Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางปวศ.สากล

การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางปวศ.สากล

Published by jidayadum, 2019-06-17 07:12:37

Description: การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางปวศ.สากล

Search

Read the Text Version

1) หลกั ฐานลายลกั ษณ์อกั ษรในสมยั ราชวงศช์ าง * อกั ษรภาพจารึกตามกระดองเต่า กระดูกสตั ว์ และภาชนะสาริด ที่ใชใ้ นพิธีกรรม

ผจู้ ารึกมกั เป็นกษตั ริยแ์ ละนกั บวช โดยมีจุดประสงคเ์ พื่อ กระทาพิธีเส่ียงทาย เรื่องสาคญั เกี่ยวกบั ชีวติ เช่น การเดินทาง การรบ การล่าสตั ว์ ดินฟ้าอากาศ หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์เหล่าน้ีใหข้ อ้ มูลในดา้ นความ เชื่อในธรรมชาติและความเช่ือโชคลางของชาวจีนในขณะน้นั

2. ส่ือจี (Shih-chi) เปน็ บนั ทกึ ประวตั ิศาสตร์ เขยี นโดยซอื หมา่ เชียน (Sima Qian) นักโหราศาสตร์ประจา้ ราชส้านักสมยั ราชวงศ์ฮัน่ เป็นบันทึกให้ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ประวัติศาสตรจ์ ีนตงั แต่ยุคต้นๆ เชน่ เร่อื งการเมอื งการปกครอง เหตกุ ารณส์ ้าคัญ ในสมยั จกั รพรรดิจนิ๋ ซี ซึง่ เป็นเหตุการณข์ องบ้านเมือง พฒั นาการทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม ซอื หม่าเซยี นไดเ้ ดนิ ทางสา้ รวจข้อมลู ตามท้องถ่นิ ตา่ งๆ ดว้ ยตนเอง ได้เล่าเรื่องราว ในประวตั ศิ าสตรอ์ ย่างถกู ต้องตามความเปน็ จรงิ เขยี นเปน็ ระบบ ชัดเจน ใชภ้ าษาทีเ่ ข้าใจง่าย

3. สสุ านจกั รพรรดิจน๋ิ ซี พบหุน่ ทหารดินเผาจา้ นวนมากกวา่ 6,000 ตัว รปู มา้ ศึก ซ่งึ จัดระเบียบทหารตามแบบกองทพั สมัยราชวงศ์ฉนิ หุ่นทหารที่ค้นพบมีลกั ษณะหน้าตาที่ เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะของแตล่ ะตัว เคร่อื งแต่งกายมีลกั ษณะเหมือนจริงและมกี ารระบายสี นอกจากนียังแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเชอ่ื ในเรอื่ งโลกหลงั ความตายว่า ทหารเหล่านีจะตดิ ตามรบั ใชจ้ ักรพรรดิในโลกหนา้ การคน้ พบสุสานจกั รพรรดิจิ๋นซีทา้ ให้ ไดข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั อา้ นาจ การปกครองของจักรพรรดิ ลทั ธคิ วามเชื่อของชนชนั การปกครอง การจัดรปู แบบทหาร ระบบสังคม วฒั นธรรมประเพณีแบบทหาร และรูปแบบศลิ ปกรรมของจนี หุ่นทหารในบริเวณสุสาน จักรพรรดจิ ๋นิ ซี ได้รับการขนึ้ ทะเบยี ภนแหล่ง มรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อ ค.ศ. 1987

4. ก้าแพงเมอื งจีน/กา้ แพงหมน่ื ลี เป็นก้าแพงที่มปี อ้ มคนั่ เป็นชว่ ง ๆ สรา้ งขนึ เพ่อื ป้องกนั การรกุ รานจาก ชาวฮนั่ หรือ ซยงหนู เข้ามารุกราน และพวกเติรก์ จากทางเหนือ หลังจากนนั ยังมกี ารสร้างกา้ แพงต่ออกี หลายครงั ด้วยกัน แต่ภายหลงั ก็มีเผ่าเรร่ ่อนจาก มองโกเลยี และแมนจูเรยี สามารถบกุ ฝา่ กา้ แพงเมอื งจีนไดส้ ้าเรจ็ ได้รับการขนึ้ ทะเบยี ภนแหล่ง มรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อ พ.ศ. 2530

2.2 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์อินเดีย สมยั โบราณ เร่ิมประมาณ 900 – 600 B.C. เม่ือมีการประดิษฐต์ วั อกั ษร ใชม้ าจนถึง ค.ศ. 535 เมื่อสิ้นสุด ราชวงศค์ ุปตะ

1) ตาราอรรถศาสตร์ * เขียนโดยพราหมณ์เกาฎิลยะเมื่อราว 400 B.C. เป็นตารา สะทอ้ นภาพการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คมในสมยั น้นั

2. คมั ภีรม์ านวธรรมศาสตร์ แต่งโดยพราหมณ์มนู เมอ่ื 200 ปกี ่อนครสิ ตศ์ ักราช เป็นคัมภรี ท์ เ่ี กีย่ วกบั ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู พราหมณ์ นิยมใช้อ้างอิงมาก คัมภรี น์ แี บง่ ออกเป็น 12 เลม่ คือ เล่ม 1 ปรชั ญา เล่ม 2 ทม่ี าของกฎหมาย เล่ม 3 – 5 หน้าที่ของคฤหัสถ์ เล่ม 6 หนา้ ทีข่ อง วานปรสั ถแ์ ละสนั ยาสี เล่ม 7 หนา้ ท่ขี องราชา เล่ม 8 กฎหมายแพง่ และ อาญา เลม่ 9-10 วรรณะต่างๆ เล่ม 11 การใหท้ าน เล่ม 12 ทางไปสู่โมกษะ

3. ศิลาจารกึ ของพระเจ้าอโศกมหาราช บันทึกเรื่องราวเก่ยี วกบั พระราชกรณยี กจิ ของพระเจา้ อโศกมหาราช ตลอดจนหลกั ธรรมค้าสอนของ พระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั ฐานที่ให้ข้อมูลเกีย่ วกับการเมอื ง การสรา้ งจักรวรรดิ การปกครอง เศรษฐกจิ และระบบสงั คมของอินเดีย โดยจารกึ ไว้ตามผนงั ถา้ ศลิ าจารึกหลกั เล็กๆ จารึกบนเสาหนิ ขนาดใหญท่ ่มี ีลกั ษณะทางศลิ ปกรรมท่ี งดงาม หัวเสาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช ทต่ี าบลสารนาถ เมืองพาราณสี รัฐอตุ ตระประเทศ สร้างเม่ือประมาณ 250 ปี ก่อนคริสต์ศักราช

2.3 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ ตะวนั ตกสมยั โบราณ มีพฒั นาการมา ต้งั แต่อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ถึง โรมนั รวมระยะเวลา 4,000 ปี เศษ

1) ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี

เรมิ่ ตงั แต่ 3,500 ปีก่อนคริสตศ์ กั ราช–ค.ศ. 476 1. ประมวลกฎหมายฮมั มรู าบี (Hammurabi Code) เป็นหลกั ฐานประเภท กฎหมายจารึกบนแท่งหนิ สงู 8 ฟุต โดยพระเจา้ ฮัมมรู าบีแหง่ อาณาจักรบาบิโลเนยี ให้ บัญญตั ขิ นึ เนอื หาของกฎหมายเก่ยี วกับชมุ ชน ศาสนา การชลประทาน อาชญากรรม การ ประกอบธรุ กิจ การถือกรรมสิทธิ์ที่ดนิ ในทรัพย์สิน กฎหมายมบี ทลงโทษคอ่ นขา้ งรุนแรง ประมวลกฎหมายฮมั บรู าบีไดใ้ หข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั สังคมบาบิโลเนียในหลายด้าน เช่น สงั คมชนชันขนุ นางกบั นกั บวชมีอา้ นาจเหนือกว่าประชาชนคนทั่วไป ผหู้ ญงิ มสี ิทธิทาง กฎหมายน้อยกว่าผชู้ าย แตส่ ามารถดา้ เนนิ กิจการคา้ และเปน็ เจา้ ของทรพั ย์สินได้ พรอ้ ม ทงั ไดร้ ับอนุญาตให้เป็นพยานในศาล ดงั นัน ประมวลกฎหมายฮัมบรู าบจี งึ เป็นหลกั ฐาน ทางประวตั ศิ าสตร์ทสี่ ้าคัญมากในการศึกษาประวัตศิ าสตร์เมโสโปเตเมีย

2. บนั ทกึ สมยั อยี ิปตโ์ บราณ 1) อักษรไฮโรกลิฟิก (Hieroglyphic) เป็นอกั ษรภาพบันทึกเรื่องราว ทางศาสนา เป็นอักษรท่ีเข้าใจเฉพาะคนในสังคมนันเท่านัน นิยมสลักบนเสา ผนัง หรือ หลุมฝงั ศพ

2) อักษรไฮแรติก (Hieratic) พัฒนามาจากอักษรไฮโรกลิฟิก มีภาพ นอ้ ยลง เขยี นได้รวดเร็ว ตวั หวดั ขนึ นิยมเขยี นลงบนประดาษปาปริ สั กระดาษปาปิ รัส ในภาพชาวอยี ภปิ ต์กาลงั เพาะปลูก

การค้นพบตัวอักษรและกระดาษปาปิรัสท้าให้อารยธรรมอียิปต์โบราณปรากฏ หลักฐานลายลักษณ์อักษรไว้ให้นักประวัติศาสตร์ได้ศึกษา ความรู้ของชาวอียิปต์จะถูก บนั ทกึ ไวใ้ นกระดาษปาปริ ัส และถกู เกบ็ รักษาไว้ในหลุมฝงั ศพของชาวอียปิ ต์โบราณ ซึ่งเป็นความรู้เก่ียวกับต้าราทางการแพทย์ โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ ซึ่งผู้บนั ทึกจะเป็น นักบวช บันทึกทางศาสนา ได้แก่ บันทึกของผู้ตาย หรือ “Book of the Dead” ซ่ึงได้ บนั ทกึ ความดีของตนไว้ เพ่ือแสดงต่อเทพโอไซรสิ เมอื่ สนิ ชวี ติ ไปแลว้

3) งานเขยี นประวัติศาสตร์ของกรกี –โรมัน ตวั อยา่ งหลกั ฐานงานเขียนของกรีก - ประวัติศาสตร์ (history) ของเฮโรโดตัส มีเนือหา เกีย่ วกบั สงครามระหวา่ งกรีกกับเปอรเ์ ซีย - ประวตั ศิ าสตร์สงครามเพโลพอนนเี ชียน (History of Peloponnesian War) ของทซู ิดดี ิส เป็นงานบนั ทกึ ประวัตศิ าสตรเ์ กี่ยวกบั สงครามระหว่างนครรัฐเอเธนส์ กบั นคร รัฐสปาร์ตา

ตัวอย่างหลกั ฐานงานเขียนของโรมัน -บันทึกสงครามกอล (Commentaries on the Gallic War) ผลงานเขยี นของจเู ลียส ซซี าร์ เป็นบันทึกเรื่องราว การท้าสงครามในแคว้นโกล -เยอร์มาเนยี (Germania) ผลงานของแทกซิตัส เป็นบนั ทึกเร่อื งราวของชนเผา่ เยอรมนั ถือว่าผลงานท่ใี หข้ ้อมูล เกีย่ วกับสงครามและชนเผ่าเยอรมนั ในสมัยนนั

3. หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์สมยั ภกลาง 3.1 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์จีนสมยั กลาง เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงทาง การเมือง และการรับอิทธิพลอารยธรรม ต่างๆเขา้ มา โดยเฉพาะอิทธิพล พระพทุ ธศาสนา

1) งานบนั ทึกประวตั ิศาสตร์ราชวงศ์ 1. งานประวตั ศิ าสตรร์ าชวงศช์ าง เป็นงานบนั ทึกพฤติกรรมของชนชันปกครองเพือ่ เป็น บทเรียนทางศลี ธรรมสา้ หรับชนชนั ปกครองในราชวงศป์ จั จบุ ัน บันทกึ ท่ีส้าคัญ เช่น โฮ่วฮันฉู่ (Hou-Han-shu) หรือประวัตศิ าสตรร์ าชวงศฮ์ ั่นยคุ หลงั สยุ ฉู่ (Sui-shu) ประวัตศิ าสตรร์ าชวงศ์สยุ เรียบเรยี งใน ค.ศ. 644 สมัยราชวงศ์ถงั ถงั ฉู่ (Tang-shu) ประวตั ิศาสตรร์ าชวงศ์ถัง เรยี บเรียงใน ค.ศ. 945 สมัยห้าราชวงศ์ ซง่ สือ่ (Sung-shih) หรือประวัตศิ าสตรร์ าชวงศ์ซง่ เรยี บเรยี งใน ค.ศ.1345 สมัยราชวงศ์หยวน หยวนสือ่ (Yuan-shih) เรยี บเรยี งใน ค.ศ. 1370 สมยั ราชวงศห์ มงิ บนั ทึกประวัติศาสตรร์ าชวงศ์ชางถอื เปน็ หลักฐานทางประวัตศิ าสตรท์ สี่ า้ คญั ทสี่ ุดทีน่ ัก ประวตั ศิ าสตรใ์ ชศ้ ึกษาประวัตศิ าสตรจ์ ีน

2. หลักฐานแหลง่ โบราณคดถี า้ พทุ ธ พระพทุ ธรูปในถา้ หมายภเลข 6 ศลิ ป์ ในสมยั ราชวงศฮ์ ่ันพระพทุ ธศาสนาได้ ของพทุ ธสถานถา้ หยภุนกงั แพร่หลายทัว่ ไปในสังคมจนี และตังแต่สมยั ราชวงศ์เว่ยเ์ หนอื ได้มกี ารขดุ เจาะถ้าและ สร้างสรรค์ศลิ ปกรรมทงั ทางด้าน ประตมิ ากรรมและจิตรกรรมตามปรัชญาทาง พระพทุ ธศาสนา ถา้ ท่สี ้าคัญ เช่น ถา้ หยนุ กัง (Yungang) ในมลฑลฉา่ นซี และถา้ ตนุ หวง (Dunhuang) ในมลฑลกันซู หลกั ฐานเหลา่ นใี ห้ข้อมลู ทาง ประวตั ศิ าสตร์ที่ส้าคัญทางวฒั นธรรม การค้า ระหว่างจนี –อินเดีย และเอเชียกลาง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ด้านพระพุทธศาสนา

3.2 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์อินเดียสมยั กลาง เป็นสมยั การแตกแยกทางการเมือง และการรุกรานจากพวกมุสลิม จนสามารถ ต้งั อาณาจกั รสุลต่านแห่งเดลี

1) หนังสือประวตั ขิ องสุลต่านฟี รุส ชาห์ ตุคลุก (Tarikh I Firuz Shah Tughluq) เรียบเรียงโดย ซีอา อลั -ดิน บารนี ซ่ึงเป็นนกั ประวตั ิศาสตร์ในสมยั สุลต่านแห่งเดลีหรือบริวารของสุลต่านที่ ถูกคุมขงั เป็นหนงั สือที่เขียนข้ึนโดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือแนะนา ใหส้ ุลต่านแห่งเดลีทุกพระองคท์ รงปฏิบตั ิหนา้ ที่ต่อศาสนา อิสลาม ซ่ึงเขียนเสร็จใน ค.ศ. 1357

หนงั สือประวตั ิของสุลต่านฟี รุส ชาห์ ตุคลุก เป็น เรื่องราวของสุลต่านแห่งเดลีต้งั แต่สมยั สุลต่านบลั บนั จนถึงตน้ สมยั สุลต่านฟี รุส ชาห์ ตุคลุก คุณค่าของหนงั สือเล่มน้ีคือ การ รวบรวมขอ้ มูลและการแยกแยะขอ้ มูลเก่ียวกบั ปรัชญา การเมือง ประวตั ิศาสตร์ ศาสนา อกั ษรศาสตร์ และขอ้ มูลชีวติ ประจาวนั ของประชาชน ทาใหง้ านเขียนชิ้นน้ีมีคุณค่าในฐานะหลกั ฐาน ขอ้ มูลในการศึกษาประวตั ิศาสตร์อินเดียสมยั สุลต่านแห่งเดลี

2) งานวรรณกรรมของอะมรี ์ คุสเรา (Amir Khusrau) เป็นกวเี ช้ือสายอินโด-เปอร์เซียประจาราชสานกั สุลต่านแห่งเดลี วรรณกรรมของเขามีลกั ษณะเป็นท้งั โคลง กลอน และร้อยแกว้ โดยมีวตั ถุประสงคถ์ วายแด่สุลต่าน งาน วรรณกรรมน้ีเก่ียวขอ้ งกบั สุลต่าน รวมถึงบทกวสี รรเสริญ ราช สานกั พลเมือง ภาษา และธรรมชาติของแควน้ ฮินดูสถาน งาน เขียนเนน้ ไปท่ีวรี กรรมของสุลต่าน ทาใหเ้ ป็นงานเขียนท่ีมี ลกั ษณะหรูหรา ขยายความเกินจริง

งานวรรณกรรมของอะมรี ์ คุสเรา

3.3 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก สมยั กลาง ยโุ รปสมยั กลางเป็นสงั คมภายใต้ การครอบงาของคริสตศ์ าสนาและระบบ ฟิ วดลั หลกั ฐานจะถูกบนั ทึกดว้ ยภาษาละติน ซ่ึงใชส้ ืบเนื่องมาต้งั แต่สมยั โรมนั

1) มหากาพยภ์ชองซองเดอโรลองด์ เป็นวรรณกรรมสดุดีวรี กรรมของอศั วนิ ของฝร่ังเศส มหากาพยเ์ รื่องน้ีมีตน้ กาเนิดมาจากเหตุการณ์ทาง ปวศ.ในสมยั คริสตศ์ ตวรรษท่ี 8 คือ เกิดสงครามในสเปน ระหวา่ งจกั รพรรดิ เลอมาญกบั กองทพั อาหรับ ซ่ึงใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั โลกทศั นข์ อง คนยโุ รปสมยั กลาง/ระบบฟิ วดลั /คริสตศ์ าสนา

2) ทะเบยี ภนราษฎร เป็นเอกสารการเมืองการปกครององั กฤษท่ีพระเจา้ วิ ลเลียมท่ี 1 ทรงจดั ใหท้ าข้ึน ทรงใหร้ วบรวมขอ้ มูลขององั กฤษ เกือบทุกดา้ น ท้งั จานวนประชากร หมู่บา้ น จานวนทรัพยส์ ิน ในฐานะหลกั ฐานทาง ปวศ. เอกสารทะเบียนราษฎร จึงเป็นหลกั ฐานสาคญั ที่ใหข้ อ้ มูลรายละเอียดเกี่ยวกบั ประชากร ที่ดิน และทรัพยส์ ินในประเทศองั กฤษ และยงั สามารถใชศ้ ึกษา ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกษตั ริยก์ บั ขนุ นาง และขา้ ทาสติดที่ดิน ขององั กฤษ

3) หนังสือแห่งกาลเวลา มีเน้ือหาเก่ียวกบั กิจกรรมทางศาสนา ไดแ้ ก่เร่ือง ปฏิทิน คาสวดมนต์ เพลงสวด พิธีกรรมในวนั สาคญั ทางศาสนา ภาพของหนงั สือน้ีวาดโดยตระกลู ลิมเบิร์ก ภายใตก้ ารอุปถมั ภ์ ของดุ๊กแห่งแบร์ร่ี ขนุ นางคนสาคญั ของฝร่ังเศส หนงั สือเล่มน้ี ใหข้ อ้ มูลดา้ นประวตั ิศาสตร์ สงั คม วถิ ีชีวติ ของคนตามระบบ ฟิ วดลั และหนงั สือเล่มน้ีมีลกั ษณะพเิ ศษ คือ พมิ พด์ ว้ ยมือ และ มีภาพวาดประกอบจานวนมาก

ภาพจากปฏทิ ินเดือนมกราคมในหนังสือแห่งกาลเวลา เป็ นภาพงานเลยี้ ภงฉลองของขุนนาง

4. หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์สมยั ภใหม่และสมยั ภปัจจุบนั 4.1 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์จีนสมยั ใหม่และ สมยั ปัจจุบนั ประวตั ิศาสตร์จีนสมยั ใหม่ เร่ิมตน้ ดว้ ยการสถาปนาราชวงศห์ มิง ถึงราชวงศช์ ิง การปฏิวตั ิประชาธิปไตย ค.ศ. 1911 และการ ปฏิวตั ิสงั คมนิยมคอมมิวนิสต์ ค.ศ. 1949 หลงั จากน้นั จึงเป็นสมยั ปัจจุบนั

1) งานวรรณกรรมของหลู่ ซุ่น หลู่ ซุ่น เป็นนามปากกาของโจว ซู่เหริน มีงานเขียน หลายรูปแบบ มีท้งั บทความ เรื่องส้นั เช่น บา้ นเกิด และ ขงจ๊ือกบั สงั คมยคุ ใหม่ของจีน เน้ือหาส่วนใหญ่สะทอ้ นปัญหาสงั คมที่มีความ อยตุ ิธรรม ยดึ มนั่ ในขนบธรรมเนียมท่ีลา้ หลงั ยดึ ถือการแบ่งชนช้นั จุดประสงคข์ องการเขียนวรรณกรรมของหลู่ ซุ่น คือ กระตุน้ ใหส้ งั คมจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขใหเ้ กิดการพฒั นา

2) เอกสารแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระหว่างประมุข/ผู้นา รัฐบาลอาเซียภนกบั ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ กรุงกวั ลาลมั เปอร์ วนั ท่ี 16 ธันวาคม ค.ศ. 1997 เป็นเอกสารบนั ทึกขอ้ แถลงการณ์ร่วมกนั ระหวา่ ง หวั หนา้ รัฐบาลของประเทศในอาเซียน กบั ประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน เก่ียวกบั ความร่วมมือทางดา้ นการเมือง เศรษฐกิจ และ สงั คม

4.2 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์อินเดียสมยั ใหม่ และสมยั ปัจจุบนั ประวตั ิศาสตร์อินเดียสมยั ใหม่ เริ่มตน้ ดว้ ยการท่ีพวกมุคลั สถาปนาราชวงศม์ ุคลั จนถึงองั กฤษปกครองอินเดีย และอินเดียไดร้ ับ เอกราช หลงั จากน้นั จึงเป็นการเขา้ สู่สมยั ปัจจุบนั

1) ประวตั ขิ องอกั บาร์ เป็นกษตั ริยอ์ งคส์ าคญั ของราชวงศม์ ุคลั เรียบเรียงโดย อาบุล ฟาซลั โดยแบ่งประวตั ิของอกั บาร์เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นการประสูติของอกั บาร์และยคุ สมยั จกั รพรรดิบาบูร์ กบั สมยั จกั รพรรดิหุมายนู ส่วนท่ี 2 เก่ียวกบั ยคุ สมยั จกั รพรรดิอกั บาร์ และ ส่วนท่ี 3 เกี่ยวกบั การบริหารปกครอง โดยบนั ทึกเก่ียวกบั ดา้ น ประชากร อุตสาหกรรม และสภาวะเศรษฐกิจของจกั รวรรดิมุคลั

2) พระราชโองการของสมเดจ็ พระราชินีนาถวกิ ตอเรียภ มีเน้ือหาเป็นลกั ษณะคาสญั ญา สาหรับชาวอินเดีย โดยกล่าวถึง การยกเลิกบริษทั อินเดียตะวนั ออก ขององั กฤษ สิทธิขององั กฤษใน อินเดีย การปกครองชาวอินเดีย ท่ีมีประสิทธิภาพและยตุ ิธรรม สมเดจ็ พระราชินีนาถวกิ ตอเรียภ

4.3 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก สมยั ใหม่และสมยั ปัจจุบนั เป็นช่วงที่ยโุ รปเกิด การเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วท้งั การเมือง เศรษฐกิจ สงั คม ศิลปวฒั นธรรม และวทิ ยาการ ต่างๆ และเป็นช่วงเวลาของการพฒั นาดา้ น วทิ ยาศาสตร์ อุตสาหกรรม ปรัชญา และ ประชาธิปไตย

1) คาประกาศสิทธิมนุษยภชน และพลเมือง เป็นคาประกาศของคณะปฏิวตั ิฝร่ังเศส หลงั จากทาการ ปฏิวตั ิโค่นลม้ อานาจของพระเจา้ หลุยส์ที่ 16 แลว้ เตรียมร่าง รัฐธรรมนูญข้ึน ถือเป็นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ที่ใหข้ อ้ มูล ทางดา้ นความคิด ภูมิปัญญาของฝร่ังเศสและยโุ รปในยคุ ภูมิธรรมช่วงคริสตศ์ ตวรรษท่ี 18

2) สนธิสัญญาแวร์ซายภ เป็นสนธิสญั ญาท่ีเกิดข้ึนที่พระราชวงั แวร์ซาย ประเทศ ฝร่ังเศส หลงั จากสิ้นสุดสงครามโลกคร้ังที่ 1 สญั ญา ประกอบดว้ ยขอ้ บงั คบั ซ่ึงลดอานาจและดินแดนของเยอรมนี ไม่ใหฟ้ ้ื นตวั อีก สภาแห่งชาตฝิ ร่ังเศส ได้ออกประกาศสิทธิ มนุษยภชนและพลเมือง ใน ค.ศ.1789


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook