Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.การนับและการเทียนศักราช

1.การนับและการเทียนศักราช

Published by jidayadum, 2019-06-17 06:49:04

Description: 1.การนับและการเทียนศักราช

Search

Read the Text Version

เวลาและการแบง่ ยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์สากล • ความสาคัญของเวลาและยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ • การนบั และการเทยี บศกั ราชในประวตั ศิ าสตร์สากล • การแบ่งยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตรต์ ะวนั ตก • การแบ่งยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตรต์ ะวันออก • ตัวอยา่ งเวลาและยคุ สมยั ทีป่ รากฏในหลกั ฐานทาง ประวัตศิ าสตร์สากล



ความหมายของคาว่า “ประวตั ิศาสตร์” หมายถงึ การศกึ ษาเหตุการณส์ าคัญของ สงั คมมนุษย์ทเี่ กดิ ขึ้นในอดีตหรอื กระบวนการ ไตส่ วนข้อเท็จจรงิ เร่อื งราวในอดีตทม่ี ีหลกั ฐาน ยืนยันและตรวจสอบได้

การศึกษาประวตั ิศาสตรจ์ ึงต้องอาศยั องค์ประกอบท่ีเกยี่ วข้องกันหลายประการ คอื อดตี หรอื ช่วงเวลาท่ผี ่านไปแลว้ สังคมมนษุ ย์ในพ้ืนทต่ี ่างๆ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์หรือรอ่ งรอยทีเ่ กีย่ วข้อง และวิธีการศกึ ษาอย่างเปน็ ระบบที่เรยี กวา่ “ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ ”









ความสาคญั ของเวลาและยคุ สมยั - เวลามีความเก่ียวข้องกบั การดาเนินชวี ิตมนษุ ย์มาแต่โบราณ ซงึ่ ในอดตี มนษุ ยก์ ็ใช้การเปลยี่ นแปลงและปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาตเิ ป็นเคร่อื งมือบอกเวลา เชน่ • แสงจากดวงอาทิตย์ และรปู ร่างของดวงจันทร์บอก เวลากลางวนั กลางคนื • การโคจรของดวงดาว นา้ ขึน้ นา้ ลง ความร้อนหนาว ของอากาศ การพดั พาของลมมรสมุ บอกฤดูกาล - ต่อมามนุษยไ์ ดป้ ระดษิ ฐ์เคร่ืองมือบอกเวลาซง่ึ ทาใหม้ นุษยไ์ ด้ใช้ ประโยชน์อย่างกวา้ งขวางข้นึ เช่น * นาฬิกา * ปฏทิ นิ

- หลักฐานทางประวตั ิศาสตรท์ ่ีเก่ียวกับการนบั เวลาและการแบ่ง ชว่ งเวลา ได้มาจากโบราณวตั ถุและสถานทีพ่ บในดนิ แดนตา่ งๆ ของ โลก ทาให้สนั นษิ ฐานไดว้ ่า มีมนษุ ยท์ อี่ าศยั อยูใ่ นยุโรปเมอ่ื 2,000 ปี มาแล้ว และไดม้ กี ารขดี เสน้ หรอื เซาะเปน็ รอ่ งบนไม้หรือกระดกู สตั ว์ เพื่อนับวันจากรูปรา่ งของดวงจันทรท์ ่ีเปลี่ยนแปลงไป - การพบปฏิทนิ โบราณของชาวสเุ มเรยี น ก็ทาให้ร้วู ่าเมอื่ ราว 5,000 ปี มาแลว้ ชาวสเุ มเรยี นรู้จกั การแบ่งช่วงเวลา 1 เดอื น มี 30 วนั แต่ละ วันมี 12 ช่วงเวลา แต่ละ 1 ช่วงเวลามี 2 ช่ัวโมง และแตล่ ะชว่ งเวลา ยงั แบ่งย่อยออกเปน็ 30 สว่ น

- ชาวอียปิ ต์โบราณได้จดั ทาปฏทิ นิ ทก่ี าหนด 1 ปี มี 365 วัน โดยใช้ ความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการเฝา้ สงั เกตทอ้ งฟา้ การโคจรของดวงจนั ทรก์ บั ดวง อาทติ ย์ และปรากฏการณ์นา้ ท่วมในแม่น้าไนลท์ ี่เกิดข้นึ ทกุ ปี

- จากการศึกษาของนักวิชาการท่มี ีต่อกลุ่มแท่งหินสโตนเฮนจใ์ นแควน้ วลิ ด์เชยี ร์ทางตอนใตข้ ององั กฤษ พบว่ามคี วามเชื่อเกยี่ วกับโครงสร้าง ของกลุ่มแทง่ หนิ มีความส่วนเกยี่ วขอ้ งกบั การนบั เวลา โดยกลมุ่ ผ้สู รา้ ง ตง้ั ใจนาแทง่ หนิ ขนาดใหญม่ าเรยี งกันเพ่อื ใหส้ อดคล้องกับเวลาและ ฤดกู าล และเชื่อวา่ คนเหลา่ นน้ี า่ จะมีความร้เู ป็นอย่างดีในเรื่อง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างตาแหนง่ ดวงอาทิตย์กบั ดวงจันทร์ และกล่มุ ดาว ฤกษ์ตา่ งๆ และนาความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา

- ชาวบาบิโลนในบรเิ วณลมุ่ แมน่ ้าไทกรสิ และยเู ฟรทสี ไดพ้ ฒั นาปฏทิ ินใน ระบบจนั ทรคติ โดยกาหนดให้ 1 ปี มี 12 เดือน แต่ละเดือนมี 29 หรอื 30 วัน ข้นึ อยกู่ ับการโคจรของดวงจันทร์ ทาให้ 1 ปี มี 354 วัน

- ชาวมายาในอเมรกิ ากลางกร็ ้จู ักนบั วันเวลา โดยใชก้ ารโคจรของดวง อาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาววีนัส และไดส้ รา้ งปฏทิ นิ โบราณที่มี 260 วัน ตอ่ มาได้พัฒนาเปน็ 365 วนั

ความสาคญั ของเวลาและยุคสมยั • ทาให้เกดิ ความสะดวกในการศกึ ษาคน้ คว้า เก่ยี วกบั อดตี • ทาให้เกิดความเข้าใจเหตกุ ารณท์ าง ประวตั ศิ าสตรต์ รงกนั • ทาให้เหน็ ถึงลักษณะสาคญั ของเวลาแตล่ ะชว่ ง





การนับและการเทยี บศักราชของโลกตะวนั ตก ศักราชสากลท่ีนยิ มใชก้ ันแพรห่ ลายท่ีสดุ คือ ครสิ ตศ์ ักราช • คริสต์ศักราชก่อต้ังข้ึนเมื่อสันตะปาปาเซนต์พอลที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันได้มอบหมายให้ ไดโอนิซิอุส คานวณหาวันประสูติของพระเยซู ซ่ึงพบว่า พระ เยซูประสูติในวันท่ี 25 ธ.ค. ปี 753 (ศักราชโรมัน นับตามการกอ่ ตั้งกรงุ โรม) แต่ธรรมเนียมชาวโรมนั จะนับเอาวันปีใหม่เริ่มต้นในเดือนมกราคม ดังน้ัน จึงถือเอาวันท่ี 1 ม.ค. ปี 754 เป็นการเริ่มต้นปีที่ 1 แห่งครสิ ต์ศักราช

การนับและการเทียบศักราชของโลกตะวนั ตก ศกั ราชสากลที่นยิ มใช้กนั แพร่หลายท่ีสุด คอื คริสตศ์ กั ราช • ครสิ ตศ์ กั ราชท่ี 1 เริม่ นบั ในปีที่พระเยซูถือกาเนดิ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 544 • ค.ศ. 1 ใชเ้ ขยี นตัวยอ่ วา่ “A.D. 1” (Anno Domini) เป็นคาภาษาละตนิ หมายถึง ปแี หง่ พระเจ้า

การนับและการเทยี บศักราชของโลกตะวนั ตก • ปกี ่อนพระเยซูถือกาเนิด เรยี กวา่ Before Christ ย่อ B.C. • ผูเ้ รม่ิ วธิ ีการนบั ค.ศ. คนแรก คอื ไดโอนซิ อิ ุส เอซิกุอุส บาทหลวงชาวโรมนั • สว่ นผู้ทเี่ รมิ่ นบั เวลาก่อนปีถือกาเนดิ ของพระเยซู คือ บดี • การใช้ครสิ ต์ศกั ราชไดร้ ับความนิยมในชว่ งการ ขยายอานาจของลัทธจิ ักรวรรดนิ ิยม ในปลายครสิ ต์ศตวรรษที่ 19 เป็นตน้ มา

การนับและการเทียบศักราชของโลกตะวนั ตก • เมื่อยคุ จกั รวรรดสิ ้นิ สดุ ลง ดินแดนอาณาจักรต่าง ๆ ที่นบั ถอื ศาสนาแตกต่างจากครสิ ตศ์ าสนาตา่ งกไ็ ด้รบั เอกราช และเกดิ ความไมช่ อบใจกบั การนับศกั ราชตาม คริสตศ์ าสนา • ดงั น้นั นกั วิชาการ ไดเ้ สนอให้ใช้ศักราชแบบใหม่ทีไ่ มม่ ี ความสัมพันธก์ ับศาสนาใด ๆ เพอ่ื ใหผ้ ู้ทีน่ ับถอื ศาสนา ต่าง ๆ สามารถใชร้ ว่ มกนั ได้เปน็ สากล • ศกั ราชแบบใหม่นีเ้ รียกวา่ Common Era (C.E.) หรอื ศักราชร่วม หรอื สากลศักราช ใชเ้ รยี กแทน ค.ศ. • สาหรับปีก่อน ค.ศ. ใช้ B.C.E.



การนับและการเทียบศักราชของโลกตะวนั ออก การนบั ศกั ราชแบบจีน • จีนมีระบบปฏทิ ินยอ้ นหลังเกอื บ 4,000 ปมี าแลว้ เป็นระบบจันทรคติ หรอื ยึดพระจันทรเ์ ป็นหลัก • การนับชว่ งสมยั ของจีนยึดตามปีที่ครองราชย์สมบัติ ของจกั รพรรดิ ปจั จุบนั การนับชว่ งเวลาดงั กล่าว จีนเลกิ ใชแ้ ล้ว แต่ญี่ปนุ่ ยังใช้อยู่ ภาพวาดชาวจีนโบราณอาศัยความรู้ทางดาราศาสตร์เข้า มาช่วยในการคานวณวนั เวลาในรอบปี

การนับและการเทียบศักราชของโลกตะวนั ออก • จนี ใหค้ วามสาคญั กับการนบั เวลาในรอบปี เพราะเวลา และฤดกู าล มคี วามสาคัญตอ่ การเพาะปลกู • จากการใชร้ ะบบจันทรคติ จงึ มกี ารคานวณไดว้ ่า 1 เดอื น มี 29 หรือ 30 วัน และ 1 ปี มี 354 วัน ต่อมาเม่อื 2,500 ปี จีนสามารถ คานวณได้วา่ 1 ปี มี 365.25 วนั จงึ มีการเพ่ิมเดือนเป็นเดอื นที่ 13 ทกุ ๆ 3 ปี

การนับศกั ราชแบบอนิ เดยี • เป็นการนบั โดยอาศัยการขึน้ ครองราชยส์ มบัติ เปน็ สาคัญ • ในสมยั พระเจ้ากนษิ กะ แห่งราชวงศก์ ุษาณะ ทรง ขน้ึ ครองราชย์ เมอื่ ค.ศ. 78 ถือเปน็ การเริม่ ต้น ศักราช กนษิ กะ หรือศก ตอ่ มาเรยี กว่า มหาศกั ราช ซง่ึ เป็น ทยี่ อมรับและใช้กนั อยา่ งแพร่หลาย • ปัจจุบนั อนิ เดยี ใชค้ รสิ ตศ์ กั ราชตามแบบสากล พระเจา้ กนิษกะ

• สาหรับการนามหาศักราชเขา้ มาใช้ในประเทศไทย มกี ารพบในหลักฐานทางประวตั ิศาสตรส์ มัย สุโขทัย และอยุธยาตอนตน้ โดยการเข้ามาของ พ่อคา้ อินเดยี และพวกพราหมณ์ • ในสมัยโบราณ มปี รากฏในหลักฐานศิลาจารึก เปน็ การบนั ทกึ เรือ่ งราวที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเปน็ ปีมหา ศักราชที่ 1 จะตรงกบั พ.ศ. 621 พระเจา้ กนิษกะ

การนับศักราชแบบศาสนาอสิ ลาม • เรียกวา่ ฮิจเราะห์ศกั ราช ซ่ึงมาจาก ภาษาอาหรับ แปลวา่ “การอพยพ” • เร่ิมนบั เมื่อท่านนบีมุฮมั หมดั กระทาฮิจเราะห์จากเมืองเมกกะไปเมืองเมดินะ ซ่ึงตรงกบั ค.ศ. 622 และ ตรงกบั พ.ศ. 1165 • ใชร้ ะบบจนั ทรคติเป็นเกณฑ์ ภาพเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดอิ าระเบยี

• ในการเทียบฮจิ เราะหศ์ กั ราชเป็นพุทธศักราชไมส่ ามารถใชจ้ านวนคงท่ี เทยี บได้เนอื่ งจากฮจิ เราะหศ์ กั ราชยึดถอื วันเดือนปีทางจนั ทรคตอิ ย่าง เคร่งครดั จงึ เดนิ ตามปสี รุ ิยคติไมท่ ันทาให้คลาดเคลือ่ นไมต่ รงกันโดย ทุกๆ 32 ปี คร่งึ จะเพิ่มขน้ึ จากปสี รุ ิยคติไป 1 ปี ตลอด การเทยี บ ฮจิ เราะหศ์ กั ราชกบั พุทธศักราชในปัจจุบันจึงกาหนดให้  ฮ.ศ. นอ้ ยกวา่ พ.ศ. 1122 ปี และ  ฮ.ศ. นอ้ ยกวา่ ค.ศ. 579 ปี เพื่อให้การเทยี บศักราชมคี วามชดั เจนแนน่ อน



การนบั ศักราชแบบตา่ งๆ ในบางกรณี บางเหตกุ ารณก์ ็ไม่ จาเป็นตอ้ งนับอยา่ งละเอยี ด แต่อาจจะกลา่ วหรือนบั อยา่ งกว้างๆ ก็ได้ ท่ีนยิ มใช้กนั มาก ได้แก่ ทศวรรษ รอบ 10 ปี นับจากศักราชทล่ี งทา้ ยดว้ ย 0 ไปจนถงึ ศักราช ท่ีลงท้ายดว้ ย 9 จะนยิ มใชบ้ อกช่วงเวลาทาง ค.ศ. เช่น * ทศวรรษ 1980 ตาม ค.ศ. หมายถงึ 1980 – 1989 * ทศวรรษ 1960 ตาม พ.ศ. หมายถงึ 1960 – 1969

แมก้ ารใช้ทางพทุ ธศกั ราชจะไม่นิยมพูดถึงชว่ งเวลาเปน็ ทศวรรษ แตก่ ็สามารถใชใ้ นการกลา่ วถงึ ชว่ งเวลา 10 ปีได้ เช่น * ทศวรรษท่ี 50 ทาง พ.ศ. หมายถงึ พ.ศ. 2550 – 2559 * ในช่วง 2 ทศวรรษท่ผี า่ นมา หมายถงึ ในช่วงเวลา 20 ปี ท่ผี ่านมา * มกี ารคาดการณว์ า่ ในทศวรรษหนา้ จะมคี อมพิวเตอร์ใช้ หมายถึง ในชว่ ง 10 ปีข้างหน้าจะมคี อมพวิ เตอรใ์ ช้ ในเอกสารประวตั ศิ าสตรส์ ากลจะมีการนาชว่ งเวลา ทศวรรษมาใชเ้ สมอ ทศวรรษมาจากคาภาษาอังกฤษวา่ decade ปกตใิ ช้สญั ลกั ษณ์ตวั อกั ษร S หลงั ปคี รสิ ตศ์ กั ราช เช่น 1950s อา่ น วา่ “ทศวรรษหนงึ่ พนั เกา้ รอ้ ยหา้ สบิ ” เปน็ ช่วงเวลาตง้ั แต่ ค.ศ. 1950 - 1959

ศตวรรษ รอบ 100 ปี ศตวรรษท่ี 1 คอื ศักราชท่ี 1 – 100 ตอ่ ๆ ไป นบั จากศกั ราชทีล่ งทา้ ยด้วย 01 ไปจนครบ 100 ปี ทลี่ งท้ายดว้ ย 00 เขน่ * พุทธศตวรรษที่ 25 คอื พ.ศ. 2401 – 2500 * คริสต์ศตวรรษท่ี 19 คอื ค.ศ. 1801 – 1900 จะนิยมกล่าวถงึ ทัง้ 2 แบบ * ปัจจุบนั โลกเขา้ สู่ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 21 หมายถงึ ช่วงเวลา ค.ศ. 2001 – 2100

กรณี ครสิ ตศ์ ตวรรษก่อนมกี ารต้ัง ค.ศ. และ พทุ ธศตวรรษ กอ่ นมีการตงั้ พ.ศ. จะตอ้ งเตมิ คาว่า * กอ่ นพุทธศกั ราช * ก่อนคริสตศ์ ักราช ในภาษาองั กฤษ ใช้คาวา่ B.C เชน่ - ศตวรรษที่ 2 กอ่ น ค.ศ. คอื เวลา 200 – 101 ปกี ่อน ค.ศ. - ศตวรรษที่ 7 กอ่ น พ.ศ. คือ เวลา 700 – 601 ปกี อ่ น พ.ศ.

การเทยี บคริสตศ์ ตวรรษกบั พุทธศตวรรษ ใช้ 5 เปน็ เกณฑบ์ วกลบ โดยประมาณ เชน่ * ครสิ ต์ศตวรรษที่ 17 ตรงกับ พทุ ธศตวรรษท่ี 17 + 5 = 22 * พทุ ธศตวรรษท่ี 24 ตรง กับ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 24 – 5 = 19 สหสั วรรษ รอบ 1,000 ปี ศักราชที่ครบแต่ละสหสั วรรษจะลงทา้ ยด้วย 000 เชน่ * สหสั วรรษท่ี 2 นบั ตาม ค.ศ. คือ ค.ศ. 1001 - 2000 * สหสั วรรษที่ 5 กอ่ น พ.ศ. คือ 5000 – 4001 ปกี อ่ น พ.ศ.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook