คานา กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดต้ังขึ้น ตามพระราชบัญญัตสิ ่งเสรมิ การจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่อื เป็นทุนใชจ้ ่ายในการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม โดยกองทุนฯ มีบทบาท ในการส่งเสริมหุ้นส่วนทางสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม ในรูปแบบของ โครงการที่เสนอขอรับเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ท้ังในด้านการจัดสวัสดิการสังคมหรือการ สนบั สนุนการปฏิบตั ิงานดา้ นการจัดสวสั ดกิ ารสงั คม การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เรื่อง การวิเคราะห์โครงการ เป็นกิจกรรมของ กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม สานักงานส่งเสริมการจัดสวัสดิการ สังคมแห่งชาติ ประจาปี พ.ศ. 2565 จัดทาขึ้นเพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการ วเิ คราะหโ์ ครงการ โดยการรวบรวมองคค์ วามรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคลากรผู้เช่ียวชาญ ในองค์กร และจัดระเบียบองค์ความรู้ที่ได้รับ ในการสร้างระบบการจัดเก็บองค์ความรู้ที่ ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานจากแหล่งความรู้ต่างๆ ที่น่าเช่ือถือ ส่งเสริมการถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ของผู้ปฏิบัติงาน และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ และพัฒนาศักยภาพ บคุ ลากรในการปฏบิ ตั งิ านใหม้ ีประสิทธิภาพ และผลสมั ฤทธิ์ทด่ี ี คู่มือฉบบั นี้จัดทาข้ึนเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะท่ีเป็นประโยชน์ต่อ ผู้ปฏบิ ัตงิ านกองทุน และใชเ้ ป็นแนวทางในการวิเคราะห์โครงการขององค์การสวัสดิการสังคม ทีข่ อรับการสนับสนุนจากกองทนุ ฯ ให้เปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ของกองทนุ ฯ ตอ่ ไป กองทนุ สง่ เสรมิ การจัดสวสั ดกิ ารสังคม 2565 KM : การวเิ คราะหโ์ ครงการ ก
สารบัญ คานา ก สารบัญ ข บทที่ 1 บทนา 1 1 1.1 หลักการและเหตุผล 2 1.2 ความเป็นมาของการจัดทาคู่มือ 3 บทท่ี 2 แนวคิดการวิเคราะห์โครงการ 3 2.1 การวเิ คราะห์โครงการคืออะไร 4 2.2 วเิ คราะหอ์ ยา่ งไร 5 8 2.2.1 การวเิ คราะหโ์ ดยองคป์ ระกอบของโครงการ 8 2.2.2 การวิเคราะหโ์ ดยระบบ 8 2.3 โครงการทเี่ กย่ี วข้องของกองทุนสง่ เสรมิ การจดั สวัสดกิ ารสงั คม 11 2.3.1 ประเภทโครงการ 12 2.3.2 ประเภทองคก์ ร 13 2.3.3 ประเภทกลุม่ เป้าหมาย 22 บทที่ 3 การวิเคราะห์โครงการกองทนุ สง่ เสรมิ การจดั สวสั ดกิ ารสังคม 23 บทท่ี 4 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ 24 ภาคผนวก 31 แบบ กสส. 01 36 แนวทางการกรอกขอ้ มูลแบบ กสส. 01 รายการและเกณฑอ์ ัตราค่าใช้จ่ายในการพจิ ารณาสนับสนบั สนุนโครงการ KM : การวเิ คราะห์โครงการ ข
บทนา บทที่ 1 1.1 หลกั การและเหตุผล กองทุนสง่ เสริมการจัดสวัสดกิ ารสังคม เปน็ ส่วนราชการสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการ ส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนา สังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ได้จัดต้ังขึ้นตามกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัด สวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ เป็นทุนใช้จ่ายในการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ส่งเสริมหุ้นส่วนทางสังคมให้เข้ามามีส่วน ร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม ในรูปแบบของโครงการที่เสนอขอรับเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ท้ัง ในด้านการจัดสวัสดิการสังคม หรือการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม โดยตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมได้ทาหน้าท่ีในการหนุน เสริมการดาเนินงานให้กับองค์การสวัสดิการสังคม ซึ่งผลท่ีเกิดข้ึนจากกการสนับสนุน เงินกองทุนฯ ผ่านโครงการดังกล่าว สามารถช่วยให้กลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน ครอบครัว สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส แกนนาอาสาสมัคร ฯลฯ ได้รับโอกาสในการเข้าถึง บริการทางสังคม ได้รับการพัฒนาศักยภาพ และสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งส่งผลไปถึง คุณภาพชีวิตทดี่ ขี ้นึ การวิเคราะห์โครงการ จึงเป็นกระบวนการที่มีความสาคัญต่อการดาเนินงานของ กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม โดยเป็นข้ันตอนท่ีสาคัญก่อนที่จะนาไปปฏิบัติใน ภาคสนาม หากโครงการไมไ่ ดร้ ับการวเิ คราะหจ์ ะก่อใหเ้ กิดปัญหาในการบริหารโครงการอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจส่งผลให้โครงการเกิดความล่าช้าหรือล้มเหลว ดังน้ันการวิเคราะห์ โครงการจงึ สามารถการจดั การหรอื บรหิ ารแผนของโครงการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อใหโ้ ครงการท่ไี ด้รบั การสนับสนุนจากกองทุนสง่ เสรมิ การจดั สวสั ดิการสังคม ไดร้ บั การ พจิ ารณากอ่ นดาเนนิ โครงการ พร้อมท้ัง ปรับปรุงแก้ไข หรือพัฒนา ก่อนที่จะนาไปปฏิบัติ จน สามารถกอ่ ใหเ้ กิดการจดั สวสั ดกิ ารตามภารกจิ ของกองทนุ ส่งเสรมิ การจดั สวัสดกิ ารสังคมอย่าง ตรงจุด KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 1
1.2 ความเป็นมาของการจดั ทาคมู่ อื การจัดทาคู่มือการวิเคราะห์โครงการ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกิจกรรมในแผนปฏิบัติการของ กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งกาหนดให้กองทุนฯ ดาเนินการจัดการความรู้ท่ี สาคัญ ใช้ในการดาเนินงานให้แก่ผู้ปฏิบัติการกองทุนฯ รวมทั้ง การรวบรวมองค์ความรู้จาก ประสบการณ์ และแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในเร่ือง การวิเคราะห์โครงการ เป็นคลังความรู้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีแนวทางให้สามารถบรรลุประสิทธิผลได้สูงสุด มีความสนใจในการ ทางานลดปจั จยั ท่เี ปน็ ข้อผดิ พลาดทอ่ี าจจะเกดิ ขึ้นในการทางาน ท้ังน้ี จากการสารวจความต้องการความรู้ จากผู้ปฏิบัติงานกองทุนฯ ผ่านระบบ Google Form พบว่าผ้ปู ฏิบัติงานกองทุนฯ ต้องการได้รับความรู้เรื่อง การวิเคราะห์โครงการ มากท่ีสุด สาหรับพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทางานที่มีประสิทธิภาพ คณะทางานการจัดการความรู้กองทุนฯ ได้มีการประชุม คร้ังท่ี 1/2564 เม่ือวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ซ่ึงคู่มือเล่มน้ีจะมีเน้ือหาที่ครอบคลุมเนื้อหาที่จาเป็นสาหรับการดาเนินงานหลักของ พนักงานกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ท่ีเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์โครงการของ องค์กรที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดาเนินโครงการ และเช่ือมโยงกับภารกิจของ กองทุนฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่า การขับเคลื่อนแผนแม่บทหรือแผนเชิงยุทธศาสตร์ใดๆ ให้บรรลุ วัตถุประสงค์จาเป็นต่อการจัดสวัสดิการสังคมอย่างท่ัวถึง เมือเจ้าหน้าที่กองทุนฯ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในการวิเคราะห์โครงการ สามารถให้คาแนะนาแก่องค์การสวัสดิการสังคม เขียน โครงการย่ืนเสนอขอรับเงินจากองทุนฯ ที่สามารถตอบวัตถุประสงค์ของกองทุฯ สามารถ แสดงผลสารวจ ความต่อเน่ืองยั่งยืน ในการดาเนินโครงการครบถ้วน และสามารถนาไป ดาเนินการจัดสวัสดิการให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ทั้งในการส่งเสริม ป้องกัน แก้ไข บาบัด ยับย้ัง ฟนื้ ฟไู ดอ้ ยา่ งเหมาะสม เกิดการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาท้งั ตอ่ ตนเอง พื้นท่ี ชมุ ชน ให้มีคณุ ภาพ ชีวติ ท่ดี ตี ่อไป KM : การวเิ คราะหโ์ ครงการ 2
บทท่ี 2 แนวคดิ การวเิ คราะหโ์ ครงการ 2.1 การวิเคราะห์โครงการคอื อะไร การวิเคราะห์โครงการเป็นการศึกษาและทาความรู้จักกับตัวโครงการท่ีจะประเมิน อยา่ งละเอียดในทกุ ขนั้ ตอนของโครงการ ทง้ั นี้ เพื่อพิจารณาความสมั พันธ์ขององค์ประกอบแต่ ละส่วนของโครงการ ซ่ึงจะทาให้ผู้ประเมินเกิดความเข้าใจ และเกิดแนวคิดท่ีจะนาไปสู่การ วางแผน และการออกแบบการประเมินให้เหมาะสมกับโครงการต่อไป ดังนั้นเป้าหมายสาคัญ ของการวิเคราะห์โครงการจึงอยู่ท่ีความรู้ และความเข้าใจของผู้ประเมินท่ีมีต่อโครงการที่จะ ประเมนิ นนั่ เอง เพราะถ้าผู้ประเมินมีความรคู้ วามเขา้ ใจในโครงการอยา่ งละเอียด ย่อมแสดงให้ เห็นว่างานประเมนิ ของผปู้ ระเมนิ จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ครบถว้ น และมีประสทิ ธภิ าพ ความสาคญั ของการวเิ คราะหโ์ ครงการ การวิเคราะห์เป็นการคิดอย่างรอบคอบ รอบด้าน มีความเอียดถี่ถ้วน คิดหาเหตุผล ความเหมาะสมถูกต้องในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การคิดวิเคราะห์จึงเป็นวิธีการท่ีนามาใช้ในการ ปฏิบัติในองค์กร/หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมต่าง ๆ การวิเคราะห์ โครงการจงึ หมายถึงแสวงหาวิธีการที่จะชว่ ยให้พิจารณาโครงการได้อย่างรอบครอบ เหมาะสม จะช่วยให้เห็นคุณค่าความสาคัญของโครงการ มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และมีการ ตัดสนิ ใจอยู่บนพืน้ ฐานของการพจิ าณาอย่างรอบด้าน สามารถสรปุ ประโยชนข์ องการวเิ คราะห์ โครงการได้ ดังนี้ 1) การวิเคราะห์จะช่วยให้เกิดประโยชน์ ทั้งโดยตรง และโดยอ้อมแก่ผู้เกี่ยวข้องกับ โครงการ 2) การวิเคราะห์จะชว่ ยให้มีการใชท้ รัพยากรท่ีมอี ยู่อย่างคุ้มค่า 3) การวิเคราะห์จะช่วยให้การออกแบบกิจกรรมอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพ สังคมวฒั นธรรม และความตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมายของโครงการ 4) การวิเคราะห์จะช่วยป้องกันปัญหาหรือความเสี่ยงที่จะเกิดข้ึน หรือลดปัญหา ลด ความเสียหายทจ่ี ะเกดิ ข้นึ ท่ีได้คาดการณ์ไวล้ า่ งหน้าไวแ้ ล้ว ผู้วิเคราะห์โครงการจะทาหน้าที่วิเคราะห์ และประเมินผลโครงการอย่างมีแนวทางที่ ชัดเจน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับโครงการ สามารถนาเสนอโครงการต่อผู้อนุมัติได้ และผู้บริหาร โครงการจะสามารถนาโครงการไปปฏิบัติให้เกดิ ประโยชน์ตามวตั ถปุ ระสงค์ เพราะโครงการได้ ผา่ นการกลน่ั กรองอย่างดีแลว้ KM : การวเิ คราะห์โครงการ 3
2.2 วิเคราะห์อย่างไร กระบวนการวิเคราะห์โครงการมีอยู่หลากหลายรูปแบบ โดยทั่วไปจะกาหนดการ วิเคราะห์โครงการ จากการพิจารณาจากองค์ประกอบของโครงการ และการพิจารณาตาม บทบาทหน้าท่ีของผู้ประเมิน การกาหนดขอบเขตของโครงการสามารถใช้เกณฑ์ ทั้งในเชิง ประเด็น และเชิงพื้นที่ เป็นแนวทางสาคัญในการกาหนดของเขตของโครงการว่า โครงการท่ี ยื่นขอรับการสนับสนุนตอบสนองต่อสภาพปัญหาที่โครงการจะขับเคลื่อนแก้ไข ป้องกัน หรือ พัฒนาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนท่ีจะทาการวิเคราะห์โครงการ ผู้วิเคราะห์ควรพิจารณาโครงการ ท่ขี อรบั การสนบั สนนุ ใหม้ ีความสอดคล้องกบั หัวขอ้ ดงั ตอ่ ไปนี้ แผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพฒั นาสวสั ดกิ ารสงั คมไทย แผนยทุ ธศาสตร์จังหวดั / สถานการณจ์ ังหวัด / สถานการณพ์ ื้นที่ ภารกจิ องคก์ ร (บทบาทหนา้ ท่ที อี่ งค์กรขับเคลือ่ น) ลักษณะโครงการตรงตามเง่อื นไขที่กองทุนฯ ให้การสนับสนนุ หลักเกณฑ์การใหก้ ารสนับสนุนโครงการตามแนวปฏบิ ัตงิ านกองทุนฯ ประจาปี ผลงานขององค์กรที่ผ่านมา ผลงานกบั กองทุนฯ ท่ีผา่ นมา (ถ้ามี) ความสัมพันธร์ ะหวา่ งนโยบาย แผน และโครงการ ในแต่ละจังหวัดหรอื แตล่ ะองคก์ รต่างมกี ารกาหนดนโยบาย แผนงาน และภารงานของ ตนเอง นโยบายทางสังคมส่วนใหญ่มีจุดเน้นท่ีมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตท่ีดีให้เกิดข้ึนแก่กลุ่ม ประชากรเป้าหมาย ดังน้ัน จึงมีการกาหนดแผนยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ข้ึน ให้สอดคล้องกับ นโยบายใหญ่ของจังหวัด และองค์กร ท้ังนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดข้ึนอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล จึงจาเป็นต้องกาหนดแผนงานต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์ และกาหนดโครงการ ดาเนินงานต่าง ๆ ขึ้นมาให้สอดคล้องกับแผนงาน อาจกล่าวได้ว่าโครงการเป็นองค์ประกอบ ยอ่ ยของแผนงานระหว่างกิจกรรมและแผนงาน โดยอาจมีการแบ่งย่อยโครงสร้างดังกล่าวลงได้อีก เช่น แบ่งแผนงานหนึ่งออกเป็นงานต่าง ๆ เป็นต้น ข้ึนอยู่กับความซับซ้อน และจุดมุ่งหมาย ของแผน ซึ่งบางคร้ังจะพบว่า โครงการของหน่วยงานหน่ึงอาจจะใหญ่กว่าแผนงานของอีก หน่วยงานหน่ึง ดังน้ัน การจัดลาดับชั้นโครงการจึงควรใช้กรอบโครงสร้างของแผนนโยบาย แผนยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ชาติ จงั หวัด และองคก์ ร จากน้นั นาไปเปรยี บเทยี บกนั ในตามลาดบั KM : การวิเคราะห์โครงการ 4
วงจรการเขียนโครงการขอรบั ทุนสนบั สนนุ วงจรของการเขียนโครงการขอรับทุนสนับสนุนจากกองทุนด้านสังคม เป็นขั้นตอนใน การดาเนินการ หรืออาจเรียกว่า วงจรโครงการ (Project Life Cycle) ประกอบด้วย 7 ขน้ั ตอน ดงั รูปภาพต่อไปนี้ 7. รายงานผล 1. ศึกษา การดาเนิน รายละเอียดของ โครงการ แหลง่ ทุน และ ขัน้ กาหนด โครงการ 2. การเขียน โครงการ 6. ตดิ ตามและ 3. เสนอโครงการ ประเมนิ ผล เพื่อรับการ โครงการ พจิ ารณา 5. การนา 4. ปรบั ปรุง โครงการไป โครงการ ปฏบิ ัติ 2.2.1 การวิเคราะห์โดยองค์ประกอบของโครงการ ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ โ ค ร ง ก า ร ใ น ลั ก ษ ณ ะ น้ี จ ะ ต้ อ ง วิ เ ค ร า ะ ห์ โ ค ร ง ส ร้ า ง ห รื อ องค์ประกอบของโครงการทงั้ ภายในตวั โครงการและบริบทภายนอกโครงการท่ีเกี่ยวข้องดว้ ย โครงสร้างหรือองค์ประกอบภายนอกโครงการ หมายถึง สิ่งแวดล้อมซึ่งจะมี ผลกระทบตอ่ โครงการโดยตรงหรอื โดยอ้อม เชน่ สภาวะทางเศรษฐกิจและสังคม สถานการณ์ ทางการเมือง กลุ่มอิทธิพลต่างๆ และรวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น สภาพ อากาศ ฤดูกาล โอกาสในการเกิดภัยธรรมชาติ ในขณะที่จะดาเนินงานโครงการน้ันด้วย การ วิเคราะห์สภาวะแวดล้อมดังกล่าวเป็นส่ิงท่ียาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้วิเคราะห์โครงการจะต้องทา และจะต้องกระทาด้วยความรอบคอบเป็นอย่างมาก ท้ังนี้ ผู้ทาโครงการจะต้องศึกษาข้อมูล KM : การวเิ คราะห์โครงการ 5
ทางสถติ ิต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยา เพราะโครงสร้างหรือ องค์ประกอบชนดิ น้ีมอี ิทธพิ ลเหนอื ความสามารถทีผ่ ูบ้ รหิ ารโครงการจะแก้ไขได้ หากวิเคราะห์ ไม่ถูกต้องอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง ทาให้โครงการต้องได้รับการระงับหรือยกเลิกอย่าง กะทนั หัน หรือมีผลทาใหโ้ ครงการน้ันไม่บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่ต้ังไว้ การวิเคราะห์โครงสร้างหรือองค์ประกอบภายในโครงการ เป็นการวิเคราะห์ สว่ นประกอบต่างๆ ของตวั โครงการซง่ึ จะพิจารณาจาก 3 ลกั ษณะหลักของโครงการ คือ ความ สอดคล้องสมบรู ณ์ของโครงการ ความเหมาะสม และประโยชน์ของโครงการ และความเป็นไปได้ ของโครงการ ซง่ึ อธบิ ายในรายละเอยี ด ดังนี้ 1) ความสอดคล้องสมบูรณ์ของโครงการ พิจารณาจากส่วนประกอบต่างๆ ของโครงการเร่ิมตั้งแต่ความสาคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของโครงการ เป้าหมาย วิธีดาเนินงาน ผู้รับผิดชอบโครงการ งบประมาณ ระยะเวลา ดาเนินงาน ตลอดจนวธิ กี ารตดิ ตามและประเมินผลว่า แต่ละองค์ประกอบ มีความสัมพันธ์ และสอดคล้องกันหรือไม่ หากวิเคราะห์ดูแล้วปรากฏว่า องค์ประกอบบางส่วนไม่สอดคล้อง ก็ต้องดาเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ เรียบร้อย 2) ความเหมาะสมและประโยชน์ของโครงการ จะต้องพิจารณาว่าโครงการ ท่ีจะทาเกิดประโยชน์ และมีความเหมาะสมต่อบุคคลเป้าหมายอย่าง แท้จริงหรือไม่ โครงการที่เขียนสามารถตอบสนองความต้องการหรือ แก้ปัญหาอย่างแท้จริงหรือไม่ ในการพิจารณาความเหมาะสม และ ประโยชน์ของโครงการน้ัน จะเน้นพิจารณาในส่วนของเหตุผล และความ จาเป็น ระยะเวลาในการดาเนินงาน ความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ และ คุณคา่ ในเชงิ สงั คม 3) ความเป็นไปได้ของโครงการ จะแบ่งพิจารณาว่าโครงการดังกล่าว สามารถนาไปปฏิบตั ิไดจ้ รงิ โดยคานงึ ถึงความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ การ จัดสรรงบประมาณของโครงการ ความสามารถของผู้ดาเนินงาน และ หน่วยงาน ความพร้อมทางดา้ นเทคนิค และขอ้ จากดั ตา่ งๆ 4) ทิศทางของโครงการเป็นไปตามสาขาสวัสดิการสังคม การวิเคราะห์ โครงการพจิ ารณาจากสาขาสวสั ดกิ ารสังคม จากผลสาเร็จหรือผลท่ีคาดว่า จะได้รับของโครงการให้มีความสอดคล้องหรือทิศทางให้ตรงตาม แผน เพือ่ ใหก้ ารดาเนินโครงการมีเป้าหมายทช่ี ัดเจน KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 6
ในการเขียนโครงการผู้เขียนหรือผู้จัดทาโครงการจะต้องคานึงถึงคาถาม 6 ประการ ในขณะเดียวกนั การวิเคราะห์โครงการหน่ึงโครงการใด ผู้วิเคราะห์โครงการจาเป็นท่ี จะต้องวิเคราะหต์ ามคาถามท้งั 6 ประการ เชน่ เดียวกนั โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี What (จะทาอะไร) : จะต้องวิเคราะห์ว่าโครงการน้ันมีวัตถุประสงค์หรือ เป้าหมายชดั เจนหรอื ไม่ วัตถปุ ระสงค์มคี วามสอดคล้องกับนโยบายหลักมากน้อยเพียงใด การ จัดกิจกรรมสามารถจัดไดส้ อดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการหรือไม่ Why (จะทาไปทาไม) : จะต้องวิเคราะห์ว่าโครงการน้ันทาไปเพื่ออะไร มี เหตุผลและความจาเปน็ อยา่ งไรจงึ ต้องทาโครงการนี้ ทาแล้วมีผลกระทบทางบวก และทางลบ อย่างไรบา้ ง When (จะทาเมื่อใด) : จะต้องวิเคราะห์ว่าโครงการน้ันจะเร่ิมต้นดาเนินการ และส้ินสุดเมื่อใด ระยะเวลาและช่วงการดาเนินงานเหมาะสมหรือไม่ มีช่วงเวลาอื่นๆ ที่ เหมาะสมกว่าหรือไม่ Where (จะทาที่ไหน) : จะต้องวิเคราะห์ว่าสถานที่ของการปฏิบัติงาน โครงการอยูท่ ใ่ี ด เปน็ แหล่งหรือสถานทท่ี ่เี หมาะสมหรอื ไมต่ ่อการดาเนินโครงการหรือกิจกรรม มีทางเลือกอ่นื ทด่ี ีกว่าหรอื ไม่ Who , Whom (ทาเพ่ือใคร) : จะต้องวิเคราะห์ว่าใครเป็นผู้ทาโครงการนั้น เปน็ บุคคลทีม่ คี ุณสมบตั เิ หมาะสมหรอื ไม่ และผู้ท่ีได้รับผลประโยชน์จากโครงการอย่างแท้จริง หรือไม่ เปน็ กลุ่มเป้าหมายท่ีไดร้ บั ผลกระทบจากการดาเนนิ โครงการหรือไม่ เป็นตน้ How (ทาอย่างไร) : จะต้องวิเคราะห์ว่ามีวิธีในการดาเนินงานหรือบริหาร โครงการอย่างไร จึงจะบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ อย่างมีประสิทธิภาพ มี ทางเลอื กอน่ื ทีเ่ หมาะสม และดีกวา่ หรอื มีปัญหาและอุปสรรคในการทาหรือไม่อย่างไร การวิเคราะห์โครงสร้างหรือองค์ประกอบของโครงการแต่ละส่วนจะต้อง ดาเนนิ การอย่างละเอียดรอบคอบ และจะตอ้ งทาให้แต่ละองค์ประกอบมจี ุดเดน่ เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ ทั้งน้ี เพอ่ื ให้โครงการทก่ี าหนดข้นึ ง่ายต่อการพจิ ารณาอนมุ ตั ิการดาสนับสนุนงบประมาณ ควร เน้นยา้ ความชดุ เจนของวตั ถุประสงค์ คณุ คา่ และประโยชน์ของโครงการต่อสว่ นรวม มชี ว่ งเวลา ที่เหมาะสมในการดาเนินงาน ผู้ดาเนินโครงการจะต้องมีความรู้อย่างชัดเจน มีข้ันตอนและ วิธีการดาเนินงานทช่ี ดั เจนและเขา้ ใจง่าย ดังน้ันถ้าผู้วิเคราะห์โครงการสามารถวิเคราะห์คาถามทั้ง 6 ประการอย่าง ละเอียด และได้คาตอบทุกคาถามด้วยความพึงพอใจ ย่อมถือได้ว่าโครงการน้ันควรได้รับการ พจิ ารณาว่าเป็นโครงการทีส่ ามารถดาเนนิ การได้ หรือเป็นโครงการทค่ี วรสนบั สนนุ KM : การวิเคราะห์โครงการ 7
2.2.2 การวิเคราะหโ์ ดยระบบ การวิเคราะห์โครงการโดยระบบน้ัน จะต้องวิเคราะห์กระบวนการดาเนินโครงการ ดงั นี้ ปัจจัยนาเข้า (Inputs) ซงึ่ ได้แก่ ทรพั ยากรต่างๆ เชน่ กลมุ่ เป้าหมาย บุคลากร งบประมาณ ระยะเวลา และวัสดุ/อุปกรณ์ เป็นตน้ กิจกรรม/กระบวนการ (Process) ซึ่งได้แก่ วิธีการในการดาเนินโครงการ เช่น กิจกรรม วิธีการ กฎ ระเบียบ และข้อบงั คบั เปน็ ตน้ ผลสัมฤทธิ์ (Results) ซึ่งได้แก่ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ โดยกระบวนการน้ีจะเป็นกระบวนการวิเคราะห์การติดตามและประเมินผล โครงการ และจะวิเคราะห์ตั้งแต่ผลผลิตจากกลุ่มเป้าหมายท่ีเข้าร่วมโครงการ ผลลัพธ์อันเป็น ผลต่อเน่ืองมาจากผลิตผล ไปจนถึงผลกระทบในวงกว้างต่อการเปล่ียนแปลงกลุ่มเป้าหมาย ครอบครัว ชมุ ชน พ้ืนท่ี ท้ังดา้ นบวก และด้านลบ 2.3 โครงการท่เี กยี่ วขอ้ งของกองทุนสง่ เสริมการจดั สวัสดิการสงั คม 2.3.1 ประเภทโครงการ โครงการทสี่ ามารถขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ได้ ต้องมีลักษณะตามข้อ 9 และขอ้ 10 ของระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ว่าด้วยการ ใช้จ่ายเงนิ ของกองทุนสง่ เสริมการจัดสวัสดกิ ารสังคม พ.ศ. 2562 โดยมีสาระสาคญั ดังนี้ 1) โครงการขององค์การสวัสดิการสังคม ต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องต่อ แผนพัฒนาสวสั ดิการ สังคมไทย และตอ้ งเปน็ โครงการที่มลี กั ษณะเป็นการป้องกันแกไ้ ขปัญหา และพัฒนาสังคม สง่ ผลต่อบคุ คลหรือกลุ่มบุคคลซง่ึ อยู่ในสภาวะยากลายากหรือที่จาต้องได้รับ การชว่ ยเหลือตามทค่ี ณะกรรมการสง่ เสรมิ การจดั สวัสดิการสังคมแห่งชาติกาหนด โดยมุ่งเน้น KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 8
การส่งเสริม การพัฒนา การสงเคราะห์ การคุ้มครอง การป้องกัน การแก้ไข และการบาบัด ฟนื้ ฟู ในสาขาใดสาขาหน่ึง ประกอบดว้ ย การศึกษา สุขภาพอนามัย ท่ีอยู่อาศัย การฝึกอาชีพ การประกอบอาชีพ นันทนาการ กระบวนการยุติธรรม และการบริการทางสังคม โดยมี คาอธบิ ายดงั นี้ สวัสดิการด้านการศึกษา ได้แก่ การให้หลักประกันข้ันพ้ืนฐานในด้าน การศึกษา การเข้าถึงบริการด้านการศึกษา การช่วยเหลือนักเรียน นิสิต นกั ศึกษาท่ีประสบปัญหาด้านต่างๆ ท่ีส่งผลกระทบทาให้ไม่สามารถเข้า รับการศึกษาหรือทาให้ไม่สามารถศึกษาได้ในสภาวะปกติ การส่งเสริม จิตอาสา ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน และการดาเนินงาน สงั คมสงเคราะหใ์ นสถานศกึ ษา เป็นต้น สวสั ดกิ ารด้านสุขภาพอนามยั ไดแ้ ก่ การใหห้ ลักประกนั ขั้นพน้ื ฐานด้าน สุขภาพอนามยั การเขา้ ถงึ บริการด้านสขุ ภาพอนามัยของประชาชน การ ช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับการรักษาพยาบาลได้อย่างปกติสุข การ ดาเนินงานสังคมสงเคราะห์ฝา่ ยกายและฝ่ายจติ เป็นต้น สวัสดิการด้านที่อยู่อาศัย ได้แก่ การให้หลักประกันขั้นพื้นฐานใน เรื่องที่อยู่อาศัย การปรับปรุงชุมชนเมืองและชนบท โดยเฉพาะชุมชน แออัด การช่วยเหลอื ผู้ทีไ่ ม่มที อี่ ย่อู าศยั เป็นตน้ สวัสดิการด้านการทางานและการมีรายได้ ได้แก่ การให้หลักประกัน ขนั้ พ้ืนฐานในเรื่องการทางานและการมีรายได้ของประชาชน สวัสดิการ ด้านการจัดหางาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองแรงงานและ การประกันสงั คม รวมท้งั การออมในรูปแบบต่างๆ เปน็ ต้น สวัสดิการด้านนันทนาการ ได้แก่ การให้หลักประกันข้ันพ้ืนฐานให้แก่ ประชาชนใหไ้ ดร้ บั การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ การมีสวนสาธารณะ สนามกีฬา สถานที่ออกกาลังกาย สถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจท่ีเพียงพอ การส่งเสริม การท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในราคาถูก การท่องเท่ียงเชิง อนุรกั ษ์ เปน็ ตน้ สวัสดิการด้านกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ การให้หลักประกันข้ัน พ้ืนฐานให้แก่ประชาชนในเรื่องสิทธิ การสืบพยานเด็ก การคุมประพฤติ การดูแลผู้ต้องขังและครอบครัวในกระบวนการราชทัณฑ์ รวมท้ังการ ยุติธรรมสมานฉนั ท์ และการชว่ ยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เป็นต้น KM : การวิเคราะห์โครงการ 9
สวัสดิการด้านบริการทางสังคม ได้แก่ การให้หลักประกันข้ันพื้นฐาน ให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีความจาเป็นต้องได้รับการดูแลเป็น พิเศษ เช่น เด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ คนยากจน ผู้ด้อยโอกาส ผูถ้ ูกกระทาความรนุ แรง ผสู้ งู อายุ รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือสร้าง ความเข้มแข็งให้แก่ประชาชน อาสาสมัคร องค์การสวัสดิการสังคม องคก์ รชุมชน องค์การธรุ กจิ ใหเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมในการจัดสวสั ดิการสงั คม ตลอดจนผู้ปฏบิ ัติงานทเ่ี ก่ียวข้องกับงานสวสั ดิการสังคม 2) โครงการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม เป็น โครงการทีส่ นบั สนุนการพัฒนาหรือการบรกิ ารเก่ยี วขอ้ งกับสาขาสวัสดกิ ารสังคมสาขาใดสาขา หนึ่ง โดยมีลกั ษณะดังน้ี การจดั ทาแผน ศกึ ษา วิจยั และพฒั นาเก่ยี วกับงานส่งเสริมสวัสดกิ ารสงั คม การดาเนนิ งานและสนับสนนุ ใหม้ ีการปฏิบัตงิ านดา้ นการจดั สวัสดกิ ารสงั คม การพัฒนามาตรฐานการปฏิบตั งิ านด้านการจัดสวสั ดกิ ารสังคม การจดั ทาทะเบยี นกลางเกย่ี วกับองคก์ ารสวัสดกิ ารสงั คม การกากับ ดูแลและตรวจสอบการดาเนินงานขององค์กรสาธารณประโยชน์ และองค์กรสวัสดกิ ารชุมชน การติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ติ ามแผนพฒั นางานสวสั ดิการสังคม การประสานงาน เผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์เกี่ยวกับการจดั สวัสดกิ ารสังคม การใช้จ่ายในงานธุรการของคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการ สังคมแหง่ ชาติ คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ คณะกรรมการติดตามและ ประเมนิ ผลการดาเนินงานกองทนุ ฯ และคณะอนกุ รรมการฯ เกณฑก์ ารพิจารณาโครงการท่ีขอรับการสนบั สนนุ จากกองทุนฯ 1) วตั ถุประสงคข์ องโครงการตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์ขององค์กร หรือหน่วยงานที่ขอรบั การสนบั สนุนเงินจากกองทนุ 2) โครงการที่เสนอขอต้องสามารถตอบวัตถุประสงค์ของกองทุนส่งเสริมการจัด สวัสดิการสังคมได้ และมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทย นโยบายของรัฐ นโยบายของจังหวัด นโยบายของกระทรวง หรอื นโยบายกรมพฒั นาสงั คมและสวัสดกิ าร KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 10
3) หลักการโครงการ วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย กิจกรรม ต้องมีความ เชือ่ มโยงและสอดคลอ้ งกนั 4) การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการดาเนินโครงการ เช่น การร่วมคิด ร่วมทา การวางแผนงาน การสนบั สนนุ งบประมาณ วชิ าการ หรือสถานทจ่ี ดั ประชุม เป็นตน้ 5) ความสมั พันธ์ของโครงการท่ีขอรบั การสนับสนุนเงินจากกองทนุ กบั โครงการ อน่ื ทดี่ าเนินการในพ้นื ท่เี ดียวกนั เพ่ือประกอบการพิจารณา และป้องกันความซ้าซ้อนของการขอรับ การสนับสนนุ เงินเพือ่ จัดทาโครงการ 6) การสนับสนุนเงินกองทุนฯ ควรจัดลาดับความสาคัญของปัญหาในการ พึ่งพาตนเองและการมีส่วนร่วมของชมุ ชนทีเ่ ปน็ เครอื ขา่ ย 7) วิธกี ารประเมินผลสาเร็จ ตอ้ งเปน็ รปู ธรรมและชัดเจน เช่น วัดระดับความรู้ ก่อนและหลังเข้ารับการอบรม การนาความรู้ท่ีได้รับไปใช้ในการทางานหรือประกอบอาชีพ เป็นต้น 8) ระยะเวลาดาเนินโครงการ ควรมีความสอดคล้องกับระยะเวลาท่ีรับ เงนิ กองทนุ การดาเนินกจิ กรรม และการตดิ ตามผลสาเร็จของโครงการ 9) ความยั่งยืนของโครงการ 10) เป็นโครงการนวตั กรรม หรือความคดิ สรา้ งสรรค์ (ถ้ามี) 2.3.2 ประเภทองค์กร องคก์ รสาธารณประโยชน์ องคก์ รภาคเอกชนที่ไดร้ บั การรับรองให้ดาเนินงานด้านการจดั สวสั ดกิ ารสังคม ตามพระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ การจดั สวสั ดิการสังคม พ .ศ.2546 และที่แก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2550 องคก์ รสวสั ดกิ ารชุมชน องคก์ รภาคประชาชนท่ีจัดตง้ั ขึ้นโดยมวี ตั ถุประสงคใ์ นการจดั สวัสดกิ ารสงั คม ใหแ้ กส่ มาชิกในชุมชน และทไี่ ดร้ บั การรบั รองให้ดาเนนิ งานดา้ นการจดั สวัสดิการสงั คม ตาม พระราชบัญญัตสิ ง่ เสรมิ การจดั สวสั ดิการสงั คม พ .ศ.2546 และทแ่ี กไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2550 หนว่ ยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐที่ดาเนินงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม โดยองค์การ สวสั ดิการสังคมดงั กล่าวมีสทิ ธิขอรับการสนับสนุนเงิน จากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการ สังคมเพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการดาเนินกิจกรรมโครงการด้านการจัดสวัสดิการสงั คมได้ KM : การวิเคราะห์โครงการ 11
2.3.3 ประเภทกล่มุ เปา้ หมาย คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ได้วางข้อกาหนด คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ว่าด้วยการกาหนดบุคคลหรือ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้รับบริการสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2555 กาหนดบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เป้าหมายที่เข้าข่ายสมควรได้รับบริการสวัสดิการสังคมจากองค์การสวัสดิการสังคม 13 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลมุ่ เดก็ และเยาวชน 2) กลมุ่ ผูห้ ญิง ครอบครัวและผู้ถูกละเมดิ ทางเพศ 3) กลุ่มผู้สงู อายุ 4) กลุ่มคนพิการ 5) กล่มุ ชนชนเมอื ง คนจนเมอื ง คนเร่รอ่ น 6) กลุม่ แรงงานขา้ มชาตแิ ละแรงงานต่างด้าว 7) กลุ่มแรงงานนอกระบบ 8) กลุ่มคนจากจงั หวัดชายแดนภาคใต้ 9) กลุ่มผ้ตู ดิ เชือ้ เอชไอวี ผูป้ ว่ ยเอดส์และผู้ไดร้ บั ผลกระทบ 10) กลุม่ คนทมี่ ปี ญั หาสถานะบุคคลและกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ 11) กลมุ่ คนไทยในต่างประเทศ 12) กลุ่มผูท้ อี่ ยู่ในกระบวนการยุติธรรม 13) กลุม่ บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งน้ี กลุ่มเปา้ หมายที่เปน็ อาสาสมัคร แกนนา ผู้นาชมุ ชน เป็นกลุ่มเป้าหมายท่ี เขา้ ร่วมโครงการ สนับสนนุ การปฏิบัติงานดา้ นการจัดสวัสดิการสงั คม KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 12
บทท่ี 3 การวเิ คราะห์โครงการกองทนุ ส่งเสรมิ การจดั สวสั ดิการสงั คม ทาไมต้องวิเคราะห์โครงการ ? การวิเคราะหโ์ ครงการนน้ั มีความสาคญั หากโครงการไมไ่ ดถ้ ูกนามาวิเคราะห์ก่อนท่ีจะ เขา้ ส่กู ารนาไปปฏิบัติ อาจเกิดความเสียหายข้ึนได้ในอนาคต เน่ืองจากการวิเคราะห์โครงการ เป็นกระบวนการท่ีจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทาโครงการ ความคุ้มค่าต่อ งบประมาณที่ให้การสนับสนุน และประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดข้ึนหลังส้ินสุดโครงการ อีกท้ัง กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม มีเงื่อนไขการให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัด โครงการขององค์การสวัสดิการสังคม ให้เป็นไปตามภารกิจการจัดสวัสดิการสังคมในเชิง ประเด็น และเชงิ พ้ืนทที่ ีต่ อ้ งการปรับปรงุ แก้ไข ป้องกัน ยับย้ัง หรือพัฒนา หากโครงการที่ย่ืน เสนอเข้ามาไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหาหรือไม่มีความเก่ียวโยงกับปัญหาท่ีเกิดข้ึน การให้ งบประมาณสนบั สนนุ โครงการดงั กล่าวถือเปน็ ความเสียหายหรือความสูญเปล่า เพราะว่าเป็น การใช้งบประมาณที่ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ หรอื เป็นการแก้ไขหาทไ่ี มต่ รงจดุ นนั้ เอง จะเริ่มวิเคราะหโ์ ครงการอยา่ งไร ? พจิ ารณาเรอ่ื งอะไรบา้ ง ? ขัน้ ตอนที่ 1 พจิ ารณาความเช่ือมโยงขององค์กร และโครงการ เมื่อพิจารณาแบบเสนอโครงการเพือ่ ขอรับเงินกองทนุ สง่ เสรมิ การจดั สวัสดกิ าร สังคม (กสส.01) ผู้วิเคราะห์โครงการจะต้องพิจารณาความเชื่อมโยงภารกิจขององค์กร ที่ย่ืน ขอรับการสนับสนุน และต้องพิจารณาว่าโครงการท่ีเสนอขอนั้น เป็นโครงการท่ีกองทุนฯ ให้ การสนบั สนนุ ไดห้ รือไม่ องคก์ รมอี านาจหนา้ ทใี่ นการจัดโครงการนั้นหรือไม่ โดยพิจารณาจาก วัตถปุ ระสงคก์ ารจดั ตั้งองคก์ ร กลุ่มเป้าหมายทเี่ ข้าร่วมโครงการเป็นกลุ่มเป้าหมายของกองทุนฯ หรือไม่ อีกท้ัง พิจารณารายละเอียดโครงการโดยละเอียดว่ามีการเช่ือมโยงกับแผนหรือ ยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น หากองค์กรเป็นองค์กรที่ทางานช่วยเหลือเด็ก เนื้อหาการดาเนิน KM : การวิเคราะหโ์ ครงการ 13
โครงการต้องมีกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นเด็ก หรือหากในพ้ืนท่ีชุมชนมีปัญหาด้านส่ิงแวดล้อม ผลท่ี คาดว่าจะได้รับของโครงการจะต้องมีผลการดาเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง สงิ่ แวดลอ้ ม เป็นต้น ท้ังนี้ ผวู้ ิเคราะหจ์ ะตอ้ งวางกรอบความเช่ือมโยงให้มีขอบเขตท่ีแคบลงมา ตามลาดับ เพ่ือให้การพิจารณามีความแม่นยา ครอบคลุม และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าง ตรงจุดในภายใต้บทบาท ภารกิจ หรือหน้าที่ขององค์การสวัสดิการสังคมขับเคลื่อนอยู่ และ ง่ายต่อการวิเคราะห์ในข้ันตอนต่อไป โดยแผนหรือยุทธศาสตร์ในการวิเคราะห์เบื้องต้น เจ้าหนา้ ที่สามารถพจิ ารณาองคป์ ระกอบตามลาดบั ดังตอ่ ไปน้ี แผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพฒั นาสวสั ดิการสังคมไทย แผนยุทธศาสตรจ์ งั หวัด / สถานการณ์จังหวดั / สถานการณ์พ้นื ท่ี ภารกจิ องคก์ ร (บทบาทหน้าทีท่ ่อี งคก์ รขบั เคล่ือน) ลักษณะโครงการตรงตามเงอื่ นไขทก่ี องทนุ ฯ ใหก้ ารสนบั สนุน หลักเกณฑก์ ารใหก้ ารสนบั สนนุ โครงการตามแนวปฏิบตั ิงานกองทนุ ฯ ประจาปี ผลงานขององค์กรท่ผี า่ นมา ผลงานกบั กองทนุ ฯ ทผ่ี า่ นมา (ถา้ ม)ี KM : การวเิ คราะห์โครงการ 14
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบความถูกตอ้ งของเอกสาร ผู้วิเคราะห์โครงการต้องตรวจสอบความความถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ ของเอกสารท่ีองค์กรสวัสดิการสังคมย่ืนเสนอ อาทิเช่น เอกสารสาเนาตราสารหรือระเบียบ ข้อบงั คับ เอกสารรายรับ-รายจ่ายองค์กร แผนที่องค์กร หรือสาเนาใบสาคัญแสดงการรับรอง เปน็ องค์กรสาธารณประโยชน์/องค์กรสวสั ดิการชมุ ชน เป็นต้น ข้นั ตอนท่ี 3 วิเคราะห์องคป์ ระกอบของโครงการ การวิเคราะห์องค์ประกอบโครงการ คือ การพิจารณาข้อมูลในแบบเสนอ โครงการ โดยกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมใช้แบบท่ีมีขื่อว่า “แบบฟอร์มการเสนอ โครงการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม” (แบบ กสส.01) ใช้ในการพิจารณาอนุมัติโครงการ ซ่ึงกระบวนการนี้ผู้วิเคราะห์โครงการจะต้องศึกษา สถานการณ์ปัญหา ความเป็นไปได้ และความคุ้มค่าภายในแบบเสนอโครงการ โดยพิจารณา ขอ้ มูลตามหวั ข้อ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ช่อื โครงการ ชื่อโครงการต้องมีความชัดเจนเหมาะสม กะทัดรัด ให้ภาษาที่ดี และสื่อ ความหมายได้อย่างชัดเจน และเข้าใจง่ายต่อผู้ที่จะนาโครงการไปใช้หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ โครงการ สามารถสื่อถึงแนวคิดหลักของโครงการ ชื่อโครงการสามารถสื่อได้ว่าโครงการ ดังกล่าวจัดทาขึ้นเพื่ออะไร ทั้งนี้ ชื่อโครงการโดยทั่วไปควรจะต้องแสดงลักษณะงานที่ต้อง ปฏบิ ัติ ลักษณะเฉพาะของโครงการ และจดุ มุ่งหมายของโครงการ โดยส่วนใหญ่มักจะเขียนว่า จะทาอะไร แก่ใคร และท่ีไหน เช่น โครงการอาสาพาน้องอ่านหนังสือของ อบต.ดอนเงิน หรือ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เครือข่ายแกนนาเยาวชนกับการป้องกันเด็ก เยาวชน และสตรี ไม่ให้ตกเปน็ เหยอ่ื การค้ามนษุ ย์ เป็นตน้ 2. หน่วยงาน/องคก์ ร เป็นหน่วยงานท่ีรับผดิ ชอบต่อโครงการทย่ี ่ืนขอทุน ควรระบุสถานทตี่ ิดต่อ และ หมายเลขโทรศพั ท์ผรู้ บั ผดิ ชอบใหช้ ัดเจน 3. หลักการและเหตผุ ล กลา่ วถงึ ปญั หา สาเหตุ และความจาเป็นทตี่ ้องมกี ารจดั ทาโครงการ โดยผเู้ ขยี น โครงการจะตอ้ งพรรณนาความหาเหตุผล หลักการ ทฤษฎี แนวทางนโยบายของรัฐบาล แผน ยทุ ธศาสตรจ์ ังหวดั ตลอดจนความต้องการในการดาเนนิ งาน ท้ังน้ี เพื่อแสดงข้อมูลที่มีน้าหนัก น่าเชื่อถือ และให้ความสาคัญของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยควรมีการอ้างอิงแหล่งที่มาของ ขอ้ มูลดว้ ย KM : การวเิ คราะห์โครงการ 15
การเขียนหลักการและเหตุผล ควรพิจารณาเป้าหมายสุดท้ายท่ีโครงการ ต้องการให้เกิดข้ึนแก่กลุ่มเป้าหมาย ว่าต้องการให้เกิดอะไร โดยทั่วไปการดาเนินงานด้าน สวัสดิการสังคม มีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ แก้ไข การป้องกัน ยับยั้ง ฟื้นฟู และพัฒนา หากโครงการมุ่ง แก้ไข ป้องกัน หรอื ยบั ย้ังปัญหา ควรกล่าวถึงปัญหาและสาเหตุ ความจาเป็น หรือความตอ้ งการมีการจดั โครงการขึ้นเพื่อแก้ไข การป้องกัน หรือยับยั้งปัญหาหรือเพื่อสนอง ความต้องการขององค์การ ชุมชน หรือท้องถ่ิน ดังน้ัน ในการเขียนหลักการและเหตุผลจึง จาเป็นต้องเขียนแสดงให้เห็นถึงปัญหาหรือความต้องการ พร้อมท้ัง ระบุเหตุผล และข้อมูลท่ี เกี่ยวข้องกับโครงการ เพ่ือสนับสนุนการจัดทาโครงการอย่างชัดเจน ส่วนโครงการที่มุ่งฟื้นฟู และพฒั นา ต้องมกี ารนาเสนอ สง่ิ ทเ่ี ป็นประโยชน์ ภูมิปัญหา ส่ิงท่ีดีท่ีกาลังดาเนินการอยู่ แล้ว หาเหตุผล หลักการ ทฤษฎี แนวทาง นโยบายต่าง ๆ ตลอดจนความต้องการในการพัฒนา เพ่ือให้ส่ิงนั้นดีขึ้น หรือนาไปสู่ความยั่งยืน แสดงข้อมูลที่มีน้าหนักน่าเชื่อถือ และบอกว่า ต้องการพัฒนาอะไร มีสารสนเทศอะไรที่สนับสนุน เพื่อให้เห็นความสาคัญของสถานการณ์ที่ เกดิ ขนึ้ โดยต้องมกี ารอา้ งองิ แหล่งท่มี าของข้อมูล โครงการควรแสดงถึงความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์อันมีฐานทีม่ าจากองคค์ วามรู้ ซงึ่ เป็นท่ียอมรับ และต้องเป็นความคิดริเร่ิมที่มีศักยภาพที่จะขยายผลได้ สามารถเป็นโครงการ ต้นแบบ หรือ ปฏิบัติการใหม่ที่ให้ความรู้นา และผู้เขียนโครงการจะต้องมีการจัดทาโครงการ และตอ้ งพยายามพรรณนาเช่อื มโยงให้เห็นว่า โครงการมีความสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ แผน ยุทธศาสตร์ หรือนโยบายของชุมชน ท้องถ่ิน องค์การ หรือหน่วยงานเจ้าของโครงการ ที่เป็น การวางรากฐานไปสู่สภาพที่พึงประสงค์ในอนาคตขององค์การหรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับ โครงการทไ่ี ดจ้ ัดทาขนึ้ ตัวอย่าง : การเขยี นหลกั การและเหตุผล เพ่ือป้องกนั และแก้ไข วรรคแรก เกร่ินนาเข้าสู่ประเด็น (ระบุที่มาที่ไป ประวัติโดยย่อ) ระบุสภาพปัญหาท่ี เกดิ ขึ้นในปัจจุบนั (ควรระบุตัวเลข สถิติท่ีเปน็ ปจั จุบัน) แนวคดิ ทีม่ ีต่อสภาพปัญหาโดยรวม วรรคสอง ระบุว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรทาด้วยวิธกี ารใด (แนวคดิ ตอ่ การป้องกัน และแก้ไขปัญหา) ซึง่ อาจมกี ารคน้ ควา้ ทางวชิ าการสนับสนุนเล็กน้อย เป็นการระบุความคิดริเริ่มของผู้ทา โครงการท่ีจะประยุกต์สู่กลุ่มเป้าหมาย โยงแนวคิดเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่จะทาด้วยว่าจะช่วยป้องกันและ แก้ไขปญั หาอย่างไร วรรคสาม สรุปจากวรรคสอง เข้าสู่จุดมุ่งหมายของโครงการ และอาจกล่าวถึงผลท่ี เกิดขึ้น เพื่อแกไ้ ขปญั หาในวรรคแรกด้วยก็ได้ ภาษาทีค่ วรใชใ้ นแต่ละวรรค วรรคแรก วรรคสอง วรรคสาม เนอื่ งจาก/จาก/ตามท่ี/ปจั จบุ นั เพื่อให้/จาก/ดว้ ยเหตุน้ี ดงั นนั้ /โดย KM : การวเิ คราะห์โครงการ 16
4. วัตถุประสงค์ ต้องมกี ารระบเุ จตจานงในการดาเนินงานของโครง ซง่ึ ทกุ โครงการจาเปน็ ตอ้ งมี วัตถุประสงค์ และเป้าหมายเป็นเคร่ืองชี้แนวทางในการดาเนินงาน โดยวัตถุประสงค์น้ัน เป็น ขอ้ ความแสดงถึงความต้องการท่จี ะกระทาสงิ่ ตา่ ง ๆ ภายในโครงการให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม โดยท่ีวัตถุประสงค์นั้น ๆ ต้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ สามารถวัด และประเมินผลได้ นอกจากนี้ ควรหลกี เล่ยี งการใช้คาทีม่ คี วามหมายกวา้ ง เน่อื งจากไมส่ ามารถแสดงแนวทางการ ปฏิบตั ิใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงค์ ยากตอ่ การวัด และประเมินผลการดาเนินงาน ดงั นน้ั วัตถุประสงค์ ของโครงการควรมีลักษณะเป็นวัตถุประสงค์เชิงปฏิบัติการที่สามารถแสดงให้เห็นถึงแนวทาง ในการปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ยา่ งชัดเจน และเข้าใจงา่ ย การเขียนวัตถุประสงค์ ควรใช้คาว่า “เพ่ือ” นาหน้า + กริยา (พัฒนา/ส่งเสริม/ แก้ไข/เสริมสร้าง/ฯลฯ) สิง่ ท่ีต้องการให้เกิดขน้ึ + กล่มุ เปา้ หมาย 5. กล่มุ เปา้ หมาย ระบุจานวน ประเภทของกลุ่มเป้าหมาย ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และ ความสามารถในการทางานของผู้รับผิดชอบโครงการ และพิจารณาความเชื่อมโยงต่อภารกิจ ขององค์กร รวมท้ังต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายของกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม จานวน 13 กลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแกนนา อาสาสมัครที่ปฏิบัติงานในการจัด สวสั ดกิ ารสงั คม เช่น หากองค์กรหรอื หนว่ ยงานมภี ารกจิ ขับเคลอื่ นการชว่ ยเหลือกลมุ่ เด็ก และ เยาวชน กล่มุ เป้าหมายของโครงการตอ้ งมีกลุ่มเด็ก และเยาวชนอยู่ในโครงการด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในตวั อยา่ งขา้ งตน้ เดก็ และเยาวชนเป็นกลุ่มเปา้ หมายทจ่ี ะตอ้ งไปขอรับการสนับสนุน จากกองทุนคุม้ ครองเดก็ หากมาขอรับการสนับสนุนจากกองทนุ สง่ เสริมการจดั สวสั ดกิ ารสงั คม ผู้วิเคราะห์โครงการต้องพิจารณาความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมายด้วย โดยต้องให้มี กลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม ข้ึนไป เพ่ือให้สอดคล้องกับเง่ือนไขการพิจารณาอนุมัติการสนับสนุน โครงการของกองทุนฯ เมื่อพบว่าโครงการมีกลุ่มเป้าหมายเดียว และไม่สามารถปรับแก้ไขหรื อ เพ่ิมเติมกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เข้ามาในโครงการได้ สามารถให้คาแนะนา หรือประสานงาน ชว่ ยเหลือองคก์ ารสวสั ดกิ ารสังคมทเี่ สนอขอรับการสนับสนุนโครงการ ให้นาโครงการดังกล่าว ไปย่ืนเสนอขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการหรือกองทุนอ่ืนท่ีมีภารกิจให้การ สนับสนุนโครงการท่มี กี ลุ่มเป้าหมายสอดคลอ้ งกับหนว่ ยงานน้นั KM : การวเิ คราะหโ์ ครงการ 17
6. พนื้ ทีด่ าเนนิ งาน ระบสุ ถานท่ีตั้งของโครงการ หรือ ระบุว่ากิจกรรมนั้นจะทา ณ สถานท่ีแห่งใด (ระบพุ น้ื ที่ โดยระบุ ชอ่ื สถานท่ี หมบู่ า้ น ตาบล อาเภอ จังหวัด) และประเมนิ ความเหมาะสมวา่ ในการจัดกิจกรรม ณ สถานที่ดังกล่าว มีความเหมาะสมหรือไม่ ทั้งในด้านความเหมาะสมใน การดาเนนิ กจิ กรรม และคา่ ใช้จ่ายในการใชพ้ ้นื ที่ในกรณีทีม่ ีคา่ ใชจ้ ่าย 7. วิธกี ารดาเนินการ หรือ ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน ต้องระบุงานหรือกิจกรรมที่กาหนดข้ึนอย่างเป็นข้ันตอนตามลาดับก่อน-หลัง เพ่อื ใช้ปฏิบัตใิ ห้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ของโครงการ โดยวิธีการดาเนินการจะนาวัตถุประสงค์ มาจาแนกเปน็ กิจกรรมย่อยหลายกิจกรรม ซ่ึงในการเขียนวิธีการดาเนินโครงการควรแสดงถึง กิจกรรม และกระบวนการปฏบิ ตั งิ านทีส่ อดรบั กบั วัตถปุ ระสงค์ แสดงรายละเอยี ดกจิ กรรมนั้น ๆ อย่างเพียงพอ โดยจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนต้ังแต่ต้นจนจบกระบวนการ ว่ามีกิจกรรมใดที่ จะต้องทา เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ และมีกาหนดระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมท่ี สมเหตุสมผล ในกรณีท่ีทาหลายกิจกรรมควรอธิบายแต่ละกิจกรรมด้วยว่าจะเชื่อมโยงกัน อยา่ งไร กจิ กรรมหนึ่ง ๆ จะส่งผลตอ่ กจิ กรรมอน่ื ๆ อยา่ งไร ซึ่งกิจกรรมตา่ ง ๆ เหล่านี้จะนาไป อธิบายโดยละเอียดในสว่ นของแผนการปฏบิ ัติงานหรอื ปฏิทนิ ปฏิบัติงานอกี ครัง้ หน่ึง ตวั อย่าง การเขยี นแผนปฏบิ ตั งิ าน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ลกั ษณะงาน 1. จัดเตรียมกจิ กรรม 2. ประชาสมั พันธ์ รบั สมคั รกล่มุ เปา้ หมาย 3. ดาเนินกจิ กรรมฝึกอบรม รนุ่ ที่ 1 4. ดาเนินกิจกรรมฝึกอบรม รนุ่ ที่ 2 5. ติดตามและประเมินผล ตัวอย่าง การเขียนรายละเอียดกจิ กรรม 1. ทาหนงั สอื เชิญบุคลากร เข้ารว่ มฝกึ อบรม 2. ประสานงานรว่ มกบั หน่วยงานที่เชีย่ วชาญ จัดทาหลกั สูตรการฝกึ อบรม ประกอบด้วย วชิ าต่าง ๆ ที่มีความจาเปน็ ต่อการปฏบิ ตั งิ าน 3. ดาเนินกิจกรรมฝึกอบรม เมอื่ (ระบุ วนั /เดือน/ปี) 3.1 การทาแบบทดสอบก่อนฝกึ อบรม (Pre - Test) 3.2 บรรยาย เรอ่ื ง ... 2 ชั่วโมง 3.3 แบ่งกล่มุ ฝกึ ปฏบิ ัติ 4 กลุ่ม กรณศี กึ ษา ... 2 ช่วั โมง 3.4 การทาแบบทดสอบหลังฝึกอบรม (Post - Test) 3.4 บรรยายสรปุ ผล KM : การวิเคราะห์โครงการ 18
ในการเขียนแผนปฏิบัติงาน เป็นการนาเอาขั้นตอนต่าง ๆ มาแจกแจง รายละเอียดแต่ละกิจกรรมว่าทาอะไรบ้าง มีใครเป็นผู้รับผิดชอบในงานน้ันบ้าง จะทาเมื่อใด และมีวิธีการในการดาเนินงานอย่างไร อย่างไรก็ตาม ควรแนบเอกสาร “กาหนดการดาเนิน โครงการ” เพ่ือให้การวิเคราะหว์ ธิ กี ารดาเนินการมีความชดั เจน และแม่นยา ตัวอยา่ ง แบบปฏิทินกจิ กรรม หรอื ปฏิทนิ โครงการ กิจกรรม กลุ่มเปา้ หมาย ระบุเวลา ผลที่คาดวา่ จะ งบประมาณที่ งบประมาณ (จะทาอะไร) (กับใครทไ่ี หน) (กว่ี ัน ได้รับ ขอรับการ จากแหล่ง เมือ่ ไร) สนบั สนุนจาก กองทุนฯ อน่ื 8. ระยะเวลาในการดาเนนิ โครงการ ต้องระบุระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จสิ้นโครงการ ว่าใช้เวลา ท้ังหมดเท่าใด โดยแสดงให้เห็นจุดเริ่มต้นและส้ินสุดของโครงการ ระบุ วัน เดือน ปี ที่เร่ิมทา และสิ้นสดุ ถา้ หากเป็นโครงการระยะยาว และมีหลายระยะก็ตอ้ งแสดงช่วงเวลาในแต่ละระยะ ของโครงการน้ันด้วย เพื่อใช้เป็นรายละเอียดประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการ ท้ังนี้ ผู้ วิเคราะหจ์ ะตอ้ งพิจารณาว่าช่วงระยะเวลาทเ่ี สนอมา โครงการสามารถจัดกิจกรรมได้ครบถ้วน และสามารถแสดงผลสมั ฤทธข์ิ องโครงการไดห้ รือไม่ 9. คา่ ใชจ้ า่ ยโครงการท่ขี อรบั การสนับสนนุ พิจารณาค่าใช้จา่ ยทัง้ โครงการ แบ่งเป็น เงินที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และเงินสมทบ โดยตอ้ งใหอ้ งคก์ ารสวัสดิการสังคมที่ขอรับการสนับสนุน แจกแจงรายละเอียด งบประมาณ และทรัพยากรท่ตี ้องใช้ เป็นการระบุค่าใช้จ่ายทตี่ ้องใชใ้ นการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ โดยทว่ั ไปจะแจกแจงเปน็ หมวดย่อย ๆ เช่น หมวดค่าวัสดุ หมวดค่าบริการ หมวดค่าตอบแทน หมวดค่าครุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งการแจกแจงงบประมาณจะมีประโยชน์ในการตรวจสอบความ เป็นไปได้ และตรวจสอบความเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ ผู้วิเคราะห์โครงการต้องศึกษา และเปรียบเทียบราคา จากรายละเอยี ดเบ้อื งต้น เพอื่ ง่ายต่อการประเมินว่าค่าใช้จ่ายโครงการ ทขี่ อรบั การสนับสนุนมีความเหมาะสม และคุ้มค่าหรือไม่ ทั้งน้ี การพิจารณาให้การสนับสนุน จะตอ้ งเปน็ ไปตามรายการและเกณฑอ์ ตั ราค่าใช้จา่ ยในการพจิ ารณาสนบั สนบั สนนุ โครงการ ที่กองทนุ ฯ สนับสนนุ (รายละเอยี ดตามภาคผนวก หน้า 36) KM : การวเิ คราะหโ์ ครงการ 19
10. การประเมินผลสาเร็จโครงการ ระบุเคร่ืองมือที่จะใช้ประเมินผลสาเร็จของโครงการ โดยเคร่ืองมือดังกล่าว จะต้องสามารถวัดประสิทธิภาพโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม ท้ังระดับผลผลิต และผลลัพธ์ เช่น แบบสอบถาม แบบประเมินความรคู้ วามเขา้ ใจก่อนและหลัง แบบสัมภาษณ์ เป็นต้น โดย ผลสาเร็จของโครงการน้ัน จะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และผลของ โครงการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย ต่อพ้ืนท่ี ต่อสังคม อย่างไร โดยจะต้อง แสดงให้เหน็ ดงั น้ี (1) ผลผลิต (Output) ผลที่เกิดขึ้นทันทีหลังสิ้นสุดโครงการ กาหนดผลของการดาเนินงาน ตามโครงการ อาจเป็นในรูปของผลิตภัณฑ์ (Product) หรือการให้บริการ (Service) ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการต้องกาหนดผลผลติ ใหเ้ ปน็ รปู ธรรม และรับร้ไู ด้โดยเป็นผลผลติ ข้นั สดุ ทา้ ย ของโครงการ ท่ผี รู้ ับผดิ ชอบโครงการสามารถควบคุมความสาเร็จได้และสามารถระบุหนว่ ยนับ หรือตรวจวดั ไดใ้ นเชิงปริมาณ คณุ ภาพ เวลา และสามารถคานวณตน้ ทุนผลผลติ หรือค่าใช้จ่าย ได้ โดยต้องวัดผลไดท้ ันทีหลงั ส้นิ สดุ โครงการ เชิงปริมาณ เช่น จานวน กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ จานวนกลุม่ เปา้ หมายทีผ่ ่านการอบรม จานวนเทา่ ไหร่ ร้อยละเทา่ ไหร่ เป็นต้น เชิงคุณภาพ เช่น กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ มีทักษะ เรื่องท่ีได้รับการ อบรม หลังสิน้ สดุ โครงการ เปน็ ตน้ (2) ผลลพั ธ์ (Outcome) ผลระยะยาว วัดผลโดยตรงจากโครงการ ผลประโยชน์ที่เกิดจากการ นาผลผลติ ในรปู ของผลติ ภัณฑห์ รือบรกิ ารไปใช้ เชิงปรมิ าณ เช่น จานวนกลุ่มเป้าหมายท่ีนาทักษะ และความรู้ จากโครงการไปใชอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง จานวนรายไดท้ ี่เพิ่มข้นึ จานวนรายจา่ ยทลี่ ดลง เป็นตน้ เชิงคณุ ภาพ เช่น สขุ ภาพร่างกายดีขึ้น ความขัดแย้งในครอบครัว ลดลง พัฒนาต่อยอดความรู้ ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อ่ืน นาทักษะไปการช่วยเหลือกลุ่ม ผเู้ ปราะบางทางสงั คม เปน็ ต้น (3) ผลกระทบ (Impact) ผลระยะยาว และเป็นผลทางอ้อมที่เกิดข้ึน ผลท่ีเกิดต่อเน่ืองมาจาก ผลผลิตของโครงการแล้ว ผลท่ีเกิดขึ้นทาให้สังคมเกิดการเปล่ียนแปลงเป็นเชิงปริมาณหรือเชิง คุณภาพก็ได้ ทง้ั น้ี ไม่ใชผ่ ลที่เกิดขึน้ กับกลุ่มเป้าหมายทเ่ี ข้ารว่ มโครงการ และไมไ่ ด้เป็นผลที่เกิดจาก วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ KM : การวิเคราะห์โครงการ 20
ผลกระทบเชิงบวก เชิงปริมาณ เช่น จานวนประชาชนท่ีได้รับการถ่ายทอด และ ไดร้ บั การจ้างงานจากผู้เข้าร่วมโครงการ จานวนกลุ่มอาชีพท่ีได้รับการถ่ายทอดจากผู้เข้าร่วม โครงการ เกิดการจ้างงานในชุมชน จานวนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการช่วยเหลือจาก อพม . เปน็ ตน้ เชิงคุณภาพ เช่น กลุ่มเปราะบางที่ได้รับการช่วยเหลือมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีข้ึน ประชาชนที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากกลุ่มเป้าหมายโครงการมีทักษะความรู้ และนาไปใช้ประโยชน์ในการดาเนินชีวิต หรือการประกอบอาชีพ เกิดความร่วมมือของ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมในพื้นที่ เป็นต้น ผลกระทบเชิงลบ เชิงปริมาณ เช่น จานวนทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในชุมชนลดลง จากการทาไปเป็นวัสดุในการผลิต ยอดจาหน่ายน้ายาล้างจานในร้านสะดวกซ้ือลดลง เน่ืองจากกล่มุ เปา้ หมายโครงการผลติ ใช้เอง นาไปแจกจา่ ย และถา่ ยทอดความรกู้ ารผลติ เปน็ ตน้ เชิงคุณภาพ เชน่ เกิดความขัดแยง้ ของคนในชุมชนที่ไม่ได้เข้าร่วม โครงการ เกิดการแข่งขันทางการตลาดในชุมชน (โครงการด้านการมีงานทา/การสร้างรายได้) เป็นตน้ (โครงการท่ีติดตามผลกระทบต้องสามารถนาข้อมูลมาเป็นตัวชี้วัด เพ่ือวัดผลกระทบของการดาเนินงานทุกโครงการ) 11. ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั ระบุถึงผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดาเนินโครงการ ซ่ึงเมื่อโครงการสิ้นสุด จะต้องประกอบด้วยผลสัมฤทธ์ิท่ีดีที่คาดว่าจะเกิดข้ึนกับกลุ่มเป้าหมายทั้งทางตรง และ ทางอ้อม โดยระบุให้ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายจะได้รับผลประโยชน์จากโครงการอย่างไร และ ช่วยแกไ้ ขปัญหาขอ้ ขัดข้องของกลมุ่ เป้าหมายอย่างไร และผลกระทบที่ตามมานั้นจะเกิดขึ้นใน ลกั ษณะใด อย่างไรก็ตาม ระบุรายละเอียดท่ีแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องย่ังยืนของโครงการ ในอนาคตวา่ กล่มุ เป้าหมาย ชุมชน ท้องถิ่น หรือผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการท้ังทางตรง และทางอ้อมจากการขยายผลโครงการโดยกลุ่มเป้าหมาย จะมีทิศทางการขับเคลื่อนการจัด สวัสดิการสังคมจากโครงการอย่างไร ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดาเนินการต่อไป ใช้แหล่ง ทุนในเข้ามาสนับสนุนการดาเนินการ KM : การวเิ คราะห์โครงการ 21
บทที่ 4 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ การวิเคราะห์โครงการเป็นกระบวนการที่สาคัญต่อการขับเคลื่อนภารกิจของกองทุน ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม เน่ืองจากเป็นกระบวนการเร่ิมต้นเพื่อพิจารณาโครงการท่ี องค์การสวัสดิการสังคมย่ืนเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ และนาโครงการเข้าสู่การ ปฏิบัติแก่กลุ่มเป้าหมายที่กองทุนฯ กาหนด เป็นการจัดสวัสดิการสังคมผ่านตัวแทนองค์การ สวัสดิการสังคมในพ้ืนที่ท่ีมีมุมมอง ทัศนคติ และประสบการณ์จากแหล่งพื้นท่ีที่ต้องการแก้ไข ป้องกัน ยับยั้ง หรือพัฒนาโดยตรง ดังน้ัน การวิเคราะห์โครงการจะมีประโยชน์ต่อผู้เสนอ โครงการดว้ ย ทัง้ นี้ เพือ่ เป็นการทบทวนความเขา้ ใจในสาระสาคญั ของโครงการหรือเป็นข้อมูล ย้อนกลับ (Feedback) ต้ังแต่ก่อนท่ีจะเริ่มขั้นตอนการเขียนโครงการไปจนถึงข้ันตอนการ เสนอโครงการ จากการศึกษาพัฒนาในพ้ืนท่ี ข้อมูลต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล และทาให้เขียน โครงการดว้ ยจดุ ประสงค์ทจี่ ะเปน็ ประโยชน์หรือแกป้ ญั หาได้ อย่างไรก็ตาม ผู้วิเคราะห์โครงการต้องเร่ิมต้นจากการตรวจสอบนโยบาย หรือความ เชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ต้ังแต่ในระดับชาติลงมาจนถึงระดับองค์กรหรือหน่วยงาน ศึกษาสภาพปัญหาในพ้ืนท่ี ความจาเป็น วิเคราะห์ถึงต้นทุน และผลประโยชน์ในด้านความ คุ้มค่า วิเคราะห์ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลจากการดาเนินโครงการ รวมไปถึงผลสัมฤทธ์ิ ทงั้ เชิงคณุ ภาพ และเชงิ ปรมิ าณ มองการเปล่ียนแปลงของกลมุ่ เปา้ หมายที่จะเกดิ ข้นึ ภายใต้การ จดั สวัสดกิ ารจากโครงการ ขอ้ เสนอแนะ พนักงานกองทุนควรให้คาแนะนา สนับสนุนช่วยเหลือ หรือผลักดันองค์การสวัสดิการ สังคมทม่ี ีอปุ สรรคในการเขียนโครงการ เชน่ บางองคก์ รเป็นองค์กรท้องถ่ินท่ีมองเห็นปัญหาใน พนื้ ท่ี และมีความประสงค์ท่ีจะขอรับการสนับสนุนโครงการเพ่ือแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึน แต่ไม่มี บุคลากรที่เช่ียวชาญในด้านวิชาการ ที่สามารถเขียนโครงการ และวิธีการนาเสนอได้อย่าง ถูกต้อง พนักงานกองทุนควรให้คาปรึกษา เช่น จัดเวทีให้องค์กรเข้ามานาเสนอปัญหา และ เขียนโครงการร่วมกัน หรือบางองค์กรไม่มีอุปกรณ์เอื้ออานวยต่อการจัดทาเอกสาร อาทิ เครื่องพิมพ์เอกสาร คอมพิวเตอร์ เป็นต้น พนักงานกองทุนสามารถให้การช่วยเหลือ โดย ปรึกษากับหัวหน้างาน เพ่ือให้คาแนะนาหรือแนวทางในสนับสนุนต่อไป ท้ังน้ี เพ่ือให้องค์การ สวัสดิการสังคมมีแหล่งทุนในการสนับสนุน มีกาลังใจในการทางานเพ่ือสังคม และเพ่ือ ตอบสนองตอ่ ภารกิจของกองทุนสง่ เสรมิ การจดั สวัสดิการสงั คมต่อไป KM : การวเิ คราะห์โครงการ 22
ภาคผนวก
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
รายการและเกณฑ์อตั ราค่าใช้จ่ายในการพิจารณาสนบั สนบั สนนุ โครงการ รายการ อตั ราคา่ ใช้จ่ายที่กองทนุ ฯ หมายเหตุ สนบั สนุน ระเบียบ กระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยคา่ ใชจ้ ่ายใน 1. ค่าใช้จ่ายในการจดั ประชมุ /สมั มนา/ฝกึ อบรม การฝกึ อบรม การ จดั งานและการ ประชมุ ระหวา่ ง ประเทศ พ.ศ.2549 และที่แกไ้ ขเพ่ิม 1.1 ค่าสมนาคณุ วทิ ยากร (1) วิทยากรเป็นบุคลากรของรฐั - ไมเ่ กินช่ัวโมงละ 600 บาท/คน (2) วิทยากรที่มใิ ช่บคุ ลาตามข้อ(1) - ไมเ่ กนิ ชัว่ โมงละ 1,200 บาท/คน 1.2 ค่าอาหารในการฝึกอบรม (1) กรณีจัดฝึกอบรมในสถานที่ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ หน่วยงานอ่ืนของรัฐ เช่น วัด ชุมชน หมบู่ า้ น เปน็ ต้น - จดั ครบทกุ ม้ือ - ไมเ่ กิน 600 บาท/คน/วนั - จัดไมค่ รบทุกม้ือ - ไม่เกิน 400 บาท/คน/วัน (2) กรณีจัดฝกึ อบรมในสถานที่ - ไมเ่ กิน 950 บาท/คน/วัน หนังสอื ดว่ นทส่ี ุด ของเอกชน - ไม่เกิน 700 บาท/คน/วนั ที่ กค 0406.4/840 ลว. 16 ม.ค. 56 - จดั ครบทกุ มือ้ - ไม่เกิน 35 บาท/คน/มอื้ - จดั ไม่ครบทกุ มอ้ื - ไม่เกิน 50 บาท/คน/ม้อื (3) ค่าอาหารวา่ งและเครื่องดืม่ - จัดในสถานท่รี าชการ - จดั ในสถานที่เอกชน 36
รายการ อัตราคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีกองทนุ ฯ หมายเหตุ สนบั สนุน เรือ่ ง มาตรการ บรรเทาผลกระทบ จากการปรบั อตั รา ค่าจา้ งขั้นตา่ และ เพมิ่ ความสามารถ ของผู้ประกอบการ ธรุ กจิ ขนาดกลาง และขนาดย่อม 1.3 ค่าทีพ่ ัก หนังสือ ดว่ นทสี่ ุด (1) กรณีห้องพกั คนเดยี ว - ไม่เกิน 1,450 บาท/คน/วนั ที่ กค 0406.4/ว5 (2) กรณีหอ้ งพกั คู่ - ไมเ่ กิน 900 บาท/คน/วนั ลว. 15 ม.ค.56 เรอื่ ง มาตรการบรรเทา ผลกระทบจากการ ปรับอัตราค่าจ้าง ขั้นต่า ปี 2556 1.4 คา่ พาหนะ (ยกเว้นคา่ เคร่อื งบิน) (1) คา่ พาหนะรถรับจา้ งเหมาจ่าย - เบิกจา่ ยตามท่จี ่ายจรงิ ตาม - ปรับเพอื่ ให้ ความจาเปน็ เหมาะสม และ สอดคล้องกับ ประหยัด โดยอย่ใู นดุลยพนิ ิจของ ค่าใชจ้ า่ ยจริงใน คณะกรรมการบรหิ ารกองทนุ ฯ ปจั จบุ นั (2) ค่าเชา่ รถตู้ - ไม่เกนิ 1,800 บาท/คัน/วัน - ปรบั เพื่อให้ ไม่รวมค่านา้ มนั เชอ้ื เพลิง สอดคลอ้ งกับ คา่ ใชจ้ ่ายจริงใน ปัจจบุ ัน (3) ค่าเชา่ รถบัส - ไม่เกนิ 15,000 บาท/วัน ไม่รวมค่านา้ มนั 1.5 คา่ ใช้จ่ายอ่ืน ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั การจดั ประชมุ /สัมมนา/อบรม (1) คา่ เช่าสถานท/่ี ค่าบารงุ เบิกจ่ายตามท่ีจา่ ยจรงิ ตามความ - ปรบั เพ่อื ให้ สถานท่ี เพ่ือจดั ประชุมและพธิ ีเปิด จาเป็น เหมาะสม และประหยัด สอดคลอ้ งกับ 37
รายการ อัตราค่าใช้จ่ายทก่ี องทุนฯ หมายเหตุ สนบั สนุน (2) ค่าใช้จ่ายในการจัดและ ค่าใชจ้ ่ายจรงิ ใน ตกแต่งสถานที่อบรม รวมดอกไม้ ธปู โดยอยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของคณะ ปจั จุบนั เทียน เวที กรรมการบรหิ ารกองทุนฯ - ไม่เกนิ 1,000 บาท/ครง้ั - ปรบั เพือ่ ให้ (3) ค่าเชา่ เครอ่ื งเสียง สอดคลอ้ งกบั - ไม่เกิน 2,000 บาท/ครงั้ คา่ ใชจ้ า่ ยจรงิ ใน ปัจจบุ นั (4) คา่ เช่าเครอ่ื ง LCD และจอ - ไม่เกนิ 3,000 บาท/ครง้ั - ปรับเพอ่ื ให้ โปรเจ็คเตอร์ สอดคลอ้ งกับ คา่ ใชจ้ ่ายจรงิ ใน 1.6 ค่าประสานงาน หมายถึง ร้อยละ 5 ของโครงการท่ี ปจั จบุ นั คา่ ใช้จา่ ยในการตดิ ต่อประสานงาน ได้รับอนมุ ัติ โดยไม่รวมคา่ - การจา่ ยคา่ ระหวา่ งการดาเนินกจิ กรรมโครงการ ประสานงาน ประสานงานรายการ เช่น ใดทีม่ ีใบเสรจ็ รับเงนิ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงนิ (1) คา่ ใชจ้ า่ ยในการติดตอ่ สือ่ สาร ประกอบการ (2) คา่ นา้ มันเชือ้ เพลงิ และหล่อลื่น เบิกจ่าย และ ฯลฯ รายการใดไมอ่ าจ จดั หาใบเสรจ็ รบั เงิน ได้ ใหใ้ ช้ใบสาคัญ รบั เงิน พรอ้ มระบุ รายการ ชื่อผ้รู ับเงิน พรอ้ มระบุรายการ ชื่อผ้รู บั เงิน และ สาเนาบตั ร ประชาชนพรอ้ ม รบั รองสาเนา ถกู ต้องท้ังนี้ ใหท้ า 38
รายการ อัตราคา่ ใช้จา่ ยที่กองทนุ ฯ หมายเหตุ สนบั สนุน เฉพาะรายกรณี เทา่ นัน้ - การข้ออนมุ ัติค่า ประสานงาน องคก์ ารสวสั ดกิ าร สงั คมผ้ขู อต้องระบุ รายการที่ขอ และ กรอบการใชจ้ า่ ยให้ ชดั เจนเพ่ือให้ คณะกรรมการ บรหิ ารกองทนุ ฯ พจิ ารณา 1.7 คา่ ตดิ ตามประเมินผล หมายถึง ค่าใช้จ่ายทเี่ กิดข้นึ หลังจากโครงการ สิ้นสดุ ลง เชน่ 2. ค่าใชจ้ ่ายเกีย่ วกบั การประชาสมั พนั ธ์ 2.1 ค่าเอกสารเผยแพร่ - เบกิ จา่ ยตามจรงิ ตามความ - ปรับเพื่อให้ ประชาสมั พนั ธ์ เชน่ วารสาร จลุ สาร จาเป็น เหมาะสม และ สอดคล้องกับ แผน่ พับ โปสเตอร์ความรู้ เอกสาร ประหยดั คา่ ใช้จ่ายจริงใน เผยแพร่อืน่ ปจั จุบัน 2.2 ปา้ ยประชาสัมพันธโ์ ครงการ - ไมเ่ กนิ 500 บาท/ผนื 2.3 ค่าบอรด์ นทิ รรศการ - ไม่เกนิ 1,000 บาท/ป้าย 2.4 คา่ จดั ทาเวบ็ ไซต์ - เบกิ จ่ายตามท่จี า่ ยจรงิ ตาม - ปรบั เพอื่ ให้ ความจาเป็น เหมาะสม และ สอดคลอ้ งกับ ประหยัด โดยอยู่ในดุลยพินจิ ของ คา่ ใช้จ่ายจรงิ ใน คณะกรรมการบรหิ ารกองทุนฯ ปจั จบุ นั 3. คา่ ใช้จา่ ยเกยี่ วกบั การศึกษาวิจยั - เบกิ จ่ายตามทจ่ี า่ ยจริง ตาม ปัจจุบันกรณกี าร ความจาเปน็ เหมาะสม และ ทาการศึกษาวิจยั ประหยดั โดยอยู่ในดุลยพนิ จิ ของ ใหใ้ ช้วธิ ีการทา คณะกรรมการบรหิ ารกองทุนฯ TOR กบั สถาน 39
รายการ อตั ราคา่ ใช้จา่ ยท่ีกองทุนฯ หมายเหตุ สนบั สนุน บัน การศกึ ษา ประกอบกบั กองทุนอ่ืน ไมไ่ ด้ กาหนดค่าใช้จา่ ย รายการนไ้ี ว้ ทา ใหไ้ มม่ ีเกณฑ์ อา้ งอิงท่ชี ัดเจน จงึ กาหนดให้ เบกิ จา่ ยตามท่ี จา่ ยจรงิ 40
41
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: