❖ ❖ ❖ ❖
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นอารยธรรมทีเ่ ก่าแก่ที่สุด คา้ ว่า “เมโสโปเตเมีย” มาจากค้าในภาษากรกี มีแหลง่ ก้าเนดิ บนดนิ แดนระหวา่ งแม่น้าไทกรสิ -ยเู ฟรติส เรียกวา่ “เมโสโปเตเมยี ” นอกจากนียังเรียกดินแดนนีวา่ “ดินแดนพระจนั ทรเ์ สยี ว”
➢ มีความหมายว่า “ดินแดนระหว่างแม่น้าทังสอง” คือ ไทกริส (ต้นก้าเนิด จากเทือกเขาซากรอสในอิหร่านปัจจุบัน) และ ยูเฟรติส (ต้นก้าเนิดจากภูเขาใน บริเวณทร่ี าบสูงอาร์เมเนียในเขตตุรกีปัจจบุ นั ) แมน่ า้ ทังสองไหลลงอา่ วเปอร์เซีย
ดินแดนเมโสโปเตเมียเปน็ ดนิ แดนทีม่ อี าณากว้างขวาง พนื ท่ีตอนบนเปน็ พท. ที่ราบท่ีสูงกว่าทางตอนใต้ และลาดต่้ามายัง พท. ราบลุม่ ตอนล่าง ท้าให้ ทางตอนบนจึงแหง้ แลง้ กว่า การเกษตรตอ้ งใชร้ ะบบชลประทาน
สว่ น พท.ราบลุ่มตอนลา่ งเป็นทร่ี าบ ต้า่ อดุ มสมบูรณ์ เกดิ จากการทบั ถมของ ดนิ ตะกอนปากแมน่ า้ ท่ถี กู พดั มาทบั ถมไว้ ทา้ ให้เกดิ พนื ดนิ งอกตรงปากแม่นา้ ทุกปี บรเิ วณนีเรียกวา่ “บาบิโลเนยี ” เปน็ เขต ตดิ ตอ่ กบั อา่ วเปอร์เซีย
เปน็ บริเวณที่อุดม สมบรู ณ์ และเป็นแหลง่ กา้ เนิด อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
อาณาเขตตดิ ตอ่ ของดินแดนเมโสโปเตเมีย เมโสโปเตเมียทางดา้ นเหนอื จดทะเลด้า + ทะเลแคสเปียน เมโสโปเตเมียทางดา้ น ตต./ต. จดคาบสมทุ รอาระเบีย ซง่ึ ลอ้ มรอบ ท.แดง และ มหาสมุทรอินเดยี เมโสโปเตเมียทางดา้ น ตอ. จดที่ราบสูงอิหร่าน เมโสโปเตเมียทางดา้ น ตต. จดทีร่ าบซีเรียและปาเลสไตน์
ลักษณะภูมิอากาศ ➢ มีฝนตกนอ้ ยมาก เพราะมภี ูมิอากาศแบบทะเลทราย และ ก่ึงทะเลทราย อากาศจงึ แห้งแล้ง ความชืนไม่พอส้าหรับการ เพาะปลูก ต้องอาศยั น้าจากแมน่ ้าทังสองเป็นหลกั ➢ ช่วงฤดรู ้อน หมิ ะในเทอื กเขาอาร์เมเนยี ละลาย ระดับน้าสูงขนึ ทา้ ใหน้ ้าทว่ ม ในเขตทรี่ าบต้า่
ทรพั ยากรธรรมชาติท่ีสา้ คัญ ➢ มที รพั ยากรทส่ี าคญั ได้แก่ ดินอันอุดมสมบรู ณ์ โดยเฉพาะดนิ เหนยี ว นามาทาอฐิ กอ่ สร้างบ้านเรือน และศาสนสถาน ➢ ส่วนแร่ คือ เหลก็ และเกลอื แตม่ ไี มม่ าก
ปจั จัยท่เี ออื ให้เกดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 1. เปน็ อารยธรรมทเ่ี กิดขึนบริเวณที่ราบลมุ่ ม.ไทกรสิ – ยเู ฟรตีส ทมี่ ดี นิ อดุ มสมบูรณ์ ซง่ึ มปี ระโยชน์ตอ่ การท้าเกษตรกรรม 2. ประชากรในเมโสโปเตียเป็นกล่มุ ชนหลายเชอื ชาติ ไดแ้ ก่ สุเมเรียน อัคคาเดยี น อะมอไรท์/บาบิโลเนยี น แคสไซท์ อสั ซเี รยี น และแคลเดยี น ทา้ ให้มกี ารแยง่ ชิง อ้านาจกนั ตลอดเวลา
3. ไม่มีภเู ขาและทะเลทรายเป็นปราการธรรมชาติ จึงท้าใหต้ ่างชาติ เขา้ รกุ รานและตังอาณาจักรตลอดเวลา
กล่มุ ชนท่ตี งั ถ่นิ ฐานในดนิ แดนเมโสโปเตเมยี สมัยอาณาจักรสเุ มเรยี น (ซูเมเรยี ) สมัยอาณาจกั รบาบิโลเนยี (บาบโิ ลนเกา่ ) สมัยจักรวรรดิอสั ซีเรยี สมัยอาณาจกั รคาลเดยี (บาบิโลนใหม่) สมัยอาณาจกั รขนาดเล็ก
ประวัตศิ าสตร์สุเมเรยี น ➢ สุเมเรยี นเป็นชนชาติแรกท่เี ข้ามาตังถน่ิ ฐาน และวางรากฐานทาง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ➢ ทงั นียงั ไม่ทราบแน่ชัดวา่ สเุ มเรยี นเป็นกลุ่มชนเชือชาติใด ➢ แตม่ ีการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกลมุ่ ชนทอ่ี พยพจากเอเชยี กลาง แลว้ เขา้ มาตังใน พท.ทางตอนใต้ เรยี กวา่ “ซูเมอร”์ เม่อื ประมาณ 5,000 B.C.
➢ จากนันจึงรวมตัวกนั จดั ตังเป็นนครรัฐ ประมาณ 12 นครรฐั โดยแต่ละนครรัฐจะปกครองตนเอง มีอิสระไม่ขึนตรงตอ่ กัน และ มีการแยง่ ชิง ค.เปน็ ใหญ่บอ่ ยครัง ➢ สเุ มเรยี นปกครองเมโสโปเตเมีย ประมาณ 1,430 ปี (3,800 – 2,371 B.C.) และหมดอ้านาจลงเมอื่ แซกเกซี ผปู้ กครองนครรัฐ Umma พ่ายแพต้ ่อ กองก้าลงั ของพวกอคั คาเดียนจากดนิ แดนอคั คัต ในปี 2,371 B.C.
อารยธรรมสเุ มเรยี น ➢ สุเมเรยี นเปน็ ผูว้ างรากฐานอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ทส่ี า้ คญั มี 8 ดา้ น ดว้ ยกนั ได้แก่ 1. ดา้ นการปกครอง - สุเมเรียนจะยึดม่นั ในระบอบเทวราชา คอื ผู้ปกครองจะอ้างนาม และ อาศัยอ้านาจของเทพเจา้ เปน็ เครื่องมือในการปกครอง โดยผูป้ กครองจะผลดั เปลี่ยนกนั ขนึ ปกครองนครรัฐ ซ่งึ มอี ยู่ 2 กล่มุ คอื
1) พระ/ปาเตซี น้าการปกครองได้ เพราะอ้างนามและอาศยั อา้ นาจของ เทพเจา้ 2) นายทหาร/ลูกลั นา้ การปกครองได้ เพราะมี ค.สามารถในการรบ ทังนสี เุ มเรียนเชอ่ื ว่า ผ้ปู กครอง คือ ผทู้ ี่เทพเจา้ ก้าหนดให้มาปกครอง ซึ่งเปน็ หนา้ ท่ีของผ้ปู กครองท่ีจะปกปอ้ ง และขยายดนิ แดน ปรับปรงุ และพัฒนาระบบ ชลประทาน สรา้ งและซ่อมแซมถนน และคงไว้ซง่ึ ความยุติธรรม
นอกจากนกี ฎระเบยี บการปกครองของสเุ มเรียนจะยึดจารีตประเพณีเป็น หลัก และมีการกา้ หนดบทลงโทษท่ีรุนแรง สา้ หรบั ผู้กระทา้ ค.ผดิ แตย่ งั ไม่มี การจารกึ เปน็ ลายลักษณ์อกั ษร สา้ หรับกฎหมายของสุเมเรยี นจะมลี ักษณะแบบ สนองตอบ ซ่งึ ต่อมาได้กลายเปน็ รากฐาน ของประมวลกฎหมายฮมั มรู าบขี อง พวกอะมอไรท์
2. ด้านสงั คม - สเุ มเรยี นใหค้ วามสา้ คัญตอ่ สถาบนั ครอบครวั ลูกตอ้ งเชื่อฟังบิดา มารดา และสามใี หภ้ รรยาร่วมมีสิทธใ์ิ นทรัพย์สนิ ทังนสี ังคมสุเมเรียนแบง่ ออกเปน็ 4 ชนชัน ไดแ้ ก่ * ชนชันสูง คือ ผู้ปกครอง ไดแ้ ก่ นายทหารและพระ * ชนชนั กลาง ได้แก่ ทหาร พระ พ่อคา้ และอาลกั ษณ์ * ชนชันต้่า ได้แก่ ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่ เปน็ เกษตรกร * ชนชันต้่าสุด ไดแ้ ก่ ทาส
❖ ❖ ❖ ❖
3. ด้านการประกอบอาชีพ - อาชีพหลักของสุเมเรยี นมี 3 ประเภท ได้แก่ การทา้ เกษตรกรรม งานฝมี ือ และการคา้ ขายดว้ ยระบบแลกเปลีย่ น - ชาวสเุ มเรยี นรู้จักการเพาะปลูก ดงั นี ทา้ นาปลูกข้าวสาลี ขา้ วบาเลย์ ประดษิ ฐค์ นั ไถทา้ ดว้ ยโลหะสา้ ริด และนา้ ววั มาเทยี ม คันไถ เปน็ ครังแรกทมี่ นุษยร์ จู้ ักน้าสัตว์มาชว่ ยทา้ งาน จงึ ถอื วา่ เป็นการปฏิวัติเกษตรกรรมเป็นครังแรกของมนษุ ย์
❖ ❖ ❖
4. ดา้ นศาสนา - สุเมเรยี นเป็นกลุ่มชนที่บชู าเทพเจ้าแห่งธรรมชาติหลายองค์ ซง่ึ เทพเจ้าสูงสุดเร่ิมแรกมี 3 องค์ ได้แก่ เทพเจ้าแหง่ ท้องฟา้ เทพเจา้ แหง่ แผ่นดิน และ เทพเจา้ แหง่ นา้ - นอกจากนสี ุเมเรยี นไม่เช่ือในเรอ่ื งวิญญาณเปน็ อมตะ และโลกหน้ามจี ริง แตเ่ ชอ่ื ว่าวิญญาณร้ายจะน้ามาซง่ึ ความเจบ็ ไข้ และความทุกข์ยาก
5. ด้านศิลปะการเขยี น - สุเมเรียนเปน็ ชนกลุม่ แรกท่ีพัฒนาระบบการเขียน เม่อื ประมาณ 3,500 B.C. ซึ่งเปน็ อักษรที่เก่าแก่ที่สุดของโลก - ในขณะท่นี ครรฐั Urak เปน็ ใหญ่ ไดป้ ระดิษฐ์ตัวอกั ษร เครื่องหมายที่เรียกวา่ “อกั ษรรปู ล่ิม หรือ อักษรคูนฟิ อร์ม” ขึน ซ่ึงมรี ูปร่างคล้ายตัววี ในภาษาอังกฤษ
- สเุ มเรยี นได้จารกึ ตัวอกั ษรคูนฟิ อร์มด้วยการใชต้ ้นออ้ แหง้ หรอื เหลก็ แหลมกดลงบนดนิ เหนียว และนา้ ไปตากแดดหรือเผาใหแ้ หง้ เพือ่ เก็บ รักษา ขอ้ ความสว่ นใหญ่จะเป็นเร่อื งเกยี่ วกบั ศาสนาและการปกครอง โดย มงุ่ เน้นประโยชน์ในดา้ นศาสนกจิ เปน็ สา้ คัญ ซ่ึงพวกพระ ใชจ้ ดบนั ทกึ สง่ิ ต่างๆ
- การประดิษฐอ์ กั ษร เปน็ พฒั นาการส้าคัญต่อการสรา้ งอารยธรรม เมโสโปเตเมยี และก่อใหเ้ กิดการเขียนวรรณกรรมที่สา้ คญั ไดแ้ ก่ มหากาพยก์ ิลกาเมซ
❖ ❖ ❖
6. ดา้ นสถาปัตยกรรม - สงิ่ ก่อสรา้ งสว่ นใหญ่จะทา้ จากอฐิ ส่งผลให้งานสถาปัตยกรรม ไมค่ งทนถาวร เหมือนสถาปัตยกรรมของอยี ิปต์ ซงึ่ ทา้ จากหนิ - สถาปัตยกรรมทเ่ี ดน่ ที่สดุ คือ มหาวหิ ารหอคอย หรือ ซิกกแู รต ทนี่ ครรัฐเออรุค ซ่งึ ชันบนสดจะเปน็ วิหารเทพเจ้า เพื่อใช้เปน็ ทปี่ ระทบั ของ เทพเจ้า และเปน็ ศาสนสถานเพ่ือประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา ในเวลา กลางคนื พระจะใชว้ หิ ารเทพเจา้ ในการศกึ ษาหมู่ดาวบนทอ้ งฟา้ ซง่ึ นา้ ไปสู่ การสรา้ งผลงานทางดา้ นดาราศาสตรแ์ ละโหราศาสตร์
❖ ❖ ❖
7. ปฏิทิน - จะเป็นแบบจันทรคติ คือ 1 เดอื น มี 29 วันครงึ่ และมี 354 วนั 8. ดา้ นคณิตศาสตรแ์ ละการจดั ระบบชลประทาน
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖
นอกจากนียงั เปน็ กลุ่มชนทเ่ี ปน็ ผู้น้าด้านการแพทย์ และยาสมุนไพร และพวกสุเมเรยี นได้กลายเปน็ ผนู้ า้ ในการศึกษาด้านดาราศาสตรแ์ ละ โหราศาสตร์ที่ได้จากการสังเกตการโคจรของดวงดาวบนทอ้ งฟา้
บาลิโลเนีย/บาบโิ ลนเกา่ กอ่ ตังโดยพวกอะมอไรต์ ซงึ่ เปน็ ชนเผา่ เซมิตกิ มถี น่ิ กา้ เนดิ แถบ ตะวันออกกลางเขา้ มายึดครองดินแดนของชาวสเุ มเรียน และจดั ตังอาณาจักร บาบโิ ลเนีย มอี า้ นาจปกครองระหวา่ ง 2,000 – 1,600 B.C. ศูนย์กลางการปกครองอยทู่ ่เี มอื ง บาบิโลน เรียกว่า “พวกบาบโิ ลน”
ใชภ้ าษาพูดตระกูลเซมติ กิ มีอา้ นาจทางการทหารทเ่ี ข้มแขง็ ผู้นา้ สา้ คญั คือ กษัตรยิ ์ฮัมบรู าบี เปน็ ผสู้ ร้างความเข้มแขง็ ใหก้ บั จกั รวรรดิบาบลิ อน มกี ารปกครองแบบรวมศนู ยท์ ีส่ ว่ นกลาง มีการเกบ็ ภาษี เกณฑท์ หาร และมีการคา้ ทรี่ ฐั ควบคมุ อย่างเขม้ งวด
❖ ❖ ❖ ❖
สาระสา้ คญั ของประมวลกฎหมายฮัมบรู าบี ขอ้ บญั ญตั ิของกฎหมายฮัมบรู าบี ทา้ ให้อาณาจักรบาบิโลเนียมีลกั ษณะ เปน็ รัฐสวัสดกิ าร โดยรัฐดูแลความเปน็ อยู่ของประเทศในด้านต่างๆ เชน่ กา้ หนดค่ารักษาพยาบาล กา้ หนดคา่ ก่อสรา้ ง ก้าหนดราคาสินค้า เพือ่ มใิ ห้ประชาชนถกู เอารัดเอาเปรียบ รวมทงั กา้ หนดใหร้ ฐั จา่ ยค่าเสยี หาย/ ทรพั ย์สินใหก้ ับเจา้ ของทรพั ย์ กรณีทเ่ี จา้ หนา้ ท่จี บั คนรา้ ยไม่ได้
นอกจากนชี าวบาบิโลเนีย ยังสบื ทอดความเชือ่ ตา่ งๆ ของพวกสุเมเรยี น ไว้ เชน่ * การบชู าเทพเจ้า * การแบง่ ชนชนั เพ่ือแบ่งแยกหนา้ ที่ และสะดวกตอ่ การปกครอง * การผลิตสินคา้ อตุ สาหกรรม * การค้ากับดนิ แดนอน่ื ได้แก่ อยี ิปต์ และ อินเดีย
❖ ❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖
ชนเผา่ อัสซีเรียนกอ่ ตงั จักรวรรดอิ ัสซเี รียอนั ยงิ่ ใหญ่ - ชาวอสั ซเี รยี นมถี ิ่นฐานอยทู่ างตอนเหนอื ของเมโสโปเตเมีย เป็นชนชาตนิ กั รบ กล้าหาญ มีวนิ ัย มคี วามสามารถสูง และโหดร้าย จึงเป็นทห่ี วน่ั เกรงของชาตอิ ื่นๆ - ชาวอสั ซเี รียนใชอ้ าวุธทา้ ด้วยเหลก็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ไดเ้ ข้ายดึ ครองดินแดนของพวกบาบโิ ลเนยี น เมือ่ ประมาณ 800 B.C. และซีเรีย รวมทังอาณาจกั รต่างๆ ในเอเชยี ตะวนั ตก
- กระท่ัง เม่อื 671 B.C. ชาวอสั ซเี รียนสามารถยึดครองดนิ แดน เมโสโปเตเมยี ได้ทังหมด รวมทังอยี ปิ ต์ตอนเหนอื กลายเปน็ จักรวรรดิ อสั ซเี รีย ทมี่ ีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมศี นู ยก์ ลางที่เมอื งนเิ นเวห์ (ปัจจุบัน อยใู่ นเขต ป.อริ กั )
อารยธรรมสมยั จักรวรรดอิ ัสซเี รยี ❖ ❖
❖ ❖
สมัยพระเจ้าอัลซรู ์บานปิ าล ศิลปวัฒนธรรมของอัสซเี รียมีความร่งุ เรอื ง มาก มีการรวบรวมงานเขียนอักษรล่ิมท่ีจารึกลงบนแผน่ ดนิ เหนยี วตากแหง้ เชน่ เพลงสวด นยิ ายปรมั ปรา เวทมนต์ วรรณกรรม ปวศ. การปกครอง การแพทย์ การทหาร จา้ นวน 22,000 แผน่ ไวท้ ี่ห้องสมดุ ขนาดใหญ่ ในพระราชวังเมอื งนเิ นเวห์ ความยงิ่ ใหญข่ องจักรวรรดอิ สั ซีเรียเกดิ จากการรกุ รานชาติอ่ืนๆ ดงั นนั จงึ ทา้ ใหม้ ศี ตั รมู าก และถูกศตั รทู ้าลายในทสี่ ุด
หอ้ งสมดุ นิเนเวห์ มีผลงานถึง 22,000 แผน่ ภาพสลักในสมยั พระเจ้าอัสซรู ์บานิปาล เป็นยคุ ที่อสั ซเี รียเจรญิ สูงสดุ
Search