Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรปเนื้อหาที่ใส่ในหนังสือ 5%

สรปเนื้อหาที่ใส่ในหนังสือ 5%

Published by kewalin.bow4, 2022-08-30 07:18:29

Description: สรปเนื้อหาที่ใส่ในหนังสือ 5%

Search

Read the Text Version

หนา้ ปก งานดอกไม้สด ในศลิ ปวัฒนธรรมไทย

หลงั หนา้ ปก

หนา้ ปกรอง

สารบญั

คำนำ

ประวตั ิความเปน็ มาของงานดอกไม้สด งานดอกไมส้ ดเป็นงานประดษิ ฐ์ดอกไม้สดซึ่งเป็นงานเอกลกั ษณข์ องไทยท่ีมตี ้งั แต่บรรพบรุ ษุ ทไี่ ดค้ ิดคน้ การ ประดิษฐแ์ ละตกแตง่ ให้สอดคล้องเก่ยี วกบั พระพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียมและประเพณี พรอ้ มสรรพไปด้วย ดอกไมส้ ดของไทย ซ่งึ งานดอกไม้สดไม่ปรากฏแนช่ ัดว่าเริ่มตน้ ในสมัยใดเน่อื งจากไม่มีการจดบันทึกเปน็ ลายลักษณ์ อักษรไวน้ ่นั เอง แตก่ เ็ รมิ่ มีบนั ทกึ ในสมยั สุโขทยั สมเด็จพระรว่ งเจา้ เป็นพระเจา้ แผ่นดินมีพระสนมเอกคือ ท้าวศรจี ฬุ าลกั ษณ์ หรอื นางนพมาศผูม้ ีความสามารถในดา้ นงานฝีมือการประดิษฐด์ อกไมส้ ด เป็นเลศิ ในสมัยนน้ั ตามหลกั ฐานท่ีอ้างถึง ในพระราชนพิ นธเ์ รอื่ งพระราชพิธี 12 เดือน ตอนหนึ่งที่กล่าวถงึ ทา้ วศรีจุฬาลักษณไ์ ด้คดิ ตกแตง่ โคมลอยให้งดงาม โดยนำเอาดอกไม้ตา่ ง ๆ มาประดษิ ฐเ์ ปน็ รปู ดอกบวั แลว้ นำเอาผลไม้มาแกะเปน็ รปู นกจบั จิกกนิ เกสรดอกบวั เสียบ แซมดว้ ยธปู เทยี น สมเดจ็ พระรว่ งเจา้ จึงได้ทรงบญั ญัติใหท้ ำโคมลอยรูปดอกบวั ในวนั นักขตั ฤกษ์ วนั เพญ็ เดือน 12 สบื มา ชาวไทยจึงไดม้ ีประเพณลี อยกระทงในวนั เพ็ญเดอื น 12 โคมดอกบวั นีก้ ็ไดพ้ ลกิ แพลงทำด้วยดอกไม้ใบไม้ ต่างๆ ในหลกั ฐานที่อา้ งถงึ ตอนหน่งึ วา่ ในเดอื นเมษายนมีพระราชพธิ ีขนาดใหญ่ บรรดาเจา้ เมอื ง เศรษฐี คหบดี เขา้ เฝ้าถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจ้าเพื่อถวายเคร่อื งราชบรรณาการ พระสนมกำนลั กร็ ้อยกรองดอกไม้เป็นรปู สัตว์ ตา่ ง ๆ เมี่ยงหมากถวายใหส้ มเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั พระราชทานแก่ผู้มาเฝ้า นางนพมาศรอ้ ยดอกไม้สเี หลืองเปน็ รปู พาน ทองสองชนั้ รองขนั มรี ะย้าระบายงดงานในขันใสเ่ มีย่ งหมาก แลว้ ร้อยดอกไมเ้ ป็นตาขา่ ยคลุมขันอีกทหี นง่ึ ดูเป็นท่ี เจรญิ ตาและถกู กาลเทศะ สมเด็จพระร่วงเจา้ จงึ ทรงบญั ญตั วิ า่ ถา้ ชาวไทยทำการรับแขกขนาดใหญม่ งี านอาวาหมง คลหรือวิวาหมงคล ก็ใหร้ ้อยกรองดอกไม้เป็นรูปแบบพานขันหมากและให้เรยี กว่า พานขนั หมาก แสดงให้เห็นวา่ ในสมยั สมเดจ็ พระรว่ ง มีความยาวนาน 650ปมี าแล้ว ชาวไทยรู้จกั รอ้ ยกรองดอกไม้เป็น รปู แบบต่างๆ เชน่ โคมรปู สัตวห์ รอื เคร่ืองใชต้ ่างๆ ตลอดจนการร้อยตาขา่ ยดอกไม้ สงิ่ เหลา่ นีย้ ่อมชใ้ี หค้ วามเจรอญ และสตปิ ัญญาและจติ ใจของชาวไทยในสมยั น้ันไดด้ ี การประดิษฐด์ อกไม้สด สบื เนอื่ งและววิ ฒั นาการมาถงึ สมัยรตั นโกสินทร์ สมเดจ็ กรมพระยาดำรงราชาอนุ ภาพทรงพระเมตตาตรัสเลา่ ว่า เจา้ คณุ ตานี ธิดาเจา้ พระยามหาเสน (บนุ นาค) ซ่ึงเปน็ เจา้ จอมในรชั กาลท่ี 1 และ เปน็ พระมารดาของกรมหมื่นสรุ นิ ทรรกั ษ์ ได้เปน็ ชา่ งดอกไม้ท่มี ชี อ่ื เสียง เปน็ ผ้ปู ระดษิ ฐค์ ดิ คน้ การจัดงานดอกไม้สด เป็นรปู แบบตา่ งๆและเปน็ ช่างสบื ตอ่ มาจนถึงธดิ าและนดั ดา เมอ่ื ประมาณ 140ปที ผี่ า่ นงานดอกไม้กข็ ยายขอบเขต ออกไป จนสบื เนอ่ื งและววิ ฒั นาการมาถึงสมยั รัตนโกสนิ ทรใ์ นรัชกาลที่ 5 มพี ระราชนิยม การประดษิ ฐด์ อกไม้

ของไทยอยา่ งแพรห่ ลาย ไมว่ ่าจะมีพระราชพิธใี ด ๆ เจ้านายฝ่ายในต้องประกวดกนั จดั แตง่ ดอกไมม้ าถวายให้ทรงใช้ ในงานนน้ั เสมอ พระเชษฐภคนิ ีผู้ใหญ่ คือกรมหลวงสมรรตั นสริ ิเชษฐ์ ทรงดำรงตำแหนง่ อธบิ ดีราชการฝา่ ยในเป็นผู้ ทรงพระปรีชาสามารถในการประดิษฐแ์ ต่งร้อยกรองดอกไม้มาก มีพระนามในงานชา่ งดอกไม้เปน็ ทเี่ ลอื่ งลอื จนถงึ ทกุ วันนี้ โดยที่มักจะทรงบัญชาการใหเ้ จา้ นายฝ่ายในประดิษฐ์ดอกไมต้ กแตง่ พระแท่นมณฑลในพระราชพิธีตา่ ง ๆ ดอกไม้ตกแตง่ พระทวาร พระบัญชรในพระที่น่งั ตา่ ง ๆ นอกจากจะทรงเกณฑ์ให้ทำแบบโบราณแล้วยังทรงคิด ดดั แปลงการประดิษฐ์ดอกไมแ้ บบใหม่ ๆ ซงึ่ แตโ่ บราณไดม้ ีการร้อยตาข่าย รอ้ ยเฟอื่ งแบบตา่ ง ๆ ใชต้ ิดโครงไมไ้ ผห่ ้มุ ผา้ ขาวมแี บบซ้ำ ตามแบบเดิม เชน่ บันไดแก้ว พู่กลิน่ กลิน่ คว่ำ กลน่ิ ตะแกง กลิ่นจนี ครัน้ มาสมยั สมเด็จกรมหลวง สมรรัตนสิรเิ ชษฐ์ ไดท้ รงคิดทำโครงลวดทาสีขาว และประกอบดอกไม้ให้มีรูปรา่ งแปลกพิสดาร งดงามออกไปอกี มากมาย เชน่ ระย้าแปลง พวงแกว้ ฯลฯ และแปลงบนั ไดแกว้ เป็นรปู วิมานพระอนิ ทร์ วิมานแทน่ พระมเหสเี ทวแี ตล่ ะพระองค์กม็ ชี ่อื เสยี งในงานฝมี อื ตา่ ง ๆ กนั สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทรา บรมราชนิ ีนาถพระ พันปีหลวง ทรงสง่ เสริมฟน้ื ฟูการประดษิ ฐด์ อกไมเ้ ป็นอันมาก พระองค์เอง ก็ทรงใช้เวลาว่างประดษิ ฐ์ดดั แปลงจาก แบบเก่าให้แปลกพสิ ดารออกไป จึงมพี ระนามเล่ืองลอื ในการร้อยพวงมาลยั แตเ่ ดิมมาทน่ี ิยมรอ้ ยมาลัยดว้ ยดอกมะลิ เปน็ มาลัยสีขาวกลมธรรมดาเทา่ นัน้ ถา้ จะพลิกแพลงก็มักจะรอ้ ยมาลัยเป็นเกลียวให้มีลายเปน็ เกลียวขน้ึ ไปอย่างที่ เราเหน็ วางขายทีต่ ลาดทุกวันนี้ สมเดจ็ พระพนั ปีหลวงไดท้ รงคดิ ร้อยมาลยั ดว้ ยดอกไมต้ ่าง ๆ ตลอดจนใชใ้ บไมแ้ ทรก ทำใหม้ ีลวดลายและสตี า่ ง ๆ กันอย่างงดงามพลิกแพลงดแู ปลกตาในงานพระศพสมเดจ็ พระปยิ มาวดีศรพี ัชรนิ ทร มาตา ซงึ่ เป็นพระมารดาของสมเดจ็ พระศรพี ชั รินทราบรมราชนิ ีนาถ พระพันปหี ลวง และสมเด็จพระศรสี วรินทราบ รมราชเทวีพระพันวสั สาอัยยิกาเจา้ พระองค์นี้ พระศพประดษิ ฐานอยู่ ณ วงั สะพานถ่าน (คือตลาดบำเพ็ญบญุ เวลา น)ี้ สมเด็จพระพนั ปหี ลวงมพี ระราชเสาวนีย์ดำรสั ให้ท้าววรคณานนั ท์ (ม.ร.ว.ปั้ม มาลากลุ ) จัดร้อยมาลยั ไปประดบั พระศพ เชน่ ตกแต่งตามฉตั รรดั พระโกศ และตดิ ตามประตู หนา้ ต่าง ตามงานประเพณใี หญ่ ๆ ของเจา้ นายตลอด งาน มาลัยทีต่ กแต่งเปลี่ยนสี เปล่ียนรูป เปลีย่ นแบบเรือ่ ย ๆ มา ความเจริญของการร้อยมาลยั จงึ เรมิ่ ต้นตง้ั แต่นนั้ เปน็ ตน้ มา สมเด็จพระพันปีหลวงมพี ระนามเลอื่ งลอื ทางรอ้ ยมาลยั พระวมิ าดาเธอ กรมพระสทุ ธาสนิ นี าถ พระอคั ร ชายาในรชั กาลท่ี 5 กม็ ีพระนามเล่ืองลือในทางรอ้ ยดอกไม้เปน็ ตาข่ายแบบต่าง ๆ และได้พลกิ แพลงเพิม่ เตมิ พร้อม ทง้ั สลับสีไดอ้ ยา่ งงดงามอีกด้วย จะเห็นไดว้ า่ ศิลปะในการจดั แต่งดอกไม้ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ เฟอื่ งฟมู าก ไดม้ ีการฟื้นฟู ประดิษฐต์ ามแบบและวิธเี ดิม ไดค้ ดิ ค้นหาแบบและวิธีใหมใ่ หส้ ะดวกสวยงดงามและทนั สมัยมากยง่ิ ขึ้น จากเดิมท่มี ี การเย็บกลีบดอกไมต้ ิดกบั ใบตองเพอ่ื ให้เปน็ รปู ดอกไมต้ า่ ง ๆ นั้น ใช้เยบ็ ด้วยเข็มและดา้ ย กลีบดอกไมท้ ใี่ ชเ้ ย็บ มักจะเปน็ พวกกลีบดอกบานบุรี แตต่ อ่ มาพลิกแพลงใชก้ ลบี ดอกไม้และใบไมช้ นิดตา่ ง ๆ นอกจากน้ยี งั คน้ พบวา่

ดอกไมช้ นิดทีม่ ีกลีบละเอียด เช่น ดอกบานไมร่ ู้โรยกน็ ำมาติดแบบไดอ้ ยา่ งสวยงาม เรียบร้อยและคงทนได้หลายวนั สมเดจ็ พระพนั ปหี ลวงทรงริเร่มิ ข้นึ เมอ่ื ทรงจดั งานเล้ียงตอ้ นรบั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัวเสดจ็ กลับ จากยโุ รปใหม่ ๆ คร้ังนั้นสมเดจ็ พระพนั ปหี ลวงได้ทรงมีพระราชเสาวนยี ์ดำรสั ใชใ้ ห้ช่างเขียนเขยี นรปู พญานาคเลื้อย ไปตามยาวของโต๊ะเสวย แล้วติดดอกไมบ้ นโครงรูปพญานาคท่ีมคี วามงดงามอยา่ งยิง่ การประดิษฐพ์ ่มุ เครอื่ งบูชาหรอื เคร่อื งทองน้อยในสมัยโบราณได้นำดอกไม้มามัดเข้าเปน็ ชอ่ ทรงดอกบัว แลว้ เสยี บในถว้ ยแก้วเชิง ต่อมาสมเดจ็ พระพันปีหลวงทรงคิดเยบ็ กลีบดอกไม้บนใบตองประดษิ ฐ์ ให้เปน็ รูปดอกบัว ทมี่ สี ีสลับตา่ งๆ ผู้ทเ่ี ป็นตน้ คดิ หรือมีชอื่ เสียงวา่ เปน็ ช่างดอกไม้นั้นลว้ นเป็นเจา้ นายฝา่ ยในและขา้ ราชการทงั้ สน้ิ ทงั้ นี้ เนอ่ื งจากพระบรมหาราชวังเป็นสถานทอี่ บรมหญงิ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี บรรดาเจ้านายต่างกรม ข้าราชการ เศรษฐี คหบดี กม็ ักจะส่งลกู สาวหลานสาวของตนเขา้ ไปอยู่กับเจ้านายฝ่ายใน การเรยี นเปน็ ไปในทำนองจำต่อ ๆ กันลงมาและค่อย ทำค่อยไปจนชำนาญ การที่จะรู้ว่าส่งิ ใดงามหรือไม่งามตรงไหนนน้ั ต้องอาศัยประสบการณ์ทเี่ คยเหน็ เคยทำมามาก และมสี ตปิ ญั ญาเฉยี บแหลมเฉลียวฉลาด กย็ ่อมสามารถมศี ลิ ปะในการประดิษฐ์จัดแตง่ ดอกไมไ้ ดด้ ี เม่ือบดิ ามารดา เหน็ วา่ ลูกหลานของตนมีความรูค้ วามชำนาญ ทง้ั รู้จักระเบยี บประเพณีตา่ ง ๆ ดีพอควรแล้ว กท็ ลู ลาเอาลกู หลาน ของตนออกมาอยบู่ ้านและมเี หย้าเรือนกนั ตอ่ ไป เมือ่ มีงานตามราชพิธตี ่างๆพวกเจ้านายก้ทรงประกวดดอกไมส้ ด ประดิษฐ์ถวายสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวหรือตกแตง่ พระแท่นมณฑลทรงพระเกณฑข์ ้าหลวงใหช้ ว่ ยกนั ทำตามถนดั หดั เด็กๆพร้อมไปด้วยกัน เชน่ ตอนแรกก็หัดใหป้ ลบิ กา้ นดอกไม้ ปลดิ กลีบดอกไมไ้ ปตามประสาเด็ก ต่อมาค่อยรอ้ ย ดอกไมต้ อ่ กนั ให้ยาวๆแบบง่ายๆ แลว้ ฝึกการรอ้ ยตาขา่ ยหรือพบั กลีบดอกไมใ้ บไม้ให้ผใู้ หญ่ ร้อยมาลัยหรอื ประดษิ ฐ์ การเรียนก็เปน็ ไปในทำนองจำต่อๆ กนั ลงมาแลว้ ค่อยทำคอ่ ยไปจนชำนาญ การทรี่ ูว้ ่าส่งิ ใดงามหรือไมง่ ามตรงไหน นัน้ ต้องอาศัยประสบการณ์ทเ่ี คยทำ เคยเห็นมามาก และมสี ตปิ ญั ญาเฉยี บแหลมเฉลยี วฉลาด กย็ ่อมสามารถและ ศิลปะในการประดิษฐจ์ ัดดอกไมไ้ ดด้ ี เมื่อบดิ ามารดาเหน็ วา่ ลูกหลานของตนมีความรคู้ วามชำนาญ ทั้งรจู้ ักระเบียบ ประเพณีต่าง ๆ ดีพอควรแลว้ ก็ทูลลาเอาลูกหลานของตนออกมาอยู่บา้ นและมีเหยา้ เรือนกันต่อไป เม่ือทางบา้ น มงี านใด เช่น งานสมรส งานอุปสมบท โกนจุก ทำบุญอายหุ รอื งานศพ เป็นตน้ ความเจรญิ ในการประดิษฐจ์ ัดแตง่ ดอกไม้จึงได้แพร่หลายออกไปทวั่ ราชอาณาจกั ร

การเลอื กซือ้ การเลอื กใช้ ดอกไม้และใบไม้ การเลอื กซอ้ื ดอกไม้และใบไม้ท่นี ำมาใชง้ านดอกไม้สดนนั้ ควนพจิ าราณาตอ่ ไปนี้ 1. ฤดูกาล ดอกไมใ้ บไมบ้ างชนิดมใี หใ้ ช้ทุกฤดกู าล เช่น ดอกกหุ ลาบมอญ ดอกพุด ดอกรัก ใบ แก้ว ใบกระบอื้ ดอกกลว้ ยไม้ 2. เทศกาล ใน 1 ปคี นไทยจะมกี ารประกอบพิธปี ระเพณีหลายอยา่ ง เชน่ งานลอยกระทง แตง่ เทียนพรรษา งานไหว้ครู มักจะเลือกดอกไมใ้ บไมต้ ามเทศกาล 3. ความเช่ือถอื และคา่ นยิ ม คนไทยสว่ นใหญม่ ักใชด้ อกไม้ใบไม้ท่ีมีชอ่ื เปน็ มงคลมาใช้ในงาน มงคล เพอ่ื ใหเ้ กิดความสริ ิมงคล เชน่ ดอกรกั ดาวเรอื ง ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอก บานไมร่ ู้โรย ใบแกว้ ใบเงนิ ใบทอง ใบนาค ดอกเขม็ มกั จะใชน้ ยิ มแตง่ งาน งานวนั แม่ พธิ ี ไหว้ครู้ 4. ความอดทน บางคร้ังตอ้ งจำเป็นนำดอกไม้ใบไมไ้ ปในระยะใกล้ เชน่ ตา่ งจงั หวัดหรือ ต่างประเทศ จงึ ตอ้ งใช้ดอกไมไ้ มม่ คี วามคงทานตอ่ การเหย่ี วเนา่ และการขนสง่ ไดแ้ ก่ ดอก กลว้ ยไม้ ใบแกว้ ใบตอง 5. การใชง้ าน ทส่ี ามารถผสมผสานเข้ากันได้ทั้งสี ขนาดของดอกไม้ กลีบดอกไม้ ใบไม้ และ ลักษณะรูปร่างท่ีเข้ากนั ไดต้ ามองคป์ ระกอบ 6. ธุรกิจงานดอกไม้ การประดิษฐ์งานดอกไม้สดในปจั จุบนั ไดเ้ ป็นธรุ กจิ ที่สร้างรายได้ไม่น้อย กว่างานธรุ กิจอ่นื ๆงานประดษิ ฐ์ดอกไมส้ ดนน้ั มกั จะมาจากผูม้ ีประสบการณ์ อุดมการณ์ และ ทศั นคติ ทค่ี ลา้ ยคลึงหรอื แตกตา่ งกันไป หรอื อาจะตามความตอ้ งการของลูกค้าเปน็ สำคญั แต่ ยังคงรักษารูปแบบ และการเลอื กดอกไม้ใบไมท้ เ่ี ป็นประเพณีและวัฒนธรรมไทยไว้ 7. เลือกตามสภาพทอ้ งถิน่ ในเมืองไทยมกั มดี อกไม้ ใบไม้ ที่เจรญิ งอกงามได้ดเี ฉพาะภูมิ ประเทศประจำภาคตา่ งๆที่แตกตา่ งกันไป การเลือกซอ้ื ดอกไมแ้ ละใบไมท้ ่ีใช้งานดอกไมส้ ด เพ่ือจดุ ประสงคใ์ นการใช้ ดว้ ยเหตผุ ลใดก็ตาม การพจิ าราณาเลือกใชต้ ามฤดู เพ่ือจะได้ ดอกไมใ้ บไมร้ าคาถกู พยายามออกแบบงานทีใ่ ช้ดอกไมแ้ ละใบไม้ท่ที ดแทนกนั ได้

ชนิดดอกไมท้ ่ใี ช้การทำงานดอกไม้สด 1. ดอกกหุ ลาบมอญ ควรเลือกสีแดงสด กลบี แข็ง ไม่มรี อยซำ้ ดอกกหุ ลาบที่ใชใ้ นการรอ้ ยมาลัย ควรเลอื กดอกกหุ ลาบทีก่ ลบี ใหญ่ ขณะท่ีร้อยควรมีผ้าขาวบางชบุ น้ำคลุมกลบี ดอกเอาไว้ เพอื่ ป้องกันไม่ใหก้ ลีบดอกดำหรอื เห่ยี วงา่ ย ถา้ ต้องการเก็บไวใ้ ชใ้ นวันต่อไป ควรพรมน้ำ แล้วใส ถุงพลาสติก รดั ปากถุงใหแ้ น่น แลว้ แชใ่ นตูเ้ ยน็ จะเกบ็ ได้ประมาณ 3 - 5 วนั ความหมาย ความรกั ความเคารพ ความชนื่ ชม และ ความจงรักภกั ดี การนำกลบี กหุ ลาบ มอญมารอ้ ยเปน็ มาลัยชว่ ยเพิ่มความสวยงามและความนา่ สนใจ ท่แี ฝงไปด้วยความหมายอัน ลกึ ซง้ึ 2. ดอกพุด ควรเลอื กซือ้ ตอกพดุ ท่ีสดดอกตมู กา้ นแข็งมสี ีเขยี ว ก่อนนำมาใชค้ วรลา้ งนำ้ แลว้ ผง่ึ ลมใหแ้ หง้ ก่อนร้อยอาจจะใชแ้ ปง้ มนั หรอื แป้งขา้ วโพดคลุก เพอื่ ดูดยางของตอกพุด ขณะที่ รอ้ ยมาลัยดอกพุด ควรใช้น้ำมนั วาสลินทาเขม็ ขณะทีร่ ้อย เพื่อสะดวกในการรดู มาลัยออกจาก เขม็ ความหมาย ความเจริญรุง่ เรอื ง อดุ มสมบูรณ์ สุขภาพแขง็ แรง รม่ เยน็ เปน็ สุข ไมม่ ีความเดือด เนือ้ รอ้ นใจ 3. ดอกรัก ท่เี หมาะสมสำหรับงานมาลัยควรเลือกซือ้ ดอกรักที่อยใู่ นช่อ เพราะดอกรกั ช่อจะมี ดอกรักหลายขนาด สามารถเลอื กดอกรักให้มีขนาดใหญไ่ ปหาขนาดเล็ก เพอื่ ใช้ทำอุบะได้ สวยงามกว่าใชด้ อกรกั ขนาดเดยี วกันหมด ส่วนดอกรักทจี่ ะใชก้ ลบี ในการรอ้ ยมาลัย ควรเลอื ก ดอกรกั ดอกโตที่อย่ใู นกลีบเลีย้ ง เพราะจะได้ดอกรกั ทสี่ ดและขาวสวย ดอกรกั ขณะท่ีใช้ไม่ควร พรมน้ำ เพราะจะทำให้เน่าเร็ว ถา้ อากาศร้อนมากในขณะทรี่ ้อยก็ควรหาผ้าขาวบางชุบนำ้ มา คลุมไว้ ดอกรกั ถ้าต้องการจะเก็บไวใ้ ชค้ ร้ังต่อไป ควรเกบ็ ดอกที่อยูใ่ นกลีบเลีย้ งแลว้ ใส่ ถุงพลาสตกิ รัดถุงใหแ้ น่น เก็บใส่ตูเ้ ยน็ จะอยไู่ ด้ประมาณ 7 - 10 วนั ความหมาย ดอกรกั ความสวยงามอันเต็มไปด้วยความบริสทุ ธิ์ 4. ดอกกลว้ ยไม้ ที่เหมาะสำหรบั รอ้ ยมาลัย คอื กลว้ ยไมท้ ม่ี ีกลบี ดอกไมห่ นาเกินไป ถา้ เป็นกลบี ดอกที่หนาจะทำใหร้ ้อยมาลยั ไมส่ วย ดอกกลัวยไมท้ ่ีเหมาะสำหรบั งานรอ้ ยมาลยั คอื กล้วยไม้ มาดาม กลว้ ยไมบ้ าบาฮู กล้วยไมห้ วายขาว เป็นต้นการเกบ็ รักษาถ้ายังอยใู่ นช่อก็ควรตดั กา้ น แชน่ ้ำไว้แต่ถา้ ต้องการเก็บเป็นดอก ควรเดด็ กลีบแยกขนาดไว้ จะได้สะดวกในการใช้ กอ่ นที่

จะใชก้ ลีบกลว้ ยไมใ้ นงานรอ้ ยมาลัย ควรนำกลีบกลว้ ยไม้มาผ่ึงลมให้กลบี นุ่มเล็กน้อย เพอื่ สะดวกในการร้อยมาลัยกลบี จะไม่แตก ความหมาย เป็นสัญลักษณข์ องความมัง่ คั่ง ความรกั และความสง่างาม แสดงถงึ ความ ประเสรฐิ เลศิ และความงามอนั ละเมียดละไม 5. ดอกบานไม่รู้โรย มใี หเ้ ลอื กใชไ้ ด้3 สี คือ สขี าว สีชมพู สมี ว่ งแดง การเลอื กซ้อื ควรเลือกดอก ทีส่ ด กลบี ดอกแขง็ ก้านดอกสีเขียวสดสีของดอกไม่ควรเลอื กชนิดทีป่ ลายกลีบดอกมสี ีขาว ประปราย ดอกบานไม่รู้โรยใชใ้ นงานมาลยั จะเปน็ ดอกสำหรับรอ้ ยเปน็ ดอกตมุ้ ของอุบะ หรอื ใชร้ อ้ ยมาลัยโดยวิธีการกรองกลบี โดยการตัดเลาะดอกบานไมร่ ู้โรยเปน็ ชนั้ แล้วแยกเปน็ ขนาด ๆ ถ้าขนาดเดียวกนั เหมาะสำหรับรอ้ ยมาลัยกลมชำร่วย แต่ถ้าจะไล่ขนาดกห็ มาะ สำหรับการรอ้ ยหางกระรอก วธิ ีการเกบ็ รกั ษา ควรพรมนำ้ เลก็ น้อย ใสถ่ ุงพลาสติกเกบ็ ไวใ้ นที่ เยน็ อยา่ พรมน้ำมากเกนิ ไปดอกจะเปยี กและเน่าเรว็ ความหมาย ดอกไมท้ สี่ ือ่ ถงึ ความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยน เน่ืองจากเปน็ ดอกไมท้ ่ีเบง่ บานไมโ่ รย รา สอ่ื ถงึ ความรักความศรทั ธาที่มน่ั คงไม่มีวนั ผนั เปล่ยี น 6. ดอกเพ่ืองฟ้า ซึ่งเปน็ ดอกไมท้ ม่ี กี ลีบบางการจับตอ้ งเบามือพอสมควร ดอกเพ่อื งฟา้ เม่อื นำ กลีบดอกมาร้อยมาลัย ควรใช้ 2 กลีบซ้อนกนั จะทำให้มาลยั น้ันมคี วามคงทนมากขน้ึ การเก็บ รักษาควรพรมน้ำและใชผ้ ้าขาวบางคลมุ ไว้ ถ้าต้องการเกบ็ ไวน้ านกใ็ ส่ถุงแช่ตู้เยน็ ความหมาย ความเบกิ บาน สวา่ งไสว ความร่งุ เรือง ที่ก้าวไกลแห่งชวี ติ 7. ดอกมะลิ เป็นดอกไมส้ ีขาวนวล มกี ลน่ิ หอม ควรเลือกดอกตมู สดมีสีขาวอมเขียวออ่ นมขี ั้ว ดอกตดิ อยู่ ก้านดอกมสี เี ขียวอ่อน เกบ็ ใส่ถุงพลาสตกิ รัดปากถุงใสต่ ูเ้ ยน็ ความหมาย สีขาวบริสุทธิ์ของดอกมะลิ เปรียบดงั่ ความรักบรสิ ทุ ธท์ิ ี่ไมม่ ีวนั เสอ่ื มคลาย 8. ดอกเข้ียวกระแต เป็นดอกไม้ สีขาวนวล มลี ักษณะคลา้ ยดอกมะลแิ ตม่ ขี นาดเล็กกวา่ ดอก มะลิเลือกดอกที่ตูมตึงกา้ นดอกแข็งไมเ่ หย่ี ว ความหมาย มองเหน็ แต่สงิ่ ท่ีดี 9. ดอกดาวเรือง เปน็ ดอกไมส้ ีเหลอื ง ควรเลอื กดอกที่มกี ลบี ดอก กลบี แน่นติดอยกู่ บั ขวั้ ดอก กลบี ดอกสด กลีบดอกไมม่ ีรอยช้ำ กา้ นดอกแข็งแรง

ความหมาย สเี หลอื งเรอื งรองทเ่ี ช่อื กันวา่ จะนำมาซง่ึ เงินทอง เปน็ ดอกไม้สริ ิมงคลทม่ี ีคณุ สง่ เสริมดา้ นความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในหน้าทก่ี ารงาน 10. ดอกบวั ควรเลือกดอกตมู แน่น ยอดแหลม กา้ นดอกแข็ง ปลายกลีบไม่มสี ีดำและรอยชำ้ ความหมาย แทนความบริสทุ ธ์ิ จิตใจท่ผี ่องแผ้วสดใสไม่หมองมวั และความศรทั ธา 11. ดอกจำปา การเลอื กดอกที่มสี สี ดหรือสเี หลอื งทอง ไม่มรี อยชำ้ ดอกจำปาในงานมาลยั มกั ใช้ เป็นดอกต้มุ ขณะที่รอ้ ยดอกจำปาเปน็ ดอกตุ้ม ควรตัดเกสรข้างในดอกกอ่ น ขณะตดั ตอ้ งทำ อยา่ งเบามอื เพราะจำปาจะซ้ำงา่ ย แมแ้ ตล่ มโกรกมากๆ ตอกก็อาจจะช้ำงา่ ย ดังนัน้ เม่ือร้อย อบุ ะเสรจ็ แล้วควรใช้ใบตองหุม้ ดอกตุ้มจำปาไว้ก่อนท่ีจะนำไปประกอบพวงมาลัย หรอื หอ่ ไว้ จนเม่อื จะใช้งานจรงิ แต่ถ้าต้องการเกบ็ จำปาไว้ใช้ในวนั รุง่ ข้นึ ควรเกบ็ ดอกเรยี งใสก่ รวยใบตอง ให้เรียบรอ้ ย แลว้ ใส่ถุงพลาสติกรดั ใหแ้ น่นเก็บใสต่ ้เู ย็น ความหมาย เงนิ ทองไหลเข้ามา 12. ดอกจำปี เป็นดอกที่มีกล่นิ หอมอ่อนๆ กลบี ดอกมสี ีขาว มขี นาดกลีบเลก็ กว่าดอกจำปา การ ดูแลรักษาเช่นเดียวกับดอกจำปา ความหมาย จะสง่ ผลใหเ้ จริญในหน้าที่การงานใหเ้ จรญิ ยง่ิ ข้ึนไป 13. ดอกเข็ม เปน็ ดอกไมท้ ี่นิยมนำมาใชเ้ ปน็ สว่ นประกอบของงานดอกไมส้ ดในพธิ ีไหวค้ รหู รอื ใช้ ในการร้อยมาลัยร้องกรองเป็นอุบะพวงจนี ควรเลือกใช้ดอกเข็มสแี ดง ดอกขนาดใหญ่ ทมี่ ีทั้ง ตูม แย้ม บาน ในช่อเดยี วกัน ความหมาย มคี วามฉลาด สติปญั ญาเฉยี บแหลมและฉลาดรอบรู้ 14. ดอกชบาร่ม ใชก้ ลบี เลยี้ งมาเป็นหมวกครอบในการรอ้ ยอบุ ะ เลือกดอกทสี่ รสดและมกี ลบี ติด เลี้ยงแน่นอย่างสมบรู ณ์ จะปลิดกลบี เล้ียงออกจากข้วั ดอก เมื่อต้องการใชง้ าน 15. ดอกบานบุรี เปน็ ดอกไม้สีเหลือง ดอกเปน็ กระพงุ้ ท่ีโคนดอกมีกลบี ดอกห้ากลีบ มกั นำมาร้อย มาลยั และเยบ็ แบบ กลีบดอกตอ้ งไม่เหย่ี ว ไมม่ ีจดุ ดา่ งดำ 16. ดอกเบญจมาศน้ำ ดอกตูมสีเขยี วสด ก้านดอกแขง็ ไม่น่มิ เกบ็ ใส่ถุงพลาสตกิ พยายามอยา่ ให้ โดนลม เพราะกา้ นจะเหนียวและออ่ นนิ่ม 17. ดอกแพงพาย เปน็ ดอกไม้ท่ีใช้ปลายกลบี ดอกมนโคนดอกเดียว นำมาใชป้ ระโยชน์ เชน่ เดียวกบั ดอกเบญจมาศนำ้ ดอกผการองและดอกกะเมง็ ควรเกบ็ ไวท้ ้งั ดอก เมอื่ จะใช้งาน จึงคอ่ ยตดั ปลายกลีบออก

18. ดอกขจร เปน็ ดอกไมส้ เี ขียวอมเหลือง มักนำมาใช้รอ้ ยกรองประกอบกับงานดอกไมส้ ดในงาน มงคล ควรเลือกชอ่ ดอกทม่ี ดี อกบานและดอกแยม้ มากกวา่ ดอกตมู ขอ่ ดอกไมห่ ลดุ รว่ งง่าย 19. ดอกหงอนไก่ เปน็ ดอกไมท้ น่ี ิยมปลูกเปน็ ดอกไม้ประดับ แตน่ ำกลับดอกไม้มาใชเ้ ปน็ ส่วนรอ้ ย มาลัยเยบ็ แบบควรเลือกช่อดอกท่มี แี ผงกลบี บางดีกวา่ แผงกลีบหนาใหญ่ สสี ด เมลด็ ในช่อไม่ แก่เกินไป 20. ใบกระบือ ลักษณะของใบกระบอื จะมี 2 สี ดา้ นหนง่ึ เปน็ สีแดงเลือดหมู อีกด้านหนึง่ เป็นสี เขียว ในงานมาลยั สามารถเลอื กใชไ้ ด้ท้ัง 2 สี ใบกระบือเมอื่ จะนำมาใชใ้ นการรอ้ ยมาลยั จะต้องตัดกลีบใหไ้ ดร้ ปู ลักษณะกลีบดอกไม้ก่อน แล้วจึงจะนำมาร้อยใส่ลายมาลยั ใบกระบอื เปน็ ใบไม้ท่ที นดูแลรกั ษางา่ ย เพียงแตพ่ รมนำ้ ไม่ให้แหง้ ใบกระบือก็จะเก็บไว้ใชไ้ ดน้ าน ควร ใชผ้ า้ ขาวบางห่อกลีบเอาไว้ขณะทีร่ อ้ ย 21. ใบแกว้ เปน็ ใบไม้ทใี่ ช้ในงานรอ้ ยมาลยั เพราะใบแกว้ มีสีเขยี วสด จะทำใหล้ วดลายของงาน มาลัยดชู ดั เจนสวยงามขึ้น การใช้ใบแก้ว ในงานรอ้ ยมาลัยกจ็ ะตอ้ งนำใบแก้วมาตดั เปน็ ลกั ษณะรปู กลบี ก่อนจะนำไปร้อยเหมอื นใบกระบือ ส่วนวธิ ี การเก็บรักษาใบแก้วเม่อื เก็บมา จากต้น แลว้ ลา้ งน้ำให้สะอาด แล้วผึ่งนำ้ ให้แหง้ กลบี ใบจะนิม่ ลงเลก็ นอ้ ยนำมาตดั ตามแบบ แล้วจงึ นำไปร้อยมาลัยถ้ากลบี ใบแก้วเหลอื ก็ให้พรมนำ้ แล้วใส่ถุงพลาสติกรัดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปแชต่ เู้ ย็น 22. ใบตอง เปน็ ใบไมท้ ี่ใชส้ ำหรบั ทำแป้นรองฐานในการร้อยมาลัย และใช้ในการห่อหุ้มงาน ดอกไมส้ ด ใบตองทใี่ ชใ้ นงานมาลยั ควรเปน็ ใบตองตานี เพราะจะมีลกั ษณะพเิ ศษกวา่ ใบตอง ชนดิ อื่นๆ คือ จะเหนยี วนมุ่ ไม่แตกงา่ ย การเกบ็ รกั ษาควรพรมนำ้ หรอื ใช้ผ้ชุบน้ำเช็ด จะทำให้ ใบตองสดอยู่เสมอ การเก็บไว้ใชไ้ ห้ได้นาน คอื เช็ดใบตองใหส้ ะอาดแลว้ เก็บใส่ถงุ พลาสตกิ มดั ปากถงุ ให้แน่นแช่ใสต่ ูเ้ ยน็ 23. ใบมะยม เปน็ ใบไมท้ ห่ี าได้ง่าย เป็นใบไมท้ ี่มชี อื่ และความหมายเป็นมงคล เลอื กใบไม่ออ่ น และไมแ่ กเ่ กนิ ไป ไมเ่ หี่ยวนมิ่ ก่อนนำใบมะยมมารอ้ ยมาลัยต้องนำใบมะยมมาตัดเป็นลักษณะ รปู กลีบกอ่ น 24. ก้านมนั สำปะหลัง ใชส้ ำหรบั มดั ดอกข่า 25. ดอกเบญจมาศ ดอกแอสเตอร์ ดอกเยอบริ า ดอกคารเ์ นชัน่ เปน็ ดอกทมี่ ีขนาดใหญ่ กลบี ดอกแน่หนา ควรเลือกดอกที่ดอกที่มขี นาดกลีบดอกสมำ่ เสมอ ปลายกลบี แต่ละชิ้นเท่าๆกนั กลีบดอกสดแขง็ ควรเลอื กดอกแยม้ เม่ือนำมาใชง้ านกจ็ ะบานพอดี

การดูแลรักษาดอกไม้และใบไม้ ผทู้ ่ที ำงานด้านการงานดอกไมส้ ด มักมีความมงุ่ หวงั ท่ีจะใหด้ อกไม้และใบไมม้ ีความสด สวยงาม และมคี วามคงทนไว้ใหไ้ ดน้ านเท่าที่จะช่วยได้ การรจู้ ักดแู ลรักษาดอกไมแ้ ละใบไมน้ น้ั จะมีผลมาต้ังแตก่ าร เจรญิ เติบโตจากตันทอี่ ุดมสมบูรณไ์ ปด้วยน้ำ อากาศ และอาหารเพียงใด ปลอดจากโรคภยั และศตั รพู ืชมาก น้อยแคไ่ หนนนั้ นักประดิษฐ์ไมท่ ราบปญั หาเลย จะตอ้ งมีศักยภาพในการดแู ลรักษาดอกไม้และใบไม้ เมื่อ ซ้อื จากแมค่ า้ หรอื คนขายกอ่ นนำไปใช้งาน ขณะกำลงั ใช้งานไปสูผ่ ลงานสำเรจ็ ท่มี คี ุณคา่ ดงั ความตั้งใจ ฉะน้ันจะต้องพจิ ารณาทง้ั ทางด้านกายภาพและทางเคมี ซง่ึ เป็นสาเหตขุ องความเสยี หายได้ดังนี้ 1. น้ำ น้ำเปน็ ตวั ท่ที ำให้ดอกไมใ้ บไมม้ คี วามสดอยู่เสมอในขณะที่ดอกไมใ้ บไม้อยู่ตดิ กบั ต้น โดย ผ่านจากราก แตใ่ นสภาวะของดอกไม้ใบไมท้ ีเ่ กบ็ ออกจากต้นแล้ว การใหน้ ำ้ ในปรมิ าณทมี่ าก เกนิ ไป ผสมผสานกับสภาวะของอากาศทแี่ ตกตา่ งไปจากธรรมชาตเิ ดมิ ดอกไมใ้ บไมจ้ ึงเนา่ เสียได้งา่ ย เพราะนำ้ เปน็ ตวั ส่งเสรมิ ให้เอน็ ทไ์ ซม์ย่อยสลายได้เรว็ และจุลินทรีย์ทอี่ าจมีอยูใ่ น นำ้ เปน็ ตัวผลกั ดนั ให้เน่าไดเ้ รว็ มากขนึ้ 2. อากาศ มผี ลทำให้ดอกไม้ใบไม้ ทต่ี ัดออกมาจากตน้ แลว้ เมื่อได้รับอากาศโดยปราศจากการ ห่อหุม้ จะทำใหด้ อกไม้ใบไมเ้ หีย่ วเฉา จนไม่สามารถนำไปร้อยหรอื เย็บเปน็ สว่ นประกอบของ งานดอกไม้สดได้ และนอกจากนี้ในขณะทกี่ ำลังประดิษฐน์ น้ั ถา้ หากลืมฉีดน้ำหรือคลมุ ผา้ ข้ึนๆ ใหก้ ับดอกไม้ใบไม้ ตามขอ้ แนะนำในการปฏบิ ตั ิ จงึ มผี ลทำใหช้ น้ิ งานสำเร็จมีอายกุ ารใชง้ าน นานขึ้น 3. ความสะอาด ภาชนะ วัสดุ อปุ กรณ์ และผปู้ ฏิบัติงาน มผี ลทำใหใ้ นขณะทสี่ มั ผัสดอกไม้ ใบไม้ มีโอกาสเน่าเสียไดเ้ รว็ กวา่ ปกติ 4. ความประณตี และความพิถพี ิถัน ในการพบั กลบี จบั กลีบดอกไม้ ใบไม้ การเยบ็ การรอ้ ย กรองดว้ ย ความเบามือ จะชว่ ยลดความชำ้ และการเสียดสขี องดอกไมใ้ บไม้ ใหน้ อ้ ยลง มากกวา่ การประดิษฐด์ ้วยวิธีรุนแรง

อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นงานดอกไมส้ ด 1. เขม็ มาลยั เปน็ อุปกรณส์ ำคญั ในการร้อยมาลยั ลักษณะของเข็มมาลัยจะต่างจากเข็มทั่วไป คือ เข็มมาลยั ขนาดเลก็ เหมาะสำหรับรอ้ ยดอกไม้ก้านเล็กๆ และเข็มมาลัยชนมกั ใช้กบั ดอกไมช้ นิดก้านใหญ่ หรือกลบี ดอกขนาดใหญ่จะสะดวกและรวดเร็วกว่า 2. เขม็ สัน้ หรือเขม็ คีบ เปน็ เข็มท่ีมขี นาดเท่ากับเขม็ มาลัย แตค่ วามยาวจะสน้ั กว่า มีความยาว ประมาณ 6 นว้ิ เปน็ เข็มทเ่ี หมาะสำหรบั ร้อยอุบะ เข็มมอื นยิ มใช้เบอร์ 8 หรอื เบอร์ 9 ใช้ สำหรบั เย็บดอกข่า หรอื เย็บแบบ เย็บใบตอง บางครงั้ ใชเ้ ย็บโบกไ็ ด้ 3. ดา้ ย ทใี่ ช้สำหรบั งานมาลยั จะใช้ 2 ขนาด ด้ายขนาดใหญ่เป็นดา้ ยฝ้ายทมี่ ีลกั ษณะนุ่มเพ่อื ใช้ สำหรบั ในการรดู มาลยั ต้ายจะไม่ทำใหก้ ลบี ตอกขาตไต้ง่าย สว่ นดา้ ยขนาดเล็กจะใชส้ ำหรบั เยบ็ ดอกข่าหรือมัดดอกขา่ และใชส้ ำหรบั เยบ็ รบิ บิ้นหรือโบ 4. กรรไกร ที่ใช้ในงานร้อยมาลยั ควรใช้ทงั้ ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ เลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั งาน 5. มดี มดี เล็กบางคม สำหรับไว้ตัด กรองดอกไมบ้ านไม่รู้โรย เกลาผัก ผลไม้ หัน่ หยวกกล้วย เหลาไม้ 6. คีม ใชส้ ำหรับจบั เขม็ มาลัย ขณะทจ่ี บั รูดมาลัยออกจากเข็มไดส้ ะดวกกว่าการใชม้ ือจบั 7. ไมไ้ ผ่ หรือกานใบลาน กา้ นใบมะพรา้ ว ทำเป็นโครงสร้างของเคร่อื งแขวนขนาดจ๋วิ ขนาด เลก็ แขนาดกลาง หรือใช้ร้อยกรองดอกไม้ 8. ผา้ กุ๊น หรอื ผา้ ฝา้ ย เน้อื บางสขี าว ใช้สำหรบั พันโครงของเครอ่ื งแขวน 9. โครงลวดหรอื โครงเหล็ก ใชเ้ ปน็ โครงของเครอ่ื งแขวนขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยการตัด เชอ่ื มให้เป็นรปู รา่ งโครงทแ่ี ข็มแรง 10. กระบอกฉีดนำ้ ไว้พรมดอกไม้ ใบไมใ้ หเ้ กดิ ความชุม่ ช่ืน ก่อนใช้งานและขณะใช้งาน 11. ถาด สำหรบั ใสด่ อกไม้ ใบไม้ และอปุ กรณใ์ นงานดอกไม้สดทุกชนดิ ำหรบั อำนวยความสะดวก ในการทำงานหรือเก็บช้นิ งาน 12. กะละมัง สำหรบั ไว้พักดอกไม้ ใบไมห้ รือลา้ งดอกไม้ทเ่ี ป้อื นฝ่นุ ละอองหรือยาฆา่ แมลง 13. ผ้าขาวบาง สำหรบั ไว้คลุมดอกไม้เพ่อื ใหส้ ดได้นานขนาดทำและหลังคลมุ ทำเสรจ็ 14. กระดาษทรายใช้เบอร์ 0 เมอ่ื เขม็ ข้ึนสนมิ ใช้กระดาษทรายขดั สนิมออกให้หมด 15. นำ้ มันวาสลิน เปน็ นำ้ มันท่ีใชส้ ำหรบั ทาเขม็ มาลัย ก่อนที่จะรอ้ ยมาลยั หรอื ขณะที่รอ้ ยอยูใ่ น เข็ม เพื่อสะดวกในการรูดมาลัยออกจากเขม็

การดแู ลรกั ษาอปุ กรณท์ ่ใี ชง้ านดอกไม้ 1. เข็มมือและเขม็ มาลัย เมอ่ื เสรจ็ แล้วเชด็ ให้แห้ง ทานำ้ มนั ถ้าเป็นเข็มมาลยั ไม่แหง้ เม่ือ เก็บไว้จะขึ้นสนิม ใหใ้ ชก้ ระดาษทรายละเอียดถูสนมิ ออก แลว้ ทานำ้ มนั และเกบ็ ไวใ้ นทีป่ ลอดภยั 2. กรรไกร เมอื่ ใชแ้ ลว้ างยางจากดอกไมอ้ อกแล้วเชด็ ให้แห้ง ทาน้ำมันจะไดไ้ มฝ่ ดื เวลาใช้ และป้องกันสนมิ และเก็บในซองหรอื ที่ปลอดภยั 3. คีมเช็ดใหแ้ ห้ง แล้วเช็ดดว้ ยน้ำมัน เกบ็ ในท่ีไมข่ ึ้น 4. ภาชนะใสด่ อกไม้ ขนั น้ำหรอื ทีฉ่ ดี น้ำ เมอ่ื ใชแ้ ลว้ ล้างใหส้ ะอาดเชด็ ให้แหง้

สว่ นประกอบสำคญั ในการทำงานดอกไม้สด 1. ดอกข่า หมายถงึ ดอกไม้สดประดษิ ฐ์จากกลีบดอกไม้ นำมาหมดั หรือเย็บตรึงใหเ้ ป็นรปู ร่างดอกขา่ จรงิ โดยจะนำไปใชเ้ ป็นดอกตมุ้ ของอุบะ หรือไปใชต้ กแตง่ ดอกไม้แจกัน 2. อุบะ หมายถึง การนำดอกไม้ มารอ้ ยมาลัยด้วยดา้ ยหรือเชือกใหเ้ ป็นสายเพยี งเสน้ เดียว หรือหลายสายมา มัดรวมกนั จะมคี วามสัน้ หรือเท่ากนั ก็ได้ หรอื นำกลีบมาเจาะสอดคล้องต่อเนอ่ื งกัน เพ่ือนำไปเปน็ สว่ นประกอบประเภทงานมาลัย เครื่องแขวน พามพุม่ หรอื ไว้จัดตกแต่งสถานที่ก็ได้ โดยทำหน้าที่ผูกตดิ ดับส่วนปลายของมาลัย หรอื มมุ คลุมไตร และชว่ งตอ่ ของเฟ่ือง สว่ นประกอบของอุบะ 2.1. ดอกต้มุ อยู่สว่ นลา่ งสดุ ของอุบะ นยิ มใชด้ อกข่าประดษิ ฐ์ 2.2. ดอกครอบ หรอื เรยี กว่า หมวก จะร้อยถดั มาจากดอกตุม้ นยิ มใช้ขว้ั ดอกชบา แลก ลีบเลย้ี งดอกรกั 2.3. ดอกสวม คือดอกทีร่ อ้ ยอยเู่ หนอื ดอกครอบ จะมกี ี่ดอกก็ไดแ้ ล้วแต่ความเหมาะสม ควรเรียงแถวจากดอกใหญ่ ขนึ้ ไปเล็ก นิยมใช้ดอกรกั รปู แบบอุบะดอกไมส้ ด 1. อุบะขาเดยี ว หรือต้งุ ตงิ้ 2. อบุ ะแขก หรอื พวงเตา่ รั้ง 3. อบุ ะพู่ 4. อุบะไทยธรรมดา 5. อบุ ะไทยทรงเคร่ือง 6. อุบะแตระ หรือ สร้อยสน 7. อบุ ะจีน 8. อุบะพวงคนู หรือพวงราชพฤกษ์ 3. ตาขา่ ย หมายถึง ตาข่ายดอกไม้มารอ้ ยสอดสานกันเปน็ ตาขา่ ยลวดลายต่างๆกัน ทม่ี ีตัง้ โบราณ โดยจะทำ หน้าท่ี การทำเคร่อื งแขวน การหมุ้ โครงคลา้ ยผืนผ้าแพรโปรง่ ลายต่างๆ และชว่ ยตกแตง่ พามพมุ่ แบบเฟือ่ ง ระบายด้วย โดยมลี วดลาย 18 ลวดลาย

1. ลายดาวลอ้ มเดือน 2. ลายวิมานแปลง 3. ลายพระอาทติ ยช์ ิงดวง 4. ลายดาวใกลเ้ ดอื น 5. ลายหกดอกประสานตอ่ 6. ลายแกว้ ชงิ ดวง 7. ลายกำแพงแก้ว 8. ลายสี่ก้านส่ดี อก 9. ลายพระจนั ทรเ์ สี้ยว 10. ลายสามกา้ นสามดอก 11. ลายดาวกระจาย 12. ลายอกแมงมุม 13. ลายกระเบื้อง 14. ลายเกล็ด 15. ลายหกก้านหกดอก 16. ลายพระจนั ทรค์ รง่ึ ซีก 17. ลายกำแพงเพชร 18. ลายตาสมุทร 4. สวน หมายถงึ การนำดอกไม้ ใบไม้ นำมาเย็บ ร้อย ตดิ หรือปกั ให้เปน็ เสน้ ยาวเพอ่ื ปดิ ขอบหรือโครงเครือ่ ง แขวนหรอื โครงดอกคลมุ ไตร 5. เฟอ่ื ง หมายถึง สายเชื่อมระหว่างมมุ หรอื ระหว่างพวงอบุ ะ หรอื การแบง่ ขอบโครงเครือ่ งแขวน และจะปดิ ปมด้วยเฟอื่ งดอกทดั หู เฟอ่ื งมีหลายรปู แบบ ขึ้นอยกู่ บั การนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม จงึ แบ่งเฟ่ือง ออกเป็น 6 ประเภท 1. เฟ่อื งสายหรอื เฟอื่ งรอ้ ย คือ เฟื่องทีร่ อ้ ยด้วยดา้ ยรอ้ ยเรียบเรยี งดอกไมไ้ ปทีละดอก เพอ่ื ให้เกิด เป็นสาย 2. เฟื่องเย็บแบบ คือ เฟือ่ งทใี่ ชก้ ลีบดอกไม้ ใบไม้ เย็บบนใบตอง 3. เฟื่องแบบผสมอุบะ คอื การใชเ้ ฟอ่ื งแบบเยบ็ แบบ รอ้ ยติดด้วยอุบะตงุ้ ต้ิงเป็นชว่ งๆตามความ เหมาะสม

4. เฟือ่ งแบบผสมตาขา่ ย คอื เฟื่องเยบ็ แบบที่รอ้ ยตอ่ ด้วยตาขา่ ย และมีอุบะติดดว้ ย 5. เฟื่องมาลยั ลูกโซ่ คอื การทำมาลัยซีก มาลยั กลม หรอื มาลัยแบน นำมาผูก คลอ้ งเปน็ ลูกโซ่ 6. เฟ่อื งแบบผสม คอื การนำเฟื่องเย็บแบบมาประยกุ ต์กบั ผสมผสานใหเ้ ขา้ กนั และเตมิ แตง่ ตามมมุ 6. ดอกทัดหู คือ ดอกไมป้ ระจำยาม เป็นเคร่อื งประดบั ที่สำคัญส่วนหน่งึ เปน็ ส่วนที่เชื่อมโยงรอยตอ่ มมุ หรือจดุ ทป่ี ระชุมกนั ของเฟ่อื งและอบุ ะ แลว้ เป็นยงั เป็นจุดสนใจอย่างมาก เปน็ ดอกไม้ท่มี รี ูปร่างกลมบา้ ง กลีบดอกไมล้ ายไทย แบ่งออก 2 ประเภท 6.1. ดอกทัดหูธรรมชาติ คอื จะใชด้ อกไมข้ นาดใหญ่ ทนทานได้ มกั จะนิยมใช้ ดอก ดาวเรอื ง ดอกแอสเตอร์ ดอกเบญจมาศ ดอกเยอบริ ่า ดอกคารเ์ นชัน่ 6.2. ดอกทัดหูแบบประดษิ ฐ์ คอื ดอกทดั หที่นำกลบี ดอกไม้หรอื ใบไม้ มาตดั พับและ เย็บ - ดอกทัดหแู บบกลม คอื จะใชด้ อกไม้กลบี กหุ ลาบหรอื กล้วยไมม้ าใช้ - ดอกทัดหูแบบแฉก หา้ กลีบ มี 2 แบบ แบบกลบี ชนดิ เดยี ว และ แบบ เดินรมิ ดว้ ยดอกพดุ 7. แบบ คือ การประดิษฐ์นำใบตองมาซอ้ นกันหนาๆ แลว้ ตดั เป็นรูปต่างๆตามความตอ้ งการ 7.1.1. แบบตาอ้อย เป็นแบบชนดิ สว่ นประกอบพน้ื ฐาน ใชก้ ารกระบอื เดนิ ริมนอกทั้งหมด 7.1.2. แบบสมอเรอื คอื นิยมนำไปผูกห้อยต่อกับทัดหู 7.1.3. แบบพกู่ ลิน่ คอื ใชล้ ำตวั เครื่องแขวนขนาดเล็กเรยี กว่า พู่กลิน และใชร้ อ้ ยครอบปมทผี่ กู รวมสายโยงรอบกนั กระเชา้ หรอื สายห้ิวขน้ึ ขา้ งบน 7.1.4. แบบกระหนกหวั มน คอื การผสมผสานของดอกไม้และใบไม้ผสมกัน 7.1.5. ดอกทดั หแู บบกลม คือ จะใชด้ อกไมก้ ลีบกุหลาบหรอื กล้วยไม้มาใช้ 7.1.6. ดอกทัดหูแบบแฉก หา้ กลีบ มี 2 แบบ แบบกลีบชนิดเดียว และ แบบเดนิ ริมดว้ ยดอก พดุ

ประเภทงานดอกไม้สด งานมาลยั ดอกไมส้ ด งานมาลัยดอกไม้สด คืองานดอกไมป้ ระดิษฐ์ที่นำดอกไม้ใบไม้ตา่ งๆ เชน่ กลีบดอก กุหลาบมอญ ดอกพดุ ดอกรัก ดอกผกากรอง ใบแก้ว ดอกขา่ ดอกมะลดิ อกมะลลุ ี ดอกบานไม่รู้โรย ดอกเลบ็ มอื นาง บานบรุ หี งอนไก่ รกั เร่ เฟ่ืองฟ้า มาร้อยเปน็ พวงมาลัย โดยมกั จะนำมาใชก้ ราบไหว้พระและสงิ่ ศกั ดิ์สทิ ธิ์ รวมถึงนำไปไหวบ้ ดิ า มารดา ญาตผิ ใู้ หญ่ตามเทศกาลต่างๆ การรอ้ ยพวงมาลัยเปน็ ศิลปะอยา่ งหนง่ึ ของไทย ที่มมี าอย่างยาวนาน จาก การค้นควา้ ตามประวัติศาสตร์จารกึ พงศาวดาร ซงึ่ ปรากฏเป็นหลักฐานว่าการ รอ้ ย ประเทศไทยเราได้รบั วัฒนธรรมการรอ้ ยมาลัยมาจากอินเดีย (สุภทั รดิศ, 2525) ซึ่งเปน็ ประเทศต้น กำเนดิ สำคัญของศลิ ปะการร้อยมาลัยของหลาย ๆ ประเทศ โดยชาวอินเดยี ทน่ี บั ถอื ศาสนาฮินดจู ะรอ้ ย พวงมาลยั ดว้ ยวัสดจุ ากดอกไม้สด เช่น ดอกมะลิ หรือ ดอกกหุ ลาบทเี่ ราค้นุ เคยกนั ดใี น โดยมีชอ่ื เรียกว่า มาลยั อนิ เดีย (India flower garland) ชาวอนิ เดยี มีอารยธรรมอันเก่าแก่มีศาสนาทเ่ี กา่ แกท่ สี่ ดุ ในโลกกว็ ่า ไดช้ าวอินเดียมคี วามเชือ่ เรอื่ งส่ิงศักดิส์ ิทธ์ิสง่ิ เหนือธรรมชาติมาตง้ั แตโ่ บราณ โดยสมยั นั้นทำมาลยั โดยใช้ใน การมดั ดอกไมต้ ่างๆ ดงั น้นั การประดิษฐส์ ่งิ สักการบูชา จงึ มใี หเ้ ห็นมาช้านานงซงึ่ ในปัจจบุ ันก็ยงั มใี ห้เหน็ อยู่ และชาวอนิ เดียมกั ใชด้ อกไมด้ ังน้ีเพื่อเรียงรอ้ ยบูชาเทพเจ้า เพราะชาวอินเดียมคี วามเช่ือวา่ ดอกมัมหรอื ดอกดาวเรอื งเป็นดอกไมท้ ่มี ีกล่นิ ฉุน สามารถดับกลนิ่ กายมนุษยไ์ ดเ้ พ่อื ให้เราได้เข้าถงึ พระเจ้า ไดง้ า่ ยขึ้น คุณคา่ และประโยชน์ของงานมาลัย งานมาลยั เป็นงานดอกไมส้ ดอยา่ งหนงึ่ ของไทย ซ่ึงมคี วามประณตี สวยงาม แสดงถงึ เอกลกั ษณ์ภูมิ ปญั ญาของบรรพบรุ ษุ ไทยสมยั กอ่ น ในการนำดอกไมใ้ บไมม้ ารอ้ ยเป็นพวง เป็นท่ปี ระทบั ใจแก่ผ้พู บเห็นทุก ยุคทกุ สมยั ความสำคญั และคณุ ค่าเหล่านั้น ไตแ้ ก่ 1. คณุ คา่ ทางศลิ ปะและวัฒนธรรม งานมาลยั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมอนั ทรงคุณคา่ ของไทย ซึง่ แสดงถงึ ความเปน็ ชนชาติท่มี จี ติ ใจงดงาม ละเอียดออ่ น นุ่มนวล ความสามารถของคนไทยไมม่ ชี าตใิ ดในโลกเสมอเหมอื นซงึ่ สมควรท่ีอนุชนร่นุ หลงั จะ ถอื เป็นหนา้ ทท่ี ่คี วรหวงแหนรกั ษาสบื ทอดตอ่ ไป 2. คุณคา่ ทางสงั คม มาลัยกับวิถชี วี ิตไทยเป็นของคู่กัน ต้ังแต่ยุคสมัยโบราณถงึ ปัจจบุ นั ไม่วา่ จะเปน็ งานพธิ ี และประเพณไี ทย ก็มีการนำมาลยั มาใช้หลายโอกาส เชน่ บูชา

พระ งานอปุ สมบท งานมงคลต่างๆ กระทง่ั งานฌาปนกจิ ล้วนนำงานมาลัยเขา้ ไปมี ส่วนรว่ มทง้ั ส้ิน 3. คณุ คา่ ทางเศรษฐกิจ การประดิษฐง์ านมาลยั สามารถนำไปสร้างรายได้ทด่ี ใี ห้แกผ่ ูท้ ่ีมี ความรู้ความสามารถทางด้านน้ี ไม่ว่าจะเป็นการประกอบเป็นอาชีพถาวรหรอื อาชีพ เสรมิ ผลงานจะได้ราคาดี ผู้ประกอบ อาชีพนีต้ อ้ งมคี วามอดทน อุตสาหะ ท่มุ แรงกายแรงใจประดดิ ประดอยสร้างสรรคผ์ ลงานใหป้ ระณตี ถกู ใจผรู้ ับบรกิ าร 4. คุณคา่ ทางจติ ใจ นอกจากมคี ุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม คุณค่าทางสงั คมและทาง เศรษฐกิจ ผลพลอยไดท้ ีเ่ กิดข้ึนจากการรอ้ ยมาลยั คอื คณุ คา่ ทางจติ ใจ เพราะขณะ ในการรอ้ ยมาลัยน้ันยอ่ มเกิดความเพลดิ เพลนิ ซึง่ เป็นการฝกึ สมาธใิ นขณะทำงานทำ ให้ผทู้ ท่ี ำงานตา้ นนี้มจี ิตใจดี เยือกเย็น สุขุม นอกจากนี้ยงั เปน็ การชว่ ยดำรง เอกลกั ษณ์ของไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี ประโยชนข์ องงานมาลัย มาลัยมหี ลายรปู แบบ หลายลกั ษณะ ทง้ั ขนาดเลก็ ใหญ่ และยังมีลวดลายตา่ ง ๆ มาลยั แต่ ละชนดิ มหี นา้ ทใ่ี ช้สอยในโอกาสตา่ ง ๆ กัน ตามความเหมาะสม 1. ใช้เปน็ เครอ่ื งแสดงความเคารพสกั การบูชา เชน่ บชู าพระและสิ่งศักดส์ิ ทิ ธ์ิ บูชา ครู บดิ า มารดา ฯลฯ 2. ใชส้ ำหรับทลู เกลา้ ฯ ถวายในการรบั เสด็จในการเข้าเฝา้ ตามโอกาสต่าง ๆ นยิ ม ใช้มาลัยคลอ้ งมอื หรือเรียกว่า มาลยั ขอ้ พระกร 3. ใชส้ วมคลอ้ งคอคู่บ่าวสาวในพธิ ีมงคลสมรส หรอื ตอ้ นรับแขกท่มี าเยือน เพอื่ แสดงความยกยอ่ งใหเ้ กยี รติ แสดงความยินดี 4. ใช้ประกอบตกแต่งงานดอกไมส้ ด ในส่วนต่าง ๆ เชน่ พานพุ่ม ธปู เทยี นแพ เทยี นพรรษา 5. ใช้ประกอบจัดตกแต่งสถานทใี่ หส้ วยงาม มีบรรยากาศแบบไทย เชน่ ตกแตง่ โตะ๊ รับประทานอาหาร ตกแตง่ เวทีที่ประทบั ในงานพระราชทานปรญิ ญาบัตร ตกแตง่ งานพธิ ีมงคลสมรส

ประเภทของพวงมาลยั 1. แบ่งตามหน้าท่ใี ชส้ อย 1.1 มาลัยชายเดยี ว หมายถึง มาลยั ทมี่ ีลักษณะเปน็ พวงกลมมอี ุบะหอ้ ยเปน็ ชายเพียงพวงเดียว ซง่ึ บางคนอาจเรียกวา่ มาลยั มือ มาลัยขอ้ มอื หรอื มาลยั คล้องแขนก็ไดถ้ า้ ใชใ้ นการทูลเกล้าฯ ถวายกเ็ รยี กว่า มาลัยขอ้ พระกร มาลัยชายเดียวนี้ใชส้ ำหรบั คลอ้ งมอื คล้องแขน หรอื บูชาพระ 1.2 มาลัยสองชาย หมายถึง มาลยั ท่นี ิยมผกู ต่อกบั รบิ บน้ิ หรือ โบทั้งสองชาย และมอี ุบะห้อยชาย มาลยั ข้างละพวง มาลัยสองชายนี้ใช้สำหรับคล้องคอบคุ คลสำคัญในงานนนั้ ๆ ใชแ้ ขวนหนา้ รถ หรือหัวเรอื กไ็ ดบ้ างคนเรยี กมาลัย ประเภทนว้ี ่า มาลยั คล้องคอ ถา้ ใชค้ ลอ้ งคอเจา้ บ่าวเจา้ สาว เรยี กวา่ มาลัยบา่ วสาว 1.3 มาลยั ชำร่วย หมายถึง มาลัยขนาดเลก็ ๆ น่ารักกระจมุ๋ กระจ๋ิมสำหรบั มอบใหก้ บั บุคคลจำนวน มากเป็นของชำรว่ ย ตอบแทนการขอบคุณที่มาร่วมงานนั้นๆ 2. แบ่งตามลกั ษณะรปู แบบของการรอ้ ย 2.1. มาลยั ซกี หรอื เสีย้ ว หมายถึง มาลยั ทร่ี อ้ ยตามขวางเพยี งครง่ึ วงกลม 2.2. มาลัยกลม หมายถึง มาลัยทรี่ อ้ ยตามขวางเป็นวงกลม ตามยาวไปตลอดเขม็ 2.3. มาลัยแบน หมายถงึ มาลัยทมี่ รี ปู ทรงตามขวาง เป็นรูปยาวตามกลบี ปลายกลีบของด้านตรง ขา้ มยาวประมาณจดแนวเสน้ รอบวงแตป่ ลายกลีบของดา้ นขวางและดา้ นตรงข้ามแคบ 2.4. มาลยั รี หมายถงึ มาลัยท่ีมีรปู ทรงตามขวาง เปน็ รปู รูปทรงตามยาวขึน้ ไปตลอดเขม็ 2.5. มาลัยสามเหลยี่ ม หมายถงึ มาลยั ท่ีมรี ปู ทรงตามขวาง เปน็ รปู สามเหลี่ยม 2.6. มาลัยสีเ่ หลยี่ ม หมายถงึ มาลัยท่มี รี ปู ทรงตามขวาง เป็นรูปสเ่ี หลย่ี มดา้ น

2.7. มาลัยตมุ้ หมายถึง มาลัยทม่ี รี ปู ทรงตามขวางเปน็ รูปวงกลมขนาดเล็กแล้วคอ่ ย ๆ ใหญ่ตรง กลาง หัวทา้ ยเรยี ว ชว่ งกลางโค้งมน 2.8. มาลยั ตวั หนอน หมายถงึ มาลยั ท่ีมลี กั ษณะคลา้ ยมาลัยตุม้ แต่ยาวกว่า 2.9. มาลัยตัวหนอนคู่ หมายถึง มาลัยทมี่ ลี กั ษณะเหมือนมาลัยตมุ้ 2 ตมุ้ รอ้ ยต่อกัน 2.10. มาลัยสามกษัตริย์ หมายถงึ มาลัยทร่ี อ้ ยดว้ ยดอกบานไมร่ ู้โรยเปน็ ช้ัน ๆ คล้องตอ่ กันสามวง 2.11. มาลัยพวงดอกไม้ หมายถงึ มาลัยทรี่ อ้ ยด้วยดอกไม้เรียงต่อกันเปน็ สายยาว ผูกกนั เป็นวง 3. แบง่ ตามลกั ษณะโครงสรา้ ง 3.1. มาลัยสัตว์ หมายถึง มาลัยทีร่ ้อยให้เปน็ รปู ร่างลกั ษณะคลา้ ยตวั สตั วเ์ ช่น หนกู ระรอก กระแต กระตา่ ย ชะนี ฯลฯ 3.2 มาลยั ลกู โซ่ หมายถึง มาลยั ทร่ี ้อยจากมาลัยกลม หรอื มาลัยซีก แล้วนำเอามาผูกคลอ้ งต่อกัน ตงั้ แตส่ องวงขึ้นไป ให้มลี กั ษณะเปน็ หว่ งๆ คลอ้ งกันคล้ายโซ่ 3.3 มาลัยเปีย หมายถงึ มาลยั ท่ีร้อยจากมาลยั กลม และมาลัยตุ้มนำมาประกอบเขา้ เป็นพวง โดย เอามาลัยกลมผกู ตอ่ กนั เป็นวงอยูต่ รงกลาง ส่วนบนและล่างรอ้ ยตอ่ ดว้ ยมาลัยตุ้ม 3.4 มาลัยเถา หมายถึง มาลยั ทีร่ อ้ ยจากมาลยั ซีกแล้วนำมาผูกตอ่ กันเป็นวงกลม วงละขนาดตั้งแต่ ขนาดใหญแ่ ละค่อยๆ เล็กลงตามลำดับ โดยวางเรียงซ้อนกันลกั ษณะเป็นเถา 3.5 มาลยั ครยุ หมายถงึ มาลยั ทรี่ ้อยจากมาลัยกลมขนาดใหญม่ อี บุ ะหอ้ ยตุง้ ต้งิ คลา้ ยระบายเป็น ครุยโดยรอบท้ังด้านในและด้านนอก ใช้สำหรบั สวมสะพายจากไหล่ขวามาซา้ ยคลา้ ยกบั การหม่ สไบเฉยี ง เมอื่ นงุ่ โจงกระเบนน่นั เอง 3.6 มาลัยดอกกลว้ ยไม้หมายถึง มาลัยทรี่ อ้ ยดว้ ยดอกกล้วยไม้ล้วน เป็นสว่ นของตวั มาลยั ไม่ต้อง ร้อยดอกอยา่ งอน่ื แซมเปน็ ลวดลายใดๆ

4. สว่ นประกอบของมาลยั 4.1. ตัวมาลัย คือ ส่วนทรี่ ้อยเป็นพวงอาจจะเป็นมาลยั กลม มาลยั ตุ้ม มาลยั ตัวหนอน มาลัยแบน มาลยั รี 4.2. อบุ ะ คอื สว่ นที่ผูกห่อยต่อจากส่วนตัวมาลัย ได้แก่ อบุ ะพุม่ อุบะแขก อุบะไทยทรงเครอ่ื ง 4.3. มาลัยซีก คือส่วนทผี่ กู ปดิ รอยต่อระหว่างมาลัยกบั อบุ ะ ควรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ตวั มาลยั 4.4. รบิ บ้นิ หรอื โบ คือ สว่ นประกอบอยา่ งหนึง่ สำหรับทีใ่ ชพ้ วงมาลัยสองชาย หรอื พวงมาลยั ชำร่วย โดยผกู ติดกับพวงมาลัย

งานเครอ่ื งแขวนดอกไม้สด ประเทศไทยเปน็ ดินแดนที่อดุ มไปด้วยความสมบรู ณ์ทางธรรมชาติ ทำให้ประเทศของเรามีพรรณ ไมท้ ีส่ วยงามหลายชนิด ผนวกกบั แนวความคิดสร้างสรรคข์ องคนไทย ทชี่ อบประดิษฐป์ ระดอยมาตง้ั แตส่ มัยโบราณ ก่อให้เกดิ งานหัตถศิลปอ์ ันประณีตมากมายหลายแขนง หนงึ่ ในนั้นคือ งานเครือ่ งดอกไม้ ซงึ่ เป็นศิลปะทมี่ ีความ ละเอยี ดออ่ น ตอ้ งใช้ความอดทนในการทำสูงมาก จากหลักฐานทางโบราณคดตี ามโบราณสถานตา่ งๆ ในแถบทวีป เอเชีย ชใ้ี ห้เหน็ ว่า ชาตพิ ันธ์แุ ถบนี้ มกี ารนำดอกไม้มาประดับเคหะสถานต้ังแต่ยุคดึกดำบรรพ์ สงั เกตจากศาสน สถาน พระราชวัง และบา้ นคหบดี ท่ีมกี ารทำเปน็ ลายปนู ป้นั เปน็ รปู เฟือ้ งดอกไมล้ ายตา่ งๆ โดยงานเครอื่ งแขวนดอกไม้สด เป็นงานประดิษฐ์ทท่ี ำข้นึ เพ่อื ใช้ในการประดับตกแตง่ อาคาร สถานที่ และสงิ่ เคารพบชู า มรี ูปร่างเป็นช่อเป็นพวงท่รี ังสรรคข์ ้ึนจากการนำดอกไม้เล็กๆ มาเรยี งร้อยรวมกันดว้ ยเสน้ ด้าย ประดิษฐ์ เป็นเส้น ลาย เป็นตาขา่ ยรูปต่างๆ ที่มีอยดู่ ้วยกนั 2 ประเภท คือ แบบสองมติ ิ และแบบสามมิติ แบบสองมติ ิ เปน็ แบบของเครื่องแขวนท่มี ลี กั ษณะแบน มองไดท้ ัง้ 2 ดา้ น เช่น แบบตาข่ายหนา้ ชา้ ง แบบ บนั ไดแกว้ แบบวมิ านแท่น เปน็ ตน้ ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะใชแ้ ขวนบริเวณหนา้ ต่างท่ีมลี มผ่าน เมื่อลมพัดเข้ามาในเคหะ สถานทปี่ ระดบั ดว้ ยเคร่ืองแขวนน้ี กจ็ ะอบอวลเปน็ ด้วยกลน่ิ ดอกไม้ทีแ่ ขวนอย่ไู ปดว้ ย ผอู้ ยู่อาศัยกเ็ กดิ ความจรงุ ใจ กบั ดอกไมไ้ ปด้วย แบบสามมติ ิ คอื แบบที่สามารถมองไดร้ อบทศิ ทาง เชน่ แบบกลนิ่ คว่ำ แบบพวงแก้ว แบบพู่กลิน่ แบบระย้า ทรงเครอื่ ง เป็นตน้ งานประดิษฐ์แบบน้ีจะใชแ้ ขวนประดับภายในบา้ น เพื่อใหเ้ กดิ ความสวยงามตอ่ ผูท้ ่มี าพบเหน็ หนา้ ที่และประโยชนข์ องเครื่องแขวนดอกไม้สด 1. เป็นเครือ่ งประดบั ตกแต่งอาคารสถานท่ี ทม่ี โี อกาสพิเศษ ในงานราชพธิ ี งานประเพณีไทน ทางศาสนา งานฉลองสมโภช งานมงคล งานศพ งามประชุมสัมมานานานาชาติ งานเผยแพร่ ศิลปวฒั นธรรมไทย ฯลฯ ตำแหน่งทใ่ี ช้แขวนมดี งั น้ี 1.1. ช่องประตู ซุ้มประตู 1.2. ชอ่ งหนา้ ต่าง 1.3. ระหวา่ งม่านแหวก 1.4. กลางเพดาน 1.5. ฝาผนัง 1.6. หน้าเมรุ

1.7. คลอ้ งหวั เรอื พระท่นี ่ัง 1.8. แขวนตามชอ่ ง มมุ หน้ามุข 2. เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงศลิ ปวัฒธรรมแขนงงานชงั่ ฝมี อื สตรหี รอื บุรษุ ไทย ทม่ี คี วาม ประณตี บรรจง แสดงให้ถงึ ความงามในจิตใจและความเกา่ แกอ่ ารยชน 3. ช่วยฝึกสมาธิขน้ึ พืน้ ฐานได้เปน็ อยา่ งดี ทำให้เกดิ ความสงบสุขและความรม่ เยน็ แห่งจติ ใจ จะ สงั เกตไดว้ ่าขณะท่ีทำงานดอกไมส้ ดจติ ใจจะชน่ื บานอารมณ์แจม่ ใส เวลากล็ ่วงเลยไปโดยเร็ว แม้ความหิวหรอื ความงว่ งก็ลืมได้ 4. ช่วยให้เกิดความเพลิดเพลินเจริญตาเจรญิ ใจใหแ้ กผ่ ู้พบเห็น เมอื่ มองพินิจพิจารณายง่ิ เพลิดเพลินทง้ั รปู ร่าง รปู ทรง สีสนั พนั ธุไ์ มน้ านาทนี่ ำมารอ้ ยกรองเรยี บเรียง เป็นช่อ เปน็ พวง อย่างเป็นระเบียบ 5. ชว่ ยฝกึ ความอดทน ความมานะบากบั่นและความเพียรพยายามในการนำดอกไม้ใบไม้มาสร รสรา้ ดั่งดอกไม้ทิพย์ท่มี นษุ ยไ์ ดเ้ นรมติ เพอ่ื เป็นเครอ่ื งบชู าพระผู้มีพระเจ้า เทพยดา พรอ้ มท้งั ได้อวดโฉมโดยรอบใหเ้ หน็ ถนดั ตา เม่อื สายลมไดพ้ ดั พากล่นิ ดอกไมห้ อมชวนใหช้ ืน่ ใจ งานประดิษฐเ์ ครอ่ื งแขวน 1. ตาขา่ ยหนา้ ช้าง สันนฐิ านวา่ เปน็ เครื่องแขวนทค่ี ดิ ขึ้นมาเป็นแบบแรก เพราะโครงสรา้ งเป็นแบบ เส้นตรงเสน้ เดยี ว ไม่สลบั ซับซอ้ น นอกจากใชแ้ ขวนประดับสถานท่แี ลว้ ยังใช้คลมุ หนา้ ผากชา้ งสำคัญ เวลาเข้าพิธี เช่น พิธถี วายชา้ งสำคญั หรือสมโภชช้าง เป็นต้น 2. พดั หนา้ นาง ลักษณะคลา้ ยพัดหนา้ นาง หรอื ตาลปัตรของพระภกิ ษุ ตัวพดั รอ้ ยเปน็ สายดว้ ยดอกพดุ แผ่ รศั มอี อก คลา้ ยพัดใบลาน สว่ นบนและล่างตกแต่งดว้ ยอบุ ะและต้งุ ติง้ เหมาะสำหรบั แขวนประดับช่อง ประตู หนา้ ต่างหรอื ตามฝาฝนัง 3. พัดจามร นอกจากพัดหนา้ นางแลว้ พัดจามรถือเป็นพัดไทยทีม่ รี ูปลกั ษณอ์ ่อนชอ้ ยงดงาม เหมาะทจ่ี ะ นำมาดดั แปลงเปน็ เครอ่ื งแขวน เม่ือนำมาตกแตง่ ด้วยดอกไม้สีสันสดใส จะเพิ่มความสะดุดตาชวนมอง 4. กล่ินจระเข้ รปู ร่างคล้ายจระเข้ ประกอบดว้ ยรูปส่ีเหลย่ี มขนมเปียกปนู สามอนั ซ้อนทบั กัน โดยอัน กลางมขี นาดใหญก่ ว่าอนั บนและล่างเลก็ นอ้ ย ใชเ้ ส้นรอบรูปทเ่ี กิดขน้ึ ใหม่ บรรจุลายและตกแต่งตาม มุมด้วยอุบะให้ดวู ิจติ ร

5. พู่กลนิ่ เปน็ พวงดอกไม้มีลกั ษณะคลา้ ยพู่ คือ ตรงกลางป่อง หัวและเทา้ เรยี ว ใช้แขวนหอ้ งเพื่อความ สวยงาม และส่งกล่นิ หอมอบอวลของดอกไม้สด พูก่ ลน่ิ มหี ลายขนาดต้งั แต่ 3-7 ชนั้ ในงานมงคลใช้พู่ กลิ่นจำนวนช้ันเปน็ เลขคี่ และใช้จำนวนชั้นเปน็ เลขคสู่ ำหรบั งานศพ 6. บนั ไดแกว้ ลกั ษณะคลา้ ยขัน้ บันได 3 ขน้ั นำมาผกู โยงกันด้วยสายรอ้ ยด้านขา้ ง และสายร้อยไขว้ กากบาท ตกแตง่ ด้วยตุ้งต้ิง ใชด้ อกไมส้ ีขาวนวลท้งั หมด เพอ่ื ให้ความรู้สกึ คล้ายบนั ไดแกว้ ซ่ึงเชื่อกันว่า เป็นบนั ไดเนรมติ โดยเทวฤทธ์แิ ห่งท้าวโกลีย์ รับองค์พระพทุ ธเจ้าเสด็จลงจากดาวดงึ ส์ 7. บนั ไดเงิน ลกั ษณะคล้ายบันไดแก้ว แตกต่างกันที่สสี ันของดอกไม้ ซึ่งใช้ดอกสีฟ้าคราม ขาว นวล เทา บา้ ง และลวดลายตกแต่งทแ่ี ปลกออกไป ตามพุทธประวัตินน้ั พรหมท้งั หลายใชบ้ นั ไดเงนิ ตามส่งเดจ็ พระพุทธเจา้ ลงจากดาวดงึ ส์ โดยทา่ นท้าวมหาพรหม ทรงก้ันเศวตฉัตรถวาย 8. บนั ไดทอง ลักษณะคล้ายบนั ไดแก้วและบนั ไดเงิน หากแต่ใช้ดอกไมส้ ีเหลืองทอง เพอื่ ใหค้ วามรสู้ กึ คล้ายบนั ไดทอง ซงึ่ เทพยดา ใชต้ ามส่งเสดจ็ พระพทุ ธเจ้า ลงจากดาวดึงส์ส่พู ้นื พภิ พ โดยมที ้าวโกลยี ์ถือ บาตรนำเสดจ็ 9. กลน่ิ จนี ลักษณะคล้ายตั่งหจู ีน เป็นแบบทด่ี ดั แปลงมาจากกลนิ่ ตะแคง คือรูปดาวหกแฉกอยตู่ รงกลาง สว่ นบนเป็นดางครึ่งดวง ส่วนล่างเป็นรปู สี่เหล่ยี มติดกนั 2 อัน นำทุกสว่ นมาผกู โยงเช่ือมกนั แล้วผกู อบุ ะและตุ้งต้งิ ให้ความรสู้ ึกที่โปรง่ บางเบา เม่อื มลี มพัดเพยี งเลก็ นอ้ ยจะเกดิ อาการเคล่อื นไหว 10. วมิ านแท่น ลักษณะเป็นกรอบส่ีเหล่ียมสองชั้น คลา้ ยช่องหนา้ ตา่ ง มตี าขา่ ยหน้าชา้ ง เปน็ รูปสี่เหลีย่ ม หนา้ จั่วอย่สู ่วนบน ตรงมมุ ของกรอบสี่เหลีย่ มมีดอกเยบ็ แบบทัดทงั้ 4 มุม ใช้สีสันสดใสใหเ้ ด่นสะดุดตา วมิ านแทน่ บางท่านเรียกวา่ ชอ่ งวมิ าน 11. วิมานพระอนิ ทร์ ใชป้ ระดบั ประตหู นา้ ตา่ ง ประดิษฐเ์ พิ่มเตมิ จากตาข่ายหนา้ ช้าง ระหว่างจวั่ บนและ จัว่ ลา่ ง จะเปน็ กรอบสเ่ี หลยี่ มผืนผ้าคลา้ ยชอ่ งหน้าต่าง ตรงกลางหน้าจั่วอาจติดแบบพระอนิ ทร์ และ ตดิ แบบกระหนกบนจ่ัวล่าง หรืออาจจะไมต่ ดิ แบบเลยกไ็ ด้ 12. กลน่ิ ตะแคง ลกั ษณะคล้ายดาวหกแฉกหรือรูปหกเหล่ียม ตกแตง่ อุบะตามมมุ นิยมรอ้ ยทงั้ ดอกรกั และ ดอกพดุ ใชแ้ ขวนประดับสถานที่ เพ่อื เพมิ่ ความสวยงามสดชนื่ ประดษิ ฐ์สสี ันได้ตามความเหมาะสม 13. โคมกระเช้าดสุ ิต โครงสรา้ งตัวโคมและฝาโคม นำใบโพธพ์ิ อกย้อมสีผนึกกับโครง ถักตาขา่ ยด้วยดอก พดุ กับใบโพธิ์อีกครงั้ ส่วนบนของฝาเป็นรูปเจดีย์ ตกแตง่ ด้วยเมลด็ พืช ผูกอุบะตุ้งตง้ิ สว่ นลา่ งของโคม

เป็นรูปดอกบัว ตกแตง่ ดว้ ยเมล็ดพชื ติดกนก 4 มุม ตัวโคมประดบั พระปรมาภิไธยยอ่ ภปร. ประดษิ ฐานบนครฑุ 14. โคมกระเชา้ หนา้ นาง โครงสร้างตวั โคมนำใบโพธ์พิ อกยอ้ มสมี าผนกึ ถักตาขา่ ยดว้ ยดอกพุดทบั อีกคร้ัง สว่ นบนถักตาขา่ ยโปรง่ ตลอดตดิ ผูกอุบะตุง้ ต้ิง ขอบฝาโคมประดบั แบบกนกหวั มน ผูกอบุ ะประดิษฐ์ ลายสมอเรือ ตดิ ทดั หูกลมท่ีตวั โคม แบ่งช่วงผูกอุบะและประดบั แบบกนก ชายประดับพุม่ ดอกรัก และ อุบะสร้อยสน 15. โคมฝรง่ั โครงสรา้ งเป็นรูปวงกลมหลายขนาด มแี กนกลางเช่อื มติดกนั แตล่ ะช้นั ชน้ั ล่างมวี งกลมซ้อน กัน 2 วง ตัวโคมร้อยด้วยดอกรักผูกเป็นสายใหไ้ ด้จังหวะ สว่ นบนเปน็ รปู โคง้ มน ติดดว้ ยดอกรัก หอ้ ย อุบะตงุ้ ตงิ้ ทีข่ อบบน และช้นั ท่ี 2 ช้ันล่างสดุ หอ้ ยอบุ ะต้งุ ต้งิ สามแถว ตามขอบวงกลมทุกช้นั เดนิ สวน ดว้ ยดอกรัก 16. โคมจนี โครงสร้างเป็นรูปทรงกระบอก 6 เหลี่ยม ตวั โคมถกั ตาข่ายดอกรัก ขอบบนและลา่ งถกั ตาขา่ ย ดอกพดุ ตรงมุมบนร้อยดอกรกั เป็นสายผูกรวบเขา้ ดว้ ยกัน ตรงกลางผกู อุบะไทยทรงเครื่อง ตามมุม ประดับดว้ ยเฟอื่ งประดิษฐ์ ประดับอบุ ะแบบตา่ งหูจนี ตรงมุมติดทัดหรู ูปดาว 6 กลีบ ชายล่างประดับ ดว้ ยอุบะตุง้ ติ้ง 17. กล่ินควำ่ โครงสร้างเปน็ กลิน่ ตะแคง 6 แฉก ถักด้วยดอกรัก ส่วนบนและล่างรอ้ ยดอกรักเป็นสายผูก รวบด้วยกนั ประดับด้วยเฟื่องมาลัยแบนลกู โซด่ ้วยดอกกล้วยไม้ ตามมมุ ห้อยอบุ ะด้วยสร้อยสนจาก ดอกกล้วยไม้ และตดิ ทดั หูกลมดอกกุหลาบ สว่ นชายหอ้ ยอบุ ะไทยทรงเคร่ืองด้วยกลีบกล้วยไม้ 18. ระย้าทรงเคร่ือง โครงสรา้ งรปู ดาว 8 แฉก สว่ นบนถกั ตาขา่ ยจอมแห สว่ นลา่ งถกั ตาข่ายดอกรกั ผกู อบุ ะตุ้งต้ิงประดบั เฟ่ืองมาลยั ลูกโซ่แบน ด้วยดอกกล้วยไม้ ตามมมุ ผกู อบุ ะพู่กลิน่ บานไม่รูโ้ รย ชายพู่ กล่ินใช้อุบะสรอ้ ยสนจากดอกกล้วยไม้ ตรงกลางประดบั ดว้ ยพูก่ ลน่ิ เช่นเดยี วกัน 19. พวงกลาง โครงสร้างรปู 6 แฉก มวี งกลมซอ้ นข้างใน 2 วง รอ้ ยอุบะดอกชบาประดิษฐด์ ว้ ยดอกรัก เปน็ สายลดหลน่ั กัน สว่ นรปู ดาวอุบะลดหล่ันกนั เปน็ สามเหลย่ี มหนา้ ชา้ ง ตามมมุ ประดบั ด้วยอุบะ สร้อยสน และติดทัดหกู ลม สว่ นบนรอ้ ยดอกรักเป็นสายผกู รวบ ประดับอบุ ะสรอ้ ยสน 20. พวงแก้ว โครงสร้างเปน็ รูป 6 เหลี่ยมดา้ นเทา่ สามอันร้อยอบุ ะดอกจำปีประดิษฐ์ ผูกใหไ้ ดข้ นาด ลดหล่นั กันเปน็ ช้ัน ประดบั เฟือ่ งแบบกนก ตามมมุ หอ้ ยอุบะแขกดอกจำปปี ระดิษฐ์ ตดิ ทัดหูรูปดาว สว่ นบนรอ้ ยดอกรกั เปน็ สายผูกรวบตดิ กัน หอ้ ยอบุ ะแขกตรงกลาง

21. กระเชา้ ทพิ ยม์ าลี โครงสรา้ งกระเชา้ เปน็ รปู ดาว 6 แฉก รัศมเี ปน็ รปู ดาว 16 กลบี ตัวกระเช้ายอ่ ส่วน จากกระเชา้ สีดา รศั มตี ิดแบบให้สีออ่ น-แกผ่ กู ตดิ กระเชา้ ส่วนกลางของรัศมรี ้อยดอกรักต่อกันแบบ ประดิษฐ์ รูปสมอเรอื สว่ นลา่ งประดับด้วยอุบะ แบบประดิษฐ์รปู สมอเรอื ซอ้ นกนั 22. ระย้าน้อย ประกอบดว้ ยโครงสร้างรูปดาว 5 แฉก ส่วนบนถกั ตาขา่ ยจอมแหดว้ ยดอกพุด สว่ นล่างถกั ตาขา่ ยดอกพุดชายหอ้ ยอบุ ะต้งุ ต้งิ ประดับเฟ่ืองมาลยั แบน ตามมุมติดอบุ ะไทย ทัดหูมาลยั ซกี ส่วนล่างของระย้าประดบั ด้วยอบุ ะไทย 23. โคมหวด โครงสรา้ งตวั โคมเปน็ รูปหวดนึง่ ขา้ ว ปากหวดเป็นรูปดาว 6 แฉก พร้อมฝาถักตาขา่ ยดอกพดุ ทโ่ี ครงสร้างรปู หวด ถักตาขา่ ยหอ้ ยอบุ ะต้งุ ติง้ ส่วนบนใชด้ อกรกั ประดับ ตามมุมหอ้ ยอบุ ะไทย ตกแต่ง ดว้ ยเฟอ่ื งกนกมน ตดิ ทดั หกู ลม สว่ นล่างประดับดว้ ยดอกรกั หอ้ ยชายด้วยอุบะไทยทรงเครอื่ ง และรัด ขอ้ มาลัยซกี 24. กระเช้าสีดา โครงสร้างเปน็ รูปดาว 6 แฉก สว่ นบนร้อยดอกรกั เปน็ สาย ผกู รวบตรงกลางห้อยอบุ ะ แขก ตัวกระเชา้ รอ้ ยดอกรกั เป็นสายผูกรวบ ทชี่ ายห้อยอุบะพู่ ตามมมุ ประดับเฟือ่ งแบบกนก ตดิ อุบะ ประดษิ ฐท์ ก่ี นก ผกู อบุ ะแบบประดษิ ฐ์ทีม่ มุ และติดทดั หรู ปู ดาว

งานพานพุ่มดอกไม้สด พานพุ่มดอกไม้สดเปน็ งานประณีตศลิ ป์อกี ประเกทหนงึ่ ทป่ี ระดษิ ฐส์ บื เน่ืองควบคกู่ บั การจดั ดอกไม้ ประเภทมาลยั เครือ่ งแขวน ซึ่งเปน็ งานประดิษฐท์ ่ีใชใ้ นงานราชพธิ มี าแตโ่ บราณ จากหนังสอื ท้าวศรจี ุทำ ลักษณ์ หรอื นางนพมาศ สนมเอกของสมเด็จพระรว่ ง ไดจ้ ดั ประดษิ ฐพ์ านขน้ หมาก ใชใ้ นพิธีวิวาหมงคล ด้วยดอกไม้สเี หลือง รอ้ ยกรองเป็นรปู พานสองชัน้ มีระยำระบายงดงาม ในขนั เลก็ กใ็ สห่ มากเมยี่ ง ดอกไม้ ร้อยเป็นตาชายคลมุ ซง่ึ เปน็ ที่ พอพระทยั ของสมเด็จพระรว่ งย่งิ นกั จึงบัญญัตพิ านขนั หมากใช้สำหรบั พธิ ี รับแขก ทง้ั ในพิธวี ิวาหมงคลและอาวาหมงคล สมยั อยธุ ยา การประดิษฐด์ อกไม้สดคงไมผ่ ดิ แปลกไปมาก ถงึ แม้จะผดิ แปลกออกไปบา้ งกไ็ ม่มหี ลกั ฐานให้สืบคนั หาไดจ้ นกระทง่ั ตกทอดมาในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ การ จัดประดษิ ฐพ์ านพมุ่ ดอกไมส้ ด พานพุม่ ดอกไมแ้ ห้งและพานพมุ่ จากวสั ดุอื่น ๆ เชน่ รบิ บนิ้ ผ้าตาด ลกู ปดั ดิน้ เล่ือม สง่ิ ประดิษฐ์จากดนิ และแป้งเขา้ มาแทนท่มี ากมาย จะสงั เกตไดว้ า่ พานพุ่มดอกไม้สดยังเป็นทีน่ ยิ ม อยู่มาก เพราะคนไทยยงั คงยึดถือการใช้ \"เครือ่ งสด\" อย่ใู นราชพธิ ี และในพิธที ีเ่ กยี่ วขอ้ งกับ พระพุทธศาสนาใช้สกั การะสิ่งศกั ดิ์สิทธิ์ และงานพระราชพธิ ี พานพมุ่ ทเี่ ปน็ ของแห้งเขา้ มามบี ทบาทมาก ขึน้ เพราะสามารถจัดเตรยี มทำได้ในระยะเวลานาน ซอื้ จากผู้ผลิตท่ีประดษิ ฐ์เป็นธุรกจิ กันอยา่ งกวา้ งขวาง ทน่ี ำไปใช้เป็นเครื่องบชู าจนเป็นทีแ่ พรห่ ลายทง้ั กายในและตา่ งประเทศ ซง่ึ เปน็ การปลกู เน้นั วัฒนธรรมไทย ทย่ี งั คงสืบเนือ่ งมาจนถึงทกุ วนั น้ี แมใ้ นบางสว่ นจะได้มีการประยกุ ตห์ รือปรับเปลย่ี นไปบ้าง แตส่ ว่ นทย่ี ังคง อนรุ ักษไ์ ว้นั้นจะพบเห็นไดใ้ นพระบรมมหาราชวงั ที่ยังมโี รงเรยี นในพระราชตำหนักสวนกหุ ลาบ ซ่งึ มไี ว้ สำหรบั ถา่ ยทอดใหแ้ กป่ ระชาชนทว่ั ไป ส่วนในหลกั สูตรของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ยังให้มีการเรียนการสอน แบบสอดแทรกและแบบหลกั สตู ร โดยเฉพระสถาบนั ดา้ นอาชีวศึกษาท่มี กี ารเรยี นการสอนสาขาวิชาคหกร รมศาสตรน์ น้ั ยงั วิชาดอกไมส้ ด ศลิ ปวฒั นธรรมไทย ศิลปประดษิ ฐ์ การจดั ดอกไม้แบบไทย และการรอ้ ย มาลัย ซ่งึ นำภาคภมู ิใจ ทีป่ ระเทศไทยยังคงอนุรกั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมไทยไว้มาจนถงึ ทุกวันน้ี หนา้ ทแี่ ละประโยชน์การใชง้ าน 1. เป็นเคร่ืองสักการะบูชาและสิง่ ส่ิงศกั ดิส์ ิทธิ์ 2. เปน็ เคร่ืองถวายพระพร เทดิ พระเกียรติ 3. ใชไ้ หวแ้ ละสักการะครอู าจารย์ 4. ใชเ้ ปน็ พานรับน้ำสังข์ พานแหวนหม้ัน พานขนั หมาก 5. เป็นเครือ่ งประดับตกแตง่ บา้ น หรอื จัดแต่งหอ้ งพิธีต่างๆ 6. มอบเปน็ ของขวัญแสดงความยินดี งานฉลองยศหรือตำแหน่ง

วัสดุและอปุ กรณใ์ นงานพามพมุ่ ดอกไม้สด 1. พาน 2. โครงหุ่น 3. ดอกไม้ กลบี ดอกหรอื ใบไม้ 4. ไม้สกดั ตะปูเขม็ ลกั ษณะพาน 1. พานลาว 2. พานขันโตร 3. พานกลีบบัว ประเภทงานพามพุ่ม 1. พานพุ่มเทียน คอื การนำเทยี นไขมาหลอมแลว้ เทลงในแบบท่เี ปน็ ทรงพุ่ม เม่อื ได้รปู รา่ ง เทยี นทเ่ี ปน็ ทรงพมุ่ แลว้ จะนำมาวางไว้บนพาน เรียกวา่ พุม่ เทยี น ซึ่งถอื เปน็ โบราณราช ประเพณที ส่ี ถาบันพระมหากษตั รยิ ์ได้สืบสานมาโดยลำดับในพระราชพธิ บี ำเพญ็ พระราช กุศลถวายพมุ่ เทยี น เน่อื งในวนั อาสาฬหบชู า และเทศกาลเขา้ พรรษา ของทุกปี 2. พานพมุ่ ดอกไมส้ ด หรอื พานพุ่มดอกไม้ คอื ชา่ งประดิษฐด์ อกไมไ้ ทยได้นำดอกไมส้ ด ได้แก่ ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกจำปี ดอกไมร่ ู้โรย หรอื ดอกไม้อนื่ ๆ มาจัดแต่งเป็นทรงพุ่ม มี ลักษณะคลา้ ยพนมมือ นำมาตัง้ ไว้บนพาน แล้วนำไปตง้ั บูชาพระรัตนตรัย หรือนำไปวางเป็น เครื่องสกั การะ แล้วแต่กรณี 3. พานพ่มุ ทอง – พานพุ่มเงิน คอื การนำผา้ ตาดทอง ตาดเงนิ เป็นตน้ มาประดิษฐ์แล้ว นำมาจัดแตง่ ประกอบกบั วัสดุหรือโฟมเปน็ ทรงพุ่ม นำมาตง้ั ไวบ้ นพาน แล้วนำไปตัง้ บชู าพระ รตั นตรัย หรอื นำไปวางเป็นเครอ่ื งสกั การะแล้วแต่กรณี งานประดิษฐพ์ ามพุ่มดอกไม้สด การประดษิ ฐพ์ านพุม่ ดอกไม้สดในวฒั นธรรมไทยนยิ มใชด้ อกไม้ใบไมม้ าประดิษฐต์ กแตง่ ใน ลกั ษณะดงั ต่อไปนี้

1. แบบไม่มีลวดลาย คือ การนำดอกไม้ กลบี ดอกไม้ หรอื ใบไม้ชนดิ ใด หนง่ึ เพยี งชนิดเดียว ปกั บนทีเ่ ตรียมไว้ เช่น พมุ่ ดอกไม้บานไมร่ โู้ รย ดอกรกั ดอกมะลิ กลบี กลว้ ยไม้ หรอื ดอกไมใ้ บไม้ ชนิดอื่นๆ มาปกั พานพมุ่ ได้ลกั ษณะตามที่ตอ้ งการ ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้ 1.1. พุ่มเครอ่ื งนมสั การทองน้อย เป็นการจดั ประดิษฐข์ นึ้ เปน็ เครอ่ื งบูชาพระรัตนตรยั ใน พิธสี ำคัญ พานนิยมทน่ี ิยมนำมาใช้ คือพานทอง มกุ ลงยา เงนิ หรอื ทองเหลือง ก็ได้ 2. แบบมลี วดลาย คือการนำดอกไม้ กลบี ดอกไม้และใบไม้ ชนิดเดียวกนั หรือหลายชนดิ มาบัก บนโครงห่นุ ใหเ้ กิดลวดลายที่มีสสี ันมากข้นึ ลวดลายตา่ งๆ 2.1. พมุ่ ลายขนมเปยี กปูนยกดอก 2.2. พุ่มลายตาประชมุ เลก็ 2.3. พมุ่ ดอกไมก้ ลบี บัวประยุกต์ 2.4. พานดอกจำปา จำปี 2.5. พานรับนำ้ สงั ข์ พานแหวนและทองหม้ัน

บทสรุป จากเน้ือหาข้างต้นทำให้เหน็ ว่างานดอกไม้ มีต้ังแตส่ มัยกรงุ สโุ ขทัย รวมไปถึงจนสมัยรัชกาลท5่ี โดยสมยั รัชกาลนน้ั เรียกไดว้ ่าเปน็ ยคุ ท่ีรุง่ เรอื งในการทำงานดอกไมส้ ดมากท่สี ดุ จนถงึ ในปัจจุบันก็ได้มีการ จดั ทำการเรยี นการสอนเฉพาะด้านนี้ ตามโรงเรยี นและวิทยาลัย โดยงานดอกไม้สดกจ็ ะเปน็ การเรยี นการ สอนเก่ยี วกบั การเลอื กดอกไมแ้ ละใบไมท้ ่ใี ชใ้ นการประดิษฐ์ อปุ กรณ์ในการทำ รวมไปถึงการเจาะลึกในงาน ประดษิ ฐใ์ นแตป่ ระเภททใี่ ชใ้ นงานตา่ งๆ ไดแ้ กง่ านมาลยั ทใ่ี ช้การถวายพระหรอื มอบใหก้ บั ผใู้ หญ่ งาน เครอื่ งแขวนเปน็ งานทีใ่ ชก้ ารตบแตง่ สถานทส่ี ำคญั หรืองานบุญ และงานพามพุ่มเป็นการไหว้หรอื สกั การระ บชู าตามราชพิธี หรอื งานมงคล ทง้ั นงี้ านดอกไม้มกั จะใชแ้ ตง่ านแตกต่างกนั ออกไป และรวมถงึ อัตลกั ษณ์ ลวดลายของงานดอกไม้ท่มี คี วามแตกตา่ งในแต่ละงานประดิษฐ์ ทำให้เหน็ ถึงความประณีต ละเอยี ดอ่อนให้ ทำงานจากดอกไมส้ ด ทำใหท้ างผู้จดั ทำมองเหน็ ปัญหาของงานดอกไมส้ ดที่มีเนื้อหาที่ละเอยี ดออ่ น ซบั ซ้อน จงึ ทำใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายไม่ค่อยเห็นความสำคัญและลดความสนใจ เบ่อื หนา่ ยกบั เนื้อหาและภาพงาน ประกอบแต่ภาพ ทางผ้จู ัดจึงอยากท่ตี อ้ งการสรุปขอ้ มูลเนอื้ หาที่เข้าใจและภาพประกอบไดร้ ถู้ ึงความสำคัญ และความร้ใู นงานดอกไม้สด

แหล่งท่ีมา

รองหลงั ปก

หลงั ปก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook