Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore P_Water

P_Water

Published by Guset User, 2021-09-10 01:08:25

Description: P_Water

Search

Read the Text Version

1 สิทธิชุมชนในการจดั การทรพั ยากรนํ้า โดยรติตา แก้วจลุ กาญจน์ “น้ํา” เป็นทรพั ยากรธรรมชาติทีส่ าํ คญั และจาํ เป็นสาํ หรบั ทุกชีวิต น้ําเป็น ทรพั ยากรธรรมชาติ เมือ่ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลีย่ นแปลง ไป สถานการณ์ด้านน้ํากจ็ ะ เปลีย่ นไปด้วย ทงั้ ด้านปริมาณ คณุ ภาพ และฤดกู าลของฝน และน้ํา ซึง่ ส่งผลกระทบถึงระบบ นิเวศวิทยาล่มุ น้ําทงั้ ระบบ รวมทงั้ พืช สตั ว์ และคน ฯลฯ ในกรณีของชุมชนนัน้ วิถชี ีวิตของ ชมุ ชนไทยมคี วามผกู พนั อย่างแน่นแฟ้ นกบั น้ํา ทงั้ ในแง่ของการตงั้ ถิน่ ฐานริมแมน่ ้ํา การเป็นฐาน ของอาชีพเกษตรกรรม อตุ สาหกรรมและพาณิชยกรรม อย่างไรกต็ าม ปัจจบุ นั ประเทศไทยได้ เกิดปัญหาการจดั การน้ํานานาประการ ทงั้ ภยั แล้ง น้ําท่วมและอืน่ ๆก่อให้เกิดการแย่งชิงน้ํา ทงั้ ระหว่างชมุ ชนกบั ชมุ ชน และระหว่างชมุ ชนกบั รฐั ในส่วนของรฐั นัน้ มีความพยายามทีจ่ ะออก กฎหมายกาํ หนดให้ “น้ํา” เป็นของรฐั เพือ่ ทีจ่ ะบริหารจดั การน้ําแต่เพียงฝ่า ยเดียว ในขณะที่ ชุมชนเองได้อ้างสิทธิชุมชนในการจดั การน้ําเช่นเดียวกนั ดงั นนั้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสมดุลในการจดั การ ดแู ล รกั ษา ตลอดจนใชป้ ระโยชน์รว่ มกนั ระหว่างรฐั กบั ชมุ ชนและระหวา่ งชมุ ชนดว้ ยกนั เอง รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ .ศ. 2550 จงึ บญั ญตั เิ รอ่ื งสทิ ธชิ ุมชนไวเ้ ป็นส่วนหน่ึงต่างหากจากสทิ ธเิ สรภี าพโดยทวั่ ไปของปวงชนชาวไทย โดย มาตรา 66 กาํ หนดว่าบคุ คลซึ่งรวมกนั เป็นชมุ ชน ชุมชนท้องถ่ิน หรอื ชุมชนท้องถ่ินดงั้ เดิม ย่อมมี สิทธิอนุรกั ษ์หรอื ฟื้ นฟจู ารีตประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถิ่นและของชาติ และมสี ่วนรว่ มในการ จดั การ การบาํ รงุ รกั ษา และ การใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและความ หลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ และยงั่ ยืน และมาตรา 67 กาํ หนดว่าก่อนทจ่ี ะดาํ เนนิ โครงการ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ ุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

2 หรอื กจิ กรรมทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนอยา่ งรนุ แรงทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ทรพั ยากรธรรมชาติ และสขุ ภาพ จะตอ้ งดาํ เนินการตามขนั้ ตอนดั งน้ี ก่อน (1) ศกึ ษาและประเมนิ ผลกระทบต่อคุณภาพ สงิ่ แวดลอ้ มและสุขภาพของประชาชน (2) จดั ใหม้ กี ระบวนการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชนและผมู้ ี ส่วนไดเ้ สยี และ (3) ใหอ้ งคก์ ารอสิ ระซง่ึ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนองคก์ ารเอกชนดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและผแู้ ทน สถาบนั การศกึ ษาทจ่ี ดั การศกึ ษาดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มหรอื ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตหิ รอื ดา้ นสขุ ภาพให้ ความเหน็ ก่อน โดยหน่วยงานผรู้ บั ผดิ ชอบตอ้ งทาํ ใหค้ รบทงั้ 3 ขนั้ ตอน จงึ จะถูกตอ้ งและมผี ลตาม กฎหมาย ดงั นนั้ การใชอ้ ํานาจรฐั ในการจดั การทรพั ยากรน้ํา รวมทงั้ ทรพั ยากรประเภทอ่นื ๆ จงึ ตอ้ ง คาํ นึงถงึ หลกั การทร่ี ฐั ธรรมนูญกําห นดไวด้ งั กลา่ ว มฉิ ะนนั้ จะเป็นการใชอ้ าํ นาจรฐั โดยมชิ อบดว้ ย รฐั ธรรมนูญ นําไปสกู่ ารเป็นขอ้ พพิ าทระหว่างชุมชนกบั รฐั ได้ โครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รองสทิ ธิ ชุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคุม้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน จงึ ไดห้ ยบิ ยกประเดน็ สทิ ธชิ ุม ชนในการจดั การ ทรพั ยากรน้ํามาเป็นประเดน็ สาํ คญั ประเดน็ หน่งึ เพ่อื ศกึ ษาวเิ คราะหส์ ภาพของการจดั การน้ําโดยชมุ ชน ปญั หาและอุปสรรค ตลอดจนแนวทางการแกป้ ญั หาและการพฒั นาสทิ ธชิ ุมชนในการจดั การทรพั ยากรน้ํา ต่อไป 1.สถานการณ์โดยทวั่ ไปของการจดั การน้ําของประเทศ 1.1 หน่วยงานกลางใน การบริหารจดั การทรพั ยากรน้ํา ปจั จบุ นั กรมทรพั ยากรน้ํา กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เป็นหน่วยงานกลางในการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรน้ําของ ประเทศ โดยกําหนดการจดั การเป็นระบบลมุ่ น้ํา มที งั้ หมด 25 ลมุ่ น้ําทวั่ ประเทศ ทงั้ น้ี ทาํ การบรหิ าร จดั การภายใตร้ ะเบยี บสาํ นกั นายกรั ฐมนตรี ว่าดว้ ยการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรน้ําแห่งชาติ พ .ศ.2550 โดยมโี ครงสรา้ งการบรหิ ารและอํานาจหน้าทด่ี งั น้ี คณะกรรมการทรพั ยากรนํ้าแห่งชาติ (กนช.) ประกอบดว้ ย นายกรฐั มนตรหี รอื รอง นายกรฐั มนตรที น่ี ายกรฐั มนตรมี อบหมายเป็นประธานกรรมการ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเป็นรองประธานกรรมการคนทห่ี น่งึ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการคนทส่ี อง และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี เป็นรองประธานกรรมการคนทส่ี าม ผแู้ ทนส่วนราชการและผทู้ รงคุณวฒุ ซิ ง่ึ นายกรฐั มนตรี แต่งตงั้ เป็นกรรมการ ใหอ้ ธบิ ดกี รมทรพั ยากรน้ํา เป็นกรรมการและเลขานุการ อาํ นาจ หน้าท่ีกนช . กนช.มอี ํานาจและหน้าทเ่ี สนอแนะนโยบาย แผนงาน และ แผนปฏบิ ตั กิ ารเกย่ี วกบั การบรหิ ารทรพั ยากรน้ําต่อคณะรฐั มนตรี เสนอแนะคณะรฐั มนตรใี หม้ กี าร ปรบั ปรงุ หรอื แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ กฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับเกย่ี วกบั การบรหิ ารทรพั ยากรน้ํา เสนอ คณะรฐั มนตรเี กย่ี วกบั กรอบงบประมาณในดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรน้ําของประเทศแบบบรู ณาการ ประสานงานกบั ส่วนราชการ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ หรอื คณะกรรมการอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ ุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

3 ดาํ เนินการดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื กําหนดแนวทางจดั การสงิ่ แว ดลอ้ มในการบรหิ ารทรพั ยากรน้ํา และ ประสานงานกบั สว่ นราชการ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื คณะกรรมการอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ ดาํ เนินการดา้ นป้องกนั ภยั พบิ ตั ิ เพอ่ื กําหนดแนวทางการจดั ทาํ แผนป้องกนั ภยั พบิ ตั อิ นั เน่อื งมาจาก ทรพั ยากรน้ําและการรกั ษาคุณภาพน้ํา เป็นตน้ คณะอนุ กรรมการล่มุ นํ้า แต่งตงั้ โดย “กนช.” เพอ่ื ปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นแต่ละลุ่มน้ํา จาํ นวนไมเ่ กนิ สามสบิ หา้ คน ประกอบดว้ ย ผแู้ ทนส่วนราชการ ผแู้ ทนองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ผแู้ ทน องคก์ รผใู้ ชน้ ้ํา และผทู้ รงคณุ วุฒทิ ม่ี คี วามรแู้ ละประสบการณ์เกย่ี วกบั การบรหิ ารทรพั ยากรน้ําเป็น กรรมการ สาํ หรบั ประธานกรรมการใหแ้ ต่งตงั้ จากกรรมการในลมุ่ น้ํานนั้ ใหผ้ อู้ ํานวยการสาํ นกั งาน ทรพั ยากรน้ําภาคซง่ึ ปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นพน้ื ทล่ี ่มุ น้ําทร่ี บั ผดิ ชอบ เป็นคณะอนุกรรมการลมุ่ น้ํา โดยคณะอนุกรรมการลุม่ น้ําในแต่ละลุม่ น้ํามอี ํานาจและหน้าท่ี เสนอความเหน็ ต่อ กนช. เกย่ี วกบั การกาํ หนดนโยบาย แผนงาน โครงการ แนวทางแกไ้ ขปญั หาและอุปสรรคในการบรหิ าร ทรพั ยากรน้ํา รวมทงั้ การดาํ เนนิ งานใด ๆ ของสว่ นราชการองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ และภาคเอกชน ทเ่ี กย่ี วขอ้ งในพน้ื ทล่ี ่มุ น้ํา จดั ทาํ แผนการบรหิ ารทรพั ยากรน้ําในพน้ื ทล่ี ุ่มน้ํา ประสานการจดั ทาํ แผนปฏบิ ตั กิ ารและแผนงบประมาณของส่วนราชการและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งในพน้ื ท่ี ลุม่ น้ําใหเ้ ป็นไปตามแผนการบรหิ ารทรพั ยากรน้ําในพน้ื ทล่ี ุ่มน้ํา ตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน ของส่วนราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทรพั ยากรน้ําในพน้ื ทล่ี มุ่ น้ํา ส่งเสรมิ สนบั สนุน ใหค้ าํ แนะนําแก่องคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในการบรหิ ารทรพั ยากรน้ําจากแหลง่ น้ําขนาดเลก็ ใหเ้ กดิ ประโยชน์และเป็นธรรมเป็น ตน้ ทงั้ น้ี มสี าํ นกั งานคณะกรรมการล่มุ น้ําภาค กรมทรพั ยากรน้ํา กระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เป็นสาํ นกั งานเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ําในพน้ื ทล่ี ่มุ น้ําท่ี รบั ผดิ ชอบ 1.2 หน่วยงานอื่นๆท่ีมอี าํ นาจในการจดั การทรพั ยากรน้ําของประเทศ ประเทศไทยมหี น่วยงานทจ่ี ดั การเรอ่ื งน้ํามากมาย ทงั้ หน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภมู ภิ าคและ สว่ นทอ้ งถน่ิ ประมาณ 20 หน่วยงาน แต่ละหน่วยงานต่างกม็ กี ฎหมายเป็นของตวั เองในการจดั การน้ําอยู่ ในมอื เช่น กรมชลประทาน ก รมเจา้ ทา่ หรอื การไฟฟ้า การประปา กรมประมง การทา่ เรอื กรม ทรพั ยากรชายฝงั่ เป็นตน้ นอกจากน้ี ปจั จบุ นั มกี ฎหมายวา่ ดว้ ยการกําหนดแผนและขนั้ ตอนการกระจาย อาํ นาจ กําหนดใหม้ กี ารถ่ายโอนอาํ นาจจากสว่ นกลางมาใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ อนั ไดแ้ ก่ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล (อบต.) องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (อบจ.) เทศบาล กรงุ เทพมหานคร และ เมอื งพทั ยา เป็นหน่วยงานทม่ี อี าํ นาจจดั การทรพั ยากรน้ํารวมทงั้ ทรพั ยากรอ่นื ๆในเขตพน้ื ทข่ี องตนดว้ ย 01.3 แนวความคิดในการตราพระราชบญั ญตั ิว่าด้วยทรพั ยากรนํ้า เพ่ือเป็น กฎหมายกลางของประเทศในการจดั การน้ํา 0ทผ่ี า่ นมา 0ในสว่ นของภาครฐั ไดพ้ ยายามผลกั ดนั การออกกฎหมายกลางในการบรหิ าร ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นิธสิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

4 จดั การน้ํามาอยา่ งต่อเน่ือง เรม่ิ ตงั้ แต่ปี 2535 -2536 มกี ารเสนอรา่ งกฎหมายน้ําโดยสาํ นกั งาน คณะกรรมการนโยบายน้ําแหง่ ชาติ ภายใตค้ วามคดิ ทว่ี า่ ประเทศไทยมหี น่วยงานทจ่ี ดั การเรอ่ื งน้ํามาก ประมาณ 10-20 หน่วยงาน และมกี ฎหมา ยหลายฉบบั ในสว่ นของการจดั การน้ํากต็ อ้ งการใหม้ กี าร บรหิ ารงานทเ่ี ป็นเอกภาพ จงึ มกี ารยกรา่ ง พ.ร.บ.น้ํามาตงั้ แต่ประมาณปี 2536 แต่แนวคดิ การรา่ ง พ.ร.บ. ดงั กล่าวไมผ่ า่ นออกมาบงั คบั ใช้ เน่ืองจากไดร้ บั การต่อตา้ นจากหน่วยงานอ่นื ๆทต่ี ่างกม็ กี ฎหมายในการ จดั การน้ําอยใู่ นมอื เช่ น กรมชลประทาน กรมเจา้ ทา่ หรอื การไฟฟ้า และไมอ่ ยากถูกลดทอนอาํ นาจใน การจดั การน้ําของตวั เองไป จนกระทงั่ ในชว่ งปี 2540 ในยคุ วกิ ฤตเศรษฐกจิ ประเทศไทยตอ้ งเขา้ รบั ความชว่ ยเหลอื ทางวชิ าการและทางการเงนิ จากสถาบนั การเงนิ ระหวา่ งประเทศทใ่ี หเ้ งนิ กมู้ าอยา่ งมี เงอ่ื นไข และหน่ึงในเงอ่ื นไขของการกเู้ งนิ คอื รฐั บาลไทยตอ้ งทบทวนกฎหมายน้ําและออกกฎหมายน้ํา ใหไ้ ดภ้ ายในปี 2542 จงึ มกี ารรา่ งกฎหมายน้ําอกี ครงั้ หน่งึ มสี าระหลกั ทต่ี อ้ งบรหิ ารจดั การน้ําใหเ้ ป็น เอกภาพ แต่เพมิ่ สาระเกย่ี วกบั การเกบ็ คา่ น้ําจากผใู้ ชน้ ้ําทุกคน ไมว่ ่าเป็นภาคอุตสาหกรรม พานชิ ยกรรม รวมทงั้ ภาคเกษตรกรรม อยา่ งไรกต็ าม มกี ารคดั คา้ นรา่ งกฎหมายฉบบั น้อี ยา่ งกวา้ งขวาง สง่ ผลใหร้ า่ ง กฎหมายน้ําดงั กล่าวชะงกั ไป จนกระทงั่ ถงึ ช่วงปี 2546 ในสมยั รฐั บาล พ.ต.ท.ทกั ษณิ ชนิ วตั ร มกี ารหยบิ ยกเอา รา่ ง พ .ร.บ.น้ํามาทบทวนใหมอ่ กี ครงั้ แต่มสี าระหลกั เหมอื นเดมิ กล่าวคอื ใหก้ รมทรพั ยากรน้ํา เป็นหน่วยงานกลางในการบรหิ ารจดั การน้ําของประเทศในลกั ษณะทม่ี กี รรมการน้ําแห่งชาติ มกี รรมการ ในระดบั ลุ่มน้ํา และมกี ารเกบ็ คา่ ใชน้ ้ําจากผใู้ ชน้ ้ํา รวมทงั้ มกี ารเพม่ิ ประเดน็ ทว่ี า่ ใบอนุญาตใชน้ ้ําสามารถ ซอ้ื ขายกนั ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไรกต็ าม จนถงึ ขณะน้ยี งั คงมคี วามพย ายามผลกั ดนั กฎหมายน้ําออกมาบงั คบั ใช้ แต่ยงั ไมส่ าํ เรจ็ ดงั นนั้ การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรน้ํากลางจงึ ยงั คงเป็นไปตามระเบยี บสาํ นกั นายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรน้ําแหง่ ชาติ พ.ศ.2550 ดงั กล่าวขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ โครงสรา้ งรวมทงั้ กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั กา รน้ําของประเทศไทย ยงั คงรวมศนู ยอ์ ยทู่ ภ่ี าครฐั อกี ทงั้ กฎหมายกลางในการจดั การน้ําทภ่ี าครฐั พยายามผลกั ดนั ออกมา ยงิ่ นําไปสกู่ ารใชอ้ ํานาจเดด็ ขาดของหน่วยงานรฐั ในทน่ี ้ี คอื กรมทรพั ยากรน้ํา ซง่ึ เป็นเรอ่ื งทข่ี ดั ต่อ สาระสาํ คญั ของสทิ ธชิ ุมชนในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตฯิ เป็ นอยา่ งยงิ่ และมคี วามเป็นไปไดส้ งู วา่ เมอ่ื สามารถผลกั ดนั ออกมาบงั คบั ใชส้ าํ เรจ็ จะนําไปส่คู วามขดั แยง้ ระหว่างชมุ ชนกบั รฐั ในการจดั การ ทรพั ยากรน้ํามากยงิ่ ขน้ึ 2.สิทธิชุมชนในการจดั การทรพั ยากรนํ้า ศึกษากรณีศึกษา 0 บ้านห้วยอีค่าง ต .แมว่ ิน อ.แมว่ าง จ. เชียงใหม่0 กรณีชุมชนชุมชนบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กรณีชมุ ชนแพรกหนามแดง จ สมทุ รสงคราม และกรณีชมุ ชนห้วยเสนง จ.สรุ ินทร์ . ในการทาํ ความเขา้ ใจเรอ่ื งสทิ ธชิ ุมชนต่อการจดั การทรพั ยากรน้ํา โครงการสงั เคราะห์ องคค์ วามรฯู้ ไดเ้ ลอื กกรณศี กึ ษาทส่ี ะทอ้ นเรอ่ื งดงั กล่าว ดงั ต่อไปน้ี 2.1 การจดั การนํ้าของชุมชนในภาคเหนือ :กรณีศึกษา0 บา้ นห้วยอีค่าง อ .แมว่ าง จ. ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

5 เชียงใหม่ 0บา้ นหว้ ยอคี า่ ง หมู่ 1 0 ตาํ บล แมว่ นิ อ .แมว่ าง จ .เชยี งใหม่ เป็นหมบู่ า้ นทอ่ี ยใู่ น ทา่ มกลางหบุ เขา ประชากรทงั้ หมดเป็นชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ (กะเหรย่ี ง) ทไ่ี ดร้ บั การเพม่ิ ช่อื ใน ทะเบยี นราษฎรและสญั ชาตไิ ทยเกอื บทกุ คน 1) สภาพการจดั การน้ําโดยทวั่ ไปของชุมชนบา้ นห้วยอีค่าง ในการจดั การทรพั ยากรน้ํา บา้ นหว้ ยอคี า่ งไดน้ ําภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นในอดตี ในการทาํ เหมอื งฝาย ซง่ึ เป็น ฝายธรรมชาตทิ ส่ี ามารถแจกจา่ ยน้ําไดแ้ ลว้ และมกี ารซอ่ มแซม (ตฝี าย) ทุกๆ ปี เพราะฝายธรรมช าติ จะมกี ารผุพงั ทงั้ จากกระแสน้ําและสตั วน์ ้ําทเ่ี ขา้ ไปอาศยั ใตฝ้ าย โดยการตฝี ายนนั้ จะตอ้ งรอ้ื ไผเ่ ดมิ ออก ใหห้ มดแลว้ ใชไ้ ผ่ใหมใ่ สเ่ ขา้ ไปแทน ฝายกนั้ นํ้าท่ีชาวบ้านในบา้ นห้วยอีค่างช่วยกนั ทาํ ทุกปี 2) ความสาํ เรจ็ ในการจดั การนํ้าของชมุ ชนบา้ นห้วยอีค่างเพื่อตอบสนองความ ต้องการของชมุ ชน องคค์ วามรใู้ นการสร้างเหมืองฝายของชุมชนข้างต้น เมอื่ เปรยี บเทียบกบั การ สรา้ งเหมืองฝายของกรมชลประทานแล้วจะเหน็ ได้ว่า ระบบเหมอื งฝายของปกาเกอะญอ มฐี าน ทางวฒั นธรรมเป็นทนุ ในการสร้างคือ ความรกั ความสามคั คี และพิธีกรรม ซึง่ พิ ธีกรรมเป็น ตวั แปรสาํ คญั ทีส่ ร้างความเป็นหนึง่ เดียวกนั ของชุมชน สว่ นของกรมชลประทานตอ้ งอาศยั “เงนิ ” เป็นตวั ชว่ ยในการสรา้ ง เน่ืองจากขาดทงั้ วสั ดุอุปกรณ์และแรงงานทร่ี ว่ มสรา้ ง ขาดการมสี ว่ นรว่ มเพราะ ตอ้ งมกี ารจา้ งแรงงาน วสั ดอุ ุปกรณ์ต่างๆ ลว้ นแต่ตอ้ งซอ้ื ระบบเหมื องฝายจะมขี นาดใหญ่ เพอ่ื ให้ มนั่ คงและใชป้ ระโยชน์ไดน้ านโดยไมต่ อ้ งดแู ลรกั ษามากนกั และไมจ่ าํ เป็นตอ้ งมพี ธิ กี รรมใด ๆ นอกจากน้ี การปรบั โครงสรา้ งการจดั การน้ําโดยการนําเทคโนโลยสี มยั ใหม่ ซง่ึ ทาํ ให้ สามารถจดั สรรน้ําตอบสนองความตอ้ งการของเกษตรกรในการปลกู พชื หลากหลายชนดิ ห ลายฤดกู าล ตามความตอ้ งการของตลาด ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบ คอื ทาํ ใหเ้ กดิ ความเปลย่ี นแปลงของเป้าหมายใน ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ ุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

6 การจดั การน้ํา จากทเ่ี คยตอบสนองเป้าหมายทห่ี ลากหลาย กก็ ลายเป็นการจดั การน้ําเพอ่ื ตอบสนอง เชงิ เดย่ี วแทน เชน่ เหมอื งฝายเคยเป็นเทคโนโลยเี พอ่ื การทดแทนน้ําเขา้ นา ในขณะเ ดยี วกนั เป็นแหลง่ เพาะพนั ธปุ์ ลาดว้ ย แต่ฝายคอนกรตี ทร่ี ฐั สรา้ งขน้ึ เพอ่ื ทาํ หน้าทเ่ี ป็นเทคโนโลยที ดน้ําเพยี งอยา่ งเดยี ว 3) การใช้สิทธิชุมชนในการจดั การน้ําของชมุ ชนบ้านห้วยอีค่าง ชุมชนบา้ นหว้ ยอคี ่างนบั เป็นชุมชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรย่ี งทส่ี ามารถใชส้ ทิ ธดิ งั้ เดมิ ในการ จดั การน้ําไดป้ ระสบความสาํ เรจ็ ชมุ ชนหน่ึง ชมุ ชนบา้ นหว้ ยอคี า่ งเป็นชุมชนทอ้ งถนิ่ ดงั้ เดมิ ทม่ี วี ถิ ชี วี ติ ยดึ โยงอยกู่ บั ฐานทรพั ยากรธรรมชาตโิ ดยแท้ ทงั้ ทด่ี นิ ปา่ ไมแ้ ละน้ํา ในสว่ นของการจดั การน้ํานนั้ ชมุ ชนหว้ ย อคี า่ งยงั คงจดั การน้ําไปตามภมู ปิ ญั ญาดงั้ เดมิ ของชาวกะเหรย่ี งเผ่าปกากะเญอญอ โดยการสรา้ งเหมอื ง ฝายไมไ้ ผ่ และมกี ารรว่ มแรงรว่ มใจกนั ของคนในชมุ ชนเพอ่ื ซ่อมบาํ รงุ เหมอื งฝายทกุ ปี ดงั นนั้ นอกจาก เป็นวธิ กี ารจดั การน้ําทต่ี อบสนองต่อวถิ ชี ุมชนโดยตรงแลว้ การจดั การน้ําดว้ ยวธิ ดี งั กล่าว ยงั เป็นการธาํ รง รกั ษาไวซ้ ง่ึ วฒั นธรรมของของปกาเกอะญอทว่ี า่ ดว้ ยความรัก ความสามคั คแี ละพธี กี รรมของชนเผา่ ผา่ น ทางสทิ ธชิ มุ ชนในการจดั การน้ําดว้ ย และถอื วา่ การจดั การน้ําของชมุ ชนบา้ นหว้ ยอคี า่ งดงั กล่าว เป็นการ จดั การน้ําทส่ี มดุลและยงั่ ยนื สมตามเจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญ 2.2 การจดั การนํ้าของชมุ ชนบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา พน้ื ทบ่ี างคลา้ มลี กั ษณะเป็นทร่ี าบลุ่มซง่ึ มแี มน่ ้ําบางปะกงไหลผา่ น เตม็ ไปดว้ ยคลองเลก็ คลองน้อยทงั้ ทเ่ี กดิ เองตามธรรมชาติ และเกดิ จากการขดุ การเป็นทร่ี าบลุม่ น้ําทม่ี นี ้ําคอ่ นขา้ งอุดม สมบรู ณ์ทาํ ใหช้ าวบางคลา้ ทาํ อาชพี เกษตรกรรมทห่ี ลากหลายแต่สอดคลอ้ งกบั สภาพภมู ศิ าสตรแ์ ละ ทรพั ยากรธรรมชาตดิ งั กลา่ วคือการปลกู ผลไมช้ นดิ ต่างๆ ฟารม์ เลย้ี งสตั ว์ (เลย้ี งหมู เป็ด ไก่ ฯลฯ ) ประมง(กุง้ ปลา จระเขฯ้ ลฯ ) และอ่นื ๆ ดว้ ยเหตุน้ี ทรพั ยากรธรรมชาตโิ ดยเฉพาะน้ําจงึ มคี วามสาํ คญั ต่อ วถิ ชี วี ติ คนบางคลา้ และชุมชนบางคลา้ เป็นอยา่ งมาก 1) สภาพการจดั การนํ้าโดยทวั่ ไปของชุมชนบางคล้า สมาชกิ ชมุ ชนแต่ละครวั เรอื น มสี ทิ ธทิ จ่ี ะทดน้ําเขา้ เรอื กสวนและเกบ็ กบั ไวไ้ ดม้ ากเท่าทต่ี อ้ งการ อยา่ งไรกต็ าม ในปจั จบุ นั อตั ราส่วนของ น้ําจดื ต่อน้ําเคม็ ทช่ี ุมชนใชอ้ ยมู่ คี วามเปลย่ี นแปลงไปมากจนใกลถ้ งึ ระดบั ใชน้ ้ําจดื ได้ 6 เดอื น และน้ําเคม็ 6 เดอื น ซง่ึ ชาวชมุ ชนเขา้ ใจว่าน่าจะมสี าเห ตุสาํ คญั จากภาวะโลกรอ้ นซง่ึ ทาํ ใหร้ ะดบั น้ําทะเลสงู ขน้ึ โดยรวม และสาเหตุจากการสบู น้ําจดื จากลาํ น้ําบางปะกงผนั ไปใชส้ าํ หรบั ภาคอุตสาหกรรมในพน้ื ทภ่ี าค ตะวนั ออก การลดปรมิ าณลงของน้ําจดื ไดก้ ่อใหเ้ กดิ ผลต่อการเกษตรโดยตรง ในขณะเดยี วกนั กส็ ง่ ผลต่อ สภาพและคณุ ภาพของดนิ สาํ หรบั การเพาะปลูกดว้ ยเน่อื งจากดนิ มคี วามเคม็ เพมิ่ ขน้ึ สภาพการณ์ ดงั กล่าวน้ไี ดท้ าํ ใหช้ ุมชนใหค้ วามสนใจในระดบั “วติ กกงั วล”ต่อปญั หาเรอ่ื ง “น้ํา” น้เี ป็นทนุ เดมิ อยแู่ ลว้ และ ความสนใจระดบั น้ีเองกม็ ผี ลต่อการต่นื ตวั ทจ่ี ะลุกขน้ึ มาปกป้องสทิ ธทิ จ่ี ะไดป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรน้ํา ของตนเอง 2) สภาพปัญหาของการจดั การน้ําของชมุ ชนบางคล้า ในชว่ งปี 2550 ชาวชุมชนฯ ไดท้ ราบว่าพน้ื ทด่ี งั กลา่ วจะใชส้ าํ หรบั การสรา้ งโรงไฟฟ้า ก่อใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าในชมุ ชน โดยมกี ารแบ่งกลุม่ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นิธสิ าธารณสขุ แห่งชาติ

7 คนในชมุ ชนออกเป็น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลุ่มทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยและแสดงออกอยา่ งชดั เจนทจ่ี ะคดั คา้ น กลุม่ ทไ่ี ม่ เหน็ ดว้ ยแต่ไมเ่ คล่อื นไหวคดั คา้ นๆ และกลุม่ ทเ่ี หน็ ดว้ ย (โดยสองกลมุ่ แรกมจี าํ นวนเกอื บทงั้ หมดของชาว ชุมชนฯ ส่วนกล่มุ หลงั สดุ มจี าํ นวนน้อยและไมแ่ สดงออกโดยชดั เจนและต่อเน่อื งนกั ) เป้าหมายหลกั ของ การรวมกลุม่ คนในชุมชน ไดแ้ ก่ การต่อตา้ นโรงไฟฟ้าไมใ่ หข้ น้ึ ในพน้ื ทเ่ี ลย เน่อื งจากชุมชนเกรงวา่ โรงไฟฟ้าจะแยง่ ชงิ ทรพั ยากรน้ําซง่ึ เหลอื อยนู่ ้อยเตม็ ทไี ปจากชุมชน รวมทงั้ หวนั่ เกรงวา่ มลภาวะทม่ี า จากโรงไฟฟ้าดงั กลา่ วจะเป็นอนั ตรายต่อชมุ ชน นอกจากน้ี ชาวชุมชนบางส่วนยงั เหน็ ว่าพ้ืนทีบ่ าง คล้าเป็นชุมชนเกษตรกรรมมาแต่ดงั้ เดิมและมเี หตผุ ลทกุ ประการทีจ่ ะค งอย่ใู นสภาพน้ีตลอดไป โดยไมถ่ กู แทรกแซง แปลกปลอมโดยโรงงานอตุ สาหกรรมซึง่ ควรไปอย่ใู นพ้ืนทีท่ ีเ่ กิดข้ึนเพือ่ อตุ สาหกรรมหรอื ได้กลายเป็นทีๆ่ เหมาะสมต่ออตุ สาหกรรมไปแล้วเช่นพ้ืนทีม่ าบตาพดุ (Zoning) เป็นต้น 3) การใช้สิทธิชุมชนในการจดั การนํ้าของชุมชนบางคล้า การต่นื ตวั ลุกขน้ึ มา ปกป้องทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของชาวชุมชนบางคลา้ นบั ไดว้ ่าเป็นการแสดงออกถงึ การ ปกป้องสทิ ธใิ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มรวมทงั้ วถิ ชี วี ติ ชมุ ชนรปู แบบหน่งึ ซง่ึ ชาวบางคลา้ มี ความเช่อื มนั่ ในการพง่ึ พาตนเองสงู โดยแทบจะไมใ่ หค้ วามเช่อื ถอื ต่อภาครั ฐรวมทงั้ กลไกทเ่ี กย่ี ว แมก้ ระทงั่ กระบวนการตามมาตรา 67 วรรคสองของรฐั ธรรมนูญ ทาํ ใหใ้ นบางกรณกี ารใชส้ ทิ ธปิ กป้อง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละวถิ ชี มุ ชนของชาวบางคลา้ มคี วามเขม้ ขน้ ถงึ ขนาดหวงกนั ไมย่ อมใหห้ น่วยงาน / เจา้ หน้าทร่ี ฐั ตลอดจนบุคคลภายนอกชุมชนเขา้ ไปในเขตชุมชนของพวกเขาได้ เ น่อื งจากเกรงว่าบุคคล เหล่านนั้ จะเป็นอนั ตรายต่อชมุ ชนและทรพั ยากรธรรมชาตฯิ ของพวกเขา ซง่ึ การใชส้ ทิ ธชิ ุมชนในลกั ษณะ น้ขี องชุมชนบางคลา้ มคี วามสุ่มเสย่ี งต่อการละมดิ กฎหมายอยไู่ มน่ ้อย 2.3 การจดั การนํ้าของชมุ ชนแพรกหนามแดง อ.อมั พวา จ.สมทุ รสงคราม การจดั การน้ําโดยชมุ ชนแพรกหนามแดงมคี วามน่าสนใจตรงทช่ี าวชุมชนสองฝงั่ น้ํา ไดแ้ ก่ฝงั่ น้ําจดื และฝงั่ น้ําเคม็ มวี ถิ ชี วี ติ ทย่ี ดึ โยงกบั ฐานทรพั ยากรหลกั คอื “น้ํา” ในอดตี ชุมชนสองฝงั่ น้ําเคยมคี วามขดั แยง้ ในการใชน้ ้ําต่อเน่ืองมาเป็นเวลานบั 20 ปี จนพวกเขาไดข้ า้ มผ่านความขดั แยง้ ดว้ ย การหนั มาพดู คยุ ทาํ ความเขา้ ใจ รว่ มมอื รว่ มใจแกป้ ญั หาดว้ ยกนั โดยมงี านวจิ ยั ชุมชน ซง่ึ ดาํ เนนิ การ โดยคนในชุมชนเป็นฐาน จนนํามาสกู่ ารแกป้ ญั หาและการยอมรบั ทงั้ จากคนในชุมชนสองน้ําและทงั้ จาก หน่วยงานราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

8 1) สภาพปัญหาการจดั การน้ําของชุมชนแพรกหนามแดง สภาพปญั หาทเ�ี กดิ ขึน� พนื� ท�นี �ําจดื พืน� ท�ีน�าํ เค็ม -นาข้าว,บอ่ ปลา,สวนผกั ตะกอนของเสีย -เลย�ี งก้งุ ธรรมชาติ สภาพการจดั การน้ําระหว่างชุมชนฝงั่ นํ้าเคม็ -นํ้าจืด ชมุ ชนแพรกหนามแดง ในอดตี มอี าชพี ทาํ นาและทาํ สวน โดยอาศยั น้ําจดื เป็นหลกั ต่อมารฐั ไดท้ าํ การก่อสรา้ งถนนและเขอ่ื นกนั้ น้ํา สง่ ผลกระทบถงึ ระบบการไหลเวยี นของน้ําใน ชมุ ชน เกดิ น้ําเคม็ หนุนเขา้ มาในพน้ื ท่ี ต่อมาก รมชลประทานไดเ้ ขา้ มาสรา้ งประตูน้ําตามแนวคดิ ของ กรมชลประทาน โดยแยกพน้ื ทใ่ี นตาํ บลชุมชนแพรกหนามแดงเป็นพน้ื ทฝ่ี งั่ น้ําจดื และฝงั่ น้ําเคม็ สง่ ผลให้ อาชพี ของชาวชุมชนตอ้ งปรบั เปลย่ี นไปตามสภาพของน้ํา โดยชาวบา้ นในเขตน้ําจดื มอี าชพี ทาํ นา ทาํ สวนผกั เลย้ี งปลาน้ําจดื ส่วนชาวบา้ นเขตน้ํา เคม็ มอี าชพี เลย้ี งกุง้ ทะเล เลย้ี งปลาน้ําเคม็ การทาํ ประตูกนั้ น้ําโดยแบ่งชมุ ชนเป็นสองฝงั่ ดงั กล่าว สง่ ผลใหช้ าวชุมชนทงั้ สองฝงั่ น้ําเกดิ ความยดั แยง้ ในเรอ่ื งของการ เปิด - ปิดประตนู ้ํามาตลอด เน่ืองเพราะพน้ื ทใ่ี นตาํ บลชมุ ชนแพรกหนามแดง มรี ะบบการไหลของน้ําขน้ึ - ลง ตามธรรม ชาติ วนั ละ 2 ครงั้ เมอ่ื ปิดประตูน้ํา ในช่วงฤดฝู นกจ็ ะเกดิ ปญั หาน้ําท่วมในพน้ื ทเ่ี หนอื ประตซู ง่ึ เป็นชมุ ชนน้ําจดื ชาวบา้ นชมุ ชนน้ําจดื จงึ แกป้ ญั หาโดยการเปิดประตรู ะบายน้ําทง้ิ เพอ่ี ป้องกนั ความเสยี หายของผลผลติ และเมอ่ื เปิดประตนู ้ําออกมาในพน้ื ทช่ี มุ ชนน้ําเคม็ ทอ่ี ยตู่ อนล่ างประตูกนั้ น้ํา ส่งผลใหช้ มุ ชนฝงั่ น้ําเคม็ ไดร้ บั ผลกระทบจากน้ําเน่าเสยี สตั วน์ ้ําเคม็ เช่น กุง้ หอย ปู ปลา เสยี หาย รวมทงั้ ผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรมทเ่ี ขา้ มาตงั้ ในชมุ ชนปล่อยน้ําเสยี ลงแหลง่ น้ําธรรมชาตสิ ง่ ผลกระทบต่อคณุ ภาพน้ําในลาํ คลองเป็นอยา่ งมาก (ปจั จบุ นั มี 9 โรง) ทผ่ี า่ นมาชมุ ชนแพรกหนามแดงมี ปญั หาความขดั แยง้ ในการใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนต่อการจดั การทรพั ยากรน้ํา ใน 2 กรณไี ดแ้ ก่ (1) ความขดั แยง้ เรอ่ื งของการเปิด – ปิดประตูระบายน้ํา ทก่ี รมชลประทานสรา้ งขน้ึ ใหม่ 15 ประตู ในปี พ.ศ.2525 ทเ่ี ป็น ชนวนความขดั แยง้ ระหว่างชุมชนฝงั่ น้ําจดื และชุมชนฝงั่ น้ําดงั กล่าวขา้ งตน้ และ (2) ความขดั แยง้ กบั โรงงานอุตสาหกรรม การเขา้ มาของโรงงานอุตสาหกรรม ทาํ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อสภาพแวดลอ้ มและ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ ุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

9 ระบบนิเวศอยา่ งหนกั รวมทงั้ สรา้ งความแตกแยกในชุมชน ทงั้ จากการซอ้ื ขายทด่ี นิ และปญั หาน้ําเน่าเสยี ทป่ี ล่อยมาจากโรงงานอุตสาหกรรมทซ่ี า้ํ ลงบนปญั หาการจดั น้ําระหวา่ งสองชุมชนทด่ี าํ รงอยู่ 2) การใช้สิทธิชุมชนในการจดั การน้ําของชมุ ชนแพรกหนามแดง การใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนของชมุ ชนแพรกหนามแดง เรม่ิ จากเมอ่ื มกี ารปลอ่ ยน้ําเสยี ของโรงงาน อุตสาหกรรม ทาํ ใหช้ าวชุมชนเดอื ดรอ้ น เสยี หาย จนกระทงั่ ชาวชุมชนฝงั่ น้ําเคม็ ไดร้ วมตวั กนั แ ละหาตวั แทน เพ่อื เจรจาเรยี กรอ้ งค่าเสยี หายจากโรงงานทป่ี ลอ่ ยน้ําเสยี จนเขา้ สกู่ ระบวนการในชนั้ ศาล และชมุ ชนชนะคดี หลงั จากนนั้ ชุมชนไดม้ กี ารจดั ตงั้ กลุ่มอยา่ งเป็นทางการเพอ่ื สรา้ งความเขม้ แขง็ ในการต่อรอง รกั ษาผลประโยชน์ ของตนเอง และไดเ้ ขา้ รว่ มกบั เครอื ขา่ ยทต่ี ่อสเู้ รอ่ื งของทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มในจงั หวดั ในสว่ นของการ แกป้ ญั หาความขดั แยง้ ทเี่ กดิ จากการใชน้ ้ําระหว่างชมุ ชนน้ําจดื และชมุ ชนน้ําเคม็ นนั้ แกนนําของชมุ ชนของทงั้ สองฝงั่ น้ําไดร้ วมตวั กนั ทาํ วจิ ยั ทอ้ งถนิ่ โดยอาศยั ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นเป็นฐานเพอื่ หาทางแกป้ ญั หาทเี่ หมาะสม ใน ทสี่ ดุ กส็ ามารถชว่ ยกนั หาวธิ กี าร สรา้ งรปู แบบของประตเู ปิด – ปิดน้ํา และวธิ กี ารจดั การทเี่ หมาะสม และเป็นที่ ยอมรบั ของหน่วยงานรฐั ทเี่ กยี่ วขอ้ งรวมทงั้ จากชมุ ชนอนื่ ๆทมี่ ปี ญั หาในลกั ษณะเดยี วกนั นอกจากน้ี การรว่ มมอื กนั แกป้ ญั หาน้ําไดส้ าํ เรจ็ นําไปสกู่ ารรว่ มมอื กนั ระหวา่ งชุมชนน้ําจดื และชุมช นน้ําเคม็ ในการพฒั นาดา้ นอนื่ ๆ ต่อไป เชน่ การตงั้ กลมุ่ สจั จะออมทรพั ยแ์ ละ แนวคดิ การจดั ทาํ วสิ าหกจิ ชุมชน เป็นตน้ 3) เกณฑท์ ี่ยอมรบั ว่าชมุ ชนแพรกหนามแดงสามารถใช้สิทธิชมุ ชนในการจดั การน้ําได้ สาํ เรจ็ นบั ไดว้ ่าชมุ ชนแพรกหนามแดงประสบความสาํ เรจ็ อยา่ งมากในการใชส้ ทิ ธชิ ุมชนเพ่อื จดั การน้ํา โดยเฉพาะการสรา้ งงานวจิ ยั จากภมู ปิ ญั ญาชมุ ชนมาแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ระหว่างชุมชนทม่ี คี วามตอ้ งการใช้ น้ําต่างกนั ลดความขดั แยง้ ระหว่างชุมชนทน่ี บั เน่อื งมากวา่ 20 ปี ได้ ชมุ ชนแพรกหนามแดงมคี วามรู้ ความ เขา้ ใจ และสามารถเขา้ ถงึ สทิ ธชิ ุมชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี รวมทงั้ สา มารถสรา้ งความยอมรบั แก่หน่วยงานรฐั ทม่ี ี อํานาจจดั การน้ําได้ ตลอดจนมกี ารรว่ มมอื อยา่ งต่อเน่อื งกบั เครอื ขา่ ยชุมชนทป่ี ระสบปญั หาเดยี วกนั ชุมชน แพรกหนามแดงจงึ เป็นชุมชนหน่ึงทใ่ี ชส้ ทิ ธชิ ุมชนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งกบั กฎเกณฑแ์ ละกตกิ าของ สงั คม 2.4 การจดั การนํ้าของชุมชนห้วยเสนงตอนปลาย อ. เมือง จ. สรุ ินทร์ ชมุ ชนในพน้ื ทล่ี าํ หว้ ยเสนงตอนปลายน้มี ลี กั ษณะของชมุ ชนเป็นการรวมกนั แบบ กลมุ่ ทอ้ งท,่ี กลมุ่ รว่ มใชท้ รพั ยากร และกลุม่ ผไู้ ดร้ บั ผลกระทบจากปญั หาดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม และโครงการต่าง ๆ ของภาครฐั ชุมชนทร่ี วมตวั กนั เพอ่ื ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนใน การจดั การดแู ลทรพั ยากรในพน้ื ทห่ี ว้ ยเสนงตอนปลาย เป็นชุมชนทอ้ งถน่ิ หรอื ชุมชมดงั้ เดมิ ทอ่ี าศยั อยู่ และไดใ้ ชป้ ระโยชน์จากฐานทรพั ยากรดงั กล่าวในพน้ื ทน่ี ้ี มายาวนาน 1) การจดั การนํ้าโดยทวั่ ไปของชมุ ชนห้วยเสนง 0ลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์จากลาํ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นิธสิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

10 หว้ ยเสนงตงั้ แต่ตน้ น้ําจนถงึ ปลายน้ําครอบคลมุ พน้ื ท่ี 4 อาํ เภอ 12 ตาํ บล 120 หมบู่ า้ นเป็นอยา่ งน้อย โดยใช0้ประโยชน์จากน้ําเพอ่ื การอุปโภคบรโิ ภค การเกษตรกรรม ปลกู ขา้ ว พชื ไร่ และปลกู ผกั ตลอดจน พง่ึ พาทรพั ยากรในลมุ่ น้ําหว้ ยเสนงเพอ่ื การยงั ชพี ดว้ ยการทาํ ประมง ชลประทาน เลย้ี งสตั ว์ เกบ็ ผกั และ พชื สมนุ ไพร อกี ทงั้ ยั งเป็นสถานทใ่ี นการประกอบงานบุญประเพณี และพธิ กี รรมต่าง ๆ ทส่ี ะทอ้ นถงึ มรดกทางประวตั ศิ าสตรช์ าตพิ นั ธุ์ มาในระยะหลงั หว้ ยเสนงยงั เป็นแหลง่ น้ําดบิ สาํ คญั สาํ หรบั ภาคอุตสาหกรรม 0และภาคบรกิ ารดว้ ยการผลติ น้ําประปาป้อนสโู่ รงแรม อาคาร บา้ นเรอื น เป็นตน้ 0 2) สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกบั การจดั การน้ําของชมุ ชนห้วยเสนงตอนปลาย ลาํ หว้ ยเสนงทเ่ี คยเป็นเสน้ เลอื ดใหญ่หล่อเลย้ี งชมุ ชน ปจั จบุ นั ไดร้ บั ผลกระทบจากการใช้ ประโยชน์ และจากการพฒั นาตามโครงการต่าง ๆ ของรฐั มาตลอด ทงั้ ปญั หาการใชส้ ารเคมใี นการ เกษตรกรรม สารเคมจี ากโรงงานผลติ สรุ า น้ําเ สยี จากจากฟารม์ หมู สง่ิ ปฎกิ ลู จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม รสี อรท์ และรา้ นอาหารทต่ี งั้ อยรู่ มิ ฝงั่ น้ํา นอกจากน้ี ในช่วงตน้ ปี 2550 เทศบาลรว่ มกบั ชลประทานสรุ นิ ทรม์ โี ครงการขดุ คลองระบายน้ําเสยี จากเทศบาลเมอื งลงหว้ ยเสนง เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาน้ํา ทว่ มเมอื งสุรนิ ทร์ แต่มกี ารเรยี ก อบต.แค่เพยี งบางส่วนไปพดู คยุ ตกลง โดยไมม่ กี ารทาํ ประชาพจิ ารณ์ หรอื แจง้ ขอ้ มลู ใด ๆ กบั ผนู้ ําชุมชนและชาวบา้ นในพน้ื ทท่ี จ่ี ะขดุ คลองผา่ น เหตุการณ์ในครงั้ น้ถี อื เป็น จดุ เรมิ่ ตน้ ของการรวมตวั เป็นเครอื ขา่ ยลุ่มน้ําหว้ ยเสนงทช่ี ดั เจนและเป็นทางการ ทาํ ใหช้ าวบา้ นเรมิ่ เขา้ ใจใน \"สทิ ธชิ มุ ชน\" มากขน้ึ มคี วามกระตอื รอื รน้ ในการใชส้ ทิ ธทิ ม่ี มี าแกป้ ญั หาทต่ี วั เองตอ้ งประสบ มากขน้ึ ต่อมาใน ปี 2546 – 2547 ไดเ้ รมิ่ มกี ารตงั้ เครอื ขา่ ยอนุรกั ษณ์และจดั การลมุ่ น้ําหว้ ยเสนงอยา่ งไม่ เป็นทางการ เพอ่ื สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชน โดยมจี ดุ ทข่ี บั เคลอ่ื นกจิ กรรมเก่ี ยวกบั สทิ ธชิ มุ ชนมาก ทส่ี ุดอยทู่ ห่ี ว้ ยเสนงตอนปลาย มกี ารรณรงคแ์ ละใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ความสาํ คญั ของการใชห้ ว้ ยเสนง ทงั้ ใน เรอ่ื งการจดั การทด่ี นิ และน้ํา สภาพปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ และชวนใหม้ กี ารเสนอแนะการแกไ้ ขปญั หา รวมทงั้ มกี ารดงึ เยาวชนเขา้ มาทาํ กจิ กรรม เพ่อื เรยี นรงู้ าน และสง่ ต่องานใหก้ บั คนรนุ่ ต่อไป 3) การใช้สิทธิชุมชนในการจดั การนํ้าของชุมชนห้วยเสนงตอนปลาย นบั ไดว้ ่า ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พอ่ื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ ุมชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

11 การบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนโดยชมุ ชนลุ่มน้ําหว้ ยเสนงตอนคอ่ นขา้ งประสบความสาํ เรจ็ ในภาพรวม โดยมี ลกั ษณะเป็นการบงั คบั ใชส้ ทิ ธแิ บบผสมผสานกนั ระหว่างสทิ ธติ ามกฎหมายรฐั ธรรมนูญ และสทิ ธดิ งั้ เดมิ ตามความเขา้ ใจของคนในชุมชนเองในการเขา้ ไปมสี ่วนรว่ ม หรอื ตรวจสอบโครงการทม่ี ผี ลกระทบต่อ สงิ่ แวดลอ้ ม และวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยขู่ องชุมชนโดยตรง จนทาํ ใหภ้ าครฐั ตอ้ งยอมรบั และยตุ โิ ครงการฯ ไป ซง่ึ การใชส้ ทิ ธชิ ุมชนของชุมชนหว้ ยเสนงดงั กล่าวนนั้ มวี ตั ถุประสงคห์ ลั กกเ็ พอ่ื รกั ษาไวซ้ ง่ึ ลาํ น้ํา และ วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชนทต่ี งั้ อยรู่ มิ ฝงั่ น้ํา เพ่อื ใหเ้ กดิ การใชป้ ระโยชน์อยา่ ง \"สมดลุ และยงั่ ยนื \" อกี ทงั้ ยงั ผลให้ ประชาชนมคี วามต่นื ตวั และเฝ้าระวงั สถานการณ์ทเ่ี กย่ี วพนั กบั ทรพั ยากรสง่ิ แวดลอ้ มในพน้ื ทข่ี องตนเอง มากขน้ึ 3.ปัจจยั ท่ีเอื้อต่อความสาํ เรจ็ ในการจดั การนํ้า และปัญหา อปุ สรรคและแนวพฒั นาสิทธิในการ จดั การนํ้าของชมุ ชน จากทก่ี ลา่ วแลว้ วา่ “น้ํา” เป็นทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี คี วามสาํ คญั มากทงั้ ต่อประเทศชาติ โดยรวม และต่อวถิ กี ารดาํ รงอยขู่ องชมุ ชนต่างๆ อยา่ งไรกต็ าม ทผ่ี ่านมา “น้ํา” กเ็ ป็นทรพั ยากรธรรมชาตอิ กี ประเภทหน่งึ ทร่ี ฐั มอี าํ นาจผกู ขาดในการบรหิ ารจดั การ ในขณะทช่ี มุ ชนเองไดอ้ า้ งสทิ ธชิ มุ ชนตามรฐั ธรรมนูญใน การจดั การน้ําเพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการของชมุ ชนเชน่ เดยี วกนั ดงั นนั้ ในเมอ่ื รฐั ธรรมนูญมาตรา 66 กาํ หนดใหช้ มุ ชน ชุมชนทอ้ งถนิ่ หรอื ชุมชนทอ้ งถนิ่ ดงั้ เดมิ มสี ทิ ธริ ว่ มกบั รฐั ใ นการจดั การ การบาํ รงุ รกั ษา และ การใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งสมดลุ และยงั่ ยนื “รฐั ” จงึ ตอ้ งเคารพเจตจาํ นงของ รฐั ธรรมนูญดงั กลา่ ว โดยยอมรบั การมสี ่วนรว่ มของชุมชนในการจดั การน้ําอยา่ งจรงิ จงั โดยเฉพาะชมุ ชนท่ี พสิ จู น์ตวั เองจนเป็นทย่ี อมรบั จากสงั คมแลว้ ว่าสามารถจดั การน้ําอยา่ งสมดุลและยงั่ ยนื ไดจ้ รงิ ๆ การทช่ี มุ ชนใด ชุมชนหน่งึ สามารถใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนในการจดั น้ํา รวมทงั้ ทรพั ยากรธรรมชาตปิ ระเภทอ่นื ไดส้ าํ เรจ็ นนั้ มี ขอ้ พจิ ารณาเพมิ่ เตมิ ดงั น้ี 3.1 ปัจจยั ท่ีเอื้อต่อความสาํ เรจ็ ในการบงั คบั ใช้สิทธิชุมชนในการจดั การน้ํา 1) ความเข้มแขง็ ของชุมชน ชมุ ชนทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั วา่ สามารถจดั การน้ําไดป้ ระสบ ความสาํ เรจ็ มกั เป็นชมุ ชนทม่ี คี วามเขม้ แขง็ มกี ารรวมตวั กนั ของคนในชุมชนไปในแนวทางเดยี วกนั และ สามารถนําเอาภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ทม่ี คี วามเหมาะสมกบั อตั ลกั ษณ์ของชุมชนเขา้ มาใช้ เช่น ชุมชนแพรกหนาม แดง ทใ่ี ช้ ผลงานวจิ ยั จากนกั วจิ ยั ทเ่ี ป็นปราชญช์ าวบา้ นไดช้ ว่ ยกนั คดิ คน้ ประตูกนั้ น้ําโดยภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นโดย แท้ มกี ารทดลองใชจ้ นเป็นทย่ี อมรบั ของหน่วยงานรฐั และชุมชนดว้ ยกนั เอง นอกจากน้ี ในสว่ นของชมุ ชนบา้ น หว้ ยอคี า่ งกไ็ ดน้ ําเอาองคค์ วามรทู้ เ่ี ป็นระบบเหมอื งฝายของปกาเกอะญอ มตี น้ ทุนในการสรา้ งคอื ความรกั ความสามคั คี และพธิ กี รรมทแ่ี สดงออกถงึ ความเป็นหน่งึ เดยี วกนั ของชุมชนมาใช้ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

12 2) การท่ีหน่วยงานของรฐั ท่ีเก่ียวข้องมคี วามเข้าใจและยอมรบั สิทธิชมุ ชนในการ จดั การทรพั ยากรน้ํา เช่น การทช่ี ลประทานจงั หวดั สมทุ รสงครามยอมรบั ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นในการคดิ คน้ ประตูกนั้ น้ําใหเ้ หมาะสมกบั สภาพปญั หาของชมุ ชนแพรกหนามแดง เป็นตน้ การจดั การน้ําของชมุ ชนน้ีเป็นการ ตอบโจทยข์ องสทิ ธชิ มุ ชนในการจดั การน้ําตามรฐั ธรรมนูญมาตรา 66 ไดม้ ากพอสมควร และเป็นการจดั การน้ํา ของชุมชนทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่าหากมคี วามรว่ มมอื กนั โดยใชจ้ ดุ แขง็ ของทงั้ ฝา่ ยรฐั ทม่ี อี ํานาจรฐั กฎหมาย งบประมาณและกาํ ลงั คนอยใู่ นมอื ในขณะทฝ่ี า่ ยชมุ ชนมคี วามรจู้ กั ตวั ตนของชมุ ชน ทราบความตอ้ งการท่ี แทจ้ รงิ ของชุมชน และมภี มู ปิ ญั ญาชมุ ชนเป็นฐาน ดงั นนั้ เมอ่ื รฐั และชมุ ชนเขา้ มาจดั การรว่ มกนั จงึ ยอ่ มประสบ ความสาํ เรจ็ ไดส้ งู มคี วามสมดุลและยงั่ ยนื 3.2 ปัญหาและอปุ สรรคของการบงั คบั ใช้สิทธิชมุ ชนในการจดั การนํ้า จากการศกึ ษาชมุ ชนตวั อยา่ ง เรอ่ื ง การจดั การน้ําของชุมชน พบวา่ มปี ญั หาและอุปสรรค ทส่ี าํ คญั 3 ประการ ไดแ้ ก่ ปญั หาทศั นคตแิ ละความเคยชนิ ของฝา่ ยรฐั ในการใชอ้ าํ นาจจดั การทรพั ยากร น้ํา ปญั หาความรบั รแู้ ละความเขา้ ใจในการเขา้ ถงึ สทิ ธชิ มุ ชนของชุมชนเอง และปญั หากลไกในการบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนในภาพรวม ดงั น้ี 3.2.1 ปัญหาที่เกิดจากฝ่ายรฐั 1) ความพยายามในการออกกฎหมายกลางเพื่อให้หน่วยงานของรฐั มอี าํ นาจใน การจดั การทรพั ยากรน้ําแต่เพียงฝ่ายเดียว จากแนวความคดิ ทเ่ี ช่อื ว่าโดยหลกั แลว้ “รฐั ” เป็นเจา้ ของและมอี ํานาจในการจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มของประเทศ ทงั้ ทด่ี นิ ปา่ ไม้ น้ํา แรธ่ าตุ และอ่นื ๆ ดงั นนั้ รฐั จงึ มกั ใช้ อํานาจบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตดิ งั กล่าวไปโดยลาํ พงั ไมเ่ ปิดโอกาสใหภ้ าคสว่ นอ่นื ๆ โดยเฉพาะ ชมุ ชนไดม้ สี ว่ นรว่ มมากนกั ในการจดั ก ารทรพั ยากรน้ํากเ็ ช่นเดยี วกนั รฐั พยายามผลกั ดนั ออกกฎหมาย กลางกําหนดใหน้ ้ําทงั้ หมดเป็นของรฐั ทงั้ น้ําในบรรยากาศ (เมฆ ฝน หมอก ) น้ําผวิ ดนิ (คอื น้ําในสระ หว้ ย หนอง คลอง บงึ แมน่ ้ํา ลาํ ธาร ) และน้ําใตด้ นิ (น้ําบอ่ น้ําบาดาล) โดยไดพ้ ยายามผลกั ดนั การออก กฎหมายกลางในการบรหิ ารจดั การน้ํามาอยา่ งต่อเน่อื ง ซง่ึ หากกฎหมายน้ําออกมาบงั คบั ใชต้ ามแนวทาง ทจ่ี ะใหร้ ฐั เป็นเจา้ ของน้ํา และมอี าํ นาจจดั การน้ําเพยี งฝา่ ยเดยี วดงั กลา่ ว กต็ อ้ งถอื ว่าเป็นกฎหมายทข่ี ดั กบั รฐั ธรรมนูญ มาตรา 66 และมาตรา 67 ทม่ี คี วามมงุ่ หมายใหช้ ุมชนมสี ทิ ธใิ นการจดั การดแู ล บาํ รงุ รกั ษา ทรพั ยากรน้ํารวมถงึ ทรพั ยากรประเภทอ่นื ๆ รว่ มกบั รฐั ดว้ ย 2) การที่ฝ่ายรฐั ไมย่ อมรบั สิทธิในการจดั การทรพั ยากรนํ้าของชมุ ชน ถงึ แมส้ ทิ ธชิ มุ ชนในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเป็นวถิ ชี มุ ชนทม่ี มี า แต่ดงั้ เดมิ แต่ในทางปฏบิ ตั กิ ารบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนตามรฐั ธรรมนูญ ยงั คงถื อเป็นเรอ่ื งใหมใ่ นสงั คมไทย โดยเฉพาะในระยะเรม่ิ แรกของการบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ ุมชนตามรฐั ธรรมนูญนนั้ ยงั ไมม่ งี านวชิ าการ แนว ปฏบิ ตั ขิ องหน่วยงาน และบรรทดั ฐานของศาลออกมารองรบั มากนกั จงึ ทาํ ใหม้ หี ลายกรณที ห่ี น่วยงาน ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ

13 ของรฐั ปฏเิ สธสทิ ธชิ มุ ชน อยา่ งไรกต็ าม ปจั จบุ นั ความรบั รู้ ทั ศนคติ และการเปิดโอกาสใหช้ มุ ชนมสี ่วน รว่ มในเรอ่ื งดงั กล่าวของรฐั มมี ากขน้ึ เหน็ ไดจ้ ากกรณศี กึ ษาการจดั การน้ําของชมุ ชนแพรกหนามแดง จ . สมทุ รสงคราม ทก่ี รมชลประทานยอมรบั ภมู ปิ ญั ญาชุมชนในการทาํ ประตูกนั้ น้ํา จนนําไปสกู่ ารแกป้ ญั หา ความขดั แยง้ ระหวา่ งชมุ ชนฝงั่ น้ําจดื และชมุ ชนฝงั่ น้ําเคม็ ไดส้ าํ เรจ็ ในขณะทก่ี ารจดั การน้ําของชมุ ชนบา้ น หว้ ยอคี ่างยงั คงเป็นไปตามภมู ปิ ญั ญาชมุ ชนกะเหรย่ี งโดยแท้ ทช่ี มุ ชนสามารถจดั การน้ําเพอ่ื ตอบสนอง ต่อวถิ ชี ุมชนไดอ้ ยา่ งสมดุลและยงั่ ยนื แต่ในขณะเดยี วกนั พบวา่ ยงั คงมอี กี หลายกรณที ห่ี น่วยงานของรฐั ยงั ไมเ่ ปิดรบั สทิ ธิ ชุมชนในการจดั การน้ําเท่าทค่ี วร เช่น กรณขี องชมุ ชนบางคลา้ จ .ฉะเชงิ เทรา ทร่ี ฐั จะอนุมตั ใิ หจ้ ดั ตงั้ โรงไฟฟ้าในเขตชมุ ชน แต่มที า่ ทที จ่ี ะไมใ่ หช้ ุมชนมสี ว่ นรว่ ม ทงั้ ทส่ี ่งผลกระทบสงู ต่อชมุ ชน และอาจทาํ ให้ วถิ ชี วี ติ ของชุมชนเปลย่ี นแปลงไปในทางทไ่ี มพ่ งึ ประสงคไ์ ด้ นอกจากน้ี ในก รณชี ุมชนหว้ ยเสนงตอน ปลายทเ่ี ทศบาลรว่ มกบั ชลประทานจงั หวดั ทาํ โครงการขดุ คลองระบายน้ําเสยี จากเทศบาลเมอื งลงมายงั หว้ ยเสนง โดยไมม่ กี ารสอบถามชาวบา้ นและชุมชนทจ่ี ะไดร้ บั ผลกระทบโดยตรงนนั้ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ การยงั ไมย่ อมรบั สทิ ธชิ ุมชนจากหน่วยงานรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และส่งผลให้ เกดิ การจดั การทรพั ยากรน้ําทไ่ี มม่ ี ประสทิ ธภิ าพเท่าทค่ี วร 3.2.2 ปัญหาท่ีเกิดจากชุมชน ปญั หาและขอ้ ขดั ขอ้ งในการบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนเพ่อื การ จดั การทรพั ยากรน้ําทเ่ี กดิ จากฝา่ ยชมุ ชนเอง ไดแ้ ก่ ปญั หาการขาดความรแู้ ละความเขา้ ใจเรอ่ื งสทิ ธิ ชมุ ชนในการจดั การทรพั ยากรน้ํา จนเป็น เหตุใหช้ ุมชนไมส่ ามารถเขา้ ถงึ สทิ ธไิ ดป้ ระการหน่งึ และการท่ี ชมุ ชนบงั คบั ใชส้ ทิ ธโิ ดยฝา่ ฝืนกฎหมายอกี ประการหน่งึ เชน่ การแสดงออกถงึ การปกป้องชมุ ชนและ ทรพั ยากรธรรมชาตฯิ ในบางกรณขี องชุมชนบางคลา้ โดยการหวงกนั ไมย่ อมใหห้ น่วยงาน/เจา้ หน้าทร่ี ฐั ตลอดจนบุคคลภายนอกชมุ ชนเขา้ ไปในเขตชุมชนของพวกเขาได้ เน่ืองจากเกรงว่าบุคคลเหล่านนั้ จะเป็น อนั ตรายต่อชมุ ชนและทรพั ยากรธรรมชาตฯิ ของพวกเขา ซง่ึ การใชส้ ทิ ธชิ ุมชนในลกั ษณะน้ขี องชมุ ชนบาง คลา้ มคี วามสุ่มเสย่ี งต่อการละเมดิ กฎหมายอยไู่ มน่ ้อย และหากมหี ลายๆชมุ ชนทบ่ี งั คบั ใชส้ ทิ ธใิ นลกั ษณะ บดิ เบอื นเชน่ น้ี อาจสง่ ผลกระทบต่อความยงั่ ยนื ของสทิ ธชิ ุมชนในภาพรวมได้ 3.2.3 ปัญหาการยอมรบั และบงั คบั ใช้สิทธิชมุ ชนในภาพรวม ปญั หาการยอมรบั และบงั คบั ใชส้ ทิ ธชิ มุ ชนในทางขอ้ เทจ็ จรงิ และทางปฏบิ ตั ยิ งั คงมใี หเ้ หน็ กนั อยใู่ นขณะน้ี เหน็ ไดจ้ ากการท่ี ภาคสว่ นต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นภาครฐั ภาคประช าชน หรอื นกั วชิ าการ และศาล ยงั คงถกเถยี งตคี วามใน ประเดน็ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั “สทิ ธชิ มุ ชน” เชน่ ชมุ ชนหมายถงึ ใคร ตอ้ งมลี กั ษณะหรอื องคป์ ระกอบอยา่ งไร ใครเป็นผทู้ รงสทิ ธใิ นการจดั การหรอื ไดป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ ฯลฯ อกี ทงั้ ความขดั แยง้ ในการ จดั การทรพั ยากรน้ําอยา่ งต่อเน่อื ง ทงั้ ระหวา่ งรฐั กบั ชุมชน ชมุ ชนกบั กลุม่ ผลประโยชน์หรอื กล่มุ ทุน และ ระหวา่ งชมุ ชนดว้ ยกนั เองยงั คงเป็นไปอยา่ งกวา้ งขวาง โดยทค่ี ขู่ ดั แยง้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งยงั ขาดความเขา้ ใจท่ี ชดั เจนทงั้ ในทางแนวคดิ ทฤษฎสี ทิ ธชิ ุมชน ยงั ขาดความรแู้ ละทกั ษะในการแปลงความเขา้ ใจมาสกู่ าร ปฏบิ ตั อิ ยา่ งเป็นรปู ธรรมเพยี งพอทจ่ี ะจดั การแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ ไดเ้ ป็นทย่ี อมรบั ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แห่งชาติ

14 3.3 แนวทางท่ีจะพฒั นาต่อไปของการบงั คบั ใช้สิทธิชุมชนในการจดั การทรพั ยากรน้ํา ได้แก่ 3.3.1 การสรา้ งการยอมรบั สทิ ธชิ มุ ชนรว่ มกนั ระหว่างหน่วยงานรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ชมุ ชน ทงั้ ใน ภาพระดบั โครงสรา้ ง ไดแ้ ก่ การกําหนดแนวนโยบายพน้ื ฐานแหง่ รฐั การออกกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ บรหิ ารจดั การน้ํา การออกกฎและขอ้ บงั คบั ทอ้ งถน่ิ เกย่ี วกบั การจดั การทรพั ยากรน้ํา เป็นตน้ เหล่าน้ตี อ้ งเปิด โอกาสใหช้ ุมชนและภาคสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งไดม้ สี ว่ นรว่ มอยา่ งเตม็ ท่ี 3.3.2 การสรา้ งความรบั รู้ ความเขา้ ใจ และการยอมรบั สทิ ธชิ มุ ชนในระดบั ปฏบิ ตั ิ โดย หน่วยงานรฐั กลา่ วคอื ในการดาํ เนินโครงการต่างๆ การออกกฎ การทาํ คาํ สงั่ ทางปกครองและการดาํ เนินการ อ่นื ใด ในการจดั การทรพั ยากรน้ํา อนั อาจกระทบต่อชมุ ชน หน่วยงานรฐั ทม่ี อี าํ นาจตอ้ งเปิดโอกาสใหช้ มุ ชนมี ส่วนรว่ มอยา่ งกวา้ งขวาง 3.3.3 การสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจในซกี ส่วนของชุมชน ทงั้ องคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั สทิ ธชิ ุมชน วธิ กี ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งสมดุลและยงั่ ยนื รวมทงั้ การบงั คบั ใชส้ ทิ ธอิ ยา่ งถกู ตอ้ งและไมฝ่ า่ ฝืน กฎหมาย รวมทงั้ การปรบั ทศั คติ ความรบั รู้ และสรา้ งองคค์ วามรสู้ ทิ ธชิ มุ ชนใ นการจดั การทรพั ยากรน้ํา แก่ ภาคส่วนต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นภาครฐั ภาคประชาชน หรอื นกั วชิ าการ โดยเฉพาะใหแ้ ก่ค่ขู ดั แยง้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง อนั จะทาํ ใหก้ ารแกป้ ญั หาเป็นไปอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม _____________________________________________ ภายใตโ้ ครงการสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรเู้ พ่อื จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนวทางและมาตรการรบั รอง สทิ ธชิ มุ ชนทเ่ี ป็นการปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาวะของประชาชน, 2554 ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและมลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ


Share
Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook