2
ตาบลป่ าหวายนง่ั อาเภอบ้านฝาง จงั หวดั ขอนแก่น ป่ าหวายถิ่นคนดี ประเพณีมมี านาน ชาวบ้านมนี า้ ใจ รักษาไว้ซง่ึ คณุ ธรรม 3
วดั อมั พวนาราม กราบสกั การะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระธาตกุ ิตตศิ รีมงคลเจดยี ์ นมสั การพระครูกิตตวิ ราภรณ์ เจ้าอาวาสวดั อมั พวนาราม เจ้าคณะตาบลป่ าหวายนง่ั วดั อมั พวนาราม ตงั้ อยใู่ นบ้านป่ าหวายนง่ั อาเภอบ้านฝาง จงั หวดั ขอนแก่น วดั อมั พวนาราม เป็ นทย่ี ดึ เหน่ยี วจิตใจของชาวป่ าหวายนง่ั มาตงั้ แต่ อดีต เมอื่ ครัง้ กอ่ สร้างพระธาตกุ ิตติศรีมงคลเจดีย์ เพ่อื บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตุ จงึ ดาเนินการเสร็จ อยา่ งรวดเร็ว และจดั ให้มกี ารฟ้ อนบชู าพระเจดยี ์ กิตตศิ รีมงคลเจดีย์ในโอกาสสาคญั ตา่ งๆ 4
โปรแกรมการท่องเทยี่ ว หมู่บา้ นป่าหวายน่งั 09.00 น. สกั การะศาลเจ้าพ่อหลกั เมืองขอนแก่น 09.30 น. ออกเดนิ ทางจากเทศบาลนครขอนแกน่ สวู่ ดั ไชยศรี ตาบลสาวตั ถี ชมฮปู แต้มเร่ืองสนิ ไซ จิตรกรรมแบบอสี านดงั้ เดมิ บนผนงั สมิ (โบสถ์) ซงึ่ เป็ นทมี่ าของรูปปัน้ สนิ ไซบนเสาไฟฟ้ า 10.00 น. 10.30 น. และและเป็ นประตมิ ากรรมด้านหน้าศาลเจ้าพอ่ หลกั เมอื งขอนแกน่ 11.00 น. ออกเดินทางสบู่ ้านป่ าหวายน่ัง โดยใช้เส้นทางหลวงชนบท ชมทิวทศั น์การเกษตร 11.45 น. และเป็ นระยะทางทส่ี นั้ ทส่ี ดุ เช่ือมตอ่ เข้าเขตอาเภอบ้างฝาง 12.00 น. 13.00 น. เดินทางถึงวัดอมั พวนาราม ร่วมถวายเพลพระสงฆ์ กราบสกั การะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระธาตุกติ ติศรีมงคลเจดยี ์ 15.00 น. ชมการราบชู าพระธาตุ ของชมุ ชนป่ าหวายนง่ั เดนิ ชมวิถีชีวิตชมุ ชนไปยงั ศนู ย์ทอ่ งเท่ยี วชมุ ชน 16.00 น. รับประทานอาหารอีสานเมนพู ิเศษของหมบู่ ้านป่ าหวายนง่ั นงั่ รถพว่ งข้างวิถีชมุ ชน เข้าร่วมกิจกรรมชมุ ชนทนี่ า่ สนใจ ได้แก่ - ร่วมย้อมสธี รรมชาตดิ ้วยแกน่ ฝาง รับเสอื ้ ท่ีระลกึ จากอาเภอบ้านฝาง ด้วยฝี มือทา่ นเอง - ร่วมการทาข้าวโป่ ง ในกระบวนการตา่ งๆ จนถึงการปิ ง้ ข้าวโป่ ง ได้ลมิ ้ รสความอร่อยจากฝี มือทา่ นเอง นงั่ รถพว่ งข้างวถิ ีชมุ ชน ไปชมธรรมชาติ บนั ทกึ ภาพนา้ ใสบงึ สวย ที่ อา่ งป่ าบวั - รับอาหารวา่ งด้วยขนมไทยขนึ ้ ช่ือฝี มอื คนป่ าหวายนงั่ สง่ ตอ่ นกั ทอ่ งเทีย่ วไปยงั อุทยานหนิ ช้างสี เพ่อื ชมความมหศั จรรย์ของหนิ ธรรมชาติ และบนั ทกึ ภาพทิวทศั น์ยามอาทติ ย์อสั ดง จากนนั้ เดนิ ทางกลบั ไปยงั ขอนแกน่ โดยสวสั ดิภาพ 5
6
มารู้จกั กับบ้านป่ าหวายน่ัง ในอดตี บ้านป่ าหวายนงั่ เป็นภมู ปิ ระเทศที่ ตอ่ มาเม่ือปี พ.ศ.2495 ได้แยกการปกครอง อดุ มสมบรู ณ์ไปด้วย พชื พนั ธ์ธุ ญั ญาหาร โดย ออกเป็ น 2 หมบู่ ้าน ปัจจบุ นั หมทู่ ี่ 1 มจี านวน ในพนื ้ ที่สว่ นมาก จะเป็ นตน้ ป่ าหวายนง่ั พอ่ ขนุ ครัวเรือน 177 หลงั คา มีพนื ้ ทท่ี าการเกษตรอยู่ อนิ ทร์ นามมงุ พร้อมชาวบ้านประมาณ 6 ประมาณ 935 ไร่ พนื ้ ทีห่ มบู่ ้าน 70 ไร่ และ ครอบครัว ชาวบ้านบ้านมว่ ง ตาบลบ้านทมุ่ เป็ นทต่ี งั้ โรงเรียนมธั ยมประจาตาบล คือ อาเภอเมอื งขอนแก่น มาประกอบอาชีพอยู่ โรงเรียนป่ าหวายวทิ ยายน กลางดงหวาย มองเหน็ ความอดุ มสมบรู ณ์จึง ได้พากนั ตงั้ ถ่ินฐานตงั้ แตบ่ ดั นนั้ เป็ นต้นมาและ สาหรับการเดนิ ทางมายงั หมบู่ ้านป่ าหวายนงั่ ได้รับการจดั ตงั้ เป็ นหมบู่ ้านอยา่ งเป็ นทางการ สามารถใช้เส้นทาง จากตวั เมอื งขอนแก่นมา (ตามกฎหมาย) เม่อื พ.ศ. 2431 ตามถนนมะลวิ รรณ จนถงึ อาเภอบ้านฝาง หมบู่ ้านจะตงั้ อยทู่ างทิศเหนือของที่วา่ การ จนกระทง่ั เป็ นชมุ ชนขนาดใหญ่ภมู ิประเทศ อาเภอบ้านฝาง ประมาณ 27 กิโลเมตร และ เป็ นพนื ้ ทเ่ี หมาะกบั การทาไร่ทานา และเลยี ้ ง หากใช้เส้นทางเชื่อมตอ่ การทอ่ งเท่ียวจาตาบล สตั ว์ เม่อื ปี พ.ศ. 2494 ได้ยกฐานะเป็ นตาบล สาวตั ถี จะใช้ทางหลวงขนบทผา่ นบ้านโนนรัง ป่ าหวายนง่ั มีพนื ้ ท่ีอยทู่ างทศิ ตะวนั ตกของ มาสบู่ ้านป่ าหวายนงั่ เพียง 16.5 กิโลเมตร เพือ่ จงั หวดั ขอนแกน่ หา่ งจากตวั จงั หวดั ประมาณ เดินทางตอ่ ไปยงั จดุ ชมววิ หินช้างสเี พียง 10 32 กิโลเมตร กิโลเมตรเทา่ นนั้ ลดระยะทางได้มาก 7
ความหมายของ “หวายน่ัง” โดยทวั่ ไปจะรู้จกั หวายในลกั ษณะเป็ น ประโยชน์ของหวายตามตารายาไทย เครือเถาที่นามาสานเป็ นเคร่ืองเรือน หวาย หวั หรือรากและยอดหวาย มีรสขมเยน็ พบได้ในเขตร้อนทว่ั โลกมกี วา่ 600 ชนิด เมาเลก็ น้อย ใช้ปรุงยาดบั พษิ ร้อน พษิ ไข้ เฉพาะในประเทศไทยก็มีมากถึง 60 ชนิด แก้อาการ เซือ่ งซมึ แก้พษิ แก้ไอ ร้อนใน สว่ นมากจะเห็นหวายท่เี ป็ นพนั ธ์ไม้เลอื ้ ยพนั กระหายนา้ เกาะต้นไม้ใหญ่ มคี วามเหนยี ว จึงนยิ มเอา มาสานเป็ นเคร่ืองใช้อยา่ งท่ที ราบกนั หนอ่ หวายเป็ นสว่ นลาต้นออ่ นท่ีแทง ขนึ ้ จากเหง้าใต้ดนิ มีกาบแขง็ เตม็ ไปด้วย หวายน่ัง มีช่ือทางวทิ ยาศาสตร์ว่า หนามห้มุ เนอื ้ ในออ่ น กรอบ สขี าว มีรส ขม นยิ มนามาปรุงอาหาร ในหนอ่ หวายมี (Calamus acanthophyllus Becc.) ธาตสุ งั กะสใี นปริมาณท่สี งู จะช่วยให้ เจริญอาหาร ลดภาวะเครียด และชว่ ย เป็ นพชื ตระกลู ปาลม์ ขนาดเลก็ เป็ นหวาย สง่ เสริมสมรรถภาพทางเพศชาย ชนดิ ต้นเตยี ้ มคี วามสงู ของต้นประมาณ 0.5-1 เมตร ลาต้นสนั้ ตามลาต้นและก้านใบ มีหนามแหลม เป็ นพชื ทท่ี นไฟป่ าได้ มีเขต กระจายพนั ธ์เุ ฉพาะในประเทศลาว และภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย 8
ปา่ หวายถน่ิ คนดี ประเพณี มีมานาน “ชาวบ้านมนี ้าใจ รักษาไว้ซง่ึ คุณธรรม การท่องเท่ยี วเชิงประสบการณ์ ท่บี ้านป่ าหวายน่ัง การทอ่ งเทีย่ ววถิ ีชมุ ชน ไมจ่ าเป็ นท่ชี มุ ชนต้องแสวงหา ชาวบ้านป่ าหวายนงั่ มีความเคร่งครัดในประเพณี แนวทาง หรือการลงทนุ ท่ีสงู แตห่ ากเป็ นสงิ่ ท่ีชมุ ชนต้อง และวฒั นธรรมท้องถิ่น ถือปฏบิ ตั ติ ามฮีตสบิ สองครอง เรียนรู้ท่จี ะนาเอาสง่ิ ทม่ี อี ยใู่ นชมุ ชนมาประยกุ ต์ สบิ ส่ี โดยมวี ดั อมั พวนาราม และวดั ศนู ย์ปฏิบตั ิธรรม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การมองหาทรัพยากรท่มี อี ย่แู ล้วใน เป็ นศนู ย์กลางจิตใจ ท้องถ่ินมาสร้างเป็ นจดุ เดน่ ของชมุ ชน การสร้างประสบการณ์ให้แกน่ กั ทอ่ งเทยี่ วในวถิ ีชีวติ “ป่ าหวายนง่ั ถิ่นคนดี ประเพณีมมี านาน ชาวบ้านมี ท้องถิ่นอสี านในชมุ ชนป่ าหวายนง่ั ซงึ่ จะสร้างความ นา้ ใจ รักษาไว้ซงึ่ คณุ ธรรม” เป็ นคาขวญั ของหมบู่ ้านป่ า ประทบั ใจตงั้ แต่ การมสี ว่ นร่วมในการถวายภตั ตาหาร หวายนงั่ ที่ทกุ คนภมู ใิ จ และให้คานยิ ามถงึ บคุ ลกิ ของ และสนทนาธรรม การร่วมงานประเพณีตามเทศกาล ตนเองวา่ เป็ นคนนา่ รัก ยิม้ ง่าย มนี า้ ใจโอบอ้อมอารีย์ กิจกรรมการทาข้าวโป่ งซงึ่ เป็ นอาหารทานเลน่ ท้องถิ่น เออื ้ เพอื ้ เผ่อื แผ่ ขยนั ขนั แข็งคไู่ ปกบั ความสนกุ สนาน กิจกรรมการย้อมผ้าด้วยสธี รรมชาติ และเดินทางชม ทศั นียภาพด้วยรถอีแต๊ก เป็ นต้น “อย่าสไิ ลถมถม่ิ มูนมังแคค่ รั้งเก่า อย่าสลิ มื ฮีตเค้าคนเกา่ เพิ่นสอน หลอนวา่ กายภายหนา่ คะนิงหาสไิ ดจ้ ม่ กายไปไสบ่ม้มสิคนื เคา้ เกา่ เดมิ ให้ซ่อยเสรมิ เติมแต้มแนมหามาคนื คอบแปลงระบอบแบบเบ้ืองให้เฮืองล้าอยา่ ตา้่ ถอย” 9
การดาเนนิ การหมบู่ ้านเศรษฐกิจ รวมถงึ แหลง่ นา้ อนื่ คอื ฝายป่ าบวั ฝายกกทนั และฝายกตุ ตะวงษ์ เอือ้ อานวยในการทา พอเพยี งต้นแบบ คอื ปรากฏการณ์ที่เป็ น การเกษตรทาให้มผี ลติ ผลอดุ มสมบรู ณ์ มี รูปธรรมของหมบู่ ้านด้วยการน้อมนา การจาหนา่ ยสร้างรายได้ทงั้ ในชมุ ชน ท่ีตลาด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการ ในหมบู่ ้านใกล้เคยี งและสาหรับนกั ท่องเทยี่ ว พฒั นาหมบู่ ้านโดยน้อมนาหลกั ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยหู่ วั มาเป็ นหลกั ในการพฒั นา คณุ ภาพชีวิตประชาชนและสง่ เสริมให้ทกุ ชมุ ชนสามารถพงึ่ พาตนเองได้ บ้านป่ า หวายนง่ั นาเอาระบบเกษตรท่มี กี ารปลกู พชื และมีการเลยี ้ งสตั ว์หลากหลาย ชนดิ โดยท่ีกิจกรรมการผลติ แตล่ ะ ชนิด เกือ้ กลู ประโยชน์ตอ่ กนั ได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ มกี ารใช้ทรัพยากรท่ีมอี ยใู่ น ไร่นาอยา่ งเหมาะสม เกิดประโยชน์สงู สดุ มีความสมดลุ ตอ่ สง่ิ แวดล้อมอยา่ ง ตอ่ เน่ือง และเกิดการเพิ่มพนู ความอดุ ม สมบรู ณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ การ เกือ้ กลู กนั ระหวา่ งพชื และสตั ว์ บ้านป่ าหวายนง่ั มแี หลง่ นา้ มากถงึ 4 แหง่ คอื อา่ งเก็บนา้ ห้วยใหญ่ เนอื ้ ที่ประมาณ 310 ไร่เป็ นหลกั ในการใช้ประโยชน์ใน 10
นวัตวถิ ี ร่ วมสุข วัตถุดบิ จากท้องถ่นิ สู่สนิ ค้าชุมชน การนาพชื ท้องถ่ิน มาทาเป็ นเครื่องใช้ในครัวเรือน ไม้กวาดดอกหญ้า เป็ นผลติ ภณั ฑ์สาหรับทาความ ถือเป็ นวถิ ีดงั้ เดมิ ของคนในชมุ ชน ดงั เช่นไผ่เป็ นพชื ทีม่ ี สะอาดท่จี าเป็ นมากในทกุ ครัวเรือน โดยมกั พบใช้มากกวา่ 1 การแพร่กระจายพนั ธ์อุ ยทู่ ว่ั ไป ลาต้นแข็งแรงมเี นอื ้ ไม้ ด้าม ในแตล่ ะครัวเรือน ทงั้ นี ้ไม้กวาดดอกหญ้าจะทาได้จาก แข็ง เกลาให้เรียบได้ ยดื หยนุ่ มีนา้ หนกั เบา ชาวบ้านป่ า ช่อดอกหญ้าตองกง หรือทเี่ รียก หญ้าไม้กวาด ด้วยการนา หวายนง่ั ได้นาเอาไผท่ ี่มลี าโตสวย มาดดั แปลงให้เป็ น ชอ่ ดอกมาตากให้แห้ง พร้อมสลดั ดอกให้ร่วงหมดด้วยเคร่ือง ภาชนะใสอ่ าหาร ทีมีความร่วมสมยั และเป็ นท่ีน่าสนใจ ก่อนนามามดั ร้อยให้เป็ นผนื และถกั ติดกบั ด้ามไม้ไผ่ 11
ร่วมวถิ ี ร่วมสมัย การเลอื กสรรวตั ถดุ ิบจากท้องถิ่น ผสาน งานหตั ถกรรมท่เี กิดจากทกั ษะของคนใน ชมุ ชน นามาสร้างการรับรู้แนวทางใหม่ เพ่ือให้นกั ทอ่ งเท่ียวได้สนใจซือ้ ของทีร่ ะลกึ จากในชมุ ชน ของท่ีระลกึ จากผ้าขาวม้าทอมือของบ้านป่ าหวายนงั่ นามาออกแบบให้เป็นกระเป๋ า ท่ีมีความแขง็ แรงและสวยงาม 12
ผลติ ภัณฑผ์ า้ ย้อมสธี รรมชาตจิ ากแกน่ ฝาง เน่ืองจากบ้านป่ าหวายนงั่ ตงั้ อย่ใู นอาเภอ ของทรี่ ะลกึ สาหรับนกั ทอ่ งเทยี่ ว ของบ้านป่ า บ้านฝาง จึงเลอื กใช้ฝางเป็ นการสร้างอตั ลกั ษณ์ หวายนง่ั ได้แก่ ธงมงคล พรมเช็ดเท้า ผ้าพนั คอ ผ้าไหม ข้าวโป่ งสมนุ ไพร ผ้าฝ้ ายย้อมสี ท้องถิ่นเพื่อสร้างผลติ ภณั ฑ์ ธรรมชาติ พวงกญุ แจจากผ้าขาวม้า ไม้กวาด ฝาง เป็ นไม้ยืนต้นท่มี ขี นาดกลาง ตามลาต้น ดอกหญ้า ผลติ ภณั ฑ์จากไม้ไผ่ กระเป๋ าจาก ผ้าขาวม้า ทใ่ี สท่ ิชชจู ากผ้าฝ้ าย ถงุ ผ้า และก่ิงก้านจะมีหนาม ใบเป็ นไม้ใบรวม ลกั ษณะ อเนกประสงค์ และผ้าคลมุ ไหลส่ ธี รรมชาติ การเรียงใบคล้ายกบั ใบหางนกยงู ไทย มีสเี ขียว ดอกออกเป็ นชอ่ อยตู่ รงสว่ นยอดของต้น ดอกมีสี 13 เหลอื งกลางดอกเป็ นสแี ดง ผลเป็ นฝักรูป สเ่ี หลย่ี ม แขง็ สนี า้ ตาลเข้ม และท่ีผิวฝักจะมลี าย จดุ ๆ แต้มอยู่ ซงึ่ รูปร่างนนั้ จะคล้ายกบั ถว่ั แปบ ฝาง มีอยู่ 2 ชนดิ คอื ชนดิ แก่นสเี หลอื งเรียกวา่ \"ฝางส้ม\" และ แกน่ สแี ดงเข้มเรียกวา่ \"ฝางเสน\" การย้อมผ้าด้วยสจี ากธรรมชาตินนั้ เป็ นวิธีท่ี ใช้มานาน เริ่มจากหาใช้ได้งา่ ยจากแหลง่ ธรรมชาตใิ นท้องถ่ิน เป็ นสที ี่เกิดโดยกระบวนการ ทางธรรมชาติ จงึ เช่ือวา่ ไมก่ ่อให้เกิดมลพิษใด ๆ สที ี่ย้อมได้บนผืนผ้าเมื่อนาไปสวมใสจ่ ะมคี วาม เป็ นพษิ ตา่ ตอ่ ผวิ หนงั หรือสขุ ภาพของผ้ใู ช้
“คันได้กินลาบซิน้ ชาวอีสานมีวิถีการดาเนินชีวิตทเี่ รียบง่าย อย่าลืมแจ่วแพวผัก เช่นเดยี วกบั การท่รี ับประทานอาหารอยา่ ง ได้กินพาเงนิ พาคา ง่ายๆ มกั จะรับประทานได้ทกุ อยา่ ง เพอ่ื การ อย่าลืมกระเบยี นฮ้าง” ดารงชีวติ อยใู่ ห้สอดคล้องกบั ธรรมชาตขิ องภาค อสี าน ชาวอีสานจึงรู้จกั แสวงหาสงิ่ ตา่ งๆท่ี สามารถรับประทานได้ในท้องถ่ิน มาดดั แปลงเป็ น อาหารรับประทาน ซง่ึ ทกุ มอื ้ จะต้องมีผกั เป็ น สว่ นประกอบหลกั อาหารพนื ้ บ้านอีสานสว่ นใหญ่ แล้วจะออกรสชาติไปทางเผ็ด เคม็ และเปรีย้ ว จึง ได้รับคาเลา่ ขานทว่ั ไปวา่ อาหารอีสานมีรส “แซบ” ซง่ึ ในภาษาอีสานหมายถงึ อร่อย อาหารพนื ้ ถ่ิน แนะนาได้แก่ แกงหยวกใสก่ ล้วย ซุปหนอ่ ไม้ ต้มปลานิล ปลานลิ ทอดสมนุ ไพร ต้มสองสหาย และนา้ ตะไคร้ นา้ แก่นฝาง เคร่ืองด่ืมสขุ ภาพ:นา้ แก่นฝาง “นา้ แกน่ ฝาง” เป็ นเครื่องดมื่ จากแกน่ ไม้ของต้นฝาง เป็ นสแี ดงเข้ม เกิด 14 จาก Brazilin ท่อี ยใู่ นแก่นฝาง ด้วยลกั ษณะเฉพาะตวั ดงั กลา่ ว เลยมีการ นามาเป็ นสารตงั้ ต้นในการทานา้ ยาอทุ ยั ทพิ ย์ทีเ่ รารู้จกั กนั ดี เพียงแตม่ ีการ เพม่ิ สมนุ ไพร และดอกไม้อนื่ ๆ นา้ แก่นฝางมสี รรพคณุ เดน่ ในทางเภสชั คอื ช่วยบารุงระบบเลอื ด ลดอาการเหนื่อยเพลยี แก้ร้อนใน ชว่ ยลดความร้อน ในร่างกาย แก้ร้อนใน กระหายนา้
เสน่ห์อาหารพนื้ บ้าน \"ข้าวโป่ ง” ขนมทางภาคอสี านทีน่ ยิ มทาในงาน ทงั้ นยี ้ งั มกี ารนาข้าวโป่ งไปเป็ นเคร่ืองถวายทานด้วย บญุ ลกั ษณะเป็ นรูปวงกลมแผน่ ขาวนวล มกี ารทา ในบญุ ผะเหวดในทางภาคอสี าน โดยจะยา่ งข้าวโป่ ง มาแตโ่ บราณ เชื่อกนั วา่ ขนมชนดิ นเี ้กิดจากกลมุ่ ผู้ เพื่อใสใ่ นกนั หลอนและถวายเป็ นคายเทศ อีกทงั้ ข้าว เฒา่ ผ้แู ก่ทีว่ า่ งจากการทาไร่ทานาได้คิดทาขนมนขี ้ นึ ้ โป่ งเป็ นสญั ลกั ษณ์ของความรักความสามคั คีใน เพือ่ เป็ น เครื่องถวาย ทาน ยงั ใช้ใน พิธีกรรมตามงาน ชมุ ชน เป็ นขนมแจกจา่ ยให้เดก็ ๆ และผ้คู นท่ีร่วมทา บญุ สนั นิษฐานวา่ รูปทรงของขนมมลี กั ษณะกลม กิจกรรม เป็ นการแสดงให้เหน็ คณุ คา่ และประโยชน์ เพราะคนสมยั ก่อนใช้แทนสญั ลกั ษณ์การบชู าพระ ของ “ข้าว” ตามแบบวถิ ีความเรียบง่ายของคนทาง อาทิตย์ หรือพระจนั ทร์ ตามความเช่ือใช้ในการบชู า ภาคอสี าน มาตงั้ แตค่ รัง้ บรรพบรุ ุษ นอกจากนยี ้ งั ใช้ในพธิ ีบชู า ข้าวใน บญุ เดือนส่ี บญุ ข้าวจี่ ชาวบ้านถวาย ชาวบ้านป่ าหวายนง่ั ทาข้าวโป่ งรับประทานเอง และจาหนา่ ยเป็ นผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน เป็ นกิจกรรมท่ี ข้าวจ่ี ข้าวโป่ งแด่ พระสงฆ์ เพอื่ แสดงถึงความ นกั ทอ่ งเทยี่ วสามารถมสี ว่ นร่วมได้ตงั้ แต่การเตรียม เคารพ จากนนั้ นาขนมบางสว่ นไปใสใ่ นกระทงใบตอง ข้าวโป่ ง จนถงึ การปิ ง้ ข้าวโป่ งด้วยเตาถ่าน แล้วนาไปวางไว้ที่หน้าธาตบุ รรจกุ ระดกู ของญาตทิ ่ี นอกจากนยี ้ งั มผี ลติ ภณั ฑ์อ่นื ๆ เชน่ ปลานิลแดด ลว่ งลบั ไปแล้ว เดียว นา้ พริกปลาร้า ขนมไทย ไว้ให้รับประทานด้วย 15
16
ชมุ ชนทอ่ งเท่ียว OTOP นวตั วิถี ตาบลป่ าหวายน่ัง อาเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 17
ราบชู าพระธาตกุ ิตติศรีมงคลเจดีย์ การแสดงพนื ้ เมอื ง เป็ นมรดกทางวฒั นธรรมอนั ลา้ คา่ ทไี่ ด้สงั่ สม สร้างสรรค์ไว้เป็ นเอกลกั ษณ์ประจาชาติ เพือ่ ให้รุ่นลกู รุ่นหลานได้ เรียนรู้และรักในคณุ คา่ เกิดความภาคภมู ใิ จและพร้อมทจี่ ะช่วยสบื ทอด จรรโลง และธารงไว้เป็ นสมบตั ขิ องชาติ ศลิ ปะการแสดงภาคอสี าน การร่ายราจะมีลกั ษณะเฉพาะของการ เคลอ่ื นไหวอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย เช่น ก้าวเท้า การวาดแขน การยกเท้า การสา่ ยมอื การสา่ ยสะโพก ท่ีเกิดขนึ ้ จากทา่ ทางอนั เป็ น ธรรมชาตทิ ่ีปรากฏอยใู่ นชีวิตประจาวนั แล้วนามาประดิษฐ์หรือปรุง แตง่ ให้สวยงามตามแบบท้องถ่ินอสี านเชน่ ทาทา่ ทางลกั ษณะเเอน่ ตวั แล้วโยกตวั ไปมา เวลาก้าวตามจงั หวะก็มกี ารกระแทกกระทนั้ ตัว ดีด ขา ขยบั เอว ขยบั ไหล่ สะท้อนพฤตกิ รรมการดาเนนิ ชีวิต การราบชู าพระธาตกุ ิตติศรีมงคลเจดีย์ เป็ นการแสดงเพ่ือแสดง ความเคารพตอ่ สงิ่ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ เพ่อื ความเป็ นสริ ิมงคลและสบื ทอด วฒั นธรรมความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาของชาวอสี าน ตอ่ พระ ธาตกุ ิตตศิ รีมงคลเจดีย์ท่บี รรจพุ ระบรมสารีริกธาตุ 18
พธิ ีบายศรีสขู่ วญั นนั้ มเี พอื่ การสร้างขวญั และกาลงั ใจ ผ้คู น การเก็บเกี่ยวและผลผลติ ความเช่ืออยา่ งการรับขวญั เดก็ เลก็ ในสมยั ก่อนมนั ใช้พิธีบายศรีสขู่ วญั เป็ นท่พี ึ่งทางใจ กิจกรรมทม่ี ี ทเ่ี ช่ือวา่ จะทาให้เดก็ มกี าลงั ใจดี การรับขวญั คบู่ า่ วสาวเพอ่ื ให้ ความมงคลเกือบทกุ อยา่ งมกั มีพธิ ีบายศรีสขู่ วญั เข้ามา เชื่อวา่ จะครองคกู่ นั ไปได้นานๆ ยง่ั ยืนในความมนั่ คงตอ่ ไป เกี่ยวข้องเสมอ การสขู่ วญั นาค เมอ่ื มกี ารทาพิธีบายศรีสขู่ วญั แล้วชาวบ้าน ความสาคญั ของพธิ ีบายศรีสขู่ วญั ทจี่ ะเหน็ ได้ชดั คือเป็ นพิธี มกั จะมคี วามเช่ือวา่ จะมีแตส่ งิ่ ดี ๆ เข้ามา และจะชว่ ยปัดเป่ า ทเ่ี รียกขวญั และกาลงั ใจให้แก่ผ้คู นได้ดี เชน่ การทาการเกษตร ปี ศาจร้ายและเรื่องร้าย เคราะห์ร้ายตา่ ง ๆ ออกไปได้ อยา่ งการทานาก็จะมพี ิธีทาขวญั ข้าวเพ่อื จะได้สบายใจในการ เชน่ เดียวกบั การบายศรีสขู่ วญั ให้แก่นกั ทอ่ งเท่ียวที่มาเยือน บายศรี สู่ขวญั 19
20
ผู้มีความรู้/ ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ ด้านต่างๆในชุมชน 1. ภมู ปิ ัญญาด้านสมุนไพร / แพทย์แผนไทย / หมอพืน้ บ้าน 1. ช่ือนายพอน ดอนสแี ก้ว ภมู ิปัญญาด้านยาสมนุ ไพร 2. ชื่อนายคาบาย ทองสทิ ธ์ิ ภมู ิปัญญาด้านยาสมนุ ไพร 2. ภมู ิปัญญาด้านอนุรักษ์วัฒนธรรม/ประเพณีท้องถ่นิ 1. ช่ือนายบวั ลนั่ คนหาร ภมู ิปัญญาด้านสขู่ วญั 3. ภมู ปิ ัญญาด้านความเช่อื /โหราศาสตร์/ไสยศาสตร์ 1. ช่ือนายคาจนั ทร์ เทพคาภา ภมู ิปัญญาด้านหมอดู 2. ช่ือนายบนั ดล อาสาภา ภมู ิปัญญาด้านหมอทรง 4. ภมู ิปัญญาด้านเกษตรกรรม 1. ช่ือนายสพุ จน์ ซ้ายสขุ ภมู ิปัญญาด้านแพทย์สตั ว์ 2. ช่ือนางสวาสดิ์ ภมู านี ภมู ิปัญญาด้านเลยี ้ งไหม ทอผ้าไหม 3. ช่ือนางบวั สี คาหวายนง่ั ภมู ิปัญญาด้านเลยี ้ งไหม ทอผ้าไหม 5. ภมู ิปัญญาด้านการแต่งกาย 1. นางสอาด หารคาตนั 2. นางจนั ทิมา สดุ วิลยั 3. นางสภุ าภรณ์ ดที บั ทมิ 4. นางนติ ยา สวุ รรณ์หล้า 5. นางสาวชดุ าภรณ์ วดั เวยี งคา 6. ภมู ปิ ัญญาด้านการถนอมอาหารและแปรรูปอาหาร 1. นางเวรุณ์ วดั เวยี งคา ภมู ิปัญญาด้านอาหารไทย/อาหารฝร่ัง 2. นางอาทิตย์ทญิ า โคตรหลอ่ น ภมู ิปัญญาด้านอาหารอสี าน/นา้ สมนุ ไพร 3. นางแสงจนั ทร์ พรมยอ่ ง ภมู ปิ ัญญาด้านขนมไทย 4. นางจนั ทิมา สดุ วิลยั ภมู ปิ ัญญาด้านแปรรูปอาหารนา้ พริก /ปลา 5. นางวิลยั วลั ย์ สรุ ีย์รักษ์ ภมู ปิ ัญญาด้านแปรรูปหนอ่ ไม้ 7. ภมู ิปัญญาด้านศลิ ปะพนื้ บ้าน 1. นางเพชรทองคณู เขียวจนั ทร์ ภมู ปิ ัญญาด้านการประดษิ ฐ์ธงมงคล 2. นางจนั ทิมา สดุ วลิ ยั ภมู ปิ ัญญาด้านศลิ ปะฟ้ อนรา 3. นายพิทกั ษ์ ชาลดี ี ภมู ปิ ัญญาด้านหมอแคน 21
คณะกรรมการบริหารจัดการชุมชนท่องเท่ยี ว OTOP นวตั วถิ ี บ้านป่ าหวายนงั่ หม่ทู ี่ 1 ตาบลป่ าหวายนง่ั อาเภอบ้านฝาง จงั หวดั ขอนแก่น 1.ประธานกรรมการ นายเหลี่ยม โคกสี 2.รองประธาน นายสาราญ โอดสี นางจนั ทิมา สดุ วิสยั 3.เหรัญญิก นางสะอาด หารคาตนั 4.เลขานกุ าร นางชดุ าพร วดั เวียงคา 5.ปฏิคม /ต้อนรับ นางทองมาตย์ ฉิมผวิ นางสภุ าพร ดีทบั ทิม นางนติ ยา สวุ รรณ์หลกั 6.ประชาสมั พนั ธ์นางวลิ าวลั ย์ สรุ ีย์รักษ์ นายเพชรทองคณู เขียวจนั ทร์ 7.ที่ปรึกษา พระครูกิตตวิ ราภรณ์ เจ้าอาวาสวดั อมั พวนาราม เจ้าคณะตาบลป่ าหวายนงั่ 22
ป่าหวายนงั่ ตดิ ต่อและประสานงานเพ่ิมเตมิ ท่ี นายเล่ียม โคกสี ผ้ใู หญ่บ้านป่ าหวายนงั่ หมู่ 1 ตาบลป่ าหวายนง่ั อาเภอบ้านฝาง จงั หวดั ขอนแก่น โทรศพั ท์ 086 8616460 23
เท่ยี วขอนแก่นเช่ือมโยง พระธาตุกิตติ ศาลเจ้าพ่อ ศรีมงคลเจดยี ์ หลกั เมือง วัดไชยศรี อุทยานหนิ ช้างสี จุดชมวิวหนิ ข้างสี 24
จากแอ่งใหญ่ ........ ไปแอ่งเลก็ หนิ ช้างสี บ้านป่ าหวายน่ัง วัดไชยศรี ศาลหลักเมืองขอนแก่น 25
สานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอบ้านฝาง จงั หวดั ขอนแก่น
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: