Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore sciean 2

sciean 2

Published by LANNA RAKNGAM, 2019-08-28 00:52:57

Description: sciean 2

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์ช้ันอนุบาล 3/2 หน่วย วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ โรงเรียนบ้านป่ าเหมอื ด อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 สาระสาคญั วทิ ยาศาสตร์หมายถึง กระบวนการหรือวธิ ีการแสวงหาความรู้ ความจริงจากธรรมชาติอยา่ งมีระบบ เพอ่ื อธิบายและทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มต่างๆ โดยการสังเกต ทดลอง การวิเคราะห์ อยา่ งมี เหตุผล มีจิตวทิ ยาศาสตร์หรือเจตคติวิทยาศาสตร์มีการใชว้ ธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือให้ไดม้ าซ่ึง ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ทเ่ี ป็นที่ยอมรบั และเช่ือถือได้ วทิ ยาศาสตร์ มีบทบาทสาคญั อยา่ งยง่ิ ในการดารงชีวติ ของมนุษย์ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เป็ นกระบวนการสาคญั ท่ีจะทาให้เกิดการพฒั นาวิธีคิด ท้งั ความคิดเป็ น เหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวเิ คราะห์วจิ ารณ์ มีทกั ษะ ที่สาคญั ในการคน้ ควา้ ความรู้ มีความสามารถในการ แก้ ปัญหาอยา่ งเป็ นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใช้ขอ้ มูลที่หลากหลายและมีประจกั ษพ์ ยานตรวจสอบได้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษยส์ ร้างข้ึน รวมถึง การนาความรูไ้ ปใชอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ มีเหตุผล มีคุณธรรม นอก จากน้นั ยงั ช่วยใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ ทีถ่ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์ การดูแลรกั ษา ตลอดจนการพฒั นา ส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ อยา่ งสมดุลยแ์ ละยง่ั ยนื ประโยชน์ของการเรียนวทิ ยาศาสตร์ 1.ช่วยใหเ้ ดก็ เป็นคนช่างสงั เกตจากประสบการณ์ทีเ่ ด็กได้ ลงมือปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง 2.ช่วยใหเ้ ด็กมีประสบการณ์ทางวทิ ยาศาสตร์ 3.ช่วยใหเ้ ดก็ รูจ้ กั ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของสิ่งแวดลอ้ ม 4.ช่วยใหเ้ ด็กใชเ้ วลาวา่ งอยา่ งมีคุณค่าและเกิดประโยชน์ 5.ช่วยใหเ้ ดก็ มีอิสระในการคิด การเลือกทากิจกรรมตาม ความพงึ พอใจ 6. ช่วยใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชส้ ่วนต่างๆของร่างกายในการทางานเพอื่ ประสานสมั พนั ธก์ นั ทาเพอื่ ใหเ้ กิดทกั ษะในการ เคลื่อนไหว 7. ช่วยใหเ้ ด็กกระตอื รือรน้ อยากรูอ้ ยากเห็น ตอบสนอง ความตอ้ งการตามธรรมชาตขิ องเด็ก 8. ช่วยพฒั นาความสามารถทางดา้ น ร่างกาย อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา 9. ช่วยตอบสนองธรรมชาติ ตามวยั ของเดก็ 10. ช่วยให้เด็กเป็นนกั คดิ นกั คน้ ควา้ ทดลอง เพอ่ื ส่งเสริมใหเ้ ดก็ สมั ผสั และปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง และเด็กไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกับเก่ียวกบั ความหมายของวิทยาศาสตร์และการทดลองการลาเลียงน้าของพืชและ เคล็ดลบั การนาดินสอแทงถุงน้า เด็กได้ทดลองเทียนดูดน้าและลูกโป่ งทนความร้อน เด็กได้ทดลอง

กระดาษกนั น้าและไข่เดง้ ด๋ึง เด็กทดลองการทาให้น้าเป็ นน้าแข็งและการจมการลอยของผลไม้ เด็กได้ ทดลองเรื่องเนินน้าและแสงเล้ียวเบนและเรียนรู้ประโยชน์ของการเรียนวทิ ยาศาสตร์ การวิเคราะห์มาตรฐาน มฐ.5 มฐ.6 มฐ. 7 มฐ.8 มฐ.9 มฐ.10 มฐ.11 มฐ.12 มฐ. 1 มฐ.2 มฐ.3 มฐ.4 1 2 3 41 2 3 1 2 1 2 3 123 1 23 1 2 12 1231212 1 จดุ ประสงค์การจัดการเรียนรู้ 1.เด็กสามารถการเคล่ือนไหวตามคาส่ังได้ เด็กสามารถเคลื่อนไหวผูน้ า-ผูต้ ามได้ เด็กสามารถ เคล่ือนไหวประกอบเพลงที่สนใจได้ 2.เด็กได้เรียนรู้เก่ียวกับเกี่ยวกับความหมายของวิทยาศาสตร์ และการทดลองการลาเลียงน้าของพืช และเคล็ดลับการนาดินสอแทงถุงน้า เด็กได้ทดลองเทียนดูดน้าและลูกโป่ งทนความร้อน เด็กได้ทดลอง กระดาษกันน้าและไข่เด้งดึ๋ง เด็กทดลองการทาให้น้าเป็ นน้าแข็งและการจมการลอยของผลไม้ เด็กได้ ทดลองเร่ืองเนินน้าและแสงเลยี้ วเบนและเรียนรู้ประโยชน์ของการเรียนวิทยาศาสตร์ 3.เด็กสามารถเล่นมุมบา้ น มุมวิทยาศาสตร์ หรือการเล่นตามมุมบล็อกต่างๆ รวมไปถึงการอ่าน หนงั สือท่ีมุมมุมหนงั สือและการทางานตามมุมภาษาและมุมคณิตศาสตร์ได้ 4. เด็กสามารถป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกชื่อผลงานได้ เด็กขีดเขียนไปมาตามความ สนใจได้ เด็กวาดภาพระบายสีกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ที่ตนเองทดลองและนาเสนอผลงานได้ เด็กสามารถพบั สีได้ เดก็ สามารถเป่ าสีได้ เด็กสามารถดีดสีได้ เด็กสามารถกล้ิงสีได้ เดก็ สามารถต่อเติมภาพจากรูปทรงได้ 5.เดก็ สามารถเล่นน้าเล่นทรายได้ เด็กสามารถเล่นเครื่องเล่นสนามได้ เด็กสามารถทากิจกรรมวง่ิ เปร้ียวได้ เด็กสามารถเล่นการละเล่นพ้นื บา้ น”แข่งเรือบก”ได้ เดก็ สามารถรักษาความปลอดภยั ของตนเอง และผอู้ ่ืนได้ 6.เด็กสามารถเล่นเกมภาพตดั ต่อได้ เด็กสามารถเล่นเกมจดั หมวดหมู่ภาพกับสัญลกั ษณ์ได้ เด็ก สามารถเล่นเกมจบั คู่ภาพเหมือนได้ เดก็ สามารถเล่นเกมจบั คู่ภาพทีส่ มั พนั ธก์ นั ได้

ความหมายของวทิ ยาศาสตร์และการกัก เทยี นดูดนา้ กันน้าไว้ได้และไข่เด้งดึง๋ เกบ็ น้าของพชื และเคล็ดลับการนาดินสอ และลูกโป่ งทนความร้อน กระดาษที่เรานามาปิ ดปากแก้วไว้ทาให้เกิด ปฏิกิริ ยาน้ีเป็ นปฏิกิริ ยาสันดาษเกิด แรงดัน ซ่ึ งภายในแก้วน้ันมีท้ังน้ าและ แทงถุงนา้ จากการที่ก๊าซออกซิเจนถูกใช้ใน อากาศอยู่ แตอ่ ากาศท่ีมีอยู่ภายในมีน้อยกว่า วิทยาศาสตร์เป็ นกระบวนการหรือวิธีการ ก า ร เ ผ า ไ ห ม้ ท า ใ ห้ เ กิ ด ก๊ า ซ อากาศภายนอกแก้ว จึงเกิดการดนั กนั ทาให้ แสวงหาความรู้ ความจริ งจากธรรมชาติ คา ร์ บ อ นไ ด อ อ กไ ซ ด์ข้ึ นมา ห ลัง กระดาษไมต่ กลงมานน่ั เอง อยา่ งมีระบบเพ่ืออธิบายและทาความเขา้ ใจ จากน้นั ความดนั อากาศท่ีอยู่ในแก้ เก่ียวกับธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มต่างๆ วจะลดนอ้ ยลง ความดนั อากาศจาก เปลือกไข่ประกอบดว้ ยแคลเซียมเม่ือแช่ลง โดยการสงั เกต ทดลอง การวิเคราะห์อยา่ ง นอกแกว้ กจ็ ะดนั น้าเขา้ มาในแกว้ ในน้ าส้มสายชูความเป็ นกรดของน้ าส้ม มี เหตุผล มีจิตวิทยาศาสตร์หรื อเจตคติ สายชูจะทาให้มีปฏิกิริยาเกิดข้ึน และถ้ามี วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ มี ก า ร ใ ช้ วิ ธี ก า ร ท า ง น้าในลูกโป่ งจะดูดซับความร้อน ก า ร สั ง เ ก ต จ ะ เ ห็ น ฟ อ ง อ า ก า ศ วิทยาศาสตร์ เพื่อให้ไดม้ าซ่ึงความรู้ทาง จากเปลวเทียน จึงทาให้ผิวของ คาร์ บอนไดออกไซด์ไปจับตัวอยู่รอบ วิทยาศาสตร์ท่ีเป็ นท่ียอมรับ ลูกโป่ งไมถ่ ูกเผาไหมแ้ ละระเบิด เปลือกไข่ทาใหเ้ ปลือกไขถ่ กู กดั กร่อน เนื่อง จากน้าส้มสายชเู ป็นของเหลวจึงสามารถซึม พืชจะคอยดูดซับน้ า จึงทาให้มนั ดูดสีที่ ผา่ นเปลือกไขเ่ ขา้ ไปยงั ไข่ขาวได้ และไปทา ผสมในน้าผา่ นท่อไปปรากฎบนใบน้นั เอง ปฏิกิริยากบั โปรตีนที่เรียกว่า อลั บูมินในไข่ ขาว ทาให้โปรตีนเกิดการเปล่ียนแปลง เป็ นผลของแรงตึงผิว ท่ีช่วยประสานรอย สภาพ เกิดเป็นโครงสร้างคลา้ ยกบั ยาง ร่ัวหรือกระชบั รอบดินสอไวไ้ ม่ให้น้าไหล ออกมาไดอ้ ยหู่ มดั วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ การทาน้าให้เป็ นน้าแข็งและการจมการลอยของผลไม้ เนินน้าและแสงเลยี้ วเบน น้าที่เยน็ จดั จะกลายเป็ นน้าแข็งเมื่ออุณหภูมิที่ต่ากว่าจุด น้ำมีแรงยดึ เหนี่ยวกนั ทาให้น้าจบั ตวั กนั แน่นโดย เยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียสจะละลายเมื่ออุณหภูมิ เฉพาะทผี่ วิ น้าเรียกวา่ แรงตงึ ผวิ สิ่งที่ทาลายแรงตึง สูงข้ึนและจะมีรูปร่างรูปทรงท่ีแตกต่างกันข้ึนอยูก่ ับ วสั ดุทตี่ อ้ งการ ผวิ ของน้าไดค้ อื น้ายาลา้ งจาน เม่ือนาผลไมไ้ ปลอยน้าจะสงั เกตเห็นไดว้ า่ ผลไมท้ ี่ลอย คุณสมบตั ิพน้ื ฐานของแสง แสงสามารถเล้ียวเบน น้าได้ มีน้าหนังเบากว่าน้า และผลไมท้ ่ีจมน้ามีน้าหนัก ได้หรือเรียกว่าการหักเหของแสงเม่ือใส่วตั ถุที่มี มากกวา่ น้า และเม่ือแกะเปลือกสม้ และกลว้ ยปรากฎวา่ ลกั ษณะต้งั ตรงลงในแกว้ น้าเราจะเห็นรอยหกั ของ ส้มและกลว้ ยจมน้า แสดงว่าเน้ือผวิ ของสม้ และเน้ือผิว วตั ถุระหว่างช้ันของน้าและอากาศและถ้าเป็ น ของกลว้ ยมีน้าหนกั มากกวา่ น้า น้ามนั พชื เราเห็นวตั ถุน้นั มีรอยหกั ขาดจากกนั เลย

เหตผุ ล พอประมาณ ภูมิค้มุ กนั วิทยาศาสตร์เป้ นกระบวนการหรือวิธีการ เราควรนาวทิ ยาศาสตร์ไปใชอ้ ยา่ ง การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็ น แสวงหาความรู้ ความจริงจากธรรมชาติ สร้างสรรค์ มีเหตุผล มีคุณธรรม กระบวนการสาคญั ที่จะทาให้ อ ย่ า ง มี ร ะ บ บ เ พ่ื อ อ ธิ บ า ย แล ะ ท าค ว า ม นอก จากน้ันยงั ช่วยให้มีความรู้ เกิดการพฒั นาวธิ ีคดิ ท้งั ความคิด เขา้ ใจเกี่ยวกบั ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ งเกี่ยวกบั การ เป็ นเหตุเป็ นผล คิดสร้างสรรค์ ต่างๆ โดยการสังเกต ทดลอง การ ใช้ประโยชน์ การดูแลรักษา คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทกั ษะ ที่ วิเคราะห์อยา่ งมี เหตุผล มีจิตวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการพฒั นา ส่ิงแวดลอ้ ม สาคัญในการคน้ ควา้ ความรู้ มี หรือเจตคติวิทยาศาสตร์มีการใชว้ ิธีการ และทรัพยากรธรรมชาติอย่าง ความสามารถในการแก้ ปัญหา ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้มาซ่ึงความรู้ สมดุลยแ์ ละยง่ั ยนื อยา่ งเป็นระบบ ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็ นที่ยอมรับ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคุณธรรม วิทยาศาสตร์ มีบทบาทสาคญั อย่างย่ิง วิทยาศาสตร์ช่วยให้มีความรู้ความเขา้ ใจ ในการดารงชีวติ ของมนุษย์ การเรียนรู้ เกี่ยวกับ ธรรมชาติและเทคโนโลยีท่ี วทิ ยาศาสตร์ เป็ นกระบวนการสาคญั ท่ี มนุษยส์ ร้างข้ึน จะทาให้เกิ ดการพัฒนาวิธี คิด ท้ัง ความคิดเป็นเหตุเป็ นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทกั ษะ ที่สาคัญ ในการคน้ ควา้ ความรู้ มีความสามารถ ในการแก้ ปัญหาอยา่ งเป็นระบบ

1.ท่อง ก-ฮ 1.ทอ่ ง 1-100 1.ทอ่ งA-Z 2.อ่านคาศพั ท์ น้า สี มี ไฟ เทียน 2.คดั เลขอารบกิ 1-50 2.อ่านคาวา่ WATER COLOR ลูกโป่ ง 3.บวกและลบเลขจานวนไม่เกิน 10 FIRE CANDLE BALLOON 3.เขยี น ก-ฮ โดยไม่มีรอยประ 4.นบั จานวนเพอ่ื นในหอ้ งจาก 3.ทอ่ งวนั และชื่อสี ตามวนั 7 วนั 4.เขยี นคาวา่ น้า สี มี ไฟ เทียน Name card 4.ทอ่ งคาศพั ท์ A-Z ลูกโป่ ง 5.เรียนรูเ้ ครื่องหมาย ทาง 5.เขียนตวั A-Z โดยไม่มีรอยประ โดยไม่มีรอยประ คณิตศาสตร์ 6.เขียนช่ือตนเอง 6.ท่องสระภาษาไทยพ้นื ฐาน ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ ภาษาอังกฤษ หน่วย เคร่ืองมือ//เกณฑ์ วิทยาศาสตร์น่ารู้ ประเมินพฒั นาการ วธิ ีการ - แบบบนั ทึก- แบบสังเกต - ผลงาน ระดบั 1- 2- 3 - สงั เกต ผปู้ ระเมิน - ครู

ด้านร่างกาย ส่ิงต่างๆรอบตวั เด็ก MQ AQ - การเคลอ่ื นไหวร่างกาย ธรรมชาตรอบตวั เดก็ - การเล่น - การใชก้ ลา้ มเน้ือเลก็ -ใหญ่ กบั ผอู้ ่ืน - การรู้รักรอ บูรณาการ2สาระ - ความ ด้านอารมณ์ + จิตใจ ภาคภมู ใิ จ คอย - การแสดงออก ความสุข สาระสาคัญ วิทยาศาสตร์คือกระบวนการหรื อวิธีการแสวงหา - ความ สนุกสนาน เอ้ือเฟ้ือมีน้าใจ, ความรู้ ความจริงจากธรรมชาติอยา่ งมีระบบเพ่ืออธิบายและทาความ - รู้จกั รอคอย เข้าใจเก่ียวกับธรรมชาติและส่ิ งแวดล้อมต่างๆ การเรี ยนรู้ เอ้ือเฟ้ื อ แกป้ ัญหา วทิ ยาศาสตร์ เป็ นกระบวนการสาคญั ท่ีจะทาใหเ้ กิดการพฒั นาวิธีคิด ด้านสังคม ท้งั ความคิดเป็ นเหตุเป็ นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มี - ความ - การเล่นร่วมกบั ผอู้ ื่น ทกั ษะ ท่ีสาคญั ในการค้นควา้ ความรู้ มีความสามารถในการแก้ รับผดิ ชอบ - การแบ่งปัน ปัญหาอยา่ งเป็ นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใชข้ อ้ มูลท่ีหลากหลาย - การยอมรับ และมีประจกั ษพ์ ยานตรวจสอบไดค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ช่วยให้มี BBL - การรับผดิ ชอบ ความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ธรรมชาติและเทคโนโลยีท่ีมนุษยส์ ร้าง - การประหยดั ข้ึนรวมถึง การนาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ มีเหตผุ ล มีคณุ ธรรม IQ EQ - การอนุรักษท์ รัพยากร นอก จากน้นั ยงั ช่วยใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งเก่ียวกบั การใช้ - การคิด - สนุกสนาน ประโยชน์ การดูแลรักษา ตลอดจนการพัฒนา ส่ิงแวดลอ้ มและ - การสังเกต ด้านสตปิ ัญญา ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งสมดลุ ยแ์ ละยง่ั ยนื - ร่าเริง - การปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง จาแนก - การสังเกต จาแนก เปรียบเทยี บ เปรียบเทียบ - มคี วามสุข - การสนทนาโตต้ อบ - การคิดจินตนาการ สร้างสรรค์ - การเล่าเรื่อง เน้ือหา K วธิ ีการ ประเมินพฒั นาการ หน่วย กระบวนการP - สงั เกต -ผลงาน วิทยาศาสตร์น่ารู้ คุณธรรมA เคร่ืองมอื / เกณฑ์ - แบบบนั ทกึ - แบบสงั เกต กิจกรรม - ความภาคภูมใิ จในตนเอง - ความรบั ผดิ ชอบ ระดบั 1- 2- 3 - ความชื่นชมในตนเอง - ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ผปู้ ระเมนิ - ครู - ความเอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ เคลื่อนไหวและจงั หวะ เสริมประสบการณ์ เล่นเสรีตามมมุ - การเคลอื่ นไหวประกอบท่า -การเรียนรู้เกี่ยวกบั เกี่ยวกบั ความหมายของวทิ ยาศาสตร์และการทดลองการลาเลียงน้า -การเลน่ มุมบา้ น -การเล่นมุวทิ ยาศาสตร์ กายบริหาร ของพืชและเคลด็ ลบั การนาดินสอแทงถงุ น้า -การทางานมมุ คณิตศาสตร์ -การทดลองเทยี นดดู น้าและลูกโป่ งทนความร้อน -การเลน่ มุมบลอ็ ก - การเคลื่อนไหวผนู้ า-ผตู้ าม -การทดลองกระดาษกนั น้าและไข่เดง้ ด๋ึง -การเล่นมมุ หนงั สือ - การเคลอ่ื นไหวประกอบเพลง -การทดลองการทาใหน้ ้าเป็นน้าแขง็ และการจมการลอยของผลไม้ -การทางานมุมภาษา -การทดลองเร่ืองเนินน้าและแสงเล้ยี วเบนและประโยชน์ของการเรียนวทิ ยาศาสตร์ ศิลปะสรา้ งสรรค์ เล่นกลางแจง้ เกมการศกึ ษา -การป้ันอยา่ งอสิ ระตามจนิ ตนาการและบอกช่อื ผลงาน แผนการจดั ประสบการณ-- กเ์ชลา้ัน่รนลอนะ้นาเเลลุบ่น่นาทลพร้นื 3าบ/ย2า้ น” วงิ่ เป้ียว” -เกมภาพตดั ต่อ -การขดี เขยี นไปมาตามความสนใจ -เกมจดั หมวดหมู่ภาพกบั สัญลกั ษณ์ -เกมจบั ค่ภู าพเหมอื น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ท่ีตนเองทดลองและนาเสนอผลงาน - เล่นเคร่ืองเล่นสนาม -เกมจบั คภู่ าพทสี่ ัมพนั ธ์กนั -การพบั สีภาพ -การเป่ าสี -การดีดสี -การกลิ้งสี -การตอ่ เตมิ ภาพจากรูปทรง - กิจกรรมแข่งเรือบก

หน่วย วิทยาศาสตร์น่ารู้ วัน จนั ทร์ กจิ กรรมเคลอ่ื นไหว กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ การเคลอ่ื นไหวพนื้ ฐานเคล่ือนไหวตามคาส่งั ของคุณครูโดย ข้นั นา ครูนาดา้ ยภาพและอุปกรณใ์ นการทดลองวทิ ยาศาสตร์ การปฏิบตั ิตามท่ากายบริหาร รวมถึงคลิปเกี่ยวกบั หน่วยการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ การเคลอื่ นไหว เคลื่อนไหวตามคาสง่ั และท่ากายบริหาร -ครูอธิบายการเคลอ่ื นไหวตามคาส่ัง คือ หมุนตวั ไปรอบๆ ข้นั สอน ครูอธิบายใหเ้ ด็กสนทนาโตต้ อบกบั ครูเกี่ยวกบั การเรียนรู้ กระโดดไปขา้ งหนา้ -หลงั กา้ วไปทางซา้ ย-ขวาเป็นตน้ เกี่ยวกบั เกี่ยวกบั ความหมายของวิทยาศาสตร์และร่วมกนั ทดลอง -ครูทาท่ากายบริหารและใหเ้ ด็กๆทาตาม การลาเลียงน้าของพืชและเคล็ดลบั การนาดินสอแทงถุงน้าและ -เด็กๆพกั คลายกลา้ มเน้ือ คาถาม 1.พชื ลาเลียงน้าอยา่ งไร จากส่วนใด ไปส่วนใด ? 2.ทาไมน้าถึงไม่รัว่ ออกจากถุง? ข้นั สรุป เดก็ และครูร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั เน้ือหาการเรียนรู้ กจิ กรรมเล่นเสรีตามมุม กจิ กรรมสร้างสรรค์ ข้นั นา ครูแนะนามุมประสบการณ์ตา่ งๆ ข้นั นา ครูแนะนากิจกรรมสร้างสรรค์ คือ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการ -การป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกช่ือผลงาน เล่นตามมุมประสบการณ์ -การขีดเขียนไปมาตามความสนใจ -ครูสาธิตวิธีการเล่นตามมุมและให้เด็กๆเลือกเล่น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่ตนเองทดลอง ตามมุมประสบการณ์ท่ีตนสนใจ และนาเสนอผลงาน ข้ันสรุป ครูใหส้ ญั ญาณหมดเวลาการเล่นให้เด็กๆ -การพบั สี -การเป่ าสี -การดีดสี เกบ็ ของเล่น -การกล้ิงสี -การต่อเติมภาพจากรูปทรง ข้นั สอน ครูให้เดก็ ๆเลอื กทากิจกรรมตามความสนใจ กิจกรรมกลางแจ้ง ข้นั สรุป ใหเ้ ด็กเสนอผลงานและบอกชื่อผลงานของตนเอง ข้นั นา ครูสรา้ งขอ้ ตกลงการเล่นน้า เล่นทราย ข้นั สอน เดก็ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยกนั ดว้ ยกนั อยา่ ง กจิ กรรมเกมการศึกษา สรา้ งสรรค์ โดยครูคอยสงั เกต ข้นั นา ครูอธิบายชื่อเกมตดั ต่อภาพ ข้นั สรุป ครูใหส้ ญั ญาณเลิกเล่นและใหน้ กั เรียนเขา้ ข้นั สอนเดก็ ๆแบ่งกล่มุ กนั เล่นเกมการศึกษาและสลบั แถว เดินแถวลา้ งมือ หมุนเวยี นกนั ตามอุปกรณ์ทีค่ รูแบ่งไวใ้ หเ้ ด็กปฏิบตั ิ กิจกรรมและสงั เกตการแกป้ ัญหาในการเล่นของเดก็ แต่ละคน ข้ันสรุป ครูสรุปการเล่นเกมพร้อมท้งั ช่ืนชมเด็กท่ี ปฏบิ ตั ิไดถ้ ูกตอ้ งตามกติกา

แผนการจดั ประสบการณ์ช้ันอนุบาล 3/2 หน่วย วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ วนั องั คาร กจิ กรรมเคลือ่ นไหว กิจกรรมเสริมประสบการณ์ การเคลอื่ นไหวพนื้ ฐานเคลื่อนไหวแบบผนู้ า ผตู้ ามโดย ที่ครูขอคนอาสามาทาทา่ กายบริหารและใหเ้ พ่ือนๆทา ข้นั นา ครูนาดา้ ยภาพและอปุ กรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ ตามและใหเ้ ดก็ ๆทาท่าทาบริหารตามครู รวมถึงคลิปเกี่ยวกบั หน่วยการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหว เคล่ือนไหวชา้ เร็วหยดุ โดยใชเ้ คร่ือง ข้นั สอน เดก็ และครูร่วมกนั ทดลองเทียนดูดน้าและลูกโป่ งทน เคาะจงั หวะเป็นสญั ญาณในการทากิจกรรมและหยดุ ความร้อนและถามคาถาม เคล่ือนไหวและหยดุ ใชเ้ สียงดว้ ยสญั ญาณมือ 1.เพราะอะไรน้าถึงเขา้ ไปอยใู่ นแกว้ ? -เดก็ ๆพกั คลายกลา้ มเน้ือ 2.เพราะอะไรลกู โป่ งถึงทนกบั ความร้อนได?้ ข้ันสรุป เดก็ และครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั เน้ือหาการเรียนรู้ กิจกรรมเล่นเสรีตามมมุ กจิ กรรมสร้างสรรค์ ข้นั นา ครูแนะนามุมประสบการณ์ต่างๆ ข้นั นา ครูแนะนากิจกรรมสร้างสรรค์ คือ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการ -การป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกช่ือผลงาน เล่นตามมุมประสบการณ์ -การขีดเขียนไปมาตามความสนใจ -ครูสาธิตวิธีการเล่นตามมุมและให้เด็กๆเลือกเล่น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ท่ีตนเองทดลองและ ตามมุมประสบการณ์ทต่ี นสนใจ นาเสนอผลงาน ข้ันสรุป ครูให้สญั ญาณหมดเวลาการเล่นให้เด็กๆ -การพบั สี -การเป่ าสี -การดีดสี เก็บของเล่น -การกลิ้งสี -การต่อเติมภาพจากรูปทรง ข้นั สอน ครูใหเ้ ดก็ ๆเลือกทากิจกรรมตามความสนใจ ข้นั สรุป ใหเ้ ดก็ เสนอผลงานและบอกช่ือผลงานของตนเอง กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเกมการศึกษา ข้นั นา ครูสรา้ งขอ้ ตกลงการเล่นเคร่ืองเล่นสนาม ข้นั นา ครูอธิบายชื่อเกมตดั ต่อภาพ ข้นั สอน เดก็ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยกนั ดว้ ยกนั อยา่ ง ข้ันสอนเด็กๆแบ่งกลุ่มกันเล่นเกมการศึกษาและสลับ สรา้ งสรรค์ โดยครูคอยสงั เกต หมุ น เวีย น กัน ตา ม อุ ป ก รณ์ ท่ี ค รู แ บ่ง ไ ว้ใ ห้เด็ ก ปฏิ บัติ ข้ันสรุป ครูใหส้ ญั ญาณเลิกเล่นและใหน้ กั เรียนเขา้ กิจกรรมและสงั เกตการแกป้ ัญหาในการเล่นของเด็กแต่ละ แถว เดินแถวลา้ งมือ คน ข้ันสรุป ครูสรุปการเล่นเกมพร้อมท้งั ชื่นชมเด็กที่ปฏิบตั ิ ไดถ้ ูกตอ้ งตามกติกา

แผนการจัดประสบการณ์ช้ันอนุบาล 3/2 หน่วย วิทยาศาสตร์น่ารู้ วนั พธุ กิจกรรมเคลือ่ นไหว กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ การเคลอื่ นไหวพนื้ ฐานเคลื่อนไหวเคลื่อนท่ีตาม คาสง่ั กา้ ว กระโดด ยนื นง่ั และเดินตามพน้ื กระเบ้อื ง ข้ันนา ครู นาด้ายภาพและอุปกรณ์ในการทดลอง และเสน้ แถบท่คี รูไดก้ าหนดไว้ วิทยาศาสตร์ รวมถึงคลิปเกี่ยวกับหน่วยการเรี ยนรู้ การเคล่ือนไหว เคล่ือนไหวประกอบเพลงทีเ่ ดก็ ๆ วิทยาศาสตร์ สนใจ ข้นั สอน เดก็ และครูร่วมกนั ทดลองกระดาษกนั น้าและไข่ -เดก็ ๆพกั คลายกลา้ มเน้ือ เดง้ ด๋ึงและถามคาถาม 1.ทาไมน้าถึงไมไ่ หลออกจากแกว้ ? 2.เปลือกไข่หายไปไหน? ข้นั สรุป เดก็ และครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั เน้ือหาการเรียนรู้ กจิ กรรมเล่นเสรีตามมมุ กจิ กรรมสร้างสรรค์ ข้นั นา ครูแนะนามุมประสบการณ์ต่างๆ ข้นั นา ครูแนะนากิจกรรมสร้างสรรค์ คือ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการ -การป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกชื่อผลงาน เล่นตามมุมประสบการณ์ -การขีดเขียนไปมาตามความสนใจ -ครูสาธิตวิธีการเล่นตามมุมและให้เด็กๆเลือกเล่น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ท่ีตนเองทดลอง ตามมุมประสบการณ์ทต่ี นสนใจ และนาเสนอผลงาน ข้ันสรุป ครูให้สัญญาณหมดเวลาการเล่นใหเ้ ด็กๆ -การพบั สี -การเป่ าสี -การดีดสี เกบ็ ของเล่น -การกลิ้งสี -การต่อเติมภาพจากรูปทรง ข้นั สอน ครูใหเ้ ด็กๆเลือกทากิจกรรมตามความสนใจ ข้นั สรุป ให้เดก็ เสนอผลงานและบอกชื่อผลงานของตนเอง กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเกมการศึกษา ข้นั นาครูอธิบายชื่อเกมภาพจบั คูภ่ าพกบั สญั ลกั ษณ์ ข้นั นาครูอธิบายวธิ ีการเล่นการละเล่นพน้ื บา้ น” ข้นั สอนเด็กๆแบง่ กลุ่มกนั เล่นเกมการศึกษาและสลบั วง่ิ เปร้ียว ” หมุนเวียนกันตามอุปกรณ์ที่ครูแบ่งไวใ้ ห้เด็กปฏิบตั ิ ข้นั สอนครูสร้างขอ้ ตกลงและอธิบายวธิ ีการเล่น กิจกรรมและสงั เกตการแกป้ ัญหาในการเล่นของเด็ก พ้นื บา้ น”วงิ่ เปร้ียว”ร่วมกนั กบั เด็กใหเ้ ดก็ ปฏิบตั ิ แต่ละคน กิจกรรมโดยทีค่ รูเป็นคนคอยดูแลและใหค้ าแนะนา ข้ัน ส รุ ป ค รู ส รุ ป ก า รเ ล่ น เ ก ม พ ร้ อ ม ท้ ัง ชื่ น ชม เด็ ก ท่ี ครูสงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรมของเดก็ ปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ งตามกติกา ข้ันสรุปสรุปจากกิจกรรมการเล่น

แผนการจดั ประสบการณ์ช้ันอนุบาล 3/2 หน่วย วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ วัน พฤหัสบดี กจิ กรรมเคลื่อนไหว กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ การเคลอ่ื นไหวพนื้ ฐานเคล่ือนไหวเคล่ือนท่ี เลียนแบบท่าทางทค่ี รูทาและฝึกท่ากายบริหาร ข้นั นา ครูนาดา้ ยภาพและอุปกรณ์ในการทดลองวทิ ยาศาสตร์ การเคล่ือนไหว เคล่อื นไหวประกอบเพลงท่เี ดก็ ๆ รวมถึงคลิปเกี่ยวกบั หน่วยการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สนใจ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั ทดลองการทาน้าให้เป็นน้าแข็ง -เดก็ ๆพกั คลายกลา้ มเน้ือ และการจมการลอยของผลไมแ้ ละถามคาถาม 1.ทาไมน้ าถึงกลายเป็ นน้ าแข็ง? 2.ทาไมผลไม.้ ....ถึงจม และผลไม.้ ......ถึงลอย? ข้ันสรุป เดก็ และครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั เน้ือหาการเรียนรู้ กจิ กรรมเล่นเสรีตามมมุ กจิ กรรมสร้างสรรค์ ข้นั นา ครูแนะนามุมประสบการณ์ต่างๆ ข้นั นา ครูแนะนากิจกรรมสร้างสรรค์ คือ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการ -การป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกชื่อผลงาน เล่นตามมุมประสบการณ์ -การขีดเขียนไปมาตามความสนใจ -ครูสาธิตวิธีการเล่นตามมุมและให้เด็กๆเลือกเล่น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ท่ีตนเองทดลอง ตามมุมประสบการณ์ทตี่ นสนใจ และนาเสนอผลงาน ข้ันสรุป ครูใหส้ ญั ญาณหมดเวลาการเล่นใหเ้ ด็กๆ -การพบั สี -การเป่ าสี -การดีดสี เก็บของเล่น -การกลิ้งสี -การต่อเติมภาพจากรูปทรง ข้นั สอน ครูใหเ้ ด็กๆเลอื กทากิจกรรมตามความสนใจ ข้นั สรุป ให้เดก็ เสนอผลงานและบอกช่ือผลงานของตนเอง กจิ กรรมกลางแจ้ง กจิ กรรมเกมการศึกษา ข้นั นาครูอธิบายวธิ ีการทากิจกรรม”แขง่ เรือบก” ข้นั นาครูอธิบายช่ือเกมจบั คู่ภาพเหมือน ข้นั สอนครูสรา้ งขอ้ ตกลงและอธิบายวธิ ีการเล่นและ ข้นั สอนเดก็ ๆแบ่งกลุ่มกนั เล่นเกมการศึกษาและสลบั ใหเ้ ด็กปฏบิ ตั กิ ิจกรรมโดยทค่ี รูเป็นคนคอยดูแลและ หมุนเวียนกันตามอุปกรณ์ท่ีครูแบ่งไวใ้ หเ้ ด็กปฏิบตั ิ ใหค้ าแนะนาครูสงั เกตการปฏิบตั กิ ิจกรรมของเดก็ กิจกรรมและสังเกตการแกป้ ัญหาในการเล่นของเด็ก ข้นั สรุปสรุปจากกิจกรรมการเล่น แต่ละคน ข้ันสรุปครูสรุปการเล่นเกมพร้อมท้งั ชื่นชมเด็กที่ ปฏบิ ตั ิไดถ้ ูกตอ้ งตามกตกิ า

แผนการจัดประสบการณ์ช้ันอนุบาล 3/2 หน่วย วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ วนั ศุกร์ กจิ กรรมเคล่ือนไหว กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ การเคลอ่ื นไหวพนื้ ฐานเคล่ือนไหวเคลื่อนท่ีตาม คาสง่ั และขอ้ ตกลงโดยการ กระโดดไปขา้ งหนา้ - ข้นั นา ครูนาดา้ ยภาพและอุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ หลงั ยดื ตวั ข้ึน นง่ั ลง รวมถึงคลิปเก่ียวกบั หน่วยการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การเคล่อื นไหว เคล่ือนไหวประกอบเพลงท่เี ดก็ ๆ สนใจ ข้นั สอน ครูและเด็กร่วมกนั ทดลองเรื่องเนินน้าและแสงเล้ียวเบน -เด็กๆพกั คลายกลา้ มเน้ือ และสนมนาเก่ียวกบั ประโยชนข์ องการเรียนวิทยาศาสตร์และถาม คาถาม 1.ทาไมน้าถึงยดึ เกาะติดกนั และอะไรทาใหน้ ้าแตกตวั กนั ? 2.ทาไมเราถึงมองเห็นหลอดดูดขาดจากกนั อะไรท่ีทาให้เรา มองเห็นเป็นเช่นน้นั ? 3.เด็กๆไดค้ วามรูอ้ ะไรบา้ งในการเรียนวทิ ยาศาสตร์ ข้นั สรุป เด็กและครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั เน้ือหาการเรียนรู้ กจิ กรรมเล่นเสรีตามมุม กจิ กรรมสร้างสรรค์ ข้นั นา ครูแนะนามุมประสบการณ์ต่างๆ ข้นั นา ครูแนะนากิจกรรมสร้างสรรค์ คือ ข้ันสอน เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการ -การป้ันอยา่ งอิสระตามจินตนาการและบอกชื่อผลงาน เล่นตามมุมประสบการณ์ -การขีดเขียนไปมาตามความสนใจ -ครูสาธิตวิธีการเล่นตามมุมและให้เด็กๆเลือกเล่น -การวาดภาพระบายสีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ท่ีตนเองทดลอง ตามมุมประสบการณ์ทต่ี นสนใจ และนาเสนอผลงาน ข้ันสรุป ครูใหส้ ญั ญาณหมดเวลาการเล่นให้เด็กๆ -การพบั สี -การเป่ าสี -การดีดสี เก็บของเล่น -การกล้ิงสี -การต่อเติมภาพจากรูปทรง ข้นั สอน ครูใหเ้ ด็กๆเลือกทากิจกรรมตามความสนใจ ข้ันสรุป ใหเ้ ด็กเสนอผลงานและบอกช่ือผลงานของตนเอง กิจกรรมกลางแจ้ง กจิ กรรมเกมการศึกษา ข้นั นา ครูสร้างขอ้ ตกลงการเล่นเคร่ืองเล่นสนาม ข้นั นาครูอธิบายช่ือเกมจบั คู่สมั พนั ธ์ ข้นั สอน เด็กปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยกนั ดว้ ยกนั อยา่ ง ข้นั สอนเด็กๆแบง่ กลุ่มกนั เล่นเกมการศึกษาและสลบั สร้างสรรค์ โดยครูคอยสงั เกต หมุนเวียนกันตามอุปกรณ์ที่ครูแบ่งไวใ้ ห้เด็กปฏิบตั ิ ข้ันสรุป ครูใหส้ ญั ญาณเลิกเล่นและใหน้ กั เรียนเขา้ กิจกรรมและสังเกตการแกป้ ัญหาในการเล่นของเด็ก แถว เดินแถวลา้ งมือ แต่ละคน ข้ันสรุปครูสรุปการเล่นเกมพร้อมท้งั ชื่นชมเด็กที่ ปฏิบตั ไิ ดถ้ ูกตอ้ งตามกตกิ า

ภาคผนวก การละเล่นแข่งเรือบก แข่งเรือบก เป็นการละเล่นพ้นื บา้ น ทเี่ ป็นการออกกาลงั กาย สรา้ งความสามคั คีในหมู่คณะ วิธีเล่น จดั ใหม้ ีผเู้ ล่นทีมละ 10 คน นง่ั เรียงแถวตอนโดยใหค้ นที่นงั่ อยขู่ า้ งหลงั ใชข้ ารัดเอวคนขา้ งหนา้ ตอ่ กนั เรื่อย ๆ จนครบคน เม่ือเร่ิมการเล่นกรรมการจะใหส้ ญั ญาณ โดยแต่ละทีมตอ้ งพยายามกระเถิบตวั ไปขา้ งหน้าให้ เร็วท่ีสุด โดยหา้ มไม่ใหข้ าหลุดจากเอวคนขา้ งหนา้ (ถา้ หลุด กรรมการจะทาโทษใหห้ ยดุ พกั ไป 3 วนิ าที จึงจะ เร่ิมใหม่ได)้ ทมี ท่เี ขา้ เสน้ ชยั เร็วท่ีสุดเป็ นผชู้ นะ

วง่ิ เปี้ ยว การละเล่นชนิดน้ี เป็นการละเล่นพ้นื บา้ นของไทยสมยั เดิม มีมาแตย่ าวนาน โดยแบ่งผเู้ ล่นออกเป็ น 2 ฝ่ าย ฝ่ ายละอย่างน้อย 4 คน จุดเริ่มตน้ ของท้งั สองฝ่ ายจะมองเห็นไดช้ ดั เจน แต่ละฝ่ ายถือผา้ หรือไม้ เมื่อ กรรมการให้สัญญาณเริ่มการแข่งขนั ใหแ้ ต่ละฝ่ ายวิ่งไปทางดา้ นขวาของตนเอง พยายามวิง่ ออ้ มหลกั ท้งั 2 หลกั ไล่ฝ่ ายตรงขา้ มใหเ้ ร็วท่ีสุด เม่ือวิ่งครบรอบหน่ึงคน ให้ส่งผา้ ให้คนต่อไป คนที่เพง่ิ วิ่งเสร็จไปต่อหลงั แถว และเวยี นรอบไปเร่ือยๆ เมื่อถึงระยะใหใ้ ชผ้ า้ หรือไมต้ ที ่ีหลงั คนหนา้ หากทาไดส้ าเร็จ ก็เป็ นฝ่ ายชนะไป

ตวั อยา่ งเกมการศึกษา วนั ที่ 1 เกม ภาพตัดต่อภาพ

วนั ที่ 2 เกมภาพตัดต่อ

วนั ท่ี 3 จดั หมวดหมู่ภาพกบั สัญลกั ษณ์

วนั ท่ี 4 เกมจบั คู่ภาพทส่ี ัมพนั ธ์กนั

วนั ท่ี 5 เกมจบั ค่ภู าพสัมพนั ธ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook