ทัศนศลิ ป์ ป.4 หนว่ ยที่ 4 เลา่ ตานานศิลปท์ ้องถิ่น สื่อการสอนออนไลน์ โรงเรียนบ้านมาบตาพุด ครณู ัฐนนท์ สีดาโคตร์
North Northeast โดดเดน่ /แตกตา่ ง วฒั นธรรม ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ภาษา อาหาร Central อาชพี งานศิลป์ ภาคกลาง งาน4ศภลิ าปค์ South ภาคใต้
งานทศั นศิลป์ ในเหตกุ ารณ์ และงานเฉลมิ ฉลอง ของวฒั นธรรมในท้องถ่ิน งานทศั นศิลปท์ ี่มาจากวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ความหมายของงานทศั นศลิ ปใ์ นทอ้ งถน่ิ หมายถงึ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ ในสาขาภมู ิ ปัญญาไทย ทางดา้ น จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม ทเี่ กดิ จากภมู ปิ ญั ญา ความคดิ เทคนคิ วิธกี ารของชาวบา้ น ประดษิ ฐส์ รา้ งสรรค์ ขึน้ เปน็ เอกลกั ษณข์ องตนเอง
ทม่ี าของงานทศั นศลิ ปใ์ นทอ้ งถนิ่ งานทศั นศลิ ปใ์ นทอ้ งถน่ิ เปน็ งานทม่ี คี ณุ คา่ เป็นภมู ปิ ญั ญาของชาวบา้ นในภาคตา่ ง ๆของประเทศไทย ทม่ี มี าตงั้ แตโ่ บราณสบื ทอดกนั มาถงึ ปจั จบุ นั สร้างเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย เครอื่ งมอื ทามาหากนิ พธิ กี รรม ความเชอ่ื ทางศาสนา โดยใชว้ สั ดทุ ม่ี ใี นทอ้ งถน่ิ ของตน
วสั ดใุ นการสรา้ งงานทศั นศลิ ปใ์ นทอ้ งถนิ่ ชา่ งพนื้ บา้ นทอ้ งถนิ่ นาวสั ดุ ทมี่ ีอยใู่ นธรรมชาติ ในทอ้ งถนิ่ มาสรา้ งสรรคง์ าน เช่น ไมส้ กั ไม้ไผ่ ดนิ เหนยี ว ใบตาล กะลามะพรา้ ว ตน้ ปอสา
ภาคเหนอื
ภาคเหนอื - เป็นภมู ิภาคทอี่ ยูด่ ้านบนสดุ ของไทย มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศอัน ประกอบไปด้วยเทือกเขาสลบั ซบั ซอ้ น - สภาพอากาศของภาคเหนอื เปล่ยี นแปลงตามฤดกู าลอยา่ งเหน็ ได้ ชัด เช่น มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นกว่าภมู ภิ าคอนื่ ๆ - ประวัตศิ าสตรข์ องภาคเหนือมคี วามสมั พันธ์ทางวฒั นธรรม กับอาณาจกั ร “ลา้ นนา” ศลิ ปะลา้ นนา
ภาคเหนอื ศิลปะลา้ นนา
ภาคเหนอื ศลิ ปะลา้ นนา หัตถศลิ ปท์ สี่ บื ทอดมากวา่ รอ้ ยปี ประวตั ิ จากการเผยแพรจ่ ากพระธดุ งค์ ท่ีนา วิธีการมาจากศลิ ปะพมา่ เพื่อถวายวดั ใน พธิ กี รรมตา่ ง ๆ ในอดตี ปัจจบุ นั ไดพ้ ฒั นา รูปแบบใหม้ สี สี นั ลวดลายสวยงาม โดด เดน่ เปน็ เอกลกั ษณ์ สรา้ งรายไดแ้ กท่ อ้ งถน่ิ
ภาคเหนอื โคมลา้ นนา ถวายโคมดวงไฟเปน็ พทุ ธบชู า
ภาคเหนือ ศลิ ปะลา้ นนา โคม ๘ เหลยี่ ม โคมศรลี า้ นนา ร่มบอ่ สรา้ ง วสั ดุ : กระดาษสา(ตน้ ปอสา) และ ไมไ้ ผ่ กระดาษทอง (กระดาษตะกว่ั )
ภาคเหนอื ศลิ ปะลา้ นนา ขันโตก วัฒนธรรมการกนิ ของคน เหนือ สมยั กอ่ นนงั่ กนิ บนพน้ื และ คิดทาขนั โตกขน้ึ เพอื่ ไวใ้ สส่ ารบั อาหาร ใหส้ ะดวก ขนั โตก หรือโตก ทาดว้ ยไม้ มีลักษณะกลมเหมอื นถาด มที ง้ั แบบไมม่ วี ดลาย และประดบั ลวดลายกระจกสี
ภาคเหนอื ศิลปะลา้ นนา จิตรกรรมฝาผนงั วดั ภมู นิ ทร์ จ.นา่ น ภาพวาดฝาผนงั วดั ชือ่ ภาพ “กระซบิ รกั บนั ลอื โลก” ผลงานวาด ของจติ กรพนื้ ถน่ิ เชอื้ สายไทลอื้ เปน็ ภาพชายหญงิ ในอดตี กาลงั กระซบิ สนทนา ปจั จบุ นั ไดก้ ลายเปน็ สัญลกั ษณข์ องเมอื งนา่ น
ภาคเหนือ ศิลปะลา้ นนา กระดาษสา กระดาษจากใย ต้นปอสา พชื พ้นื เมอื งเหนอื
สรปุ ภาคเหนอื งานทศั นศลิ ป์ วสั ดุทอ้ งถน่ิ 1. รม่ บ่อสรา้ ง จ.เชยี งใหม่ กระดาษสา ไม้ไผ่ สีอะครลิ คิ ใชใ้ นพธิ กี รรมทางศาสนา ตกแตง่ ของทร่ี ะลกึ 2. โคมล้านนา กระดาษสา ไมไ้ ผ่ กระดาษตะกว่ั ทอง ใช้ถวายเปน็ พทุ ธบชู า และประดบั ตกแตง่ งาน 3. ขนั โตก ไมไ้ ผ่ ไม้สกั ใช้ใสส่ ารบั อาหาร และของที่ระลกึ สีทาผนงั 4. จติ รกรรมฝาผนงั วดั ประดบั ตกแตง่ โบราณสถาน
ภาคใต้
ภาคใต้ - เปน็ ภมู ิภาคหนง่ึ ของประเทศไทย ต้งั อยบู่ นคาบสมทุ ร มลายู ขนาบดว้ ยอ่าวไทยทางฝ่ังตะวนั ออก และทะเลอนั ดามนั ทางฝั่งตะวนั ตก ทกุ จังหวดั ของภาคมีพืน้ ทีต่ ดิ ชายฝงั่ ทะเล ยกเวน้ จงั หวดั ยะลาและจงั หวัดพทั ลุง
เรือกอและ สีนา้ มนั เขียนลวดลายเรอื ภาคใต้ศิลปะแดนใต้ “กอและ” มาจากคาวา่ “ฆอและ” ทม่ี าจาก ภาษามลายู ว่า “Kolek”(โกเลก็ ) หมายถงึ โคลงเคลง หรอื ลอ่ งลอย “กอและ เป็นเรอื ทโ่ี ตค้ ลนื่ ลมทะเลไดด้ ”ี
ภาคใต้ เรอื กอและ นางฟา้ แหง่ ทะเลใต้ วถิ ชี าวเล ชาวประมง คนตังเก นอกจากจะดารงวิถคี ู่กับทะเล คืบก็ทะเล ศอกกท็ ะเล วาก็ทะเลแล้ว พวกเขายังตอ้ งใช้ ชวี ติ คู่กับพาหนะสาคัญน่นั กค็ ือ“เรอื ” ทจี่ ะพาออกจากฝงั่ ไปยงั จดุ หมายเพือ่ จบั สตั ว์นา้ กุง้ หอยปูปลา ขาย กิน เล้ยี งชวี ิตตวั เอง และครอบครวั สาหรบั ภาคใต้ทางตอนลา่ งอยา่ ง ปตั ตานี นราธิวาส และในบางพ้ืนท่ีของสงขลา นครศรธี รรมราช ไลไ่ ปจนถึงแหลมมลายู จะมเี รือประมงพนื้ บา้ นสาคัญนาม “กอและ” ทเี่ ปน็ การตกผลกึ ทางภมู ิปัญญามานบั แต่บรรพบุรษุ จนเกดิ การสร้างสรรคเ์ ปน็ นาวาศลิ ปอ์ ันงดงามวจิ ติ ร จนไดช้ อ่ื ว่าเปน็ ราชินคี วามงามแห่งทอ้ งทะเลในดนิ แดน ปลายดา้ มขวานของเมอื งไทย
ภาคใต้ ศลิ ปะแดนใต้ หนังตะลงุ มหรสพการแสดงเงา
ภาคใต้ ศลิ ปะแดนใต้ หนงั ตะลงุ : ใช้หนงั สตั ว์ (วัว,ควาย) เผยแพร่มาจากชวา(อนิ โดนีเซยี ) มายงั มาเลเซยี แล้วคนไทยทางภาคใต้ไปไดแ้ บบอย่างมาอีกทหี นึ่งจาก เมืองยะโฮร์ มาฝกึ หดั เล่นในเมอื งไทย โดยเฉพาะครั้งแรก ที่จังหวดั พทั ลงุ ที่เรียกวา่ หนงั ตะลงุ นั้น คาวา่ หนัง กค็ ือ เอาหนังววั หนังควาย มาตดั ฉลเุ ป็นรูป ส่วนคาว่า ตะลงุ ก็คงมาจากคาว่าพทั ลงุ (หนงั พทั ลงุ ) หนังตะลงุ มี อยู่ 13 ตัว ได้แก่ นายสแี กว้ นายยอดทอง นายเทง่ นายขวญั เมือง นายสะหมอ้ อ้ายอนิ แกว้ อ้ายโถ อ้ายพนู อ้ายกรงั้ อ้ายปราบ อา้ ยดกิ อา้ ยคงรอด อ้ายจนี จอ๋ ง
ผ้าบาติกภาคใต้อารยธรรมความเปน็ แดนใต้ ผา้ บาตกิ หรือเรยี กอกี อยา่ งวา่ ผา้ ปาเตะ๊ เปน็ คาที่ใชเ้ รียกผา้ ชนิดหน่ึงทีม่ ีวิธีการทาโดยใช้เทยี นปดิ ส่วนท่ไี ม่ตอ้ งการใหต้ ิดสี และใช้วธิ กี ารแตม้ ระบาย หรอื ยอ้ มในส่วนท่ีต้องการให้ติดสี เท่านั้น ผา้ บาตกิ บางชนิ้ อาจจะผ่านข้ันตอนการปิดเทียน แตม้ สี ระบายสีและยอ้ มสีนับเปน็ สิบๆ ครง้ั สว่ นผา้ บาตกิ อยา่ งงา่ ยอาจ ทาโดยการเขยี นเทียนหรอื พิมพ์เทยี นแล้วจงึ นาไปยอ้ มสีที่ตอ้ งการ เมื่อย้อนกลับไปคาวา่ บาตกิ {Batik} หรอื ปาเตะ๊ เดิมเป็นคา ในภาษาชวาที่ใชเ้ รียกผา้ ทมี่ ีลวดลายท่เี ปน็ จุด คา วา่ “ ติก” มคี วามหมายวา่ เลก็ นอ้ ย หรอื จุดเลก็ ๆมีความหมายเชน่ เดียวกบั คาวา่ ตริติก หรอื ตารติ กิ ดังนน้ั คาว่า บาตกิ จงึ มคี วามหมายวา่ เปน็ ผา้ ทมี่ ลี วดลายเปน็ จดุ ๆ
ภาคใต้ อารยธรรมความเปน็ แดนใต้ ผา้ บาตกิ “ความโดดเดน่ ของผา้ บาตกิ จงึ อยทู่ ก่ี ารใชส้ ี และลวดลายทค่ี มชดั ของภาพทส่ี ามารถบอกอะไรไดห้ ลายอยา่ ง ทั้งถน่ิ ทม่ี า วฒั นธรรม ความเปน็ อยู่ ธรรมชาติ ไปจนถงึ เอกลกั ษณข์ องแหลง่ ผลติ หรอื กระทง่ั ความรสู้ กึ นึกคดิ ของคนในท้องถน่ิ นน้ั ๆ”
สรุปภาคใต้ งานทศั นศลิ ป์ วสั ดทุ อ้ งถน่ิ 1. เรอื กอและ จ.นราธวิ าส ไม้ตอ่ เรอื สีนา้ มนั ใช้ในการประกอบอาชพี ประมง จบั สัตวท์ ะเล 2. หนังตะลุง หนงั ววั หนงั ควาย ใช้เปน็ อปุ กรณป์ ระกอบการละเล่น ผ้า สบี าตกิ เทยี น 3. ผ้าบาตกิ ใช้เปน็ เครอ่ื งนงุ่ หม่ เคร่อื งแต่งกาย
ภาคกลาง
ภาคกลาง - มีพนื้ ท่ีครอบคลุมทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้ เจา้ พระยา ติดตอ่ กบั ภาคเหนอื ทางทศิ เหนอื ติดต่อกับภาคตะวนั ออก และภาคอสี านทางทิศ ตะวนั ออกโดยมีทวิ เขาเพชรบรู ณก์ น้ั ตดิ ตอ่ กับภาคตะวันตก ทศิ เหนอื ตดิ ตอ่ กบั ทวิ เขาผปี ันนา้ - ภาคกลางเป็นภมู ภิ าคที่มี กรงุ เทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยต้งั อยู่
ภาคกลาง บา้ นทรงไทย บา้ นเรอื นไทยภาคกลาง เป็นสถาปตั ยกรรมทม่ี ี ลกั ษณะเปน็ เรอื นยกพน้ื ใต้ถนุ สงู สงู จากพน้ื ดนิ เสมอศรี ษะคนยนื รูปทรงหลงั คาสงู ชายคายน่ื ยาว เพ่ือกนั ฝนสาด กันแดดสอ่ ง นิยมปลกู เรอื นไปตาม สภาพทศิ ทางลมทเ่ี หมาะสม
ภาคกลาง โอ่งมงั กรราชบรุ ี เป็นงานศลิ ปหตั ถกรรมทแี่ สดงฝมี อื เชงิ ช่าง และความสวยงามทางศลิ ปะ พืน้ บา้ น ทีม่ ชี อ่ื เสยี งของจงั หวดั ราชบรุ ี มลี วดลายมงั กร รอบโอง่ มที งั้ วาดลาย และปน้ั นูนตา่ ออกจาก ประตมิ ากรรมผวิ โอง่
ภาคกลาง เคร่อื งป้นั ดนิ เผาเกาะเกรด็ จ.นนทบรุ ี สบื ทอดมาจากชา่ งพน้ื บา้ นมอญ ทอ่ี พยพเขา้ มาหลงั ทส่ี มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงพระราชทาน พืน้ ทบ่ี รเิ วณนใี้ หช้ าวมอญ เอกลกั ษณ์ คือ ลวดลายวจิ ติ ร งดงาม มีการใชเ้ ครอ่ื งมอื ในการ แกะสลกั ดนิ หลังจากปน้ั ขน้ึ รปู กอ่ นทจี่ ะนาไปเผา
ภาคกลาง โขนศิลปะชนั้ สงู หวั โขน เปน็ เครอื่ งใชส้ าหรบั ศรี ษะและ ปิดบังสว่ นหนา้ ทค่ี ลา้ ยกบั หนา้ กาก แตห่ ัวโขนจะมีลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งออกไปตรงท่ี สร้างหนุ่ จาลองรปู ทรงใบหน้าและศรี ษะ ทงั้ หมด โดยผแู้ สดงสามารถสวมครอบศรี ษะ จะหอ่ หมุ้ สว่ นใบหนา้ และส่วนหวั มดิ ชดิ และเจาะชอ่ งเปน็ รกู ลมทต่ี าของหนา้ กากให้ ตรงกบั นยั นต์ าของผแู้ สดง เพ่อื ใหน้ กั แสดง มองเหน็ การแสดง
ภาคกลาง โขน - โขนเปน็ จดุ ศูนยร์ วมของศาสตรแ์ ละศิลป์ หลากหลายแขนงเชน่ วรรณกรรม วรรณศลิ ป์ นาฏศลิ ป์ คีตศลิ ป์ หตั ถศลิ ป์ - มีประวตั ยิ าวนานตง้ั แต่สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา - หวั โขน อาจแบง่ ตามประเภทของหวั โขนที่ ใชส้ วมอยา่ งละ 2 จาพวก คือ ยักษย์ อด ยักษโ์ ล้น และลงิ ยอด ลิงโลน้
เคร่ืองเบญจรงค์ สมยั โบราณจะผลติ ใช้ ภาคกลาง เครื่องเบญจรงค์ กันในชนชนั้ สงู เบญจรงค์ หมายถงึ เครื่องเคลอื บทมี่ ี การวาดสลี งไป 5 สี - สีขาว - สเี หลือง - สดี า - สีแดง - สคี ราม มีการออกแบบลวดลาย และเขยี นลายไทย ได้แก่ ลายกนก ลายดอกไม้ และลายจาก เรื่องรามเกยี รติ์
สรปุ ภาคกลาง งานทศั นศลิ ป์ วัสดุทอ้ งถน่ิ 1. โอง่ มงั กร ราชบรุ ี ดนิ เหนยี วในทอ้ งถนิ่ ใช้เปน็ เครอื่ งใช้ และของทร่ี ะลกึ ดนิ เหนยี วในทอ้ งถน่ิ 2. เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเกาะเกรด็ ใช้เปน็ เครอื่ งใช้ และของทร่ี ะลกึ สี กระดาษ 3. โขน ดนิ เหนยี ว สเี บญจรงค์ ใช้ประกอบการแสดงโขน 4. เครื่องเบญจรงค์ ใชเ้ ปน็ เครอื่ งใช้ ภาชนะ ของทรี่ ะลกึ
ภาคอีสาน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (อีสาน) เปน็ ภมู ภิ าคหนงึ่ ในประเทศไทย ตั้งอยบู่ นแอง่ โคราชและแอง่ สกลนคร มีแม่นา้ โขงกนั้ ประเทศลาวทางทศิ เหนอื และตะวนั ออกของภาค ทางทศิ ใตม้ เี ทอื กเขาพนมดงรกั กน้ั ประเทศกมั พชู าและภาคตะวนั ออก ของประเทศไทย และมที วิ เขาเพชรบรู ณแ์ ละทวิ เขาดงพญาเยน็ เป็นแนวกน้ั ทางตะวนั ตกแยกจากภาคกลาง
ภาคอีสาน แกะสลกั เทยี น ประเพณแี หเ่ ทยี นพรรษา เปน็ ประเพณที ช่ี าวพทุ ธกระทากนั ในวันเขา้ พรรษา ต่อเน่อื งกนั มาตง้ั แตพ่ ทุ ธกาล โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ถวายเปน็ พทุ ธบชู า ธรรมบชู า และสงั ฆบชู าแรกเรม่ิ เดมิ ทชี าวเมอื ง อุบล จะฟนั่ เทยี นยาวรอบศรี ษะไปถวายพระ เพ่อื จดุ บชู าจาพรรษา พร้อมกบั หานา้ มนั เครอ่ื ง ไทยทานและผา้ อาบนา้ ฝนไปถวายพระ
ภาคอสี าน ธุงใยแมงมมุ (ธง) สายใยนาสพู่ ระธรรม เป็นบญุ เปน็ กศุ ลใหค้ นทปี่ ระดษิ ฐธ์ งุ แมงมมุ ถวายเปน็ พทุ ธบชู า ธงุ เปน็ เครอื่ งประกอบพธิ กี รรมสาคญั ของชาวอสี าน มาอยา่ งยาวนาน เชือ่ กนั วา่ สามารถใชป้ อ้ งกนั สงิ่ นสิ ยั ไมด่ รี า้ ยหรอื ส่งิ ไมด่ ที ม่ี องไมเ่ หน็ หรอื ภตู ผวี ญิ ญาณทจ่ี ะมารบกวนงานบญุ หากเหน็ ธงุ แลว้ จะถอยออกไป พรอ้ มกนั นนั้ ยงั เปน็ การบอกกลา่ ว บวงสรวงเทพยดาในพนื้ ทวี่ า่ มกี ารทาบญุ และมพี ธิ กี ารสาคญั ใหม้ า ชว่ ยปกปอ้ งคมุ้ ครอง
ภาคอสี าน เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาบา้ นเชียง บา้ นเชยี งเปน็ ชมุ ชนทตี่ ั้งอยใู่ นตาบลบา้ นเชยี ง อาเภอหนองหาน จงั หวดั อดุ รธานี เปน็ แหลง่ โบราณคดที เ่ี กา่ แกแ่ ละสาคญั แหง่ หนง่ึ ในเอเชยี อาคเนย์ จากการขดุ พบ โบราณวตั ถตุ า่ ง ๆ ท่ีพิสูจนด์ ว้ ยวทิ ยาศาสตร์ไดว้ ่า ดินแดนแถบเอเชยี อาคเนยเ์ ปน็ แหลง่ ทม่ี มี นษุ ยต์ ง้ั ถน่ิ ฐานอาศยั อยอู่ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง จากยคุ หนิ สู่ยคุ สารดิ จากสงั คมบรรพกาล (เรร่ ่อนลา่ สตั ว)์ ผา่ นมาสสู่ ังคม เกษตรกรรมมกี ารผลิตเครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ (ภาชนะดินเผาเขยี นสแี ดง) ด้วยกรรมวธิ ชี น้ั สูง โดยเฉพาะรจู้ กั ผลิตสารดิ มาเปน็ เวลานานถงึ 4,000 ปีมาแล้ว
ภาคอีสาน เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเชียง ลักษณะเดน่ ของลวดลายเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาบา้ นเชยี งคอื ลายเขยี นสที มี่ เี ส้นโคง้ ออ่ นชอ้ ย แสดงอาการเคลอื่ นไหวตลอดเวลา การเขยี นลายเสน้ ทต่ี อ่ เนอ่ื งไมข่ าดช่วงและ แทรกดว้ ยลวดลายอสิ ระ ลวดลายส่วนใหญท่ เี่ ขยี น ไดแ้ ก่ ลายกน้ หอยทว่ี นออกหรอื เขา้ จากศนู ยก์ ลาง ลายกน้ หอยมกี า้ นตอ่ กนั ลายรูปประแจจนี ลายแบบขอเกย่ี วกนั ลายรปู ตวั เอสในวงกลม วงรหี รอื รปู ไข่ ลายโคง้ แบบลกู คลน่ื
ภาคอีสาน หน้ากากผตี าโขน ผตี าโขน น้นั เดมิ มชี อื่ เรยี กวา่ ผตี ามคน เปน็ เทศกาลทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจาก มหาเวสสนั ดร ชาดก ชาดกในทางพระพทุ ธศาสนา ทีว่ า่ ถงึ พระเวสสนั ดร และพระนางมทั รี จะเดนิ ทางออกจากปา่ กลบั สเู่ มอื งหลวง บรรดาสตั วป์ า่ รวมถงึ ภตู ผิ ที อ่ี าศยั อยใู่ นปา่ นนั้ ได้ออกมาสง่ เสดจ็ ดว้ ยอาลยั
ภาคอีสาน หน้ากากผตี าโขน
สรุปภาคอสี าน งานทศั นศลิ ป์ วัสดุทอ้ งถนิ่ 1. แกะสลกั เทยี น จ.อบุ ลราชธานี เทยี น อปุ กรณแ์ กะสลัก ใช้เปน็ เครอื่ งสกั การะ ถวายพทุ ธบชู า เส้นด้าย เส้นไหม ไม้ไผ่ 2. ธงุ ใยแมงมุม ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งสกั การะ ถวายพทุ ธบชู า ดนิ เหนยี ว สีเขยี นลาย 3. เคร่อื งปนั้ ดินเผาบา้ นเชยี ง กาบหมาก เครอ่ื งจกั สาน (หวด) ใช้เปน็ ของทรี่ ะลกึ 4. หนา้ กากผตี าโขน ใช้ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา
ใบงาน ผลงาน ศลิ ปะ
ทัศนศิลป์ ป.4 หนว่ ยที่ 4 เลา่ ตานานศลิ ปท์ ้องถน่ิ สือ่ การสอนออนไลน์ โรงเรยี นบา้ นมาบตาพุด ครูณัฐนนท์ สดี าโคตร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: