ทำเนียบแหลง่ เรยี นรู้ศนู ย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอบำงแพ สำนักงำน กศน.จงั หวดั รำชบรุ ีสำนกั งำนสง่ เสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัย สำนกั งำนปลดั กระทรวงศึกษำธิกำร กระทรวงศึกษำธกิ ำร
ตำรำงท่ี 3 แหล่งเรยี นรู้ประเภททอ่ งเทยี่ วเชิงเกษตรที่ ชือ่ แหล่งเรยี นรู้ ที่ตง้ั1. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นสะพานดา หมู่ 11 ตาบลวดั แกว้ อาเภอบางแพ จังหวัดราชบรุ ี2. ศูนย์เรยี นรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งบา้ นแหลมทอง หมู่ 3 ตาบลหัวโพ อาเภอบางแพ จงั หวดั ราชบรุ ี3. ศูนย์เรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นก่มุ พฒั นา หมู่ 2 ตาบลบางแพ อาเภอบางแพ จงั หวัดราชบรุ ี4. ไรป่ ลกู รัก 130 หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ตาบลวังเย็น อาเภอบางแพ จังหวดั ราชบรุ ี5. The Blooms Orchid Park 65 หมู่ 7 ตาบลวัดแกว้ อาเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี6. ดอนเอย๋ ดอนคา 109 หมู่ 4 ตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จงั หวัดราชบุรี - นโี อฟารม์ 109 หมู่ 4 ตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จงั หวดั ราชบุรี - วสิ าหกิจชุมชนเกษตรใจรักษ์- วิสาหกจิ ชมุ ชนเกษตรพอเพยี งตาบล 24/3 หมู่ 3 ตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จังหวดั ราชบุรีดอนคา- วสิ าหกิจชมุ ชนชาวสวนบางแพ-ดาเนนิ 36/1 หมู่ 3 ตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จงั หวัดราชบรุ ีสะดวก- วสิ าหกิจชมุ ชนผผู้ ลิตมะม่วงสง่ ออก 47/1 หมู่ 3 ตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จงั หวัดราชบรุ ีอาเภอบางแพ
แหล่งเรยี นร้ปู ระเภท ทอ่ งเทยี่ วเชิงเกษตรศูนย์เรียนร้เู ศรษฐกิจพอเพยี ง บ้ำนสะพำนดำ
ศูนย์เรยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งบ้ำนสะพำนดำประวตั คิ วำมเป็นมำ บ้านสะพานดา เดิมเป็นส่วนหน่ึงของบ้านใหม่เหนือ หมู่ท่ี 10 ซ่ึงภายหลังได้แยกหมู่บ้านหมู่ที่11 ซ่ึงนับว่าเป็นหมู่บ้านแห่งใหม่ของตาบลวัดแก้ว อาเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี โดยเร่ิมก่อต้ังเม่ือเดือนพฤษภาคม 2533 ตาบลวัดแก้ว อาเภอบางแพ เริ่มแรกการก่อตั้งชุมชน ได้มีราษฎรจากอาเภอดาเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เข้ามาเช่าซื้อและท่ีดินทากินในชุมชนบ้านสะพานดาในปัจจุบัน ทาให้มีครัวเรือนมากขึ้น อาเภอจงึ เหน็ ควรใหแ้ ยกหมู่บ้านและต้งั หมบู่ ้านขึ้นใหม่ เปน็ บา้ นสะพานดา หมทู่ ี่ 11 ตาบลวดั แก้วโดยมีนายเนยี ง รงุ่ นุช เป็นผูใ้ หญบ่ ้านตัง้ แตน่ ั้นเป็นตน้ มาจนถึงปจั จุบนั สาเหตุท่ีไดช้ อื่ วา่ บ้านสะพานดา เน่ืองจากแตเ่ ดิมถนนทต่ี ดั ผ่านหมู่บ้านมสี ะพานดา อนัเน่ืองมาจากความเก่าของไม้ที่นามาทาสะพาน ตลอดจนอายุการใช้งาน ซึ่งอยู่กลางแดดกลางฝนเป็นเวลานาน และเพอื่ ป้องกนั ไม่ใหผ้ ุพงั มากไปกวา่ น้ี ชาวบา้ นจงึ นาสีดามาทาทบั บนสะพาน ทาใหเ้ ป็นทส่ี ะดุดตาของคนในหมู่บ้านและคนท่ีสญั จรไปมา จงึ เรยี กหม่บู ้านน้ีวา่ “บา้ นสะพานดา” ตง้ั แต่น้ันเปน็ ตน้ มา สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม เขียวขจีด้วยพันธ์ุไม้ผลนานาชนิด อากาศร่มร่ืนเย็นสบายมีแหล่งน้าท่ีสาคัญ คือ คลองชลประทานซ่ึงไหลผ่าน บริเวณสองฝ่ังคลอง เหมาะสาหรับการทาการเกษตรดังน้ัน อาชีพหลักของชุมชนบ้านสะพานดาจึงเป็นอาชีพด้านการเกษตร โดยเฉพาะอย่างย่ิงการทาสวนพชื ผกั และพืชผล เดมิ ทนี ัน้ ชุมชนบ้านสะพานดามีอาชีพทานา ต่อมามรี าษฎรอาเภอดาเนนิ สะดวก จังหวัดราชบุรีมาทามาหากินในหมู่บ้านนี้ โดยเปลี่ยนพ้ืนที่ทานามาเป็นพ้ืนที่ทาสวน คนในชุมชนบ้านสะพานดาเห็นว่าอาชีพทาสวน เป็นอาชีพที่ก่อให้เดรายได้ดี จึงเปลี่ยนอาชีพจากการทานามาทาสวน ซึ่งมีท้ังสวนผัก
ล้มลุก และไม้ยืนต้น พืชล้มลุกท่ีปลูกกันมีมากมายหลายอย่าง เช่น ผักชีไทย ผักชี้ล้อม ผักคะน้าผักกวางตุ้ง มะเขือยาว มะเขือเปาะ มะระ บวบ และอ่ืนๆ ส่วนผลไม้ ได้แก่ มะพร้าวน้าหอม ชมพู่ทับทิมจนั ทร์ องนุ่ ฝรั่งและอืน่ ๆ ประชากรท่ีอาศัยส่วนใหญ่จะย้ายถิ่นฐานจากอาเภอดาเนินสะดวก เป็นกลุ่มคนที่มาจากแหล่งเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมกันเหมือนเครือญาติ ตอนพวกเรามาอยู่ใหม่ สภาพความเป็นอยู่ยังไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทั้งนี้เพราะการประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรน้ันจาเป็นต้องใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและสารเคมีซึ่งมีราคาแพมากและมีแนวโน้มว่าจะราคาสูงขึ้นตลอดเวลา แม้ว่าชาวบ้านจะมีรายได้จากการทาสวนที่ค่อนข้างมาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นด้วย ท้ายท่ีสุดทางหมู่บ้านก็ประสบปัญหาสภาพแวดล้อมของชุมชนเสียหายจากการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงและศัตรูพืช นอกจากน้ียังประสบปัญหาการขาดทุนเนื่องจากต้นทุนในการผลิตที่สูง ทาให้ชาวบ้านเป็นหน้ีเป็นสินกันเกือบทุกครัวเรือน แต่เมื่อภายหลังจากที่ได้มีการบริหารและการพัฒนาชุมชนโดยได้รับเงินสนับสนุนจากกรมการพัฒนาชุมชนที่เรียกว่า “โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน” (กข.คจ.) เป็นเงิน 280,000 บาท ซ่ึงทาให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ท่ีดขี น้ึ เรอื่ ยๆ ตามลาดับ ปัจจุบัน บา้ นสะพานดามีราษฎรอาศยั อยู่ทงั้ หมด 115 ครัวเรอื น จานวนประชากร ทัง้ สน้ิ 484 คนแยกเป็น ชาย 261 คน หญิง 223 คน ราษฎรส่วนใหญป่ ระกอบอาชพี เกษตรกร รา่ ยได้เฉลย่ี 28,000บาท/คน/ปี ครัวเรอื นมีการออมทรัพย์คิดเป็นรอ้ ยละ 96 ของครัวเรือนทั้งหมด ชมุ ชนมีไฟฟา้ และน้าประปาทุกหลังคาเรือน ห้องน้าและสขุ าทถ่ี ูกสุขลักษณะทกุ ครวั เรือน ครอบครัวมีความอบอนุ่ ดี ไม่มีขโมย และเปน็หมบู่ า้ นปลอดยาเสพตดิ วิถีชีวิตของราษฎรบ้านสะพานดาร้อยละ 80 ของจานวนราษฎรทั้งหมด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยทาสวนพชื ผกั และพืชผลตามท่ีได้รับถ่ายทอดมาซึ่งมีทั้งทเ่ี ป็นเจา้ ของที่ดินเอง ซงึ่ ส่วนใหญ่เป็นราษฎรทย่ี า้ ยมาจากอาเภอดาเนินสะดวก จากการสอบถามพบว่าราษฎรบา้ นสะพานดาส่วนใหญ่ได้รับการปลูกฝังให้ประกอบอาชีพในครัวเรือนของตน และปลูกฝังให้รู้จักและรักการทางาเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวหรือของหมู่บ้าน บางครัวเรือนน้ัน ผู้สูงอายุที่ยังมีสภาพร่างกายท่ีแข็งแรงพอท่ีจะช่วยเหลือตนเองได้ ก็จะพยายามทางานเพ่ือสร้างคุณค่าให้แก่ตนเอง แม้จะทางานหนักในสวนของตนเองไม่ได้ พวกเขาเหล่านั้นก็ก็จะไปรับจ้างทางานเบาๆ ที่สวนของคนอ่ืน นอกจากนี้ บางครัวเรือนก็ปลูกพืชผักขายเพื่อหารายได้เป็นทุนการศึกษา จากการสอบถามพบว่า คนรุ่นลูก รุ่นหลานในหมบู่ ้านเกือบทุกครัวเรือนหันไปประกอบอาชีพอ่ืนตามความถนัดท่ีได้ศึกษามา ส่วนราษฎรอีกประมาณร้อยละ 20 ของจานวนประชากรท้ังหมดน้นั ประกอบอาชีพรบั จ้างทางานในสวน คนกลุม่ นีจ้ ะอาศัยอยู่ร่วมกนั เป็นชุมชนในบริเวณหนึ่งของหมู่บ้าน เนอ่ื งจาก ไมม่ ที ี่ดินเป็นของตนเอง ซง่ึ ทดี่ นิ ท่ีชาวบ้านกลุ่มนอ้ี าศัยอยู่น้ัน มักจะเป็นทดี่ ินเช่าจากวัดบ้านใหม่เหนือเปน็ ส่วนใหญ่
นอกจากทาสวนแล้ว ราษฎรบา้ นสะพานดายงั ประกอบอาชีพหลักอีกอย่างหน่ึงก็คือ การเลี้ยงสตั ว์ได้แก่ ไก่ ปลา และสุกร เป็นต้น แต่ยังมีปริมาณไม่มากนักเม่ือเทียบกับการทาสวนเกษตร ซึ่งมีทั้งพืชผักและพืชผล นานาชนิด ปรัชญาการดารงชีวติ ของบ้านสะพานดาก็คือ การอยู่และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็นไปได้ โดยอาศัยพื้นฐานจากวิถีชีวิตด้ังเดิม ซ่ึงสามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา นับได้ว่าเป็นการมองโลกเชิงระบบทีม่ ีการเปล่ยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา อน้ั เป็นพน้ื ฐานสาคญั สาหรับการสรา้ งความมั่นคงและความย่ังยืนในการพัฒนาชมุ ชนต่อไป นายเนียง รุ่งนุช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านสะพานดา ผู้ที่ให้ความสาคัญแก่ชาวบ้านในการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ได้ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านในชุมชนบ้านสะพานดา ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทาสวนก็จะมีต้นไม้และกิ่งไม้ท่ีต้องตัดออกเพ่ือให้ต้นใหม่เจริญเติบโต ชาวบ้านบางคนก็นาไปเผาถ่านบ้างแต่ไม่มากนัก บางคนก็นามาเผาทิ้ง และยังมีถ่านแหลกท่ีเกิดจากการเผาแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรทาให้เกิดแนวคิดว่าก่ิงไม้และเศษไม้ท่ีกองทิ้งไว้ อีกทั้งก้อนถ่านแหลกๆ ท่ีชาวบ้านทิ้งไปน่าจะนามาทาประโยชน์ได้บ้าง จึงไปปรึกษากับนายทวี ประดับเวช อายุ 81 ปี อดีตนักวิชาการของบริษัทเอกชนแห่งหน่ึง เพ่ือหาวิธีในการนาเศษกิ่งไม้และถ่านแหลกมาทาประโยชน์ โดยนายทวี ได้คิดค้นทดลองนาถ่านแหลกๆ มาบดให้เป็นผงแล้วนาแป้งเปียกไปผสมจนหมาด จากนั้นก็ลองนามาป้ันให้ตรงกลางมีรู แล้วตากใหแ้ ห้งกอ่ นนามาติดไฟ พบว่าให้พลังงานดีพอกบั เศษไม้ ซง่ึ ก้อนถ่านที่มีรูตรงกลางน้ันสามารถตดิ ไฟได้เร็วและอยู่ได้นานทาให้การหุงต้มไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากนัก เม่ือประสบความสาเร็จแล้วก็นาไปสาธิตให้ชาวบ้านดูและให้ชาวบ้านทดลองทาใช้เอง จนชาวบ้านพอใจและเร่ิมทาใช้กันเกือบทุกครัวเรื อน \"เมื่อคนในชุมชนทาสาเร็จก็มีคนในชุมชนอ่ืนมาเรียนรู้บ้าง แต่เน่ืองจากหมู่บ้านสะพานดาไม่มีงบประมาณในการทาใหเ้ ป็นศูนย์เรียนรู้ จึงประสานของบประมาณจากกองทุนพัฒนาชมุ ชนรอบโรงไฟฟา้ราชบรุ ี มาเป็นทนุ ในการเปิดศูนย์เรยี นร้อู บรมชาวบา้ น\" “คนคิดเรื่องของถ่านอัดแท่งไม่ใช่ผมคนแรก มีการทากันมาก่อนแล้ว เพียงแต่นามาปรับปรุงให้สมดลุ ขึ้น แตท่ ีค่ ดิ ประดษิ ฐก์ ระบอกถา่ นอดั แท่งคือผมคดิ เอง” นายทวกี ลา่ วผูใ้ หญ่บา้ นหมู่ 11 เปิดเผยว่า เตาไฟและถ่านอดั แท่งประหยัดพลงั งานเป็นทางเลือกหน่งึ ของชมุ ชน ที่ไดร้ บั งบประมาณสนับสนนุ จานวน 16,500 บาท จากกองทนุ พฒั นาชุมชนรอบโรงไฟฟา้ ราชบรุ ี ของบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จากัด มหาชน เม่ือปี 2550 นาชาวบ้านเข้ามาอบรมทาถ่านอัดแท่งประหยัดพลังงานใช้เองในครัวเรือน เพื่อเป็นการประหยัดแรงงาน ประหยัดไฟ และค่าใช้จ่ายในส่วนอ่ืน จนตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ชมุ ชนบา้ นสะพานดา “หากประชาชนทาเองใช้เองประหยัดมาก แตเ่ กรงวา่ ประชาชนจะไมส่ นใจตรงน้ี จึงทาประชาคมหมู่บ้านว่าสนใจหรือไม่หากสนใจก็ต้องให้ชาวบ้านเข้ามาอบรม ขณะนี้มีชาวบ้านที่สนใจประมาณ 40%
เพราะชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่เห็นความจาเป็น เห็นว่าการใช้แก๊สจะสะดวกรวดเร็วกว่าในการทาอาหาร จึงอยากให้ประชาชนทุกครวั เรือนหนั มาใช้พลงั งานตรงนี้\" นายสมหวัง จาติกุล ชาวบ้านท่ีผลิตถ่านอัดแท่ง เปิดเผยว่า พื้นท่ีบ้านสะพานดามีวัตถุดิบจานวนมากไม่ต้องไปหาซ้ือ อย่างกิ่งมะม่วงมีการซอยกิ่งตัดแต่งกันทุกปี เพื่อให้ออกผลผลิตใหม่ก็ต้องปรับปรุงซอยก่ิงออก มีกะลามะพร้าวเยอะ วัตถุดิบหาได้ในท้องถิ่น วัตถุดิบเหล่านี้เดิมทีชาวบ้านต้องนาไปเผาท้ิงโดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมยังก่อให้เกิดภาวะสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษไปด้วย แต่หากเอามาเผาทาเป็นถ่านอัดแท่งจะสามารถย้อนกลับมาใช้ในครัวเรือนได้ และการทาถ่านอัดแท่งก็จะใช้เวลาในยามว่างหรือหลังเลิกจากทาสวน ทาไร่ ใช้วิธีการไม่ยุ่งยากมากก็สามารถทาใชเ้ องได้ ซึ่งเป็นลักษณะของการพ่ึงพาตนเองไปในตัว ทาให้เกิดการมีงานทาหมุนเวียนไปเร่ือย ช่วยในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และช่วยประหยัดพลงั งาน ลดคา่ ใชจ้ ่ายในครัวเรือนดว้ ย ถำ่ นอัดแท่งประหยัดพลังงำนนวตั กรรมของชำวบำ้ นสะพำนดำ
การทาสบู่สมนุ ไพร กำรสำธติ กำรทำยำหม่องนำ้กำรสำธติ กำรสำนตะกร้ำจำกพลำสติกรดั ของ มำเป็นกระถำงปลกู ตน้ ไม้
คณะครจู ำกประเทศรัสเซยี มำเยี่ยมชมสวน และล้มิ รสผลไมไ้ ทย กำรทำนำ้ มะพรำ้ วกลน่ั เย็น
กำรกำจัดขยะเป็นก๊ำซชีวภำพ กำรสำธติ เพำะถวั่ งอกคอนโด
กำรเลี้ยงผ้งึ
นกั เรียนโรงเรยี นวดั ตำกแดด อ.บำงแพ ชมสวนมะม่วงนอกฤดูกิจกรรมลดรายจ่าย ปลกู ผักสวนครวั ปุ๋ยน้าหมักชีวภาพ หมู่เศรษฐกจิ พอเพียงกิจกรรมการเพิม่รายได้ เพาะเห็ด เล้ียงปลา เกษตรผสมผสานกิจกรรมการออม กลมุ่ ออมทรัพย์ ธนาคารหมู่บา้ น บนั ทกึ รายรบั – รายจา่ ย ครวั เรือนการดารงชีวิต ปฏิบัติตามหลักศาสนา ยดึ ถือประเพณี ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น
กจิ กรรมอนรุ ักษ์และ ใช้ทรพั ยากรอย่างค้มุ ค่า มกี จิ กรรมดแู ลรักษา มกี ารจัดระเบียบชุมชนใช้ทรัพยากร การรักษาความสะอาดธรรมชาติและ และประหยัด แมน่ า้ ลาคลองและแหลง่ น้าอ่ืนๆสงิ่ แวดล้อมกจิ กรรมเออ้ื อาทร มศี ูนย์สงเคราะห์ ชมุ ชนรจู้ ักสามัคคี ชมุ ชนชว่ ยเหลอื ตนเอง/ แบง่ บันการช่วยเหลือ สวัสดกิ ารชมุ ชน ไมม่ แี ตกแยก และสมาชิกเมื่อเกดิ ภัยพบิ ัติซงึ่ กนั และกัน รำงวัลต่ำง ๆที่ได้รับของหมู่บ้ำนสะพำนดำ
บคุ คลดเี ดน่ ของหมู่บ้ำนสะพำนดำ เจำ้ ของแปลงจดุ สำธติ วทิ ยำกรสำขำ ชอ่ื - สกลุ ที่ตงั้ ชือ่ - สกลุ ที่อยู่ เรือ่ งท่บี รรยำยพืช นายเจริญ ด้วงเผอื ก 57 ม.9 นายเจริญ ดว้ งเผือก 57 ม.9 ต.วัดแกว้ การผลิตเห็ดครบ ต.วดั แกว้ วงจร เกษตร นายสมหวัง จาติกุล 117/1 ม.11 นายสมหวงั จาติกลุ 117/1 ม.11 การทาการเกษตรผสมผสำน ต.วดั แก้ว ต.วดั แกว้ แ บ บ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พอเพียง เกษตร นายสนนั่ คลา้ เหลอื 86 ม.11 นายสน่นั คล้าเหลือ 86 ม.11 การทาการเกษตรผสมผสำน ต.วัดแก้ว ต.วดั แกว้ แ บ บ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พอเพียง
แผนที่เดนิ ทำง
แหล่งเรยี นรู้ประเภท ทอ่ งเทยี่ วเชิงเกษตรศูนย์เรียนร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี ง บ้ำนแหลมทอง
ศนู ย์เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงบ้ำนแหลมทอง ชมุ ชนบา้ นแหลมทอง ตงั้ อยหู่ มทู่ ี่ 3 ตาบลหัวโพ อาเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีพน้ื ที่ 2,872 ไร่จานวน 115 ครัวเรือน เร่ิมก่อต้ังเมื่อปี พ.ศ.2415 ปัจจุบัน นายศักด์ิสิทธ์ิ แก่นศักดิ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านลักษณะพื้นท่ีเป็นท่ีราบลุ่ม มีแหล่งน้าไหลผ่านตลอดปี เหมาะสาหรับทาการเกษตร คนในชุมชนมีอาชีพทานา รับจ้าง ต่อมามีชาวบ้านจากอาเภอดาเนินสะดวกขอเช่าพื้นที่ทาสวน เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา ส่วนคนในชุมชนก็หันมาทาเกษตรในครัวเรือน โดยการเพาะเห็ดเป็นรายได้ รองจากการให้เช่าที่ดิน ส่วนคนท่ีไม่มีท่ีดินก็จะประกอบอาชีพรับจ้าง ทาสวน ทาเห็ด เป็นต้น นอกจากน้ันชาวสวนยังได้มีการปลูกพืชล้มลุกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ต่าง ๆ ไว้ทานกันในครัวเรือน ถ้าผลผลิตมีจานวนมากก็แจกจ่ายบ้านใกลเ้ คียง จากน้นั กน็ าไปจาหนา่ ยเกดิ เปน็ รายไดใ้ นครวั เรอื น การดาเนินชีวิตของชาวชุมชนบ้านแหลมทอง ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ใหญ่บ้าน นายศักดิ์สิทธิ์แก่นศักดิ์ ท่ีช่วยผลักดัน ในการทาโครงการต่าง ๆ โดยนาแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในชุมชน จนสามารถพ่ึงพาตนเองได้ มีความเข้มแข็ง และมีความยั่งยนื
การจัดทาโครงการต่าง ๆ ในชุมชนน้ัน เกิดจากการเนินชีวิตของแต่ละคนในการทาอาชีพเกษตรกรรม การเพาะปลกู การเล้ยี งสัตว์ ซง่ึ นามาผสมผสานจนเกดิ เป็นกระบวนการขึ้นมา โดยนาส่งิ ที่มีอยู่ในชุมชน หรือการนาวัสดุเหลือใช้ในพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดการหมุนเวียน จนกลายเป็นผลตอบแทนท่ีได้รับ คือ คนในชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน มีอาชีพเสริม และเกษตรกรมกี ารพัฒนา นำยศักดิ์สทิ ธิ์ แก่นศกั ดิ์ ใหญ่บ้ำน หมู่ 3 บ้ำนแหลม ทอง คนในชุมชนบ้านแหลมทองมีการดาเนินชีวิตประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมกี ารปลกู พชื เลย้ี งสตั ว์ มกี ารพัฒนาหมู่บ้านควบคู่ไปกบั กระบวนการถา่ ยทอดและปลูกฝังเปน็ แนวปฏิบัติให้กับคนรุ่นหลังมาอย่างต่อเนื่อง มีการดาเนินกิจกรรมและการกระจายผลประโยชน์ให้กับคนในชุมชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกิจกรรมด้านการทาปุ๋ยหมัก และปุ๋ยน้าหมักชีวภาพ เพ่ือให้คนในชุมชนนาไปใช้ในด้านการเกษตร โดยไม่ต้องใช้สารเคมีท่ีเป็นอันตราย ส่วนพืช ผัก ยังสามารถนากลับมาทาปุ๋ยหมักได้อีกกลายเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากน้ันยังมีโครงการต่าง ๆอีกมากมายท่ีล้วนเกิดจากการนาส่ิงท่ีมีอยู่ในชุมชนมาผสมผสาน ลองผิด ลองถูก จนกลายเป็นแนวคิดท่ีสามารถนาไปปรับใช้ได้ และทาให้หมู่บ้านแหลมทองกลายเป็นศนู ย์เรียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี ง
คณะกรรมกำรหมู่บำ้ น บำ้ นแหลมทองใบประกำศเกยี รตคิ ุณ บ้ำนแหลมทองโครงกำรในชุมชนบำ้ นแหลมทอง คลองสวยนา้ ใส นา้ กล่นั สมนุ ไพร เพาะเหด็ ฟางในตะกร้า สมนุ ไพรไล่แมลง ถา่ นผลไมด้ ดู กล่นิ ปุย๋ หมกั ผักสด ปุ๋ยน้าหมักชีวภาพ ถ่านอัดแทง่ เชือกผักตบชวา ฮอรโ์ มนผลไม้ ถั่วงอกไรร้ าก ผักสวนครัวร้วั กนิ ได้ ไส้เดอื นในกะละมัง และอน่ื ๆ อีกมากมาย
กำรทำเหด็ ฟำงในตะกรำ้
กำรทำถ่วั งอกไร้รำก กำรทำบ่อแกส๊ ชีวภำพ บอ่ แก๊สชีวภาพกำรทำปุ๋ยหมักพืชสด บอ่ แกส๊ ชีวภาพ
กำรทำถำ่ นอัดแทง่ กำรทำถำ่ นผลไมด้ ูดกลิ่น บอ่ แกส๊ ชีวภาพ บ่อแกส๊ ชีวภาพ แกส๊ ชวี ภำพ บ่อแก๊สชวี ภาพเตำทำน้ำส้มควนั ไม้ นำ้ สม้ ควนั ไม้ บ่อแก๊สชวี ภาพ บ่อแก๊สชวี ภาพ
สมุนไพรไล่แมลง นำ้ กล่ันสมุนไพรบ่อแกส๊ ชีวภาพ บอ่ แก๊สชีวภาพ ฮอร์โมนผลไม้ หวั เชื้อชวี ภำพบอ่ แกส๊ ชีวภาพ บอ่ แก๊สชีวภาพไส้เดือนในกะละมัง หอยขมในกระชัง บ่อแก๊สชีวภาพ บอ่ แก๊สชวี ภาพ
กบคอนโด กบในลองบอ่ แก๊สชวี ภาพ บอ่ แกส๊ ชวี ภาพจง้ิ หรีดในลอง ปลำดกุ ในลองบ่อแก๊สชวี ภาพ บอ่ แก๊สชวี ภาพปลำดุกในกระชัง กบในกระชังบอ่ แก๊สชีวภาพ บอ่ แกส๊ ชีวภาพ
แปลงนำขำ้ วเกษตรอินทรยี ์ สวนสมุนไพร บ่อแก๊สชวี ภาพ บอ่ แก๊สชวี ภาพ เกษตรปลอดสำรผักสวนครวั ร้วั กินได้ บอ่ แก๊สชวี ภาพ บ่อแก๊สชวี ภาพ กำรทำเห็ด กำรทอผำ้ ไหมบอ่ แก๊สชวี ภาพ บอ่ แก๊สชวี ภาพ
กำรเลี้ยงแพะ กำรเลี้ยงวัวบอ่ แก๊สชวี ภาพ บอ่ แก๊สชีวภาพแหล่งเรยี นรู้ประเภทท่องเทีย่ วเชิงเกษตรศูนย์เรียนรูก้ ลุ่มวิสำหกิจ ชุมชนบ้ำนกุ่มพฒั นำ
ศูนย์เรยี นรกู้ ลุ่มวิสำหกจิ ชุมชนบำ้ นกุม่ พฒั นำ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านกุ่มพัฒนา หมู่ท่ี 2 ต.บางแพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี มีนายคะนองโปรักษ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านกุ่มพัฒนา เป็นกลุ่มหน่ึงท่ีมีศักยภาพ มีผลการดาเนินงานอย่างต่อเน่ือง และสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน เป็นตัวอย่างในการประกอบอาชีพการเกษตร จุดเด่นของวิสาหกจิ ชุมชนนีท้ ่ีเหน็ ได้อย่างชัดเจน คอื เร่ืองแนวคิดในการบริหารจดั การตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงมีการวิเคราะห์สถานการณ์ สามารถ “คิดเป็น” หาทางแก้ปัญหาของชุมชน มีการนาเอาเทคโนโลยีเร่ืองของการประหยัดพลังงานมาประยุกต์ใชใ้ นการดาเนินกิจการมีการใชท้ รัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างคุ้มค่าซงึ่ จะเป็นแนวทางในการพฒั นาอาชพี อยา่ งยั่งยนื กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านกุ่มพัฒนา เกิดจากการรวมกลุ่มของแม่บ้านท ากิจกรรมอาชีพเสริมสร้างรายได้ เช่น น้าพริกแกง น้าพริกเผา ต่อมาได้มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น จึงได้จดทะเบียนจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เม่ือวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2549 ปัจจุบันกลุ่มมีอาชีพเสริม และกิจกรรมของกลุ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ได้จัดต้ังกลุ่มการเพาะเห็ด ต้ังแต่การผลิตก้อน เปิดดอก จนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ด ซึ่งได้รับความรู้ และคาแนะนาจากคลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงมาโดยตลอด และสมาชิกในกลุ่มบางคนมีอาชีพเล้ยี งสัตว์คือการเลย้ี งหมูหลุม โดยปกติผูเ้ ล้ียงจะใชแ้ กลบซึ่งซ้ือมาจากโรงสีข้าว แต่ปัจจบุ ันได้นาก้อนเห็ดที่ทาการเปดิ ดอกหมดแล้วมาใส่ในคอก แทนแกลบ และนามูลหมูที่ไดร้ วมกับขีเ้ ลื่อยไปทาปยุ๋ เพ่ือปลูกพืชผักในการเลี้ยงหมหู ลุม อาหารท่ใี ช้เล้ยี งคือ ต้นกลว้ ย ซ่ึงปลกู ตามร่องสวน ผลของกล้วยส่งท้องตลาด บางคร้ังมีราคาพอจะส่งขายตลาดได้บ้างแต่บางครั้งราคาตกต่าจนต้องท้ิงให้เป็นปุ๋ย ทางกลุ่มจึงคิดหาวิธีที่จะแปรรูปกล้วยขึ้น โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 ทางกลุ่มได้เข้าร่วมโครงการสัมมนาอบรมการนาพลังงานทดแทนมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มยอดผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ทางสานักพลังงานจังหวัดราชบุรี ได้อนุมัติสนับสนุนโรงเรือนอบพลังงานแสงอาทิตย์ให้กลุ่มเพื่อใช้สาหรับตากหรืออบผลผลิตทางการเกษตร กลุ่มจึงทดลองนากล้วยน้าวา้มาอบในโรงเรือนพลงั งานแสงอาทิตย์ แต่ผลิตภัณฑท์ ี่ได้ไมเ่ หมือนกับท้องตลาด จึงได้เขา้ มาปรึกษากับทางคลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ในการทาผลิตภัณฑ์กล้วยตากให้ได้คุณภาพตามท้องตลาดต้องการ ซ่ึงทางคลินิกเทคโนโลยีได้เห็นถึงความจาเป็นที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ กล้วยตาก เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของกลมุ่ วสิ าหกิจชุมชนบ้านกุ่มพฒั นา
ผลิตภณั ฑเ์ ห็ดแปรรูป
แผนท่เี ดนิ ทำง ผลิตภณั ฑก์ ลว้ ยตาก
แหล่งเรียนรู้ประเภททอ่ งเที่ยวเชงิ เกษตร ไร่ปลกู รัก
ไร่ปลกู รัก ไร่ปลกู รกั หรือ Thai Organic Farm ของคณุ กานต์ ฤทธ์ขิ จร และภรรยา ท่อี ยากจะหาวัตถุดิบในการทาอาหารเพ่ือสุขภาพให้กับร้านอาหารของตัวเองจนนามาสู่การเปิดฟาร์มออร์แกนิกส์ ไร่ปลูกรักท่ีจังหวัดราชบุรีข้ึนมา บนพ้ืนท่ี60ไร่ ปัจจุบันดาเนินการผลิตสินค้า เกษตรอินทรีย์ระดับสากล เช่น ผักสด,พืชไร่, สมุนไพร, ปลา, เป็ดไข่ และสินค้าแปรรูปออแกนิกส์จากในฟาร์ม ส่งออกจาหน่ายทั้งในและตา่ งประเทศ และยงั เปน็ ศนุ ย์เรยี นรเู้ ร่ืองการทาการเกษตรแบบออรแ์ กนกิ ส์ทส่ี าคัญอดี ้วย ภายในฟาร์ม จะมีการผลิตพืชผัก ไขเ่ ปด็ และเลย้ี งปลา แบบออร์แกนนิก ซ่ึงเป็นวิธีการทีแ่ ตกต่างจากการเลี้ยงหรือปลกู พืชทวั่ ๆไป ซึ่งกาลงั เป็นทีน่ ยิ มกันมากในเร่ืองของสินคา้ ออรแ์ กนิกส์ ไร่ปลูกรักเรม่ิ ทามาต้ังแต่ปี 2543 โดยคุณ คุณกานต์ ฤทธิ์ขจร และภรรยา คือคณุ อโณทยั กอ้ งวัฒนา เป็นผู้บกุ เบิกสร้างไร่ปลูกรักข้ึนมา เดิมก่อนท่ีจะมีไร่ปลูกรัก คุณกานต์ และคุณ อโณทัยได้เปิดร้านอาหารที่กรุงเทพฯ ช่ือร้านอโณทัย พอทาร้านอาหารเสร็จก็อยากจะหาแหล่งวัตถุดิบท่ีเป็นออร์แกนิกส์ จึงเริ่ม มาทาในส่วนของไร่ปลูกรัก ในพื้นท่ี 60 ไร่ ให้เป็นไร่ที่เป็นออร์แกนนิกส์จริงๆ ในช่วง 12 ปีท่ีผ่านมา คาว่าออร์แกนิกส์อาจจะยังไม่แพร่หลายนัก เราก็ทาการสารวจตลาดดูวา่ ในตลาดของประเทศที่เจรญิ แล้วเปน็ ยงั ไง คุณอโณทัยได้
มีโอกาสไปเรียนด้านอาหารในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีตลาดในส่วนท่ีเป็นออร์แกนิกส์ฟู้ด ซ่ึงกาลังเป็นเทรนดท์ ี่มาแรงมาก แม้กระท่งั เจา้ ฟ้าชายชาลส์ เองก็ยังทรงเปิดฟาร์มออแกนิกส์ของตวั เอง กเ็ ลยมองเห็นความน่าสนใจของออร์แกนิกส์ จึงทาการศึกษาเพิ่มเติม ไปพบพุดคุยกับผู้รู้ เกษตรกรท่ีทาข้าวส่งออกจริงๆ ไร่ปลูกรักเปน็ ฟาร์มออร์แกนิกส์ท่ีได้รบั การรบั รองจากสานักงานมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี แ์ ห่งประเทศไทย ซึ่งให้การรับรองระบบ จากสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติด้วย ท่ีมีชื่อย่อว่า IFOAM เป็นเครื่องหมายที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ในสินค้าออร์แกนิกส์ท่ีผลิตในฟาร์มที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากIFOAM ซ่ึงมีการตรวจสอบท้ังการจัดการในฟาร์ม ร่วมถึงเมล็ดพันธ์ท่ีใช้ด้วย อย่างการเล้ียงปลานิลสมัยน้ีมักจะเป็นปลานิลที่ไม่ค่อยมีไข่ เพราะถูกดัดแปลงพันธ์ุกรรม ให้เป็นเพศผู้เพื่อจะเป็นปลาท่ีมีเนื้อเยอะ ถ้าเป็นการเลี้ยงอย่างออร์แกนิกส์ เราจะไม่ใช้ปลาท่ีแปลงเพศ อาหารที่เล้ียงสัตว์ทุกชนิดในฟาร์มก็ต้องเป็นออร์แกนิกส์ด้วยเช่นกัน ตราน้ีทาให้ทางฟาร์มสามารถส่องออกผลิตภัณฑ์ของฟาร์มไปได้ทั่วโลก ซ่ึงในปจั จุบนั ทางฟาร์มก็มีผลิตภัณฑห์ ลากหลายชนิดท่สี ่งออกไปยังต่างประเทศ ทางฟาร์มยังเป็นผู้ให้คาปรึกษากบั เกษตรกร หรือผู้สนใจทาฟาร์มออรแ์ กนนกิ ส์อกี ด้วยกิจกรรมในไร่ปลกู รกั - กินอาหาร เครือ่ งดม่ื ออรแ์ กนกิ ส์ และคกุ ก้ีโอมเมด - สารวจแมลงในฟาร์มออร์แกนนิกส์ \"จบั ดู รู้ ปลอ่ ย\" - ทาของเลน่ และกจิ กรรมศิลปะจากธรรมชาติ - เวริ ์คชอปนา้ สลัดสูตรสมุนไพรออร์แกนิกส์ พร้อมสูตรเด็ดนากลับบ้าน - เก็บไข่เปด็ และทาไขเ่ ค็มออรแ์ กนิกส์ - เปดิ ประสาทสัมผัสชมิ ชาสมุนไพร และดอกไมอ้ อรแ์ กนกิ ส์กับสโคน - เวิรค์ ชอปไอศกรมี โฮมเมดจากวตั ถดุ ิบออรแ์ กนิกส์ - ปลูกผักคลายโลกรอ้ น แล้วนากลบั ไปฟมู ฟกั ตอ่ ทบ่ี า้ น - ทาปยุ๋ นา้ ชาง่ายๆ สตู รไร่ปลกู รกัโซน Organic Farmhouse มบี รกิ ารอาหารและเคร่ืองดม่ื ออรแ์ กนกิ ส์ มที ัง้ อาหารไทย และอาหารจาพวกสปาเกต็ ตี้ ทเี่ ป็นเส้นออรแ์ กนกิ ส์ ซปุ ตา่ งๆ ขนมคุกก้ี กจ็ ะเป็นออร์แกนิกส์ด้วยเชน่ กัน ราคาอาหารจะอยู่ในช่วง 45-50 บาท สาหรับอาหารจานเดียว รองรับคนได้ประมาณ 120 คนแต่หากเป็นงานกลางแจ้งเคยจัดรองรับคนได้ถึง800คนมาแล้ว ภายในยังมีโซนจาหน่ายผลติ ภัณฑ์ของทางฟาร์มด้วย และยังส่งจาหน่ายใน ซูเปอร์มาเก็ตชั้นนากว่า 20 สาขา อาทิ ทอปมาร์เก็ตเพลส, สยามพารา
กอน, เอ็มโพเรียม, เดอะมอลล์, วลิ ล่า, เลมอนฟาร์ม เมล็ดพันธพ์ุ ชื ทางฟาร์มก็มีจาหน่ายใหก้ ับผสู้ นใจปลูกผักออร์แกนกิ ส์ และสามารถสัง่ ซื้อไดท้ างไปรษณีย์อีกดว้ ย โซนของร้านอาหาร Farmhouse
ผลติ ภัณฑ์ จำกไรป่ ลูกรกั
เซตผักออร์แกนกิ ส์ไร่ปลูกรกั (จดั ส่งทำงไปรษณยี ์)ไข่เปด็ กำกีไร่ปลกู รกั เลี้ยงโดยไม่ใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ใช้ข้าวออร์แกนิกมาตรฐาน EU,COR andIFOAM เปน็ อาหารหลกั ของเปด็ การเลีย้ งจัดการบริเวณเล้ียงมีพื้นที่ Swimming Area,Indoor Outdoorand -Free Range ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ปราศจากสารเพ่ิมสีเเดงในไข่เป็ด ส่วนลูกเป็ดออร์แกนิกส์เพาะเลี้ยงจากพอ่ เเมเ่ ปด็ ไร่ปลกู รกั และควบคมุ อุณหภูมหิ ลังเก็บไขใ่ นหอ้ งเย็นจนถึงมือผ้บู ริโภค ไข่เปด็ กำกขี องไร่ปลูกรกั
ขน้ั ตอนกำรทำไขเ่ ค็ม 1. หลงั ไดไ้ ข่เป็ดมาแลว้ นามาลา้ งนา้ ให้สะอาด 2. นาไขเ่ ปด็ ไปใส่ในขวดแก้วเลก็ ๆ โดยเวลาที่ใส่ไข่ลงไปให้ใส่ในแนวนอนเพราะจะได้ไม่แตก 3. ใส่นา้ เกลอื เข้าไปให้ท้วมไข่ 4. จากน้ันนาถุงเลก็ ๆ ใสน่ า้ เกลอื มดั ดว้ ยหนงั ยางแลว้ ใสเ่ ข้าไปในขวดแก้ว เพื่อดันไม่ใหไ้ ข่ลอย ขนึ้ มา 5. มัดปากขวดด้วยถุงพลาสติกแล้วรดั ด้วยหนังยางให้แนน่ กอ่ นทจี่ ะปิดฝาขวด 6. ท้ังไว้ 15 วันกส็ ามารถรบั ประทาน หรือนาไปประกอบอาหารได้ ไขเ่ ป็ดมำทำไข่เคม็ ออร์แกนิกส์
ขอ้ มูลเพมิ่ เติม สถานทีต่ ัง้ : ไรป่ ลูกรกั 130 หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ต.วงั เย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160 โทรศัพท์ 086 332 7365 , 086 313 8797 ค่าใชจ้ า่ ยในการเข้าชมและทากจิ กรรมที่ไรป่ ลกู รัก (ต้องตดิ ต่อล่วงหนา้ ) : ผู้ใหญ่ 75 บาทเด็ก 3-12 ปี 450 บาท ราคาอาหาร : จานละ 45 บาทโดยประมาณ สินคา้ แนะนา : น้าส้มสายชจู ากข้าวหอมมะลิ,ชาดอกกหุ ลาบ, แยมลกู หมอ่ น, ไอศรีมกลีบกหุ ลาบ,ไอศกรีมฝรง่ั ร้านเปิด องั คาร-อาทิตย์ (ปดิ วนั จนั ทร)์ เวลา 09.00 น. - 17.00 น. เว็บไซต์ : www.thaiorganicfood.com เฟสบุค๊ : facebook.com/Kaanritkhachorn อเี มล์ : [email protected], [email protected] การเดินทาง : จากกรงุ เทพฯ ให้วงิ ถนนเพชรเกษมตรงมาราชบุรี จะพบสหกรณโ์ คนมหนองโพ ที่กม.73 ใหว้ ง่ิ ตรงมาอีก 5 กิโลเมตร จะพบไร่ปลูกรักที่ กม.78 ไรจ่ ะอยทู่ างซ้ายมือ แผนทก่ี ำรเดินทำง
แหลง่ เรยี นรปู้ ระเภท ท่องเทีย่ วเชิงเกษตรThe Blooms Orchid Park
The Blooms Orchid Park The Blooms Orchid Park สถานท่ีท่องเที่ยวสาหรับคนรักกล้วยไม้ มีเนื้อที่ประมาณ 100ไร่ เป็นอุทยานกล้วยไม้ที่สร้างขึ้นในบรรยากาศของธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเท่ียวใหม่ของราชบุรี ท่ีเป็นส่วนขยายธุรกิจของบริษัท “สยำมฟลำวเออร์” ซ่ึงทาธุรกิจส่งออกดอกกล้วยไม้รายใหญ่ของไทยมากว่า30 ปี
ภายใน The Blooms Orchid Park แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนของอุทยานกล้วยไม้และส่วนของโรงเรือนปลูกกล้วยไม้ขนาดใหญ่ สาหรับในส่วนของอุทยานกล้วยไม้ได้จัดทาเป็นทางเดินชมบรรยากาศในสวนอนั ร่มร่นื โดยสองขา้ งทางประดบั ตกแต่งดว้ ยตน้ ไมด้ อกไม้ โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้นานาพันธ์ุท่ีนามาตกแต่งตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้า เป็นจุดต้อนรับผู้ที่เข้ามาชมด้วยดอกกล้วยไม้กว่า 10 ชนิดหลากสีสัน มีตั้งแต่กล้วยไม้พันธุ์แท้ที่เติบโตตามธรรมชาติ และกล้วยไม้ลูกผสมสายพันธุ์ต่างๆ ท่ีล้วนแล้วแต่มีสีสันสดใส มีรูปทรงของดอกท่ีอ่อนช้อยงดงาม อาทิ แวนด้า ที่มีกลีบบานแข็ง กล้วยไม้สกุลหวายกล้วยไมท้ พี่ บมากทีส่ ุดในประเทศไทย กล้วยไม้ลกู ผสมของสกุลเขม็ กลว้ ยไม้สกลุ ออนซิเดียม เปน็ ต้น ท้ังน้ีกล้วยไม้ท่ีนามาประดับนั้นจะผลัดเปล่ียนกันไปตามฤดูกาล ซึ่งกล้วยไม้แต่ละชนิดก็จะบานไม่พร้อมกัน ดังนั้นตลอดท้ังปีจะมีดอกกล้วยไม้ให้ชมทุกช่วงเวลา เช่น ช่วงต้นปีท่ีผ่านมาจะเป็นกล้วยไม้สกุลช้างต่างๆ ท้ังช้างกระ ช้างส้ม ช้างแดง ฯลฯ ส่วนในช่วงน้ีท่ีเป็นฤดูร้อน กล้วยไม้ในสกุลหวายหรือเอื้องก็กาลังผลิดอกเบ่งบาน ไม่ว่าจะเป็น เอื้องผ้ึง กล้วยไม้น่ารักออกดอกสีเหลืองสดใส กลีบดอกชั้นในแต่งแต้มด้วยสีส้มดูแล้วสดชื่น เอื้องสำยน้ำผึ้ง ที่มีกลีบดอกสีม่วงอ่อน มีกล่ินหอมหวานสดช่ืน เป็นตน้ ภายในสวนตกแต่งอย่างสวยงาม มีมุมให้นักท่องเท่ียวได้แวะถ่ายภาพกับดอกกล้วยไม้สวยๆบางมุมตกแต่งเป็นน้าตกเล็กๆ เลียนแบบธรรมชาติ เดินชมดอกไม้ไปได้ยินเสียงน้าไหลไปด้วยได้เป็นการผ่อนคลายบรรยากาศได้เป็นอย่างดี โซนโรงเรือนกล้วยไม้ที่อยู่ติดกัน ในโรงเรือนนี้มีฟาร์มกล้วยไม้ท่ีเลย้ี งไว้เพ่ือตดั ดอกขายท้ังในประเทศและต่างประเทศ เป็นฟารม์ กลว้ ยไม้ขนาดใหญ่ทเ่ี ต็มไปดว้ ยดอกกล้วยไม้สีสดใส และภายในโรงเรอื นยังจัดเป็นมุมสวนหย่อมให้ไดถ้ า่ ยรปู อกี เชน่ กนั นอกจากนั้น ยังมีห้องปฏิบัติการเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือกล้วยไม้เล็กๆ ให้ผู้ที่สนใจในกระบวนการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือท่ีค่อนขา้ งจะมีรายละเอยี ดเยอะทีเดียว ไปจนถงึ กระบวนการนามาปลูกเลีย้ งในโรงเรือนขนาดใหญ่ เส้นทางเดินชมอุทยานสะดวก ร่มร่ืน นอกจากนี้ในส่วนต่อขยายจะมีฝูงนกยูงในกรงเปิดท่ามกลางธรรมชาติ มีเส้นทางจักรยาน เข้าชมแปลงทุ่งนาเขียวขจีและกระบือ ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมอย่างใกล้ชิดเร็วๆ น้ี เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนสาหรับทุกวัย ทั้งน้ีทาง The Blooms Orchid Park ยังมีเรือนกาแฟ และหอ้ งขายของทร่ี ะลกึ ไว้คอยบริการนกั ทอ่ งอกี ดว้ ย
จดุ จำหน่ำยบัตร กล้วยไมน้ ำนำพนั ธุ์น้ำตก The Blooms
มมุ ถำ่ ยรปู สวย ๆ
วำ่ นหำงช้ำงหรอื เพชรหงึ กลว้ ยไม้สำยพนั ธ์ุทใ่ี หญ่ท่ีสุดในโลก ไอยเรศ
กุหลำบเหลืองโครำชและเอื้องเสอื แผว้ น้อยเอ้อื งล้นิ คำหรืองเู ขยี วนอ้ ย กลว้ ยไมแ้ ปลกอกี ชนดิ ท่ีออกดอกช่วงหน้ำรอ้ น
เข็มหนูเป็นกล้วยไม้อิงอำศัยขนำดเล็ก เจริญทำงยอด ออกดอกเป็นช่อตำมซอกใบ กลีบเล้ียงและกลีบดอกแผ่เป็นรูปไข่ขนำดใหญก่ วา่ ส่วนอ่ืน ออกดอกช่วงเดือนกมุ ภาพนั ธ์-เมษายน เออื่ งแพน (สกุล Oberonia) กลว้ ยไมพ้ นั ุธ์แท้ท่ีดอกเลก็ มากๆ
มแี ลปเพำะเน้อื เย่ือ และปลูกไวเ้ พื่อซ้ือกลับบำ้ น ร้ำนกำแฟ
ข้อมูลเพม่ิ เติมชื่อ : The Blooms Orchid Parkประเภท : แหลง่ ท่องเทยี่ ว อุทยานกลว้ ยไม้ท่อี ยู่ : บริษทั เดอะบลูมส์ ออร์คดิ ปาร์ค จากัด เลขที่ 65 หมู่ท่ี 7 ตาบลวดั แกว้ อาเภอบางแพ จงั หวดัราชบุรี 70160โทรศพั ท์ : 086-111-0084, 089-967-5212เปิดบรกิ ำร : เปดิ บริการทุกวันต้งั แตเ่ วลา 9.00 น.-17.00 น.คำ่ เข้ำ : ผูใ้ หญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาทสถำนท่ีจอดรถ : กว้างขวางเปน็ ของตวั เอง สามารถรองรบั กลุ่มทัวรไ์ ด้สิง่ อำนวยควำมสะดวก : • ฟรี wi fi • ห้องน้าแยกชายหญงิ • ร้านของท่รี ะลึก • ร้านกาแฟ • เรือนรบั รองแขก • ลานจอดรถฟรีWebsite : www.thebloomsorchidpark.comFacebook : https://www.facebook.com/pages/The-Blooms-Orchid-Parkการเดินทาง : • จากกรุงเทพฯ ใชเ้ ส้นทางถนนสายเพชรเกษมผา่ นจังหวดั นครปฐม ตรงผา่ นสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรีจากน้ันใช้สะพานข้ามส่ีแยกบางแพตรงมาประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายท่ีคลอง ชลประทาน หลัก กม.ที่ 84 + 380 ม. วิง่ เลยี บคลองชลประทานไปประมาณ 4 กม. • จากอาเภอดาเนินสะดวก บนถนนสายดาเนินสะดวก – บางแพ ผ่านวัดหลวงพ่อสดมาถึงแยกหัว โพ ใหเ้ ล้ยี วซ้ายมา 3 กม. ถึงคลองชลประทาน จากนั้นเล้ียวขวาวิ่งเลยี บคลองชลประทานมาอกี 2 กม.
แผนท่กี ำรเดนิ ทำง
แหลง่ เรียนรู้ประเภททอ่ งเที่ยวเชิงเกษตร ดอนเอ๋ย...ดอนคำ
ดอนเอ๋ย...ดอนคำ ตาบลดอนคาแต่เดิมเปน็ ท่ีรกร้างว่างเปลา่ ประชาชนในจังหวัดเพชรบุรีได้อพยพเข้ามาถางให้เป็นท่ีอยู่อาศัย โดยเข้ามาช่วงปลายรัชกาลท่ี 4 ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยทรงดา ในปัจจุบันประชาชนประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร ได้แก่การทาสวนผลไม้ เช่นมะม่วง ชมพู่ ซ่ึงเป็นแหล่งส่งออกมะม่วงและชมพู่ท่สี าคัญของประเทศ ขณะท่ีทางด้านการประมงมีการเล้ียงปลาและกุ้ง ตาบลดอนคาเป็นแหล่งเล้ียงกุ้งก้ามกรามที่สาคัญของอาเภอบางแพซึ่งเป็นอาเภอท่ีมีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวท่มี าชมเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี วจะไดส้ ัมผสั วิถชี ีวติ ของชมุ ชน ดอนเอ๋ย...ดอนคำ เป็นการรวมกลุ่มกันของแหล่งท่องเท่ียวเชิงเกษตร และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพ่ือสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวของตาบลดอนคา อาเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มท่ีเกิดจากการร่วมกลุ่มกันของ วิสาหกิจชุมชนเกษตรใจรักษ์, นีโอฟาร์ม, วิสาหกิจชุมชนเกษตรพอเพียงตาบลดอนคา, วิสาหกิจชุมชนชาวสวนบางแพ-ดาเนินสะดวก และวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอาเภอบางแพ และชุมชนตาบลดอนคา อาเภอดอนคา ร่วมกันจัดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขับเคลื่อนแบบประชารฐั โดยมีชุมชนเป็นศูนยก์ ลางในการพฒั นา ดาเนินการโดยกลุ่มบุคคลท่ีมีองค์ความรู้และประสบผลสาเร็จในการประกอบอาชีพ ด้านการเกษตร และพร้อมที่จะเปิดบ้านถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผู้ที่สนใจ โดยกาหนดเป็นหลักสูตรการจัดการความรู้เรื่องต่างๆตามสถานการณ์และความต้องการของผู้มาเยี่ยมชม ในเบื้องต้นกาหนดจัดกิจกรรมเดือนละ 2 คร้ัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ผู้มาเที่ยวชมได้มาสัมผัสวิถีชีวติ ประเพณี วัฒนธรรม
Search