Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book-ประวัติศาสตร์ เพิ่มพูน

e-book-ประวัติศาสตร์ เพิ่มพูน

Published by pooniphone5c, 2020-06-16 12:17:12

Description: e-book-ประวัติศาสตร์ เพิ่มพูน

Search

Read the Text Version

พฒั นาการทางด้านต่างๆของทวปี ยุโรป กล่มุ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ไมต่ ามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เพม่ิ พูน ๙๕.- เพมิ่ พูน ไชยบาล เลขประจาตวั 9014 ม.3/1 #11 คณะ พญาไท

สารบญั ๑ ๔ ๖หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ พฒั นาการด้านการเมอื งการปกครอง ของทวปี ยโุ รป พัฒนาการดา้ นเศรษฐกจิ ของทวีปยุโรป พฒั นาการด้านสงั คมศลิ ปวฒั นธรรม ของทวปี ยุโรป

พฒั นาทางดา้ น การเมืองการปกครอง - โดยทัว่ ไปแล้วในอดีต ดนิ แดนท่วั ของทวปี ยุโรปจะมพี ระมหากษัตริย์เปน็ ประมขุ สงู สดุ - ในสมัยกรกี เรืองอานาจ (500ปี กอ่ น ค.ศ.) ระบอบกษัตริยเ์ ปน็ ที่ร้จู ักกนั อยา่ งแพร่หลายเปน็ อยา่ งมาก - ในจกั รวรรดิโรมนั (27ปี ก่อน ค.ศ.- ค.ศ.476) พระประมุขสูงสดุ ถูกเรยี กวา่ ซีซาร์ หรอื จกั รพรรดิ (ปกครองทัว่ ยโุ รป รวมถงึ เอเชยี และ แอฟรกิ าบางสว่ น) - ในปี ค.ศ.476 จกั รวรรดโิ รมนั ล่มสลาย ยุโรปกเ็ ข้าสู่ยุคสมยั กลาง(ค.ศ.476- ค.ศ.1492) ทาให้ระบบระเบยี บกฎหมายตา่ งๆของโรมนั ล่มสลายไปด้วย เพราะมีชนเผ่าเข้ามารุกราน คือ ชนเผ่ากอท (เยอรมนั ทอี่ พยพมาจากตอนเหนือ) - กลายเป็นระบอบการปกครองแบบ กระจายอานาจ(อานาจตกอยู่กบั ขนุ นางเจา้ ของทีด่ นิ ) - มกี ารใชก้ ฎหมายจารตี ประเพณี ของพวกอนารยชนเขา้ มาแทนประมวลกฎหมายโรมัน แตก่ ษัตริย์กย็ ังไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นเจา้ ของแผ่นดนิ แตไ่ มส่ ามารถทาอะไรได้ เพราะไมม่ ีอานาจ - ต่อมาในสมยั ปลายกษัตรยิ ส์ ามารถสถาปนาอานาจการปกครองแบบศูนยร์ วมอานาจ ไดส้ ร้างรฐั ชาติ โดยรวมดนิ แดนต่างๆเป็นชาตเิ ดียวกนั ได้ และกษตั ริย์แตล่ ะดินแดนปกครองในระบอบแตกตา่ งกัน 1.ระบอบกษัตริยภ์ ายใต้รัฐธรรมนญู กล่มุ พอ่ คา้ พระ ขนุ นาง รวมถึงประชาชนได้รวมตัวกนั บบี บังคบั พระเจ้าจอห์น(ค.ศ.1199- ค.ศ.1216) ให้ยอมรับแมกนาคาร์ตา หรือมหากฎบตั ร และลงลายลกั ษณอ์ ักษร เพอื่ ไม่ใหใ้ ชพ้ ระราชอานาจเกนิ ขอบเขตเกีย่ วกบั เรือ่ ง ภาษีอากร การลงโทษ ฯลฯ ตอ่ มา ไดเ้ กดิ รัฐสภาโดยประกอบดว้ ย สภาขุนนาง และ สภาสามัญ ท่ีมีสว่ นสาคญั ในการลด อานาจสิทธ์ิของกษัตรยิ ์ และเม่อื กษัตรยิ ์พยายามจะละเลยอานาจของรฐั สภา สภา และประชาชนกร็ ว่ มกนั ขบั กษตั ริย์ออกจากบลั ลังกโ์ ดยไมม่ ีการนองเลอื ด (ปฏวิ ตั อิ ันรุ่งโรจน์)ในปี ค.ศ.1688 และใหก้ ษตั รยิ อ์ งค์ใหมย่ อมรับในอานาจของรฐั สภา นบั เป็นการยุตกิ ารใชอ้ านาจอย่างเดด็ ขาดของกษัตรยิ ์ เร่มิ การปกครองภายใตร้ ัฐธรรมนูญอยา่ งแทจ้ รงิ และกาหนดให้กษตั รยิ ต์ อ้ งทรงนับถือ นกิ ายแองกลิคัน หรอื นิกายองั กฤษ เพอื่ ยุติปัญหาความแตกแยกทางศาสนาภายในประเทศ 1

2.ระบอบกษัตรยิ ์แบบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์ ประเทศที่ใช้ระบอบน้ี ไดแ้ ก่ ฝรง่ั เศส และประเทศมหาอานาจในอดตี ได้แก่ ปรัสเซยี (รฐั หนง่ึ ในดนิ แดนเยอรมัน ตอ่ มามีบทบาทเป็นผู้นาในการรวมชาตเิ ยอรมนใี น ค.ศ.๑๘๗๑) ออสเตรยี และรัสเซยี -ในปี ค.ศ.1614 ฝรงั่ เศสหลงั เกิดเหตุความวนุ่ วาย และสงครามกบั สเปน สภาฐานนั ดร(ตวั แทน ของชนช้นั ตา่ งๆ)ไดป้ ระกาศยุบตัวลง และตอ่ มาได้มีการประกาศให้ “อานาจอธิปไตยสงู สดุ เปน็ ของกษัตรยิ ์เพราะทรงเป็นผูท้ ไี่ ดร้ บั มงกฎุ จากพระเจา้ ”และส่งผลใหต้ ั้งแต่นนั้ มาจงึ ไม่มีการเรียก ประชุมสภาฐานนั ดรอีกเลยเป็นเวลากวา่ 175 ปี ทาใหไ้ ม่มีสภามาคอยควบคุมการใช้พระราช อานาจของกษตั รยิ ์ ทาให้พระราชอานาจของกษัตริยเ์ พ่มิ ข้นึ อกี จนเกิดการปฏิวตั ิฝรงั่ เศสในปี ค.ศ.1789(รา่ งรัฐธรรมนูญของฝร่ังเศส) -หลังจากสงครามสามสิบปี(ความขดั แยง้ ระหว่าง โรมนั คาทอลิก กบั นิกายโปรเตสแตนต์) ส้ินสุดลง ประเทศมหาอานาจดังกลา่ วข้างตน้ (ยกเว้นประเทศรสั เซียไมไ่ ด้เข้าร่วมสงครามดว้ ย) ก็จดั การ การปกครองแบบรวมศูนย์กลางอานาจให้อยู่ในมือของกษัตริย์เพ่อื ท่ีจะควบคุมการ ขยายอานาจของรัฐได้ง่าย เรมิ่ ต้น ฝรงั่ เศสซ่ึงปกครองโดยพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 (ค.ศ.1643- ค.ศ.1715) เป็นประเทศมหาอานาจประเทศแรก โดยมกี องทัพขนาดใหญ่ และดาเนนิ การขยาย อานาจพรมแดน ขุนนางต่างก็สูญเสยี อานาจ และไดเ้ ปลย่ี นมาเป็นขา้ ราชการแทน -การปกครองแบบที่มกี ษตั รยิ เ์ ปน็ ศนู ย์กลางอานาจ ถกู พัฒนาสาเร็จที่ ปรัสเซยี (สมัยพระเจา้ เฟรเดอรกิ มหาราช ค.ศ.1740-ค.ศ.1786) ออสเตรยี (สมัยจักรพรรดนิ ีมาเรีย เทเรซา ค.ศ.1740-ค.ศ.1780) และ รัสเซยี (สมัยซาร์ปเี ตอร์มหาราช ค.ศ.1682-ค.ศ.1725) และ(ซารนี าแคเทอรีนมหาราช ค.ศ.1762-ค.ศ.1796) ซง่ึ ไดเ้ รียกชว่ งเวลานว้ี ่า (ยคุ แหง่ สมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์) พระเจา้ หลุยสท์ ่ี 14 แห่งฝร่งั เศส 2

3.ระบอบกษตั ริย์ในทวีปยุโรปสมัยปจั จบุ ัน หลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ระบอบการปกครองได้แตกออกป็น 2 ระบอบย่างเดน่ ชดั คือ 1. ระบอบประชาธิปไตย 2.ระบอบเผด็จการคอมมวิ นสิ ต์ 1. ระบอบประชาธปิ ไตย คือ หลงั แนวคดิ ของระบอบน้คี ือ ทุกคนมสี ิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย (ระบอบนี้มตี น้ กาเนิดต้ังแตส่ มยั กรกี โบราณ 500 ปกี อ่ นค.ศ.)โดยไดเ้ ร่มิ ใชท้ ่ีนครรฐั เอเธนส์เปน็ ดินแดนแหง่ แรกที่ใหส้ ิทธแิ ก่พลเมอื งเพศชายทเ่ี ป็นเสรีชนทกุ คนมสี ิทธิ ในการเลือกต้ังและเขา้ นัง่ ในสภา ระบอบนี้เปน็ ระบอบท่ีประชาชนมีอานาจสงู สดุ ระบอบประชาธปิ ไตยในยคุ กรกี 2. ระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นสิ ต์ คอื ระบอบเผด็จการคอมมวิ นสิ ต์มีพรรคการเมือง เพยี งพรรคเดยี ว มผี นู้ าพรรคคอมมิวนสิ ตแ์ ละผูน้ ารฐั เปน็ คนเดียวกัน สหภาพโซเวยี ตเป็น ประเทศแรกท่ีมกี ารปกครองในระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นิสต์ภายหลังการปฏิวัติรสั เซยี ใน เดือนตุลาคม ค.ศ.1917 ตอ่ มาหลังสงครามโลกครัง้ ที่ 2 มปี ระเทศทใี่ ช้ระบอบนเ้ี พ่ิมมาก ขึน้ ถึง 16 ประเทศ แต่เมอ่ื สหภาพโซเวียตล่มสลายลงใน ค.ศ.1991 กเ็ หลือประเทศเพยี ง ไมก่ ีป่ ระเทศ เชน่ จีน ควิ บา เกาหลเี หนอื เป็นตน้ ท่ียังใช้ระบอบนีอ้ ยู่ ส่วนประเทศ บรวิ ารของโซเวียตอืน่ ๆ (รวมถึงรัสเซียด้วย)ก็พากันปฏริ ูปการปกครองตามแนวทางของ ระบอบประชาธปิ ไตย วลาดีมีร์ เลนนิ หวั หนา้ พรรคบอลเชวิค ขณะเรียกรอ้ งใหโ้ ค่นลม้ รัฐบาลซาร์นโิ คลสั ท่ี 2 ในชว่ งการปฏวิ ตั ริ สั เซยี ค.ศ. 1917 3

พฒั นาการทางดา้ นเศรษฐกจิ - ในสมัยกลางตอนตน้ (ค.ศ.476-ค.ศ.1050) ชาวสวนชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่ตา่ งสญู เสียความเป็น อสิ รภาพ และกลายเป็นทาสลาบากตดิ ดิน ตอ้ งอยู่ภายใต้สังกัดของขนุ นางเจ้าของทีด่ ิน และยัง ต้องดารงชวี ติ อยูใ่ นเขตแมเนอร์(เป็นเขตทด่ี ินในการปกครองของขุนนาง) แมเนอรย์ ังเปน็ ที่ เพาะปลกู และที่อยู่อาศัยด้วย เศรษฐกิจแมเนอร์เป็นเศรษฐกจิ แบบพอเลี้ยงตนเอง - ต่อมาการคา้ ทเ่ี คยรุ่งเรืองในสมัยจักรพรรดโิ รมันกลับตอ้ งหยดุ ชะงกั ไปกว่า 500 ปี หลงั จากนนั้ ยุโรปกฟ็ ้ืนตัวได้ ทั้งดา้ นการผลิตสินค้าสินคา้ การสง่ ออก และการค้าขายต่างๆ - สาเหตทุ ยี่ โุ รปฟ้ืนตัวไดส้ ่วนหนงึ่ เปน็ ผลกระทบจากสงครามครเู สด (สงครามศาสนาครสิ ต์ กบั มสุ ลมิ (ค.ศ.1096-ค.ศ.1291)) และได้นาเอาความร้ตู ่างๆไมว่ ่าจะเปน็ ศลิ ปวิทยา ฯลฯ จากฝ่ังตะวันออกมาเผยแพรใ่ หห้ ลังห่าง หายไปนานจากช่วงสมยั กลางตอนตน้ - สินคา้ ทฝ่ี ่ังตะวันตกต้องการ เชน่ เครอ่ื งเทศ นา้ ตาล ส้ม มะนาว พริกไทย ผา้ ไหม พรม เป็นตน้ จึงส่งผลให้อติ าลีเป็นประเทศท่ีมง่ั คงั่ ท่สี ุดในยโุ รปเพราะอติ าลี คือ พ่อค้าคนกลางทข่ี ายสนิ คา้ ตา่ งๆใหต้ ะวันตก - พอ่ ค้าอิตาลที ่ีมีชอ่ื เสยี ง เช่น มารด์ ก โปโล (ชาวเวนสิ ,อิตาลี) (เดนิ ทางไปถงึ จนี และเกบ็ เก่ียวความรู้ตา่ งๆกลับมาเลา่ ถงึ ความเจรญิ ต่างๆด้วย) - ตอ่ มาเมอื งก็พฒั นากลายเป็นศนู ยก์ ารค้า เปน็ องค์กรตา่ งๆ และเปน็ จุดเกิดของระบบทุนนิยม และทาใหพ้ อ่ คา้ ร่ารวยอยา่ งมาก - เม่อื ถึงปลายสมัยกลางยโุ รปไดศ้ กึ ษาความร้เู กย่ี วกบั วทิ ยาศาสตร์ เชน่ การสร้างปืนใหญ่ (เปล่ียนแปลงวิธกี ารรบ) เคร่ืองพิมพห์ นังสือ และยงั มอี ย่างอ่นื อกี มากมาย ไม่วา่ จะเปน็ การค้นพบ ทวีปอเมรกิ า และยังควบคุมตลาดดินแดนโพน้ ทะเลได้ ซงึ่ กก็ ่อใหเ้ กิดการพัฒนาเศรษฐกจิ ใน รปู แบบต่างๆ ดังนี้ 1.เศรษฐกจิ แบบพาณชิ ยนยิ ม คือ รัฐเข้าควบคุมอุตสาหกรรมการค้าภายในประเทศ การสง่ ออก และการกีดกนั การนาเขา้ สนิ ค้าจากตา่ งประเทศ(รัฐเปน็ เจ้าของทรัพยากรและโภคทรพั ย์ตา่ งๆ) สง่ ผลทาให้รัฐม่นั คง แตก่ ็มีความขัดแย้งเกิดข้ึน จึงเกิดสงคราม ในภมู ภิ าค คอื สงครามเจ็ดปรี ะหว่าง (ฝร่ังเศสกบั ออสเตรยี ) (องั กฤษกบั ปรสั เซีย)ก่อใหเ้ กดิ สงครามในยโุ รป,อเมริกา และเอเชีย (อย่ใู นชว่ งคริสต์ศตวรรษท่ี 16-18) 4

2.เศรษฐกจิ แบบทุนนยิ ม คอื (ปลายคริสต์วรรษที่ 18) เกดิ แนวคดิ คาวา่ “laissez-faire” (ภาษาฝร่ังเศส แปลวา่ ปล่อยใหเ้ ปน็ เอง) และแนวคิด (free trade) ของ (Adam Smith) ทก่ี าหนดตัวอปุ สงค์ อุปทาน ซึง่ เป็นตวั กาหนดกลไกของตลาด ดา้ นเศรษฐกจิ “laissez-faire” หมายถึง นโยบายท่ีรัฐไม่ควรเขา้ ไปยงุ่ เกย่ี วกับการคา้ (ธุรกิจของเอกชน) ทั้งด้านอุตสาหกรรม และการเงิน(เสร)ี และได้รบั การสนบั สนุนจากนายทุน การคา้ แบบเสรที ุนนิยมจงึ ขยายอย่างกวา้ งขวางไปทั่วโลก โดยรัฐใหก้ ารสนับสนนุ และ ออกกฎหมายต่างๆเพื่อคมุ้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพในการทาธุรกิจและการคา้ การครอบครองทรัพยส์ นิ และการทาสญั ญาต่างๆ ในปจั จบุ ันระบบทนุ นยิ มและแนวคดิ “laissez-faire” และการค้าเสรจี ึงเปน็ นโยบายเศรษฐกิจท่ีสาคญั ของประชาธปิ ไตย โดยรัฐมนี ่าท่แี ค่ ควบคุมคุณภาพ วิธีการผลติ และยงั ดูแลในเรื่องสวสั ดิการของผใู้ ช้แรงงานอีกดว้ ย 2.เศรษฐกจิ แบบสงั คมนยิ ม คอื (กลางคริสต์ศตวรรษท่ี 19)เป็นระบบที่พฒั นามาจาก 5 แนวคิดทางการเมืองของ คารล์ มากซ์ (นกั สงั คมนิยมทีม่ ชี ื่อเสียงของยโุ รป) เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม เกิดขนึ้ มาเพ่ือตอบโต้การขยายตวั ของลัทธทิ ุนนิยมและ การเอาเปรยี บชนชน้ั แรงงาน เพ่ือตอ้ งการสรา้ งระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาคซง่ึ ก็ คือ การจัดการยกเลิกกรรมสทิ ธ์ิทรพั ย์สนิ ส่วนบคุ คล และใหม้ ีการจดั การทางการผลติ โดยใช้ชนชน้ั แรงงาน ซง่ึ ชนชั้นแรงงานเหลา่ นั้นก็จะใช้อานาจเผด็จการในการปกครองเพือ่ ผลักดันนโยบาย แบบสงั คมนยิ มเพือ่ ให้เกิดเปน็ ผลสาเรจ็

พัฒนาการทางดา้ นสังคมและศิลปวฒั นธรรม กาเนดิ ชนชนั้ กลาง ในสมัยกลางตอนตน้ ชนชน้ั ทางสงั คมของตะวนั ตกประกอบดว้ ย ชนช้นั 3 ฐานนั ดร คอื กษัตรยิ ์และขุนนาง/นักบวช/ชาวไรแ่ ละชาวนา(ทาสติดดนิ ) ต่อมาในชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 11 มกี ารฟื้นตวั ของเศรษฐกิจ ทาใหเ้ กิดชนช้นั ใหม่ คือ ชนชนั้ กลางหรอื ชนชั้นกระฎุมพี โดยชนชัน้ น้ีจะประกอบอาชีพต่างๆ เชน่ ชา่ งฝมี ือ ลกู จ้าง พ่อคา้ นักเรียน (สามัญชนท่วั ไป) ชนชัน้ กลางถือเปน็ ชนชนั้ ทสี่ าคญั เพราะ ได้รว่ มกันวางรากฐานความเจรญิ ตา่ งๆทางสงั คม และยงั มีอดุ มการณ์ และวิธีการปฏบิ ตั ิตนการอยูร่ ่วมกนั ในสงั คม เชน่ สทิ ธหิ นา้ ทขี่ องประชาชน การเกบ็ ภาษี รวมไปถงึ คา่ ปรับเมอื่ ทาผดิ เพื่อท่ีจะนาเงนิ ไปจดั การในส่วนต่างๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การทานบุ ารุง การป้องกันเมือง และการจดั ต้ังสถานศกึ ษา เปน็ ตน้ และความเสมอภาคของบุคคลแต่ละคน(ปัจเจกบุคคล) ซ่งึ เป็นสง่ิ สาคัญสาหรบั ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ชนชนั้ กลางในสงั คมยโุ รป แ เกดิ ขน้ึ ภายหลงั การขยายตวั ทาง เศรษฐกจิ การขยายตัวของเมอื งในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม กลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 มีการขยายตวั เมืองในยคุ ปฏวิ ตั ิอุตสาหกรรมอยา่ งเดน่ ชดั มากๆ เพราะมกี ารสารวจสามะโนครวั ในอังกฤษ และพบว่ามปี ระชากรอาศยั อยู่ ในเขตเมืองมากกว่าชนบท และเม่อื ไปสารวจประเทศอ่นื ๆก็พบวา่ เปน็ ไปใน ลักษณะนี้เช่นกนั เพราะเมื่อส้นิ ครสิ ต์ศตวรรษที่ 19 มีเมอื งถึง 50 เมอื งทม่ี ปี ระชากรมากกวา่ 1 ลา้ นคน ปัจจุบนั พบว่าคนส่วนใหญ่ในยโุ รปมากกวา่ 50-60 เปอร์เซน็ ต์ อาศยั อยู่ในเขตเมืองที่มขี นาดใหญ่ 6

การสรา้ งสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรม ในสมัยต้นคริสตศ์ ตวรรษที่ 4 ครสิ ตศ์ าสนามีอทิ ธพิ ลอย่างมากในยุโรปตะวันตก จนสมยั กลางไดช้ ื่อว่า ยุคแห่งศรทั ธา มกี ารสร้างมหาวิหาร ต่อมาอติ าลใี นกลางครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 14 ศิลปวฒั นธรรม กรีก-โรมนั มีความเฟือ่ งฟู ในชว่ ง เวลานงี้ านประติมากรรมและจิตรกรรมเร่ิมมีความโดดเดน่ มกี ารวาดภาพสีน้ามันท่ีผสมไข่ ขาวแทนสฝี นุ่ ต่อมาในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 15-16 ศิลปกรรมของอติ าลีได้พฒั นาถงึ ขดี สงู สุดและเปน็ แม่แบบ ใหแ้ ก่ศลิ ปนิ ชาติอน่ื ๆ ในยโุ รป ศิลปนิ ทม่ี ชี ่ือเสยี งทสี่ ุดของยุคฟน้ื ฟศู ลิ ปะวทิ ยาการ คอื เลโอนารโ์ ด ดา วินชี (ค.ศ.1452-1519)ผเู้ ปน็ มหาศิลปนิ แห่งศลิ ปะท้งั ปวง ต่อมาในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 17 ศิลปะ(ศิลปะบาโรก)ได้นาไปใช้เพือ่ แสดงความยงิ่ ใหญข่ อง ครสิ ตศ์ าสนาโดยมคี วามหรูหรา อลงั การข้ึนเรื่อยๆ เช่นการสรา้ งพระราชวังแวร์ซายของ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 และขยายลงไปเร่อื ยๆตามลาดับชนช้นั ต่อมาใน ค.ศ.1839 ประดิษฐ์คิดคน้ กลอ้ งถ่ายรูป จิตรกรตา่ งๆจึงหันไปนิยมวาด ภาพเสมือนจริงแทน ส่งผลให้ศิลปะเรยี ลลิสตห์ รอื สจั นยิ ม (แนวการใชช้ วี ติ ตา่ งๆของคนสมัยนน้ั เช่น นายทุน,ชนบท)และได้เกิดลกั ษณะภาพใหมใ่ ห้ สดใสขึน้ ภายหลัง (มีบทบาทสาคญั มากในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 19) และมีการพฒั นาเทคนคิ หรอื การสร้างงานต่างๆให้ดขี นึ้ มาเร่ือยๆ เชน่ การถา่ ยทอดอารมณ์ ความคิดอิสระ ในช่วงหลังสงครามโลกครามโลกครัง้ ท่ี 1 และ 2 ภาพ “งานเลย้ี งอาหารกลางวนั วันเล่นเรอื ” โดยปแี ยรโ์ อกสู ต์ เรอนัวร์ จติ รกรชาวฝรงั่ เศส ศลิ ปะอมิ เพรสชนั นิสต์ 7

บรรณานุกรม รปู ภาพ https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thu https://sites.google.com/site/phongsakorn36798/_/rs mb/4/44/Europe_orthographic_Caucasus_Urals_bound rc/1467029701947/neuxha/thephi-seriphaph/1.1.JPG ary_%28with_borders%29.svg/330px- Europe_orthographic_Caucasus_Urals_boundary_%28w https://www.happylongway.com/wp- ith_borders%29.svg.png https://thankyou0874277257.files.wordpress.com/2013/ content/uploads/2018/10/Eiffel-800x500.jpg 06/eupo.jpg https://i0.wp.com/travelblog.expedia.co.th/wp- https://samutprakanschoolstudentcouncil.files.wordpre content/uploads/2018/04/cover- ss.com/2016/09/558000007859203.jpeg?w=435&h=291 europe.jpg?fit=1200%2C550&ssl=1 https://us.123rf.com/450wm/worac/worac1506/worac https://zabzaa.com/pic/i/1ad11770c5a6f4554542069db 150600065/41199505-old-book-open-on-a-wooden- ba6aa81.jpg table-with-glasses.jpg?ver=6 https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/vg4cTsa https://turnleftthai.files.wordpress.com/2014/08/190272 EQ/BLOG/AV_Rome.jpg 6_1537473009817261_4801778486924341866_n.jpg?w=45 https://www.planetholidaystravel.com/wp- 4 content/uploads/2015/07/south-europe- e1562575600905.jpg https://www.bloggang.com/data/amarittadham/picture https://cu.lnwfile.com/otmpwc.jpg /1228973304.jpg https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5 ข้อมลู /5f/Louis_XIV_of_France.jpg หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม.3 กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ไมต่ ามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดย เพ่มิ พูน ไชยบาล ม.3/1 เลขที่ 11 คณะพญาไท 9014 8


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook