รวมเล่มบทร้อยกรอง สิ่งที่เรียนรู้จากชีวิต …
สิ่งที่เรียนรู้จากชีวิต รวมเล่มบทร้อยกรองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมบทร้อยกรองที่ผู้จัดทำได้ ประพันธ์ขึ้นเพื่อนำเสนอแนวคิดหรือประสบการณ์ชีวิตต่าง ๆ ในแต่ละวันที่พบเจอ ซึ่งเป็น ความจริงของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความสุข ความทุกข์ ธรรมชาติของสรรพ สิ่งที่มนุษย์ต้องพบเจอเพื่อเรียนรู้และเติบโต อีกทั้งให้ข้อคิด คุณธรรมในการดำเนินชีวิต ผ่านการนำเสนอความจริง ผู้จัดทำขอขอบพระคุณรูปภาพและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใช้ในการตกแต่งรูป เล่มร้อยกรองจาก www.Pinterest.com และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารวมเล่มบทร้อยกรองนี้ จะทำให้ผู้อ่านได้ข้อคิด ได้กำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป ขอให้ท่านเพลินเพลินกับการ อ่าน… ทิพานัน อุดมสันติ์
ชีวิตของมนุษย์ มันแสนสุดจะบรรยาย แต่เกิดเวียนวนวาย ช่างมากหลายสิ่งพบเจอ ทั้งทุกข์โศกโรคภัย เวียนระไวอยู่เสมอ มีสติอย่าเผลอ ดำรงตนอย่างระวัง อย่าหลงว่าตนสูง เด่นกว่าฝูงสัตว์โอหัง เย่อหยิ่งน่าชิงชัง อนิจจังสังขารมี สุดท้ายต่างต้องตาย กายดับหายจากโลกนี้ ไม่สิ้นแต่ความดี ยังพอมีให้รำพึง — ที่สุดแล้วคือมนุษย์
ความสุขอยู่ไม่ไกล คนโน้นคนนี้สุข เราแสนทุกข์กว่าใครเขา สุขหนออยู่ใดเล่า ฤาใต้เหล่าพสุธา ในดงในพงพันธ์ุ ฤาสวรรค์ชั้นมายา ดิ้นรนกันไขว่คว้า ไฟร้อนผ่าแผดเผาใจ วิ่งหาแต่ความสุข ดังจับทุกข์จุกใจไว้ ยึดมั่นไปทำไม แล้วเมื่อไรจะได้มา อยากสุขนั้นไม่ยาก แค่ลดอยากละตัณหา กิเลสที่นำพา โทสะพร่าคร่ามลาย อย่ายึดอย่าพะวง อย่าลุ่มหลงในอบาย พอดีพอมีไว้ เพราะสุขได้จากใจตน
พิษรัก รักเป็นดั่งผู้ร้าย คอยทำลายใจคน ให้ร้อนรนทนทุกข์ แผดเผาสุขบรรลัย ดั่งกิงไฟสุมทรวง ซ้ำลวงดิ่งถลำ เข้าครอบงำดวงตา ให้พช่ามัวมืดมน จนมิยลสิ่งใด ไฉนยังจองจำ หนำซ้ำยังอาลัย ให้รักที่จากไป ร่ำไห้ใครได้ยิน น้ำตารินท่วมล้น ไหลนองบนใบหน้า บ่ได้มัใครมา (เหลียวแล)
สั กวันก็ต้องลา บนเส้ นทางชีวิตไม่สิ้ นสุด ต่างต้องรุดหรือหยุดตามจุดฝัน ลิขิตสร้างระหว่างทางให้เจอกัน หลังจากนั้นต่างผันผายแยกย้ายไกล สุดแล้วต้องพรากจากกันสั กวันหนึ่ง ช้าหรือเร็วก็มาถึงมิรู้ได้ จะจากเป็นหรือจากตายก็จากไป จะยึดมั่นใจทำไมกับวันลา ทำวันนี้ ให้มีแต่ดีเถิด สร้างก่อเกิดความทรงจำให้ห่วงหา ให้เป็นเรื่องราวดีที่ผ่านมา เมื่อถึงคราต้องจากกันก็เปรมปรี
เพียงตะวั นลับลงตรงขอบฟ้า กาลเวลาก็ผันเปลี่ยนเวี ยนวั นผ่าน เป็นพรุ่งนี้ วั นนี้ และวั นวาน เพียงไม่นานชั่ วพริบตาอาจลาไกล คิดว่ าทำดีพรุ่งนี้ ก็คงทัน คิดว่ าเอ่ยบอกรักกันก็คงไหว ต อ บ แ ท น คุ ณ โ อ บ ก อ ด กั น ไ ม่ ส า ย ไ ป ทำ ด้ ว ย ใ จ แ ล้ ว อ ย่ า ง ไ ร ยั ง ส า ย เ กิ น กว่ าจะรู้ค่าก็สายเกินใจรับ ก า ล เ ว ล า มิ ห ว น ก ลั บ พ า ห่ า ง เ หิ น ไม่อาจปลุกคนรักตื่ นฟื้ นชี พเดิน อย่าใจเพลินจนพรุ่งนี้ ไม่มีจริง พรุ่งนี้ไม่มีจริง
เหนื่อยและท้อพอกันทีกับความฝัน ช่างกดดันสรรค์สร้างแต่ปัญหา ต้องอดทนอดกั้นเสมอมา ทุกเวลาช่างลันทดสลดใจ กายอ่อนล้าใจอ่อนแรงไม่ฮึ ดสู้ ช่างหดหู่ดวงแดน้ำตาไหล เมื่อชีวิตเราเลือกทางให้เป็นไป สู้เพื่อใครลองนึกดูอดสูเอา จะผิดหวังจงขืนสู้ อุปสรรค จะเจ็บหนักค่อยนอนพักได้รักษา แม้นจะหมดแรงมวยดินสิ้นชีวา จะกัดฟันสู้ยิบตราไม่ปราชัย สู้ ด้วยใจอย่างไรก็ชนะ ไม่ลดละพยายามไม่หวั่นไหว ความสำเร็จของวันหน้าคงไม่ไกล บังเกิดผลมาได้ดั่งใจปอง สู้ ด้วยใจอย่างไรก็ชนะ
ชีวิตมี(ค่า) 01 ความโบราณกล่าวขานไขเอาไว้ว่า ชีวิตคนมีค่ากว่าสิ่งไหน มากกว่าเงินวัตถุสิ่งของนอกกาย แต่วันนี้กลับวายกลายความอิง ทั้งของกินของอำนวยของเครื่องใช้ ต่างก็ใช้เงินแลกมาได้ทุกสิ่ง จะบอกว่าใช้ใจแลกก็ไม่จริง เพราะภาพคนวุ่นวิ่งชิงเงินตรา แม้ตำแหน่งทางการงานก็แลกได้ จะซื้ อมิตรสหายก็ได้หนา ตอนมีเงินไม่เห็นใครเคยเอ่ยลา มีแต่คนหัน(วิ่ง)หน้าหามาเอ็นดู ลองยากจนคนบ่นเบื่อเหลือระอา แม้แต่หน้ายังผันผายช่างหดหู่ จะเจ็บป่วยล้มตายใครหันดู แม้รุดสู้ ไม่มีกินก็สิ้ นใจ สุดท้ายหากมีเงินตราก็พาสุข คนรวยทุกข์คำนี้มีที่ไหน คนจนสุขไม่เคยเห็นเป็นอย่างไร แตกต่างไปรวยจนใช่ปนกัน
ความงามธรรมชาติ ความเอ๋ยความงาม ประจักษ์ขึ้นยาม แลด้วยนัยนา งามธรรมชาติ นั้นอาจมีหนา ทั้งงามพฤกษา ฤาว่านที อีกทั้งเฟื่ องฟ้า ล้วนสีบุปผา ก็ชวนมองดี น้ำค้างพร่างพราว หยดรายวารี รดหญ้าขจี เปรมปรีเมื่อมอง หมู่วิหคเหิน บินเพลินเวหา มาคู่เคียงครอง จวนใกล้พลบค่ำ จันทร์ซ้ำจ้องมอง ดาราเรืองรอง จับจองนภา
.วันเวียนเปลี่ยนหมุนผ่าน ฤดูกาลวกวนไป ต้นไม้ผลัดดอกใบ ทุกอย่างไซร้ไม่ยั่งยืน เฉกเช่นเดียวกับรัก แรกสุขนักใจแช่มชื่ น ไม่นานกลายเป็นอื่น ความขมขื่มก็ก่อตัว เปลี่ยนใดในโลกหล้า ธรรมดาหนาไม่น่ากลัว เท่าเปลี่ยนใจไปทั่ว จักว่าชั่วก็เกินไป ใจคนใจใครเขา ให้เหมือนเรากระไรได้ ต่างคิดต่างจิตใจ เอาอะไรกับใจคน ไม่มีอะไรจีรัง
อดีตคือครู เขาว่าอดีตคือ ครูผู้ซื่ อไม่เบือนบิด เป็นบทเรียนให้คิด ว่าชีวิตผ่านอะไร ตอกย้ำการคงอยู่ ซ้ำรับรู้เรื่องเก่าใหม่ ทุกช่วงที่เป็นไป จงอย่าให้สูญสิ้นเปล่า จะทุกข์หรือจะสุข ต่างสนุกทุกเรื่องราว แฝงความหมายยืนยาว เตือนบอกกล่าวเล่าความจริง ชีวิตล้วนปรวนแปร เปลี่ยนไปแน่ใช่หยุดนิ่ง ไม่ดีให้ละทิ้ง สิ่งดียิ่งให้จดจำ
พูดดีเป็นศรีแก่ตน วาจาลวงเล่ห์ล้น รำพัน หากเอ่ยทุกคืนวัน ย่อมไร้ มวลมิตรหมู่กลายพลัน หายห่าง คนด่าตามหลังได้ แช่งให้ (เจ็บใจ) วาจาใครเอ่ยเอื้อน หวานหู คนย่อมชมเชิดชู แน่แท้ เปรียบเป็นดั่งทางปู ดียิ่ง (แบบอย่าง) ชนชื่ นชมรักถ้อย สิ่งนี้ดีงาม จอร์จ หลุยส์
ห้วงความคิดถึง ที่เห็นแสงทอประกายดั่งดวงดาว แท้จริงคือแสงพร่างพราวของดวงไฟ ที่มีพอห่มความหนาวเกลาดวงใจ ให้คนจากบ้านไกลมาแสนนาน เพียงลมหนาวพัดพามาย้ำเตือน ก็รู้ว่ากาลเคลื่อนอีกเดือนผ่าน ซ้ำย้ำให้รำพึงถึงภาพวันวาน คนที่บ้านโบกมือลาพาหวั่นใจ คิดถึงกริ่นดินดานคราวผ่านฝน หอมแปลกปนกลิ่นต้นหญ้ารับฟ้า ใหม่ เช้ายินเสียงกระดิ่งควายกรายผ่านไป สู่ท้องไร้ท้องนาคราฝนโปรย คิดถึงอ้อมกอดอุ่นใอใครคนนั้น คอยหุงหาข้าวปลาพลันครั้นเราโหย คอยให้หนุนตักพักเมื่อล้าโรย รับลมโชยอุรารื่นชื่ นฤทัย
ปากเป็นเอก อันทุกคนมีสองหูแต่หนึ่งปาก ฟังให้มากคิดให้มากก่อนปราศรัย พูดไม่คิดทำลายมิตรได้ ให้รู้ตนว่าควรพูดอะไร อย่าตามใจแต่ตนผลเสี ยมี ใครพูดชั่ วผู้คนไม่ชอบหน้า มิตรเมินลานินทาแหนงหน่ายหนี แม้นลับหลังคนก็ด่าไม่ปราณี มิเคยสร้างสิ่ งดีมีแก่ตน ครั้นพูดจาพาทีดีเป็นศรีปาก ไม่ลำบากพูดให้ดีมีเหตุผล ประกอบกิจการใดไม่อับจน จักบัลดลแต่คนรักมักเมตตา
ใจมนุษย์ยากแท้จะหยั่งถึง ใจมนุษย์ยากแท้จะหยั่งถึง เหมือนประหนึ่งสายน้ำที่รี่ไหล แปรผันเปลี่ยนตามลำธารลดเลี้ยวไป จะหลงเชื่ ออะไรในน้ำคำ เห็นว่าดีบางทียังกะล่อน เห็นพูดอ่อนหลังนินทาเราขันขำ สิ่ง ที่เห็นอาจไม่ใช่ที่เขาทำ จงจดจำชีวิตแท้แค่มายา ยิ่งในยุคมนุษย์ต่างจะไขว่คว้า ยากมีใครดีด้วยใจใสพิสุทธิ์ แกร่งแย่งชิงใครไหนพร้อมยอมลดรา ต่างบีฑากรอบโกรยโดยกำลัง ไม่มีใครผุดผ่องมาเผื่อแผ่ ไม่มีใครเหลียวแลคนข้างหลัง ทุกคนต่างโลภาอย่างจริงจัง เกินจะหยั่งใจมนุษย์สุดเกินทน
เพื่อนเอ๋ยเพื่อนรัก หากเหนื่อยนักหยุดพักใจหม่นหมอง ร้องคร่ำครวญเหนื่อยเราเขาไม่มอง ให้เธอลองรักตัวเองเกรงใจตน เธอเติบใหญ่มาได้ถึงเพียงนี้ เห็นแต่มีพ่อแม่เลี้ยงดูทุกหน เสียใจได้แต่อย่าให้จนเสียคน อย่าให้เขาว่าเธอทนจนปัญญา ให้เป็นแค่บทเรียนวนเวียนผ่าน ไม่ช้านานเวลาจักช่วยรักษา เธอไม่ได้ไร้คนเคียงตลอดมา ทั้งครอบครัวเพื่อนยาห่วงหาเอย
ความเชื่ อ ความเชื่ อมั่นเป็นขั้นสุดจุดศรัทธา ใช่มนตราอาถรรพ์อาถรรพ์ขั้นไหนไหน ความเชื่ อจุดกำเนิดกลางแก่นใจ พาก้าวเดินต่อไปใกล้ความจริง บางเวลาอาจมีล้มเหนื่อยเมื่อยล้า ด้วยฟันฝ่าอุปสรรคในทุกสิ่ง จะเดินหน้าก็แสนยากเย็นจริง คงแย่ยิ่งถ้าถอยหลังยังถามใจ เมื่อได้ลองนั่งนึกถึงชีวิต สิ่งที่คิดเกิดด้วยเชื่ อก่อนอื่นไหน สุดท้ายต้องตามหาฝันปลายเส้นชัย จะอีกไกลสักเท่าไหร่ก็ต้องเดิน จะเดินช้าหรือเดินเร็วต่างเท่ากัน เพียงอย่าละทิ้งความฝันให้ห่างเหิน เมื่อเป้าหมายมีไว้ให้เผชิญ บนทางเดินยังมีแรงให้ก้าวไป แม้ไม่ว่าจะทำถูกหรือทำผิด ประสบผลน้อยนิดแล้วทำไม หากสุดท้ายลงมือทำสุดดวงใจ ผลจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แม้ท้อแท้ทั้งกายใจสั กกี่ครั้ง แม้พลาดพลั้งอีกกี่ครั้งและกี่หน แม้ล้มลงยังลุกด้วยสองเท้าตน ก็อย่าสนในเมื่อยังคงหายใจ
มนุษย์มากมายล้วน ดิ้นรนครวญหาความสุข เพื่อหวังจะพ้นทุกข์ ด้วยกลปลุกความโลภา สุขหนออยู่ที่ใด ล้วนฝันใฝ่ขวนขวายหา มากมายสิ่งมีค่า แม้นได้มายังไม่พอ อยากมีทรัพย์สินล้ำ อยากรวยร่ำเท่าไหร่หนอ อยากให้คนยกยอ มีชื่ อเสียงเกินกว่าใคร โลภจนทำชั่วช้า หูใบ้บ้าสนกระไร ปิดหูปิดตาไว้ ซ่อนจิตใต้กิเลสงำ ความโลภา
วังเวง วังเอ๋ยวังเวง เสี ยงบรรเลงเพลงแผ่วยามวิกาล นกแสกร้องก้องป่าดั่งวิญญาณ ร้องครวยญครางร่ำไห้ระงมไพร กลิ่นบุปผารัญจวนชวนให้หวั่น ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยล่องลอยไหล จึงรีบเร่งฝีเท้าซ้ำเดินย่ำไป แลเห็นใบโพธิ์พริ้วเองวังเวงเอย
อธิปไตย ชนไม่สู้ แล้วใยใครจะสู้ ให้ยืนดูอนาคตที่ห่าเหว เมื่ อมีพวกทำชั่ วไม่กลัวเลว จนเกิดเปลวเพลิงศพลบคนดี ประเทศไทยของใครไหนลองเล่า ประเทศเราของประชาตามวิถี อย่าพูดพร่อยปล่อยปากหากไม่มี ประเทศนี้ธิปไตยแบบไร้ธรรม คนทำผิดยืนลอยหน้าพ้นโทษ พวกคนโฉดต่างโกงกินกันอิ่มหนำ ประชาจนทนก้มหน้ารับกรรม ช่างน่าขำยังกล้าว่าธิปไตย น่ารังเกียจอภิสิ ทธิ์เช่นหมาเน่า ชนโง่เขลาตาปิดผิดยังชอบ ข้าวก็ยากหมากก็แพงยังไม่มอง ค้านดีของเหล่าคนสู้ เพื่อกู้โกง หากยังบ้าในกิเลสด้วยอำนาจ นำพาชาติวอดวายด้วยลุ่มหลง อายุขัยคงไม่มั่นไม่ยืนยง เพราะนรกยังคงมีที่ว่างพอ
บ้านำทำวอดวาย เสี ยงเพลงครวญสั งคมตรมสะท้อน ทั้งบทกลอนสื่ อสลดด้วยหมดหวัง โควิดพาสลายสิ้ นชีวินพัง เกินกำลังพวกเง่าโง่โชว์ปัญญา คนทั่วไปไม่ใช่น้อยพลอยลำบาก ยิ่งอดอยากยิ่งยากจนอดทนฝ่า ไม่กี่วันตายเจ็บเก็บโลกา ทั้งที่สู้ อุตส่ าห์ทนจะพ้นกรรม ไม่ใช่เพียงโรคระบาดเป็นแน่แท้ ไม่ใช่แค่ชนการ์ดตกใจถลำ แต่เป็นเพราะความบ้าคลั่งของผู้นำ ในอำนาจมืดดำครอบงำใจ ตั้งประเด็นหาคนผิดปิดการก่อ กฎหมายล่อให้คนคลายหายสงสั ย เพราะใจหยาบชื่ อเสี ยงเยี่ยมเรื่องเสี้ ยมไทย เติมเชื้ อไฟก่อโรคก่อโศกตรม สงครามโรคยังไม่จบศพอย่านับ อนาคตคนมืดดับปัญหาถม มีผู้นำชั่วช้ ายิ่งดิ่งจม สั กแต่พูดลอยลมชมฝูงตนดี
จัดทำโดย นางสาวทิพานัน อุดมสั นติ์ รหัสนิสิ ต 62010514021 สาขาวิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: