หน่วยท่ีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม
ความรู้เก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม สาระสาคญั ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะ หน่วยงานทางราชการ หน่วยงานเอกชน การเรียนการสอน ธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งก็จะเลือกใช้ประเภทของคอมพวิ เตอร์ให้เหมาะสมกบั ประเภทงาน อีกทั้ง อุปกรณ์โทรคมนาคมก็ได้มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง และรวดเรว็ ครอบคลมุ การทางานในทกุ ๆ ดา้ นอย่างท่ัวถึง
ความรเู้ ก่ียวกับคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณโ์ ทรคมนาคม สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ 2. ประเภทของคอมพิวเตอร์ 3. อปุ กรณ์โทรคมนาคม 4. องค์ประกอบของระบบโทรคมนาคม 5. หนา้ ทขี่ องระบบโทรคมนาคม 6. ประเภทของสญั ญาณในระบบโทรคมนาคม
ความรูเ้ ก่ียวกับคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณ์โทรคมนาคม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายของคอมพิวเตอร์ได้ 2. อธบิ ายคุณลักษณะของคอมพวิ เตอรแ์ ต่ละประเภทได้ 3. วเิ คราะหไ์ ดว้ ่าคอมพวิ เตอร์แต่ละประเภท เหมาะสมกบั งานใด 4. บอกช่ือเรยี กของคอมพวิ เตอร์แตล่ ะประเภทได้ 5. อธิบายความหมายของอุปกรณโ์ ทรคมนาคมได้ 6. อธิบายการทางานของอุปกรณ์โทรคมนาคมได้ 7. อธิบายองค์ประกอบของระบบโทรคมนาคมได้ 8. อธบิ ายหน้าที่ของระบบโทรคมนาคมได้ 9. จาแนกคุณลกั ษณะของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม แตล่ ะประเภทได้
ความรู้เก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม ความหมายของคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณ์โทรคมนาคม องค์ประกอบของระบบโทรคมนาคม หนา้ ที่ของระบบโทรคมนาคม ประเภทของสญั ญาณในระบบโทรคมนาคม
ความหมายของคอมพิวเตอร์• คอมพิวเตอร์ หมายถงึ การนบั หรอื การคานวณ• “เคร่ืองอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ บบอัตโนมัติ ทาหนา้ ทเี่ สมือนสมองกลใช้สาหรบั แกป้ ัญหาต่าง ๆ ทัง้ ท่งี า่ ยและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์”• เป็นเครื่องจักรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ท่ีถกู สร้างขึน้ เพ่อื ใชท้ างานแทนมนุษย์ ในดา้ นการคิดคานวณ และสามารถจาขอ้ มลู ทง้ั ตวั เลขและตวั อักษรได้• สามารถจดั การกับสัญลกั ษณ์ได้ดว้ ยความเรว็ สงู• เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ หรือเรยี กอีกอยา่ งหนง่ึ วา่ เครอื่ งสมองกล
ประเภทของคอมพวิ เตอร์แบง่ ออกเป็น 6 ประเภท 1. ซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Supercomputer) 2. เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe Computers) 3. มนิ ิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) 4. เวริ ์กสเตชัน่ (Workstation) 5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) 6. ไมโครคอนโทรลเลอร์ (Microcontrollers)
1. ซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์ (SUPERCOMPUTER)• เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญท่ สี่ ดุ• มีขีดความสามารถสงู ที่สดุ• ภายในประกอบดว้ ยหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูนบั พันตวั• คานวณด้วยความเรว็ กว่าหลายลา้ นคาสง่ั ตอ่ วินาที• เป็นคอมพิวเตอร์ทีม่ ีราคาแพงทส่ี ดุ และเรว็ ทส่ี ดุ• เหมาะกับงานประมวลผลขอ้ มลู ทีม่ ปี ริมาณมหาศาล
2. เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (MAINFRAME COMPUTERS)• เปน็ คอมพิวเตอรท์ ่มี ีขดี ความสามารถรองจากซูเปอรค์ อมพิวเตอร์• ประมวลผลขอ้ มูลไดถ้ ึง 10 ลา้ นคาสง่ั ภายใน 1 วนิ าที• สามารถประมวลผลธุรกรรมนบั ลา้ นรายการ ในระยะเวลาอนั สัน้• การเชอ่ื มโยงและเข้าถึงเมนเฟรมจะต้องใช้งานผ่าน เคร่อื งเทอรม์ นิ ลั (Terminal)• มีรูปแบบการทางานเปน็ การประมวลผลแบบรวมศนู ย์ (Centralized Data Processing)• รองรับผู้ใช้หลายร้อยคนพร้อมกัน โดยเกบ็ โปรแกรมของผใู้ ช้ไวใ้ นหน่วยความจาหลกั และสวิตซก์ ารทางานระหวา่ งโปรแกรมต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว• สามารถทางานแบบ มัลตโิ ปรแกรมมง่ิ (Multiprogramming)• เหมาะสาหรับองคก์ รขนาดใหญ่ เชน่ ธนาคาร สายการบนิ โรงงานอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เปน็ ตน้
3. มนิ ิคอมพวิ เตอร์ (MINICOMPUTER)• เปน็ คอมพวิ เตอรข์ นาดกลาง มขี นาดเลก็ รองมาจากเมนเฟรมคอมพวิ เตอร์• ประมวลผลขอ้ มูลได้ 1 ล้านคาส่ังภายใน 1 วินาที• เหมาะกับธรุ กจิ ขนาดกลาง เชน่ โรงพยาบาล โรงแรม หา้ งสรรพสินคา้
4. เวริ ์กสเตชน่ั (WORKSTATION)• เรียกอกี ช่ือหนง่ึ วา่ สถานงี านวิศวกรรม (Engineering Workstation)• รปู แบบภายนอกคล้ายกับเครือ่ งพีซีท่วั ไป แตม่ รี าคาแพงกวา่ และมขี ดี ความสามารถ สงู กว่ามาก• มักถกู ใช้งานด้านวิทยาศาสตร์ งานด้านการแพทย์ งานคานวณทางคณติ ศาสตร์ และวิศวกรรมที่มีความซบั ซ้อน ชว่ ยงานออกแบบ ชว่ ยในการผลติ• ผู้ใช้งานส่วนใหญเ่ ป็นวศิ วกร• จุดเดน่ คอื เร่ืองกราฟกิ การสรา้ งรูปภาพและทาภาพ เคลอ่ื นไหว สร้างกราฟกิ แบบเอนเิ มชนั แบบสามมติ ิ การเชอ่ื มโยงสถานีงานวศิ วกรรมรวมกนั เปน็ เครือขา่ ย
5. ไมโครคอมพวิ เตอร์ (MICROCOMPUTER)• เรียกอีกชอ่ื ว่า “เครือ่ งพซี ”ี (Personal Computers : PC)• ได้รบั ความนิยมสงู ทีส่ ุดในกลมุ่ เนือ่ งจากมรี าคาไม่แพง และมีประสทิ ธภิ าพสูง• เหมาะสาหรบั บุคคล และหนว่ ยงานขนาดเล็ก• ประยุกตใ์ ชง้ านทั้งแบบ Stand Alone (ใชง้ านแบบเดยี่ วๆ ไมไ่ ด้เช่อื มตอ่ เขา้ กับเครือขา่ ย)• หรอื นามาใชเ้ พ่อื เช่ือมตอ่ เข้ากับระบบเครือข่ายท้องถน่ิ (LAN)• เหมาะกับงานธรุ กจิ ขนาดเล็ก ใชใ้ นบ้านหรือสานกั งาน
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (MICROCOMPUTER)• ไมโครคอมพิวเตอรม์ หี ลายประเภท ดังน้ี 1. คอมพิวเตอรต์ ั้งโตะ๊ หรือเดสก์ท็อปพซี ี (Desktop PC)• ออกแบบมาเพื่อใช้บนโต๊ะ มีขนาดใหญแ่ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ มากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คลชนิดอื่น• ส่วนประกอบหลกั เรยี กว่า หน่วยระบบ จะเปน็ เครือ่ งทรง สีเ่ หล่ียม ท่เี รียกวา่ เคส (Case) ซึ่งวางอยู่บนหรือใต้โตะ๊• สว่ นประกอบอืน่ ๆ เชน่ จอภาพ เมาส์ และแปน้ พมิ พ์ จะเช่อื มตอ่ กบั หนว่ ยระบบ
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (MICROCOMPUTER)2. คอมพวิ เตอรโ์ นต้ บกุ๊ หรอื แลป็ ท็อป (Notebook/Laptop)• เปน็ พีซแี บบเคล่อื นทีไ่ ด้ มีนา้ หนักเบา และมหี น้าจอทีบ่ าง มีขนาดเลก็• สามารถทางานโดยใชแ้ บตเตอรี่• สามารถนาแล็ปทอ็ ปไปไดท้ ุกที่• จะรวม CPU หนา้ จอ และแปน้ พมิ พไ์ ว้อยู่ในตัวเคร่อื งเดยี วกนั• คอมพิวเตอร์โนต้ บกุ๊ ยงั มอี กี 2 รูปแบบ ปจั จุบนั ไมค่ ่อยมใี ชแ้ ล้ว คอื • อัลตร้าบ๊กุ (Ultrabook) บางและเบา มีจอภาพขนาดใหญต่ ง้ั แต่ 13 - 17 นว้ิ ความบางของ ตัวเครื่องจะน้อยกวา่ 21 มม. ลงไป แบตเตอรใ่ี ชง้ านไดน้ านหลายช่วั โมง • เน็ตบ๊กุ (Netbook) หน้าจอขนาดเล็กกวา่ คอมพวิ เตอร์โน้ตบ๊กุ มขี นาดประมาณ 8.9 – 11.6 นวิ้ หนาประมาณ 1 น้ิว นา้ หนกั เบา ราคาถกู กวา่ คอมพิวเตอร์โน้ตบกุ๊ เหมาะสาหรับการใชอ้ ินเทอร์เนต็ มากกวา่ โปรแกรมในการปฏบิ ัตงิ านหรอื เล่นเกม
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (MICROCOMPUTER)3. แท็บเลต็ คอมพวิ เตอร์ (Tablet Computer)• คอมพวิ เตอรเ์ คล่อื นท่ี ท่รี วมคุณลกั ษณะของแล็ปท็ อปและคอมพิวเตอร์มอื ถอื เขา้ ด้วยกัน• แทป็ เลต็ คอมพวิ เตอร์เหมอื นกบั แลป็ ทอ็ ป ตรงที่มี ประสิทธิภาพมากและมหี นา้ จอแบบในตัว• เหมือนกบั คอมพวิ เตอรม์ ือถอื ตรงท่สี ามารถเขยี น บันทึกหรอื วาดภาพบนหน้าจอ• โดยท่ัวไปใช้ปากกาแทบ็ เล็ต• แปลงลายมือใหเ้ ปน็ ข้อความแบบพมิ พ์ได้
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (MICROCOMPUTER)• แท็บเลต็ พซี ีบางเคร่อื งเปน็ แบบ “พับ” โดยมีหนา้ จอทีห่ มุนได้ และเปิดออกเพ่ือให้เหน็ แปน้ พมิ พท์ ี่อยู่ ด้านลา่ งได้ แท็บเล็ตคอมพวิ เตอร์ สามารถแบง่ ได้ 3 รปู แบบ คือ 1. Convertible Tablet มโี ครงสรา้ งเดียวกับคอมพวิ เตอร์แบบโน้ตบ๊กุ 2. State Tablet มเี พยี งแค่หน้าจอคลา้ ยกบั กระดานชนวน 3. Personal Digital Assistant : PDA เป็นอปุ กรณ์พกพาขนาดเล็ก เชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยได้ เพ่ิมแอพพลเิ คชนั่ ได้
6. ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MICROCONTROLLERS)• เปน็ คอมพวิ เตอรแ์ บบฝงั ตัว (Embedded Computers)• ออกแบบมาเปน็ พเิ ศษ มขี นาดเล็ก• ป้อนโปรแกรมเพื่อให้ทางานโดยเฉพาะ• สงั เกตไดจ้ ากอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรอื เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าทว่ั ไป ในปจั จุบนั จะมีชิ้นส่วนหรือโปรแกรมน้แี ทบทัง้ สิ้น• เช่น โทรทัศนส์ มารท์ ทีวี เครอื่ งไมโครเวฟ เคร่ืองซักผ้า
อปุ กรณ์โทรคมนาคม (Telecommunications)• เป็นเคร่ืองมือในการส่งสารสนเทศในรูปแบบของตวั อักษร ภาพ และเสยี ง• ใช้คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ หรอื การติดต่อสอื่ สารจากที่หนง่ึ ไปยงั อีกท่หี นง่ึ• โดยใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าให้ไหลไปตามสายเคเบิลทองแดง เคเบิลเสน้ ใยแสง หรือโดย อาศัยคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ ในการส่งสญั ญาณไปในบรรยากาศ• อุปกรณด์ ้านผสู้ ง่ จะแปลงเสยี ง และภาพ เปน็ สัญญาณไฟฟา้• อปุ กรณด์ ้านผรู้ บั จะแปลงสญั ญาณไฟฟา้ ใหเ้ ป็นภาพ และเสียง• เช่น การส่งวิทยุ โทรทัศน์ การสง่ คลื่นไมโครเวฟ และการสง่ สัญญาณผา่ น ดาวเทียม
องคป์ ระกอบของระบบโทรคมนาคม คอื• ระบบที่ประกอบดว้ ยฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟตแ์ วรจ์ านวนหนึง่ ทสี่ ามารถทางานรว่ มกัน• ถูกจดั ไว้สาหรบั การส่อื สารขอ้ มลู จากสถานทีแ่ ห่งหนึง่ ไปยงั สถานทีอ่ ีกแห่งหนง่ึ• สามารถถ่ายทอดขอ้ ความ ภาพกราฟิก เสียงสนทนา และวดี ีทัศนไ์ ด้มรี ายละเอยี ดโครงสร้างสว่ นประกอบ ดังนี้ 1. เครือ่ งคอมพิวเตอร์หรอื เครอื่ งมือเปลีย่ นปริมาณใดใหเ้ ปน็ ไฟฟ้า (Transducer) 2. เครอ่ื งเทอรม์ ินลั สาหรบั การรบั ขอ้ มูลหรอื แสดงผลข้อมูล 3. อุปกรณ์ประมวลผลการสอื่ สาร (Transmitter) 4. ช่องทางส่ือสาร (Transmission Channel) 5. ซอฟตแ์ วรก์ ารสื่อสาร
หน้าทข่ี องระบบโทรคมนาคม ทาหนา้ ที่• สง่ และรับขอ้ มลู ระหวา่ งจุดสองจดุ ไดแ้ ก่ ผ้สู ง่ ข่าวสาร (Sender) และผรู้ ับข่าวสาร (Receiver)• ลาเลยี งขอ้ มูลผา่ นเสน้ ทางทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพทสี่ ดุ• ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ที่จะสง่ และรับเข้ามา• ปรบั เปลยี่ นรูปแบบขอ้ มูลใหท้ ั้งสองฝา่ ยสามารถเขา้ ใจไดต้ รงกนั• ใช้คอมพิวเตอรเ์ ป็นตวั จดั การ• ใช้ โปรโตคอล (Protocol) เป็นกฎเกณฑ์มาตรฐานในการสอ่ื สาร• เครอื ขา่ ยเดียวกนั ต้องใช้ โปรโตคอล อย่างเดียวกนั
หน้าทขี่ องระบบโทรคมนาคม• ทาความร้จู กั กบั อปุ กรณ์ท่อี ยู่ในเสน้ ทางการถา่ ยทอดข้อมูล• ตกลงเงือ่ นไขในการรบั ส่งขอ้ มลู• ตรวจสอบความถกู ต้องของขอ้ มลู และแกไ้ ขปัญหาขอ้ มลู ท่ีเกดิ การผิดพลาด ในขณะทส่ี ่งออกไป และแกไ้ ขปญั หาการส่ือสารขดั ขอ้ งท่อี าจเกดิ ข้ึน• โปรโตรคอลทีร่ ูจ้ ักกนั มาก ได้แก่ โปรโตคอลในระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต เช่น Internet Protocal ; TCP/I , IP Address
ประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม ข้อมูลจะต้องถูกแปลงเป็น สัญญาณไฟฟ้า ท่ีเรียกว่าสัญญาณข้อมูล (Data Signal) จึงจะทาใหส้ ามารถส่งผ่านส่ือไปได้ในระยะทางไกลด้วยความเร็วสูง ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นสญั ญาณข้อมูลได้ 2 ประเภท ดังน้ี 1. สัญญาณแอนะล็อก Analog Signal 2. สัญญาณดิจิทัล Digital Signal
ประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม หมายถงึ• สัญญาณข้อมลู แบบต่อเนื่อง (Continuous Data)• มีขนาดของสญั ญาณไมค่ งที่• การเปล่ียนแปลงของขนาดสัญญาณแบบค่อยเปน็ ค่อยไป• มลี กั ษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนอ่ื งกันไป• การสง่ สัญญาณ จะถูกรบกวนให้มกี ารแปลความหมายผดิ พลาดไดง้ ่าย
ประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม หมายถงึ• สัญญาณทเ่ี กี่ยวข้องกับข้อมลู แบบไม่ต่อเนือ่ ง (Discrete Data)• มขี นาดแนน่ อน• ขนาดอาจกระโดดไปมาระหวา่ งคา่ สองคา่ คอื สญั ญาณระดบั สูงสดุ และสญั ญาณระดบั ต่าสุด• เป็นสญั ญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทางานและติดต่อสอ่ื สารกนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: