Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมอียิปต์

อารยธรรมอียิปต์

Published by jidayadum, 2021-03-23 15:49:40

Description: อารยธรรมอียิปต์

Search

Read the Text Version

1. ปจั จยั ทางภมู ิศาสตรก์ บั การตงั ถิ่นฐาน อารยธรรมลมุ่ แมน่ า้ ไนลห์ รอื อารยธรรมอียปิ ตโ์ บราณ กอ่ กา้ เนดิ ในบรเิ วณดนิ แดน สองฝงั่ แมน่ า้ ไนลท์ เ่ี ปน็ แนวยาว ตงั แต่ปากแมน่ า้ ซง่ึ เปน็ ตอนปลายสดุ ของ แม่น้าไปจนถงึ ตอนเหนอื ของ ป.ซดู านในปจั จุบนั

❖ ❖ ❖ ❖ ❖

บรเิ วณอยี ปิ ตล์ า่ ง ตังอยทู่ ร่ี าบปากแมน่ า้ ไนล์ เป็น บริเวณที่ ม.ไนล์แยกเปน็ แมน่ ้าสาขา มลี ักษณะเปน็ รูปพดั ซง่ึ ชาวกรกี โบราณเรียกวา่ “เดลตา” แลว้ ไหล ลงทะเล เมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมโบราณของ อยี ปิ ตไ์ ด้เจรญิ ขนึ แถบนี สว่ นบรเิ วณอียปิ ตบ์ น ไดแ้ ก่ บริเวณท่ี ม.ไนลไ์ หลผา่ นหุบเขา เป็นทแ่ี คบ ๆ ขนาบ ด้วยหนา้ ผาและทะเลทราย

ในฤดูรอ้ น ม.ไนลท์ ไ่ี ดร้ บั นา้ จากการทห่ี มิ ะละลายในเขตทีร่ าบสงู เอธิโอเปยี ท้าให้เกิดนา้ หลากเขา้ ทว่ มบริเวณทรี่ าบลมุ่ แมน่ า้ ในเดือน ส.ค. ถงึ ต.ค.ของทกุ ปี แต่การมนี า้ ท่วมกไ็ ดน้ า้ เอาดนิ ตะกอนมาทบั ถม จงึ ท้าใหบ้ รเิ วณดงั กลา่ วมคี วามอุดมสมบรู ณเ์ หมาะกับการเพาะปลกู

บริเวณทร่ี าบลมุ่ ม.ไนล์ เปรียบเหมือนโอ เอซีสทา่ มกลางทะเลทราย เพราะเปน็ ดนิ แดนที่ลอ้ มรอบด้วยทะเลทราย คือ ** ทิศเหนอื จดทะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี นและ คาบสมุทรไซนาย ** ทิศตะวนั ตก จดทะเลทรายลเิ บยี และ ทะเลทรายสะฮารา ** ทศิ ตอ.+ทศิ ใต้ จดทะเลทรายนูเบยี และทะเลแดง

จากลกั ษณะภมู ปิ ระเทศดังกลา่ ว ทา้ ใหด้ นิ แดนแถบลมุ่ ม.ไนล์ มปี ราการทางธรรมชาติ ป้องกันการรกุ รานจากภายนอก ชาวอียิปตจ์ งึ อยู่กนั อยา่ งสนั โดษ สามารถพฒั นาอารย ธรรมไดอ้ ย่างตอ่ เนื่องยาวนาน ลักษณะภมู อิ ากาศ • เป็นทะเลทราย แหง้ แล้งและฝนตกนอ้ ยมาก บางปีไมม่ ฝี นเลย • ส่วนบรเิ วณชายฝง่ั ทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน มสี ภาพภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเ์ รเนียน คอื ในฤดูหนาวมีฝนตก และในฤดูรอ้ นมีแดดจดั อากาศรอ้ นและแหง้ แลง้ • ชาวอียิปตโ์ บราณตอ้ งอาศัยแม่น้าไนลห์ ลอ่ เลียงชวี ติ • เฮโรโดตสั นัก ปวศ. ชาวกรกี ไดก้ ลา่ วถงึ อยี ิปตไ์ ว้วา่ “อียิปตเ์ ปน็ ของขวัญจากแมน่ ้า ไนล์” เพราะถา้ ขาดแมน่ า้ ไนลเ์ สยี แลว้ อียปิ ตก์ ็จะกลายเปน็ ทะเลทรายไป

ปัจจยั ทางธรรมชาติทชี่ ว่ ยสร้างอารยธรรมอยี ปิ ต์ ได้รับ ค.ชุ่มชืนจาก ม.ไนล์ ท้าให้อียิปต์กลายเป็นดินแดนที่มี ค.อุดมสมบูรณ์ และ มี ค.มัง่ คัง่ จนสามารถสรา้ งสมอารยธรรมท่ยี ง่ิ ใหญ่ของโลกในยคุ โบราณได้ มที ะเลทรายช่วยกันให้พ้นจากเขตอากาศร้อน และความกดอากาศต่้า นอกจากนียังเป็น ปราการธรรมชาตทิ ่ีช่วยป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก สภาพอากาศที่รอ้ นและแหง้ แลง้ ของอยี ปิ ต์ ไดช้ ว่ ยรักษาสง่ิ ทม่ี คี า่ ทางอารยธรรม ได้แก่ สภาพศลิ ปะ และสถาปตั ยกรรม ไมใ่ หเ้ กิดความเสยี หายได้

กระแสลมจากทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี นทพ่ี ดั ลงใตอ้ ย่างสมา่้ เสมอ ช่วยอา้ นวย ความสะดวกตอ่ การเดนิ ทางคา้ ขายทางทะเล ถึงแมอ้ ยี ิปตจ์ ะขาดแคลนปา่ ไม้ แต่กม็ ดี นิ เหนยี ว หินแกรนติ หนิ ทราย และ หนิ ฝนุ่ ซึ่งเปน็ ประโยชน์ตอ่ การก่อสรา้ งของอยี ปิ ต์

ลักษณะเดน่ ของอารยธรรมอยี ปิ ต์ อียิปตเ์ ป็นอารยธรรมของชนชาติเดียว อียิปต์มีทะเลทรายเป็นปราการทางธรรมชาติ ซึ่งช่วยสกัดกันการรุกรานจากศัตรู ภายนอก ท้าใหไ้ ม่มกี ารสรู้ บและการทา้ สงครามในยุคแรกๆ สิ่งก่อสร้างของอียิปตท์ า้ มาจากหินจึงมคี วามแขง็ แรงทนทาน

อยี ปิ ต์ไดร้ บั ประโยชน์จากความอุดมสมบรู ณข์ องแม่นา้ ไนล์ ทา้ ใหม้ ีการด้ารงชวี ติ ทีส่ ขุ สมบรู ณ์ ประกอบกบั มคี วามเชอ่ื ในเรอื่ งวญิ ญาณเปน็ อมตะ ชีวติ หลงั ความตาย และโลกหนา้ ท้าให้ ชาวอยี ปิ ตเ์ ปน็ พวกทม่ี องโลกในแงด่ ี และหวงั จะกลบั มาเกิดใหมใ่ นโลกหน้า จงึ มกี ารรกั ษาศพ ไมใ่ ห้เนา่ เปอื่ ยด้วยการทา้ มัมมี่และมกี ารสรา้ งสสุ านไวเ้ กบ็ ศพ

บรเิ วณเดียวทเี่ ปน็ จดุ ออ่ นทางภมู ิศาสตรข์ องอยี ปิ ต์ทางด้าน การปอ้ งกันประเทศ คือ บรเิ วณชอ่ งแคบสเุ อซ ซ่ึงเป็นพนื ท่ี เช่ือมระหว่างทวปี แอฟริกากบั ทวปี เอเชยี ตะวนั ตกบรเิ วณทรี่ าบ ลุ่มแมน่ ้าไทกรสิ -ยเู ฟรตสี ซ่ึงเปน็ แหลง่ ก้าเนดิ อารยธรรมเมโส โปเตเมยี ดงั นันพนื ทบ่ี รเิ วณนจี งึ เปน็ ทางเชอื่ มหรอื สะพาน ระหว่าง 2 ทวปี และ 2 อารยธรรม เปน็ เสน้ ทางการค้า เป็นแหลง่ เช่อื ม ความคดิ และเปน็ ทางเดนิ ของศตั รู ผู้รุกรานตลอดสมัยประวตั ศิ าสตร์ อันยาวนานของอยี ปิ ต์

2. ประวตั ศิ าสตร์ทางการเมืองของอียิปต์ แบง่ ออกเปน็ 2 สมัยใหญๆ่ คือ 1. สมัยกอ่ นราชวงศ์ มคี วามสา้ คญั ดงั นี 1) มีกลุ่มชนอพยพเขา้ มาตงั ถ่ินฐานในอยี ิปตบ์ รเิ วณ ลมุ่ แมน่ า้ ไนลเ์ มอ่ื ประมาณ 5,000 B.C. ประชากรส่วนใหญเ่ ป็น เกษตรกร เลียงสตั ว์ ปลกู บ้านดว้ ยโคลนและดนิ เหนยี ว อยรู่ วมกนั เปน็ หมบู่ า้ น และ มีหัวหนา้ ปกครอง 2) มีการสรา้ งปฏิทนิ แบบสรุ ยิ คตทิ ่หี นงึ่ ปมี ี 365 วนั ในปี 4241 B.C. ซ่ึงต่อมาจเู ลยี ส ซซี าร์ ไดน้ ้าไปเปน็ แบบอยา่ งและเผยแพรใ่ ช้ในสาธารณรัฐโรมัน

3) ดินแดนลมุ่ แมน่ า้ ไนลถ์ กู แบง่ ออกเปน็ 2 ตอน จึงได้ชอื่ ว่า “Land of Two Lands” ได้แก่ (1) อียปิ ตบ์ น/อียปิ ตส์ งู (Upper Egypt) คอื บรเิ วณทแี่ มน่ า้ ไนลไ์ หลผา่ นหบุ เขาทางภาคใต้ ซ่ึงมี ความยาว 500 ไมล์ กลมุ่ คนทเ่ี ขา้ มาอาศยั ในดนิ แดน อยี ิปตบ์ น เป็นพวกเรร่ อน พกั อาศยั ตามชะง่อนหนิ ล่าสัตว์ + ตกปลาเปน็ อาหาร

(2) อียปิ ตล์ า่ ง/อยี ปิ ตต์ า้่ (Lower Egypt) คอื บรเิ วณทแ่ี มน่ า้ ไนลแ์ ตกสาขา ออกเปน็ รปู พัด ทางภาคเหนอื แลว้ ไหลลงสทู่ ะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี น ซึ่งเรยี กวา่ “เดลตา้ ” โดยมีความยาวประมาณ 200 ไมล์ คนส่วนใหญอ่ าศยั บรเิ วณทรี่ าบลุ่มหนองบงึ จะ สร้างที่พกั หยาบ ๆ โดยใชด้ ินเหนยี ว และ ต้นออ้

ต่อมาอยี ปิ ต์ลา่ งกา้ วเขา้ สสู่ มยั ทเี่ รยี กวา่ “สมัยราชวงศ์” เมือ่ เมเนส กษัตรยิ แ์ ห่ง นครทีนสิ ไดร้ วมอยี ปิ ตส์ งู และอียปิ ต์ตา้่ เขา้ เปน็ อาณาจกั รเดยี วกนั จากนันจงึ เขา้ สสู่ มยั ราชวงศ์

❖ ❖ ❖

❖ ❖ ❖ ❖

❖ ❖ ❖ ❖

- ถอื เปน็ ยคุ ทองของอยี ปิ ต์ เป็นสมยั ทฟี่ าโรหท์ รงยดึ อา้ นาจคนื มาจากพวกขนุ นาง โดยไดร้ ับความช่วยเหลอื จากประชาชน พระองคจ์ งึ ตอบ แทนประชาชนดว้ ยการอนญุ าตให้สามัญชนเข้ารับราชการได้ รวมทังให้ สทิ ธิในการปกครอง ซ่งึ ถอื ว่าเปน็ การเรม่ิ ตน้ การปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตยของอียิปต์

❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖

- เป็นสมัยทฟี่ าโรหม์ อี า้ นาจมากทส่ี ดุ เพราะหลงั จากทีข่ นุ นาง อียิปตส์ ามารถขบั ไลพ่ วกฮคิ โซสออกจากอียิปตไ์ ดส้ ้าเรจ็ แลว้ ฟาโรหไ์ ด้ทรง ดึงอ้านาจคืนจากพวกขุนนางและพระ - จากนนั ทรงปกครองด้วยอา้ นาจเด็ดขาดแตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว โดยมี การสัง่ สมกองทัพทงั กองทพั ยกและกองทัพเรอื รับรปู แบบการใชม้ ้าและ รถศกึ จากฮคิ โซส - เรม่ิ รจู้ กั ใช้เหลก็ เร่ิมใชน้ โยบายรกุ ราน เพือ่ นบา้ นเอาไวเ้ ปน็ รฐั กนั ชน (Buffer States) เพ่ือปอ้ งกันการรุกรานจากภายนอก

- ที่สา้ คญั คือ การเปลย่ี นจากการสรา้ งพรี ะมิดมาเปน็ การสรา้ งวิหารตาม ไหลเ่ ขาและหนา้ ผาอย่างใหญโ่ ตมโหฬาร เพอื่ แสดงอ้านาจและความมง่ั คง่ั ของ ฟาโรห์ โดยไม่ได้หวงั ความสุขในภพหนา้ เหมอื นในสมัยพีระมดิ อกี ตอ่ ไป

- ฟาโรหอ์ าเมนโฮเตปท่ี 4 (ฮิคนาเตน) เปน็ ฟาโรห์ทมี่ ี บทบาทสา้ คญั ในสมยั จกั รวรรดิ โดยทรงปฏริ ปู ศาสนาดว้ ยการยกเลกิ การนบั ถอื เทพเจา้ องค์อ่ืนๆ ทังหมด แลว้ ใหช้ าวอยี ิปตห์ นั มานับถอื เทพอาเตน เพยี งองค์เดียวเทา่ นนั - ทรงย้ายเมอื งหลวงจากทีบสิ ไปอยู่ท่ีเทล เอล อามารน์ า ซึง่ มีจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ผลทางการเมอื ง คือ เป็นการลดอา้ นาจของพวกพระอามอนทีร่ า้่ รวยขนึ จากทรพั ยส์ นิ ทบี่ รรดาหวั เมอื งนา้ มาถวาย และยังถอื เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ของการนบั ถอื เทพเจา้ องคเ์ ดียว

อารยธรรมอยี ปิ ต์ ❖ ❖

ในระยะแรก ชมุ ชนชาวอยี ิปตต์ งั อยแู่ นวแคบ ๆ ของลมุ่ แมน่ า้ ไนล์ เมอ่ื มีคนมาอยู่ มากขนึ มักมีการทะเลาะววิ าทกันในเรอื่ งการใช้นา้ จงึ ตอ้ งมหี วั หนา้ หมูบ่ า้ น ประกอบกับงานชลประทานตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื รว่ มใจ และแรงานจากชมุ ชน จึงจ้าเป็นตอ้ งมหี วั หนา้ หมบู่ า้ น หัวหนา้ หมู่บา้ นจะมบี ทบาทในการควบคุมดูแล และตดั สนิ ข้อพิพาทตา่ งๆ เม่อื หมูบ่ า้ นขยายใหญข่ นึ กลายเป็นเขต การปกครอง เรยี กว่า “ โนมสี ” แตล่ ะโนมสี จะดแู ลคลอง สง่ นา้ ปกปอ้ งโนมสี ของตนเอง

ต่อมาโนมสี เหลา่ นไี ดร้ วมตวั กนั เป็นอาณาจกั รใหญ่ ๆ 2 อาณาจกั ร คอื บรเิ วณทางใต้ เปน็ อียิปตบ์ น ซึง่ เป็นพนื ที่สงู มีศูนย์กลางทเ่ี มืองเนกเฮน และอยี ปิ ต์ลา่ ง ในบรเิ วณ ดินดอนสามเหลย่ี มปากแมน่ า้ ไนล์ มเี มอื งบโู ตเป็นศนู ยก์ ลาง จนกระทงั่ เม่ือประมาณ 3,100 B.C. กษตั ริยข์ องอียปิ ตบ์ น พระนามว่า “ เมนสี ” หรอื “นารเ์ มอร์ แห่งเมอื งอบโี ดส ได้ ปราบปรามอียิปตล์ ่าง และรวมสองอาณาจกั รเขา้ ด้วยกัน และได้ สถาปนาราชวงศข์ นึ ปกครองเปน็ ฟาโรห์ องคแ์ รกของอาณาจกั ร อียิปต์ และตอ่ มาได้ตงั ราชธานีทนี่ ครเมมฟสิ ขึนในบรเิ วณอยี ปิ ตล์ า่ ง

ชาวอยี ิปตถ์ อื วา่ ฟาโรหเ์ ปน็ เทพเจา้ ทีอ่ วตารลงมา ปกครองตน ท้าให้ฟาโรหม์ อี ้านาจสงู สุดและได้รบั การ สักการะจากประชาชน แม้แตพ่ ระนามกไ็ ม่กลา้ เอย่ ถงึ รัฐบาลของฟาโรหจ์ งึ มบี ทบาท ดงั นี • ใหค้ วามคมุ้ ครองปลอดภยั แก่ประชาชน

• ปกป้องภยั จากศตั รภู ายนอก คอยป้องกันผรู้ กุ รานทมี่ าจากทะเลทราย การค้ากบั ตา่ งแดน และควบคมุ ดูแลการชลประทาน • ควบคมุ ดูแลการชลประทาน ซึ่งเปน็ งานระดับประเทศ มกี ารระดมกา้ ลงั ชาวนาใหด้ แู ลคลอง และคสู ่งนา้ ใหใ้ ชก้ ารได้อยเู่ สมอ ควบคมุ ดูแลเกี่ยวกบั การขึนลงของนา้ ในแม่นา้ ไนล์ • มีการระดมก้าลงั ชาวนาใหด้ แู ลคลองและคสู ง่ นา้ ใหใ้ ช้การได้อยู่ เสมอ ควบคมุ ดูแลเก่ียวกับการขนึ ลงของนา้ ในแม่นา้ ไนล์ • ควบคมุ ดูแลเก่ยี วกบั การขนึ ลงของน้าในแมน่ า้ ไนล์ จนท้าให้ ทราบวา่ เมอ่ื ไรจะเกดิ ความแหง้ แลง้ และทพุ ภกิ ขภยั

ในการปกครอง ฟาโรหม์ ีผชู้ ว่ ยการปกครอง 2 ประเภท คอื • เจา้ หนา้ ท่สี ว่ นกลาง ต้าแหนง่ ทสี่ ้าคญั ทส่ี ดุ คอื วิเซียร์ เปน็ ผปู้ ฏิบตั ภิ ารกจิ ตา่ ง ๆ แทน ฟาโรหใ์ นเมอื งหลวง • เจา้ หนา้ ทร่ี ะดบั ท้องถ่ินท่อี ยตู่ ามโนมสี ต่าง ๆ ท่วั ประเทศ ซึ่งฟาโรหจ์ ะ แตง่ ตงั ขา้ หลวงประจา้ โนมสี สว่ นใหญเ่ ป็นคน จากเมอื งหลวงออกไปปกครอง หน้าท่ีสา้ คญั คอื การเก็บภาษีซงึ่ เก็บเปน็ สง่ิ ของ โดยมีผชู้ ว่ ยเปน็ เจ้าหนา้ ที่จดบนั ทึก และทา้ บญั ชี เรยี กว่า สไครบ์ ประจ้าหนว่ ยตา่ งๆ ในราชธานี และทอ้ งถ่นิ

❖ ❖

สา้ หรบั ชาวอยี ิปต์ ศาสนามีความสา้ คญั มากในชีวิตของชาวอยี ิปต์ ศิลปะของอยี ปิ ตเ์ ปน็ การแสดงออกซง่ึ สญั ลกั ษณข์ องศาสนา วรรณคดี และ ปรัชญา รวมทงั เน้นการมองโลกในแงด่ ี โดยศาสนาของอยี ิปตจ์ ะเรม่ิ ตงั แตก่ าร นบั ถอื เทพเจา้ หลายองค์ แล้วคอ่ ยๆ เปลยี่ นมานบั ถอื เทพเจา้ องคเ์ ดยี ว โดยมี เทพเจา้ ทสี่ า้ คญั เช่น โอซิรสิ เปน็ เทพเจา้ แหง่ แม่นา้ ไนล,์ เร/รา เปน็ เทพเจา้ แหง่ ดวงอาทติ ย์ เปน็ ตน้

ชาวอยี ปิ ตม์ ีความเชอ่ื เรอื่ งวญิ ญาณเปน็ อมตะ ชีวิตหลงั ความตาย เป็นพวกมองโลก ในแง่ดแี ละหวงั จะกลบั มาเกดิ ใหมใ่ นโลกหนา้ ด้วยความเช่อื นจี งึ ทา้ ใหช้ าวอยี ิปตน์ ยิ มฝงั ศพไปพรอ้ มๆ กับขา้ วของเครอ่ื งใชแ้ ละอาหาร ส่วนรา่ งกายก็จะเกบ็ รกั ษาไว้ไมใ่ หเ้ น่าเปอ่ื ย ดว้ ยการทา้ เป็นมัมมี่ มกี ารสรา้ งสสุ านไวเ้ กบ็ ศพ

ส้าหรบั ฟาโรหก์ ็จะมกี ารสรา้ งพีระมดิ ไว้ เก็บพระศพของพระองค์ นอกจากนีผตู้ าย มักเขยี นเรอื่ งราวแสดงความบรสิ ทุ ธ์แิ ละความดี ของตนไวใ้ นมว้ นกระดาษปาปริ สุ หรือ ไว้บนฝาหบี ศพ เพอ่ื นา้ ไปแสดงต่อเทพเจา้ โอซิริสหลงั จากทตี่ ายไปแล้ว ซ่ึงหนงั สอื นเี รยี กวา่ “คัมภรี ์มรณะ (Book of the Dead)” ถา้ เขยี นไวต้ ามหบี ศพจะเรยี กวา่ “ Coffin Texts ” ถา้ เขยี นไว้บนก้าแพง พรี ะมิดจะเรยี กวา่ “ Pyramid Texts ”

Book of the Dead ประกอบดว้ ย - ข้อความที่เป็นคา้ สรรเสรญิ พระเปน็ เจ้า - ค้าปฏิเสธบาปและการประพฤตชิ ่ัว - คา้ ยืนยันการเปน็ ผยู้ ดึ มน่ั ในคณุ ธรรมความดีตา่ ง ๆ

การแพทย์ เปน็ สมยั ทเ่ี กิดผเู้ ชยี่ วชาญในด้านตา่ งๆ เช่น จกั ษุแพทย์ ทันตแพทย์ และ ศลั ยกรรม นอกจากนยี งั มกี ารคน้ พบวา่ หวั ใจ คือ ศูนย์กลางการหมนุ เวียนของโลหติ มีการใช้ดา่ งทบั ทมิ ในการรกั ษาบาดแผล ใช้น้าเกลอื เพอ่ื ป้องกันการอกั เสบ มีการทา้ น้ายารักษาศพไมใ่ ห้เนา่ เปอื่ ย และรเิ รม่ิ การตรวจและรกั ษาโรคด้วยวธิ กี าร ทางวทิ ยาศาสตร์

❖ ❖ ❖

ตัวอักษรเฮียโรกลฟิ กิ เป็นอักษรภาพทผ่ี สมระหวา่ งอกั ษรแทน ความหมายและอกั ษรแทนเสยี ง และบนั ทกึ ลงบนแผน่ กระดาษปาปริ สุ อยา่ งไรกต็ าม อักษรภาพดังกลา่ วมจี า้ นวนมากถงึ 600 ตัว ท้าใหย้ าก แกก่ ารจดจา้ และเรยี นรู้ ตอ่ มาจงึ มกี ารปรบั ปรงุ ใหม้ ตี วั อักษรภาพ นอ้ ยลงดว้ ยการพฒั นาให้เปน็ อักษรเครอ่ื งหมายหรอื อกั ษรเสน้ ซึ่งไดแ้ ก่ อกั ษรเฮราตกิ และอกั ษรเดโมตกิ โดยอกั ษร เดโมตกิ จะมเี พยี ง 24 ตวั เทา่ นนั ซง่ึ ใช้ในการ ติดตอ่ คา้ ขาย และเรอ่ื งราวทว่ั ไป จนถงึ ตน้ ครสิ ตศ์ กั ราช ได้มีการนา้ อกั ษรกรกี ผสมกบั อักษรเฮยี โรกลฟิ กิ กลายเปน็ ตวั อักษรคอปตกิ

ตวั อกั ษรเฮราติก

ตวั อกั ษรเดโมติก

ตวั อกั ษรคอปติก

การบันทกึ ชาวอยี ิปตไ์ ดจ้ ารึกเรอื่ งราวเกีย่ วศาสนา ลงในแผน่ หนิ สว่ นเรอ่ื งการคา้ บันทกึ ความเจรญิ ตา่ ง ๆ เช่น ด้านการแพทย์ คณติ ศาสตร์ รวมทงั ความคดิ ความเช่อื ชาวอยี ิปตโ์ บราณ จะเขยี นลงในแผ่นกระดาษ โดยใช้ปากกาและหมกึ ซ่งึ ปากกาประดษิ ฐจ์ ากตน้ อ้อเสยี มปลายให้ แหลม ส่วนหมึกทา้ จากขีเขม่า/ถา่ นผสมนา้ และ ยางไม้

การประดิษฐก์ ระดาษปาปริ สุ ชาวอยี ปิ ตโ์ บราณรจู้ กั ทา้ กระดาษปาปริ สุ จากตน้ ปาปริ ุส ซึ่งขนึ อยู่ตามรมิ แมน่ า้ ไนล์ โดยปอก เปลอื กตน้ ปาปริ สุ ออกแลว้ เฉอื นบาง ๆ ตามยาว แชน่ ้าเพ่อื ใหย้ างออกแลว้ รดี ใหเ้ ปน็ แผน่ บาง จากนันนา้ มาวางสลบั กันตามทางยาว และขวาง เพ่ือใหม้ ีความหนาพออยตู่ วั แล้วใชข้ องหนกั กดทบั เพ่ือใหป้ ระสานสนทิ เป็นแผน่ เดียวกนั ตากแหง้ กจ็ ะนา้ มาเขยี นได้

❖ ❖ ❖ ❖

❖ ❖ ❖ ❖ ❖

มหาพีระมดิ คฟู /ู กเิ ซ เป็นหมพู่ ริ ะมดิ ทางดา้ นหนา้ คือ พริ ะมดิ ใหญ่ สร้างขนึ ในสมยั ฟาโรห์คี ออปส์ หรือฟาโรหค์ ฟู ู เป็นพีระมดิ ทใ่ี หญท่ ีส่ ดุ สงู 146.5 เมตร คลุมพนื ที่ 32 ไร่ครึง่ ใช้ ก้อนหนิ มนี า้ หนกั เฉลยี่ กอ้ นละ 2.5 ตนั จา้ นวน 2.3 ลา้ นก้อน การเดนิ รอบพรี ะมดิ คิดเปน็ ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลากอ่ สรา้ งนาน 20 ปี

พรี ะมิดจงึ ถูกสรา้ งขนึ เรยี งรายตามริมฝง่ั ตะวนั ตกของแมน่ า้ ไนล์ พรี ะมดิ ลูกแรก สร้างเม่ือ 2,700 B.C ชือ่ ว่า พรี ะมิดขันบนั ไดแหง่ ซักการา สร้างโดยวเิ ซียรข์ องฟาโรห์ซอสเซอร์ ชอ่ื ว่า “อิมโฮเตป” และอมิ โฮเตปได้รับการยกยอ่ งวา่ เป็น สถาปนิกทีย่ ิ่งใหญข่ องโลก

การชลประทาน มกี ารสรา้ งระบบชลประทานทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพสูง โดยมกี ารขดุ คสู ง่ นา้ เพือ่ การเกษตร และจากการสงั เกตการขนึ ลงของระดับนา้ ในแมน่ า้ ไนลแ์ ลว้ จดบนั ทกึ วัน เวลา ฤดกู าล เปน็ สถติ ิ เพือ่ การทา้ ระบบชลประทาน จึงเปน็ ที่มาของการสรา้ งปฏิทนิ สรุ ยิ คตขิ องอยี ปิ ตใ์ นปี 4,241 B.C. ซ่ึงมปี ระโยชน์ อยา่ งมากตอ่ การทา้ เกษตรกรรม เพราะทา้ ใหท้ ราบระยะเวลาการเปลย่ี นแปลง ของฤดกู าล และท้าใหร้ สู้ ภาวะการขนึ ลงของแมน่ า้ ไนลไ์ ดอ้ ย่างแม่นยา้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook