ปญั หาและเฉลย วิชา ธรรมวภิ าค ธรรมศึกษาชนั ตรี ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คําสงั : จงเลือกคําตอบทถี กู ตอ้ งทีสุดเพยี งคาํ ตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคําตอบ ๑. ขอ้ ใด เป็นผลของธรรมมอี ุปการะมาก ? ๒๖. อนนั ตรยิ กรรม กรรมหนกั ทสี ดุ ไดแ้ ก่ขอ้ ใด ? ก. ความอดทน ข. ความรอบคอบ ค. ความซอื สตั ย์ ง. ความฉลาด ก. ฆ่ามารดา ข. ฆา่ บดิ า ค. ฆ่าพระอรหนั ต์ ง. ถกู ทุกขอ้ ๒. สติ แปลว่าความระลกึ ได้ สมั ปชญั ญะ แปลว่าอะไร ? ๒๗. ปญั ญาในเวสารชั ชกรณธรรม หมายถงึ ขอ้ ใด ? ก. ความรูเ้ขา ข. ความรูแ้ จง้ ค. ความรูต้ วั ง. ความรูโ้ ลก ก. รูท้ ุก ๆ เรอื ง ข. รูส้ งิ ทคี วรรู้ ค. รูเ้รืองตนเอง ง. รูเ้รืองคนอนื ๓. คนมีหริ ิ มลี กั ษณะเชน่ ใด ? ๒๘. ขอ้ ใด เป็นการพสิ ูจนไ์ ดว้ ่าผฟู้ งั ไดร้ บั อานสิ งสจ์ ากการฟงั ? ก. ละอายความชวั ข. ไม่ทาํ ชวั ค. รงั เกียจบาป ง. ถกู ทุกขอ้ ก. บรรเทาความสงสยั ข. มคี วามเห็นถูกตอ้ ง ค. จิตใจผอ่ งใส ง. ถูกทุกขอ้ ๔. คนมโี อตตปั ปะไม่กลา้ ทาํ ความชวั เพราะเหตุใด ? ๒๙. กาํ ลงั กายเสริมไดด้ ว้ ยอาหาร กาํ ลงั ใจเสริมไดด้ ว้ ยพลธรรมใด ? ก. กลวั ถูกคนอนื ติเตยี น ข. กลวั ถูกลงโทษ ค. กลวั ตกนรก ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. สทั ธา ข. วริ ยิ ะ ค. สติ ง. ถกู ทุกขอ้ ๕. อาภรณแ์ ตง่ กาย แตใ่ จแต่งดว้ ยธรรม หมายถงึ ธรรมขอ้ ใด ? ๓๐. รูปกบั นาม รวมเรียกวา่ อะไร ? ก. สติสมั ปชญั ญะ ข. หิริโอตตปั ปะ ค. ขนั ตโิ สรจั จะ ง. กตญั ูกตเวที ก. เบญจขนั ธ์ ข. ธาตุ ค. อายตนะ ง. อินทรีย์ ๖. อดทนต่ออาการเจบ็ ป่วย จดั เป็นความอดทนในเรอื งใด ? ๓๑. สงั ขารในขนั ธ์ ๕ หมายถงึ ขอ้ ใด ? ก. ความลาํ บาก ข. ทกุ ขเวทนา ค. ความเจ็บใจ ง. อาํ นาจกิเลส ก. การรบั รูอ้ ารมณ์ ข. ความคดิ ปรุงแตง่ ค. สงิ ทมี ใี จครอง ง. สงิ ทมี องเห็นได้ ๗. บุพพการีชน หมายถงึ ใคร ? ๓๒. ขอ้ ใด เป็นพทุ ธคารวตา ? ก. พระมหากษตั รยิ ์ ข. มารดาบดิ า ค. ครูอาจารย์ ง. ถูกทุกขอ้ ก. ศรทั ธาเลอื มใส ข. กราบไหว้ ค. ปฏบิ ตั ิตามคาํ สอน ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๘. ผูร้ ูค้ ุณผูอ้ นื แลว้ ตอบแทน เป็นความหมายของขอ้ ใด ? ๓๓. คนมธี รรมใด ไดช้ อื ว่าเคารพในความไม่ประมาท ? ก. บุพพารี ข. กตญั ู ค. กตเวที ง. กตญั ูกตเวที ก. สติ ข. สจั จะ ค. ทมะ ง. ขนั ติ ๙. ผูท้ สี อนใหป้ ระพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ หมายถงึ ใคร ? ๓๔. สาราณิยธรรมใด ป้องกนั ความเหน็ ต่างกนั ในสงั คม ? ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม ค. พระสงฆ์ ง. ถูกทุกขอ้ ก. เมตตาวจกี รรม ข. สาธารณโภคี ค. สลี สามญั ญตา ง. ทฏิ ฐิสามญั ญตา ๑๐. สมมติสงฆใ์ นทางพระวนิ ยั หมายถงึ ภิกษจุ าํ นวนกรี ูป ? ๓๕. ตปู้ นั สขุ บรรเทาทกุ ขผ์ ูป้ ระสบภยั จดั เขา้ ในสาราณิยธรรมใด ? ก. ๑ รูป ข. ๒ รูป ค. ๓ รูป ง. ๔ รูป ก. เมตตาวจกี รรม ข. สาธารณโภคี ค. สลี สามญั ญตา ง. ทฏิ ฐสิ ามญั ญตา ๑๑. พระพทุ ธเจา้ ทุกขพ์ ระองค์ สอนตรงกนั ในเรืองใด ? ๓๖. อรยิ ทรพั ยใ์ ด จดั เขา้ ในไตรสกิ ขา ? ก. ละชวั ข. ทาํ ดี ค. ทาํ ใหใ้ จผ่องใส ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. โอตตปั ปะ ข. พาหุสจั จะ ค. จาคะ ง. ปญั ญา ๑๒. การโพส้ ขอ้ ความเทจ็ ใหผ้ ูอ้ นื เขา้ ใจผดิ จดั เป็นทจุ รติ ใด ? ๓๗. ศรทั ธา ถูกจดั ไวใ้ นหมวดธรรมต่าง ๆ เพราะตอ้ งการใหเ้ชืออยา่ งไร ? ก. กายทุจริต ข. วจที จุ ริต ค. มโนทุจรติ ง. ถกู ทุกขอ้ ก. เชอื สงิ ทคี วรเชอื ข. เชอื สงิ ทรี ู้ ค. เชือตนเอง ง. เชอื ตามคนสว่ นใหญ่ ๑๓. สุจรติ เรยี กอกี อยา่ งหนึงว่าอะไร ? ๓๘. ขอ้ ใด จดั เป็นอริยทรพั ย์ ก. กุศลกรรมบถ ข. กุศลกรรม ค. กลั ยาณธรรม ง. ความดี ก. มีทรพั ยส์ มบตั ิ ข. มยี ศศกั ดิ ค. มอี าํ นาจ ง. มคี ณุ ธรรม ๑๔. อกุศลใด เป็นเหตุประทษุ รา้ ยผอู้ ืน ? ๓๙. คนทรี ูว้ า่ ความดีเป็นเหตใุ หเ้กิดความสขุ จดั ว่ามสี ปั ปุริสธรรมใด ? ก. โลภะ ข. โทสะ ค. โมหะ ง. ราคะ ก. ธมั มญั ุตา ข. อตั ถญั ุตา ค. อตั ตญั ุตา ง. มตั ตญั ุตา ๑๕. อโลภะ แกป้ ญั หาในเรืองใด ? ๔๐. คนทรี ูว้ ่าความทุกขเ์ ป็นผลมาจากการทาํ ความชวั จดั วา่ มสี ปั ปุริสธรรมใด ? ก. คอรร์ ปั ชนั ข. ทะเลาะววิ าท ค. ครอบครวั ง. ถกู ใสค่ วาม ก. ธมั มญั ุตา ข. อตั ถญั ุตา ค. อตั ตญั ุตา ง. มตั ตญั ุตา ๑๖. บนั ใดขนั ทสี ามในการสรา้ งบญุ คือขอ้ ใด ? ๔๑. คนทปี รบั ตวั เขา้ กบั สงั คมไมไ่ ด้ เพราะขาดสปั ปรุ ิสธรรมใด ? ก. ปตั ตทิ านมยั ข. ทานมยั ค. สลี มยั ง. ภาวนามยั ก. อตั ถญั ุตา ข. มตั ตญั ุตา ค. กาลญั ตุ า ง. ปรสิ ญั ุตา ๑๗. ปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี ามความรูค้ วามสามารถของตน จดั เป็นวฑุ ฒิใด ? ๔๒. สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามธรรมอยา่ งไร ? ก. สปั ปุริสสงั เสวะ ข. สทั ธมั มสั สวนะ ค. โยนโิ สมนสกิ าร ง. ธมั มานุธมั มปฏิปตั ติ ก. มลี าภ เสอื มลาภ ข. มยี ศ เสอื มยศ ค. มนี ินทา สรรเสริญ ง. ถูกทุกขอ้ ๑๘. ประเทศไทยจดั เป็นปฏริ ูปเทสวาสะ เพราะมอี งคป์ ระกอบใด ? ๔๓. คนประเภทใด ไม่มใี นโลก ? ก. ดินฟ้าอากาศดี ข. อาหารอุดมสมบรู ณ์ ค. มปี ระเพณีทดี ี ง. ถกู ทุกขอ้ ก. คนมียศ ข. คนมคี วามสขุ ค. คนประสบทุกข์ ง. คนไม่ถูกนินทา ๑๙. การสงั ไม่ฟ้องในคดที คี วรสงั ฟ้อง จดั ว่ามอี คติใด ? ๔๔. การจดั ลาํ ดบั องคม์ รรค บง่ บอกถงึ ความสาํ คญั ในเรอื งใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. ภยาคติ ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. ความคดิ เหน็ ข. คาํ พดู ค. การกระทาํ ง. ความพยายาม ๒๐. ภาวนาปธาน ทาํ หนา้ ทอี ะไร ? ๔๕. สมั มาอาชวี ะ ป้องกนั กรรมกิเลสใด ? ก. ป้องกนั อกุศล ข. เจรญิ กุศล ค. ละอกุศล ง. รกั ษากศุ ล ก. ปาณาติบาต ข. อทินนาทาน ค. กาเมสุ มจิ ฉาจาร ง. มสุ าวาท ๒๑. จินตามยปญั ญาในอธษิ ฐานธรรม หมายถงึ ปญั ญาทเี กดิ จากเรอื งใด ? ๔๖. สอื สงั คมโซเชียลในปจั จบุ นั เศรา้ หมองดว้ ยกรรมกิเลสใดมาก ? ก. การศึกษา ข. การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ค. การคดิ พจิ ารณา ง. พรสวรรค์ ก. ปาณาติบาต ข. อทนิ นาทาน ค. กาเมสุ มจิ ฉาจาร ง. มุสาวาท ๒๒. จะทาํ อะไรตอ้ งมใี จรกั ในสงิ นนั ก่อน เป็นการกลา่ วถงึ อิทธบิ าทใด ? ๔๗. คบพาลพาไปหาผดิ คบบณั ฑติ พาไปหาผล จดั เขา้ ในขอ้ ใด ? ก. ฉนั ทะ ข. วริ ิยะ ค. จิตตะ ง. วมิ งั สา ก. อุฏฐานสมั ปทา ข. อารกั ขสมั ปทา ค. กลั ยาณมิตตตา ง. สมชีวติ า ๒๓. ความสงสารคิดจะช่วยเพอื นมนุษยใ์ หพ้ น้ ทกุ ข์ จดั เป็นพรหมวหิ ารใด ? ๔๘. คนชวนในทางชิบหาย มลี กั ษณะเชน่ ใด ? ก. เมตตา ข. กรณุ า ค. มทุ ติ า ง. อุเบกขา ก. ชวนดืมสุรา ข. ชวนเทยี วกลางคนื ค. ชวนเล่นการพนนั ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒๔. เห็นคนอืนไดด้ ีมสี ขุ ควรเจรญิ พรหมวหิ ารใด ? ๔๙. คนพูดจาหยาบคายไมส่ ุภาพ ควรปฏบิ ตั ิสงั คหวตั ถขอ้ ใด ? ก. เมตตา ข. กรุณา ค. มทุ ิตา ง. อุเบกขา ก. ทาน ข. ปิยวาจา ค. อตั ถจริยา ง. สมานตั ตตา ๒๕. ในหลกั ของอริยสจั เมอื เกิดความทุกข์ ตอ้ งทาํ อย่างไร ? ๕๐. อบายมขุ ขอ้ ใด เป็นเหตุแหง่ ความหายนะมากทสี ุด ? ก. ควรกําหนด ข. ควรละ ค. ควรทาํ ใหแ้ จง้ ง. ควรเจริญ ก. ดืมนาํ เมา ข เทยี วราตรี ค. เล่นการพนัน ง. เกียจครา้ นการทาํ งาน
ปญั หาและเฉลย วิชา พทุ ธประวตั ิ ธรรมศึกษาชนั ตรี ระดบั อดุ มศกึ ษาและประชาชนทวั ไป ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คาํ สงั : จงเลือกคําตอบทถี กู ตอ้ งทสี ดุ เพยี งคําตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคาํ ตอบ ๑. ทศิ เหนอื ของปจั จนั ตชนบท มเี ขตแดนติดกบั สถานทใี ด ? ๒๖. สปั ดาหท์ ี ๑ พระพทุ ธเจา้ เสวยวมิ ตุ ติสขุ ณ ทใี ด ? ก. ภูเขาอสุ ีลธชะ ข. แม่นาํ สลั ลวดี ค. หมู่บา้ นถูนคาม ง. มหาศาลนคร ก. ใตต้ น้ โพธิ ข. ใตต้ น้ ไทร ค. ใตต้ น้ จิก ง. ใตต้ น้ สาละ ๒. อาณาเขตทตี งั แห่งกระนครใหญ่ ๆ ในชมพูทวปี เรียกวา่ อะไร ? ๒๗. พระพทุ ธเจา้ แสดงปฐมเทศนาแก่ใคร ? ก. มหาชนบท ข. มชั ฌิมชนบท ค. ปจั จนั ตชนบท ง. ทกั ขณิ าครี ชี นบท ก. ปญั จวคั คีย์ ข. ยสกุบุตร ค. ชฎลิ ๓ พนี อ้ ง ง. ปิปผลมิ าณพ ๓. ชาวอรยิ กะไดอ้ พยพเขา้ สู่ชมพูทวปี จากดินแดนทางตอนใด ? ๒๘. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงอาทติ ตปริยายสูตรโปรดใคร ? ก. เหนือ ข. ใต้ ค. ตะวนั ออก ง. ตะวนั ตก ก. ชฎิล ๓ พนี อ้ ง ข. ปิปผลมิ าณพ ค. อุปติสสมาณพ ง. โกลติ มาณพ ๔. ชนวรรณะใด มหี นา้ ทศี กึ ษาคมั ภรี พ์ ระเวท ? ๒๙. กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ทรงอุปถมั ภก์ ารเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาทแี ควน้ มคธ ? ก. กษตั ริย์ ข. พราหมณ์ ค. แพศย์ ง. ศูทร ก. สุทโธทนะ ข. พิมพสิ าร ค. ปเสนทโิ กศล ง. จณั ทปชั โชต ๕. ราชธดิ าองคโ์ ตของพระเจา้ โอกกากราช ทรงอภเิ ษกสมรสกบั กษตั รยิ เ์ มอื งใด ? ๓๐. “เราจกั ไม่ชูงวงเขา้ ไปสูต่ ระกลู ” พระพทุ ธเจา้ ตรสั สอนพระเถระใด ? ก. ราชคฤห์ ข. สาวตั ถี ค. อุชเชนี ง. เทวทหะ ก. พระอสั สชิ ข. พระสารีบุตร ค. พระโมคคลั ลานะ ง. พระอานนท์ ๖. พระนางมายา ประสูตใิ นราชวงศใ์ ด ? ๓๑. พระพทุ ธเจา้ ประทานอปุ สมบทแกป่ ิปผลมิ าณพดว้ ยวธิ ใี ด ? ก. ศากยวงศ์ ข. โกลยิ วงศ์ ค. พทุ ธวงศ์ ง. โมรยิ วงศ์ ก. เอหภิ กิ ขุ ข. รบั โอวาท ๓ ค. รบั ไตรสรณคมน์ ง. รบั ครุธรรม ๗. ธรรมเนียมสตรีทตี งั ครรภต์ อ้ งกลบั คลอดทสี กลุ เดิม เป็นของวรรณะใด ? ๓๒. พระสาวกสงฆ์ ๑๒๕๐ องค์ มาประชมุ กนั หลงั พระพทุ ธเจา้ ตรสั รไู้ ดก้ เี ดอื น ? ก. กษตั รยิ ์ ข. พราหมณ์ ค. แพศย์ ง. ศูทร ก. ๖ เดือน ข. ๗ เดือน ค. ๘ เดอื น ง. ๙ เดอื น ๘. พระโพธิสตั วท์ รงเปลงวาจาวา่ อคฺโคหมสมฺ ิ โลกสสฺ ... ในกาลใด ? ๓๓. พระพทุ ธเจา้ ทรงอนุญาตใหภ้ กิ ษพุ กั อาศยั ในเสนาสนะ ไดก้ ชี นิด ? ก. ประสตู ิ ข. ตรสั รู้ ค. แสดงปฐมเทศนา ง. ปรนิ ิพพาน ก. ๕ ชนิด ข. ๖ ชนดิ ค. ๗ ชนดิ ง. ๘ ชนิด ๙. พระนางสริ มิ หามายาสนิ พระชนม์ เมอื ประสูตพิ ระโอรสไดก้ วี นั ? ๓๔. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงทศิ ๖ โปรดมาณพใด ? ก. ๓ วนั ข. ๕ วนั ค. ๗ วนั ง. ๙ วนั ก. ปิปผลมิ าณพ ข. อุปติสสมาณพ ค. โกลติ มาณพ ง. สิงคาลกมาณพ ๑๐. พระนา้ นางผูท้ รงทาํ หนา้ ทเี ลยี งดสู ทิ ธตั ถราชกมุ าร พระนามว่าอะไร ? ๓๕. พระพทุ ธเจา้ ทรงแนะนาํ สุนธิ พราหมณ์และวสั สการพราหมณ์ ใหท้ าํ พลใี ด ? ก. สริ มิ หามายา ข. ปชาบดีโคตมี ค. ยโสธรา ง. ปมติ า ก. ญาติพลี ข. อตถิ พิ ลี ค. ราชพลี ง. เทวตาพลี ๑๑. ในวนั แรกนาขวญั สทิ ธตั ถราชกุมารประทบั นงั เจรญิ อานาปานสติ ณ ทใี ด ? ๓๖. อารามใด ทเี หลา่ พระประยุรญาตริ ่วมกนั สรา้ งถวายแดพ่ ระพทุ ธเจา้ ? ก. ใตต้ น้ สาละ ข. ใตต้ น้ โพธิ ค. ใตต้ น้ ไทร ง. ใตต้ น้ หวา้ ก. เวฬวุ นั วนาราม ข. เชตวนาราม ค. นิโครธาราม ง. บพุ พาราม ๑๒. พระนางพมิ พา เป็นราชธดิ าของกษตั ริยเ์ มอื งใด ? ๓๗. “การออกบณิ ฑบาตนีเป็นพทุ ธประเพณี” พระพทุ ธเจา้ ตรสั กบั ใคร ? ก. กบลิ พสั ดุ์ ข. เทวทหะ ค. พาราณสี ง. สาวตั ถี ก. พระบดิ า ข. พระมารดา ค. พระนา้ นาง ง. พระสหาย ๑๓. สทิ ธตั ถราชกุมาร อยู่ครองเพศฆราวาสเป็นเวลากปี ี ? ๓๘. วดั ใด ทพี ระพทุ ธเจา้ ทรงอยู่จาํ พรรษานานทสี ุด ? ก. ๗ ปี ข. ๑๖ ปี ค. ๒๙ ปี ง. ๓๕ ปี ก. วดั เวฬุวนั ข. วดั เชตวนั ค. วดั นิโครธาราม ง. วดั บพุ พาราม ๑๔. เมอื สทิ ธตั ถราชกุมารทรงตดั พระเมาลแี ลว้ พระเมาลนี นั ยงั เหลอื ยาวกีองคุลี ? ๓๙. พระเถระองคใ์ ด พระพทุ ธเจา้ ตรสั ว่าเป็นพทุ ธอุปฏั ฐากทดี ีทสี ุด ? ก. ๑ องคุลี ข. ๒ องคุลี ค. ๓ องคลุ ี ง. ๔ องคลุ ี ก. พระอุปวาณะ ข. พระอานนท์ ค. พระเมฆยิ ะ ง. พระเรวตะ ๑๕. สทิ ธตั ถราชกุมารทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชติ ณ ฝงั แม่นาํ ใด ? ๔๐. พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ดบั ขนั ธปรินิพพาน ณ เมอื งใด ? ก. คงคา ข. ยมนุ า ค. สรภู ง. อโนมา ก. ราชคฤห์ ข. สาวตั ถี ค. พาราณสี ง. กสุ ินารา ๑๖. หลงั ผนวชแลว้ พระมหาบุรษุ ประทบั แรมครงั แรกทแี ควน้ ใด ? ๔๑. การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะในประเทศไทย เรมิ ขนึ ในรชั กาลใด ? ก. แควน้ มลั ละ ข. แควน้ เจตี ค. แควน้ วงั สะ ง. แควน้ กุรุ ก. รชั กาลที ๔ ข. รชั กาลที ๕ ค. รชั กาลที ๖ ง. รชั กาลที ๗ ๑๗. หลงั ผนวชแลว้ พระมหาบรุ ณุ ทรงประทบั แรมทอี นุปิยอมั พวนั กีวนั ? ๔๒. ผูแ้ สดงตนเป็นพทุ ธมามกะ ตอ้ งสมาทานศลี ใด ? ก. ๔ วนั ข. ๕ วนั ค. ๖ วนั ง. ๗ วนั ก. ศลี ๕ ข. ศลี ๘ ค. ศีล อุโบสถ ง. ศีล ๑๐ ๑๘. เมอื พระมหาบุรุษเสดจ็ ไปถงึ เมอื งราชคฤห์ ทรงพบกบั กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ? ๔๓. จาตรุ งคสนั นบิ าต เกิดขนึ ในวนั ใด ? ก. สุทโธทนะ ข. พมิ พสิ าร ค. ปเสนทโิ กศล ง. อุเทน ก. มาฆบูชา ข. วสิ าขบูชา ค. อฏั ฐมบี ูชา ง. อาสาฬหบูชา ๑๙. พระมหาบุรุษทรงฝึกจติ จนสาํ เรจ็ สมาบตั ิ ๗ ในสาํ นกั อาจารยท์ า่ นใด ? ๔๔. พระพทุ ธเจา้ ประสูติ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ในวนั ใด ? ก. อาฬารดาบส ข. อุททกดาบส ค. อสติ ดาบส ง. กาลเทวนิ ดาบส ก. ก. มาฆบูชา ข. วสิ าขบูชา ค. อฏั ฐมบี ูชา ง. อาสาฬหบูชา ๒๐. พระมหาบุรษุ ทรงบาํ เพญ็ ทกุ รกริ ยิ า เพราะดาํ ริว่าไปเพอื หนทางใด ? ๔๕. พระพทุ ธเจา้ แสดงปฐมเทศนา ในวนั ใด ? ก. การรูอ้ ดตี ข. การรูอ้ นาคต ค. การตรสั รู้ ง. การถงึ สคุ ติ ก. มาฆบูชา ข. วสิ าขบูชา ค. อฏั ฐมบี ูชา ง. อาสาฬหบูชา ๒๑. พระมหาบรุ ุษทรงเลกิ บาํ เพญ็ ทุกรกริ ิยา เพราะทรงเหน็ วา่ อย่างไร ? ๔๖. ในวนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธพระพทุ ธศาสนา ชาวพทุ ธควรปฏบิ ตั ติ นเช่นใด ? ก. ไม่ใช่ทางตรสั รู้ ข. ไมใ่ ช่ทางรูอ้ ดตี ค. ไม่ใช่ทางรูอ้ นาคต ง. ไม่ใชท่ างถงึ สุคติ ก. ถวายทาน ข. รกั ษาศลี ค. เจรญิ จิตภาวนา ง. ถูกทุกขอ้ ๒๒. อริยมรรค ทพี ระมหาบรุ ษุ ทรงเลอื กปฏบิ ตั ิเพอื บาํ เพญ็ เพยี รทางจิต มกี ีขอ้ ? ๔๗. เสสงั มงั คะลงั ยาจามิ ... เป็นคาํ กล่าวอะไร ? ก. ๖ ขอ้ ข. ๗ ขอ้ ค. ๘ ขอ้ ง. ๙ ขอ้ ก. ถวายสงั ฆทาน ข. บูชาขา้ วพระพทุ ธ ค. ลาขา้ วพระพทุ ธ ง. นิมนตพ์ ระ ๒๓. เชา้ ของวนั ตรสั รู้ พระมหาบุรษุ ทรงรบั ขา้ วมธุปายาสจากใคร ? ๔๘. อามสิ ทาน หมายถงึ การใหอ้ ะไร ? ก. นางสุชาดา ข. นางวสิ าขา ค. นายโสตถยิ ะ ง. อปุ กาชวี ก ก. ใหส้ งิ ของ ข. ใหค้ วามรู้ ค. ใหอ้ ภยั ง. ใหโ้ อกาส ๒๔. ใคร คอยตามขดั ขวางการสาํ เรจ็ มรรคผลตงั แตเ่ สด็จออกทรงผนวช ? ๔๙. พรหั มา จะ โลกาธิปะตี สะหมั ปะติ ... เป็นคาํ อาราธนาใด ? ก. พระอินทร์ ข. พระพรหม ค. พญายม ง. พญามาร ก. ศีล ๕ ข. ศลี ๘ ค. พระปริตร ง. พระธรรม ๒๕. พระมหาบรุ ุษตรสั รพู้ ระสมั มาสมั โพธิญาณ ขณะมพี ระชนมายกุ ปี ี ? ๕๐. การกรวดนาํ เรมิ เทนาํ ขณะเมอื พระสงฆก์ ล่าวคาํ อนุโมทนาอย่างไร ? ก. ๒๙ ปี ข. ๓๕ ปี ค. ๔๕ ปี ง. ๘๐ ปี ก. ยะถา วาริวะหา... ข. สพั พตี ิโย... ค. ภะวะตุ สพั พะ ... ง. มะณิโชติระโส ยะถา
ปญั หาและเฉลย วิชา เบญจศีล - เบญจธรรม (วนิ ยั ) ธรรมศึกษาชนั ตรี ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คําสงั : จงเลอื กคาํ ตอบทถี กู ตอ้ งทสี ดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคาํ ตอบ ๑. ขอ้ ใด เป็นหลกั ธรรมพนื ฐานใหม้ นุษยอ์ ยูร่ ว่ มกนั เป็นสขุ ? ๒๖. ปญั หาสงั คมใด สะทอ้ นการมองขา้ มความสาํ คญั ของศลี ขอ้ ๕ ? ก. ทาน ข. ศลี ค. ภาวนา ง. เมตตา ก. พนนั บอล ข. อาชญากรรม ค. ยาเสพตดิ ง. ทุจรติ คอรร์ ปั ชนั ๒. การปฏบิ ตั ติ นเช่นไร เรียกวา่ รกั ษาศีล ? ๒๗. ขอ้ ใด เป็นขอ้ หา้ มของศีลขอ้ ๕ ? ก. ใหท้ าน ข. งดเวน้ ขอ้ หา้ ม ค. เจริญภาวนา ง. แผ่เมตตา ก. ของผดิ กฎหมาย ข. ของคนอนื ค. คูค่ รองคนอนื ง. ของมนึ เมา ๓. ใครไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการรกั ษาศีล ? ๒๘. การตงั ใจงดเวน้ จากขอ้ หา้ ม เรียกว่าอะไร ? ก. ตนเอง ข. ครอบครวั ค. สงั คม ง. ถูกทุกขอ้ ก. ศีล ข. วริ ตั ิ ค. ปฏบิ ตั ิ ง. พฤติกรรม ๔. วตั ถปุ ระสงคข์ องการรกั ษาศีล ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๒๙. สมทุ เฉทวริ ตั ิ เป็นการรกั ษาศีลของใคร ? ก. ทาํ ใจใหส้ งบ ข. ละกิเลส ค. ฝึกกายวาจา ง. ดบั ทกุ ข์ ก. คนทวั ไป ข. คนสมาทานศีล ค. อรยิ บุคคล ง. ถกู ทุกขอ้ ๕. เบญจศลี เบญจธรรม เป็นขอ้ ปฏบิ ตั ิเบอื งตน้ สาํ หรบั ใคร ? ๓๐. การรกั ษาศลี อุโบสถของอุบาสกอุบาสกิ า เป็นวริ ตั ิใด ? ก. เด็ก ข. วยั รุน่ ค. ผูใ้ หญ่ ง. ถูกทุกขอ้ ก. สมั ปตั ตวริ ตั ิ ข. สมาทานวิรตั ิ ค. สมจุ เฉทวริ ตั ิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๖. ศีลขอ้ ๑ บญั ญตั ิไวเ้พอื ไมใ่ หเ้บยี ดเบยี นกนั ในเรืองใด ? ๓๑. หลกั ธรรมใด ควรปฏบิ ตั คิ วบคกู่ บั การรกั ษาศีล ๕ ? ก. ชวี ิต ข. ทรพั ยส์ นิ ค. คูค่ รอง ง. คาํ พดู ก. พรหมวหิ าร ข. เบญจธรรม ค. สงั คหวตั ถุ ง. ฆราวาสธรรม ๗. ขอ้ ใด เป็นการทาํ ผดิ ศลี ขอ้ ๑ ? ๓๒. กลั ยาณธรรมใด ทาํ ใหม้ นุษยม์ เี มตตากรณุ าต่อกนั ? ก. ฆา่ สตั ว์ ข. ลกั ทรพั ย์ ค. เสพยาบา้ ง. พดู โกหก ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ค. ขอ้ ๓ ง. ขอ้ ๔ ๘. คาํ วา่ ฆา่ ในศลี ขอ้ ๑ หมายถงึ การกระทาํ ใด ? ๓๓. คุณนกแกว้ บริจาคสงิ ของใสต่ ปู้ นั สุข จดั เขา้ ในกลั ยาณธรรมใด ? ก. ทาํ ใหบ้ าดเจ็บ ข. ทาํ ใหพ้ กิ าร ค. ทาํ ใหล้ าํ บาก ง. ทําใหต้ าย ก. เมตตากรณุ า ข. สมั มาอาชีวะ ค. ความกตญั ู ง. กามสงั วร ๙. ขอ้ ใด อนุโลมเขา้ ในปาณาติบาต ? ๓๔. การกระทาํ ใด เป็นพฤติกรรมของคนขาดเมตตาจิต ? ก. ทาํ ใหบ้ าดเจ็บ ข. ทาํ ใหพ้ กิ าร ค. ทาํ ใหเ้สยี โฉม ง. ถกู ทุกขอ้ ก. เลยี งปลา ข. ใหอ้ าหารปลา ค. ปล่อยปลา ง. ตกปลา ๑๐. ขอ้ ใด เป็นทรกรรมสตั วใ์ หไ้ ดร้ บั ความลาํ บาก ? ๓๕. มนุษยจ์ ะรกั ษาศลี ขอ้ ๒ ไดม้ นั คงยงิ ขนึ ควรประพฤตกิ ลั ยาณธรรม ใด ? ก. ใชง้ านเกนิ กาํ ลงั ข. กกั ขงั ในทแี คบ ค. เล่นสนุก ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. เมตตากรุณา ข. สมั มาอาชีวะ ค. ความกตญั ู ง. กามสงั วร ๑๑. ศีลขอ้ ๒ บญั ญตั ขิ นึ เพอื วตั ถปุ ระสงคใ์ ด ? ๓๖. ลูกจา้ งเขา้ ทาํ งานตรงเวลา ชอื วา่ ประพฤติเป็นธรรมในอะไร ? ก. ใหม้ เี มตตา ข. ใหท้ ํางานสุจริต ค. ใหร้ กั ษาสตั ย์ ง. ใหม้ สี ตริ อบคอบ ก. กจิ การ ข. บุคคล ค. วตั ถุ ง. ถูกทุกขอ้ ๑๒. คนทุจรติ คอรร์ ปั ชนั แสดงว่าทาํ ผดิ ศีลขอ้ ใด ? ๓๗. ลูกจา้ งตงั ใจทาํ งานตามคาํ สงั ของนายจา้ ง ชือว่าประพฤตเิ ป็นธรรมในอะไร ? ก. ศีลขอ้ ๑ ข. ศีลขอ้ ๒ ค. ศีลขอ้ ๓ ง. ศลี ขอ้ ๔ ก. กจิ การ ข. บุคคล ค. วตั ถุ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๑๓. ขายสนิ คา้ ลอกเลยี นแบบ เป็นโจรกรรมประเภทใด ? ๓๘. ผูล้ กั ลอบปลอมแปลงสนิ คา้ ชือว่าประพฤติไม่เป็นธรรมในอะไร ? ก. ปลอม ข. ลวง ค. หลอก ง. ตู่ ก. กจิ การ ข. บุคคล ค. วตั ถุ ง. ถกู ทุกขอ้ ๑๔. วงิ ราวทรพั ยผ์ ูอ้ นื เป็นโจรกรรมประเภทใด ? ๓๙. ความสาํ รวมในกาม เป็นอปุ การะแกก่ ารรกั ษาศีลขอ้ ใด ? ก. ลกั ข. ฉก ค. กรรโชก ง. ปลน้ ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ค. ขอ้ ๓ ง. ขอ้ ๔ ๑๕. แอบนาํ เขา้ สนิ คา้ โดยไม่เสยี ภาษใี หร้ ฐั เป็นโจรกรรมประเภทใด ? ๔๐. สามไี ม่นอกใจภรรยา เป็นการประพฤตกิ ลั ยาณธรรมใด ? ก. เบยี ดบงั ข. สบั เปลยี น ค. ลกั ลอบ ง. ยกั ยอก ก. สมั มาอาชีวะ ข. กามสงั วร ค. ความมสี ตั ย์ ง. ความมสี ติ ๑๖. สามภี รรยาจะมีความไวว้ างใจต่อกนั ดว้ ยศลี ขอ้ ใด ? ๔๑. คู่ครองประพฤติกลั ยาณธรรมขอ้ ๓ ย่อมเกิดผลตามขอ้ ใด ? ก. ศีลขอ้ ๑ ข. ศีลขอ้ ๒ ค. ศีลขอ้ ๓ ง. ศลี ขอ้ ๔ ก. เมตตาต่อกนั ข. ไวว้ างใจกนั ค. กตญั ูตอ่ กนั ง. ภกั ดีตอ่ กนั ๑๗. การกระทาํ ใด ผดิ ศีลขอ้ ๓ และผดิ กฎหมายบา้ นเมอื งดว้ ย ? ๔๒. การใหย้ ศศกั ดิดว้ ยความยุติธรรม ปราศจากอคติ เป็นความมสี ตั ยข์ อ้ ใด ? ก. คา้ อาวุธ ข. คา้ ประเวณี ค. คา้ ยาบา้ ง. คา้ ของเถอื น ก. ความเทียงธรรม ข. ความซอื ตรง ค. ความกตญั ู ง. ภกั ดีตอ่ กนั ๑๘. หญงิ ผูเ้ป็นเทอื กเถาเหลา่ กอของตน ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๔๓. การไม่หลอกลวงเพอื นทงั ต่อหนา้ และลบั หลงั เป็นความมสี ตั ยข์ อ้ ใด ? ก. ลูกเลยี ง ข. ลูกบุญธรรม ค. หลานสาว ง. ลกู สะใภ้ ก. ความเทยี งธรรม ข. ความซือตรง ค. ความกตญั ู ง. ภกั ดตี อ่ กนั ๑๙. หญงิ ผูอ้ ยูใ่ นพทิ กั ษร์ กั ษาของบดิ ามารดา ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๔๔. การรูจ้ กั บุญคุณบิดามารดา เป็นความมสี ตั ยข์ อ้ ใด ? ก. ลูกสาว ข. หลานสาว ค. ลูกสะใภ้ ง. แม่ชี ก. ความเทยี งธรรม ข. ความซอื ตรง ค. ความกตญั ู ง. ภกั ดตี อ่ กนั ๒๐. การเผยแพรข่ อ้ มูลอนั เป็นเทจ็ ทางเอกสาร ทาํ ผดิ ศลี ขอ้ ใด ? ๔๕. การทาํ ผดิ ศีลขอ้ ๕ เป็นปฏปิ กั ษโ์ ดยตรงตอ่ คุณธรรมใด ? ก. ศีลขอ้ ๑ ข. ศลี ขอ้ ๒ ค. ศีลขอ้ ๓ ง. ศลี ขอ้ ๔ ก. เมตตากรณุ า ข. กามสงั วร ค. ความมสี ตั ย์ ง. ความมสี ตริ อบคอบ ๒๑. คาํ พูดทไี ม่นบั เขา้ ในขอ้ หา้ มและไม่ผดิ ศีลขอ้ ๔ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๔๖. ความมสี ตริ อบคอบ เป็นอุปการะแก่การรกั ษาศีลขอ้ ใด ? ก. โวหาร ข. อาํ ความ ค. เสรมิ ความ ง. สบั ปลบั ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ค. ขอ้ ๔ ง. ขอ้ ๕ ๒๒. คาํ พูดประเภทใด ตรงกบั คาํ ว่า กลบั คาํ ? ๔๗. การทาํ งานแบบดนิ พอกหางหมู ขาดความรอบคอบในเรอื งใด ? ก. พูดคาํ หยาบ ข. พูดเพอ้ เจอ้ ค. พูดหลีกเลยี ง ง. พูดส่อเสยี ด ก. การบริโภค ข. การศกึ ษา ค. การทาํ งาน ง. การปฏบิ ตั ธิ รรม ๒๓. ป่วยนอ้ ยแกลง้ เป็นป่วยมาก เป็นมสุ าประเภทใด ? ๔๘. การใชจ้ ่ายแต่พอเพยี ง มคี วามรอบคอบในเรอื งใด ? ก. ปด ข. ทนสาบาน ค. มารยา ง. ทาํ เลส ก. การบริโภค ข. การศึกษา ค. การทาํ งาน ง. การปฏบิ ตั ิธรรม ๒๔. ศลี ขอ้ ใด ชใี หเ้ห็นโทษของสงิ เสพตดิ ? ๔๙. ขอ้ ใด ชอื ว่าไม่เลนิ เล่อในการงาน ? ก. ศลี ขอ้ ๑ ข. ศลี ขอ้ ๒ ค. ศีลขอ้ ๓ ง. ศีลขอ้ ๕ ก. ขยนั ทาํ กนิ ข. หมนิ เงนิ นอ้ ย ค. คอยวาสนา ง. ลางานบอ่ ย ๒๕. ขอ้ ใด เป็นความเสยี หายเกดิ จากการเสพของมนื เมา ? ๕๐. เบญจศีลเบญจธรรม มปี ระโยชนก์ บั ใคร ? ก. ทาํ ลายขา้ วของ ข. ทบุ ตผี ูอ้ นื ค. ทะเลาะววิ าท ง. ถูกทุกขอ้ ก. ตนเอง ข. ครอบครวั ค. ประเทศชาติ ง. ถกู ทกุ ขอ้
ปญั หาและเฉลย วิชา ธรรมวภิ าค ธรรมศกึ ษาชนั โท ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คําสงั : จงเลอื กคําตอบทีถูกตอ้ งทีสดุ เพียงคําตอบเดยี ว แลว้ ระบายในกระดาษคาํ ตอบ ๑. คาํ วา่ สมถะ หมายถงึ อะไร ? ๒๖. จะแกก้ รรมตอ้ งตดั วงจรอะไรกอ่ น ? ก. ความรู้ ข. ความเห็น ค. ความสงบ ง. ความไมป่ ระมาท ก. กิเลส ข. กรรม ค. วบิ าก ง. ถูกทุกขอ้ ๒. การเจรญิ วปิ สั สนากมั มฏั ฐาน เป็นเหตุใหร้ ูแ้ จง้ อะไร ? ๒๗. จะตดั วฏั ฏะใหข้ าด ตอ้ งตดั ดว้ ยมรรคใด ? ก. ไตรลกั ษณะ ข. ไตรสกิ ขา ค. ไตรสรณคมน์ ง. ไตรทวาร ก. โสดาปตั ตผิ ล ข. สกทาคามมิ รรค ค. อนาคามมิ รรค ง. อรหตั ตมรรค ๓. ขอ้ ใด ไมจ่ ดั เป็นกิเลสกาม ? ๒๘. กเิ ลสประเภทใด เรียกวา่ กเิ ลสวฏั ฏะ ? ก. ราคะ ข. โลภะ ค. อิจฉา ง. โทสะ ก. อวชิ ชา ข. ตณั หา ค. อุปทาน ง. ถูกทกุ ขอ้ ๔. ขอ้ ใด จดั เป็นวตั ถกุ าม ? ๒๙. จะกาํ จดั กเิ ลสอยา่ งหยาบ ตอ้ งกาํ จดั ดว้ ยสกิ ขาใด ? ก. รูปสวย ข. เสยี งไพเราะ ค. กลนิ หอม ง. ถกู ทุกขอ้ ก. อธสิ ีลสกิ ขา ข. อธิจิตตสกิ ขา ค. อธปิ ญั ญาสกิ ขา ง. ถกู ทุกขอ้ ๕. ขอ้ ใด จดั เป็นปฏบิ ตั ิบชู า ? ๓๐. การเจรญิ สมาธิ จดั เขา้ ในสกิ ขาใด ? ก. สรา้ งโบสถ์ ข. สรา้ งพระพทุ ธรูป ค. สรา้ งเจดีย์ ง. รกั ษาศลี ก. อธสิ ลี สกิ ขา ข. อธจิ ิตตสกิ ขา ค. อธปิ ญั ญาสกิ ขา ง. ถกู ทุกขอ้ ๖. การตอ้ นรบั ผูม้ าเยือน เรียกว่าอะไร ? ๓๑. จะกาํ จดั กิเลสอยา่ งละเอยี ด ตอ้ งกาํ จดั ดว้ ยสกิ ขาใด ? ก. ปฏกิ าระ ข. ปฏิสนั ถาร ค. คารวะ ง. อาคนั ตุกะ ก. อธิสลี สกิ ขา ข. อธิจิตตสกิ ขา ค. อธปิ ญั ญาสกิ ขา ง. ถูกทกุ ขอ้ ๗. คนมสี ขุ ภาพจิตดี ไดช้ ือว่ามคี วามสขุ ประเภทใด ? ๓๒. ลกั ษณะใด ทเี หมอื นกนั ทกุ คน ? ก. อามสิ สุข ข. นริ ามสิ สุข ค. กายิกสุข ง. เจตสกิ สุข ก. อนจิ จตา ข. ทุกขตา ค. อนตั ตตา ง. ถูกทกุ ขอ้ ๘. คนถกู วติ กใดครอบงาํ เป็นเหตใุ หล้ ว่ งละเมดิ ศีลขอ้ ๑ ? ๓๓. ธรรมเป็นดุจพนกั พงิ อาศยั เรียกว่าอะไร ? ก. กามวติ ก ข. พยาบาทวติ ก ค. วหิ งิ สาวติ ก ง. เนกขมั มวติ ก ก. สปั ปุรสิ ธรรม ข. อปสั เสนธรรม ค. โพธิปกั ขยิ ธรรม ง. พลธรรม ๙. คนถูกวติ กใดครอบงาํ เป็นเหตุใหล้ ่วงละเมดิ ศีลขอ้ ๓ ? ๓๔. เจริญเมตตาอย่างไร จึงจดั เป็นอปั ปมญั ญา ? ก. กามวติ ก ข. พยาบาทวติ ก ค. วหิ งิ สาวติ ก ง. เนกขมั มวติ ก ก. ไม่จาํ กดั ประมาณ ข. ไมจ่ าํ กดั ขอบเขต ค. ไม่จาํ กดั บุคคล ง. ถูกทกุ ขอ้ ๑๐. อพยาบาทวติ ก มอี ะไรเป็นสมุฏฐาน ? ๓๕. พระอริยบคุ คลใด ทาํ ราคะ โทสะ โมหะ ใหเ้บาบาง ? ก. อโลภะ ข. อโทสะ ค. อโมหะ ง. อรติ ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์ ๑๑. อวหิ งิ สาวติ ก มอี ะไรเป็นสมฏุ ฐาน ? ๓๖. ธรรมใด กาํ กบั ศรทั ธาไม่ใหเ้ชืองมงาย ? ก. อโลภะ ข. อโทสะ ค. อโมหะ ง. อรติ ก. ศีล ข. สมาธิ ค. สติ ง. ปญั ญา ๑๒. ไฟคือโทสะ เป็นเหตุใหค้ นล่วงละเมดิ ศีลขอ้ ใด ? ๓๗. พระธรรมเทศนาเพอื ฟอกจิตไมใ่ หเ้ป็นคนโหดรา้ ย ไดแ้ ก่ขอ้ ใด ? ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ค. ขอ้ ๓ ง. ขอ้ ๔ ก. ทานกถา ข. สีลกถา ค. สคั คกถา ง. กามาทนี วกถา ๑๓. คนถูกไฟคอื โมหะแผดเผา มกั มพี ฤติกรรมเช่นไร ? ๓๘. ผูป้ ระกอบดว้ ยธมั มมจั ฉรยิ ะ มลี กั ษณะเช่นใด ? ก. หงดุ หงดิ ฉุนเฉยี ว ข. หลงงมงาย ค. โลภ ง. หมกมนุ่ ในกาม ก. หวงทอี ยู่ ข. หวงสกลุ ค. หวงลาภ ง. หวงวิชา ๑๔. ไฟใด ก่อใหเ้กดิ มจิ ฉาทฏิ ฐิ ? ๓๙. รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ จดั เป็นมารใด ? ก. ราคคั คิ ข. โทสคั คิ ค. โมหคั คิ ง. ถูกทุกขอ้ ก. ขนั ธมาร ข. กเิ ลสมาร ค. อภสิ งั ขารมาร ง. มจั จมุ าร ๑๕. อธปิ ไตยใด ก่อใหเ้กิดความวุน่ วายแกส่ งั คมมากทสี ดุ ? ๔๐. ไมอ่ ยากเป็นคนหมกม่นุ ในกาม ควรเจริญกมั มฏั ฐานใด ? ก. อตั ตาธิปไตย ข. โลกาธปิ ไตย ค. ธมั มาธิปไตย ง. ประชาธิปไตย ก. เมตตา ข. กสณิ ค. อสภุ ะ ง. อนุสสติ ๑๖. ประชาธิปไตยพฒั นาไม่ได้ เพราะขาดธรรมใด ? ๔๑. ดิน นาํ ไฟ ลม ประชมุ กนั เป็นกายเรียกวา่ อะไร ? ก. อตั ตาธิปไตย ข. โลกาธปิ ไตย ค. ธมั มาธิปไตย ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. นาม ข. รูป ค. นามรูป ง. สงั ขาร ๑๗. ความหยงั รูท้ กุ ข์ จดั เป็นญาณใด ? ๔๒. สุขในเวทนา ๕ หมายถงึ ขอ้ ใด ? ก. สจั จญาณ ข. กจิ จญาณ ค. กตญาณ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. สุขกาย ข. สุขใจ ค. สุขกายสุขใจ ง. ถกู ทุกขอ้ ๑๘. ความหยงั รูท้ กุ ขสมทุ ยั ว่า เป็นสภาพควรละ จดั เป็นญาณใด ? ๔๓. คนจริตใด เหมาะทจี ะประกอบอาชพี เสรมิ ความงาม ? ก. กตญาณ ข. สจั จญาณ ค. กิจจญาณ ง. ปรชี าญาณ ก. ราคจริต ข. โทสจรติ ค. โมหจริต ง. วติ กั กจริต ๑๙. ปญั ญาหยงั รูว้ ่า ทุกขค์ วรกาํ หนดรู้ เราไดก้ าํ หนดรูแ้ ลว้ จดั เป็นญาณใด ? ๔๔. คนขาดความมนั ใจในตนเอง เป็นอาการของคนมจี ริตใด ? ก. กตญาณ ข. สจั จญาณ ค. กจิ จญาณ ง. ปรีชาญาณ ก. ราคจริต ข. โทสจรติ ค. โมหจรติ ง. วติ กั กจริต ๒๐. ความล่มุ หลงในรูป เสยี ง กลนิ รส โผฏฐพั พะ จดั เป็นตณั หาใด ? ๔๕. คนขาดความมนั ใจในตนเอง ควรแกด้ ว้ ยการเจริญกมั มฏั ฐานใด ? ก. กามตณั หา ข. ภวตณั หา ค. วภิ วตณั หา ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. กายคตาสติ ข. พรหมวหิ าร ค. อานาปานสติ ง. อนุสสติ ๒๑. ความอยากเป็นนนั เป็นนี จดั เป็นตณั หาประเภทใด ? ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๔๖. ขอ้ ความใด เป็นความหมายของธรรมคุณบทว่า สนฺทิฏฺฐโิ ก ? ง. ควรนาํ มาปฏบิ ตั ิ ก. กามตณั หา ข. ภวตณั หา ค. วภิ วตณั หา ก. รูเ้ ห็นดว้ ยตนเอง ข. ไม่จาํ กดั กาล ค. พสิ ูจนไ์ ด้ ๒๒. พระอภธิ รรมปิฎก มกี พี ระธรรมขนั ธ์ ๔๗. ขอ้ ใด จดั เป็นอปรหิ านยิ ธรรม ? ก. ๒๒๗ ข. ๒๑,๐๐๐ ค. ๔๒,๐๐๐ ง. ๘๔,๐๐๐ ก. ใหเ้กียรติสตรี ข. หมนั ประชุม ค. เคารพผูใ้ หญ่ ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๓. ผูท้ รี กั ษาศีลปฏบิ ตั ิสมาธเิ จรญิ ปญั ญา ไดช้ อื ว่าปฏบิ ตั ิตามปิฎกใด ? ๔๘. การรบั ราชการดว้ ยความซอื สตั ยส์ ุจริต จดั เขา้ ในมรรคใด ? ก. พระวนิ ยั ปิฎก ข. พระสุตตนั ตปิฎก ค. พระอภธิ รรมปิฎก ง. ถูกทุกขอ้ ก. สมั มากมั มนั ตะ ข. สมั มาอาชีวะ ค. สมั มาวายามะ ง. สมั มาสติ ๒๔. พระพทุ ธเจา้ ทรงบาํ เพญ็ พทุ ธจริยา เป็นเวลากีปี ? ๔๙. พทุ ธคุณบทใด มคี วามหมายว่า พระพทุ ธเจา้ ทรงเป็นบรมครู ? ก. ๒๙ ข. ๓๕ ค. ๔๕ ง. ๘๐ ก. อรหํ ข. โลกวทิ ู ค. สตถฺ า เทวมนุสสฺ านํ ง. พทุ โฺ ธ ๒๕. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมโปรดพทุ ธบดิ า จดั เป็นจริยาใด ? ๕๐. บารมใี ด ป้องกนั ไมใ่ หเ้กิดความรนุ แรงในการชมุ นุมแสดงความคดิ เห็น ? ก. โลกตั ถจรยิ า ข. ญาตตั ถจรยิ า ค. พทุ ธตั ถจรยิ า ง. อตั ถจรยิ า ก. ทาน ข. ขนั ติ ค. อธิษฐาน ง. อุเบกขา
ปญั หาและเฉลย วิชา อนุพทุ ธประวตั ิ ธรรมศกึ ษาชนั โท ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คําสงั : จงเลอื กคําตอบทถี ูกตอ้ งทสี ุดเพียงคาํ ตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคําตอบ ๑. ปญั จวคั คยี ท์ ่านใด ไดบ้ รรลุโสดาบนั ปตั ตผิ ลเป็นทา่ นแรก ? ๒๖. พระมหาปชาบดีโคตรมเี ถรี เกยี วขอ้ งกบั พระพทุ ธเจา้ ในฐานะใด ? ก. โกณฑญั ญะ ข. วปั ปะ ค. ภทั ทยิ ะ ง. มหานามะ ก. เป็นพระมารดา ข. เป็นพระน้านาง ค. เป็นพระพนี าง ง. เป็นพระนอ้ งนาง ๒. พระอญั ญาโกณฑญั ญะ นิพพานทรี ิมฝงั แหง่ สระใด ? ๒๗. พระมหาปชาบดโี คตรมีเถรี ไดบ้ วชเพราะการทูลขอของพระเถระใด ? ก. สระอโนดาต ข. สระโบกขรณี ค. สระบวั ทนั ทากนิ ี ง. สระบวั ขาบ ก. พระอานนท์ ข. พระกิมพลิ ะ ค. พระอนุรทุ ธ์ ง. พระภคุ ๓. พระเถระใด ไดร้ บั ยกย่องวา่ เป็นผูเ้ลศิ ในดา้ นมีบริวารมาก ? ๒๘. พระเขมาเถรี บรรลุอรหนั ตตผลในอริ ิยาบถใด ? ก. พระอรุ เุ วลกสั สปะ ข. พระนทกี สั สปะ ค. พระสารีบุตร ง. พระสวิ ลี ก. อริ ยิ าบถยนื ข. อิรยิ าบถเดิน ค. อริ ิยาบถนงั ง. อิรยิ าบถนอน ๔. อุปติสสมาณพบรรลุโสดาปตั ติผล เพราะฟงั ธรรมจากพระเถระใด ? ๒๙. พระอุบลวรรณาเถรี ไดร้ บั ยกย่องว่าเป็นผูเ้ลศิ นดา้ นใด ? ก. พระวปั ปะ ข. พระอสั สชิ ค. พระยสะ ง. พระนทกี สั สปะ ก. ทรงจีวรเศรา้ หมอง ข. มปี ญั ญามาก ค. มฤี ทธิมาก ง. มบี ริวารมาก ๕. คุณธรรมใด ของพระสารบี ุตรทคี วรถอื เอาเป็นแบบอยา่ ง ? ๓๐. กอ่ นบวชเป็นภกิ ษุณี พระปฏาจาราเถรีไดบ้ รรลุอริยผลใด ? ก. ความขยนั ข. ความอดทน ค. ความเพยี ร ง. ความกตญั ู ก. โสดาปตั ตผิ ล ข. สกทาคามผิ ล ค. อนาคามผิ ล ง. อรหตั ตผล ๖. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงอุบายระงบั ความโงกงว่ งแกพ่ ระเถระใด ? ๓๑. นางกสี าโคตมไี ดพ้ บกบั ผูใ้ ด จึงรูว้ า่ ไมม่ ยี ารกั ษาคนตายใหฟ้ ืนได้ ? ก. พระยสะ ข. พระสารีบุตร ค. พระโมคคลั ลานะ ง. พระอานนท์ ก. พระพุทธเจา้ ข. พระอานนท์ ค. พระสวิ ลี ง. พระอนุรุทธะ ๗. พระเถระใด ทพี ระพทุ ธเจา้ กาํ หนดใหเ้ป็นนวกมั มาธฏิ ฐายี ? ๓๒. “ลูกสรนนั มจี ติ หรอื ไม”่ สามเณรบณั ฑติ ถามพระเถระใด ? ก. พระสารีบตุ ร ข. พระโมคคลั ลานะ ค. พระมหากสั สปะ ง. พระอานนท์ ก. พระมหากสั สปะ ข. พระโมคคลั ลานะ ค. พระสารีบตุ ร ง. พระอานนท์ ๘. พระมหากสั สปะ มชี อื เดิมวา่ อย่างไร ? ๓๓. สงั กิจจสามเณร เรียนตจปญั จกกรรมฐานจากสาํ นกั พระเถระใด ? ก. อุปติสสะ ข. โกลติ ะ ค. ปิปผลิ ง. กจั จานะ ก. พระสารบี ตุ ร ข. พระอุบาลี ค. พระสวิ ลี ง. พระอานนท์ ๙. พระมหากสั สปะ ไดร้ บั อปุ สมบทดว้ ยวธิ ใี ด ? ๓๔. สุขสามเณร ไดบ้ รรลุเป็นพระอรยิ บุคคลชนั ใด ? ก. เอหภิ กิ ขุ ข. รบั โอวาท ๓ ค. รบั สรณคมน์ ง. รบั ครธุ รรม ๘ ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์ ๑๐. พระมหากสั สปะ ไดร้ บั ยกย่องว่าเป็นผูเ้ลศิ ในดา้ นใด ? ๓๕. วนวาสตี สิ สสามเณร บวชขณะมอี ายกุ ีปี ? ก. รูร้ าตรีนาน ข. มฤี ทธิมาก ค. มบี ริวารมาก ง. ทรงธุดงค์ ก. ๗ ปี ข. ๘ ปี ค. ๙ ปี ง. ๑๐ ปี ๑๑. ผูใ้ ด ทพี ระเจา้ จณั ฑปชั โชตสง่ ไปทลู เชญิ พระพทุ ธเจา้ ใหเ้สด็จมากรงุ อชุ เชนี ? ๓๖. สามเณรใด ไดร้ บั อปุ สมบทเป็นพระภกิ ษขุ ณะมอี ายเุ พยี ง ๗ ปี ? ก. กาฬุทายอี าํ มาตย์ ข. นายฉนั นะ ค. กจั จายนบุโรหติ ง. พระอานนท์ ก. สามเณรสุขะ ข. สามเณรสงั กจิ จะ ค. สามเณรสุมนะ ง. สามเณรติสสะ ๑๒. พระเถระใด ไดร้ บั ยกย่องว่าเป็นผูเ้ลศิ ในการอธบิ ายความยอ่ ใหพ้ สิ ดาร ? ๓๗. อนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ทูลนมิ นตพ์ ระพทุ ธเจา้ ไปประกาศพระศาสนาทเี มอื งใด ? ก. พระกาฬุทายี ข. พระมหากจั จายนะ ค. พระนุรทุ ธ์ ง. พระอานนท์ ก. เมอื งสาวตั ถี ข. เมอื งพาราณสี ค. เมอื งอชุ เชนี ง. เมอื งราชคฤห์ ๑๓. พระเถระใด ขออนุญาตใหพ้ ระภกิ ษอุ าบนาํ ไดเ้ป็นนิตยใ์ นปจั จนั ตชนบท ? ๓๘. สถานทใี ด ทจี ติ ตคฤหบดีถวายใหเ้ป็นสงั ฆาราม ? ก. พระมหากจั จายนะ ข. พระสวิ ลี ค. พระกาฬทุ ายี ง. พระอานนท์ ก. อนุปิยอพั วนั ข. อมั พาฏกวนั ค. ลฏั ฐวิ นั ง. สาลวนั ๑๔. พระเถระใด เป็นสหชาติกบั พระพทุ ธเจา้ ? ๓๙. นางวสิ าขามหาอบุ าสกิ า ไดร้ บั โอวาทจากบดิ ากีขอ้ ? ก. พระมหากสั สปะ ข. พระมหากจั จายนะ ค. พระอานนท์ ง. พระสวิ ลี ก. ๗ ขอ้ ข. ๘ ขอ้ ค. ๙ ขอ้ ง. ๑๐ ขอ้ ๑๕. พระอานนทท์ รงฟงั ธรรมจากพระปุณณมนั ตานีบุตรแลว้ ไดบ้ รรลุอรยิ ผลใด ? ๔๐. คณุ ธรรมใด ของนางมลั ลกิ าเทวที คี วรถอื เอาเป็นแบบอย่าง ? ก. โสดาปตั ติผล ข. สกทาคามผิ ล ค. อนาคามผิ ล ง. พระอรหตั ตผล ก. ความกตญั ูกตเวที ข. ความขยนั ค. ความละอาย ง. ความอดทน ๑๖. “ขออย่าประทานจวี รอนั ประณีตแกข่ า้ พระองค”์ เป็นคาํ ขอของพระเถระใด ? ๔๑. พระภกิ ษุสงฆอ์ ธิษฐานเขา้ จาํ พรรษาในฤดฝู น เป็นเวลากีเดือน ? ก. พระนาคสมาละ ข. พระสาคตะ ค. พระเมฆิยะ ง. พระอานนท์ ก. ๑ เดอื น ข. ๒ เดอื น ค. ๓ เดอื น ง. ๔ เดือน ๑๗. พระอานนท์ ไดร้ บั ยกย่องกดี า้ น ? ๔๒. วนั ขนึ ๑๕ คาํ เดอื น ๑๑ ตรงกบั วนั ใดขอ้ ใด ? ก. ๕ ดา้ น ข. ๖ ดา้ น ค. ๗ ดา้ น ง. ๘ ดา้ น ก. วนั มาฆบูชา ข. วนั เขา้ พรรษา ค. วนั ออกพรรษา ง. วนั ลอยกระทง ๑๘. พระเถระใด ออกบวชพรอ้ มกบั พระอานนท์ ? ๔๓. ในวนั ธรรมสวนะ พทุ ธศาสนิกชนควรปฏบิ ตั ิตนอย่างไร ? ก. พระนนั ทะ ข. พระอบุ าลี ค. พระสวิ ลี ง. พระนาคสมาละ ก. ถวายทาน ข. รกั ษาศีล ค. ฟงั เทศน์ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๑๙. ศากยกุมารทูลขอใหอ้ ุบาลบี วชก่อนพวกตน เพอื ตอ้ งการลดกิเลสใด ? ๔๔. คาํ วา่ เจรญิ พระพทุ ธมนต์ เป็นศพั ทบ์ ญั ญตั ิใชใ้ นงานพธิ ีใด ? ก. ตณั หา ข. มานะ ค. ทฏิ ฐิ ง. มจั ฉรยิ ะ ก. งานทาํ บญุ อายุ ข. งานฉลองอฐั ิ ค. งานฌาปนกิจ ง. งานสตมวาร ๒๐. พระเถระใด เรียนพระวนิ ยั จากพระโอษฐข์ องพระพทุ ธเจา้ โดยตรง ? ๔๕. พธิ สี วดพระพทุ ธมนต์ เป็นวธิ ีบาํ เพญ็ กุศลปรารภผูใ้ ด ? ก. พระอบุ าลี ข. พระสวิ ลี ค. พระเมฆยิ ะ ง. พระนาคสมาละ ก. คนเกิด ข. คนแก่ ค. คนเจบ็ ง. คนตาย ๒๑. พระสวิ ลี เป็นโอรสของสตรพี ระนางใด ? ๔๖. พธิ ีลอยกระทงตามคตคิ วามเชอื ของชาวพทุ ธ เพอื บูชาสงิ ใด ? ก. รูปนนั ทา ข. กีสาโคตมี ค. สุปปาวาสา ง. ภทั ทกาปิลานี ก. พระบรมสารรี ิกธาตุ ข. รอยพระพทุ ธบาท ค. พระธาตสุ าวก ง. แม่นาํ คงคา ๒๒. พระเถระใด อยูใ่ นครรภพ์ ระมารดานานถงึ ๗ ปี ๗ เดอื น ๗ วนั ? ๔๗. พธิ ีลอยกระทง เริมมมี าตงั แตส่ มยั ใด ? ก. พระอานนท์ ข. พระสิวลี ค. พระอุบาลี ง. พระอนุรุทธ์ ก. สุโขทยั ข. อยุธยา ค. ธนบรุ ี ง. รตั นโกสนิ ทร์ ๒๓. พระราหลุ เป็นพระราชนดั ดาของกษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ? ๔๘. ผา้ ป่า นยิ มถวายในเทศกาลใด ? ก. สุทโธทนะ ข. พมิ พสิ าร ค. ปเสนทโิ กศล ง. จณั ฑปชั โชต ก. เขา้ พรรษา ข. ออกพรรษา ค. ทอดกฐนิ ง. ทุกเทศกาล ๒๔. สามเณรใด บวชดว้ ยวธิ เี ปล่งวาจาถงึ พระรตั นตรยั เป็นรูปแรก ? ๔๙. กฐนิ ชนิดใด ทพี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เสด็จไปทรงทอดดว้ ยพระองคเ์ อง ? ก. สามเณรราหลุ ข. สามเณรสุมะนะ ค. สามเณรสงั กจิ จะ ง. สามเณรบณั ฑติ ก. จุลกฐนิ ข. กฐินหลวง ค. กฐนิ พระราชทาน ง. กฐนิ สามคั คี ๒๕. พระเถระใด ไดร้ บั อปุ สมบทดว้ ยญตั ตจิ ตุตถกรรม ? ๕๐. การบรรพชาสามเณร มมี าตงั แต่สมยั ใด ? ก. พระนนั ทะ ข. พระอนุรทุ ธ์ ค. พระอานนท์ ง. พระราหลุ ก. ก่อนพทุ ธกาล ข. พทุ ธกาล ค. หลงั พทุ ธกาล ง. ตน้ กรุงสุโขทยั
ปญั หาและเฉลย วิชา อโุ บสถศีล (วนิ ยั ) ธรรมศึกษาชนั โท ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คําสงั : จงเลอื กคําตอบทถี กู ตอ้ งทสี ดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคําตอบ ๑. วชิ าอุโบสถศีล เป็นการศึกษาเรอื งใด ? ๒๖. คาํ วา่ อชั ชะ โภนโต ปกั ขสั สะ ปณั ณะระสที วิ ะโส เป็นคาํ อะไร ? ก. การถือศลี ๘ ข. การจาํ พรรษา ค. การสรา้ งอโุ บสถ ง. ลทั ธิประเพณี ก. อาราธนาศีล ข. ประกาศอโุ บสถ ค. รบั สรณคมน์ ง. กราบพระ ๒. การถอื อุโบสถ เพอื ประโยชนอ์ ะไร ? ๒๗. ขนั ตอนใด กาํ หนดใหท้ าํ ต่อจากประกาศอโุ บสถ ? ก. หยุดพกั ผ่อน ข. ฟงั ปาติโมกข์ ค. ทาํ อุโบสถกรรม ง. ขดั เกลากิเลส ก. อาราธนาศลี ข. รบั สรณคมน์ ค. สมาทานศลี ง. บอกอานิสงสศ์ ลี ๓. ขอ้ ใด เป็นเครอื งควบคุมความประพฤติทางกายวาจา ? ๒๘. เมอื พระสงฆว์ ่า ติสะระณะคะมะนงั นิฏฐติ งั ผูถ้ อื ศลี พงึ รบั พรอ้ มกนั อยา่ งไร ? ก. ทาน ข. ศีล ค. สมาธิ ง. ปญั ญา ก. สาธุ ภนั เต ข. อามะ ภนั เต ค. สาธุ อนุโมทามิ ง. สาธุ สมั ปะฏจิ ฉามิ ๔. อุโบสถศีล หมายถงึ ศีลประเภทใด ? ๒๙. คาํ ว่า สเี ลนะ โภคะสมั ปะทา เป็นคาํ กลา่ วอะไร ? ก. ศลี ๕ ข. ศีล ๘ ค. ศีล ๑๐ ง. ศีล ๒๒๗ ก. ประกาศอุโบสถ ข. อาราธนาศีล ค. สมาทานศลี ง. บอกอานิสงสศ์ ีล ๕. การสมาทานรกั ษาอุโบสถศลี เหมาะแก่ใคร ? ๓๐. อุโบสถศีลขอ้ ๑ ผูร้ กั ษาตอ้ งงดเวน้ เรอื งใด ? ก. คนสูงวยั ข. คนทาํ งาน ค. คนหนุ่มสาว ง. คนทกุ เพศทุกวยั ก. ฆา่ สตั ว์ ข. ลกั ทรพั ย์ ค. เสพกาม ง. ดืมสุราเมรยั ๖. อาการเชน่ ไร เรียกว่ารกั ษาอโุ บสถศลี ? ๓๑. อุโบสถศลี ขอ้ ใด มงุ่ ใหผ้ ูร้ กั ษาสาํ รวมระวงั ความโลภ ? ก. ละเมดิ ขอ้ หา้ ม ข. ไมพ่ ูดคุยกนั ค. งดเวน้ ขอ้ หา้ ม ง. กนิ มงั สวริ ตั ิ ก. เวน้ ฆ่าสตั ว์ ข. เวน้ ลกั ทรพั ย์ ค. เวน้ เสพกาม ง. เวน้ พูดเทจ็ ๗. อโุ บสถศลี ตา่ งจากศลี ๕ อยา่ งไร ? ๓๒. อุโบสถศีลขอ้ ใด กาํ หนดใหค้ นถอื อุโบสถปฏบิ ตั ิต่างจากคนถอื ศลี ๕ ? ก. มีวนั รกั ษา ข. รกั ษาทกุ วนั ค. รกั ษาวนั ขา้ งขนึ ง. กินมงั สวริ ตั ิ ก. ศลี ขอ้ ๑ ข. ศีลขอ้ ๒ ค. ศลี ขอ้ ๓ ง. ศลี ขอ้ ๕ ๘. อุโบสถประเภทใด กาํ หนดใหร้ กั ษาทุกวนั พระคราวละ ๓ วนั ? ๓๓. อโุ บสถศีลขอ้ ใด คนถอื อุโบสถและคนถอื ศลี ๕ ตา่ งกต็ อ้ งงดเวน้ เหมอื นกนั ? ก. ปกตอิ ุโบสถ ข. ปฏิชาครอโุ บสถ ค. ปาฏหิ ารยิ อโุ บสถ ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. ถอื พรหมจรรย์ ข. พูดเทจ็ ค. ฟ้อนราํ ง. ขบั รอ้ ง ๙. อุโบสถประเภทใด เทยี บไดก้ บั การอยูจ่ าํ พรรษาของพระภกิ ษุ ? ๓๔. อโุ บสถศลี ขอ้ ๓ ผูร้ กั ษาตอ้ งงดเวน้ เรอื งใด ? ก. ปกตอิ ุโบสถ ข. ปฏชิ าครอุโบสถ ค. ปาฏิหารยิ อโุ บสถ ง. ถูกทุกขอ้ ก. ฆ่าสตั ว์ ข. ลกั ทรพั ย์ ค. มีเพศสมั พนั ธ์ ง. เสรมิ สวย ๑๐. อโุ บสถประเภทใด กาํ หนดใหร้ กั ษาทุกวนั พระคราวละหนงึ วนั หนงึ คืน ? ๓๕. อุโบสถศลี ขอ้ ๓ ม่งุ ใหผ้ ูร้ กั ษาสาํ รวมระวงั กิเลสใด ? ก. ปกติอโุ บสถ ข. ปฏชิ าครอุโบสถ ค. ปาฏหิ ารยิ อโุ บสถ ง. ถูกทุกขอ้ ก. ราคะ ข. โลภะ ค. โทสะ ง. โมหะ ๑๑. อโุ บสถประเภทใด เทยี บไดก้ บั การถอื พรตของนกั บวชนอกพระพทุ ธศาสนา ? ๓๖. การพูดใหค้ ลาดเคลอื นจากความเป็นจรงิ เรียกว่าอะไร ? ก. โคปาลอุโบสถ ข. นิคคณั ฐอโุ บสถ ค. อริยอุโบสถ ง. ถกู ทุกขอ้ ก. ปาณาติบาต ข. อทนิ นาทาน ค. อพรหมจรรย์ ง. มุสาวาท ๑๒. อโุ บสถศลี ในพระพทุ ธศาสนา ทรงบญั ญตั ิไวก้ ีสกิ ขาบท ? ๓๗. ขณะรกั ษาอโุ บสถศลี ควรสนทนากนั ถงึ เรอื งใด ? ก. ๕ สกิ ขาบท ข. ๘ สิกขาบท ค. ๑๐ สกิ ขาบท ง. ๑๒ สกิ ขาบท ก. เรืองชาวบา้ น ข. เรืองการเมอื ง ค. เรอื งทาํ มาหากิน ง. เรอื งธรรมะ ๑๓. ผูน้ บั ถอื พระรตั นตรยั เป็นสรณะ ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามขอ้ ใด ? ๓๘. เครอื งดืมประเภทใด อนุญาตใหด้ มื ไดข้ ณะรกั ษาอุโบสถศีล ? ก. คาํ สอน ข. ความเชือ ค. คา่ นยิ ม ง. ความพงึ พอใจ ก. เหลา้ ข. เบยี ร์ ค. ไวน์ ง. นําผลไม้ ๑๔. การนบั ถอื พระรตั นตรยั เป็นสรณะ เพอื วตั ถปุ ระสงคอ์ ะไร ? ๓๙. เครอื งดืมประเภทใด อนุญาตใหด้ ืมไดข้ ณะรกั ษาอโุ บสถศลี ? ก. ไดน้ งั ใกล ้ ข. ไดข้ อพร ค. ไดป้ รนนบิ ตั ิ ง. ไดท้ พี งึ ทางใจ ก. นําเมา ข. นาํ ผงึ ค. นาํ ออ้ ย ง. นาํ ผลไม้ ๑๕. สงสยั วา่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รูจ้ รงิ หรือไม่ ทาํ ใหก้ ารถอื สรณคมนเ์ ป็นอยา่ งไร ? ๔๐. ขอ้ ใด หมายถงึ การรกั ษาอโุ บสถศีลขอ้ ๖ ? ก. เศรา้ หมอง ข. บกพร่อง ค. ดา่ งพรอ้ ย ง. ขาดลงทนั ที ก. กินมงั สวริ ตั ิ ข. งดกินเนือสตั ว์ ค. งดอาหารมอื เย็น ง. งดดกู ารเล่น ๑๖. การตเิ ตียนพระรตั นตรยั ทาํ ใหก้ ารถอื สรณคมน์เป็นอย่างไร ? ๔๑. การรกั ษาอโุ บสถศลี ขอ้ ๖ เพอื ประโยชนอ์ ะไร ? ก. เศรา้ หมอง ข. บกพรอ่ ง ค. ดา่ งพรอ้ ย ง. ขาดลงทนั ที ก. ทรมานกิเลส ข. ทรมานกาย ค. ตดั ความกงั วล ง. ถูกทุกขอ้ ๑๗. ความตาย ทาํ ใหก้ ารถอื สรณคมน์เป็นอย่างไร ? ๔๒. ผูร้ กั ษาอุโบสถศลี ตอ้ งบรโิ ภคอาหารใหเ้สรจ็ กอ่ นเวลาใด ? ก. เศรา้ หมอง ข. บกพรอ่ ง ค. ดา่ งพรอ้ ย ง. ขาดลงทนั ที ก. เทียงวนั ข. กอ่ นบา่ ย ค. ก่อนคาํ ง. กอ่ นร่งุ อรุณ ๑๘. การขาดสรณคมนข์ อ้ ใด ถอื วา่ ไมม่ โี ทษ ? ๔๓. อุโบสถศีลขอ้ ๗ ผูร้ กั ษาตอ้ งงดเวน้ เรอื งใด ? ก. ความตาย ข. ความรูแ้ บบผดิ ๆ ค. ความสงสยั ง. ความไมเ่ ออื เฟือ ก. เสพกาม ข. กินขา้ วมอื เย็น ค. แต่งหน้าทาปาก ง. นินทาชาวบา้ น ๑๙. คาํ ว่า อะระหงั สมั มา สมั พทุ โธ หมายถงึ พระรตั นตรยั ใด ? ๔๔. ขอ้ ใด ไม่ขดั ตอ่ การรกั ษาอุโบสถศลี ขอ้ ๗ ? ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม ค. พระสงฆ์ ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. ฟงั เทศน์ ข. ฟ้อนราํ ค. ขบั รอ้ ง ง. ประโคมดนตรี ๒๐. คาํ ว่า สวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม หมายถงึ พระรตั นตรยั ใด ? ๔๕. อุโบสถศลี ขอ้ ๘ ม่งุ ใหผ้ ูร้ กั ษาตดั ความกงั วลเรอื งใด ? ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม ค. พระสงฆ์ ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. การนังนอน ข. การดมื ค. การกนิ ง. การพดู คยุ ๒๑. คาํ วา่ สปุ ฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ หมายถงึ พระรตั นตรยั ใด ? ๔๖. ผูร้ กั ษาอโุ บสถศีล ควรเวน้ ทนี อนประเภทใด ? ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม ค. พระสงฆ์ ง. มารดาบดิ า ก. ทนี อนสูงใหญ่ ข. ทนี อนยดั นุ่น ค. ทนี อนยดั สาํ ลี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒๒. ใครประกาศคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ ใหร้ ูจ้ กั บาปบุญคุณโทษ ? ๔๗. อโุ บสถประเภทใด เปรยี บผูร้ กั ษาเหมอื นคนรบั จา้ งเลยี งโค ? ก. อาชีวก ข. นคิ รนถ์ ค. ปริพาชก ง. พระสงฆส์ าวก ก. โคปาลอโุ บสถ ข. นิคคณั ฐอุโบสถ ค. อรยิ อุโบสถ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒๓. เพราะเหตุใด พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ จงึ ไดช้ ือวา่ สรณะ ? ๔๘. อุโบสถประเภทใด เป็นการปฏบิ ตั ิตนตามพระอรหนั ต์ ก. เป็นทพี ึงทางใจ ข. เป็นปชู นยี วตั ถุ ค. เป็นโบราณวตั ถุ ง. เป็นวตั ถมุ งคล ก. โคปาลอุโบสถ ข. นิคคณั ฐอโุ บสถ ค. อรยิ อโุ บสถ ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๔. การรกั ษาอุโบสถศีล กาํ หนดใหผ้ ูถ้ อื ศลี ทาํ เรอื งใดกอ่ น ? ๔๙. การถอื อุโบสถจะไดร้ บั อานิสงสม์ ากหรือนอ้ ยขนึ อยู่กบั อะไร ? ก. บูชาพระรตั นตรยั ข. ประกาศอุโบสถ ค. สมาทานศลี ง. รบั ศีล ก. ความจน ข. ความรวย ค. หนา้ ทกี ารงาน ง. ความตงั ใจ ๒๕. คาํ ว่า อมิ นิ า สกั กาเรนะ ตงั พทุ ธงั อะภปิ ูชะยามิ เป็นคาํ อะไร ? ๕๐. ขอ้ ใด เป็นผลสูงสดุ ของการรกั ษาอุโบสถศลี ? ก. บูชาพระรตั นตรยั ข. สมาทานศลี ค. ประกาศอุโบสถ ง. กราบพระ ก. มโี ภคทรพั ย์ ข. เกดิ เป็นเทวดา ค. เกดิ เป็นพรหม ง. บรรลุนิพพาน
ปญั หาและเฉลย วิชา ธรรมวิจารณ์ ธรรมศกึ ษาชนั เอก ระดบั อดุ มศกึ ษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คาํ สงั : จงเลือกคาํ ตอบทีถกู ตอ้ งทีสดุ เพยี งคําตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคําตอบ ๑. นพิ พทิ า ความหน่าย เกิดจากปญั ญาพจิ ารณาเหน็ สงั ขารอย่างไร ? ๒๖. คาํ ตอบในขอ้ ใด เป็นความหมายของอนุปาทเิ สสนิพพาน ? ก. ไม่เทยี ง ข. เป็นทุกข์ ค. เป็นอนตั ตา ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. สนิ กิเลส ข. สนิ ชวี ติ ค. สนิ กิเลสชีวติ ยงั ง. สนิ กเิ ลสสนิ ชวี ิต ๒. ในคาํ ว่า “เอถ ปสสฺ ถมิ ํ โลก”ํ โลกโดยออ้ ม หมายถงึ อะไร ? ๒๗. คาํ ว่า “เรอื ” ในพระพทุ ธดาํ รสั วา่ ภกิ ษุจงวดิ เรืองน.ี .. หมายถงึ อะไร ? ก. หมสู่ ตั ว์ ข. แผ่นดินทอี าศยั ค. มหาสมทุ ร ง. จกั รวาล ก. อตั ภาพ ข. สงั คม ค. โลก ง. สตั ว์ ๓. ขอ้ ใด เป็นอาการสาํ รวมจติ ? ๒๘. ภูมเิ ป็นทไี ปเกิดของผูป้ ระกอบอกศุ ลกรรม โดยรวมเรยี กว่าอะไร ? ก. สาํ รวมอินทรยี ์ ข. มนสกิ ารกมั มฏั ฐาน ค. เจรญิ วปิ สั สนา ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. ทคุ ติ ข. อบาย ค. นิรยะ ง. วนิ ิบาต ๔. ตณั หา ราคะ จดั ว่าเป็นมาร เพราะเหตุใด ? ๒๙. เปรตทไี ดเ้สวยสุขเพยี งชวั ครูแ่ ลว้ เสวยทุกขส์ ลบั กนั ไป เรยี กว่าอะไร ? ก. ทาํ ใหเ้ สยี คน ข. ทาํ ใหเ้สยี งาน ค. ทาํ ใหเ้สยี การเรียน ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. วนั ตาสเปรต ข. เวมานิกเปรต ค. สจุ ิมขุ เปรต ง. ปรทตั ตปู ชวี เี ปรต ๕. วตั ถกุ าม จดั วา่ เป็นบ่วงแหง่ มาร เพราะเหตุใด ? ๓๐. ในเทวทตู สูตร เดก็ วยั ใดจดั เขา้ ในเวททูต ? ก. ผูกมดั กาย ข. ผูกมดั วาจา ค. ผกู มดั จิตใจ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. เด็กแรกเกดิ ข. เด็ก ๒ ขวบ ค. เด็ก ๓ ขวบ ง. เดก็ ๗ ขวบ ๖. เหน็ สงั ขารไม่เทยี งเป็นทุกขด์ ว้ ยอะไร จึงหน่ายในทุกข์ ๓๑. กามาพจรสวรรค์ มกี ีชนั ? ก. สติ ข. ปญั ญา ค. สมาธิ ง. ฌาน ก. ๕ ข. ๖ ค. ๗ ง. ๘ ๗. เห็นสงั ขารอย่างไร เป็นทางแหง่ วสิ ุทธิ ? ๓๒. พรหมโลก มกี ีชนั ? ก. ไม่เทยี ง ข. เป็นทุกข์ ค. เป็นอนตั ตา ง. ถกู ทุกขอ้ ก. ๑๖ ข. ๒๐ ค. ๓๐ ง. ๔๐ ๘. คาํ วา่ “สงั ขาร” ในปฏปิ ทาแห่งนพิ พทิ า หมายถงึ อะไร ? ๓๓. พระอนาคามลี ะสงั ขารแลว้ ไปเกดิ ในพรหมโลกชนั ใด ? ก. ขนั ธ์ ๑ ข. ขนั ธ์ ๒ ค. ขนั ธ์ ๕ ง. ขนั ธ์ ๘ ก. มหาพรหมา ข. อาภสั สรา ค. ปริตตสุภา ง. สุทธาวาส ๙. ระยะกาลระหวา่ งเกดิ และดบั แหง่ สงั ขารมนุษย์ ทา่ นกาํ หนดเกณฑไ์ วก้ ปี ี ? ๓๔. การถูกตดั สินประหารชีวติ ตายตกตามกนั จดั เป็นกรรมอะไร ? ก. ๘๐ ปี ข. ๙๐ ปี ค. ๑๐๐ ปี ง. ๑๒๐ ปี ก. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ข. อโหสกิ รรม ค. ชนกกรรม ง. พหุลกรรม ๑๐. ทุกขตา กาํ หนดเห็นไดด้ ว้ ยทุกขก์ อี ยา่ ง ? ๓๕. กรรมทจี ะตอ้ งไดร้ บั เมอื ไปเกิดในภพหนา้ เรยี กวา่ อะไร ? ก. ๔ อยา่ ง ข. ๖ อย่าง ค. ๘ อย่าง ง. ๑๐ อย่าง ก. อโหสกิ รรม ข. อปุ ปชั ชเวทนียกรรม ค. ชนกกรรม ง. พหุลกรรม ๑๑. สภาวทกุ ข์ คือทุกขป์ ระจาํ สงั ขาร หมายถงึ ทกุ ขใ์ นขอ้ ใด ? ๓๖. กรรมดที นี าํ ไปสูส่ คุ ติ เรียกวา่ อะไร ? ก. เกดิ แกต่ าย ข. หนาวรอ้ นหวิ ค. เศรา้ โศกเสยี ใจ ง. เจ็บป่วยไข้ ก. อโหสกิ รรม ข. ครุกรรม ค. ชนกกรรม ง. พหุลกรรม ๑๒. ปกณิ ณกทุกข์ คือทุกขจ์ ร หมายถงึ ทุกขใ์ นขอ้ ใด ? ๓๗. อนนั ตริยกรรมและสมาบตั ิ ๘ จดั เป็นกรรมประเภทใด ? ก. ความเศรา้ โศก ข. ความหวิ ค. ความรอ้ นใจ ง. การทะเลาะววิ าท ก. ชนกกรรม ข. ครุกรรม ค. อุปปีฬกกรรม ง. อุปฆาตกรรม ๑๓. นิพทั ธทุกข์ คือทกุ ขเ์ นืองนิตย์ หมายถงึ ทุกขใ์ นขอ้ ใด ? ๓๘. ความในขอ้ ใด เป็นความหมายของกตตั ตากรรม ? ก. ความเศรา้ โศก ข. ความหิว ค. ความรอ้ นใจ ง. การทะเลาะววิ าท ก. กรรมหนกั ข. กรรมสนบั สนุน ค. กรรมบบี คนั ง. กรรมสกั ว่าทาํ ๑๔. ทกุ ขเ์ พราะไฟกิเลสเผา หมายถงึ ขอ้ ใด ? ๓๙. กายคตาสตกิ มั มฏั ฐาน คือการพจิ ารณาอะไร ? ก. สภาวทกุ ข์ ข. พยาธทิ ุกข์ ค. วปิ ากทุกข์ ง. สนั ตาปทกุ ข์ ก. อาการ ๓๒ ข. กสณิ ๑๐ ค. อสภุ ะ ๑๐ ง. ธาตุ ๔ ๑๕. อนตั ตตา กาํ หนดรูไ้ ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งไร ? ๔๐. ขอ้ ใด เป็นอานสิ งสข์ องการเจริญเมตตากมั มฏั ฐาน ? ก. ไมอ่ ยู่ในอาํ นาจ ข. หาเจา้ ของมไิ ด้ ค. เป็นสภาพสูญ ง. ถูกทุกขอ้ ก. ศตั ราวุธไม่กลาํ กราย ข. จติ สงบเรว็ ค. เทวดารกั ษา ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๑๖. เนโสหมสมฺ ิ นนั มใิ ชเ่ รา เป็นลกั ษณะของสงั ขารทเี รียกว่าอะไร ? ๔๑. ผูบ้ รรลุจตตุ ถฌาน ตอ้ งมอี งคส์ ใด ? ก. อนจิ จงั ข. ทุกขงั ค. อนตั ตา ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. วจิ าร ข. ปีติ ค. สขุ ง. อเุ บกขา ๑๗. ภาวะทจี ิตปราศจากความกาํ หนดั ยินดีในกาม เรยี กว่าอะไร ? ๔๒. คนมคี วามประมาทในวยั ควรพจิ ารณาเรอื งใดบอ่ ย ๆ ? ก. นพิ พทิ า ข. วิราคะ ค. วสิ ุทธิ ง. วมิ ตุ ติ ก. ความแก่ ข. ความเจบ็ ป่วย ค. ความตาย ง. ความพลดั พราก ๑๘. ความกระหายในคาํ วา่ ปิปาสวนิ โย มสี าเหตุมาจากอะไร ? ๔๓. การพจิ ารณาอะไร ไมจ่ ดั เป็สตปิ ฏั ฐาน ? ก. ตณั หา ข. ราคะ ค. โทสะ ง. โมหะ ก. กาย ข. เวทนา ค. จติ ง. โลก ๑๙. วฏั ฏะ ในคาํ ว่า วฏฺฏูปจฺเฉโท หมายถงึ ความเวยี นเกิดในภูมใิ ด ? ๔๔. การเพ่งดนิ นาํ ไฟ ลม เป็นอารมณ์กมั มฏั ฐาน เรยี กอะไร ? ก. กามาวจรภูมิ ข. รูปาวจรภมู ิ ค. อรูปาวจรภูมิ ง. ถกู ทุกขอ้ ก. กสณิ ข. อสุภะ ค. อานาปานสั สติ ง. จตธุ าตุววตั ถาน ๒๐. การระงบั อกศุ ลทเี กิดขนึ ในจิตไดเ้ป็นคราว ๆ จดั เป็นวมิ ตุ ตใิ ด ? ๔๕. การพจิ ารณาซากศพ เป็นอารมณ์กมั มฏั ฐาน เรยี กอะไร ? ก. ตทงั ควิมุตติ ข. วกิ ขมั ภนวมิ ุตติ ค. สมจุ เฉทวมิ ตุ ติ ง. นิสสรณวมิ ตุ ติ ก. กสณิ ข. อสภุ ะ ค. อานาปานสั สติ ง. จตุธาตุววตั ถาน ๒๑. วสิ ุทธิ ความหมดจดจะเกดิ ขนึ ได้ ดว้ ยอาศยั ธรรมใด ? ๔๖. การระลกึ ถงึ ความตายโดยอุบายทชี อบ ควรประกอบดว้ ยองคธ์ รรมใด ? ก. สติ ข. ขนั ติ ค. ปญั ญา ง. สจั จะ ก. สติ ข. ญาณ ค. เกิดสงั เวช ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๒. พูดดี ทาํ ดี จดั เป็นวสิ ทุ ธิใด ? ๔๗. บรกิ รรวา่ สตั วท์ งั หลายมกี รรมเป็นของตน... เป็นการเจรญิ กมั มฏั ฐานใด ? ก. สลี วิสทุ ธิ ข. จิตตวสิ ุทธิ ค. ทฏิ ฐวิ สิ ุทธิ ง. กงั ขาวติ รณวสิ ุทธิ ก. เมตตา ข. กรุณา ค. มทุ ติ า ง. อเุ บกขา ๒๓. ผูม้ งุ่ สนั ติ ควรละอะไร ? ๔๘. คนมนี สิ ยั เชือง่าย จดั เป็นคนจริตใด ? ก. ลาภ ข. ยศ ค. สรรเสริญ ง. โลกามิส ก. โทสจริต ข. โมหจรติ ค. สทั ธาจรติ ง. วติ กั กจรติ ๒๔. นิพพาน มกี ีประเภท ? ๔๙. พทุ ธคณุ บทใด เป็นปรหติ คณุ ? ก. ๑ ข. ๒ ค. ๓ ง. ๔ ก. อรหํ ข. สุคโต ค. โลกวทิ ู ง. สตถฺ า เทวมนุสสฺ านํ ๒๕. ธรรมทเี ป็นทางไมต่ าย หมายถงึ ขอ้ ใด ? ๕๐. อะไรเป็นตน้ สายแห่งปฏจิ จสมปุ บาท ? ก. ความไมโ่ กรธ ข. ความไม่ประมาท ค. ความไมร่ ษิ ยา ง. ความไม่โลภ ก. อวชิ ชา ข. ตณั หา ค. อุปาทาน ง. ชาติ
ปญั หาและเฉลย วิชา พทุ ธานุพทุ ธประวตั ิ ธรรมศึกษาชนั เอก ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คาํ สงั : จงเลือกคาํ ตอบทถี ูกตอ้ งทสี ดุ เพยี งคําตอบเดียว แลว้ ระบายในกระดาษคําตอบ ๑. ความหมายของคาํ วา่ “ผูม้ ีความประสงคส์ าํ เรจ็ แลว้ ” ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๒๖. ปญั จวคั คียล์ ะทงิ พระโพธิสตั วไ์ ป เพราะเห็นวา่ พระองคล์ ะทงิ สงิ ใด ? ก. สิทธตั ถะ ข. อุปติสสะ ค. โกลติ ะ ง. ปิปผลิ ก. ความเพียร ข. ความอดทน ค. ความสนั โดษ ง. ความขยนั ๒. เมอื ปญั จบุพพนมิ ติ ปรากฏแกเ่ ทวดา เป็นเหตใุ หเ้ทวดานนั จุติจากทใี ด ? ๒๗. สงิ ใด ทนี างสุชาดาถวายแดพ่ ระโพธิสตั ว์ ? ก. มนุษยภูมิ ข. เทวภูมิ ค. พรหมภมู ิ ง. อบายภมู ิ ก. ขนมเบอื ง ข. ขนมกมุ มาส ค. ขา้ วมธปุ ายาส ง. ขา้ วยาคู ๓. เหตุทที าํ ใหพ้ รหมโลกเกิดโกลาหล มกี อี ย่าง ? ๒๘. พระโพธสิ ตั ว์ อธษิ ฐานลอยถาดทรี ิมฝงั แมน่ าํ ใด ? ก. ๒ อย่าง ข. ๓ อยา่ ง ค. ๔ อยา่ ง ง. ๕ อย่าง ก. เนรญั ชรา ข. อโนมา ค. คงคา ง. สรภู ๔. ความเห็นของคนในชมพูทวปี โดยสงั เขปมกี ีอยา่ ง ? ๒๙. พระโพธสิ ตั วไ์ ดต้ รสั รูเ้ป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ในราตรดี ิถใี ด ? ก. ๑ อย่าง ข. ๒ อยา่ ง ค. ๓ อย่าง ง. ๔ อย่าง ก. มาฆบุรณมี ข. วิสาขบุรณมี ค. อาสาฬหบุรณมี ง. ถกู ทุกขอ้ ๕. สงิ ใด ทคี นในชมพูทวปี ยึดถอื อยา่ งแรงกลา้ ? ๓๐. ขอ้ ใด เป็นพระคุณนามของพระพทุ ธเจา้ ? ก. ถอื ทฏิ ฐิ ข. ถอื มานะ ค. ถอื มจั ฉรยิ ะ ง. ถอื วริ ิยะ ก. อรหงั ข. สมั มาสมั พทุ โธ ค. ภควา ง. ถูกทกุ ขอ้ ๖. ราชบุตรและราชบุตรีของพระเจา้ โอกกากราช สรา้ งพระนครใหม่ชือวา่ อะไร ? ๓๑. สถานทใี ด พระพทุ ธเจา้ ประทบั ยืนมองโดยมไิ ดก้ ระพริบพระเนตร ? ก. พาราณสี ข. สาวตั ถี ค. อุชเชนี ง. กบลิ พสั ดุ์ ก. อนิมสิ สเจดยี ์ ข. รตั นจงกลมเจดีย์ ค. รตั นฆรเจดีย์ ง. จุฬามณีเจดยี ์ ๗. สทุ โธทนราชกุมาร เป็นพระราชโอรสของกษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ? ๓๒. สงิ ใด ทพี ระพทุ ธเจา้ ประทานแก่พาณิช ๒ พนี อ้ ง ? ก. โอกกากราช ข. สีหหนุ ค. ชยเสนะ ง. อญั ชนะ ก. พระเกศา ข. พระโลมา ค. พระนขา ง. พระทนต์ ๘. สุทโธทนราชกุมาร ทรงอภเิ ษกสมรถกบั ราชธิดาของกษตั ริยเ์ มอื งใด ? ๓๓. เทววาจิกอบุ าสก ไดแ้ กใ่ คร ? ก. เทวทหะ ข. กบลิ พสั ดุ์ ค. พาราณสี ง. สาวตั ถี ก. โสตถยิ พราหมณ์ ข. อปุ กาชีวก ค. พาณิช ๒ พนี อ้ ง ง. บดิ าพระยสะ ๙. พระนางสริ มิ หามายา ประสูติพระโอรสภายใตต้ น้ ไมใ้ ด ? ๓๔. เนยยบุคคล ทา่ นอุปมากบั บวั ประเภทใด ? ก. ตน้ ปาริฉตั ร ข. ตน้ โพธิ ค. ตน้ ไทร ง. ตน้ สาละ ก. บวั พน้ นาํ ข. บวั เสมอนาํ ค. บวั ในนํา ง. บวั ใตโ้ คลน ๑๐. ดาบสใด ไดท้ าํ นายลกั ษณะพระมหาบุรุษเป็นคนแรก ? ๓๕. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา โปรดชนกล่มุ ใด ? ก. กบลิ ดาบส ข. กาฬเทวิลดาบส ค. อุททกดาบส ง. อาฬารดาบส ก. ปญั จวคั คีย์ ข. ยสะและสหาย ค. ภทั ทวคั คยี ์ ง. ชฎลิ ๓ พนี อ้ ง ๑๑. สทิ ธตั ถราชกุมาร มพี ระนามเรยี กอกี อยา่ งหนงึ วา่ อะไร ? ๓๖. ฤษีใด ไดด้ วงตาเห็นธรรมเป็นทา่ นแรก ? ก. องั คีรส ข. ปิปผลิ ค. อปุ ตสิ สะ ง. โกลติ ะ ก. โกณฑญั ญะ ข. วปั ปะ ค. ภทั ทยิ ะ ง. อสั สชิ ๑๒. พราหมณ์กคี น ทถี ูกเลอื กใหเ้ขา้ มาทาํ ลกั ษณะพระโพธสิ ตั ว์ ? ๓๗. พระพทุ ธเจา้ ตรสั เทศนาอนุปุพพกิ ถา โปรดใคร ? ก. ๘ คน ข. ๖๐ คน ค. ๑๐๘ คน ง. ๑๐๐๓ คน ก. กาฬเทวลิ ดาบส ข. อาฬารดาบส ค. อุททกดาบส ง. ยสกลุ บตุ ร ๑๓. พราหมณใ์ ด ทาํ นายสทิ ธตั ถราชกุมารว่าจะตอ้ งออกผนวชแน่นอน ? ๓๘. ผูใ้ ด เป็นปฐมอุบาสกผูถ้ งึ พระรตั นตรยั เป็นทพี งึ ? ก. โกณฑญั ญพราหมณ์ ข. รามพราหมณ์ ค. ธุรพราหมณ์ ง. ยญั ญพราหมณ์ ก. อุปกาชีวก ข. พาณิช ๒ พนี อ้ ง ค. บดิ าพระยสะ ง. พระเจา้ พมิ พสิ าร ๑๔. พระโพธสิ ตั ว์ ไดร้ บั ขนานพระนามว่าอยา่ งไร ? ๓๙. อุรเุ วลกสั สปะมที ฏิ ฐมิ านะอนั แรงกลา้ เพราะคดิ วา่ ตนเป็นอริยชนั ใด ? ก. สิทธตั ถะ ข. อุปติสสะ ค. โกลติ ะ ง. อญั ชนะ ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์ ๑๕. พระนางสริ มิ หามายาทวิ งคตแลว้ ไปบงั เกดิ ในสวรรคช์ นั ใด ? ๔๐. พระเจา้ พมิ พสิ ารเสดจ็ ไปเฝ้าพระพทุ ธเจา้ ณ ทใี ด ? ก. ดาวดงึ ส์ ข. ยามา ค. ดสุ ิต ง. นิมมานรดี ก. สวนไผ่ ข. สวนตาลหนุ่ม ค. สวนมะม่วง ง. สวนสาละ ๑๖. พระนางปชาบดโี คตรมี ทรงมคี วามเกียวขอ้ งกบั สทิ ธตั ถราชกมุ ารอยา่ งไร ? ๔๑. อุปตสิ สะและโกลติ ะบวชเป็นปรพิ ชก ในสาํ นกั แหง่ เจา้ ลทั ธใิ ด ? ก. เป็นพระมารดา ข. เป็นพระนา้ นาง ค. เป็นพระพนี าง ง. เป็นพระนอ้ งนาง ก. ปูรณกสั สปะ ข. อชิตเกสกมั พล ค. มกั ขลโิ คศาล ง. สญั ชยั เวลฏั ฐบตุ ร ๑๗. สทิ ธตั ถราชกมุ ารอภเิ ษกสมรสกบั พระนางพมิ พา ขณะมพี ระชนมายกุ ปี ี ? ๔๒. พระสารบี ุตรบรรลุอรหตั ตผล เพราะฟงั ธรรมทพี ระพทุ ธเจา้ แสดงแก่ใคร ? ก. ๑๖ ปี ข. ๑๗ ปี ค. ๑๘ ปี ง. ๑๙ ปี ก. ยสกุลบุตร ข. ทีฆนขปรพิ าชก ค. โกลติ ปริพาชก ง. พระเจา้ พมิ พสิ าร ๑๘. สทิ ธตั ถราชกุมารอธิษฐานเพศบรรพชา ณ ริมฝงั แม่นาํ ใด ? ๔๓. มาณพกีคน ทพี ราหมณ์พาวรสี ่งไปทลู ถามปญั หากบั พระพทุ ธเจา้ ? ก. เนรญั ชรา ข. คงคา ค. ยมนุ า ง. อโนมา ก. ๑๓ คน ข. ๑๔ คน ค. ๑๕ คน ง. ๑๖ คน ๑๙. ผูใ้ ด ถวายอฏั ฐบรขิ ารแกส่ ทิ ธตั ถราชกมุ ารในวนั เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ? ๔๔. พระราธะเมอื บวชแลว้ มลี กั ษณะอปุ นิสยั เป็นอยา่ งไร ? ก. นายฉนั นะ ข. ทา้ วมหาพรหม ค. ฆฏกิ ารพรหม ง. ทา้ วอมรนิ ทราธริ าช ก. วา่ งา่ ยสอนงา่ ย ข. เลยี งง่าย ค. ขยนั ง. สนั โดษ ๒๐. ฆฏกิ ารพรหมนาํ พระภษู าผา้ ทรงทงั ค่ขู องสทิ ธตั ถราชกุมารไปไว้ ณ ทใี ด ? ๔๕. พระพทุ ธเจา้ เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพระเจา้ สทุ โธทนะ ทเี มอื งใด ? ก. มนุษยโลก ข. เทวโลก ค. พรหมโลก ง. เปตโลก ก. ราชคฤห์ ข. พาราณสี ค. เทวทหะ ง. กบิลพสั ดุ์ ๒๑. พระโพธสิ ตั วศ์ กึ ษาสาํ เรจ็ สมาบตั ิ ๘ ในสาํ นกั ของอาบสใด ? ๔๖. ราหุลกมุ าร ไดร้ บั บรรพชาจากพระเถระใด ? ก. กบลิ ดาบส ข. กาฬเทวลิ ดาบส ค. อาฬารดาบส ง. อทุ ทกดาบส ก. พระอสั สชิ ข. พระสารบี ุตร ค. พระโมคคลั ลานะ ง. พระอนุรทุ ธ์ ๒๒. กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ทูลขอใหพ้ ระโพธิสตั วก์ ลบั มาโปรดหากตรสั รูแ้ ลว้ ? ๔๗. พระกมุ ารใด บวชดว้ ยความไม่สมคั รใจ ? ก. พิมพสิ าร ข. สุทโธทนะ ค. ปเสนทโิ กศล ง. โกรพั ยะ ก. อนุรุทธกุมาร ข. ภทั ทยิ กุมาร ค. นนั ทกมุ าร ง. ราหุลกุมาร ๒๓. ขอ้ ใด ไม่ใชก่ ารบาํ เพญ็ ทุกรกิริยา ? ๔๘. พระเถระใด ทาํ ความเพยี รเดินจงกลมเกดิ ขนาดไมห่ ยุดจนเทา้ แตก ? ก. กนั ลมอสั สาสะ ข. กนั ลมปสั สสะ ค. อดกระยาหาร ง. เจรญิ อานาปานสติ ก. พระสวิ ลี ข. พระเมฆิยะ ค. พระโสณโกฬวิ ิสะ ง. พระรฐั บาล ๒๔. กลุม่ บุคคลใด เป็นพวกแรกทอี อกบวชตามพระโพธสิ ตั ว์ ? ๔๙. พระเทวใี ด ถวายเครืองประดบั มหาลดาประสาธนค์ ลุมพระพทุ ธสรรี ะ ? ก. ปญั จวคั คยี ์ ข. ภทั ทวคั คีย์ ค. ยสะและสหาย ง. ชฎลิ ๓ พนี อ้ ง ก. รูปนนั ทาเทวี ข. พมิ พาเทวี ค. สุมนาเทวี ง. มลั ลิกาเทวี ๒๕. พระโพธสิ ตั ว์ บาํ เพญ็ ทุกรกริ ิยาเป็นเวลากปี ี ? ๕๐. พระนางพมิ พาเถรพี รอ้ มหญงิ บรวิ าร ๕๐๐ ทรงผนวช ทวี ดั ใด ? ก. ๓ ปี ข. ๔ ปี ค. ๕ ปี ง. ๖ ปี ก. เวฬุวนาราม ข. เชตวนาราม ค. บุพพาราม ง. นิโครธาราม
ปญั หาและเฉลย วิชา กรรมบถ (วินยั ) ธรรมศกึ ษาชนั เอก ระดบั อดุ มศึกษาและประชาชนทวั ไป ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สอบในสนามหลวง คาํ สงั : จงเลือกคาํ ตอบทถี ูกตอ้ งทีสุดเพยี งคําตอบเดยี ว แลว้ ระบายในกระดาษคาํ ตอบ ๑. ทางทาํ กรรมดกี รรมชวั ของคนทงั หลาย เรียกว่าอะไร ? ๒๖. ทาํ พูดม่งุ ทาํ ลายเผาผลาญใจคนฟงั เรียกว่าอะไร ? ก. กรรมบถ ข. กรรมฐาน ค. กรรมสทั ธา ง. กรรมลขิ ติ ก. มสุ าวาท ข. ปิสุณวาจา ค. ผรุสวาจา ง. สมั ผปั ปลาปะ ๒. การทาํ ความดคี วามชวั ของคนเราเกิดจากอะไร ? ๒๗. คนทชี อบพูดยุแหยใ่ หผ้ ูอ้ ืนทะเลาะกนั ทาํ ผดิ อกุศลกรรมบถใด ? ก. การกระทาํ ข. คาํ พูด ค. ความคิด ง. ถูกทุกขอ้ ก. มสุ าวาท ข. ปิสุณวาจา ค. ผรุสวาจา ง. สมั ผปั ปลาปะ ๓. วชิ ากรรมบถ ธรรมศึกษาชนั เอก สอนเรอื งอะไร ? ๒๘. อกุศลกรรมบถขอ้ ๔ ทาํ ใหส้ งั คมมนุษยข์ าดหลกั ธรรมใด ? ก. กรรมฐาน ข. ไตรสกิ ขา ค. กรรม ง. ไตรลกั ษณ์ ก. สจั จะ ข. เมตตากรุณา ค. ขนั ติ ง. สตสิ มั ปชญั ญะ ๔. กรรมนาํ สตั วไ์ ปเกดิ ในทุคติภูมิ คอื ขอ้ ใด ? ๒๙. ขอ้ ใด เป็นผลกรรมเกิดจากอกุศลกรรมบถขอ้ ๔ ? ก. กุศลกรรมบถ ข. อกศุ ลกรรมบถ ค. อนุสสติ ง. กสณิ ก. มีอายุสนั ข. มชี วี ติ ขดั สน ค. เป็นคนบา้ ง. ไม่น่าเชอื ถอื ๕. กรรมบถ เกิดจากการกระทาํ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๓๐. อภชิ ฌา พยาบาท มจิ ฉาทฏิ ฐิ จดั เป็นกรรมชนิดใด ? ก. กายกรรม ข. วจีกรรม ค. มโนกรรม ง. ถูกทกุ ขอ้ ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ค. มโนกรรม ง. ถูกทุกขอ้ ๖. ขอ้ ใด เป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั ในการทาํ กรรมดีกรรมชวั ? ๓๑. ขอ้ ใด มคี วามหมายตรงกบั อภชิ ฌา ? ก. เจตนา ข. วบิ ากกรรม ค. สคุ ติ ง. ทุคติ ก. อยากได้ ข. อยากดี ค. อยากเด่น ง. อยากดงั ๗. ผลทเี กิดขนึ จากการกระทาํ กรรม เรยี กว่าอะไร ? ๓๒. อกุศลกรรมบถใด ทาํ ใหค้ นมกั ผกู โกรธฉนุ เฉยี วงา่ ย ? ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ค. มโนกรรม ง. วบิ ากกรรม ก. ปาณาติบาท ข. พยาบาท ค. ผรสุ วาจา ง. มจิ ฉาทฏิ ฐิ ๘. ขอ้ ใด ไม่ใชว่ ตั ถแุ หง่ ปาณาติบาต ? ๓๓. อกศุ ลกรรมบถใด ทาํ ใหค้ นไม่เชอื เรอื งบาปบุญ ? ก. เงิน ข. นก ค. ปลา ง. มา้ ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ค. มิจฉาทฏิ ฐิ ง. มสุ าวาท ๙. ขอ้ ใด เป็นบาปเกิดจากการกระทาํ ทางกาย ? ๓๔. เป็นกงจกั รเป็นดอกบวั สอดคลอ้ งกบั กรรมบถใด ? ก. ปาณาตบิ าต ข. มสุ าวาท ค. พยาบาท ง. มจิ ฉาทฏิ ฐิ ก. อภชิ ฌา ข. อนภชิ ฌา ค. มิจฉาทฏิ ฐิ ง. สมั มาทฏิ ฐิ ๑๐. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่กิริยาทปี ระพฤติกา้ วล่วงต่อสตั วม์ ชี ีวติ ? ๓๕. ความเห็นใด เป็นมจิ ฉาทฏิ ฐิ ? ก. ฆา่ ข. ทาํ รา้ ยรา่ งกาย ค. ทรกรรม ง. โจรกรรม ก. ทาํ บาปตกนรก ข. ทาํ บุญขนึ สวรรค์ ค. ทาํ ชวั ไดด้ ี ง. ทาํ ดีไดด้ ี ๑๑. องคป์ ระกอบในการทาํ ปาณาติบาต ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๓๖. กุศลกรรมบถขอ้ ๑ ทาํ ใหค้ นมคี วามประพฤตเิ ช่นไร ? ก. รูว้ ่ามชี ีวติ ข. คดิ จะฆา่ ค. พยายามฆ่า ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. ไม่ทาํ รา้ ยใคร ข. ไม่หลอกใคร ค. ไมด่ า่ โคร ง. ไมแ่ คน้ ใคร ๑๒. ขอ้ ใด เป็นโทษของการทาํ ปาณาตบิ าต ? ๓๗. กุศลกรรมบถขอ้ ๑ ใหผ้ ลกรรมแก่ผูป้ ฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ? ก. ยากจน ข. ถูกโรคเบยี ดเบยี น ค. ถกู ใส่รา้ ย ง. ขาดคนนบั ถอื ก. มีโรคน้อย ข. มงั มศี รีสุข ค. ผูค้ นนบั ถอื ง. ปลอ่ ยวาง ๑๓. ทรพั ยส์ มบตั ิ โดยตรงเป็นสว่ นประกอบในทาํ อกุศลกรรมบถใด ? ๓๘. ขอ้ ใด ขดั กบั หลกั ปฏิบตั กิ ุศลกรรมบถขอ้ ๒ ? ก. ปาณาตบิ าต ข. อทินนาทาน ค. กาเมสุมจิ ฉาจาร ง. มสุ าวาท ก. เบอื ยาสุนขั ข. โกงทดี ิน ค. ใหก้ ารเท็จ ง. ฆา่ เพราะหงึ หวง ๑๔. ทรพั ยป์ ระเภทใด เป็นวตั ถแุ ห่งอทนิ นาทาน ? ๓๙. กุศลกรรมบถขอ้ ๓ ชว่ ยแกพ้ ฤตกิ รรมใด ? ก. มเี จา้ ของ ข. เขาหวงแหน ค. เขายงั ไม่ให้ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. โหดรา้ ย ข. มอื ไว ค. ใจงา่ ย ง. ขายยาบา้ ๑๕. ทรพั ยใ์ นขอ้ ใด ถงึ ตงั ใจลกั ไป ก็ไม่เป็นอทนิ นาทาน ? ๔๐. กศุ ลกรรมบถขอ้ ๓ สง่ ผลดีแก่คู่ครองอย่างไร ? ก. ของหวง ข. ของทงิ ค. ของฝาก ง. ของยืม ก. เขา้ ใจกนั ข. ไวใ้ จกนั ค. เชือใจกนั ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๑๖. ไมล่ กั ทรพั ยข์ องคนอืน เป็นความดีทางใด ? ๔๑. กศุ ลกรรมบถขอ้ ๔ ทาํ ใหผ้ ูป้ ฏบิ ตั ิเป็นคนเช่นไร ? ก. กาย ข. วาจา ค. ใจ ง. ถูกทุกขอ้ ก. มเี มตตา ข. มศี รทั ธา ค. มสี จั จะ ง. มคี วามกตญั ู ๑๗. ทุจรติ คอรร์ ปั ชนั เป็นการกระทาํ ผดิ อกลุ กรรบถใด ? ๔๒. ขอ้ ใด เป็นความดีเกิดขนึ ทางวาจา ? ก. ปาณาติบาต ข. อทินนาทาน ค. กาเมสุมจิ ฉาจาร ง. มสุ าวาท ก. กราบพระ ข. สวดมนต์ ค. ฟงั เทศน์ ง. นงั สมาธิ ๑๘. การทาํ ผดิ ประเวณี เป็นอกุศลกรรมบถใด ? ๔๓. เกบ็ ของคนอืนไดแ้ ลว้ นาํ คนื เจา้ ของ ไดช้ ือว่าประพฤตกิ รรมบถใด ? ก. อทนิ นาทาน ข. กาเมสุมิจฉาจาร ค. พยาบาท ง. มสุ าวาท ก. อภชิ ฌา ข. อนภชิ ฌา ค. พยาบาท ง. อพยาบาท ๑๙. บุคคลตอ้ งหา้ มในอกศุ ลกรรมบถขอ้ ๓ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๔๔. เวรระงบั ดว้ ยการไม่จองเวร สอดคลอ้ งกบั กรรมบถใด ? ก. หญงิ ตอ้ งหา้ ม ข. ชายตอ้ งหา้ ม ค. นกั บวช ง. ถกู ทุกขอ้ ก. อนภชิ ฌา ข. อพยาบาท ค. สมั มาทกิ ฐิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒๐. ปญั หาสงั คมดา้ นใด เกิดจากการทาํ ผดิ กาเมสุมจิ ฉาจาร ? ๔๕. การไมเ่ บยี ดเบยี นกนั ในโลก จดั เป็นอุปนสิ ยั ใด ? ก. ยาเสพติด ข. การพนนั ค. แตกสามคั คี ง. ทางเพศ ก. ทานูปนิสยั ข. สีลูปนิสยั ค. ภาวนูปนสิ ยั ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๑. ขอ้ ใด เป็นผลกระทบเกดิ จากอกุศลกรรมบถขอ้ ๓ ? ๔๖. ทานูปนิสยั เป็นธรรมกาํ จดั อะไร ? ก. ถูกกลา่ วหา ข. อายุสนั ค. ทรพั ยส์ นิ สูญหาย ง. หยา่ รา้ ง ก. ความโลภ ข. ความโกรธ ค. ความหลง ง. ความเบยี ดเบยี น ๒๒. ขอ้ ใด เป็นมสุ าวาทเกิดขนึ ทางกาย ? ๔๗. กรรมบถใด จดั เป็นมโนกรรมฝ่ายกุศล ? ก. โบกมอื ข. พยกั หนา้ ค. เขยี นหนงั สอื ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ค. สมั มาทฏิ ฐิ ง. ถูกทุกขอ้ ๒๓. เจตนาบดิ เบอื นความจริง เป็นอกุศลกรรมบถใด ? ๔๘. กศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ เป็นหลกั ธรรมประเภทใด ? ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ค. มุสาวาท ง. ปาณาตบิ าต ก. ควรงดเวน้ ข. ควรละ ค. ควรหลกี เลยี ง ง. ควรประพฤติ ๒๔. วจกี รรม ๔ มมี สุ าวาทเป็นตน้ เกิดขนึ ทางใด ? ๔๙. กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ สงเคราะหเ์ ขา้ ในหลกั ธรรมใด ? ก. กาย วาจา ข. กาย ใจ ค. วาจา ใจ ง. กาย วาจา ใจ ก. ทาน ข. ศีล ค. สมาธิ ง. ปญั ญา ๒๕. คาํ พูดม่งุ ทาํ ลายคนอืนใหแ้ ตกแยก เรยี กว่าอะไร ? ๕๐. ผูก้ ระทาํ กรรมดี ย่อมเกิดในภพทดี ี หมายถงึ ขอ้ ใด ? ก. มสุ าวาท ข. ปิสุณวาจา ค. ผรสุ วาจา ง. สมั ผปั ปลาปะ ก. มนุษยโลก ข. เทวโลก ค. พรหมโลก ง. ถกู ทุกขอ้
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: