Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore _ศิลปะการพูดและการนำเสนองาน แก้ไอ เชิดชัย

_ศิลปะการพูดและการนำเสนองาน แก้ไอ เชิดชัย

Published by Wera Supa, 2019-09-17 09:51:49

Description: _ศิลปะการพูดและการนำเสนองาน แก้ไอ เชิดชัย

Search

Read the Text Version

2019 ศลิ ปะการพูดและการนาเสนองาน Wera supa

ศิลปะการพดู และการนาเสนองาน ศิลปะการพดู เพอ่ื การสื่อสาร การพูดคอื อะไร การพูด คอื การใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาอาการ เพอื่ ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนความตอ้ งการของผพู้ ดู ใหผ้ ฟู้ ังไดร้ ับรู้ และเกิดการตอบสนอง การพูดทดี่ ี คือ การใชถ้ อ้ ยคาน้าเสียง รวมท้งั กิริยาอาการอยา่ งมีประสิทธิภาพ ถูกตอ้ ง ตามจรรยา มารยาทและประเพณีนิยมของสงั คม เพอื่ ถ่ายทอดอารมณ์ ความรูส้ ึกนึกคิด ความรู้ ประสบการณ์ และ ความตอ้ งการทเ่ี ป็นคุณประโยชนแ์ ก่ผฟู้ ัง เพอ่ื ใหเ้ กิดการรบั รู้และเกิดผลการตอบสนองอยา่ งสมั ฤทธ์ิผลตาม ความมุ่งหมายของผพู้ ดู ประเภทของการพูด เราอาจแบง่ การพดู ของมนุษยอ์ อกเป็ น ๔ ประเภท คอื ๑. การพดู ระหวา่ งบคุ คล ๒. การพดู ในกลุ่ม ๓. การพดู ในทีช่ ุมนุมชน ๔. การพดู ทางสื่อมวลชน ความสาคญั ของการพูด การพดู เป็นเครื่องมือที่ช่วยใหก้ ิจการตา่ ง ๆ สาเร็จไปไดด้ ว้ ยดี ผมู้ ีความสามารถในการพดู จึงเป็นผู้ มีอานาจอยใู่ นตวั ก่อใหเ้ กิดผลดีในการดาเนินชีวติ ท้งั ในดา้ นกิจการงานและดา้ นส่วนตวั

ความมุ่งหมายของการพูด ความมุ่งหมายของการพดู คอื การแสดงหรือเสนอขอ้ คดิ เห็นตอ่ ผฟู้ ัง และผฟู้ ังสามารถรับรู้ เรื่องราวและเขา้ ใจไดต้ รงกบั ความตอ้ งการของผพู้ ดู ตลอดจนสามารถนาไปปฏิบตั ไิ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เรียกวา่ พดู ไดอ้ ยา่ งใจนึก ระลึกไดด้ งั ใจหวงั ยงั ประโยชนใ์ ห้แก่ผฟู้ ัง สรา้ งพลงั ในการเปล่ียนแปลง ประเสริฐ บุญเสริม ความม่งุ หมายของการพูด แบ่งเป็ น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ ๑) ความมุ่งหมายของการพดู โดยทว่ั ไป และ ๒) ความมุ่งหมายเฉพาะ ๑. ความม่งุ หมายโดยทั่วไป คอื การพดู ท่ีพยายามใหผ้ ฟู้ ังสนใจ เขา้ ใจ และประทบั ใจจากการพดู น้นั ๆ ก. ความสนใจ จะเกิดไดเ้ พราะผพู้ ดู ไดเ้ ตรียมตวั เป็นอยา่ งดี กล่าวคือ สนใจท่ีจะรบั ฟัง เพราะเตรียมพดู มาดี และสนใจทจี่ ะรับฟังจนจบเรื่องเพราะเตรียมเน้ือหามาดี ข. ความเข้าใจ การเรียกรอ้ งใหค้ นสนใจฟังเท่าน้นั ยงั ไม่เป็นการเพยี งพอ จะตอ้ งให้ผฟู้ ัง เขา้ ใจดว้ ย ซ่ึงกระทาไดโ้ ดยการเตรียมเน้ือเรื่อง การใชถ้ อ้ ยคา การเรียบเรียงประโยคทง่ี ่ายต่อการเขา้ ใจ เป็ นตน้ ค. ความประทับใจ คือ ความเขา้ ใจที่ชดั เจน จนมองเห็นภาพ ซ่ึงทาไดโ้ ดยการใชค้ าคม ขอ้ ความท่ีลกึ ซ้ึงกินใจ คารุนแรงทีเ่ หมาะสม ตลอดจนอุปมาอุปไมยต่าง ๆ เป็ นตน้

ดงั น้นั ในการพดู ทุกคร้งั ผพู้ ดู จะตอ้ งเตรียมตวั ใหพ้ ร้อม ท้งั คานา เน้ือเร่ือง และสรุปจบ ใหส้ อดคลอ้ งกนั เพอ่ื ช่วยใหป้ ระสบผลสาเร็จในการพดู ทกุ ๆ คร้ัง ๒. ความมุ่งหมายเฉพาะ ซ่ึงสามารถแบ่งออกไดด้ งั น้ี ก. เพอื่ ให้ข่าวสารความรู้ เป็ นการพดู แบบเสนอขอ้ เทจ็ จริง โดยไม่มุ่งหมายท่ีจะเปลี่ยน ทศั นคตขิ องผฟู้ ัง แต่เพอื่ เพม่ิ พนู ความรู้ ความเขา้ ใจแก่ผฟู้ ัง ข. เพอ่ื ความบนั เทงิ เป็ นการพดู เพอื่ ใหผ้ ฟู้ ังสนุกสนานครึกคร้ืน มกั เป็ นการพดู หลงั อาหาร ซ่ึงจดั ข้นึ เพอื่ เป็นการพกั ผอ่ น ค. เพ่ือชักจูงใจ คอื การพดู ที่มุ่งหวงั ใหผ้ ฟู้ ังเปล่ียนใจเห็นคลอ้ ยตามผพู้ ดู โดยใช้ การเร้า อารมณ์เป็ นทต่ี ้งั องค์ประกอบของการพดู องคป์ ระกอบของการพดู ทส่ี มบรู ณ์ ประกอบดว้ ย ๑. ผพู้ ดู ๒. เน้ือเร่ืองทจ่ี ะพดู ๓. ผฟู้ ัง ๔. เคร่ืองมือส่ือความหมาย ๕. ความมุ่งหมายและผลในการพดู แตล่ ะคร้ัง ลกั ษณะการพูดทด่ี ี ลกั ษณะการพดู ทีด่ ีมกั ประกอบดว้ ย ๑. มีความมุ่งหมายดี ท้งั ความมุ่งหมายทวั่ ไปและความมุ่งหมายเฉพาะ ๒. มีความเหมาะสม กบั กาลสมยั เวลาที่กาหนดให้ สถานที่ โอกาส และบคุ คล ๓. ใชถ้ อ้ ยคาดี คือ พดู ดว้ ยถอ้ ยคาทเ่ี ป็นจริง มีประโยชน์ และเป็ นท่ีพอใจแก่ผฟู้ ัง

๔. มีบุคลิกลกั ษณะดี คอื ตอ้ งใชน้ ้าเสียง ภาษา สายตา ท่าทาง และกิริยาอาการต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไป ตามธรรมชาติ สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาของเรื่องที่พดู สาระหรือเนื้อเรื่องท่จี ะพูด การเตรียมเน้ือหาจะตอ้ งมีโครงเรื่อง ไดแ้ ก่ คานา เน้ือเรื่อง และสรุปจบ เพอ่ื ใหก้ ารพดู ดาเนินไป โดยสม่าเสมอตลอดเรื่อง คานา เป็ นตอนสาคญั ที่จะเรียกรอ้ งใหผ้ ฟู้ ังสนใจและต้งั ใจฟัง คานาจึงตอ้ งใชภ้ าษาและสานวนท่ี กระทดั รัดไดใ้ จความดี โดยอาจข้ึนตน้ ไดห้ ลายแบบ ไดแ้ ก่ ๑. กล่าวถึงความสาคญั ของเร่ือง ๒. นาดว้ ยตวั อยา่ งหรือนิทาน ๓. นาดว้ ยขอ้ ความท่เี รา้ ใจ ๔. นาดว้ ยคาถามท่ีเร้าใจ ๕. นาดว้ ยการยกยอ่ งผฟู้ ัง ๖. นาดว้ ยคาพงั เพย สุภาษติ คาขวญั คาประพนั ธ์ หรือคาคม เนื้อเร่ือง จะตอ้ งเตรียมให้ เพอ่ื ใหเ้ กิด ๑. สอดคลอ้ งกบั คานา ๒. เป็ นไปตามลาดบั ข้นั ตอนตามโครงเรื่อง ๓. เวลาพดู ตอ้ งแสดงสีหนา้ ท่าทางใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั เรื่อง ความสนใจ แตไ่ ม่มากจนกลายเป็นเล่นละคร สรุปจบ อาจทาไดห้ ลายวธิ ี คือ ๑. ย้าจุดสาคญั ๒. จาแนกหวั ขอ้ สาคญั ๓. ทบทวนความรู้ทว่ั ไป

๔. สรุปดว้ ยการสรรเสริญสดุดี หลักทั่วไปในการพูด ๑. เตรียมตวั ใหพ้ ร้อม ๒. ซกั ซอ้ มใหด้ ี ๓. ท่าทีใหส้ งา่ ๔. วาจาสุขมุ ๕. ทกั ทป่ี ระชุมใหโ้ นม้ นา้ ว ๖. เรื่องราวใหก้ ระชบั ๗. ตาจอ้ งจบั ผฟู้ ัง ๘. เสียงดงั แตพ่ อดี ๙. อยา่ ใหม้ ีเออ้ อา้ ๑๐. ดูเวลาใหพ้ อครบ ๑๑. สรุปจบใหจ้ บั ใจ ๑๒. ยมิ้ แยม้ แจ่มใสเม่ืออาลา การสร้างความม่ันใจและแก้ไขความประหม่า เมื่อผพู้ ดู ขาดความมน่ั ใจ กม็ กั จะมีอาการประหม่า หรือต่นื เวทปี รากฏออกมาใหเ้ ห็น เราไม่ สามารถทาใหค้ วามรู้สึกประหม่าหายไปไดโ้ ดยเดด็ ขาด แต่เราอาจจะควบคุมไว้ ทาให้ ลดนอ้ ยลงได้ ดว้ ยการสร้างความเช่ือมน่ั ในตนเอง โดยพจิ ารณาถึงเหตุผล การหาประสบการณ์ การสร้างความอดทน การเตรียมเร่ืองมาอยา่ งดี และการหาอุปกรณ์ประกอบการพดู เป็ นตน้ สาเหตขุ องความประหม่า ๑. มองเห็นจุดอ่อนของตนเองมากเกินควร ยอ่ มทาใหเ้ กิดความวติ กกงั วลมาก ไม่กลา้ แสดงตนตอ่ หนา้ คนอ่ืน เมื่อเกิดความไมก่ ลา้ ความประหม่าก็เกิดตามมาทนั ที ๒. เกิดความขัดแย้งภายในตนเอง มีผลทาใหเ้ กิดความวา้ วนุ่ ใจ หรือวติ กกงั วล จน กลายเป็ นความประหม่า เวลาทจี่ ะไปพดู ในโอกาสสาคญั ๆ ก็ปรารถนาจะประสบความสาเร็จ ในการพดู

ตอ้ งการพดู ใหด้ ี ใหค้ นฟังสนใจและพอใจ แตข่ ณะเดียวกนั กเ็ กิดความกลวั วา่ การพดู น้นั จะลม้ เหลว คนฟัง จะเบอ่ื ไม่ไดร้ ับประโยชน์ หรือหวั เราะเยาะในใจเอาได้ เหล่าน้ีทาใหเ้ กิดความขดั แยง้ ภายในตนเองข้นึ ๓. วาดภาพในใจไว้อย่างผิด ๆ ผพู้ ดู บางคนวาดภาพไวว้ า่ ผฟู้ ังทีต่ นจะไปพดู น้นั คงจะฟังอยา่ ง เพง่ เล็ง คอยจบั ผดิ ทกุ คาพดู หากตนพดู อะไรผดิ พลาดเพยี งเล็กนอ้ ยจะถูกนาไปวพิ ากวจิ ารณ์อยา่ งมาก ทา ใหเ้ กิดความหวาดกลวั จนกลายเป็ นความประหม่าต่นื เตน้ ได้ วธิ ีการแก้ไขความประหม่าตน่ื เต้นไม่ให้เป็ นอปุ สรรคแก่การพูด ขอ้ ปฏิบตั เิ พอื่ เอาชนะความประหมา่ เวทใี หไ้ ดผ้ ล และสรา้ งความมนั่ ใจในตนเอง มีวธิ ี ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี ๑. เตรียมซอ้ มเร่ืองทจ่ี ะพดู มาใหแ้ ม่นยาท่ีสุดเทา่ ที่จะทาได้ แต่ไม่ใช่ทอ่ งจาทุกคาพดู ทวา่ เป็ นการ แม่นยาในเน้ือหาสาระ และมีความคล่องตวั พอทจี่ ะพดู ใหไ้ ดเ้ น้ือหาสาระดงั กล่าว ๒. ใหค้ วามสนใจในเรื่องราวที่เราจะพดู ใหม้ ากพอ เพง่ ความสนใจใหอ้ อกไปจากตวั เรา อยา่ เพง่ ความสนใจมาทตี่ วั เราเองใหม้ ากนกั ๓. หาขอ้ มูลเก่ียวกบั คนฟังใหม้ ากพอ เพอื่ จะไดด้ ดั แปลงเร่ืองทีเ่ ราพดู ใหเ้ หมาะสม กบั คนฟัง ใหม้ ากทส่ี ุด ๔. ขณะทพี่ ดู พยายามพดู กบั คนฟังใหท้ วั่ ถึง ยงิ่ จบั ตาคนฟังใหท้ ว่ั ถึงมากเพยี งไร ความกลวั ก็ จะหายไป ๕. พยายามทรงตวั ใหด้ ีขณะท่ีพดู การทรงตวั ท่ีสมดุลย์ จะทาใหผ้ พู้ ดู รูส้ ึกมน่ั ใจข้นึ ๖. ต้งั ใจใหม้ นั่ คงเสมอวา่ เราจะพยายามพดู ใหผ้ ฟู้ ังเกิดความเขา้ ใจอยา่ งแจม่ แจง้ ท่ีสุด เทา่ ท่จี ะทา ได้

เมื่อความตน่ื เตน้ หายไป ร่างกายของเราก็จะรูส้ ึกปลอดโปร่ง เกิดความมนั่ ใจทจ่ี ะช่วยเสริม สมรรถภาพในการพดู ไดอ้ ยา่ งดียง่ิ การออกเสียงและพฒั นาพลงั เสียง เสียงเป็นองคป์ ระกอบสาคญั อยา่ งหน่ึงของการพดู เสียงของนกั พดู ทด่ี ีไมไ่ ดห้ มายความวา่ จะตอ้ ง หวานและมีกงั วานเหมือนเสียงของนกั ร้อง หากเป็นเสียงทอ่ี อกมาจากความรูส้ ึกที่แทจ้ ริงของผพู้ ดู เตม็ ไป ดว้ ยพลงั มีชีวติ ชีวา สามารถตรึงผฟู้ ังไวไ้ ด้ ผพู้ ดู จะตอ้ งเรียนรูข้ อ้ บกพร่องของการใชเ้ สียงโดยทวั่ ไป รู้หลกั การใชเ้ สียงท่ถี ูกตอ้ งและเลือกเร่ือง ทอ่ี านวยใหส้ ามารถแสดงความรู้สึกในน้าเสียงไดด้ ี จดุ มุ่งหมายสาคญั ก็คือ ตอ้ งการใหผ้ พู้ ดู แสดงความรูส้ ึกตามธรรมชาติออกมาในน้าเสียง มีการ เนน้ หนกั เบา สูงต่า ทอดจงั หวะ เร็ว รัว หรือหยดุ อยา่ งเหมาะสม มิไดห้ มายถึงการดดั เสียงเป็ นนกั พากย์ หนงั หรือเลียนเสียงสตั วต์ ่าง ๆ อยา่ งจาอวด ข้อบกพร่องของการออกเสียงโดยทัว่ ไป ๑. เสียงเบาเกินไป ๒. พดู ชา้ หรือเร็วเกินไป ๓. พดู อึกอกั เออ้ -อา้ น่าราคาญ ๔. ท่วงทานองเหมือนอ่านหนงั สือหรือทอ่ งจา ๕. พดู ราบเรียบระดบั เดียวกนั ต้งั แตต่ น้ จนจบ นา้ เสียงทดี่ ีคอื ย่างไร มีความจริงอยอู่ ยา่ งหน่ึงวา่ “ธรรมชาติของเสียง เราปรบั ปรุงไม่ได้ แตบ่ คุ ลิกของเสียงเรา ปรบั ปรุงได”้ น้าเสียงของคนเราเกิดจาก หลอดลม ลาคอ โพรงจมูก ลิ้น เหงือก ฟัน ริมฝีปากและอวยั วะอื่น ๆ ประกอบ แตล่ ะคนกจ็ ะมีลกั ษณะของน้าเสียงไปคนละแบบ การจะหาคนทีม่ ีน้าเสียงเหมือนกนั น้นั ยาก

มากพอ ๆ กบั การหาคนทม่ี ีรูปร่างหนา้ ตาเหมือนกนั นกั ร้องอาจจะเลียนเสียงกนั ได้ แต่ไม่เหมือนกนั ทีเดียวและถึงแมจ้ ะเหมือนกนั กไ็ ม่ใช่สิ่งทน่ี ่าภูมิใจอะไร นักพูดที่ดจี ะต้องพยายามเป็ นตวั ของตัวเอง อย่าเลยี นเสียง และลีลาของใคร พยายามพูดให้ เป็ นแบบธรรมชาติ แต่ต้องพูดดงั กว่าเดมิ เพราะมีผ้ฟู ังจานวนมาก วธิ ีปรับปรุงน้าเสียง ๑. พูดให้เสียงดังฟังชัด การพดู ใหเ้ สียงดงั ไวก้ ่อน ไดผ้ ลดีเสมอ อยา่ งนอ้ ยก็เป็ นการปลุกผฟู้ ังใหต้ ื่น และแสดงถึง ความเชื่อมนั่ ในตนเอง มีปัญหาวา่ ดงั แคไ่ หนจึงจะนบั วา่ พอดี คาตอบก็คอื ดงั พอทผี่ ฟู้ ังท้งั หอ้ งไดย้ นิ ผฟู้ ังนอ้ ยกด็ งั พอประมาณ ผฟู้ ังมากถา้ ไม่มีเคร่ือง ขยายเสียงก็ตอ้ งดงั มากจนเกือบตะโกน แตถ่ า้ มีเครื่องขยายเสียงที่ดี ก็ไม่จาเป็ นตอ้ งตะโกน เพราะอาจดงั เกินความจาเป็น จนกลายเป็นแสบแกว้ หู ปัญหาตอ่ ไปกค็ อื จะทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ ผฟู้ ังทกุ คนไดย้ นิ ตอบไดว้ า่ จงคะเนใหผ้ ฟู้ ังท่ีนงั่ อยแู่ ถวหลงั สุดไดย้ นิ กน็ บั วา่ เพยี งพอแลว้ ๒. จังหวะการพูดไม่ช้าหรือเร็วเกนิ ไป การพดู ชา้ เกินไป ทาใหผ้ ฟู้ ังเบือ่ หน่าย ง่วงเหงาหาวนอน พดู เร็วเกินไป ทาใหผ้ ฟู้ ังติดตามไม่ ทนั และผดิ พลาดไดง้ ่าย ด้งั น้นั การพดู คล่องจงึ ไม่เป็ นผลดีเสมอไป วธิ ีพดู ใหไ้ ดจ้ งั หวะพอดี คือการหดั พดู หรือหดั อ่านเป็ นประโยค ๆ เวน้ วรรคตอนใหถ้ ูก พดู ใหช้ ดั เจน ขาดคาขาดความ อยา่ ตู่คาตปู่ ระโยค อยา่ พดู รัวเสียจนผฟู้ ังรู้สึกเหนื่อยแทน

ข้อควรระวงั สาหรับผ้ทู ่พี ดู ตดิ อ่างหรือพูดไม่ชัด อย่าพยายามพูดเร็วเป็ นอันขาด ลดอัตราให้ ช้าลงกว่าที่เคยพูดตามปกติ มิฉะน้ันผ้ฟู ้ งจะฟังไม่รู้เร่ือง ๓. อย่าพูดเอ้อ-อ้า ไม่มีความจาเป็ นใด ๆ ท่ีจะตอ้ งพดู คาเออ้ หรือคาอา้ เพราะไม่ผลดีใด ๆ ท้งั สิ้น โดยมากพดู ตดิ เออ้ -อา้ กนั แทบทกุ ประโยค มีท้งั อยา่ งส้นั และอยา่ งยาว น่าราคาญส้ินดี บางคนติดมาโดยไม่มเี หตุผล อะไร นึกวา่ มนั เป็นของโกเ้ ก๋ บางคนติดมาเพราะคิดอะไรไม่ทนั กเ็ อาคาเอ-้ อา้ บรรจุเขา้ ไปตามช่องวา่ ง ต่าง ๆ บางคนเลียนแบบนกั พดู ดงั ๆ ก็น่าแปลกใจวา่ ส่ิงท่ีดี ๆ ทาไมไม่เลียน มาเลียนเอาแตค่ าเออ้ -อา้ ผลเสียของการพดู เออ้ -อา้ คือเสียเวลา เสียรสชาตขิ องการพดู ทาใหผ้ ฟู้ ังราคาญและบางคร้ังคา วา่ “อา้ ” อาจทาใหป้ ระโยคท้งั ประโยคเสียความหมายไปเลยกไ็ ด้ ทางท่ีดีควรตดั ออกใหเ้ หลือนอ้ ยที่สุด หรือไม่มีเลยยงิ่ ดี ติดขดั กเ็ วน้ จงั หวะไป การหยดุ บา้ งเป็นบางคร้งั กลบั เป็นผลดีมากกวา่ การพดู ไม่ติดขดั เสียดว้ ยซ้า จึงไม่ จาเป็นตอ้ งบรรจุ ๒ คาน้ีเขา้ ไปเลย ไม่วา่ กรณีใด ๆ พงึ ระลึกไว้เสมอว่า “เอ้อ - เสียเวลา อ้า–เสียคน” ๔. อย่าพูดเหมือนอ่านหนังสือหรือท่องจา ทว่ งทานองแบบอ่านหนงั สือหรือทอ่ งจา คอื พดู คล่องเป็ นเรือล่องตามน้า พดู ไมม่ ีจงั หวะจะ โคน ไม่มีชีวติ ชีวา ตดิ จะเร็วไปนิดและตาเหม่อลอย คลา้ ยกบั กลวั จะลืมทีท่ ่องมา พอถึงตอนที่ตดิ ขดั นึกไม่ ออกก็เสียขบวนไปเลย บางคร้งั พดู ผดิ แลว้ มวั ทวนซ้าใหม่ จนผฟู้ ังจบั ไดว้ า่ ทอ่ งจามาพดู แทนทจ่ี ะหาทางพลิกแพลง ประโยค หรือพดู ดดั แปลงทผ่ี ดิ ใหก้ ลายเป็ นถูก ส่วนมากการพดู แบบน้ีมกั มคี าวา่ “ขอโทษ” ปนอยู่ ประปราย เช่นเดียวกบั นกั เรียนอ่านออกเสียงหนา้ ช้นั ทางที่ดคี วรหัดพูดในลลี าสนทนา คอื พูดไปนึกไป ถ่ายทอดความคดิ โดยตรงจาก ผู้พูด ไปสู่ผ้ฟู ัง

๕. พูดด้วยความรู้สึกท่จี ริงใจ ตอ้ งใส่ความกระตือรือร้น ใส่อารมณ์และความรูส้ ึกลงไป อยา่ พดู ราบเรียบโดย ใชเ้ สียง ทานองเดียว ผฟู้ ังไม่ใช่หวั หลกั หวั ตอ ไม่ใช่ขอนไม้ ที่จะมานงั่ ฟังเรื่องราวอนั จืดชืด ไม่เป็ นรสของ ทา่ น พยายามเตือนตวั เองตลอดเวลาวา่ กาลงั พดู อยตู่ ่อหนา้ คนซ่ึงมีชีวติ จิตใจ มีความรู้สึกตอบสนอง การพดู ทจ่ี ริงใจจะออกมาในรูปของการเนน้ หนกั เบา เสียงสูงเสียงต่า การเนน้ จงั หวะ การรัว จงั หวะ ตลอดจนการหยดุ เล็กนอ้ ยก่อนหรือหลงั การพดู ท่ีสาคญั ๆ ส่ิงเหล่าน้ีแสร้งทาไม่ได้ ตอ้ งอาศยั การฝึกซอ้ ม การคุน้ เวที การปลุกความรู้สึกของตนเองใหม้ ี ความรู้สึกและเช่ือตามน้นั จริง ๆก่อน จงึ จะสามารถถ่ายทอดอยา่ งมีชีวติ ชีวาใหผ้ ฟู้ ังเกิดความรู้สึกคลอ้ ยตาม ได้ มีคาเตือนทนี่ ่าจดจาอยวู่ า่ “อยา่ พดู จนกวา่ ทา่ นจะมี ความเข้าใจ ในเร่ืองทีท่ ่านจะพดู อยา่ พดู จนกวา่ ทา่ นจะมี ความเชื่อ เร่ืองทที่ า่ นพดู และอยา่ พดู จนกวา่ ทา่ นจะมี ความรู้สึก ตาม เรื่องทท่ี า่ นพดู ” ความรู้สึกทีจ่ ริงใจมิใช่การระบายอารมณ์ ผพู้ ดู ท่ีกลายเป็นคนเจา้ อารมณ์ จะไม่ไดร้ ับความเล่ือมใสศรทั ธาจากผฟู้ ังเลยเป็ นอนั ขาด “นกั พดู ทดี่ ียอ่ มไม่สกั แตใ่ ชอ้ ารมณอ์ ยา่ งเดียว แต่ตอ้ งรู้จกั ใชส้ ติ ควบคุมอารมณ์ใหอ้ ยใู่ นแนวทาง ที่จะช่วย สนบั สนุนประเดน็ ของตนดว้ ย” การรู้จกั ใชอ้ ารมณ์ในขณะทพ่ี ดู จะเป็นเครื่องสนบั สนุนความมุ่งหมายของผพู้ ดู ทจี่ ะช่วยผกู มดั ใจ ผฟู้ ังไดส้ าเร็จ ปฏิกริยาทเ่ี กิดข้ึน ขณะผพู้ ดู ระบายอารมณ์ คือผพู้ ดู เหน่ือย ผฟู้ ังหวั เราะ ปฏิกริยาทเี่ กิดข้นึ ขณะผพู้ ดู พดู จากความจริงใจ คือผพู้ ดู ไม่เหนื่อย ผฟู้ ังเงียบกริบ

ในการพดู เราจึงพดู อยา่ งราบเรียบเร่ือยเฉ่ือยไม่ได้ ตอ้ งสอดใส่ความรู้สึกและอารมณ์ลงไป อาศยั ข้นั ตอนการจูงใจ เพอ่ื ชกั จงู ใหผ้ ฟู้ ังมีอารมณ์ร่วมไปกบั เราจนถึงจุดสุดยอดของสุนทรพจน์ การพูดจูงใจ การพดู เพอื่ ชกั จงู ใจ เป็นการพดู เพอื่ ใหผ้ ูฟ้ ังไดร้ ู้ เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังเช่ือและเพอ่ื ให้ผฟู้ ังเห็นดว้ ยท้งั ทาง ความคดิ และการกระทาตามความมุ่งหมายของผพู้ ดู เป็นการพดู ใหผ้ ฟู้ ังมีความเห็นคลอ้ ยตามและปฏบิ ตั ิตาม เป็ นการพดู อยา่ งมีเหตุผล เพอ่ื โนม้ นา้ ว จติ ใจ เกล้ียกล่อมชกั จูงใหผ้ ฟู้ ังคลอ้ ยคาม จุดมุ่งหมายของการพดู จงู ใจ เพอ่ื ชกั จูงใหผ้ ฟู้ ังเห็นดว้ ย คลอ้ ยตามในขอ้ เรียกร้อง วงิ วอนหรือขอ้ ประทว้ ง เพอื่ ใหเ้ ปล่ียนความเชื่อความคิด เพอ่ื กระตนุ้ อารมณ์ใหท้ าหรือปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง หลักการพูดจูงใจ ๑. ใหผ้ ฟู้ ังสนใจในการพดู ๒. ทาใหผ้ ฟู้ ังไวว้ างใจ และมีศรัทธาในถอ้ ยคาของผพู้ ดู ๓. บรรยายถึงเหตุผล ขอ้ เท็จจริง เพอื่ เป็ นความรูแ้ ก่ผฟู้ ังเกี่ยวกบั คุณค่าของปัญหาทน่ี ามาแสดง ๔. พดู ดว้ ยการวงิ วอนคน จงู ใจใหผ้ ูฟ้ ังปฏบิ ตั ติ าม กล่าวถึงประโยชน์ท่ีจะไดร้ ับ ปฏิภาณไหวพริบ ในขณะทีผ่ พู้ ดู กาลงั จะพดู หรือดาเนินการพดู อยู่ อาจมีปัญหาเฉพาะหนา้ เกิดข้ึน ไม่วา่ จะเป็ นใน การสมั มนา การพดู กบั ฝงู ชน การอภิปราย หรือการตอบขอ้ สงสยั หลงั การพดู ปัญหาที่ ไม่คาดคิดตา่ ง ๆ น้ี ผพู้ ดู จะตอ้ งใชป้ ฏิภาณไหวพริบเพอื่ แกไ้ ขให้การพดู เป็ นไปดว้ ยดี เช่น ๑. เม่ือผฟู้ ังแสดงความไม่พอใจหรือไม่เป็ นมิตรกบั ผพู้ ดู จงยม้ิ เพราะการยมิ้ แสดงถึงความรกั ความชอบ ความเป็นมิตร ผฟู้ ังก็จะมีไมตรีตอบผพู้ ดู

๒. เมื่อผฟู้ ังหรือคู่สนทนาโตเ้ ถียงกบั ท่าน จงหลีกเล่ียงการโตเ้ ถียง เพราะจะเป็ นผลใหเ้ กิดโทษ และทาลายอานาจบงั คบั ตนเอง ควรรู้จกั ผอ่ นส้ันผอ่ นยาว ใชค้ วามสุขมุ รอบคอบ ประนีประนอม และ เห็นอกเห็นใจ ซ่ึงจะช่วยใหม้ องเห็นแง่คิดของอีกฝ่ายหน่ึงได้ การอ่อนนอ้ มถอ่ มตนจะช่วยใหอ้ ีกฝ่ายหน่ึง ยอมรับความคิดเห็นของเรางา่ ยข้ึน และมีการโตแ้ ยง้ นอ้ ยลง ๓. เมื่อผฟู้ ังหรือคูส่ นทนาตาหนิติเตียนหรือกล่าวโทษทา่ น จงพดู ปรักปราลงโทษตวั เองใน ประการต่าง ๆ ซ่ึงจะเป็นการลดความข่นุ เคืองของผฟู้ ังลงได้ การกระทาเช่นน้ี จะเป็นการจงู ใจใหเ้ ขาเป็น คนใจกวา้ ง เปล่ียนทา่ ทโี อนอ่อนไปในทางทีใ่ หอ้ ภยั และเห็นความผดิ ของเราเป็ นสิ่งเล็กนอ้ ย จงใชว้ ธิ ีสุภาพ อ่อนโยน นุ่มนวล แสดงความเป็ นมิตร ๔. เม่ือพดู กบั ฝงู ชนทก่ี าลงั คลง่ั แคน้ ในลกั ษณะทบ่ี า้ คลง่ั จงหลีกเล่ียงการใหเ้ หตุผลเมื่อแรกพบ วธิ ีทีด่ ีท่สี ุดคอื พยายามพดู ใหฝ้ งู ชนรู้สึกวา่ เราเห็นใจเขา และเป็ นฝ่ ายเดียวกบั เขา พร้อมกบั พยายามพดู ชกั จงู เพอื่ เบนความสนใจหรือไดค้ ิดไดไ้ ตร่ตรอง จากน้นั จงึ เสนอแนะให้ พวกเขาหาทางออกดว้ ยวธิ ีอ่ืนต่อไป ๕. เม่ือพดู กบั ฝงู ชนท่ีเสนอขอ้ เรียกรอ้ ง ผพู้ ดู จะตอ้ งต้งั สตใิ หม้ นั่ อยา่ แสดงอาการตกใจหรือรูส้ ึก หวาดหวน่ั มากเกินไป เมื่อสอบถามถึงขอ้ เรียกร้องแลว้ ไม่ควรจะตอบรบั หรือตอบปฏิเสธทนั ที ควรพดู รบั แต่เพยี งวา่ “จะขอรบั ขอ้ เสนอท้งั หมดไวใ้ หผ้ มู้ ีอานาจพจิ ารณา” หรือหากทา่ นเป็ นผมู้ ีอานาจสูงสุด อาจตอบอยา่ งมีความหวงั วา่ “ ขอรับขอ้ เรียกรร้องท้งั หมดน้ี ไวพ้ จิ ารณา และจะใหค้ วามเป็นธรรมแก่ทกุ คน” ๖. เม่ือพดู กบั ฝงู ชนท่บี ีบค้นั ให้ตอบคาถามทไี่ มม่ ีทางเลือก เช่น “จะจดั การหรือไม่” “จะทา หรือไม่” “จะเพม่ิ เตมิ หรือไม่” หรือ “จะแกไ้ ขหรือไม่” ควรตอบว่า ตนยงั ไม่ทราบขอ้ เทจ็ จริง จะตอ้ ง ทราบขอ้ เทจ็ จริงเสียก่อนจึงจะตอบใหท้ ราบ โดยพยายามใชค้ าพดู แสดงความต้งั ใจท่ีจะช่วยเหลือ และให้ ความร่วมมือ เช่น พดู วา่ เห็นใจเขา เขา้ ใจพวกเขาดี จะพยายามหาหนทางแกไ้ ขโดยเร็วท่สี ุด จะประชุม กรรมการด่วน จะพจิ ารณาใหค้ าตอบโดยเร็วที่สุด เป็นตน้ ๗. เม่ือสงั เกตเห็นวา่ ผฟู้ ังรู้สึกเบอ่ื หน่าย ไม่สนใจในเรื่องทผี่ พู้ ดู กาลงั พดู แตก่ ลบั ไปทาส่ิงอ่ืนเสีย เช่นอ่านหนงั สือ เขยี นหนงั สือ มองออกนอกหนา้ ตา่ ง คุยกนั เช่นน้ี ผพู้ ดู ควรเปลี่ยนวิธีพดู เสียใหม่ เช่น พดู ใหเ้ ร็วข้นึ รวบรดั เขา้ สู่จุดสาคญั เร็วข้นึ หรือเพมิ่ อารมณ์ขนั แทรกเขา้ ไป

กล่าวโดยสรุป ตลอดเวลาทพี่ ูด ผู้พดู ควรใช้ไหวพริบสังเกตอากปั กริยาของผ้ฟู ัง สังเกตความรู้สึกท่ี มีต่อเร่ืองทพี่ ูด ถ้าสังเกตเห็นว่าผ้ฟู ังมปี ฏกิ ริยาตอบในทางทไ่ี ม่พงึ ประสงค์ ผ้พู ูดต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้านั้นได้ทนั ท่วงที การพูดจงึ จะประสบผลสาเร็จ การบรรยายหรือการอธิบาย ในบางคร้ังอาจไดร้ ับเชิญใหไ้ ปบรรยายในทต่ี า่ ง ๆ การพดู แบบน้ีตอ้ งใชก้ ารอธิบายเพอ่ื ช้ีแจง หรือ ใหค้ วามรู้ วธิ ีการอธิบายอาจทาไดห้ ลายแบบ เช่น การซกั ถาม การยกตวั อยา่ ง หรือ การเปรียบเทยี บ เป็น ตน้ วัตถปุ ระสงค์ของการบรรยายหรืออธิบาย การบรรยายหรือการอธิบายมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ๑. ใหข้ อ้ มูลขา่ วสาร โดยการบอกเล่าและช้ีแจง ๒. ใหค้ วามรู้และสาระ โดยการอธิบายหรือช้ีแจง ๓. สร้างความเขา้ ใจ โดยการยกตวั อยา่ งและตีความ ๔. แสดงความคดิ เห็น ความรู้สึก และเจตคติ โดยการเสนอความคิดแก่ผฟู้ ัง วธิ ีพูดแบบบรรยายหรืออธิบาย และความ วธิ ีพดู แบบบรรยายหรืออธิบายอาจทาไดด้ งั น้ี ๑. ศกึ ษาคน้ ควา้ และรวบรวมขอ้ มูลของเรื่องที่จะพดู ไวอ้ ยา่ งป็นระบบ ๒. กาหนดขอบเขต แนวคดิ และประเดน็ ท่สี าคญั ๓. หาเหตผุ ล คากล่าวอา้ งและขอ้ คน้ พบตา่ ง ๆ ไวส้ นบั สนุนเน้ือหาสาระ ๔. เลือกตวั อยา่ งหรือกรณีศึกษาต่าง ๆ ไวป้ ระกอบการพดู เพอ่ื เพมิ่ น้าหนกั น่าเชื่อถือ ๕. วางเคา้ โครงเร่ืองและจดั ระบบความคิด ๖. ร่างบทพดู ต้งั แต่อารมั ภบท เน้ือเรื่อง และบทสรุป

๗. หากตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ประกอบการบรรยาย ควรจดั เตรียมใหพ้ ร้อม และซกั ซอ้ ม การใชใ้ ห้ ชานาญ ๘. ก่อนการบรรยายควรทบทวนร่างเน้ือหา การจดั ลาดบั ก่อนหลงั ใหแ้ น่นอน และตอ้ ง รกั ษาเวลาใหพ้ อดีตามทกี่ าหนดให้ ๙. ขณะบรรยาย ควรคานึงถึงหลกั การพดู อยา่ งถูกวธิ ี เช่น การใชส้ ายตา การใชเ้ สียง การใช้ ถอ้ ยคา การใชท้ ่วงทา่ และลีลาประกอบ เป็ นตน้ องค์ประกอบของการบรรยายทมี่ ปี ระสิทธิภาพ การบรรยายหรือการอธิบายทไ่ี ดผ้ ลอยา่ งมีประสิทธิภาพ ควรคานึงถึงเร่ืองต่อไปน้ี ๑. ลกั ษณะของผบู้ รรยาย ผบู้ รรยายจะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในเน้ือหาท่ีจะบรรยายเป็ นอยา่ งดี สามารถวเิ คราะห์พฤตกิ รรมของผฟู้ ังได้ มีความสามารถในการใชถ้ อ้ ยคา มีไหวพริบปฏภิ าณ และมี บคุ ลิกภาพเหมาะสมน่าเช่ือถือ ๒. การนาเสนอ ตอ้ งเสนอเร่ืองราวอยา่ งเป็ นข้นั ตอน สรุปแนวคดิ ใหช้ ดั เจน ขยายความ และตคี วามไดถ้ ูกตอ้ ง ตลอดจนนาเสนอไดส้ อดคลอ้ งและบรรลุจดุ มุ่งหมายของเร่ืองราวน้นั ๆ ๓. บรรยากาศของการบรรยาย ตอ้ งมีสถานท่ีและสภาพแวดลอ้ มท่ีเอ้อื อานวย เรื่องที่พดู อยใู่ น ความสนใจของผฟู้ ัง พยายามดึงผฟู้ ังใหม้ ีส่วนร่วม และสามารถควบคุมเวลาไดต้ ามกาหนด การพูดแบบเล่าเรื่อง การเล่าเรื่อง เป็นการถ่ายทอดความคิด ประสบการณ์ ความรู้สึก ความตอ้ งการ และเจตนารมณ์ตา่ ง ๆ ของผเู้ ล่า เพอื่ ใหผ้ ฟู้ ังรับรู้และเกิดปฏกิ ริยาตา่ ง ๆ เป็นการตอบสนองท่ีมีสมั ฤทธิผลตรงตามจดุ มุ่งหมาย ของผเู้ ล่า วัตถปุ ระสงค์ของการพูดแบบเล่าเร่ือง ๑. เพอื่ ใหค้ วามรู้ โดยผเู้ ล่าเป็นผใู้ หค้ วามรู้ มีประสบการณ์ตรงเก่ียวกบั เรื่องท่เี ล่า

สามารถอธิบายหลกั เกณฑห์ รือขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ ได้ ๒. เพอ่ื ใหเ้ กิดจนิ ตนาการแก่ผฟู้ ัง โดยผเู้ ล่าตอ้ งใชค้ าพดู และเสียงประกอบใหผ้ ฟู้ ังใช้ ความคิด สร้างจนิ ตนาการและนึกเห็นภาพราวกบั สมั ผสั ดว้ ยตนเอง ๓. เพอื่ ใหค้ วามบนั เทงิ โดยผเู้ ล่าตอ้ งสอดแทรกอารมณ์ ความรูส้ ึกใหเ้ ขา้ กบั เน้ือเร่ือง เพอื่ ใหผ้ ฟู้ ังผอ่ นคลายความตงึ เครียด สนุกสนาน ตนื่ เตน้ และไดร้ ับความเพลิดเพลิน ๔. เพอ่ื ชกั จูงใหผ้ ฟู้ ังเปลี่ยนทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมไปในทางท่ดี ี โดยผเู้ ล่าควรใชถ้ อ้ ยคา แสดงความหนกั แน่น ใชส้ ุภาษติ คาคม การเปรียบเทยี บหรือเหตุการณ์จริงประกอบใหช้ ดั เจน ๕. เพอ่ื การสง่ั สอนอบรม โดยผเู้ ล่าตอ้ งใชส้ าธกโวหาร และอุปมาอุปไมยโวหารมา ประกอบใหผ้ ฟู้ ังเห็นจริง เกิดความรู้สึกคลอ้ ยตาม เพอื่ เปลี่ยนแปลงความคิดไปในทางท่ดี ี ๖. เพอ่ื แสดงความคดิ เห็น โดยผูเ้ ล่าควรมีประสบการณ์และมีขอ้ มูลมาประกอบ ใหถ้ ูกตอ้ ง การเล่าลกั ษณะน้ีจะมกี ารใหข้ อ้ คดิ เห็นหรือขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ วิธีพูดแบบเล่าเร่ืองอาจทาได้ดังนี้ ๑. ตอ้ งกาหนดจุดมุ่งหมายก่อนวา่ ตอ้ งการใหผ้ ฟู้ ังไดร้ บั ประโยชน์อะไร แลว้ เลือกเร่ือง ใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ ๒. เตรียมเรื่องโดยวางเคา้ โครง ลาดบั ใจความ เตรียมสานวนภาษา การใชค้ าพดู ท่าทาง เสียง และสื่อประกอบการเล่าเรื่อง ๓. วางแผนการเล่าโดยมีการเร่ิมเรื่อง ดาเนินเรื่องและจบเรื่อง เพอื่ ใหเ้ กิดการติดตามฟัง ๔. ควรจดั บรรยากาศในการเล่าเร่ืองใหเ้ หมาะสม ๕. ดึงความสนใจของผฟู้ ังใหม้ ีส่วนร่วม เช่น การซกั ถาม เป็ นตน้ ๖. มีการใชเ้ สียงเรา้ ความสนใจ เช่น การทอดเสียง การเนน้ จงั หวะ การเนน้ คา การใส่อารมณ์ เป็ นตน้ ๗. มีการประเมินผลการฟัง โดยการซกั ถาม หรือต้งั คาถามใหผ้ ฟู้ ังร่วมกนั ตอบ

การพูดในโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ จุดมุ่งหมาย โอกาสท่จี ะตอ้ งกล่าวคาปราศรัย หรือพดู ตอ่ ทีช่ ุมนุมชน มีมากมายเหลือเกิน ท้งั แบบเป็ นทางการ และแบบไม่เป็นทางการ ทกุ คนจะตอ้ งเผชิญปัญหาเฉพาะหนา้ ในเรื่องการพดู ไม่วนั ใดก็วนั หน่ึง ตราบใดที่ ยงั อยกู่ บั สงั คม ผฝู้ ึกจะตอ้ งเรียนรู้หลกั ทวั่ ไปของการกลา่ วสุนทรพจน์ในโอกาสต่าง ๆ แลว้ เลือกเตรียมสุนทรพจน์ สกั แบบหน่ึงมากล่าวในทป่ี ระชุม โดยสมมุตสิ ถานการณ์ข้ึนวา่ จะกล่าวในโอกาสอะไร ผฟู้ ังในหอ้ งประชุม เป็นใคร และตนเองกล่าวในฐานะอะไร จะเป็ นเรื่องจริงหรือเลียนแบบ โดยสมมุติสถานการณ์แปลก ๆ ข้ึนกไ็ ด้ แตต่ อ้ งสมเหตสุ มผล ถา้ เป็นเร่ืองทีเล่นทจี ริงตอ้ งระวงั อยา่ ใหผ้ ใู้ ดเสียหายโดยไม่จาเป็ น ในการกล่าวรายงานหรือแถลงเป็นทางการ อาจมีตน้ ร่างมาอ่านเพอื่ ไม่ใหผ้ ดิ พลาดตกหล่น แตผ่ พู้ ดู จะตอ้ งรกั ษาบคุ ลิกภาพในการพดู ใหเ้ หมาะสม ไม่กม้ หนา้ ดูบทตลอดเวลา ตอ้ งใชส้ ายตาดูบทเพียง ๑ ใน ๓ อีก ๒ ใน ๓ มองผฟู้ ัง ข้อควรคานึงสาหรับการพูดในโอกาสต่าง ๆ เม่ือไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ป็นผพู้ ดู ในโอกาสใดกต็ าม ท่ีมิใช่เป็ นงานประจาหรือมิใช่งานปาฐกถา ธรรมดาทวั่ ๆไป ผพู้ ดู ควรสารวจวเิ คราะห์ส่ิงต่อไปน้ีก่อน ๑. จดุ มุ่งหมายของการประชุม - การประชุมน้นั จดั ข้ึนเพอื่ อะไร - ผฟู้ ังเป็นใคร มาประชุมในฐานะอะไร - สาระสาคญั ของการประชุมอยตู่ รงไหน ๒. ลาดบั รายการ - มีรายการเรียงลาดบั กนั ไวอ้ ยา่ งไร - ผพู้ ดู อยใู่ นฐานะอะไร กล่าวในนามใคร - เวลาท่ีกาหนดไวน้ านเท่าใด หรือควรจะนานเท่าใด

- ก่อนหรือหลงั รายการพดู มีสิ่งหน่ึงทน่ี ่าสนใจพเิ ศษอยา่ งใดหรือไม่ ๓. สถานการณ์ - ผฟู้ ังกาลงั ใจจดใจจ่อ อยกู่ บั เร่ืองใดเรื่องหน่ึงเป็นพเิ ศษหรือไม่ - ผฟู้ ังมาดว้ ยใจสมคั ร หรือถูกขอร้อง ถูกบงั คบั ใหม้ าฟัง - ผฟู้ ังรูจ้ กั ผพู้ ดู หรือไม่ เลื่อมใสอยแู่ ลว้ หรือไม่ชอบหนา้ เมื่อใดควรอ่านจากร่าง โดยทวั่ ไปการพดู ทีจ่ ดื ชืดน่าเบ่อื หน่ายที่สุด คือ การอ่านจากตน้ ฉบบั ทเ่ี ตรียมไว้ เพราะเป็นการ พดู ทีไ่ ม่ไดอ้ อกมาจากความรูส้ ึกอยา่ งจริงใจของผพู้ ดู ผอู้ ่านไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคดิ ออกมาได้ ดีเทา่ กบั การพดู ปากเปล่า ด้งั น้นั การอ่านจึงเหมาะสาหรับกรณีต่อไปน้ีเท่าน้นั ๑. ในโอกาสพระราชพธิ ี ๒. ในการเปิ ดประชุม หรือเปิ ดงานตา่ ง ๆ อยา่ งเป็นทางการ ๓. การรายงานทางวชิ าการ หรือสรุปการประชุม ๔. การอ่านขา่ วหรือบทความทางวทิ ยุ โทรทศั น์ ท่ีผา่ นการตรวจสอบมาแลว้ ๕. โอกาสสาคญั อ่ืน ๆ ซ่ึงไม่ตอ้ งการใหม้ ีการพดู ขาดหรือเกิน นอกจากการอ่านทกุ คาจากตน้ ฉบบั ท่สี มบูรณ์แลว้ ยงั มีการอ่านอีกแบบหน่ึง ซ่ึงอาศยั หลกั เดียวกนั แต่ไม่ไดอ้ ่านท้งั หมด อ่านแตเ่ พยี งขอ้ ความบางตอนทย่ี กมาประกอบ เช่น ตวั เลข สถิติ วนั เดือนปี จดหมายเหตุในประวตั ิศาสตร์ ขอ้ ความในอญั ญประกาศ คาประพนั ธ์ สุภาษติ คาสอนทางศาสนา เป็นตน้ ข้อควรระวังในการอ่าน เพอื่ ไม่ให้ หรือถือ ๑. ควรซอ้ มอ่านตน้ ฉบบั ใหค้ ุน้ กบั จงั หวะ วรรคตอนเสียก่อน ๒. ตน้ ฉบบั ตอ้ งเขยี นหรือพมิ พใ์ หอ้ ่านงา่ ย ๓. ไม่ควรเยบ็ ติดกนั ควรวางซอ้ นกนั ไว้ เรียงลาดบั เลขหนา้ ใหเ้ รียบรอ้ ย เกิดเสียงดงั เวลาพลิกหนา้ ตอ่ ไป ๔. ในเมื่อจะตอ้ งอ่านก็ไมค่ วรทาลบั ๆ ล่อ ๆ ควรวางตน้ ฉบบั ไวบ้ นแท่น ดว้ ยมือท้งั สองขา้ ง ถา้ ไม่มีแทน่ ใหว้ าง

๕. อยา่ กม้ หนา้ กม้ ตาอา่ นตลอดเวลา ถา้ ไดซ้ กั ซอ้ มกนั มาแลว้ เพยี งแต่เหลือบสายตา กอ็ าจ อ่านไดต้ ลอดบรรทดั หรือท้งั ประโยค ๖. ใชส้ ายตามองตน้ ฉบบั เพยี ง ๑ ใน ๓ ที่เหลือมองที่ประชุม ๗. ระวงั อยา่ ใหข้ าดตอนเมื่อจะข้ึนหนา้ ใหม่ ๘. รักษาทว่ งทานองการพดู ใหม่ อยา่ ให้เป็นสาเนียงอ่าน โอกาสต่าง ๆ ในการพูด การพดู ในโอกาสพเิ ศษ อาจแบง่ ออกไดเ้ ป็ น ๗ ประเภทใหญ่ ๆ คือ ๑. กล่าวแสดงความยนิ ดี/กล่าวตอบ ๒. กล่าวไวอ้ าลยั ๓. กล่าวอวยพร/กล่าวตอบ ๔. กล่าวสดุดี ๕. กล่าวมอบรางวลั หรือตาแหน่ง/กล่าวตอบ ๖. กล่าวตอ้ นรบั ๗. กล่าวแนะนาผพู้ ดู -องคป์ าฐก หลักทว่ั ไป ๑. พยายามคิดคน้ หาลกั ษณะเฉพาะของโอกาสหรือบคุ คลท่กี ล่าวถึง อยา่ พดู เหมือนกนั ทุกงาน ๒. อยา่ ลืมการข้ึนตน้ และการลงทา้ ยทด่ี ี ๓. อยา่ พดู นานเกินไป ควรรวบรดั ทีส่ ุด ๔. ใชอ้ ารมณ์ขนั บา้ ง ถา้ เหมาะสม ตวั อย่างสถานการณ์และหัวข้อการพูด ๑. กล่าวแสดงความยนิ ดี ก. แสดงความยนิ ดีในโอกาสรับตาแหน่งใหม่

- ผกู้ ล่าว กล่าวในนามของใคร - ยกยอ่ งในความวริ ิยะอุตสาหะและคุณความดี - อวยพรหรือมอบของท่ีระลึก - อยา่ ชกั ชวนผฟู้ ัง ปรบมือ ควรปล่อยใหผ้ ฟู้ ังตดั สินใจเอง หรือปรบมือนา ข. กล่าวตอบ - ขอบคุณ - ปวารณาตวั รับใช้ ยนื ยนั ในความเป็ นกนั เองเหมือนเดิม - อวรพรตอบ ๒. กล่าวไว้อาลยั ก. กล่าวใหเ้ กียรติผตู้ าย - ยกยอ่ งคุณความดีของผตู้ าย - ใหเ้ กียรตแิ ละใหค้ วามอบอุ่นแก่ญาตมิ ิตรผตุ้ าย - ชกั ชวนให้ยนื ไวอ้ าลยั (ไม่ควรมีการปรบมือเด็ดขาด) ข. กล่าวแสดงความอาลยั ในการยา้ ยงาน - ชมเชยในผลงานท่ีปฏิบตั ิ - กล่าวถึงความรักความอาลยั ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาและเพอื่ นร่วมงานทกุ คน - หวงั วา่ จะกา้ วหนา้ และทาประโยชน์ตอ่ ไป - อวยพรใหเ้ ดินทางโดยสวสั ดิภาพและประสบความสาเร็จ ๓. กล่าวอวยพร ก. อวยพรข้นึ บา้ นใหม่ - ความสาเร็จในครอบครัวอยทู่ ่ีการมีบา้ นช่องเป็นหลกั ฐาน - ความซ่ือสตั ยส์ ุจริตและขยนั หมน่ั เพยี รของเจา้ ของบา้ น - อวยพรใหป้ ระสบความสุข ข. อวยพรวนั เกิด - ความสาคญั ของวนั น้ี - คุณความดีของเจา้ ภาพ - ความเจริญเตบิ โต กา้ วหนา้ หรือเป็ นที่พ่งึ ของบุตรหลาน - อวยพรใหอ้ ายยุ นื นาน ค. อวยพรคู่สมรส - ความสมั พนั ธข์ องตนตอ่ คู่สมรส หรือฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึง - ความยนิ ดีที่ท้งั สองครองชีวติ คู่ - อวยพร

ง. กล่าวตอบรับพระ(ทกุ อยา่ ง) - ขอบคุณในเกียรติทีไ่ ดร้ ับ - ยนื ยนั จะรกั ษาคุณงามความดี และปฏิบตั ิตามคาแนะนา - อวยพรตอบ ๔. กล่าวสดดุ ี ก. กล่าวมอบประกาศนียบตั รสดุดี - ความหมายและความสาคญั ของประกาศนียบตั ร - ความเหมาะสมของผไู้ ดร้ บั ประกาศนียบตั ร - มอบ สมั ผสั มือ และปรบมือใหเ้ กียรติ ข. กล่าวสดุดีบคุ คลสาคญั ทล่ี ่วงลบั ไปแลว้ - ความสาคญั ทีม่ ีตอ่ สถาบนั - ผลงานและมรดกตกทอด - ยนื ยนั จะสืบตอ่ มรดกน้ีอยา่ งเตม็ ความสามารถ - แสดงคารวะ/ปฏิญาณร่วมกนั ๕. กล่าวมอบรางวลั หรือตาแหน่ง ก. มอบตาแหน่ง - ชมเชยความสามารถและความดีเด่นของผทู้ ี่ไดร้ บั ตาแหน่ง - ความหมายและเกียรตนิ ิยมของตาแหน่งน้ี - ฝากความหวงั ไวก้ บั ผดู้ ารงตาแหน่งใหม่ - มอบของท่รี ะลึกหรือเขม็ สญั ญลกั ษณ์ - สมั ผสั มือและปรบมือใหเ้ กียรติ ข. รบั มอบตาแหน่ง - ขอบคุณทใี่ หค้ วามไวว้ างใจและใหเ้ กียรติ - ชมเชยกรรมการชุดเก่า(ส่วนดีเด่น)ท่กี าลงั จะพน้ ไป - แถลงนโยบายโดยยอ่ - ใหค้ าสญั ญาจะรกั ษาเกียรติและปฏิบตั ิหนา้ ที่อยา่ งดียง่ิ - ขอความร่วมมอื จากกรรมการและสมาชิกทุกคน ๖. กล่าวต้อนรับ ก. ตอ้ นรับสมาชิกใหม่ - ความสาคญั และความหมายของสถาบนั

- หนา้ ท่ีและสิทธิท่สี มาชิกจะพงึ ไดร้ ับ - กล่าวยนิ ดีตอ้ นรบั - มอบเขม็ สญั ญลกั ษณ์(ถา้ มี) สมั ผสั มือ ข. ตอ้ นรับผมู้ าเยอื น - เล่าความเป็ นมาของสถาบนั โดยยอ่ - ความรูส้ ึกยนิ ดีทมี่ ีโอกาสตอ้ นรับ - มอบหนงั สือหรือของท่รี ะลกึ - แนะนาใหท้ ่ีประชุมรู้จกั และเชิญกล่าวตอบ ๗. กล่าวแนะนาผ้พู ูด- องค์ปาฐก - เหตทุ ่ีตอ้ งพดู เรื่องน้ี - ความรู้ ประสบการณ์ และความสาคญั ของผพู้ ดู โดยเฉพาะเก่ียวกบั เรื่องน้ี - สรา้ งบรรยากาศเป็นกนั เองระหวา่ งผพู้ ดู กบั ผฟู้ ัง ทาใหผ้ พู้ ดู อยากพดู และ ผฟู้ ังอยากฟัง - อยา่ แนะนายาวเกินไป และอยา่ ยกยอจนเกินความจริง ความเช่ือเกีย่ วกับอารมณ์ขัน เช่ือกนั วา่ อารมณ์ขนั ข้นึ อยกู่ บั นิสยั ของคนบางคน คนท่เี กิดมามอี ารมณ์ขนั จะพดู อะไร ทาอะไรก็ มีอารมณ์ขนั แฝงอยดู่ ว้ ยเสมอ ดาวตลกบางคนพอเห็นเราก็หวั เราะแลว้ ท้งั ๆ ท่ียงั ไม่ไดแ้ สดงอะไรตลก ๆ ใหเ้ ราดูเลย ส่วนคนทไี่ ม่มอี ารมณ์ขนั จะพยายามสรา้ งอารมณ์ขนั ข้ึนมาน้นั ยากมาก เป็ นการฝืนความรู้สึก เหลือเกิน แตเ่ ราจะปฏเิ สธความจริงขอ้ หน่ึงไม่ได้ คอื มนุษยท์ กุ คนต่างกม็ อี ารมณ์ขนั ดว้ ยกนั ท้งั น้นั ไมม่ าก ก็นอ้ ย ทุกคนจะหวั เราะหรือไม่กย็ มิ้ เม่ือเห็นใครแกลง้ เขยี นป้ ายขอ้ ความประหลาด ๆ แอบแขวนไวท้ ีห่ ู กางเกงดา้ นหลงั ของใครสกั คน ทกุ คนจะหวั เราะเม่ือเห็นใครสกั คนเหยยี บเปลือกกลว้ ยหอมลื่นหกลม้ และ ทุกคนจะชอบใจ เมื่อเห็นใครแกลง้ ทาใหค้ นบา้ จ้ีตกใจและพดู อะไร ๆ ชอบกล ๆ ออกมา คนทีข่ รึมท่สี ุดก็จะมอี ารมณ์ขนั ถา้ อยรู่ ะหวา่ งเพ่อื นฝงู ทสี่ นิทกนั จริง ๆ แต่ถา้ อยทู่ า่ มกลางคน แปลกหนา้ เขาจะปิ ดปากเงียบ ไม่ยอมพดู จาเล่นหวั กบั ใครเลย

วธิ ีสร้างอารมณ์ขัน คนทีป่ รารถนาจะเป็นผพู้ ดู ทด่ี ี ก็มีทางจะทะนุถนอมปลกู ฝังอารมณ์ขนั ของตนเองใหเ้ จริญงอกงาม ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งอาศยั พรสวรรคอ์ ะไรเลย ลองลงมอื ปฏิบตั ติ ามน้ี ๑. อ่านหนงั สือประเภทขาขนั โดยเฉพาะ ๒. สงั เกตวธิ ีการวิพากยว์ จิ ารณ์ของนกั เขียนและนกั หนงั สือพมิ พท์ ี่มีอารมณ์ขนั ๓. มองโลกในแงด่ ี มองเรื่องรา้ ยในมุมกลบั ดูบา้ ง ๔. จดจาวธิ ีการพดู ของนกั พดู บางคนท่ีมีอารมณ์ขนั ๕. หดั สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กบั ผอู้ ื่น พยายามหาตวั อยา่ งแปลก ๆ ขา ๆ มาเล่าสู่ กนั ฟัง อยา่ เป็นคนเคร่งเครียดจนเกินไป ๖. เม่ือมีโอกาสพดู ตอ่ ท่ีประชุม หาตวั อยา่ งเหมาะ ๆ แทรกเขา้ ไปบา้ ง ใหเ้ กิดอารมณ์ขนั ถา้ ผฟู้ ัง ไม่ขนั จงสารวจวา่ จงั หวะและวธิ ีการเล่าอาจผดิ พลาดตรงไหนบา้ ง แลว้ พยายาม ปรับปรุงในโอกาสต่อไป ๗. พยายามสร้างจิตใจใหเ้ ป็นกนั เองกบั ผฟู้ ังและคนทุกคน อารมณ์ขนั ๖ ประเภท ต่อไปน้ีเป็นประเภทต่าง ๆ ของการสรา้ งอารมณ์ขนั ทีใ่ ชก้ นั ทวั่ ไป ๖ ประเภท คอื ๑. ทาเรื่องเล่นให้เป็ นเรื่องจริง ผฟู้ ังรู้อยแู่ ลว้ วา่ เรื่องน้ีเป็ นเรื่องสมมุติ หรือนิยายปรัมปรา ผพู้ ดู นามาดดั แปลง เพมิ่ เตมิ รายละเอียดเขา้ ไป กลายเป็นเร่ืองสนุกสนานกวา่ เดิมเสียอีก ตวั อยา่ ง เช่น บรรยายเร่ืองการใชภ้ าษาไทยใหถ้ ูกตอ้ ง แลว้ ยกเอาเรื่อง“ผใู้ หญล่ ี”มาเล่าเป็ นตุเป็นตะท้งั ๆ ที่ผฟู้ ังรู้กนั อยแู่ ลว้ ก็อดหวั เราะไม่ได้ ๒. ท่าดที เี หลว ผพู้ ดู ทาทเี ป็ นผรู้ ู้เร่ืองราวท่พี ดู เป็ นอยา่ งดี พดู ไปพดู มากช็ กั เลอะ ๆ เลือน ๆแลว้ พาล สรุปจบลงขา้ ง ๆ คู ๆ ผฟู้ ังรูอ้ ยตู่ ้งั แต่ตน้ แลว้ วา่ ตอ้ ง “ตกมา้ ตาย” คร้ันเห็นผพู้ ดู “ตกมา้ ตาย”จริง ๆ กช็ อบใจ ท้งั น้ีตอ้ งไม่ใช่เร่ืองใหญโ่ ตหรือโอกาสสาคญั ๆ ๓. ลบั ลมคมใน ถา้ รูอ้ ยวู่ า่ ผฟู้ ังส่วนใหญ่เขา้ ใจต้ืนลึกหนาบางในเรื่องเก่ียวกบั บุคคล หรือสถาบนั น้นั ๆ อยอู่ ยา่ งดี ผพู้ ดู อาจใชค้ าพดู เปรียบเทยี บมีลบั ลมคมใน ผฟู้ ังคดิ แลว้ อาจฮาได้ จะโกรธกนั กไ็ ม่ได้

เพราะไม่ไดว้ า่ ออกมาตรง ๆ เพยี งแตเ่ ฉียด ๆ ไปเทา่ น้นั แตเ่ ร่ืองน้ีตอ้ งระวงั อยา่ ถึงกบั กล่าวล่วงเกินหรือ ลามปามมากเกินไป แทนท่ผี ฟู้ ังจะขา กลบั นิ่งเงียบ และอึดอดั แทนกไ็ ด้ ๔. ตัวอย่างขาขนั ถา้ สามารถทาได้ ลองพยายามหาตวั อยา่ งมาอธิบายสนบั สนุนเรื่องของตนเป็ น ตอน ๆ ตวั อยา่ งไม่จาเป็นตอ้ งเป็ นเรื่องจริงเสมอไป เร่ืองตลกขาขนั กไ็ ด้ เมื่อเล่าจบลงกพ็ ยายามขมวดให้ เขา้ เรื่องที่ดาเนินอยู่ แมไ้ ม่ตรงทเี ดียวก็พอกลอ้ มแกลม้ กลืน ผฟู้ ังจะไม่ถอื สาอะไร กลบั ชอบและจาได้ แม่นยาเสียอีก ๕. ต้องขบจึงขนั จดจาตวั อยา่ งการใชถ้ อ้ ยคา สานวนทีค่ ม ๆ ตอ้ งขบจงึ จะขนั เอามาใชห้ รือ ดดั แปลงใหเ้ ป็นของตนเอง มีการหยดุ เลก็ นอ้ ยใหผ้ ฟู้ ังไดค้ ดิ และหวั เราะก่อน แลว้ ค่อยโยงเขา้ เรื่อง จะสนุก มาก ตวั อยา่ งเช่น นกั เขียนนามปากกา “ฮิวเมอริสต”์ กล่าววา่ “เรื่องการด่ืมสุราเด๋ียวน้ีผมลดลงไปมาก เมื่อก่อนน้ีผมดื่มสองเวลา คือเวลาฝนตกกบั ฝนไม่ตก เดี๋ยวน้ีผมด่ืมเฉพาะเวลาท่ตี ่นื เท่าน้นั เอง...” ๖. ความเชยของตนเอง ไม่มีอะไรที่ผฟู้ ังรูส้ ึกสาสมใจ พอใจ เท่ากบั ผพู้ ดู ไดเ้ ล่าถึงความเป่ิ น ความเชย ความหา้ แตม้ ท่ีเกิดข้ึนกบั ตนเองใหผ้ ฟู้ ังไดฟ้ ัง แทนที่จะเสียดสีคนอ่ืนหรือยกความเสียหายของ คนอ่ืนมาเป็นตวั อยา่ ง ลองยกเรื่องแย่ ๆ ของตวั เองข้นึ มาเป็ นตวั อยา่ งบา้ ง คนฟังจะชอบใจมากทกุ คร้ัง ข้อควรระวังในการพูดให้เกดิ อารมณ์ขนั การพดู ใหเ้ กิดอารมณ์ขนั ตอ้ งสร้างสรรคอ์ ยา่ งเหมาะสม ๑. อยา่ บอกผฟู้ ังดว้ ยประโยคทานองน้ี “ตอ่ ไปน้ีเป็ นเรื่องขาขนั ...” “ผมอยากจะเล่าเร่ืองตลกให้ ฟัง...” “ผมมีเร่ืองสนุก ๆ จะเล่าใหท้ า่ นฟัง...” ฯลฯ การพดู ทานองน้ีจะทาใหผ้ ฟู้ ังรูท้ นั และหมดสนุก ปล่อยใหผ้ ฟู้ ังสนุกเอง ถา้ ไม่สนุกก็แลว้ ไป ถา้ สนุกไดก้ ็ดี ๒. อยา่ ตลกเองหวั เราะเอง พยายามอยา่ หวั เราะก่อนผฟู้ ังเป็ นอนั ขาด ไม่หวั เราะเลย แบบ “ตลก หนา้ ตาย” ไดย้ ง่ิ วเิ ศษ ๓. อยา่ ให้เรื่องตลกกลายเป็นสาระสาคญั ของเรื่อง ใหเ้ ป็นเพยี งส่วนประกอบเทา่ น้นั ส่ิงขบขนั เป็นเพยี งเคร่ืองปรุงอาหาร ไม่ใช่ตวั อาหาร ตอ้ งยกเร่ืองขบขนั มาประกอบเน้ือเร่ือง มิใช่เร่ืองท้งั เรื่องเป็ น เร่ืองขบขนั

๔. ระวงั การลอ้ เลียนเสียดสี ประชดประชนั บุคคลหรือสถาบนั ใหด้ ี อยา่ ใหม้ ากจนเกินขอบเขต จะเป็ นผลรา้ ยมากกวา่ ผลดี ๕. อยา่ พดู เรื่องหยาบโลน หรือตลกสองแงส่ องง่าม แมจ้ ะเรียกเสียงฮาได้ แตก่ เ็ ป็ นการลดคา่ ตวั เองใหต้ ่าลง ๖. ขนบธรรมเนียม วฒั นธรรม ศาสนา และส่ิงท่ีคนทวั่ ไปเคารพสกั การะ อยา่ นามาลอ้ เลียน พดู เล่นเป็นอนั ขาด ๗. อารมณ์ขนั ท่ีดี ตอ้ งสุภาพ น่ิมนวลและแนบเนียน ไม่นอกลู่นอกทาง การนาเสนองาน (Presentation) ให้ได้ใจผู้ฟัง การนาเสนองาน (Presentation) เป็ นทกั ษะท่มี ีความสาคญั อยา่ งยงิ่ สาหรับพนกั งานทกุ ๆระดบั ในองคก์ ร เช่น พนกั งานขายในบริษทั บางแห่ง ตอ้ งใชท้ กั ษะการนาเสนองานอยเู่ สมอในระหวา่ งข้นั ตอนการขาย ไม่วา่ จะเป็นการนาเสนองานเพอื่ แนะนาองคก์ ร เพอ่ื นาเสนอคุณลกั ษณะและคุณประโยชนข์ องสินคา้ และบริการ รวมไปถึงการสาธิตวธิ ีการใชง้ าน นอกจากน้นั การนาเสนองานยงั นามาใชภ้ ายในองคก์ ร เพอื่ แจง้ ขอ้ มูล ข่าวสาร หรือ ขอความร่วมมือในโครงการต่างๆ การนาเสนองานทป่ี ระสบความสาเร็จน้ัน เกิดขนึ้ จากองค์ประกอบ 3 ประการด้วยกนั 1) การกาหนด วตั ถุประสงค์และวเิ คราะห์ผู้ฟัง 2) การวางโครงสร้างเนือ้ หาการนาเสนอ และ 3) วธิ ีการนาเสนอ โดยเฉพาะ อย่างยิง่ ในส่วนของการวเิ คราะห์ผ้ฟู ัง ซึ่งหมายถงึ การวิเคราะห์ความต้องการ ความสนใจ หรือความกังวลใจ ของผู้ฟัง รวมถึงความเข้าใจในสไตล์ ความชอบของผู้ฟัง เพ่อื ให้สามารถออกแบบโครงสร้างและเนือ้ หาการ นาเสนอท่มี ีความเหมาะสม สอดคล้องและโดนใจผู้ฟัง จากคากล่าวทวี่ า่ ‘รูเ้ ขา รูเ้ รา รบร้อยคร้ัง ชนะร้อยคร้ัง’ เม่ือรูว้ า่ ผฟู้ ังเป็ นใคร มีบทบาทอยา่ งไร ใครเป็ น ผฟู้ ังคนสาคญั (Key Persons) รู้ความตอ้ งการของผฟู้ ังคนสาคญั หรือที่เรียกวา่ ‘รู้เขา’ ส่วน ‘รู้เรา’ หมายถึง ผนู้ าเสนอตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงคก์ ารนาเสนอท่ีชดั เจนวา่ ผลลพั ธส์ ุดทา้ ยทต่ี อ้ งการจากการนาเสนอคือ อะไร ผฟู้ ังตอ้ งทาอะไร ภายหลงั เสร็จสิ้นการนาเสนอ วตั ถุประสงคก์ ารนาเสนอ เปรียบเสมือนเขม็ ทศิ นาทางใหแ้ ก่ผนู้ าเสนอในการวางแผนและพฒั นาเน้ือหา การนาเสนอ รวมไปถึงรูปแบบหรือลีลาการนาเสนอ วตั ถุประสงคใ์ นการนาเสนออาจเป็น เพอ่ื สร้างความ มนั่ ใจ หรือโนม้ นา้ วชกั จงู ใหผ้ ฟู้ ังเช่ือและกระทาการบางสิ่งบางอยา่ ง หรือเพอื่ แจง้ ใหผ้ ฟู้ ังทราบเพอื่ ใหเ้ กิด

ความเขา้ ใจและใหค้ วามร่วมมือ เมื่อกาหนดวตั ถุประสงคแ์ ละทราบความตอ้ งการของผฟู้ ังแลว้ ผนู้ าเสนอกส็ ามารถวางโครงสร้างเน้ือหา การนาเสนอที่สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคแ์ ละความตอ้ งการของผฟู้ ัง ซ่ึงเน้ือหาการนาเสนอตอ้ งมคี วาม น่าเชื่อถือ โนม้ นา้ วและจงู ใจผฟู้ ัง รวมถึงมีความเป็ นเหตเุ ป็นผล เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังติดตามไดง้ ่าย ไม่สบั สน นอกจากน้นั ผนู้ าเสนอยงั ตอ้ งสามารถเปิ ดการนาเสนอทีท่ รงพลงั ดึงดูดความสนใจของผฟู้ ัง สรา้ ง บรรยากาศทเ่ี ป็นมิตร และแนะนาตนเองในลกั ษณะที่ทาใหผ้ ฟู้ ังเช่ือถือ กาหนดโทนการนาเสนอใหช้ ดั เจนวา่ จะใหผ้ ฟู้ ังมีส่วนร่วมในการนาเสนอมากนอ้ ยเพยี งใด ในส่วนของการปิ ดการนาเสนอ เป็ นส่วนสุดทา้ ยของการนาเสนอทีม่ ีความสาคญั อยา่ งยงิ่ เนื่องจากเป็ น การตอกย้าใหผ้ ฟู้ ังเห็นถึงคุณประโยชน์ของสินคา้ หรือบริการ หรือตอกย้าประเดน็ สาคญั ทตี่ รงกบั ความ ตอ้ งการของผฟู้ ัง โดยผนู้ าเสนอตอ้ งไม่ลืมท่ีจะขอขอ้ ผกู มดั จากผฟู้ ังเกี่ยวกบั การดาเนินการในข้นั ตอนตอ่ ไป อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ผนู้ าเสนอจะวเิ คราะห์ วางแผน และวางโครงสร้างเน้ือหาการนาเสนอไวอ้ ยา่ งดี เพยี งใด หากผนู้ าเสนอไม่มีวธิ ีการหรือลีลาการนาเสนอทีโ่ นม้ นา้ ว หรือสรา้ งความมนั่ ใจใหแ้ ก่ผฟู้ ัง การ นาเสนอน้นั กอ็ าจประสบความลม้ เหลวได้ ผนู้ าเสนอจึงตอ้ งสามารถใชส้ ายตา ภาษากาย กิริยาท่าทาง น้าเสียง ภาษา ทส่ี อดคลอ้ งกบั เน้ือหาการนาเสนอ สร้างความเช่ือมน่ั ดึงดูดและโนม้ นา้ วผฟู้ ัง รวมถึงสามารถ โตต้ อบกบั ผฟู้ ังไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและน่าเช่ือถือ สรุปแล้ว การนาเสนอทปี่ ระสบความสาเร็จ หมายถึงการนาเสนอทีเ่ นน้ ผฟู้ ังเป็ นศนู ยก์ ลาง ไม่ใช่ ตวั ผนู้ า เสนอเป็นศนู ยก์ ลาง ผนู้ าเสนอควรใชเ้ วลาในการวเิ คราะห์ผฟู้ ัง เพอ่ื ให้สามารถปรบั เน้ือหาและรูปแบบการ นาเสนอใหส้ อดคลอ้ งและมีประสิทธิผลสูงสุด การวางแผนจงึ ป็ นส่วนประกอบทส่ี าคญั ท่สี ุดในการนาเสนอ เพราะการวางแผนท่ีดี และความแม่นยาในเน้ือหาการนาเสนอ จะช่วยสรา้ งความมน่ั ใจ และทาให้ลีลาการ นาเสนอเป็นไปอยา่ งเป็นธรรมชาติ จริงใจ และสร้างความมนั่ ใจแก่ผฟู้ ังไดใ้ นทสี่ ุด การนาเนองาน ถา้ พดู ถึงการนาเสนอแลว้ ผมวา่ หน่ึงในบุคคลท่สี ามารถนาเสนอสินคา้ ไดด้ ีที่สุด คอื สตีฟ จอ็ บส์ CEO ของ บริษทั Apple ทเ่ี ป็นผคู้ ดิ คน้ คอมพวิ เตอร์ Mac เคร่ืองเล่น iPod หรือแมแ้ ต่ iPhone ผมมีโอกาสไดด้ ูวธิ ีการ นาเสนอของสตีฟ จอ็ บส์ ในงาน Macworld 2008 ซ่ึงเป็ นอะไรทีน่ ่าท่งึ มาก และจากแนวทางการนาเสนอของ เขา ผมพอจะสรุปวธิ ีการนาเสนอท่ีเรา้ ใจของเขาไดส้ กั 10 วธิ ี เผอื่ คุณ \"มือใหม่\" จะสามารถนาไปใชไ้ ด้ 1.สร้างบรรยากาศ-ในการนาเสนอแตล่ ะคร้งั จาเป็ นตอ้ งมีแก่นหรือสาระสาคญั ของสิ่งท่ีตอ้ งการนาเสนอ แต่ ไม่จาเป็นจะตอ้ งบอกออกไปโตง้ ๆ ต้งั แตต่ น้ \"There is something in the air today. (ปัจจุบนั น้ี มนั มีบางส่ิง บางอยา่ งอยใู่ นอากาศ)\" สตีฟ จอ็ บส์ พดู ในการเปิ ดงาน Macworld ซ่ึงส่ิงทเี่ ขาพดู ออกมาน้นั เป็นการเร่ิม สร้างบรรยากาศใหก้ บั งาน และเป็ นการบอกใบถ้ ึงสินคา้ ใหม่ทีก่ าลงั จะนาเสนอ ซ่ึงกค็ อื เคร่ืองคอมพวิ เตอร์

ขนาดเลก็ MacBook Air 2.แสดงความกระตอื รือร้นใหเ้ ห็น-สตีฟ จอ็ ปส์ เป็ นคนที่หลงใหลกบั การออกแบบและสร้างคอมพวิ เตอร์ มาก ซ่ึงความหลงใหลของเขาไดถ้ ่ายทอดลงมาสู่การนาเสนองานของเขา คนส่วนมากเม่ือตอ้ งนาเสนอบาง สิ่งบางอยา่ ง เขาจะพยายามพดู ทกุ ส่ิงทุกอยา่ งออกไป หรือบางทีกจ็ ะทอ่ งหรือพดู ตามบทที่เขียนไว้ เหมือนกบั นกแกว้ นกขนุ ทอง อยา่ ลืมวา่ ท่คี ุณนาเสนอเพราะคุณตอ้ งการใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจและรบั ทราบในส่ิงที่ คุณพดู ไม่ใช่เพอ่ื ใหเ้ ขาเขา้ มานง่ั หลบั ดงั น้นั ในคร้งั ต่อไปท่ีคุณตอ้ งนาเสนอ ลองนาส่ิงที่คุณตอ้ งการนาเสนอ มาผสมรวมกบั บุคลิกลกั ษณะของคุณเอง และนาเสนออยา่ งทเ่ี ป็ นตวั คุณเองแตใ่ ส่ความกระตือ รือร้นเขา้ ไป 3.แจง้ กรอบการพดู ใหผ้ ฟู้ ังทราบโดยสงั เขป-ในตอนตน้ ของการนาเสนอ สตีฟ จอ็ บส์ แจง้ ใหท้ กุ คนทราบเลย วา่ มี 4 เรื่องดว้ ยกนั ทีผ่ มจะพดู ในวนั น้ี เราจะมาเร่ิมกนั ที่...การพดู โดยมีการเปิ ดและการปิ ดในแต่ละเร่ือง จะ ช่วยใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจถึงการ เชื่อมตอ่ ของเร่ืองต่างๆ ไดด้ ีข้ึน ยกตวั อยา่ งที่สตีฟ จอ็ บส์ พดู น้นั เป็ นส่ิงท่ผี ม ตอ้ งการจะพดู เป็นเร่ืองทีส่ องของวนั น้ี เรื่องท่สี ามจะเป็ นเรื่องของ... 4.ทาใหต้ วั เลขมีความหมาย-ตอนทส่ี ตฟี จอ็ บส์ พดู ถึงยอดจาหน่าย iPhone วา่ มีถึง 4 ลา้ นเครื่อง เขากไ็ ดพ้ ดู ตอ่ วา่ น้นั หมายถึง 20,000 เคร่ืองตอ่ วนั หรือ 35 เคร่ืองตอ่ นาที ตวั เลขจะไมม่ ีความหมายใดๆ เลยต่อผฟู้ ัง ถา้ มนั ไม่ไดร้ บั การเช่ือมตอ่ ใหเ้ ห็นภาพถึงความหมายของมนั 5.ทาในสิ่งท่ผี ฟู้ ังจะตอ้ งจดจา-น่ีเป็นช่วงเวลาทผี่ ูฟ้ ังตอ้ งจดจาและพดู เกี่ยวกบั เร่ืองน้ีต่อไป ในการนาเสนอ สินคา้ ของสตฟี จอ็ บส์ ทกุ คร้งั จะตอ้ งมีช่วงเวลาที่ทุกคนตอ้ งจดจา อยา่ งในงาน Macworld คร้ังน้ี เขากส็ ร้าง ช่วงเวลาของการจดจาสินคา้ ของเขาโดยการเปิ ดตวั MacBook Air เขาพดู ถึงความบางของ MacBook Air วา่ สามารถใส่ลงไปในซองเอกสารได้ แลว้ เขาก็หยบิ ซองเอกสารออกมา พร้อมท้งั หยบิ MacBook Air ออกมา จากซองเอกสาร ซ่ึงส่ิงทเี่ กิดข้ึนคือผฟู้ ังแทบทุกคนอ้ึงและท่งึ ไปกบั ส่ิงทไ่ี ดเ้ ห็น ดงั น้นั ในการนาเสนองาน หรือสินคา้ คร้งั ต่อไปของคุณ ลองมองหาดูวา่ ช่วงไหนของการนาเสนอทค่ี ณุ จะสามารถสรา้ งการจดจาใหก้ บั ผฟู้ ังไดบ้ า้ ง 6.สร้าง powerpoint สาหรบั การนาเสนอทกี่ ระชบั -คนนาเสนองานโดยส่วนมากจะชอบสรา้ ง powerpoint ท่ี เตม็ ไปดว้ ยขอ้ มูลมากมาย แต่ในทางกลบั กนั คนท่ี สามารถนาเสนองานไดด้ ีน้นั จะสร้าง powerpoint ท่ีมี

ขอ้ มูลสาคญั จริงๆ แบบส้นั ๆ เพอ่ื ทีจ่ ะบอกถึงหน่ึงประเดน็ ทีต่ อ้ งการจะสื่อเท่าน้นั ซ่ึงผฟู้ ังจะสามารถเก็บ ประเด็นจากท่เี ห็นและจากที่ฟังไดอ้ ยา่ งง่ายใน powerpoint (จริงๆ ตอ้ งเรียกวา่ keynote เพราะเป็นโปรแกรม powerpoint ใน Mac น่าจะถูกตอ้ งกวา่ ) ของสตฟี จอ็ บส์ มีเพยี งขอ้ ความส้นั ๆ ในแต่ละหนา้ หรือแค่ตวั เลข เพยี งเพอ่ื บอกวา่ กาลงั พดู ถึงหวั ขอ้ ที่ 1 หรือหวั ขอ้ ที่ 2 และเมื่อเขาพดู ถึงสินคา้ keynote ของเขาก็จะแสดงให้ เห็นแคร่ ูปของตวั สินคา้ น้นั ๆ เทา่ น้นั 7.ทาใหเ้ ป็นการแสดงมากกวา่ การฟังปาฐกถา-ในการนาเสนอของสตฟี จอ็ บส์ น้นั จะมีการใชว้ ธิ ีการ นาเสนอหลายอยา่ ง ไม่วา่ จะเป็นการใหด้ ูวดิ ีโอแบบส้นั ๆ การสาธิตตา่ งๆ และการใหผ้ ฟู้ ังมีส่วนร่วมในการ นาเสนอ ซ่ึงทาใหค้ นฟังรู้สึกเหมือนมาดูการแสดงมากกวา่ การมานงั่ ฟังเฉยๆ 8.อยา่ ตระหนกกบั ปัญหาทเ่ี กิด-ไม่วา่ คณุ จะเตรียมตวั มาดีแคไ่ หน แน่นอนวา่ ในการนาเสนอ ความผดิ พลาด เกิดข้นึ ไดเ้ สมอ แต่ส่ิงสาคญั คือ อยา่ แสดงออกมาวา่ ความผดิ พลาดน้นั เป็ นเรื่องใหญ่ ในการนาเสนอของ สตฟี จอ็ บส์ ท่จี ะตอ้ งนารูปจากเวบ็ ไซตม์ านาเสนอบน keynote ปรากฏวา่ ส่ิงที่แสดงออกมาที่หนา้ จอคอื ความวา่ งเปล่า สิ่งทเ่ี ขาทาคอื ยม้ิ แลว้ พดู วา่ สงสยั เวบ็ ไซตจ์ ะไม่ทางานวนั น้ี แลว้ เขากพ็ ดู เร่ืองตอ่ ไปโดยไม่ได้ แสดงอาการหงดุ หงดิ หรือตนื่ ตระหนกแต่อยา่ งใด ดงั น้นั ถา้ คุณเจอปัญหาระหวา่ งการนาเสนอ อยา่ คิดมาก ทาใหม้ นั ดูตลก แลว้ ผา่ นมนั ไป 9.ขายประโยชนข์ องสินคา้ -คนส่วนมากชอบขายคุณลกั ษณะของสินคา้ มากกวา่ ประโยชน์ของมนั แตส่ ตฟี จ็ อบส์ ทาในทางกลบั กนั เขาขายประโยชน์ของสินคา้ ตอนทเี่ ขานาเสนอ iTunes movie rentals เขาพดู ไปเลย วา่ เราไม่นาเสนอการเช่ายมื เพลงเพราะคนส่วนมากตอ้ งการเป็ นเจา้ ของเพลงมากกวา่ คณุ สามารถฟังเพลงท่ี คุณชอบไดเ้ ป็นพนั คร้ังในชีวติ ของคุณ แตค่ นส่วนมากจะดูหนงั แคค่ ร้ังเดียวหรืออยา่ งมากก็ 3-4 คร้ัง ดงั น้นั การใหเ้ ช่ายมื หนงั จึงเป็ นแนวทางทด่ี ี แนวทางทไ่ี ม่แพง และมนั กไ็ มไ่ ดใ้ ชห้ น่วยความจาอะไรมากมาย ผฟู้ ัง ส่วนมากชอบถามตนเองวา่ ฉนั จะไดอ้ ะไรจาก สิ่งเหล่าน้ี ดงั น้นั ตอบคาถามใหต้ รงประเดน็ อยา่ ใหผ้ ฟู้ ังตอ้ ง เดาเอาเอง 10.ซอ้ ม ซอ้ ม และซอ้ ม-สตีฟ จอ็ บส์ คงไม่สามารถนาเสนอไดด้ ีเช่นน้ีถา้ เขาไมไ่ ดผ้ า่ นการซอ้ มมาก่อน การ นาเสนอทจ่ี ะทาใหก้ ารพดู ล่ืนไหลไปไดอ้ ยา่ งเหมาะเจาะกบั keynote และวดิ ีโอส้นั ๆ รวมท้งั การสาธิตตา่ งๆ

สิ่งเหล่าน้ีแสดงใหเ้ ห็นถึงความมุมานะและการฝึกซอ้ มอยา่ งมากมาย ดงั น้นั การนาเสนอท่ไี ม่มีการซอ้ ม คง เป็นไดแ้ คก่ ารพยายามพดู ใหอ้ ยใู่ นเร่ืองที่ตอ้ งการจะพดู เท่าน้นั รู้แล้วไม่สามารถนาไปใช้ได้ มคี ่าเท่ากบั ไม่รู้ ดงั น้ัน ความสาเร็จจึงอยู่ที่การลงมอื กระทา

อ้างองิ ผศ.ประเสริฐ บุญเสริม Matichon.co.th ศิริรัตน์ ศิริวรรณ ธาดา บญุ เกิด หนังสือ ศิลปะการพูดที่มปี ระสิทธิภาพ โดย เดล คาร์เนก้ี หนังสือ พูดได้ พูดเป็ น โดย ทินวฒั น์ มฤคพทิ กั ษ์ หนังสือ พดู จาให้เข้าหู โดย ทินวฒั น์ มฤคพทิ กั ษ์ หนังสือ หลกั การพูดข้นั พนื้ ฐานสังเขปสารสาคญั โดย สวนิต ยมาภยั และถิรนนั ท์ อนวชั ศิริวงศ์ จดั ทาโดย นายเชิดชยั เข่อื นหมน่ั 521107529 คณะศิลปศาสตร์ สาขขานิเทศศาสตร์ ช้นั ปี ท่ี 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook