Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore TestBizcom

TestBizcom

Published by nattakit0011, 2016-11-24 02:05:23

Description: TestBizcom

Keywords: none

Search

Read the Text Version

อ่านประวัติของ สตีฟ จอบส์ และ บิล เกตส์ และสรุปถึงแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมของทั้ง 2 คน และเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมของ ทั้ง 2 คน ประวัติบิลเกต บิลล์ เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 บิดาชื่อนายวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway, First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์ บิลล์ เกตส์เข้า ศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะใน การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี ประสิทธิภาพดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันทั้งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วย จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมา บิลล์ เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ใน ระหว่างที่ก าลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาสได้ท าความรู้จักกับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1 ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์ วาร์ด เขาได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบ ภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็ น6 โปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์ ส าหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบ ความส าเร็จทางการค้าในกลางคริสตทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็น ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียน การสอน เกตส์สมรสกับ เมลินดา เฟร้นช์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1994 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน เจนนิ เฟอร์ แคทารีน เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1996) โรรี จอห์น เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1999) และ ฟีบี อาเดล เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2002) ในปี ค.ศ. 1994 บิลล์ เกตส์ได้ม้วนกระดาษไลเชสเตอร์ ซึ่งรวบรวมงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีมาไว้ ในครอบครอง และในปี ค.ศ. 2003 ได้น าม้วนกระดาษนี้ออกแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเมืองซีแอทเทิล ในปี ค.ศ. 1997 เกตส์ได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการขู่กรรโชกทรัพย์อันแปลกประหลาด ของนายอดัม ควินน์ เพลตเชอร์ ชาวเมืองชิคาโก ซึ่งเกตส์ก็ได้ขึ้นให้การต่อศาลในการพิจารณาคดีดังกล่าว เพลตเชอร์ถูกตัดสิน ลงโทษเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1998 และถูกจ าคุกเป็นเวลา 6 ปี ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 เกตส์ ถูกนายโนเอล โกดังจู่โจมด้วยการปาขนมพายหน้าครีมใส่ ระหว่างการไปปรากฏตัวที่ประเทศเบลเยียม

เกียรติประวัติ - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ค.ศ. 2005 - รางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน จากสหราชอาณาจักร ตามประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2005I: o- s. b5 B- F; l' y8 { - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีหลวง (Roytal Institute of Technology) – กรุง สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ค.ศ. 2002 2 J% ]. I! R3 c7 R' b - ติดหนึ่งใน 100 อันดับบุคคลส าคัญผู้มีอิทธิพลต่อประชาชนในสื่อต่าง ๆ จากการจัดอันดับของ หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ค.ศ. 2001 - ติดอันดับบุคคลผู้มีอ านาจ, นิตยสารซันเดย์ ไทม ค.ศ. 1999 - อันดับ 2 ในการจัดอันดับ 100 ดาวรุ่ง, นิตยสารอัพไซด์ ค.ศ. 1999 - อันดับ 1 ในการจัดอันดับ 50 ดาวรุ่งในโลกไซเบอร์, นิตยสารไทม ค.ศ. 1998 5 `7 `) A! [+ m2 D' v - อันดับที่ 28 ใน 100 อันดับบุคคลส าคัญผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา, นิตยสารสปอร์ตติง นิวส์ ค.ศ. 1997 - ผู้บริหารระดับสูงแห่งปี, นิตยสารชีฟ เอกเซกคูทีฟ ออฟฟิซเซอร์ ค.ศ. 1994 * {' j2 N/ d! e. u - นักกีฏวิทยา ได้ตั้งชื่อแมลงวันตอมดอกไม้พันธุ์หนึ่งว่า Eristalis gatesi ตามชื่อของบิลล์ เกตส์ เพื่อเป็น เกียรติแก่เขา

ประวัติ สตีฟ จอบส์ สตีเฟน พอล “สตีฟ” จ๊อบส์ (อังกฤษ: Steve Jobs, 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 – 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้น า ธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิล คอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะ กรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วย ท าให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูก พัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่อง แมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอ านาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้น อุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ท าให้สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) กลับเข้าท างานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)รับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิก ซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้น าด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นราย ใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006 จ๊อบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์ หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนเป็นเวลาหลายปี สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เสียชีวิตในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ด้านการท างาน สตีฟ จ๊อบส์ ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แอปเปิล อิงค์ ประกาศลาออกจากต าแหน่งเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตลอดเส้นทางการท างานของเขาในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา จ๊อบส์ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ โลกแห่งภาพยนตร์การ์ตูนและเสียงเพลง ด้วยการผสานบุคลิกเฉพาะตัวของเขาเข้ากับปรัชญา การด าเนินธุรกิจจนท าให้เกิดกระแสคลั่งไคล้และหลงไหลจากบรรดาสาวก และกลุ่มผู้ประกอบการ ตลอดจนบุคคลส าคัญในแวดวงการเมืองทั่วโลก

ในช่วงปลายยุค 1970s จ๊อบส์และผู้ก่อตั้งแอปเปิลท่านอื่นได้ร่วมกันออกแบบ พัฒนาและท าการตลาด ผลิตภัณฑ์ Apple II ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความส าเร็จในเชิง พาณิชย์รุ่นแรกๆของบริษัท หลังจากที่เขาลาออกจากทีมผู้บริหารของแอปเปิลในปี 2527 จ๊อบส์ได้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์แห่งใหม่ที่มีชื่อว่าเน็กซ์ (NeXT) ในขณะที่แอปเปิลเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่เกือบจะล้มละลาย กระทั่งในปี 2539 แอปเปิลได้ควบรวมกิจการกับเน็กซ์ ซึ่งนั่นท าให้จ๊อบส์หวนกลับมาร่วมงานกับแอปเปิล อีกครั้ง พร้อมนั่งเก้าอี้ซีอีโอของแอปเปิลตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การคุมบังเหียนของจ๊อบส์ ได้น าพาให้แอปเปิลพบกับยุคสมัยแห่งความ รุ่งโรจน์และสามารถต้านทานภาวะฟองสบู่ในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อช่วงต้นศตวรรษ รวมถึงภาวะล่มสลาย ทางการเงินในไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ด้วยสินค้าที่ฮิตติดตลาดสุดๆอย่างไอพอด ไอโฟน และไอแพด ซึ่งมุ่งที่การ ออกแบบและลูกเล่นที่สวยงาม โดยเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถก้าวขึ้นแซงหน้าเอ็กซอน โมบิล คอร์ปในช่วงสั้นๆ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ จ๊อบส์ยังเป็นซีอีโอของพิกซาร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ ซึ่งต่อมาถูกวอล์ท ดิสนีย์ ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2549 และข้อตกลงนี้เองได้ท าให้จ๊อบส์กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของดิสนีย์และเป็นสมาชิกคณะกรรมการ ของบริษัทอีกด้วย ในปี 2552 จ๊อบส์ได้รับเลือกให้เป็น “ซีอีโอแห่งทศวรรษ” จากนิตยสารฟอร์จูน และในปี 2553 ไฟแนนเชียล ไทม์สได้ยกย่องให้เขาเป็นบุคคลแห่งปีประจ าปี 2553 โดยให้เหตุผลว่าชายผู้นี้คือร็อคสตาร์ดวงแรกแห่งโลก ไอที อย่างไรก็ตาม จ๊อบส์ ในวัย 56 ปีได้ประสบปัญหาด้านสุขภาพจนร่างกายผ่ายผอมและท าให้เกิดกระแส คาดการณ์เกี่ยวกับสุขภาพของเขาอยู่เนืองๆ ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยในเดือนสิงหาคมปี 2547 ว่า เขาได้เข้ารับการ รักษาโรคมะเร็งตับอ่อน โดยแพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยพบก้อนเนื้อตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นและได้ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อ ดังกล่าวออกไปแล้ว ต้นเดือนมกราคม 2552 จ๊อบส์เปิดเผยว่า สาเหตุที่น ้าหนักตัวของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากความไม่ สมดุลของฮอร์โมนซึ่งเป็นภาวะที่สามารถรักษาได้ แต่ในอีกสัปดาห์ให้หลังเขาออกมายอมรับว่า โรค ดังกล่าวมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิดไว้และเขาจึงได้ลาหยุดงานเพื่อรักษาสุขภาพเป็นระยะเวลาเกือบ 6 เดือน

เดือนมิถุนายน 2552 สถาบันปลูกถ่ายเนื้อเยื่อของมหาวิทยาลัยแพทย์ในรัฐเทนเนสซีของสหรัฐ ยืนยันว่าจ๊ อบส์ได้เข้ารับการปลูกถ่ายตับที่สถาบันแห่งนี้ ในเดือนมกราคมปีนี้ จ๊อบส์ประกาศลาหยุดงานเพื่อรักษาสุขภาพอีกครั้ง โดยไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด เกี่ยวกับสุขภาพของเขาแต่อย่างใด จนกระทั่งล่าสุดในวันที่ 24 สิงหาคม 2554 จอบส์ได้ยื่นจดหมายลาออก จากต าแหน่งซีอีโอต่อคณะกรรมการบริษัทพร้อมเสนอให้มีการแต่งตั้งนายทิม คุ๊ก เป็นซีอีโอคนใหม่ของ แอปเปิลต่อไป

แนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมของ สตีฟ จ็อบส์ 'เขาว่ากันว่ามีแอ็ปเปิ้ลสามลูกที่เปลี่ยนโลกใบนี้ แอ็ปเปิ้ลลูกแรกคือ ลูกที่อดัมและอีฟกินเข้าไป แอ็ปเปิ้ลลูก ที่สองคือ ลูกที่ตกใส่หัวของเซอร์ไอแซ็ค นิวทัน ท าให้เขาค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และแอ็ปเปิ้ลลูกที่ สาม คือ แอ็ปเปิ้ลของสตีฟ จ็อบส์' สตีฟ จ็อบส์ อุทิศชีวิตให้กับการคิดนอกกรอบ เขาท าให้เส้นกั้นอันหนาเตอะระหว่างสุนทรีย์แห่งความงาม และความกระด้างแห่งวิศวกรรมกลายเป็นเพียงเส้นใยอันบางเบา ผลลิตทางความคิดนี้ท าให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมดนตรี และขับเคลื่อนพลโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เขาสมควรได้รับการยก ย่องในฐานะนักประดิษฐ์แห่งสหัสวรรษที่สาม ข้อคิดดีๆ ต่อไปนี้ คือผลพวงจากการตามติดชีวิตของเขา ทั้งในยามยากและยามรุ่งโรจน์ เป็นประโยชน์อย่าง ยิ่งส าหรับการท างาน ในชีวิตจริงเราคงอาจฝันถึงความเป็นสุดยอดเฉกเช่นเขา แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ขึ้นอยู่ กับตัวบุคคล อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดการได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน ก็น่าจะพอแล้ว มาปลุกวิญญาณ ความเป็น สตีฟ จ็อบส์ในตัวเราด้วยกันเถอะ 1. Beginners don’t have baggage – เริ่มอย่างไร้กังวลเริ่มต้นเล็กแต่คิดใหญ่ ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นท าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง จากเอแล้วไปบี มักเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ดีๆ “ผมไม่รู้คุณค่า ของปรัชญานี้จนกระทั่งผมโดนเฉดหัวออกจากแอ็ปเปิ้ลครั้งแรก นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลย ทีเดียว ความกดดันในความส าเร็จถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโปร่งโล่งสบายของการเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ต้อง กังวลกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความคิดสร้างสรรค์และมีไอเดียกระฉูดมากที่สุด” 2. Be bold – จงห้าวหาญ สตีฟมักย ้าถึงการท าสิ่งที่ชัดเจนด้วยความกล้าและปราศจากความกลัว เขากล่าวว่า “ชีวิตคนสั้นนัก จะตาย เมื่อไหร่ไม่รู้” 3. Be what’s next – มองหาสิ่งใหม่ มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ จงเรียนรู้ อย่าฟูมฟายกับอดีตที่จบไปแล้ว อย่า คร ่าครวญกับสิ่งที่หายไป เราควรที่จะคิดถึงสิ่งใหม่ๆในชีวิตของเราที่ยังรอการค้นพบ บางครั้งก้าวแรก อาจจะแสนยาก แต่จงเริ่มต้นท า และความกล้าหาญจะเกิดขึ้นตามมา “ถ้าผมได้บริหารแอ็ปเปิ้ล ผมคงจะมุ่ง พัฒนาให้แม็คอินทอชเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสุดๆ ด้วยการคิดค้นลูกเล่นใหม่ๆ สงครามพีซีมันจบนานแล้ว และไมโครซอฟท์คือผู้ชนะ” 4. Design by committee doesn’t work. – อย่าให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาตัดสินชี้ชะตา มันเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบอะไรซักอย่างตามความต้องการของพวกคนที่มานั่งประชุมกัน คนเราส่วน ใหญ่ไม่รู้ว่าอยากได้อะไรจริงๆ จนกว่าจะได้เห็นสิ่งนั้น”

5. Design is more than veneer – การออกแบบไม่ใช่การสร้างเปลือกนอกเพื่อห่อหุ้ม แต่มันคือสิ่งที่มีมิติและ มีองค์ประกอบซ้อนกันหลายชั้น “ในบริบทของใครหลายคน การออกแบบเป็นแค่การสร้างเปลือกนอก เป็นแค่การตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนผ้าหุ้มโซฟา แต่ส าหรับผมแล้ว การออกแบบคือจิตวิญญาณขั้นต้นของการใช้ความคิด สร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ที่มีหัวใจของการออกแบบที่ดีแสดงออกถึงพิ้นผิวของมัน ซึ่งทับซ้อนกันอยู่หลาย ระดับ” 6. Don’t live someone else’s life – จงใช้ชีวิตในแบบของคุณ “ช่วงเวลาชีวิตสั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าด้วยการท าตามผู้อื่น อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับ และ อย่าปล่อยใจไปตามความคิดของคนอื่น เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท าตามที่หัวใจคุณเรียกร้องและสัญชาตญาณ” 7. Drive to do great things – ค้นหาความทะเยอทะยานและปรารถนาที่แท้จริงของคุณให้พบ “นึกถึงสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้และท ามันให้แตกต่างจากคนอื่น หนทางเดียวที่จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้ก็คือรักในสิ่งที่คุณท า จงสร้างความประทับใจให้ตัวเองมิใช่ผู้อื่น” 8. Excellence is a way of life – มองหาความเป็นเลิศ สตีฟได้บรรลุแนวทางนี้ด้วยการน าศิลปะและวิศวกรรมมาเรียงร้อยด้วยกันอย่างลงตัว เขาได้ยกระดับของ สุนทรีย์แห่งการออกแบบให้สูงขึ้น “คุณภาพและความงามคือเป้าหมายสูงสุด หลายคนมักไม่คุ้นเคยกับ สภาวะการท างานที่ต้องอาศัยความเป็นเลิศ เพราะไม่ต้องใช้มันบ่อยนัก ถึงกระนั้นความเป็นเลิศคือหัวใจ ส าคุญที่สุดของการท างาน” 9. Get out of the way for the moving force – จงอย่าเป็นตัวถ่วง สตีฟไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ เขาตระหนักดีว่าคนที่ท างานคือพวกที่สร้างประโยชน์ “หน้าที่หลัก ของผมคือท าให้คนที่ท างานจริงๆ นั้นอยู่ดีมีสุข และเก็บพวกคนที่ไม่ท างานเอาไว้ให้ห่างจากคนที่มี ประโยชน์เหล่านี้” 10. If they fall in love with the company, everything else takes care of itself – มองหาคนท างานที่มีความ รักทุ่มเทให้กับองค์กร “จริงอยู่ที่สมรรถภาพคือตัวแปรแห่งความส าเร็จ แต่คนท างานเหล่านั้นจะรักบริษัทหรือเปล่า ผมเชื่อมั่นว่าถ้า เขารักแอ็ปเปิ้ล เขาจะน าพาแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาสู่แอ็ปเปิ้ล ไม่ใช่ท าเพื่อตัวผมหรือตัวเองหรือใครก็ตาม” 11. It better be worth it. – ไม่ลองไม่รู้ จงท าให้ดีที่สุด อย่ามัวแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่ “เมื่อเราได้เลือกแล้วว่าจะท าอะไร ฉะนั้นจงเชื่อว่ามันจะออกมาดีคุ้มค่าเหนื่อย”

12. It’s not the money. It’s the impact.- เงินไม่ใช่ค าตอบของชีวิต คุณค่าของเราอยู่ที่การได้ท า คุณประโยชน์ให้แก่โลก “ผมไม่แคร์หรอกว่าจะได้นอนกอดเงินเป็นล้านอยู่ในหลุมศพ สิ่งส าคัญส าหรับผมคือการได้ระลึกถึงสิ่งดี งามที่เราได้ท าลงไปก่อนเข้านอน” 13. It’s the crazy ones who change the world – จงคิดนอกกรอบ กล้าท าในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คนที่บ้าพอที่จะท าในสิ่งที่ไม่เหมือนใครสามารถเปลี่นแปลงโลกได้ เพราะ สิ่งนั้นคือผลพวงของอัจฉริยะ 14. Innovation distinguishes between a leader and a follower.- สร้างนวัตกรรมใหม่ นวัตกรรมจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็นผู้น า ใครเป็นผู้ตาม จ้างคนที่ต้องการท าสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาท างาน ถึงแม้คุณจะมีคนท างานเก่งกาจมากมาย คุณต้องเป็นผู้น า ท าหน้าที่ชี้น าให้พวกเขาท างานร่วมกันเป็นทีม “นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการหว่านเม็ดเงิน มันเกิดจากการใช้มันสมองของคนให้เต็มที่ด้วยการเป็นผู้น าที่ดี ตอนที่เราคิดค้นเครื่องแม็คขึ้นมา ไอบีเอ็มใช้เงินลงทุนมากกว่าเรา 100 เท่า มันอยู่ที่คนของคุณ อยู่ที่แนวทาง ของการน าพาคนเหล่านั้น” 15. Make people great. – เคี่ยวเข็ญคนของคุณให้เป็นคนเก่ง “ผมจะไม่ท าตัวเหลาะแหละกับลูกน้อง หน้าที่ผมคือเขี่ยวเข็ญให้พวกเขาเก่งยิ่งขึ้นไปอีก” 16. Perseverance pays off.- ความพยายามอยู่ที่ไหนความส าเร็จอยู่ที่นั่น สตีฟเชื่อว่า “ครึ่งหนึ่งขององค์ประกอบทั้งมวลแห่งความส าเร็จของพวกนักลงทุนทางการเงินคือความวิริยะ อุตสาหะ” 17. Put your heart and soul into it – จงท ามันให้เต็มที่ เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนและพิชิต “กุญแจส าคัญคือความไม่กลัว ท างานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งการบรรลุเป้าหมาย” 18. Pick your priorities carefully – ล าดับความส าคัญอย่างระมัดระวัง การมีไอเดียดีๆ ในหัวเป็นร้อยเรื่องคือ สิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันจะกลายเป็นเรื่องเยี่ยมที่สุด หากเราล าดับความส าคัญให้ดี “การเพ่งความสนใจให้กับ ทุกเรื่องในหัวเป็นสิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่ค าตอบแห่งความส าเร็จ ควรยึดมั่นในบางอย่างก็พอ แล้วปล่อยที่เหลือ เอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจ” 19. Simplicity wins – ความเรียบง่ายคืออาวุธลับและอ านาจที่จะท าให้พิชิตความส าเร็จ “เราควรตรวจสอบขั้นตอนการท างาน และขจัดความยุ่งยาก ด้วยการตั้งค าถามว่า เราจะท าให้มันเรียบง่าย มากขึ้นและแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่”

20. Talent is a huge multiplier.- พรสวรรค์ท าให้เกิดการแตกหน่อ คนเก่งมักดึงคนเก่งให้มาอยู่ด้วยกัน “ประสบการณ์สอนผมว่า การที่เราได้คนเก่งมาร่วมงาน ท าให้องค์กรสามารถดึงคนเก่งจากที่อื่นมาร่วมงาน ได้มากขึ้น ทั้งนี้โดยธรรมชาติของคนพวกนี้ มักชอบท างานกับคนเก่งด้วยกัน” 21. Take responsibility for the complete user experience.- ความคิดเห็นจากผู้ใช้และลูกค้าคือเสียงส าคัญ “ดีเอ็นเอของเราคือบริษัทที่ค านึงถึงผู้บริโภค เสียงตอบรับไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ ล้วนแล้วแต่มี บทบาทเท่ากันในการปรับปรุงการให้บริการ หน้าที่ของเราคือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากเรา” 22. What you don’t do defines you as much as what you do – “ผมมีความภูมิใจในสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือท า เท่ากับสิ่งที่ได้ท าไปแล้ว” 23. You have nothing to lose.- ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ท าด้วยใจ สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ด้วยความรัก “อีกไม่กี่วันพวกเราก็ตายแล้ว ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเราได้สูญ โอกาสไปแล้วเท่าไหร่ การคิดแบบนี้เหมือนกับดักทางความคิด ให้คิดว่าเราได้เปลือยกายจนล่อนจ้อน จะมี เหลืออยู่ก็แต่ร่างกายและหัวใจ จงท าทุกอย่างให้เต็มที่” 24. You just might be right, even if nobody listens to you. -การที่ไม่มีใครฟังคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด สทีฟเคยเจอกับตัวเอง เลยเล่าให้ฟังงว่า “คุณรู้มั้ย ผมเคยมีแผนการวิเศษที่จะช่วยกู้ชีพแอ็ปเปิ้ลได้ มันเป็นวิธี ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมไม่สามารถบอกใครได้ เพราะไม่มีใครยอมฟัง” อุทาหรณ์ของเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่ไม่มีใครฟังคุณเลย ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด 25. Your brand is your most valuable asset – จุดยืนของตัวเองคือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด นั่นคือคุณแตกต่างจากคนอื่น ท าให้คนอื่นทราบว่านี่แหละคือตัวคุณ นี่แหละคือออร่าของคุณ

แนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมของ บิลเกต 1. จงปรับชีวิตของคุณ คุณต้องยอมรับว่าชีวิตนั้นไม่ยุติธรรม ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบหรือโชคดี, คุณ ต้องเรียนรู้ในการปรับตัวเข้ากับชีวิตของคุณ แล้วจงเปลี่ยนแปลงมัน ท าอย่างไรการด ารงชีวิตของคุณจะ ด าเนินไปด้วยวิถีทางของคุณ คุณต้องจัดการและลงมือท าด้วยชีวิตของคุณเอง 2. น าชีวิตไปสู่ความส าเร็จ โลกใบนี้ไม่แคร์ว่าคุณเป็นใคร คุณต้องท าเพื่อความส าเร็จเพียงแต่คุณสามารถยืน หยัดในชีวิตด้วยล าแข้งของคุณ ความส าเร็จคือสภาวะชีวิตที่สูงสุด มันสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และ ทัศนคติ และแม้กระทั่งการยกย่องตนเอง ถ้าคุณคิดว่าความส าเร็จไม่ใช่เป็นคุณ แล้วก็ถือว่าเป็นความคิดที่น่า ละอายสิ้นดี 3. ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีผลส าเร็จ ความส าเร็จไม่เคยได้มาโดยอัตโนมัติ คุณจ าเป็นต้องลงแรงหากเป็น ความปรารถนาของคุณ นี้คือหลักการพื้นฐานในชีวิตของคุณ คุณไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหาก คุณไม่สามารถท างานนั้นได้ คุณไม่สามารถหาเงินได้ถึง 100,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือนหากคุณไม่ใช้ความ พยายามหามา ดังนั้นหยุดความคิดที่ว่าความส าเร็จลอยมาจากสวรรค์ โดยปราศจากท างานหนักแล้ว ความส าเร็จจะไม่ใช่เป็นของคุณ 4. การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณ หากคุณคิดว่าครูของคุณในโรงเรียนเคร่งครัด, คิดว่านายของคุณหลังจาก คุณได้เข้าไปท างาน หยุดการบ่นคนอื่น และเปลี่ยนแปลงทัศนคติถึงวิธีทีคุณมองสิ่งต่าง ๆ 5. เรื่องราวทุกอย่าง ไม่วาเรื่องธุรกิจเล็กหรือใหญ่ พวกเขาสามารถท าเงินได้ ธุรกิจเล็กเติบโตเป็นธุรกิจใหญ่ ดังนั้นจากการก้าวไปทีละเล็กละน้อยทุก ๆวัน คุณก็สามารถบรรลผลส าเร็จที่ยิ่งใหญ่สักวันหนึ่ง 6. เรียนรู้ข้อผิดพลาด เป็นสิ่งที่บิลเกตส์แนะน า เราจ าเป็นต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ทุกคนมีโอกาสผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในโลกนี้ หากคุณเคยผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน และไม่ท าผิดพลาดซ ้าอีกครั้ง เพียง เท่านี้คุณก็สามารถปรับปรุงตนเองไปสู่ความส าเร็จที่สูงกว่า 7. ลงมือท าด้วยตนเอง ในโลกนี้คุณมีสิ่งที่ต้องท าด้วยตัวของคุณเอง หยุดพึ่งพาคนอื่น หากคุณยังพึ่งพาคนอื่น คุณจะไม่สามารถเรียนรู้ถึงกระบวนการ ยิ่งคุณพึ่งคนอื่นเท่าใด คุณก็จะสูญเสียความเป็นตัวของคุณเอง และ เมื่อคุณจะปกป้องการพึ่งพาคนอื่น ความส าเร็จก็เป็นของคุณ ไม่ใช่ของผู้อื่น 8. คุณมีโอกาสครั้งเดียว สิ่งต่าง ๆ ส่วนมากในชีวิตของเราเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ดังนั้นคุณต้องใช้โอกาส และ ซาบซึ้งกับมัน บางครั้งหากคุณสูญเสียโอกาสแล้ว อย่าได้กังวลในสิ่งที่คุณสร้างโอกาสขึ้นมา9. จงสร้าง คุณค่าในตัวคุณ คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี ความจริงเราไม่มีเวลามาก ชีวิตคนเราสั้นมาก

คุณต้องเรียนรู้คุณค่าของเวลา จงใช้เวลาของคุณไปสู่กระบวนการที่ท าให้คุณเติบโต, ท าให้คุณประสบ ความส าเร็จ เพียงแต่จ าไว้ว่าอย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง 10. ท าในสิ่งที่คุณคาดว่าจะท า สิ่งที่คุณดูทีวีในทุกวันนี้ไม่ใช่โลกที่แท้จริง ในโลกที่แท้จริงคุณจ าเป็นต้อง ออกไปท างานให้เกิดผลงานออกมา 11. จงท าดีกับทุกคนที่ล้อมรอบคุณ นี้คือกฎทองค าของชีวิตในการท าดีกับทุกคน ทุกคนก็จะท าดีกับคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการความร ่ารวย จงท าให้คนอื่นรวยก่อน กฎทองค าแห่งชีวิตไม่เคยเปลี่ยน และคุณต้อง ปฏิบัติตามกฎนี้เพื่อความส าเร็จ

ความเหมือนและความแตกต่างของแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมของ สตีฟ จ็อบส์ และ บิลเกต ความเหมือน ทั้งสตีฟ จ็อบ และ บิลเกต มีความเหมือนกันในเรื่องของความทะเยอทะยานในการสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง แม้จะเป็นคนล่ะวิธีกันแต่ผลก็คือ ได้รับชื่อเสียงในด้านเทคโนโลยีเหมือนกัน ความแตกต่าง Woz นั้นเป็นเพื่อนซี้ของสตีฟ จ็อบส์ที่ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิลขึ้นมา ส่วนบิล เกตส์เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟต์ขึ้นมา โดยสตีฟ จ็อบส์และบิล เกตส์ต่างก็เป็นคู่แข่งและเป็นเพื่อนกันมาตลอด และเขาได้บอก อีกว่าจ็อบส์นั้นเป็นคนที่มองการไกลมาก ๆ แต่บิล เกตส์เป็นคนที่มีกฎระเบียบ คิดอะไรท าเลย ไม่รอใคร จะ คิดล่วงหน้าระยะสั้น ๆ ซึ่งต่างจากจ็อบส์โดยสิ้นเชิง จ็อบส์เป็นคนที่เก่งในด้านคอมพิวเตอร์อย่างมาก แต่ บิล เกตส์จะเป็นคนที่หาวิธีท าเงินได้เก่งกว่า ถ้าคุณอยากมีวิสัยทัศน์แบบสตีฟ จ็อบส์ คุณจะต้องคิดจริง ท าจริง และต้องเข้าใจในสิ่งที่ก าลังท าอย่างถ่องแท้ ก่อนที่คุณจะใช้เงินแก้ปัญหา สุดท้ายผลตอบแทนก็จะตามมาเอง โดย Woz บอกเพิ่มเติมอีกว่า วิสัยทัศน์ของจ็อบส์เองที่ท าให้แอปเปิลสามารถเติบโตขึ้น 10 เท่า เนื่องจาก ยอดขาย Macintosh ที่ใส่ความเป็นตัวจ็อบส์เข้าไปในสินค้าทุกชิ้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook