ทรพั ย์ เพอ่ื รกั ษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพอื่ รกั ษาชีวติ พงึ สละชีวติ เพอ่ื รักษาธรรม เป็นยอดนกั เสยี สละ เปน็ คณุ สมบตั ิของผู้นาทม่ี ีปริจจาคะธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี ๙ ทรงบาเพ็ญคุณประโยชนแ์ ก่ ประเทศชาติมากมายมหาศาลสุดที่จะพรรณนา โดยท่ีพระองค์มิได้ทรงหวัง ผลตอบแทน ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจนานปั การท่ีไดท้ รงปฏบิ ตั ติ ลอดมา เป็นต้นว่า โครงการตามพระราชประสงค์ โครงการหลวง โครงการตาม พระราชดาริ และโครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ อาทิ โครงการฝนหลวง โครงการปรับปรุงบึงมักกะสัน โครงการอุทยานสมุนไพรในพุทธมณฑล โครงการ เชื้อพันธุ์พืชแห่งชาติ โครงการพัฒนาดอยตุง โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้าปากพนัง โครงการพัฒนาฟ้ืนฟูทุ่งทะเล จังหวัดกระบี่ โครงการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า บ้านแม่ต่า จังหวัดลาปาง โครงการขุดสระกักเก็บน้าตามทฤษฎีใหม่ จังหวัด กาฬสินธ์ุ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริเศรษฐกิจแบบพอเพียง โครงการ ทุนเล่าเรียนหลวงสาหรับพระสงฆ์ไทย อันเป็นการสนับสนุนพระภิกษุ สามเณร ให้มีขวัญกาลังใจในการศึกษาพระพุทธศาสนา เพ่ือให้พระพุทธศาสนาคงอยสู่ บื ไป ตราบนานเทา่ นาน โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดารทิ ่ียกมาเปน็ ตวั อย่างจากท่ี ได้ดาเนินการอยไู่ ม่ถ้วนในปัจจุบนั เปน็ การแสดงให้เห็นพระราชจรยิ วตั รสอดคลอ้ ง กบั ความหมายของปรจิ จาคะธรรม บทความพิเศษน้ี เป็นการสรุปความทศพิธราชธรรมข้อท่ี ๓ ว่าด้วย ปริจจาคะซึ่งวัดท่ัวราชอาณาจักรจัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อนี้เพื่อเฉลิม พระเกียรติ เน่ืองในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาบท่ี ๙ ทรงครอง สิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และเพ่ือเพ่ิมพูนศรัทธาปัญญาบารมีของพสกนิกรของ พระองค์ทุกหมู่เหล่า ผรู้ บั ฟงั พระธรรมเทศนากณั ฑ์ดงั กล่าวสบื ไป (คอลมั นห์ นา้ ต่างศาสนา หนังสือพมิ พข์ า่ วสด สาโรจน์ กาลศริ ิศิลป์ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๙) ๑๗
ทศพิธราชธรรม ข้อท่ี ๔ วา่ ด้วยอาชชวะ ความเปน็ ผ้ซู ่อื ตรง คาว่า อาชชวะ แปลว่า ความเป็นผู้ซื่อตรง ตรงในทางที่ดี สุจริตต่อ หนา้ ที่ สจุ ริตต่อหนา้ ท่กี ารงานของตนตอ่ มติ รสหาย ต่อองคก์ รหรอื หลกั การของตน อาทิ เป็นคนไทยก็ต้องซ่อื ตรงต่อชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ ความซ่ือตรง แบง่ ออกเป็น ๖ ประการ อธิบายได้ดงั นี้ ๑. ตรงต่อบุคคล คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต ต่อบุคคลท่ีเกี่ยวข้องกับตน โดยไมเ่ ลือกชัน้ วรรณะ ไม่เนรคุณผมู้ พี ระคุณ และไม่เป็นคนหนา้ ไหวห้ ลงั หลอก ๒. ตรงตอ่ เวลา คือ จะนดั หมายกบั ใครหรอื จะทางานสิ่งใดก็ให้ตรงเวลา ท่กี าหนดไว้ และไม่เอาเวลาราชการไปเปน็ ประโยชน์สว่ นตน ๓. ตรงต่อวาจา คือ เม่ือได้รับปากกับใครว่าจะทาส่ิงที่ดีและสุจริต จะไม่ทาสง่ิ ทไ่ี ม่ดแี ละทุจรติ ก็ใหก้ ระทาตามท่ไี ดล้ ั่นวาจาไว้ ๔. ตรงต่อหน้าที่ คือ ซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจต่อหน้าท่ีการงานของตน ไมฉ่ ้อราษฎร์บงั หลวงไมล่ ะท้ิงหนา้ ทแี่ ละปดั ความรับผิดชอบ ๕. ตรงต่อธรรม คือ การยึดมั่นในหลักธรรม และบูชาความถูกต้อง ความยตุ ิธรรม ความชอบธรรมไว้เหนือสงิ่ อน่ื ใด ๖. ตรงต่อตนเอง คือ การไม่โกหกตนเอง ซื่อสัตย์สุจริตต่ออุดมการณ์ ของตน ไมฝ่ ืนใจทาในสิ่งทไ่ี ม่ใช่ปณิธานของตนเอง อาชชวธรรม จึงเป็นหลักธรรมสาคัญในการปกครอง เพราะคนอยู่ รวมกันเป็นหมวดหมู่ ถ้าผู้นาปฏิบัติตนไม่ซ่ือตรงไม่ซื่อสัตย์ จะเป็นบ่อเกิดแห่ง ความประพฤติทุจริตคิดมิชอบและก่อให้เกิดความหวาดระแวง ถ้าประพฤติตรง ตอ่ กนั มีความจรงิ ใจตอ่ กนั และกันแลว้ ก็จะกอ่ ให้เกดิ ความไว้วางใจ ยอมรับนับถือ และสมัครสมานสามัคคี ก็จะอยู่เย็น เป็นสุข ไม่ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ เพราะประพฤติผิดปฏิบตั ิผิด ๑๘
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแสดง อรรถาธิบายขยายความว่าอาชชวะในพระราชนิพนธ์เรื่อง “ทศบารมีในพุทธ ศาสนาเถรวาท” ตอนหนึ่งว่า “พระมหากษัตริย์ จะต้องมีพระอัธยาศัย ประกอบด้วยความเท่ียงตรงต่อประชาชนโดยทั่วไป ไม่ทรงคิดลวงหรือ ประทุษรา้ ยผ้ใู ด” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัตพิ ระราชกรณียกจิ ด้วยความซื่อตรง ทรงยึดมั่นอยู่ในหลักแห่งอาชชวธรรม โดยไม่ทรงเอนเอียง เปลยี่ นแปลงไป พระองค์ทรงโดดเด่นเปน็ สง่า ประทับอยู่ในดวงหทยั ของพสกนิกร ชาวไทยตลอดมา ก็เพราะทรงมีพระราชอัธยาศัยซ่ือตรงทรงสัตย์ ปฏิบัติพระราช กรณียกิจเสมอกันหมดไม่ทรงเอนเอียงหรือหนักไปฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด ภาคใดภาคไหนหรือนบั ถือศาสนาอะไรกต็ าม บทความพิเศษนี้ เป็นการสรุปความทศพิธราชธรรมข้อที่ ๔ ว่าด้วย อาชชวะ ความเป็นผู้ซื่อตรง ซ่ึงวัดท่ัวราชอาณาจักร จักได้จัดแสดงพระธรรม เทศนาข้อนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และเพื่อเพิ่มพูนศรัทธา ปัญญาบารมีของพสกนิกรของพระองค์ทุกหมู่เหล่าผู้รับฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์ ดังกลา่ วสบื ไป (คอลัมนห์ นา้ ตา่ งศาสนา หนังสอื พิมพ์ขา่ วสด สาโรจน์ กาลศริ ศิ ลิ ป์ ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๔๙) ๑๙
ทศพธิ ราชธรรม ข้อที่ ๕ วา่ ดว้ ยมัททวะ ความอ่อนโยน คาว่า “มัททวะ” หมายถึง ความอ่อนโยน คือ ความเป็นผู้มีอัธยาศัย อ่อนโยน ไม่ด้ือดึง ถือตนด้วยอานาจ มีความโอนอ่อน ไปตามเหตุผล เป็นไปตาม เหตุที่ควรและมีสัมมาคารวะต่อท่านผู้ใหญ่ ผู้เจริญ อ่อนโยน ต่อบุคคลผู้เสมอกัน และต่ากว่า วางตนสม่าเสมอ ไม่กระด้าง ดูหม่ินผู้อื่นด้วยอานาจมานะ เพราะชาติ ตระกูลและทรัพยส์ มบตั ิ ในสังคมปัจจุบัน เรากลับพบว่ามีบุคคลบางคนเมื่อได้รับตาแหน่งมี อานาจหน้าที่ในด้านการปกครอง กลับเป็นคนเห่อเหิมหลงใหลในอานาจหน้าที่ มีทิฐิมานะ ถือตนว่ามีอานาจแล้ว ไม่เกรงใจใคร ชอบแสดงอานาจบาตรใหญ่ ดูถกู ผอู้ ืน่ ปฏิบตั ติ นเสมือนหนึ่งวา่ เปน็ ผนู้ าทน่ี ั่งอยบู่ นหัวคนอืน่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ทรงบาเพ็ญมัททวธรรม เสมอมา พระราชจริยวัตรท่ีปรากฏขณะท่ีเสด็จพระราชดาเนินไปเยี่ยมพสกนิกร และทรงสักการะพระเถระผู้ใหญ่ยังพระอารามต่างๆ นั้น ก่อให้เกิดความชื่นชม โสมนัสแก่ผู้พบเห็นในทุกโอกาส หรือภาพที่พระองค์ทรงน้อมพระวรกายลงเอ้ือม พระหัตถ์ไปจับมอื ของหญิงชราผู้หนงึ่ ทีไ่ ด้มาเข้าเฝ้าถวายการรบั เสด็จ แสดงให้เห็น ว่าพระองค์มีพระราชหฤทัยอ่อนโยนต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า อย่างไม่เลือกข้ัน วรรณะ ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ กราบไหว้ ผู้อื่น เช่นนี้ จึงทาให้พระองค์ได้รับการสักการะ เคารพ นับถือบูชาจากพสกนิกรทุกหมู่ เหลา่ สมด้วยธรรมภาษติ ที่วา่ “ปูชโก ลภเต ปชู ํ วนทฺ โก ปฏิวนทฺ นํ”แปลความว่า “ผบู้ ูชายอ่ มได้รบั การบชู าตอบ ผู้ไหวย่อมไดร้ ับการไหว้ตอบ” พระราชกรณียกิจและโครงการตามพระราชดาริต่างๆ ที่เกิดขึ้น นบั ต้ังแต่เสดจ็ นิวัตมายังประเทศไทยเปน็ การถาวร เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๔ จนถึงเสด็จ เถลงิ ถวลั ยราชสมบัติมาจนครบ ๖๐ ปีในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้ มีมากมายเกนิ กว่าทีจ่ ะ ๒๐
นามาพรรณนาให้หมดสิ้นได้ จึงนับได้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรีพระองคแ์ รก ท่เี สดจ็ เยีย่ มราษฎรท่วั พระราชอาณาจักร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ทรงปฏิบัติต่อพสกนิกร เหมือนอย่างบิดาปฏิบัติต่อบุตร พระองค์ทรงมีน้าพระทัยสม่าเสมอแม้ในชาว ต่างประเทศผู้ทเี่ ขา้ มาพง่ึ พงิ และอาศัยอยใู่ ตร้ ม่ พระบรมโพธสิ มภาร แมใ้ นการเสดจ็ เจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ก็ทรงวางพระองค์อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ว่าประเทศท่ีเสด็จน้ันจะเป็นประเทศเล็กหรือใหญ่ ทรงเป็นท่ีรักเคารพแห่ง ประมุขและประชาชนของประเทศน้ันๆ ซึ่งจะเห็นได้จากการถวายการต้อนรับ พระองคอ์ ย่างอบอุ่นและสมพระเกียรติ บทความพิเศษนีส้ รปุ จากบทพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรมกณั ฑท์ ี่ ๕ ว่าด้วยมัททวะ ความอ่อนโยน คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบให้วัด ทั่วราชอาณาจักรจัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อน้ี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เน่ืองใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกร ต้ังกลั ยาณจติ ถวายพระพรชยั มงคล แด่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวองค์เอกอัคร- ศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุย่ิงยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วย พระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุภาพแผไ่ พศาล เสด็จสถิตยืนนานในพระบรมมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศไทย ให้เจรญิ วัฒนาสถาพร สมพระราชประสงค์ทุกประการ (คอลมั นห์ น้าตา่ งศาสนา หนังสอื พมิ พ์ขา่ วสด สาโรจน์ กาลศริ ศิ ิลป์ กรกฎาคม ๒๕๔๙) ๒๑
ทศพธิ ราชธรรม ข้อที่ ๖ ว่าดว้ ยตบะ ความเพยี รเครือ่ งเผากิเลส คาว่า “ตบะ” โดยปกติหมายถึง วิริยะ ความพากเพียร ความบากบ่ัน ความก้าวหน้า ความไม่ถอยหลัง ความไม่หยุดอยู่กับท่ี ซ่ึงมีอานุภาพเผาผลาญ ความช่ัวโดยประการทั้งปวง หรือหมายถึงอิทธิบาทท้ัง ๔ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมงั สา เพราะอิทธบิ าททัง้ ๔ ประการน้ี ก็มีอานุภาพเผาผลาญกเิ ลสได้เช่นกัน นับตั้งแต่เสด็จข้ึนเถลิงราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ได้ทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจ เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สุดท่ีจะพรรณนา ทรงริเริ่มโครงการต่างๆ ด้วยความพากเพียรพยายามด้วยความ บากบ่ัน ทรงมีจุดมุ่งหมายเมื่อการพัฒนาให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีสุข และทรงทา ได้สาเร็จดังพระราชประสงค์ก็เพราะทรงมีตบะความพากเพียร ความบากบ่ัน คอยค้าจุนพระราชหฤทัย ดังตัวอย่างเช่นโครงการพัฒนาท่ีดินหุบกะพง ต้ังอยู่ท่ี อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดาริ แก่เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ทรงให้นาท่ีดินซ่ึงรกร้างว่างเปล่ามาจัดสรรปันส่วน แก่ราษฎรทย่ี ากไร้ไม่มีท่ีทากินเขา้ ไปอาศัยทากนิ รัฐบาลได้รบั สนองพระราชดารนิ ้ี ไปดาเนินการ โดยการจัดต้ังโครงการไทยอิสราเอล เพ่ือพัฒนาชนบทขึ้นในเนื้อที่ ประมาณหมนื่ ไร่ โดยได้จดั สรรพื้นที่เปน็ แปลงๆให้แก่บรรดาสมาชิก เพอ่ื ใหส้ มาชิก สามารถพงึ่ พาตนเองได้ และร้จู กั ชว่ ยเหลอื เก้ือกูลซ่งึ กนั และกัน ต่อมาสมาชิกได้พร้อมใจกันก่อตั้งสหกรณ์การเกษตรหุบกะพงจากัดขึ้น เพื่อร่วมกันดาเนินธุรกิจต่างๆ และได้สร้างฝายน้าล้นในที่สูงตามพระราชดาริของ พระองคใ์ ห้นา้ ค่อยๆ ไหลลงสู่ท่ีต่าปรากฏว่าแผ่นดนิ ท่ีเคยแหง้ แล้งกลบั เป็นแผน่ ดนิ ท่ีชุ่มชื้น สามารถปลูกพันธุ์ไม้ต่างๆ ได้ผลเป็นที่พอใจ จนกลายเป็นแผ่นดินท่ีอุดม สมบูรณ์ โครงการพัฒนาที่ดินหุบกะพงกว่าจะสาเร็จบรรลุตามพระราชประสงค์ได้ ใช้เวลานานนับเป็นสิบๆปี มีอุปสรรคปัญหานานาประการ แต่พระองค์มิได้ทรง ทอ้ ถอย ทรงพากเพยี รบาเพญ็ พระราชกรณยี กิจต่อไปอยา่ งเข้มแข็ง โดยทรงถอื คติ ทีว่ ่า เกดิ เป็นคนต้องพยายามไปจนกว่าจะสาเรจ็ ตามประสงค์ ๒๒
การที่พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ท่ีจะทรงแก้ปัญหาแกบ่ า้ น แก่เมืองเช่นน้ี ก็เพราะมีตบะคือสมาธิเป็นหลักธรรมประจาใจ ตบะจึงเป็นแม่บท กาหนดรูปแบบพระราชจริยาวัตรที่งดงามให้ความประทับใจแก่ปวงชน และเป็น แรงกาลังสนับสนุนพระราชหฤทัยให้พระองค์บาเพ็ญพระราชกรณีน้อยใหญ่ ได้สาเรจ็ ดงั พระราชประสงคท์ กุ ประการ บทความพิเศษน้ี สรุปจากบทพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรม กณั ฑ์ท่ี ๖ วา่ ด้วยตบะ ความเพียรเครอื่ งเผากเิ ลส คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบใหว้ ดั ทั่ว ราชอาณาจักร จัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกร ตั้งกัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุภาพ แผ่ไพศาล เสด็จสถิตยืนนานในพระบรมมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศไทย ใหเ้ จริญวัฒนาสถาพร สมพระราชประสงคท์ ุกประการ (คอลมั นห์ น้าตา่ งศาสนา หนงั สือพมิ พข์ ่าวสด สาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๙) ๒๓
ทศพธิ ราชธรรม ข้อท่ี ๗ ว่าด้วยอักโกธะ ความไม่โกรธ คาว่า อักโกธะ แปลว่า ความไม่โกรธ คือ กิริยาท่ีไม่แสดงความโกรธให้ ปรากฏ ตลอดถึงไม่พยาบาทมุ่งร้ายผูอ้ ื่น แม้จักต้องลงโทษผู้ทาผิดก็ทาตามเหตุผล มีเมตตาประจาจิตใจ ไม่ทาด้วยอานาจของความโกรธ มีจิตใจสุขุมเยือกเย็น จึงได้ ช่อื วา่ ผมู้ คี ุณธรรมอักโกธะ ความไมโ่ กรธ คนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ย่อมมีการกระทบกระท่ังกันบ้าง เมื่อข่มใจไว้ ไม่ได้ เกิดโกรธเคืองต่อกันข้ึนและผูกเวรไว้ ก็เป็นสาเหตุให้เกิดโทสะ คือความ ประทษุ รา้ ยกนั ทางใจกอ่ น แลว้ ลุกลามไปทางกาย วาจา เรยี กว่าพยาบาท ทาให้อยู่ ด้วยกันไม่เป็นสุข ต่อเมื่อรักษาใจข่มใจไว้ไม่ให้โกรธเกิดข้ึนหรือเม่ือเกิดโกรธข้นึ ใน ใจ ก็ระงับไว้ไม่แสดงออกมาให้ปรากฏ ก็อยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยร่มเย็นเป็นสขุ ความไม่โกรธจักมีได้ก็เพราะมีเมตตา หวังความสุขความเจริญแก่ตนและต่อกัน และกัน คนที่เป็นหัวหน้าปกครอง หรือเป็นผู้อยู่ในปกครองก็ตาม เมื่อแสดง ความโกรธออกมาใหป้ รากฏกแ็ สดงว่าตนเองลุอานาจของความโกรธ กริ ยิ าท่แี สดง ความโกรธออกมานั้นก็ไม่งาม ต้องรู้จักเหตุ รู้จักผล มีเมตตาประจาใจ ไม่เกรี้ยว กราดปราศจากเหตผุ ล ตอ้ งกระทาด้วยจิตอนั สขุ มุ เยอื กเยน็ ละเอียดรอบคอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัลกาลท่ี ๙ ทรงมีพระราชอัธยาศัย ประกอบด้วยพระเมตตา แม้แต่ข้าราชบริพารในราชสานักซึ่งรับราชการสนอง พระเดชพระคุณอย่างใกล้ชิดนับสิบๆปี ก็ไม่เคยประสบพระราชอัธยาศัยทรง พระโทสจริตเกร้ียวกราดผู้หน่ึงผู้ใด พระราชธรรมข้อน้ีได้ถูกทดลองเมื่อเสด็จ พระราชดาเนินไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ เม่ือเสด็จฯ ไปในพธิ ที ลู เกล้าฯถวายปริญญานิตศิ าสตรดุษฎบี ณั ฑิตกติ ติมศกั ดิ์ ณ มหาวทิ ยาลัย เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ทรงถูกท้าทายจากนักศึกษากลุ่มหน่ึงท่ีมีความคิด รุนแรง และไม่เข้าใจพระองค์และเมืองไทยดี ถือป้ายท่ีมีข้อความกล่าวร้ายต่อ พระองค์ท่าน บ้างก็ส่งเสียงโห่ลบหลู่พระเกียรติและเกียรติภูมิของชาติไทย ๒๔
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ทรงเปี่ยมไปดว้ ยพระราชธรรมอกั โกธะ ข้อน้ีเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทรงปรารถนาก่อภัยก่อเวรให้ผู้ใดผู้หน่ึง ไม่ทรงพระพิโรธ ด้วยเหตุท่ีไม่ควร แม้มีเหตุให้ทรงพระพิโรธ แต่ก็ทรงข่มเสียได้ ให้สงบระงับ อนั ตรธานหายไป สร้างความประทับใจใหก้ บั ผู้พบเห็นอยา่ งมิรู้ลมื บทความพิเศษนี้ สรุปจากทบพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรม กัณฑ์ที่ ๗ ว่าด้วยอักโกธะ ความไม่โกรธ คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบให้วัด ท่ัวราชอาณาจักร จัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อน้ี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เน่ืองใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกร ต้ังกัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุย่ิงยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุภาพ แผ่ไพศาล เสด็จสถิตยืนนานในพระบรมมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศ ไทย ใหเ้ จรญิ วัฒนาสถาพร สมพระราชประสงค์ทกุ ประการ (คอลมั นห์ น้าตา่ งศาสนา หนงั สือพิมพข์ า่ วสด สาโรจน์ กาลศิรศิ ิลป์ ๘ กนั ยายน ๒๕๔๙) ๒๕
ทศพิธราชธรรม ขอ้ ที่ ๘ ว่าดว้ ยอวิหงิ สา ความไมเ่ บียดเบียน คาว่า อวิหิงสา แปลว่า ความไม่เบียดเบียนให้ผู้อ่ืนลาบาก คือไม่ ก่อทุกข์ยากให้แก่มนุษย์และสัตว์เพื่อความบันเทิงของตน คือไม่บีบคั้นกดขี่ เช่น ไม่เก็บภาษีขูดรีด หรือไม่ใช้แรงงานเกินควร รวมไปถึงไม่หลงระเริงอานาจ ไม่หาเหตุเบียดเบียนลงโทษทางอาญาแก่ผู้อ่ืนเพราะความอาฆาตมาดร้าย และเกลยี ดชงั อวิหิงสา เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า อหิงสา ที่มหาตมะ คานธี รัฐบุรุษของ อินเดยี นาไปใช้เป็นหลักสันติวธิ ีทาให้โลกอยู่ดว้ ยกนั อยา่ งรม่ เยน็ เป็นสขุ องค์สมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้า ทรงแสดงอวหิ ิงสาดว้ ยกรุณาและธรรมเปน็ ส่วนเบ้ืองต้นแห่ง กรุณา อวิหิงสาคือความไม่เบียดเบียน ซ่ึงได้แก่กรุณา ความสงสารต่อส่ิงมีชีวิต ท้ังปวง ปรารถนาใหเ้ ขาพน้ ทกุ ข์ คดิ หาทางชว่ ยเหลือปลดเปลอื้ งทุกข์ อวหิ งิ สาเปน็ หลักธรรมคู่กับอักโกธะ ความไม่โกรธ หรือ อโทสะ ความไม่มีจิตคิดประทุษร้าย ไม่อาฆาตพยาบาท ซึ่งได้แก่เมตตาความรัก ไมตรีเย้ือใยต่อกัน ปรารถนาให้มี ความสุข ส่วนธรรมท่ีเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งกรุณาได้แก่อาการท่ีจิตหว่ันไหวไปตาม ความทุกข์ของผอู้ ่ืน และความไม่ห้าห่ันทาร้ายรังแกกัน พระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั การท่ี ๖ ทรงพระประพนั ธ์ไว้ว่า อันความกรณุ าปรานี จะมใี ครบังคับกห็ าไม่ หลัง่ มาเองดจุ สายฝนอันชืน่ ใจ จากฟากฟ้าสรุ าลัยสแู่ ดนดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจ เช่นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริทั้งหลาย ท้ังปวง ก็เพราะทรงมีความเมตตากรุณาต่อพสกนิกรของพระองค์ มีพระราชประสงค์ จะช่วยขจัดทกุ ข์ภัยให้หมดสน้ิ ไป พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ที่ประทับใจคือ ขณะท่ีเสด็จพระราชดาเนินออกไปเย่ียมเยือนราษฎรมี กล้องถ่ายรูป แผนที่ ดินสอ เครื่องวิทยุมือถือ และพระเสโทที่ไหลอาบพระพักตร์ อันแสดงถึงพระวริ ิยะอุตสาหะตรากตราพระวรกายเพ่ือพสกนกิ รของพระองค์ด้วย ๒๖
พระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงบาเพ็ญประโยชน์แก่บ้านเมืองและปวงชนชาวไทยตลอดมา พระองค์มีความปรารถนาให้พสกนิกรของพระองค์พ้นจากทุกข์จากสิ่งที่ไม่พึง ประสงค์ เม่อื ทรงเห็นใครตกทุกขไ์ ด้ยากหรือไม่มีทพี่ ่งึ ก็ทรงดารชิ ว่ ยบาบัดทุกขน์ ั้น ให้เบาลงหรือหมดสิ้นไป ทรงเห็นทุกข์เดือดร้อนของราษฎรเสมือนหนึ่งทุกข์ เดือดร้อนของพระองค์ จึงทรงพระราชทานโครงการต่างๆ แก่พสกนิกรของ พระองค์อยู่ตลอดเวลา บทความพิเศษน้ี สรุปจากบทพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรม กัณฑ์ท่ี ๘ ว่าด้วยอวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบให้วัด ทั่วราชอาณาจักร จัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อนี้ เพ่ือเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกร ตั้งกัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุภาพ แผ่ไพศาล เสด็จสถิตยืนนานในพระบรมมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศไทย ให้เจรญิ วัฒนาสถาพร สมพระราชประสงค์ทุกประการ (คอลัมน์หน้าต่างศาสนา หนงั สือพิมพ์ข่าวสด สาโรจน์ กาลศริ ิศลิ ป์ ๑๕ กันยายน ๒๕๔๙) ๒๗
ทศพธิ ราชธรรม ข้อท่ี ๙ ว่าดว้ ยขันติ ความอดทน คาว่า ขันติ แปลว่า ความอดทน หมายถึง ความอดกลนั้ ความอดทนน้ี ถือว่าเป็นคุณธรรมท่ีมีความสาคัญมากข้อหน่ึงในทศพิธราชธรรม คนเราเกิดมา ถ้าไม่มีความอดทนทางกาย ทางวาจาและทางใจชีวิตก็ไร้ค่า ไม่มีความหมาย ไมส่ ามารถทางานให้สาเร็จลงได้ ท่านจาแนกความอดทนไว้ ๓ ประการ คือ ๑. ทนลาบาก หมายถึง ความอดทนต่อทุกขเวทนาต่างๆ ท่ีเกิดจาก ความเจ็บไข้ไดป้ ว่ ย ไมแ่ สดงอาการกระวนกระวายใจ และทรุ นทรุ าย พระพทุ ธองค์ ตรัสสอนว่าเรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งหลายให้สาเร็จ ดว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ ๒. ทนตรากตรา หมายถึง ความอดทนต่อการทางาน หนักเอาเบาสู้ ไม่ท้อถอย ไม่หว่ันกลัวต่อความหนาวร้อน บางคนมีแต่กาลังกาย ส่วนใจท้อแท้ ไม่สู้งาน ไม่สามารถประกอบการงานให้เป็นช้ินเป็นอันได้ คนเช่นน้ีไม่อดทน เป็นคนเกียจคร้าน ต้องตามลักษณะที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ในสิงคาโลวาทสูตร ว่าคนเกียจคร้าน มักอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เวลาเย็นนัก ยังเช้าอยู่ หิวนัก กระหายนัก แลว้ ไม่ทางาน คนทมี่ ลี ักษณะเชน่ น้มี ีแตเ่ ส่ือมหาความเจรญิ ไมไ่ ด้ ๓. ทนเจ็บใจ หมายถึง ความอดทนต่อการด่าว่าร้ายเสียดสี กระแนะ- กระแหน กระทบกระท่ัง ดูถูกดูหมิ่นของบุคคลอื่น ผู้ที่มีขันติอดกล้ันต่อคาพูดด่า ทอด้วยวาจาหยาบคายร้ายแรงของคนทุกประเภท ไม่แสดงอาการโกรธออกมา มจี ติ ใจหนกั แนน่ มีจิตใจสงบเยอื กเย็นอยูเ่ สมอ เปน็ ทสี่ รรเสรญิ ของนักปราชญ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงมีขันติธรรมเป็นอย่างยอดเย่ียมยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ พระองค์ทรง ลาบากตรากตรา เสด็จไปในทุกที่ ทุกสถานก็เพ่ือยังความสุขความสาราญให้เกิด แก่พสกนิกรของพระองค์ โดยเห็นประโยชน์สุขของประชาชนเป็นท่ีต้ัง น้าพระทัย ของพระองค์ท่ีมีต่อพสกนิกร จึงได้เสด็จเย่ียมประชาชนในถิ่นต่างๆ ทรงอดกล้ัน ต่อส่ิงท้ังปวง ทรงบาเพ็ญขันติธรรมเป็นที่ยิ่ง พระองค์ทรงเป็นบัณฑิตในทาง ๒๘
พระพุทธศาสนา ที่มีเครื่องประดับที่ทาให้เกิดสง่าราศีแก่คนทุกชั้นทุกวัย พิเศษ กว่าเครื่องประดับทั้งหลาย นักปราชญ์จึงนิยมฝักใฝ่ขันติไว้เป็นเครื่องประดับ ดังภาษิตวา่ “ขนั ติ เป็นเคร่อื งประดบั ของนกั ปราชญ์มีพระพทุ ธเจ้าเป็นตน้ ” บทความพิเศษนี้ สรุปจากบทพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรม กัณฑ์ท่ี ๙ ว่าด้วยขันติ ความอดทน คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบให้วัดทั่ว ราชอาณาจักร จัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อน้ี เพ่ือเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกรต้ัง กัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัวองค์เอกอัคร ศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุย่ิงยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วย พระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุภาพแผ่ไพศาล เสด็จสถิตยนื นานในพระบรมมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศไทย ให้เจริญ วฒั นาสถาพร สมพระราชประสงคท์ ุกประการ.. (คอลัมน์หน้าต่างศาสนา หนงั สอื พมิ พข์ ่าวสด สาโรจน์ กาลศริ ิศิลป์ ๒๕๔๙) ๒๙
ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๑๐ วา่ ด้วยอวโิ รธนะ ความไม่ผดิ คาว่า อวิโรธนะ แปลว่า ความไม่ผิด ธรรมะข้อนี้ ควรหมายความว่า รู้ผิดแล้วไม่ดื้อขืนทา คือไม่ยอมทาผิดท้ังท่ีรู้ รู้ผิดในท่ีนี้หมายถึงผิดจากข้อที่ถูก ท่ีควรทุกอย่าง เช่นผิดจากความยุติธรรมด้วยอานาจอคติผิดจากปกติ คือเม่ือ ประสบความเจริญหรือความเส่ือม ก็รักษาอาการ กาย วาจา ไว้ให้คงท่ีไม่ใหข้ ้ึนลง เพราะยินดียินร้าย คนสามัญท่ัวไปในช้ันต้นยังทาผิดอยู่เพราะไม่รู้ว่าผิด ถ้ายอม ปล่อยไปเช่นน้ัน ไม่ศึกษาก็จักเป็นผู้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี และไม่อาจปฏิบัติ ให้ถกู ตอ้ งดีงามได้ ผู้ปกครอง ผู้เป็นหัวหน้า เม่ือทาผิดด้วยอานาจรักชอบ อานาจชัง อานาจหลง อานาจกลัวผู้อยู่ในปกครองก็เดือดร้อนอยู่เป็นทุกข์ ผู้อยู่ในปกครอง เม่ือทาผิดเช่นน้ัน ผู้อยู่ในปกครองด้วยกันตลอดกับผู้ปกครองเองก็เดือดร้อนอยู่ เปน็ ทกุ ข์ แตถ่ า้ ผ้ปู กครองผเู้ ปน็ หัวหน้ามใี จประกอบดว้ ยธรรม มงุ่ ความถกู พยายาม ศึกษาพิจารณาให้รู้จักผิดและชอบแล้ว พยายามทาการงานให้ถูกต้องตามครอง ธรรมไม่ให้ผิด และแนะนาพร่าสอนผู้อยู่ในอานาจปกครองให้ประพฤติ เช่นนั้นด้วย ผู้อยู่ในปกครองก็พยายามทาให้ถูกต้องตามครองธรรมไม่ให้ผิด ต่างฝ่าย ก็จักอยดู่ ว้ ยความสงบสุข กล่าวโดยเฉพาะ ข้อที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทรงตั้งอยู่ในขัตติยะ ราชประเพณี ไม่ทรงประพฤติผิดจากราชธรรมจรรยานุวัตรนิติศาสตร์ราชศาสตร์ ไม่ทรงประพฤติให้คลาดจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ์ยกย่องคนผู้มีคุณ ความชอบควรอุปถัมภ์ยกย่อง ทรงบาราบคนมีความผิด ควรบาราบในทางที่เป็น ธรรมไม่ทรงอุปถัมภ์ยกย่องและบาราบคนนั้นๆด้วย อานาจอคติ พระอาการคงท่ี อยู่ไม่แสดงให้ผิดจากปกติเดิมจัดเป็นอวิโรธนะ ที่แปลว่าความไม่ผิดอันเป็น ทศพิธราชธรรมข้อที่ ๑๐ ๓๐
เมื่อพิจารณาแล้วก็จะเห็นว่าทศพิธราชธรรมข้อน้ี เป็นท่ีรวมของทุกๆ ขอ้ ไดด้ ว้ ย เพราะธรรมะทกุ ข้อทเี่ ป็นราชธรรมน้นั ล้วนเปน็ ขอ้ ปฏิบตั ไิ ม่ผดิ ทง้ั นนั้ คอื เป็นขอ้ ปฏิบตั ิทีถ่ กู ต้องสมควร ถา้ ได้ปฏบิ ัตขิ อ้ ใดขอ้ หน่งึ ก็เรยี กวา่ เปน็ การปฏบิ ัติใน ข้อน้ัน แต่ถ้าได้ปฏิบัติในข้อนั้นและทุกๆข้อได้แล้ว ก็ได้ช่ือว่าเป็นการปฏิบัติ ได้ถูกต้องไม่ผิดตามหลักธรรมข้ออวิโรธนะซึ่งหมายถึงความเป็นผู้ประพฤติ ไม่ผดิ พลาดจากศลี ธรรม กฎหมาย ระเบยี บ วนิ ยั ประเพณี อันดงี ามของบา้ นเมอื ง ถือประโยชน์สุขความดีงามของรัฐและประชาราษฎร์เป็นที่ต้ังสถิตมั่นในธรรมท้ัง ส่วนยุติธรรม คือความเท่ียงธรรม นิติธรรม คือ ระเบียบแบบแผนหลักการ ปกครอง ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามไม่ประพฤติให้คลาดเคลื่อน วิบัติ บทความพเิ ศษน้ี สรปุ จากบทพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรม กัณฑ์ท่ี ๑๐ ว่าด้วยอวิโรธนะ ความไม่ผิด คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม มอบให้วัด ท่ัวราชอาณาจักร จัดแสดงพระธรรมเทศนาข้อนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติเน่ืองใน โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จึงขอเชิญชวนเหล่าพสกนิกรตั้ง กัลยาณจติ ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวองค์ รชั กาลท่ี ๙ เอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ทรงมีพระชนมายุย่ิงยืนนาน ทรงพระเกษมสาราญ สมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ ปรากฏเดชานุ ภาพแผไ่ พศาล เสด็จสถิตยนื นานในพระบรมไหศวรรย์ราชสมบัติ ปกครองประเทศไทย ให้เจรญิ ววิ ฒั นาสถาพร สมพระราชประสงคท์ กุ ประการ (คอลมั นห์ นา้ ตา่ งศาสนา หนังสอื พมิ พ์ขา่ วสด สาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ๒๕๔๙) ๓๑
ส่สู วรรคาลยั การจัดพิธีทาบุญตักบาตรพระสงฆ์ ถวายพระกุศลพระศพสมเด็จ พระเจา้ พ่นี างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ภายหลงั การสิ้นพระชนม์บรรจบครบ ๕๐ วัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประธาน ฝ่ายสงฆ์และกรรมการมหาเถรสมาคมรับการถวายสังฆทาน พร้อมด้วยพระภิกษุ ๑๘๔ รูป ออกรับบิณฑบาต โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คณะรฐั มนตรี คสู่ มรส หนว่ ยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนท่ัวไป ร่วมใจ ในพิธีตักบาตรพระสงฆ์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต (บริเวณพระบรมรูปทรงม้า) เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เวลา ๐๗.๐๐ น. ซ่ึงสานักงานพระพุทธศาสนา แ ห่ ง ช า ติ เ ป็ น ห น่ ว ย ง า น ห ลั ก ใ น ก า ร จั ด พิ ธี ดั ง ก ล่ า ว ส า ห รั บ ใ น ส่ ว น ภู มิ ภ า ค กระทรวงมหาดไทย มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดพิธีถวายพระกุศลพระศพ สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยพร้อมเพรยี งกันทุกจังหวัด พระพุทธเจ้า ในฐานะองค์สถาปนาพระพุทธศาสนา ทรงส่ังสอนอุบาสก และอุบาสิกาของพระองค์ ให้ละเว้นจากความชั่ว ตั้งม่ันอยู่ในความดี มีจิตใจ บรสิ ทุ ธผิ์ ดุ ผ่องอยู่เสมอ ทรงสอนใหต้ ั้งอย่ใู นความไม่ประมาท เพราะความประมาท เป็นหนทางแห่งความตาย ความหายนะ บุคคลใดไม่ประมาท มีสติอยู่กับตัวในที่ ทกุ สถานในกาลทุกเม่ือ จะเจริญก้าวหนา้ ตามความปรารถนาทุกประการ พระพทุ ธองคท์ รงชี้ทางบรรเทาทุกข์ ช้ีสขุ เกษมศานต์ ชีท้ างพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยกภัย และทรงชี้วิธีปฏิบัติสู่สวรรค์ ไว้ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุบาสกประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เหมือนถูกเชิญมาอยู่ในสรวงสวรรค์ธรรม ๕ ประการ คอื ๑. อบุ าสกผูเ้ ว้นจากการฆ่าและการมุ่งรา้ ยทาลายผอู้ ่ืน ๒. อุบาสกผู้เว้นจากการลกั ทรัพยแ์ ละการทุจรติ ฉ้อโกง ๓๒
๓. อบุ าสกผเู้ ว้นจากการประพฤตผิ ิดในกาม ๔. อุบาสกผู้เวน้ จากการพดู หลอกลวงกล่าวเท็จ ๕. อุบาสกผู้เว้นจากการดื่มสุรายาเสพติดภิกษุท้ังหลาย อุบาสก ผ้ปู ระกอบดว้ ยธรรม ๕ ประการนี้ เหมือนถกู เชิญมาอยู่ในสรวงสวรรค์” สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช นครินทร์ ทรงบาเพ็ญประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างยิ่งใหญ่ ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยพระกรุณาธิคุณจนได้รับการสดุดีว่า เสมือนรุ้ง ๗ สี รัศมีแห่งพระเมตตา เปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ อุทิศพระองค์เพื่อ ปวงชนชาวไทยตลอดเวลา ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและอานิสงส์ท่ีพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ได้บาเพ็ญพระกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จงเป็นพลวปัจจัยให้น้อมนาพระองค์เสวยทิพยสุข ทพิ ยสมบัติ ทรงพระเกษมสาราญในสัมปรายภพ สุคติโลกสวรรค์ ตลอดกาลเทอญ (คอลมั น์หนา้ ตา่ งศาสนา หนังสือพิมพ์ข่าวสด สาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ๑๒ มนี าคม ๒๕๕๑) ๓๓
พระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาของผู้รู้ – ผู้ตืน่ - และผู้เบกิ บาน มสี ิ่งเคารพ สูงสุด คือพระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงพระนิพนธไ์ วว้ า่ ท่านผู้สอนให้ประชุมชนประพฤติชอบด้วยกาย – วาจา - ใจ ตาม พระธรรมวินัยทท่ี า่ นเรยี กวา่ พระพทุ ธศาสนา ช่ือพระพุทธเจ้า พระธรรมวินยั ท่เี ป็นคาสัง่ สอนของท่าน ชือ่ พระธรรม หม่ชู นท่ีฟงั คาสัง่ สอนของท่านแลว้ ปฏบิ ตั ชิ อบตามพระธรรมวินยั ช่อื พระสงฆ์ มผี ู้แตง่ คาประพันธไ์ วว้ า่ พระพทุ ธ คอื ศาสดาองค์พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ พระธรรม คือคาํ กลา่ ว สง่ั สอนชาวพทุ ธทั่วไป พระสงฆ์ เราจงนพไหว้ เพราะสอนใหเ้ รารชู้ ัว่ ดี พระพุทธศาสนามุ่งหมายให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ ๓ ประการ คือ ประโยชน์สุขสามัญที่มองเห็นในปัจจุบันท่ีคนทั่วไปปรารถนามีทรัพย์ ยศ เกียรติ ไมตรี เป็นต้น ประโยชน์ชั้นสูงข้ันไป อันได้แก่ความมีจิตใจเจริญงอกงามด้วย คุณธรรมความดีทาให้มีชีวิตมีค่าและเป็นหลักประกันชีวิตในภพหน้า และ ประโยชนอ์ ย่างยิ่งคือ พระนิพพาน อันได้แก่ สภาพท่ีดับกิเลสและกองทุกข์ท้ังปวง ผู้ได้บรรลุพระนิพพานชื่อว่าเข้าถึงเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาการที่มนุษย์ จะเข้าสู่เป้าหมายของพระพุทธศาสนาทั้ง ๓ ประการ จะต้องประพฤติตามหลัก ไตรสิกขา คอื ศีล สมาธิ ปญั ญา ศีล คือ การสารวมกาย วาจา ให้เรียบร้อย ได้แก่ การไม่มุ่งร้ายทาลาย ผู้อื่น ไม่ทุจริตฉ้อโกง ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่หลอกลวงกล่าวเท็จ และ ไมเ่ กย่ี วข้องสง่ิ เสพตดิ ใหโ้ ทษ ๓๔
สมาธิ คอื การรักษาใจม่ัน ได้แก่ การทาให้จติ ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟงุ้ ซ่าน เลื่อนลอยไปในอารมณ์ต่างๆ หรือการกาหนดจิตให้แน่วแน่อยู่ในส่ิงใดส่ิงหน่ึง โดยเฉพาะ ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร ได้แก่ มีปัญญาหยั่งรู้เหตุผล รู้ดีชั่ว คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ มองส่ิงท้ังหลายตามความเป็นจริง รจู้ กั พจิ ารณาวินิจฉยั ดว้ ยใจเป็นอิสระ ทาการต่างๆ ดว้ ยความคดิ และวิจารณญาณ พระพุทธศาสนาจึงเป็นหนึ่งในศาสนาท่ีเก่าแก่ท่ีสุดในโลก มีคุณูปการ อันใหญ่หลวงในทางจิตวิญญาณต่อมวลมนุษยชาติสร้างสันติสุขและสันติภาพ อยา่ งแทจ้ รงิ ตลอดชว่ งเวลากว่า ๒๕๐๐ ปี และอนาคตสบื ไป (คอลมั น์หน้าต่างศาสนา หนงั สอื พิมพ์ขา่ วสด สาโรจน์ กาลศริ ศิ ิลป์ ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๔๘) บา้ นแหลมเมืองพระพุทธศาสนา บา้ นเอย๋ บา้ นแหลม ช่างเจดิ แจ่มชวนคิดพิสมยั มีวัดวาอารามงามซ้ึงใจ เอกลักษณ์ไทยยืนยงทรงความดี อกี อย่างหน่ึงชาวบา้ นสมานฉันท์ ร่วมชว่ ยกนั สรา้ งกุศลผลราศี ท้งั งานบ้านงานวัดจัดตลอดปี สูไ้ ม่หนีทนทายาทมาดชาวเลเอย พระมหาสาโรจน์ จารวุ ัณโณ ๓๕
มาฆบชู า วันแห่งความรัก วันมาฆบูชา คือ การทาบุญพิเศษทางพระพุทธศาสนาในวันเพ็ญเดือน สาม เพ่ือระลึกถึงเหตุการณ์สาคัญทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า วันจาตุรงค- สนั นบิ าต ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ คอื ๑. วันเพญ็ ดวงจนั ทรเ์ สวยมาฆฤกษ์ ๒. พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องคป์ ระชุมกันโดยมไิ ด้นัดหมาย ๓. พระสงฆท์ ี่มาประชุมน้ันลว้ นไดร้ ับการอปุ สมบทจากพระพุทธเจา้ ๔. ท่านเหลา่ นน้ั เป็นพระอรหนั ตข์ ีณาสพท้ังสน้ิ วันมาฆบูชา ถอื ว่าเป็นวนั แหง่ ความรักทางพระพุทธศาสนา นอกจากจะ มีเหตุการณ์สาคัญทางพระพุทธศาสนา ๔ ประการแล้ว ยังเป็นวันท่ีพระพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่ที่ประชุมใหญ่แห่งพระสาวก ๑,๒๕๐ องค์ ผู้มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน ซ่ึงเป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา ในวันเพ็ญเดือน ๓ หลังตรัสรู้ได้ ๙ เดือน ทรงแสดงหลักคาสอนสาคัญของ พระพทุ ธศาสนาเพื่อมวลมนุษยชาติ จักได้อยรู่ ่วมกันอยา่ งสมานฉันท์ร่มเยน็ เปน็ สขุ ไดแ้ ก่ หลักการ ๓ ประการ คอื ๑. การไม่ทาความช่วั ทงั้ ปวง ๒. การบาเพญ็ แต่ความดี ๓. การทาจติ ใจของตนให้ผ่องใส อดุ มการณ์ ๔ ประการ คือ ๑. ขนั ติ คอื ความอดกลั้น เปน็ ตบะอยา่ งย่ิง ๒. พระพุทธเจ้าท้ังหลายตรัสวา่ นพิ พาน เป็นบรมธรรม ๓. ผูท้ าร้ายคนอน่ื ไมช่ ื่อวา่ เปน็ บรรพชติ ๔. ผเู้ บียดเบยี นคนอ่นื ไมช่ ือ่ ว่าเปน็ สมณะ ๓๖
วิธกี าร ๖ ประการ คอื ๑. การไมว่ ่ารา้ ย ๒. การไม่ทาร้าย ๓. ความสารวมในพระปาตโิ มกข์ ๔. ความเป็นผู้รจู้ กั ประมาณในการบรโิ ภคอาหาร ๕. การนง่ั การนอน ในทส่ี งัด ๖. ความหมั่นประกอบในการทาจติ ใหย้ ง่ิ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาคุณอันย่ิงใหญ่ ทรงแสดงหลักธรรม อันประกอบด้วยพระเมตตาต่อสรรพสัตว์ พระธรรมคาสั่งสอนของพระพุทธองค์ มุ่งหมายให้ทุกคนเป็นเพื่อนรวมทุกข์ ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่าได้มีเวร อย่าได้ เบียดเบียน อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตน ใหพ้ ้นจากทกุ ขภ์ ัยอันตรายทัง้ ส้นิ จงึ มคี ุณูปการอันใหญ่หลวงในทางจิตวิญญาณต่อ มวลมนุษยชาติ ตลอดช่วงระยะเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี และสืบต่อไปในอนาคต สรา้ งสันติสุข และสนั ติภาพใหก้ ับสังคมโลกด้วยดเี สมอมา (คอลัมน์หน้าต่างศาสนา หนังสอื พมิ พข์ ่าวสด สาโรจน์ กาลศิรศิ ิลป์ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙) ๓๗
วนั วสิ าขบูชา วันสาคญั สากลของโลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ศาสดาของโลก ทรงไวซ้ ึ่งพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาธิคุณ ได้ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในวันวิสาขบูชา องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสาคัญ สากลของสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ กล่าวคือวันวิสาขบชู าวัน สาคญั สากลของโลก วันวิสาขบูชา คือ การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ เพ่ือราลึกถึงคุณของ พระพุทธเจ้า เนื่องในวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ที่เกิดขนึ้ ในวาระเดียวกนั ท้งั สามโอกาส กอ่ ให้เกดิ ความอัศจรรย์อยา่ งยิ่ง จึงถอื เปน็ วันสาคัญวันหนึ่งทางพระพุทธศาสนาพุทธบริษัทได้กาหนดทาการบูชาเป็นกรณี พิเศษวันนจ้ี ึงเรียกว่า วนั วสิ าขบชู า วันประสูติ เป็นวันทเ่ี จ้าชายสทิ ธัตถะเสดจ็ อบุ ัตขิ นึ้ ในโลก ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล ซ่ึงในสมัยก่อนพุทธกาล เป็นป่าใหญ่อยู่ ระหว่างกรงุ กบลิ พัสดขุ์ องพระเจา้ สุทโธทนะ ซงึ่ เปน็ พทุ ธบิดา และกรงุ เทวทหะของ พระนางสิริมหามายา ซ่ึงเป็นพุทธมารดา ลุมพินีวัน พุทธสถานท่ีประสูติ จึงเป็นสถานที่มีความสาคัญทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของโลก เพราะเป็น สถานท่ีที่พระนางสิริมหามายา ประสูติเจ้าชายสิทธัตถะ พระบรมศาสดาเอกของ โลกในวนั วสิ าขบูชา วันตรัสรู้ เป็นวันท่ีพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คือ รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ ๔ หรือความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้วยพระองค์ เอง สัตว์โลกได้อาศัยการตรัสรู้ของพระพุทธองค์จึงทาให้รู้ ชั่ว ดี รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์หรอื สง่ิ ที่มใิ ชป่ ระโยชน์ และฝกึ ฝนตนเองใหพ้ ้นจากกองทกุ ข์ทงั้ ปวงได้อยา่ งแทจ้ รงิ สถานทีท่ ี่พระพุทธเจ้าประทบั ตรสั รู้ ตัง้ อยูท่ ตี่ าบลโพธพิ ทุ ธคยา ๓๘
อาเภอคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พุทธคยาจึงเป็นสถานท่ีท่ีพระพทุ ธเจ้าตรสั รู้ พระอนตุ รสมั มาสมั โพธิญาณในวันวสิ าขบชู า วันปรินิพพาน เป็นวันท่ีชาวโลกได้สูญเสียพระบรมศาสดาเอกของโลก เป็นวันท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา มหานครแห่ง แคว้นมัลละ ปัจจุบันมีช่ือเรียกว่า กุสินาคาร์ ต้ังอยู่อาเภอกาเซีย จังหวัดโครักขปุระ รัฐอุตรประเทศ ประเทศอินเดีย ซ่ึงก่อนท่ีพระพุทธองค์จะทรงดับขันธปรินิพพาน ได้ประทานพระโอวาทว่า “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านท้ังหลายจงตั้งอยใู่ นความไม่ประมาทเถิด” สานกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ จงึ ขอเชิญชวนชาวพทุ ธตระหนักว่า วันวิสาขบูชาวันสาคัญสากลของโลก คือ การประพฤติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อน้อมระลึก ถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณแห่งองค์พระสัมมา- สัมพุทธเจ้าผู้เป็นด่ังดวงประทีปของมวลมนุษยชาติขอจงปฏิบัติตามพระธรรม คาสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยการละเว้นความช่ัว ตั้งม่ันอยู่ในความดี มีจิตใจ สะอาดบริสทุ ธ์ิ ชวี ติ จะมคี วามสงบสุข สังคมจะร่มเย็นตลอดกาล (คอลัมนห์ น้าต่างศาสนา หนังสอื พมิ พข์ ่าวสด สาโรจน์ กาลศิรศิ ิลป์ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘) ๓๙
อาสาฬหบชู า พระธรรมเทศนากัณฑแ์ รกของโลก อาสาฬหบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ เน่ืองเป็นวันท่ี พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกของโลก โดยทรงแสดงพระธรรม เทศนา คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ทาให้เกิดมีสาวกองค์แรกในโลก พระสังฆรัตนะ ได้บังเกิดข้ึนแล้ว ก่อนปีพุทธศักราช ๔๕ ปี ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือ พระธรรม เทศนากัณฑ์แรกของโลก ท่ีพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิป- ตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี พระธรรมเทศนากัณฑ์นี้สรุปได้ว่า บรรพชิตไม่ควร ประพฤตทิ ่ีสดุ ๒ อยา่ ง คอื ๑. กามสุขลั ลกิ านโุ ยค คือ การหมกมุ่นมัวเมาอยูใ่ นกามสขุ ถือว่าจะดบั ทุกข์ได้ ด้วยการบริโภคกามให้เต็มเปี่ยม เป็นการหลงใหลเข้าใจผิด ยิ่งปฏิบัติก็จะ เพิ่มกาลงั ใหก้ บั กเิ ลส มแี ตโ่ ทษหาประโยชน์มไิ ด้เลย ๒. อัตตกิลมถานุโยค คือ การทรมานตนให้ลาบาก ถือว่าเป็นความ ประพฤติท่ีเคร่งครัดจนเกินไป ย่ิงทาไปก็ยิ่งทาให้หลงใหลงมงายมากข้ึน และไม่ สามารถทาใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติเปน็ อริยะเจ้าได้ สิ่งท้ังสองประการนี้ เป็นสิ่งท่ีบรรพชิตไม่ควรปฏิบัติอย่างย่ิงเพราะไม่ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ะไร พระพุทธเจา้ ทรงแสดงมชั ฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง ไมย่ อ่ หยอ่ นจนเกนิ ไป และไม่ตงึ จนเกินไป เห็นหนทางอนั พอดที ีจ่ ะให้ผ้ปู ฏิบัติไดถ้ งึ จุดหมาย คือ ความดับกิเลสและความทุกข์หรือความหลดุ พ้นเปน็ อิสระส้ินเชงิ อัน ไดแ้ ก่มรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ ๑. สัมมาทิฏฐิ ปัญญาเห็นชอบ คือ เห็นอริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ๒. สัมมาสังกัปปะ ดาริชอบ คือ ดาริออกจากกาม ดาริไม่พยาบาทและ ดารไิ ม่เบียดเบยี น ๔๐
๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ เว้นจากพูดเท็จ พูดคาหยาบ พูด ส่อเสียด และพูดเพอ้ เจ้อ ๔. สัมมากัมมันตะ ทาการงานชอบ คือ เว้นจากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ และ ประพฤตผิ ิดในกาม ๕. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ คือ เว้นจากการเล้ียงชีพในทางที่ผิด ทานองคลองธรรม ๖. สัมมาวายามะ เพียรชอบ คือ ระวังไม่ให้บาปเกิดข้ึน ละบาปท่ี เกิดข้นึ แลว้ สรา้ งกศุ ลใหเ้ กดิ ข้ึน และรักษากศุ ลทเ่ี กดิ ขึน้ แลว้ มใิ หเ้ สื่อม ๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ มีสติกาหนดพิจารณากาย เวทนา จิตและ ธรรมวา่ สง่ิ เหล่าน้ีมิใช่สตั ว์ บคุ คล ตวั ตนเราเขา มสี ตพิ ิจารณาอยตู่ ลอดเวลา ๘. สมั มาสมาธิ ตงั้ จติ มน่ั ชอบ คือ การเพ่งอารมณ์จนจติ ใจแนว่ แน่ และ เจริญฌาณทั้ง ๔ ใหเ้ กดิ ขนึ้ เม่ือพระพุทธเจ้า ทรงแสดงทางสายกลาง ๘ ประการแล้ว ทรงแสดง อริยสัจ ๔ ซึ่งเป็นหลักความจริงอันประเสริฐ พระอัญญาโกณฑัญญะผู้เปน็ หัวหน้า ของพระปญั จวัคคยี ์ ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วไดร้ ู้ธรรมตามสภาพทเี่ ปน็ จริงว่า สิ่งหนึ่ง สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงน้ัน มีความดับเป็นธรรมดา จึง ทูลขอบวช พระพุทธองค์ทรงบวชให้ด้วยพระองค์เองด้วยการเปล่งพระวาจาว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เพ่ือทํา ท่ีสุดทุกข์โดยชอบเถิด” นับว่าเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนานี้ที่บวช ตามพระพุทธองค์ จึงถือว่าพระพุทธศาสนามีพระรัตนตรัยเกิดขึ้นครบสมบูรณ์ใน วนั อาสาฬหบูชา พระธรรมคาสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มุ่งเน้นให้เรามุ่งมั่น ประกอบคุณงามความดี ไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ นื่ ใหเ้ ดอื ดร้อน ด้วยการปฏิบัติ ตามทางสายกลาง มีความเห็นที่ถูกต้องในเบื้องต้นและมีจิตใจท่ีต้ังม่ันสงบเยือก เย็น แมก้ ารปฏิบัตงิ านในชีวิตประจาวนั ก็จะไม่เคร่งเครยี ดหรอื ย่อหย่อนจนเกินไป ก็จะทาให้มีความสุขกับการทางาน ถือว่างานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข ทางานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทางาน และพระธรรมคาส่ังสอนยังให้ความสาคัญกับ ๔๑
การปฏิบัติบูชามากกว่าอามสิ บูชา เพราะเป็นหนทางทจี่ ะสามารถแก้ไขพฤติกรรม ของผู้ปฏบิ ตั ใิ หด้ ีขึ้น บริสุทธ์ิ บรบิ ูรณ์ข้นึ ตามลาดับ ท้งั ยังพิสจู นไ์ ดท้ กุ ยุคทุกสมยั ว่า ปฏิบัติดใี นเวลาใด กจ็ ะได้รบั ผลดีในเวลานน้ั ซึ่งได้แก่ ทาดีไดด้ ี ทาช่ัวไดช้ ่ัว น่ันเอง ในฐานะที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากชาวพุทธนานาชาติ ให้พุทธ มณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก จึงขอเชิญชวนทุกท่านต้ังสัจจะ อธิษฐานวา่ เนือ่ งในวันอาสาฬหบชู าและเทศกาลเขา้ พรรษาเราจะประพฤตปิ ฏิบัติ ตามพระธรรมคาส่ังสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดไป และพระธรรมจะ คุ้มครองรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมให้ชีวิต มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ประสบความสขุ สวสั ดี ตลอดกาล (คอลัมน์หน้าตา่ งศาสนา หนงั สอื พมิ พข์ ่าวสด สาโรจน์ กาลศิริศิลป์ กรกฎาคม ๒๕๔๘) ๔๒
เดก็ เอ๋ยเดก็ ดี เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมม่ัน สาม เช่ือพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการงาน เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะ บากบั่นไม่เกียจคร้าน แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซ่ือสัตย์ตลอดกาล น้าใจ นกั กีฬากล้าหาญ ใหเ้ หมาะกับกาลสมยั ชาตพิ ัฒนา สิบ บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติ ไทยเจริญ หากเด็กและเยาวชนไทยปฏิบัติตามบทเพลงที่มีคุณธรรม ๑๐ ประการ แล้ว ครอบครัวก็อบอุ่นด้วยพระธรรม สังคมก็สงบสุข ประเทศชาติก็มีแต่ ความเจรญิ กา้ วหน้าพัฒนาสถาพร ปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เจริญก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้สังคมกลายเป็นแหล่งข่าวสารขอ้ มลู โลกไร้ซึ่งพรมแดน ส่งผลให้เยาวชนไทยมีค่านิยมในด้านวัตถุมากย่ิงกว่าคุณค่า ในด้านจิตใจ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ถูกใช้เป็นอุปกรณ์การศึกษาน้อยมาก ส่วนใหญ่ใช้เล่นเกมส์หรือส่งอีเมลคุยเรื่องไร้สาระ สร้างปัญหาให้กับผู้ปกครอง ทั่วไป สานักงานคณะกรรมมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงาน ว่าปัจจุบันเด็กและเยาวชนที่ทาความผดิ ด้านทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกาย ทางเพศและ ยาเสพติด พบว่าส่วนใหญ่เด็กและเยาวชนที่กระทาผิดเป็นนักเรียนมัธยมศึกษา ตอนต้น มีสาเหตุมาจากการคบเพ่ือนและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเป็นเรื่อง ที่ผู้ปกครองและสถานศึกษาควรเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด ท้ังในด้านความ ประพฤตแิ ละการคบเพื่อนใหถ้ ูกตอ้ งดีงามตามควรแกว่ ยั และฐานะ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๘๑ กาหนดให้รัฐจัดและสนับสนุนการจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม พรอ้ มท้ังนาหลกั ธรรมทางศาสนามาใช้เสริมสร้างคุณธรรมและพฒั นาคุณภาพชีวิต และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ได้กาหนดจุดมุ่งหมายของ การศึกษาว่าเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย และจิตใจ สติ ๔๓
ปัญญา ความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ รว่ มกับผอู้ ื่นได้อยา่ งมคี วามสขุ การจัดการศึกษา จึงต้องให้ความสาคัญความรู้ควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม เพราะชีวิตประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ หากเยาวชนไทย มีจิตใจดี งาม การคดิ การพดู และการกระทา ย่อมจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลท้ังแก่คนเองและ ผู้อื่นอยู่เสมอ ผู้บริหารการศึกษาจึงต้องตระหนักถึงการบ่มเพาะนิสัยเยาวชนไทย ให้มีความรูค้ วามสามารถ โดยไม่ขาดศลี ธรรมประจาจติ ใจ โครงการคา่ ยคณุ ธรรม ถอื วา่ เป็นกจิ กรรมทางศาสนาทสี่ าคญั ยงิ่ โครงการ หนง่ึ ซง่ึ สามารถจะพฒั นาจติ ใจของเดก็ และเยาวชนให้สูงขึน้ และมีคุณภาพชวี ิตที่ดี ได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการนาเด็กและเยาวชนเข้าค่ายคุณธรรม ๒ คืน ๓ วัน โดยมีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้อบรมส่ังสอนให้รู้จักพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา อาทิ การไหว้ การกราบ การสวดมนต์ การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ การแผ่เมตตา และ การรู้จักการนาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจาวันเป็นต้นว่า รู้จักกตัญญูรู้คุณ ซื่อสัตย์สุจริต มีเมตตากรุณาปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข ขยันอดกลั้น และ อดออม พรอ้ มทจี่ ะบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมส่วนรวม สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยสานักงานพุทธมณฑล ได้สนับสนุนงบประมาณโครงการค่ายคุณธรรม ซ่ึงแต่ละปีมีโรงเรียนทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค นาเด็กและเยาวชนเข้ารับการอบรมค่ายคุณธรรมตลอดปี โดยมี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดส่งพระวิทยากรมาอบรมเด็กและ เยาวชนให้มีความรู้ คู่คุณธรรม เพื่อจะได้เป็นเด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่าง ดว้ ยกนั โครงการค่ายคุณธรรม จึงเปน็ การบรู ณาการความรู้ คคู่ ณุ ธรรมที่เหมาะสม อย่างย่ิงและเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักร ไทย และพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาตดิ งั กล่าวแล้ว (คอลมั น์หนา้ ต่างศาสนา หนังสอื พิมพ์ขา่ วสด สาโรจน์ กาลศิริศลิ ป์) ๔๔
๔๕
นายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผู้อานวยการสานัก เลขาธิการมหาเถรสมาคม สานักงานพระพุทธศาสนา- แห่งชาติ กล่าวว่า สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดูแลวัดในประเทศไทย ประมาณ ๔๒,๐๐๐ แห่ง มีจานวน พระภิกษุ สามเณรกว่า ๓ แสนรูป ที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติ การระบาดของโควิด ๑๙ มหาเถรสมาคมมีมติให้วัดงด จัดกิจกรรมทุกประเภท แต่ปัจจุบันเมื่อรัฐบาลมีมาตรการ ผ่อนปรน มหาเถรสมาคมจึงมีคาส่ังผ่อนปรนให้ทุกวัดจัด กิจกรรมได้เหมือนเดิม อาทิ งานบุญ งานบวช ภายใต้ มาตรการความปลอดภัยตามที่กระทรวงสาธารณสุข กาหนด คาถาปอ้ งกนั โควดิ ๑๙ ห่างกนั ไว้ ใส่แมสกนั หมนั่ ล้างมือ ถือความสะอาด ปราศจากโควิด ๔๖
Search