจะอยากเสียภาษกี ันละ” 1.ข๎อใดเปน็ เหตุผลทีผ่ ู๎เขียนอา๎ งวาํ คนไทยบางคนไมํชอบเสียภาษี ก.ขี้เหนียว ข.รายไดไ๎ มพํ อเสยี ภาษี ค.ไมํมนั่ ใจในการใช๎เงนิ เสียภาษีของรัฐบาล* ง.มองไมํเห็นความสาคญั ของเสียภาษี 2.”สาธารณชน” ในท่ีน้หี มายถงึ อะไร ก.ประชาชนทัว่ ไป ข.ความสขุ ของประชาชน ค.สมบตั ขิ องประชาชน* ง.ประชาชนบางกลํุม 3.คาวาํ “คอรัปชน่ั ” ควรใชเ๎ ป็นภาษาไทยอยาํ งไร ก.การคดโกงเพือ่ หวังสรา๎ งอานาจ* ข.ความเห็นแกํได๎ ค.ความโลภ ง.ทจุ ริต 4.การนาเงนิ ภาษอี ากรไปใช๎ผดิ วตั ถปุ ระสงค์เกิดผลเสยี อยํางไร ก.เสยี งประมาณ ข.เศรษฐกจิ * ค.เงนิ ไมํพอใช๎ ง.ขาดดุลการค๎า 5.ผ๎ูเขียนกลาํ ววําเง่อื นไขท่คี นไทยพร๎อมจะเสยี ภาษี คอื ขอ๎ ใด ก.รัฐบาลนาเงินภาษไี ปใช๎อยํางถกู ตอ๎ ง* ข.รฐั บาลปราบคอรัปชน่ั เป็นผลสาเร็จ ค.รัฐบาลไมํทาการเพ่ือหวังสรา๎ งอานาจ ง.รฐั บาลไมํเหน็ แกคํ นบางกลมํุ 6.คาในขอ๎ ใดที่มคี วามหมายตาํ งจากคา “เล่ียง” ก.ไมํตรง ข.เสี่ยง* ค.หลีก ง.หลบ 7.บทความน้ผี ๎ูเขียน เขียนจากขอ๎ มูลใด ก. ความเปน็ จริง ข.การสารวจความเหน็ * ค.ความเห็นของคนไทยสํวนใหญํ

ง.ความเห็นสวํ นตวั ของผเู๎ ขียนเอง 8.ผ๎ูเขียนมีวัตถุประสงคอ์ ยาํ งไรในการเขยี นบทความน้ี ก.ใหแ๎ ตกความสามัคคี ข.ใหค๎ นไทยเกลยี ดชังรัฐบาล ค.ใหร๎ ัฐบาลปรบั ปรงุ การใชจ๎ ํายเงินภาษอี ากร* ง.ใหร๎ ัฐบาลเลกิ เก็บภาษจี ากประชาชนชาวไทย 9.ผ๎เู ขียนมคี วามเห็นวาํ คนไทยมลี ักษณะอยาํ งไร ก.ขี้เหนียว ข.ไมทํ จุ ริต ค.เจ๎าสาราญ ง.ใชจ๎ าํ ยเงนิ ฟมุ่ เฟอื ย* 10.การเสียภาษมี ีลักษณะอยาํ งไร ก.ทกุ คนต๎องเสียภาษี ข.ผมู๎ รี ายได๎ต๎องเสียภาษี* ค.ยอมใหม๎ ีการหลีกเลี่ยงได๎ ง.ใครจะเสียภาษไี ด๎ไมํเสยี กไ็ ด๎ แบบทาความเขา๎ ใจบทความ,บทสนทนา แบบทาความเข๎าใจบทความ บทสนทนา ข๎อสอบประเภทน้ี : โจทย์จะกาหนดบท สนทนามาให๎อาํ นบทสนทนาทกี่ าหนด แล๎วตอบคาถามแตลํ ะขอ๎ ท่ีกาหนดไว๎,ขอ๎ สอบสรุปความ จะกาหนดบทความมาให๎ สรุปผอํ นคลายอารมณ์ เป็นเครอ่ื งชํวยให๎ มีมนุษยส์ มั พนั ธไ์ ดด๎ ที ีส่ ุด ท้งั เปน็ เคร่ืองชํวยให๎ประสบความสาเร็จในหน๎าที่การงาน อกี ด๎วย สงิ่ ทีจ่ ะนามาเปน็ หัวข๎อสนทนาน้ันไมํจาเป็นวาํ จะตอ๎ งเป็นเรอ่ื งหนัก หรอื สลกั สาคญั เสมอไป เชนํ เรือ่ งทีเ่ ขียนไว๎ในตารา หรอื เรอ่ื งการเมือง ฯลฯ แตเํ ร่ือง เบาๆ สมอง เชนํ อาหาร ความรัก ชีวิต การทอํ งเที่ยว ฯลฯ คาชแ้ี จง อาํ นบทสนทนาแลว๎ ตอบคาถาม คนแรก “ขา๎ ไมอํ ยากขับรถเข๎ากรงุ เทพฯ เอ๎ย….พบั ผํา ขนาดวันเวย์แล๎วรถยงั ตดิ แทบเขยื้อนไมไํ ด๎” คนท่ีสอง “วันเวยไ์ มํไดผ๎ ลเพราะรถยนตม์ มี ากขึน้ ทุกวนั กรมตารวจกาลงั ทดลอง วิธีใหมํคราวนีร้ บั รองไดผ๎ ล รถยนต์บนท๎องถนนจะมีน๎อยลง การจราจรกจ็ ะเริ่ม คลอํ งตัว” คนแรก “ ตารวจเขามีวิธยี ังไง”

คนท่ีสอง “สนับสนนุ ให๎สรา๎ งโรงแรมมาํ นรูดเยอะๆ “ 1.ลกั ษณะของการสนทนาเปน็ แบบใด ก.อภปิ ราย ข.ปรึกษา ค.วจิ ารณ์* ง.ปรับทกุ ข์ จ.บอกเลํา จ.โรงแรมมาํ นรดู 2.คนทีห่ น่งึ ไมํชอบอะไร จ.จรงิ จงั ก.วันเวย์ ข.รถติด ค.กรุงเทพฯ* ง.ตารวจ 3.คนทสี่ องพูดในลักษณะใด ก.ท๎าทาย ข.ประชด* ค.ราคาญ ง.เพ๎อเจ๎อ 4.สองคนนี้นาํ จะสนทนากนั ท่ีไหน ก.ชานกรุงเทพฯ * ข.ในกรุง ค.ท่ที างาน ง.ท่บี ๎าน จ.ในโรงแรมมํานรดู บทกลอนหรือโคลง ข๎อสอบประเภทนี้ โจทย์ : จะยกบทประพนั ธ์หรอื บทกลอนให๎อําน และให๎ทาความ เขา๎ ใจกับคาประพันธห์ รือบทกลอนน้ันแลว๎ ตอบคาถาม เทคนคิ การตอบคาถามแบบสรุปความโดยการตีความหมายจากคาประพนั ธ์หรอื บทกลอนผตู๎ อบจะตอ๎ งเป็นผูม๎ คี วามเขา๎ ใจ และร๎ูหลักเกณฑข์ องคาประพันธ์ ประเภทนั้นๆ กํอนต๎องอาศัยการอํานและตีความจากคาประพนั ธ์เพอ่ื ให๎ไดข๎ อ๎ สรุป ในความหมายทไี่ ด๎จากคาประพันธโ์ ดยอาศัยความหมายของคาจากพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน 2542 ประกอบโดยเฉพาะหลักเดนํ ของคาประพนั ธน์ ้ัน อาทเิ ปน็ คาประพนั ธ์ทจ่ี ัดอยํูในกลํุมเสาวรจนี นาที ปราโมทย์ พิโรธราหงั และ สาปงั คพสิ ยั ทง้ั นีเ้ พอ่ื ให๎ไดบ๎ ทสรุปความตามขอ๎ สอบกบั คาประพันธ์หรือบทกลอนนัน้ คาชีแ้ จง จงใช๎คาประพนั ธน์ ี้ตอบคาถามข๎อ 1 และขอ๎ 2 “น้าปลาโอชารส มาตรแม๎นมดหมดเมืองมา จ.โฆษณา ได๎ลิ้มชิมน้าปลา จะดดู ดืม่ ลืมน้าตาล” 1.ข๎อใดตํอไปนี้เหมาะทจี่ ะใช๎ในโอภาสใด ก.เชิญชวน* ข.ช้แี จง ค.แจง๎ ความ ง.ประกาศ

2.ผู๎เขียนข๎อความตอ๎ งการเนน๎ เรื่องใด ก.น้าปลา* ข.นา้ ตาล ค.รสโอชา ง.นิยมมด จ.เปรียบคนกับมด คาช้แี จง จากกลอนนจี้ งตอบข๎อ 3-5 “มสี ลึงพึงบรรจบใหค๎ รบบาท อยํางให๎ขาดสิ่งของต๎องประสงค์ มีนอ๎ ยใชน๎ ๎อยคอํ ยบรรจง อยําวํางลงให๎มากจะยากนาน” 3.กลอนนี้แตํงเพ่อื อะไร ก.เตือนใจ ข.สอน* ค.เปรียบเทียบ ง.แนะนา จ.ชแ้ี จง 4.เป็นคาประพันธ์ชนดิ ใด ก.กาพย์ ข.กลอน* ค.โครง ง.ฉันท์ จ.ราํ ย 5.วรรคใดมีสัมผัสดที ี่สุด ก.วรรคแรก ข.วรรคสอง ค.วรรคสาม* ง.วรรคสี่ จ.ทุกวรรค ให๎อํานโครงสยามมานสุ ติน้ีแลว๎ ตอบคาถาม ขอ๎ 1-6 หากสยามยงั อยยํู ั้ง ยืนยง เรากเ็ หมอื นอยูคํ ง ชพี ดว๎ ย หากสยามพินาศลง ไทยอยูํ ไดฤ๎ า เรากเ็ หมือนมอดม๎วย หมดสิน้ สกลุ ไทย 1.โคลงบทน้กี ลาํ วถึงเร่อื งอะไร ก.ความสามคั คี ข.ความมเี อกราช * ค.ความรักชาติ ง.ความเจรญิ ของชาติ จ.ความมัน่ คงของชาติ 2.เอกราชของชาตคิ ลา๎ ยกับอะไรของมนษุ ย์

ก.เลือดเนอ้ื ข.ชือ่ เสยี ง ค.ชวี ติ * ง.จิตใจ จ.กาลังกาย 3.ถ๎าชาติเสยี เอกราชประชาชนจะเปน็ อยํางไร ก.เสยี ชวี ติ ข.เสียกาลังใจ ค.เสียอสิ รภาพ* ง.เสยี อนาคต จ.เสียช่อื เสยี ง 4.ทาํ นอาจแสดงความรกั ชาตไิ ด๎โดยวิธใี ด ก.เดินทางท่วั เมืองไทย ข.คบแตํเพือ่ นคนไทย ค.สัง่ สอนเยาวชนไทยให๎ดี* ง.สอนวิชาประวัตศิ าสตร์ไทย จ.พดู ภาษาไทย 5.จากโครงบทนี้ผ๎แู ตํงมุํงแสดงอะไร ก.ความกลา๎ หาญของคนไทย * ข.ความม่นั คงของประเทศไทย ค.ความสามคั คีของคนไทย ง.ความเจรญิ ของประเทศไทย จ.ความรกั สงบของคนไทย 6.ทาํ นคดิ วําผแ๎ู ตํงโคลงนเี้ ปน็ บุคคลประเภทใด ก.รกั ชาติยง่ิ ชีพ* ข.รักช่อื เสยี ง ค.รกั ความสตั ย์ ง.รักความสงบ จ.รักชวี ิต อํานขอ๎ ความน้ีแลว๎ ตอบคาถามข๎อ 7-10 “มเี สยี งตะโกนจากประตูหนา๎ “หน๎าวําง เหยียบเลยลกู พี่ 120” 7.คาวํา “เหยยี บ” มคี วามหมายตรงกับขอ๎ ใด ก.เรว็ ข.เรํง* ค.วาง ง.กด จ.กระทบื 8.เหตุการณ์น้ีนาํ จะเกดิ ขน้ึ ทใ่ี ด ก.ร๎านเหลา๎ ข.บนรถเมล์ * ค.บนรถไฟ ง.บนรถแท๏กซี่ จ.ในโรงหนัง 9.ผูพ๎ ูดควรจะเป็นใคร ก.นายตรวจ ข.ผูโ๎ ดยสาร ค.คนขับ ง.กระเปา๋ * จ.ยงั สรปุ แนํนอนไมไํ ด๎ 10.ตวั เลข “120” หมายถึงอะไร ก.ราคา ข.จานวน ค.ระยะทาง ง.ความเรว็ * จ.จานวนคร้งั

อํานโคลงบทนแี้ ล๎วตอบคาถามข๎อ 11-16 ใครรานใครรกุ ด๎าว แดนไทย ไทยรบจนสดุ ใจ ขาดดนิ้ เสียเนื้อเลือดหล่ังไหล ยอมสละ ส้ินแล เสยี ชีพไป่สญู สิ้น ชอ่ื กอ๎ งเกียรติงาม 11.โคลงบทน้ีกลาํ วถึงเรอื่ งใด ก.การป้องกนั ประเทศ * ข.การรุกราน ค.การรักษาชอื่ เสยี ง ง.การรกั ษาชีวิต จ.การเสียเลือดเนอ้ื 12.คนใดตายอยํางมีเกียรติ ก.นกั ปราชญ์ ข.นักเลง ค.นกั รัก ง.นกั รบ* จ.นักลว๎ ง 13.ถา๎ ประเทศชาติถกู รุกราน คนไทยจะทาอยํางไร ก.รกั ษาเกียรติไว๎ ข.สละชพี เพือ่ ชาติ * ค.รกั ษาชีวิตไว๎ ง.ยอมสละแผํนดิน จ.ยอมสละทรัพยส์ นิ 14.คนทีป่ ้องกนั ประเทศชาติจนตวั ตายจะเปน็ อยํางไร ก.ประเทศไมํเสยี เอกราช ข.เสียทรพั ย์สนิ ค.ครอบครัวสุขสบาย

ง.ได๎รบั การยกยํอง * จ.คนคิดส้ัน 15.โคลงบทน้สี ํงเสริมลัทธิใด ก.ชาตินิยม* ข.คอมมวิ นิสต์ ค.เผด็จการ ง.ประชาธิปไตย จ.เสรีภาพ 16.ถา๎ ชาติถกู รกุ รานควรทาอยํางไร ก.รวมกาลงั ป้องกัน * ข.สะสมอาวุธและเสบยี ง ค.สร๎างที่หลบภัย ง.เดินขบวนประทว๎ ง จ.ร๎องเพลงปลุกใจ อํานข๎อความขา๎ งลํางนี้ แลว๎ ตอบคาถามข๎อ 17-21 “สรรพากรยืนยนั วาํ โครงสรา๎ งภาษใี หมํท่ีจะเรม่ิ ใช๎ปี 2547 จะไมรํ ีดเลอื ดจากปู แตจํ ะอุดรู รั่ว ของภาษี ผม๎ู ีรายไดเ๎ ทาํ กบั รายได๎ตา่ สดุ ของขา๎ ราชการ จะไมตํ ๎องเสียภาษี” 17.ข๎อความนีช้ ใี้ ห๎เหน็ นโยบายเก่ยี วกบั โครงสรา๎ งภาษใี หมํอยํางไร ก.จะเพิม่ ภาษีมากขน้ึ ข.จะลดภาษีใหน๎ ๎อยลง ค.จะลดรายจาํ ยของรฐั ลง ง.จะปรบั ปรุงวธิ ีการเกบ็ ภาษี * 18. “ปู” ในทน่ี ห้ี มายถึงใคร ก.นักธรุ กิจ ข.ประชาชน* ค.พํอคา๎ แมคํ ๎า ง.ขา๎ ราชการช้ันผนู๎ อ๎ ย 19.อะไรเปน็ เหตุผลให๎สรรพากรปรับปรุงโครงสรา๎ งภาษใี หมํ ก.เพ่อื อดุ ชํองโหวํของภาษเี งนิ ได๎ของรฐั ข.เพ่อื หาทางเพมิ่ พนู รายได๎แกปํ ระชาชนทุกฝ่าย ค.เพอ่ื ให๎เกิดความเปน็ ธรรมแกปํ ระชาชนทว่ั ไป ง.เพอ่ื สนองนโยบายรฐั บาลในการชํวยเหลือผม๎ู ีรายได๎น๎อย *

20.สง่ิ ใดเปน็ ผลสืบเน่ืองจากการกระทาในเรือ่ งน้ี ก.ข๎าราชการจะไมตํ ๎องเสยี ภาษี ข.จะไมํมีรรู ัว่ ของภาษีทค่ี นจะหลบเลี่ยงไดอ๎ กี ค.ประชาชนจะไมตํ ๎องเสยี ภาษเี พมิ่ อกี ตอํ ไป ง.ผม๎ู รี ายได๎นอ๎ ย จะไมตํ ๎องเสยี ภาษี * 21. “รดี เลอื ดจากปู” มีความหมายตรงกับข๎อความใด ก.การเก็บเงนิ จากคนมงั่ มี ข.การเก็บเงินจากนกั ธุรกิจ ค.การเอาเงนิ จากข๎าราชการและประชาชน ง.การเอาเงินจากคนไมคํ ํอยมีเงิน * อาํ นขอ๎ ความข๎างลํางนี้ แลว๎ ตอบคาถามขอ๎ 22-27 “เสือมเี พราะป่าปก และป่ารกเพราะเสอื ยัง ดินเย็นเพราะหญ๎าบัง และหญา๎ ยังเพราะดินดี” 22.คาประพนั ธ์นช้ี ้ีใหผ๎ ๎ูอาํ นเห็นในเรื่องใด ก.โลกตอ๎ งพง่ึ พาอาศัยกัน* ข.สัตว์และพืชต๎องอาศัยกัน ค.โลกเปรียบเหมือนโรงละคร ง.ความสมดลุ ของธรรมชาติ 23.คาประพันธข์ ๎างตน๎ น้ี จดั อยใํู นประเภทใด ก.โคลง ข.ฉนั ท์ ค.กาพย์ * ง.กลอน 24.ผ๎แู ตํงใชว๎ ิธีการใดจูงใจผอ๎ู ําน ก.เปรียบเทียบ ข.ชกั จูง ค.ย่ัวยุ ง.ยกตัวอยาํ ง* 25.คาใดมีความหมายตรงขา๎ มกบั คาวํา รก ก.บาง ข.โลํง ค.เตยี น* ง.หาํ ง 26.คาประพนั ธ์นส้ี อดคลอ๎ งกบั คาพังเพยหรือภาษิตใด ก.ลกู ไมห๎ ลํนไมไํ กลตน๎ ข.สงั ขารทงั้ หลายไมํเที่ยงหนอ

ค.เขา๎ เถอ่ื นอยาํ ลืมพร๎า ง.ผวั หาบเมยี คอน * 27.ควรใช๎คาประพนั ธน์ ี้ประกอบความเรียงเร่ืองใด ก.ความรักชาติ ข.ความสามคั คี * ค.ปลูกไมตรอี ยาํ ร๎ูรา๎ ง ง.การไมํทาบาป นาสขุ มาให๎ จงอาํ นข๎อความตอํ ไปนี้ แล๎วตอบคาถามข๎อ 28-31 ง.ชกั ชวน “ความรัก ความรกั เจา๎ ขา จๆํู ก็มาไมทํ นั ตั้งตวั เพียงพบหนา๎ ตาสบตา ทาไมรักมาจ๎องตามืดมัว มองอะไรเขาดีไปทั่ว ดูจิตใจหววิ ไหวเตน๎ รัว กงจักรดอกบวั คดิ กลัวเสียเมือ่ ไร” 28.คาประพนั ธน์ ม้ี ลี กั ษณะอยํางไร ก.หํวงใย ข.บูชา ค.เพ๎อฝนั * 29.ข๎อใดสรปุ เนื้อความขา๎ งตน๎ น้ีไดเ๎ หมาะสมที่สดุ ก.ดวงตาเปน็ หนา๎ ตาํ งของหวั ใจ ข.ทใี่ ดมรี ักทีน่ ั่นมคี วามสุข ค.ความรกั ทาใหค๎ นตาบอด * ง.กามเทพชกั นาให๎คนรักกนั 30. “กงจักรดอกบวั ” หมายความวําอยาํ งไร ก.เหน็ ชอบเปน็ ผดิ ข.เห็นผิดเปน็ ชอบ* ค.ลุมํ หลงในอบายมขุ ง.เอาความดชี นะความช่ัว

31.ข๎อความใดมคี วามหมายเหมอื นคาประพันธข์ า๎ งต๎น ก.ถึงม๎วยดินส้ินฟ้ามหาสมุทร ไมสํ น้ิ สดุ ความรกั สมคั รสมาน ข.ความรักเหมือนโรคา บนั ดาลตาใหม๎ ดื มน * ค.อันความกรณุ าปรานี จะมใี ครบงั คับกห็ าไมํ ง.เมือ่ ยามรักนา้ ตม๎ ผกั กว็ ําหวาน พอเนิ่นนานนา้ อ๎อยก็กรอํ ยขม ทดสอบความสามารถดา้ นเหตผุ ล 32. ก.กระดาษ ข.โตะ๏ * ค.ดนิ สอ ง.ปากกา จ.หมึก 33. ก.บวก ข.หาร ค.เศษสํวน* ง.ลบ จ.คูณ 34. ก.นา้ คา ข.นา้ ใจ ค.นา้ มือ ง.นา้ สม๎ * จ.น้าหนกั 35. ก.ปากบอน ข.ปากมาก ค.ปากพลํอย ง.ปากจัด จ.ปากเหม็น * 36. ก.นา้ ผ้งึ ข.นา้ ตาล ค.นา้ หวาน ง.น้ามะนาว* จ.นา้ อ๎อย 37. ก.เพลงปรบไกํ ข.เพลงฉอํ ย ค.เพลงพวงมาลยั ง.เพลงเรํเรือ จ.เพลงชาติ* 38. ก.บาสเกตบอล ข.แชร์บอล ค.วอลเลย์บอล ง.ฟุตบอล* จ.แฮนดบ์ อล 39. ก.ปากถ้า ข.ปากทาง ค.ปากเหว ง.ปากอาํ ว จ.ปากตลาด * 40. ก.ปากรา๎ ย ข.ปากจดั ค.ปากเสีย ง.ปากแตก* จ.ปากบอน 41.พอํ แมํ ลงุ ….. ก.น๎อง ข.พี่ ค.ป้า* ง.น๎า จ.ลูก 42.รถยนต์ ม๎า เรอื …….. ก.ไถนา ข.แกะ ค.วัว ง.รถไฟ* จ.จรวด 43.สถาบัน วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัย………. ก.โรงแรม ข.โรงพิมพ์ ค.โรงเรียน* ง.โรงสี จ.โรงทาน 44.ความดี :หอม ความชัว่ : ? ก.เหม็น* ข.เลว ค.ร๎าย ง.ดา จ.มดื 45.ครู : สอน พระ : ? ก.สวดมนต์ ข.เทศน์ * ค.ลกู ศิษย์ ง.อภปิ ราย จ.ทํอง 46. ต๎นไม๎ : ปยุ๋ คน : ? ก.อาหาร ข.ข๎าว ค.นา้ ง.วิตามนิ * จ.อากาศ

47. ช๎าง : งวง คน : ? ก.ปาก ข.มือ ค.เทา๎ ง.จมกู * จ.แขน 48. โตโยต๎า : ญป่ี ่นุ โฟล์ค : ? ก.องั กฤษ ข.ฝร่ังเศส ค.เยอรมัน* ง.อติ าลี จ.สวเี ดน 49.สาวลาพนู ทุกคนเปน็ คนสวย คงเดชมภี รรยาเปน็ ชาวลาพนู ฉะนนั้ ก.คงเดชเป็นคนรูปหลอํ ข.คงเดชชอบเมอื งลาพูน ค.คงเดชเปน็ ชาวลาพูน ง.ภรรยาคงเดชสวย * จ.ยงั สรุปแนํนอนไมไํ ด๎ 50.คนจนี ขยันทกุ คน นายดา ขยัน ฉะน้ัน ก. นายดา เป็นคนจนี ข. นายดา เป็นลูกเขยคนจีน ค. นายดา ทางานกับคนจีน ง. นายดา ร่ารวย จ. ยงั สรุปแนนํ อนไมไํ ด๎ * 51. ก.สูงกวาํ ข. ข.ต่ากวาํ ค. ค.สงู กวาํ ง. และ ก.ตา่ กวาํ ง. ดังน้ัน ก. ค.สูงทสี่ ุด* ข. ก.สงู ท่สี ดุ ค. ข.สูงกวาํ ก. ง. ก.ต่ากวํา ข. จ.ยงั สรุปไมํได๎ 52.ค๎างคาวเปน็ สัตวท์ ี่มใี บหู และบนิ ไดอ๎ ยาํ งนก แตํนกไมมํ ีใบหู ดงั นัน้ ก.ค๎างคาวคอื นก ข.คา๎ งคาวไมํใชํนก * ค.สตั วท์ ี่บินได๎ทุกชนิดเป็นนก ง.สตั วม์ หี ทู ุกชนิดเป็นค๎างคาว จ.สรุปแนํนอนไมไํ ด๎ 53.ศาสนาครสิ ต์ : ไมก๎ างเขน ศาสนาพทุ ธ : ? ก.ธรรมจกั ร* ข.ไตรปฎิ ก ค.โบสถ์ ง.พระสงฆ์ 54.ดนิ สอ : เขียน นาฬิกา : ?

ก.ชัว่ โมง ข.เขม็ ค.เวลา* ง.เรือน อาํ นขอ๎ ความตํอไปนี้แลว๎ ตอบคาถามขอ๎ 55-56 “18 เมษายน ขอเชญิ ทุกคนไปเลอื กผ๎แู ทน” 55.ขอ๎ ความนม้ี ีวตั ถุประสงคอ์ ยํางไร ก.ชี้นา ข.ชักชวน* ค.จงู ใจ ง.บอกกลําว 56.ขอ๎ ความน้ีนําจะเปน็ ของใครมากทีส่ ุด ก.ผ๎สู มัครรับเลอื กต้งั ข.นกั การเมือง ค.ขา๎ ราชการ* ง.หวั คะแนน อาํ นข๎อความตํอไปนแี้ ล๎วตอบคาถามขอ๎ 57-58 ง.ตกั เตอื น * “ไมํมชี อื่ ไมมํ ีบตั ร ไมํมสี ทิ ธิ์” ค.การมีสทิ ธิ์* ง.การใช๎สทิ ธิ์ 57.ขอ๎ ความน้ีจดั เปน็ ประเภทใด ก.แนะนา ข.วํากลาํ ว ค.บงั คบั 58.ขอ๎ ความนต้ี ๎องการผลในข๎อใดมากท่สี ุด ก.มีการเลอื กต้ัง ข.มชี อื่ และบัตร อํานขอ๎ ความตํอไปนแ้ี ลว๎ ตอบคาถามข๎อ 59. \\ “ถึงยากจนอยาํ งไรกไ็ มวํ าํ แตพํ ร๎าขดั หลงั มาจะยกให๎” 59.ทาํ นคิดวาํ ผูก๎ ลาํ วนําจะมี คํานยิ ม อยาํ งไร ก.ยกยํองการทาตามประเพณี ข.ยกยอํ งความดี ค.ยกยํองคนขยัน ง.ยกยํองคนทากนิ * 60.แนวพลบั พลึงขนานกบั แนวกหุ ลาบ แตตํ ง้ั ฉากกับแนวกระถนิ รวั้ บา๎ นตั้งฉากกับแนว กุหลาบ ฉะน้ัน

ก.รั้วบ๎านตง้ั ฉากกับแนวกระถิน ข.รวั้ บา๎ นขนานกับแนวกระถิน * ค.รว้ั บา๎ นขนานกบั แนวพลับพลงึ ง.สรปุ แนนํ อนไมไํ ด๎ คาช้แี จง จงเลอื กข๎อทถ่ี ูกต๎องที่สุด 1.การเมอื งคอื อะไร ก. ความเป็นไปของบา๎ นเมอื ง ข.การเรียกร๎องสทิ ธิตาํ งๆ ค.การใช๎อานาจปกครอง* ง.สภาผแู๎ ทนและวฒุ สิ ภา จ.การเลอื กตงั้ ส.ส. 2.ขอ๎ ใดจดั เป็นสถาบันทางการเมอื ง ก.มหาวิทยาลยั ข.ศาลากลางจงั หวัด ค.พนกั งานการศึกษาแหํงชาติ ง.สานักงานเลขาธกิ ารรัฐสภา* จ.ไมํมคี าตอบถกู ตอ๎ ง 3.คาวาํ สทิ ธิ หมายความวําอยาํ งไร ก. ความสามารถท่จี ะทาอะไรกไ็ ด๎ ข.ความสามารถท่จี ะทาและใช๎สิทธทิ างกรเมืองอยํางเตม็ ที่ ค.ประโยชน์ที่กฎหมายรับรองและใหค๎ วามคุม๎ ครอง* ง.ทาอะไรตามใจคือสิทธิของคนไทย 4.ในระบบประชาธปิ ไตยคอื ข๎อใดสาคัญทีส่ ุด ก.มีจานวนสมาชิกสภาผแ๎ู ทนราษฎร ข.ประชาขนมีเสรีภาพ ค.มรี ฐั ธรรมนูญปกครองประเทศ ง.อานาจอธิปไตยเปน็ ของประชาชน* จ.มีการกระจาย อานาจในการปกครอง 5.ข๎อแสดงวาํ ระบอบประชาธปิ ไตยเสอื่ ม ก.ไมมํ ีอสิ ระในการหาเสยี ง ข.ไมมํ ปี ระชาชนมาลงคะแนนเลือกตัง้ * ค.ไมมํ ีประชาชนรํวมเป็นกรรมการ ง.ไมมํ คี นฟงั นกั การเมืองปราศรัย จ.ไมมํ กี ฎหมายพรรคการเมอื ง 6.ส่งิ สาคัญประการแรกที่ทาให๎ประเทศชาตเิ จริญคอื ข๎อใด

ก.การศึกษาที่ดี* ข.ทหารทีเ่ ขม๎ แข็ง ค.ประชารมาก ง.ทรัพยากรอดุ ม จ.คณะรฐั มนตรมี าจากการเลือกต้ัง 7.เลือกต้ังผ๎ูแทนราษฎรเพ่ืออะไร ก. ยกระดับการปกครองระอบอบประชาธิปไตย ข.ยกระดบั การบรหิ ารประเทศ ค.ครบขน้ั ตอนของระบอบประชาธปิ ไตย ง.ให๎ประชาชนมสี ิทธใิ นการปกครอง* จ.ใหป๎ ระเทศเพอื่ นบา๎ นยอมรับ 8.จรยิ ธรรมทางการเมอื งระบอบเผด็จการ คานงึ่ ถึงส่ิงใดเปน็ สาคญั ก. ความเสมอภาค ข.เสรีภาพ ค.อานาจสมบรู ณแ์ หํงรฐั * ง.ความเจรญิ ของประเทศ จ.ความยตุ ิธรรมในสงั คม 9.วัฒนธรรมทางการเมอื งจะถูกปลูกฝงั ในตวั บคุ คลได๎ดที ่สี ดุ ในแหลํงใด ก.โรงเรียน ข.ครอบครัว* ค.ทีท่ างาน ง.สังคมโดยทว่ั ไป จ.พรรคการเมอื ง 10.อานาจอธิปไตยหมายถงึ อะไร ก.อานาจของประชาชน ข.อานาจสงู สุดในการปกครองประเทศ* ค.อานาจทางรฐั สภา ง.อานาจของรัฐบาล จ.อานายทใ่ี ครจะทาเพ่อื อะไรก็ได๎โดยคนอ่ืนไมํมีสิทธิมาขัดขวาง 11.ประเทศทมี่ กี ารปกครองแบบใดจงึ จะมีระบบกฎหมายเป็นอนั หนง่ึ อันเดียวกนั ทั่วท้ัง ประเทศ ก.รัฐเด่ียว* ข.สหพันธ์ ค.สมาพันธ์ ง.สหภาพ จ.สหรัฐ 12.ขอ๎ ใดไมํมีกลําวไว๎ในแนวนโยบายแหํงรฐั ก.การปราบปรามคอรัปชั่น ข.การเก็บภาษอี ากร*

ค.สงเคราะห์ผู๎ประสบภัย ง.สนับสนุนงานวจิ ัยในวิทยาศาสตร์ตํางๆ จ.การรกั ษากฎหมายและความสงบเรยี บร๎อย 13.ประเทศไทยมสี ภาสองสภาไดแ๎ กสํ ภาใดบา๎ ง ก.รัฐสภากบั สภาผูแ๎ ทนราษฎร ข.วฒุ สิ ภากับรัฐสภา* ค.วฒุ สิ ภากับพุทธสภา ง.วฒุ ิสภากบั สภาผู๎แทนราษฎร จ.สภาผ๎แู ทนราษฎรกับสภาสูง 14.ทํานคิดวําการเมอื งเป็นเรือ่ งของใคร ก.ประชาชนทกุ คน* ข.รฐั สภาเทาํ นั้น ค.พรรคการเมืองเทํานน้ั ง.คณะรัฐมนตรีเทาํ น้นั จ.ข๎าราชการทุกคน 15.คนสํวนใหญเํ ลนํ การเมอื งเพ่ืออะไร ก. ความมน่ั คง ข.เกยี รติยศชอ่ื เสยี ง ค.อานาจ* ง.กลุํมของตนเอง จ.สังคมสงเคราะห์ 16.ผูม๎ ีสิทธิเลอื กตั้ง แตไํ มํไปใช๎สิทธถิ ือวําขาดคุณสมบตั ิขอ๎ ใด ก.วฒั นธรรม ข.อดุ มการณ์ ค.จรยิ ธรรม* ง.อารยธรรม จ.ทัศนคติ 17.อุปนิสยั อยํางไรสํงเสริมประชาธิปไตย ก.ชอบระแวง ข.ชอบนินทา ค.ชอบเอาเปรยี บ ง.ไว๎ใจผอู๎ ื่น* จ.เห็นแกตํ วั เอง 18.เนอื่ งจากประเทศในปัจจุบันมีประชากรมาก สถาบันใดที่มีความสาคญั มากในระบอบ ประชาธิปไตย ก.สถาบนั ตวั แทน* ข.สถาบนั ชนชนั้ นา ค.สถาบันทางเศรษฐกิจ ง.สถาบนั ทางสังคม จ.สถาบนั ทางการประกอบอาชีพ

19.เพราะเหตุใดการออกเสียงเลือกตง้ั ในระบอบประชาธปิ ไตยนน้ั จงึ เป็นสิ่งสาคญั ก.เป็นอภสิ ิทธขิ์ องพลเมืองของประเทศ ข.เป็นสิทธิและอานาจของพลเมองของประเทศ* ค.เปน็ แตํเพียงสิทธิของพลเมอื งของประเทศ ง.เป็นทรัพยากรทางการเมืองของพลเมืองของประเทศ จ.เป็นคุณสมบตั ขิ องพลเมืองของประเทศ 20.การปกครองที่ดตี ๎องยึดหลักอะไรบา๎ ง ก.หลักกฎหมาย* ข.หลักประเพณี ค.หลกั ทางศาสนา ง.หลักทางเศรษฐกจิ จ.หลักทางสิทธิทางการเมือง 21.สง่ิ ท่ีรฐั บาลในระบอบประชาธปิ ไตยพงึ รบั ฟังคืออะไร ก. ความตอ๎ งการของคนกลุํมน๎อยตาํ งๆ ทั้งหลาย ข.ความต๎องการของประชาชนทวั่ ไป* ค.ความตอ๎ งการของปัญญาชนท่มี ีการศึกษาระดับมหาวทิ ยาลัย ง.ความต๎องการของกลํุมอิทธิพลเทาํ นัน้ จ.ความตอ๎ งการท่เี กดิ ขน้ึ จากการชมุ นุมเรยี กรอ๎ ง 22.รฐั บาลในระบอบประชาธิปไตยจะต๎องมลี กั ษณะอยํางไร ก.มีความสามารถสงู ข.มกี ารรวมตัวอยาํ งมน่ั คง ค.มอี านาจจากดั * ง.มปี ระสบการณส์ งู จ.มคี วามสามารถในการสืบตอํ งานสาคัญที่รัฐบาลชดุ กํอนไดท๎ าไว๎ 23.การเป็นเจ๎าของอานาจอธิปไตยของประชาชนในระบอบประชาธปิ ไตยนั้น จะกระทา ไดด๎ ๎วยการมีสํวนรวํ มในรูปใดๆ บา๎ ง ก.การเลือกต้ัง การแสดงความคิดเหน็ ข.การจดั ตั้งรัฐบาล ค.การจดั ตั้งกลํมุ การเมอื งหรอื พรรคการเมอื ง ง.การแสดงประชามติ จ.ถกู ทุกข๎อ*

24.ระบอบการปกครองใดทสี่ ํงเสริมความเปน็ อารยธรรมของมนุษย์ชาติ ก.อัตราธปิ ไตย ข.คณาธิปไตย ค.อภชิ นาธปิ ไตย ง.ประชาธิปไตย* 25.หลกั สาคญั ประการหนึง่ ของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ได๎แกํอะไร ก.การใช๎อานาจเพอ่ื ประสิทธิผล ข.การบังคบั เพอ่ื ความมั่นคงแหํงชาติ ค.การใช๎อิทธิพลเพ่ือประสิทธิภาพ ง.การรจ๎ู กั ประนีประนอม* จ.การจัดตง้ั องค์การเพอ่ื ประสทิ ธิภาพ 26.มนุษยใ์ นระบอบประชาธปิ ไตยน้ัน ควรจะมลี กั ษณะนสิ ยั ประการใด ก.จิตใจไมํคบั แคบ ข.ความเหน็ อกเห็นใจระหวํางกนั และหาทางออกแหงํ ปญั ญารํวมกนั ค.เชอ่ื ม่นั และยึดถือแนวความคิดเหน็ ของตน ง.ขอ๎ ก. และ ข.* จ. ข๎อ ข. และ ค. 27.การแขํงขนั แบบใดทป่ี ระชาธิปไตยสํงเสริมให๎เกิดขึน้ ก.แขํงขนั กนั อยํางเตม็ ที่ ข.แขํงขนั กันอยํางเสรี ค.แขงํ ขนั กันโดยยดึ ความสามารถทางทกุ ทางเปน็ หลกั ง.แขงํ ขนั ในการกระทาดี จ.ขอ๎ ก. ข. และ ค. ถกู * 28.ความเสมอภาคระหวาํ งมนุษยเ์ กี่ยวข๎องกับประชาธิปไตยโดยประการใด ก.เปน็ ภูมิหลังของประชาธปิ ไตย ข.เปน็ ขบวนการประชาธิปไตย ค.เปน็ ปรากฏการณข์ องประชาธปิ ไตย ง.เปน็ หลกั การของประชาธปิ ไตย* จ.เปน็ องคป์ ระกอบของประชาชน 29.อะไรเป็นส่งิ ท่ปี ระชาธิปไตยไมํปรารถนา

ก.อานาจคืออานาจ * ข.อานาจคอื ธรรม ค.อานาจแหํงความยตุ ิธรรม ง.อานาจแหงํ มนุษยธ์ รรม จ.เมตตาธรรมคอื อานาจ 30.คุณคําพื้นฐานของมนษุ ยท์ ร่ี ะบอบประชาธปิ ไตยตอ๎ งรักษาไว๎ ได๎แกอํ ะไร ก.สทิ ธิเสรภี าพ ข.ความเสมอภาค ค.ไมตรจี ิตระหวํางมนุษย์ ง.ความสขุ ความเจริญรวํ มกนั ของประชาชน จ.ถกู ทุกข๎อ* 31.ส่งิ หนง่ึ ซง่ึ จะชวํ ยให๎ประเทศไทยมีความเป็นอสิ ระมาช๎านานไดแ๎ กํ ก.อาณาเขตของประเทศที่อยหํู ํางไกลจากประเทศอื่น ข.การชํวยเหลอื จากตาํ งประเทศ ค.ความกา๎ วหน๎าของประชาชนภายในประเทศ ง.ความสามารถในการรักษาความสงบภายในและความสามรรถในการปอ้ งกัน ประเทศด๎วยวธิ ีตาํ งๆ* จ.การร๎ูจกั ใช๎นโยบายเป็นกลาง 32.หลักในการผลติ สินค๎าทวี่ าํ “เมอ่ื ผลิตสงิ่ หน่งึ มากขนึ้ กต็ ๎องผลิตสิ่งหนง่ึ นอ๎ ยลง” เปน็ ปัญหามูลฐานทางเศรษฐกจิ ดา๎ นใด ก.ปัญหาวาํ จะผลิตอะไร ข.ปญั หาวําจะผลติ เม่ือไร ค.ปญั หาวาํ จะผลิตจานวนมากเทาํ ใด* ง.ปัญหาวําจะผลิตอยํางไร จ.ปัญหาวาํ จะผลติ เพือ่ ใคร 33.เศรษฐกจิ หมายถงึ อะไร ก.ระบบการทามาหากิน* ข.ระบบการวางแผนครอบครัว ค.ระบบการสะสมทนุ ง.ระบบการเก็บภาษี จ.ระบบการปรับปรงุ ท่ดี นิ 34.ความตอ๎ งการขน้ั ต๎นทางเศรษฐกิจมอี ะไรบา๎ ง ก. คน ทรพั ยากร ตลาด โรงงาน ข. การศึกษาดี มีเงนิ ใช๎ ไร๎โรคา พาให๎สขุ สมบรู ณ์ ค. แรงงาน เคร่อื งจกั พาหนะ ธนาคาร* ง. เครือ่ งอปุ โภค เครอ่ื งบรโิ ภค ทพ่ี กั ยารักษาโรค

จ.ความปลอดภยั ความสะอาด ความเจรญิ ทางนวัตกรรม ความร่ารวย 35.ข๎อใดไมใํ ชแํ นวทางทจี่ ะแก๎ไขภาวะเงนิ เฟ้อได๎ ก.เพมิ่ ปริมาณการผลิตสนิ คา๎ ข.ลดตน๎ ทุนการผลิต ค.เพิ่มเงินเดอื นใหข๎ ๎าราชการ* ง.เกบ็ เงนิ เข๎าธนาคาร จ.ควบคุมราคาสินคา๎ 36.ปัจจัยในการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ ได๎แกอํ ะไรบ๎าง ก.ท่ดี ิน แรงงาน ทนุ ผปู๎ ระกอบการผลติ * ข.ทด่ี ิน แรงงาน ทนุ วัตถุดิบ ค.ทด่ี นิ เงนิ วตั ถดุ ิบ ผู๎ประกอบการผลติ ง.โรงงาน ทุน วตั ถุดิบ ผ๎ปู ระกอบการผลิต จ.ทนุ โรงงาน วตั ถุดบิ กรรมกร 37.ตวั การที่ทาให๎เราตอ๎ งดิน้ รนพึ่งพาอาศยั ซึ่งกันและกนั นั้นคอื อะไร ก.สนิ คา๎ ข.ทรัพย์ ค.บริการ ง.ความตอ๎ งการ* จ.วตั ถุดิบ 38.ผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมของไทยชนิดใดที่ผลติ ไดโ๎ ดยใช๎วัตถดุ บิ ในประเทศทง้ั หมด ก.กระดาษ ข.วิทยุ ค.เหล็กกล๎า ง.ปูนซีเมนต์ จ.สง่ิ ทอ* 39.ขอ๎ เสยี ของระบบทุนนิยมคอื ก.กํอใหเ๎ กดิ การผูกขาดทางเศรษฐกิจ* ข.ทาให๎คนวํางงานมาก ค.เป็นอุปสรรคตํอความเจริญก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยี ง.แรงงานไมํมีอสิ ระในการเลือกต้ัง จ.ถกู ทกุ ขอ๎ 40.ปญั หาขัน้ พืน้ ฐานทางเศรษฐกจิ ได๎แกํ ก.จะบริโภคอะไร ผลิตอะไร และผลติ เพ่ือใคร ข.จะใช๎ทรพั ยากรอยาํ งไร เพอื่ ใคร ทไี่ หน ค.การผลิตจะไดก๎ าไร หรือขาดทุน ง.จะผลติ อะไร จานวนเทาํ ไร และจะผลิตเพื่อใคร*

41.ผบ๎ู รโิ ภคทาหน๎าทข่ี องตนในทางเศรษฐกิจโดยมุํงหวงั วาํ ก.จะไดร๎ ับความพงึ พอใจสงู สดุ * ข.จะไดร๎ ับรายไดส๎ ุทธสิ ูงสดุ ค.จะไดร๎ บั กาไรสูงสดุ ง.จะได๎รับปัจจัยการผลติ สงู สดุ 42.ปจั จยั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ในปัจจุบนั ซง่ึ สาคัญท่สี ุดจะขาดเสียมไิ ด๎คืออะไร ก.ท่ีดนิ และแรงงาน ข.แรงงานและเทคโนโลยี ค.เทคโนโลยแี ละทุน ง.ทนุ และแรงงาน จ.ท่ีดินและทรพั ยากรธรรมชาติ* 43.ผลิตภณั ฑ์ในประเทศเบื้องตน๎ (GDP) กบั ผลิตภัณฑ์ในประเทศสุทธิ (NDP) แตกตําง กนั ในรายงานใดท่ีสาคัญ ก.รายได๎สทุ ธิจากตํางประเทศ ข.ภาษธี ุรกิจทางอ๎อม ค.เงนิ ทุนโอนจากธุรกิจ ง.คาํ สึกหรอหรือคาํ ใช๎ทนุ * จ.ภาษสี วํ นบุคคล 44.การรวมตัวกันของบุคคล เพ่ือชํวยเหลือกนั ทางเศรษฐกจิ และสงั คม โดยไมหํ วงั ผลกาไร เรียกวาํ อะไร ก.สมาคม ข.สหกรณ*์ ค.พรรคการเมอื ง ง.ชมุ นุมผู๎บริโภค จ.องคก์ ารรฐั วิสาหกิจ 45.รายไดข๎ องผ๎ูซื้อราคาของสนิ ค๎า รสนยิ ม และสมยั นยิ ม เปน็ ตวั การกาหนดอะไร ก.ดีมานต์* ข.ซพั พลาย ค.ดอกเบีย้ ง.กลไกแหงํ ราคา จ.ราคาจาหนาํ ยของสนิ คา๎ 46.ความสมั พันธข์ องมนษุ ยใ์ นสมยั กอํ นที่รวมกนั หาปัจจัยส่ี ตํอมาได๎กลายเปน็ ความสัมพันธก์ นั ในทางใด ก.การศึกษา ข.การคมนาคม ค.ครอบครัว ง.เศรษฐกจิ * จ.การปกครอง 47.ข๎อใดมีผลทาใหก๎ ารลงทุนในประเทศไทยซบเซานอ๎ ยที่สุด ก.คนไทยนยิ มใช๎ของไทย*

ข.กรณพี พิ าทแรงงาน ค.ผก๎ู ํอการร๎ายคอมมิวนสิ ต์ปฏิบตั กิ ารรนุ แรง ง.ทิศทางการเมืองของประเทศไมแํ นนํ อน 48.กลุํมอาเซียนมจี ุดมุงํ หมายใดเป็นสาคญั ก.รวํ มมอื ทางการทหาร ข.รวํ มมอื ทางเศรษฐกจิ * ค.รวํ มมือทางเศรษฐกิจและทหาร ง.รํวมมือทางการกฬี า จ.รวํ มมือกนั ป้องกันยาเสพติด 49.ปทสั ถานใดเก่ียวข๎องกับการใชค๎ ุณคาํ และหลกั ศลี ธรรม ก.วถิ ีประชา ข.จารีตประเพณี* ค.กฎหมาย ง.มารยาทในสังคม จ.ข๎อ ก. และ ข. 50.โครงสร๎างของสังคมประกอบด๎วยอะไรบ๎าง ก.กฎหมาย รฐั บาล และประชาชน ข.กฎหมาย วถิ ีประชา และกฎศลี ธรรม ค.วัฒนธรรม สถานภาพ และบทบาท ง.ปทัสถาน สถานภาพ และบทบาท* จ.ปทัสถาน กฎหมาย วิถีประชา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook