“มาเดอ้ พ่ีนอ้ ง .... มาเท่ียวขอนแก่นนครใหญ่ สกั การะพระบรมสารรี กิ ธาตุ ท่ีวดั หนองแวง พระธาตุ 9 ชนั้ แลว้ มายามดอนหนั บา้ นฉนั มว่ นอีหล”ี
บา้ นดอนหนั หมทู่ ี่ 6 ตาบลบา้ นฝาง อาเภอบา้ นฝาง จงั หวดั ขอนแก่น เป็นหมบู่ า้ นท่มี เี อกลกั ษณ์ ทางวฒั นธรรม และประเพณีที่โดดเดน่ คอื ยดึ หลกั “การมสี ว่ นรว่ ม” ในการอยรู่ ว่ มกนั พงึ่ พาอาศยั ซึ่งกนั และกนั นามาสคู่ วามรกั ความสามคั คขี องคนในชมุ ชน ไมเ่ กิดความแตกแยก มี ความเออื้ อาทรซงึ่ กนั และกนั มีกลมุ่ /องคก์ ร ทเ่ี ขม้ แขง็ และมที ิศทางใน การพฒั นาหมบู่ า้ นที่ชดั เจน ชาวบา้ นดอนหนั 6 ดาเนินชีวติ เศรษฐกิจพอเพียง โดยปลกู ผกั สวนครวั รวั้ กินได้ หนา้ บา้ นทกุ ครวั เรอื น ประกอบอาชีพเสรมิ เพิ่มรายได้ และเหลอื จากกินนาไปจาหนา่ ย และเป็นท่ยี อมรบั จากทกุ คนทงั้ ในและนอกชมุ ชน ดว้ ยนิสยั รกั สนกุ และตอ้ งการสบื ทอดวฒั นธรรม มีการจดั ตงั้ กลมุ่ กลอง ยาวและนางรา นอกจากจะเป็นอาชีพเสรมิ เพม่ิ รายไดใ้ หค้ นในชมุ ชน แลว้ ยงั กอ่ เกิดความรกั ความสามคั คขี องชมุ ชน คนในชมุ ชนไดม้ ี กิจกรรมรว่ มกนั มีความรกั ความสามคั คีกลมเกลยี วยิ่งขนึ้ ทาใหเ้ ป็น อตั ลกั ษณท์ ี่มีความโดดเดน่ ของหมบู่ า้ น บา้ นดอนหนั คือ “ คณะกลอง ยาวอีสานเอาโลด้ ” บา้ นดอนหนั มกี ระบวนการเรยี นรูม้ ีการพฒั นาและบรหิ ารจดั การเพอ่ื ใช้ ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เพื่อใหเ้ กิดรายได้ ดว้ ย การบรหิ ารจดั การ ภมู ิปัญญาท่เี ป็นของชมุ ชน ชมุ ชนมีป่ าชุมชน และคน ในชมุ ชนอาศยั ผลติ ภณั ฑจ์ ากป่ ามาใชอ้ ปุ โภค บรโิ ภค เช่นการเก็บเห็ด จากธรรมชาติ การทาป๋ ยุ หมกั ไวใ้ ชเ้ อง การทานา้ กล่นั สมนุ ไพรไลแ่ มลง เพ่ือรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม ขอตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเท่ยี วทกุ ทา่ นทจี่ ะมาเยอื นดว้ ยความเต็มใจ นายสพุ ฒั น์ เทียนคา ผใู้ หญ่บา้ นดอนหนั
คนดีท่ีบา้ นดอน ออนซอนประเพณี ศกั ดิศ์ รลี กู อีสาน งามตระการหนองบวั ทอง
ทนุ ทางวัฒนธรรมม่ันคง สร้างเสน่หช์ ุมชนบา้ นดอนหนั • เสน้ ทางศกึ ษาป่ าชมุ ชน เรยี นรูก้ ารอยกู่ ินกบั ธรรมชาติ แหลง่ นา้ ขนาดใหญ่ใหเ้ ป็นทอ่ี าศยั พงึ่ พิงของนกเป็ดนา้ มากมาย • กราบพระขอพร บายศรสี ขู่ วญั รว่ มงานบญุ ประเพณีฮีตสบิ สอง สนกุ สนานกบั กลองยาวอีสาน ชื่นบานกบั ราวงยอ้ นยคุ • ชื่นชมและเฮฮากบั ภาษาทอ้ งถ่ินอสี าน ที่ถกู ขบั ขานรอ้ ยเรยี ง สะทอ้ นความเป็นเจา้ บทเจา้ กลอน ผา่ นผะหญาโตต้ อบชายหญิง • สนิ คา้ ชมุ ชนโดดเดน่ หลากหลาย ของกินของใชใ้ นครวั เรอื น เครอ่ื ง จกั สาน พืชผกั ผลไม้ ปลอดภยั จากสารพษิ • อาหารอสี านรสแซบ เพือ่ สขุ ภาพจากผกั ปลอดภยั และใหต้ ื่นเตน้ หลากหลายเมนู รวมถงึ กงุ้ โคโยตีท้ ่ใี ครมาตอ้ งขอลอง • กิจกรรมมสี ว่ นรว่ มที่หลากหลาย รว่ มสนกุ และเรยี นรู้ เพ่ือการ ทอ่ งเทยี่ วท่สี รา้ งประสบการณใ์ หมใ่ หจ้ ดจา • ชมุ ชนมีความพรอ้ มเพรยี งรว่ มใจ มีนกั เลา่ เรอื่ งชมุ ชนฝีปากเอก มากมายทกุ ฐานเรยี นรู้ ยินดีตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเทีย่ วเสมอ ดว้ ยรอยยิม้ และความอาทร บา้ นดอนหนั หมทู่ ่ี 6 ตาบลบา้ นฝาง อาเภอบา้ นฝาง จงั หวดั ขอนแกน่
“มารูจ้ กั บา้ นดอนหนั กนั เถอะ” ตานานเล่าขาน ข้อมูลหมู่บ้าน มีเรอื่ งเลา่ วา่ ก่อนท่จี ะมบี า้ นดอนหนั พอ่ สี สรี กั ษา บา้ นดอนหนั หมทู่ ่ี 6 มีจานวนประชากร จานวน มีอาชีพทาไรใ่ นพนื้ ที่หนงึ่ ท่ีมลี กั ษณะของทดี่ อนมี ครวั เรอื น 151 ครวั เรอื น ประชากร 504 คน ป่ าเลก็ ๆ ทชี่ าวอสี านเรยี กวา่ “เหลา่ ” เมื่อมกี ารตงั้ ชาย 246 คน หญิง 258 คน หมบู่ า้ นขนึ้ บรเิ วณนนั้ เรยี กช่ือหมบู่ า้ นวา่ เหลา่ อี ปัจจบุ นั มี นายสพุ ฒั น์ เทยี นคา ดารงตาแหนง่ แส อา้ งองิ ถงึ นางแส ลกู สาวพอ่ สที ที่ าไรอ่ ยกู่ บั พอ่ ผใู้ หญ่บา้ น ทน่ี ่นั ตอ่ มาบา้ นเหลา่ อแี ส ไดเ้ ปลย่ี นช่ือเป็น “บา้ นดอนหนั ” ตามชยั ภมู ิของพนื้ ทหี่ มบู่ า้ น ทีม่ ปี ่ า อาณาเขตตดิ ต่อ ตน้ หนั อยมู่ ากมาย ซงึ่ ปัจจบุ นั ยงั มตี น้ หนั ขนึ้ อยู่ ท่วั ไปในทางเขา้ ของหมบู่ า้ น เป็นไมพ่ มุ่ ใบเลก็ กิ่ง ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กบั บา้ นหนองบวั ตาบลหนอง มีหนามแหลม จงึ ไมน่ ิยมเอามาปลกู ในบา้ น บวั ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กบั บา้ นสรา้ งแกว้ ตาบลโนน ฆอ้ งทิศตะวนั ออกติดตอ่ กบั บา้ นหวั บงึ และบา้ น บ้านดอนหันวันนี้ โคกสี ตาบลบา้ นฝาง ทศิ ตะวนั ตกติดตอ่ กบั บา้ น หว้ ยหวา้ และบา้ นหนองอีเลงิ ตาบลโนนฆอ้ ง บา้ นดอนหนั มีเนอื้ ที่ประมาณ 2,950 ไร่ ตงั้ อยู่ อาเภอบา้ นฝาง ทางทิศตะวนั ตกเฉียงใตข้ องทว่ี า่ การอาเภอบา้ น ฝาง หา่ งจากท่วี า่ การอาเภอบา้ นฝาง ประมาณ 4 ภมู ิประเทศ กิโลเมตร การคมนาคมสะดวกเป็นถนนลาดยาง และคอนกรตี ตลอดสาย มถี นนผา่ นเขา้ หมบู่ า้ น พนื้ ที่โดยท่วั ไปเป็นทร่ี าบลมุ่ พนื้ ทส่ี ว่ นใหญ่เป็นท่ี จากถนนมะลวิ รรณ แยกเขา้ หมบู่ า้ นดอนหนั ทาการเกษตรกรรม มีแหลง่ นา้ ธรรมชาติหลาย ประมาณ 2 กิโลเมตร แหง่ ราษฎรในหมบู่ า้ นสว่ นใหญ่มอี าชีพทานา และปลกู ขา้ วโพด ในช่วงฤดแู ลง้
“บา้ นดอนหนั เรามีพชื ผกั ผลไมอ้ ดุ มสมบรู ณท์ งั้ ปี ท่ีสาคญั ปลอดภยั จากสารพิษ เพราะทาเองกินเอง ใครมาถงึ ก็อยาก ตอ้ นรบั ขบั สดู้ ว้ ยส่งิ ท่ีเรามี อาจจะไมส่ วยงามแตก่ ็เตม็ ไปดว้ ยนา้ ใจ ใหช้ ่ืนใจหายเหน่ือย”
“โปรแกรมการท่องเท่ียว ขอนแก่น-ดอนหนั ” เท่ียวเกษตรปลอดภยั เรยี นรูไ้ ปใช้ ไดก้ ิน ไดข้ องฝากสดใหม่จากไรส่ วน 13.30 น. สกั การะพระบรมสารรี กิ ธาตุ ศกึ ษาวิธีอสี านผา่ นภาพเขียนและพพิ ิธภณั ฑช์ าวอสี าน 14.00 น. ทพี่ ระมหาธาตแุ ก่นนคร อนสุ รณส์ าธุชน วดั หนองแวง ขอนแก่น 14.30 น. ออกเดินทางจากเทศบาลนครขอนแกน่ สอู่ าเภอบา้ นฝาง เดินทางถึงวดั ป่ าประโชติวณาราม บา้ นดอนหนั ตาบลบา้ นฝาง อาเภอบา้ นฝาง 14.45 น. ตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเท่ยี ว ดว้ ย ขบวนกลองยาวอสี านเอาโลด้ กราบพระรบั พรเพื่อความเป็นสริ มิ งคล ชมพิพธิ ภณั ฑเ์ ครอื่ งจกั สานขอ้ งใหญ่ไซยกั ษ์ 16.00 น. เทย่ี วชมวิถีชมุ ชน โดยรถพว่ งขา้ ง ไปเยยี่ มชมสวนเกษตรปลอดภยั ไมใ่ ชย้ าฆา่ แมลง 17.00 น. และรว่ มกิจกรรมเกษตร เก็บมะนาวยกั ษ์/เลมอน และผกั หวาน ที่บา้ นสวนชาเคน 18.20 น. ชมไรน่ าสวนผสม ท่ีสวนพกิ ลุ และ บา้ นไรไ่ ทยเจรญิ ชมสะเดานอกฤดู (ทวาย) 20.00 น. ชิมมะชามยกั ษ์แชอ่ ม่ิ เย่ียมชมการผลติ และเลอื กซอื้ สนิ คา้ ชมุ ชน สาธิตการทอเสอื่ สองหนา้ การจกั สานไมไ้ ผ่ ไมก้ วาดดอกหญา้ และสมนุ ไพรไลแ่ มลง เดนิ ทางไปยงั อา่ งเก็บนา้ กกมว่ ง ยงั ป่ าธรรมชาติ ชมทิวทศั นบ์ งึ นา้ รว่ มกิจกรรมเก็บของป่ าชมนกเป็ดนา้ ศกึ ษาเสน้ ทางธรรมชาติ และเรยี นรูส้ มนุ ไพรกบั ชีวติ คนอสี าน บนั ทกึ ภาพสวยพระอาทิตยอ์ สั ดง รว่ มกิจกรรม พาแลงสขุ สนั ตด์ อนหนั พาเพลนิ รบั ประทานอาหารพนื้ บา้ นเมนสู ขุ ภาพ ทปี่ รุงจากพกั พืน้ บา้ นปลอดภยั ในชมุ ชน สนกุ เพลดิ เพลนิ เฮฮากบั ผะหญาโตต้ อบ และรว่ มเตน้ ราบาสโลป/ราวงยอ้ นยคุ เขา้ พกั ในทีพ่ กั โฮมสเตยใ์ นหมบู่ า้ นดอนหนั และรุง่ เชา้ เดินทางไปชมทวิ ทศั นแ์ ละสดู อากาศบรสิ ทุ ธิ์ทถี่ า้ เจีย บา้ นโสกด่งั อาเภอบา้ นฝาง
รว่ มวถิ ี รว่ มสมยั
ตอ้ นรบั ดว้ ยความยินดี ขบวนกลองยาว “เอาโลด้ ” ศิลปะพนื้ บา้ นอสี าน บา้ นดอนหนั ที่นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถรว่ มบรรเลงได้
CHECK IN จดุ แรก ท่ีบา้ นดอนหนั กราบพระรบั พรเพ่อื ความเป็นสริ มิ งคล ชมพพิ ธิ ภณั ฑเ์ ครอื่ งจกั สานขอ้ งใหญ่ไซยกั ษ์ ทว่ี ดั ป่ าประโชติวณาราม
บายศรสี ขู่ วญั แก่ผมู้ าเยือน
ประเพณีการสขู่ วญั ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือหรอื หรอื แมแ้ ตข่ วญั ของลอ้ เลอ่ื น เกวยี น ววั รถ เป็นตน้ การสู่ ภาคอีสาน เป็นประเพณีท่ีสบื ทอดกนั มาชา้ นาน เป็นเรอื่ ง ขวญั จงึ เป็นพิธีกรรมหนง่ึ ท่ีทาใหส้ ามารถดาเนนิ ชวี ิตได้ เกี่ยวกบั ความเชื่อ เรอ่ื งขวญั หรอื จิตใจอนั ก่อใหเ้ กิด อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ การบารุงขวญั ถือเป็นการรวมสริ แิ หง่ กาลงั ใจที่ดขี นึ้ ชาวอีสานเห็นความสาคญั ทางดา้ นจิตใจ โภคทรพั ย์ มาก ในการดาเนินชีวิตแตล่ ะชว่ ง มกั มีการสขู่ วญั ควบคกู่ นั เสมอ จงึ พบเห็นการสขู่ วญั ทกุ ทอ้ งถ่ินในภาคอสี าน ในพิธีสขู่ วญั บางทเี รยี กวา่ พธิ ีบายศรี พธิ ีสดู ขวญั หรอื บายศรสี ขู่ วญั ซง่ึ เป็นประเพณีสาคญั อย่างหนงึ่ ของ การสขู่ วญั เรยี กอกี อยา่ งวา่ การสูดขวญั หรอื การ ชาวอสี าน และนยิ มทากนั แทบทกุ โอกาส จะมีการทา สดู ขวน เป็นจิตวิทยาอยา่ งหนง่ึ เป็นการสรา้ งขวญั และ บายศรปี ระกอบในพธิ ี โดยชาวอีสานยงั คงยดึ ถือและ กาลงั ใจแก่คน หรอื เสรมิ สริ มิ งคลแก่บา้ นเรอื น ปฏบิ ตั กิ นั มาจนถงึ ปัจจบุ นั
บา้ นดอนหนั มีแหลง่ นา้ ธรรมชาติ ถงึ 4 แหง่ ซง่ึ มคี วามสาคญั กบั การเกษตร และยงั สามารถสรา้ ง กิจกรรมการทอ่ งเท่ียวได้ โดยมอี า่ งเก็บนา้ กกมว่ งทม่ี ีเนอื้ ทีถ่ ึง 300 ไร่ ฝายวงั กา้ นหญา้ ฝายวดั ป่ า และ หนองบวั ทอง ซงึ่ เป็นแหลง่ นา้ สาหรบั ใชใ้ นหมบู่ า้ น การมปี ่ าชมุ ชนซงึ่ เป็นป่ าสาธารณประโยชนท์ อ่ี ดุ มสมบรู ณ์ นกั ทอ่ งเท่ียวสามารถรว่ มกิจกรรม ศกึ ษาเสน้ ทางธรรมชาติ และเรยี นรูก้ ารอยกู่ ินจากป่ า การเก็บของป่ า เชน่ เห็ด และพืชสมุนไพรเป็นตน้ ศกึ ษาธรรมชาติและการหาอยหู่ ากิน
เรยี นรูแ้ นวทางศาสตรพ์ ระราชา เสน้ ทางของการเรยี นรูว้ ถิ ีเกษตร เยย่ี มชมสวนเกษตรปลอดภยั ไมใ่ ชย้ าฆา่ แมลงและรว่ มกจิ กรรม เกษตร เก็บมะนาวยกั ษ/์ เลมอน และผกั หวาน ท่บี า้ นสวนชาเคน ชมไรน่ าสวนผสม ที่สวนพกิ ุล และ บา้ นไรไ่ ทยเจรญิ ชมสะเดานอกฤดู (ทวาย) ชิมมะชามยกั ษแ์ ช่อิ่มผลติ ภณั ฑแ์ ปรรูปท่ีขนึ้ ชื่อ
วิถีทชี่ มุ ชนชาวบา้ นดอนหนั ไดร้ ว่ มปฏิบตั ถิ ่ายทอดกนั มาหลายช่วั อายคุ น โดยเฉพาะวฒั นธรรม และทนุ ทางภมู ปิ ัญญาที่เกิดจากการเรยี นรูร้ ว่ มกนั ในการปฏิบตั สิ ่งั สมสบื ทอดตอ่ กนั จนตกผลกึ เป็น องคค์ วามรูภ้ ายในชมุ ชน ดาเนินชีวิตตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยไดน้ อ้ มนาแนวคิดตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพยี งมาใชใ้ นการดารงชีวติ เช่น ครวั เรอื นมกี ารปลกู ผกั สวนครวั ทาป๋ ยุ หมกั ชีวภาพ นา้ หมกั ชีวภาพ ฯลฯ จนไดร้ บั การพจิ ารณาคดั เลอื กใหเ้ ป็นหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบสอู่ าเซยี น ปี 2557 นอกจากท่ีนกั ทอ่ งเที่ยวผมู้ าเยือน จะไดเ้ หน็ ตวั อยา่ งทีป่ ฏบิ ตั ไิ ดช้ ีวิตจริงแลว้ ยงั ไดม้ ีโอกาสสมั ผสั กบั ธรรมชาติทไ่ี มเ่ ป็นอนั ตราย เพราะในหมบู่ า้ นจะไมใ่ ชส้ ารเคมใี นเรอื กสวน หากแตใ่ ช้วิธีธรรมชาติ ทงั้ สนิ้
เปิดประสบการณใ์ หมใ่ หน้ กั ท่องเท่ียว เปิดทกุ ประสาทสมั ผสั เพื่อรบั สง่ิ ใหมใ่ นการทอ่ งเทย่ี วท่บี า้ นดอนหนั ครบทงั้ รูป รส กลนิ่ เสยี ง และสมั ผสั นบั เป็นประสบการณท์ ่พี ลาดไมไ่ ด้ สมั ผสั อากาศบรสิ ทุ ธ์ ในพนื้ ที่ป่ าชมุ ชน อา่ งเก็บนา้ ขนาดใหญ่ หากมาในจงั หวะ เวลาทีเ่ หมาะสม ก็จะไดช้ มนกเป็ดนา้ ฝงู ใหญ่ พรอ้ มกบั ถ่ายภาพอาทิตยอ์ สั ดง ไมว่ า่ จะเป็นกิจกรรมใด นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถไดม้ สี ว่ นรว่ มในการเรยี นรูแ้ ละทดลอง ดมกลน่ิ หอมจากพชื ผกั ท่ีปราศจากสารพิษ ชิมอาหารแปรรูปจากผลติ ภณั ฑเ์ กษตร และรว่ มทดลองในการผลติ สนิ คา้ ชมุ ชน เช่น การทอเสอื่ การทอผา้ ไหม เป็นตน้
เสนห่ ภ์ มู ิปัญญา เรยี บง่าย นา่ คน้ หา เป็นความมหศั จรรยข์ องหตั ถกรรมทามือ ที่มีความประณีตแฝงความมีศิลปะ ที่ถ่ายทอดกนั มาหลายช่วั คน การทอเสอื่ ทงั้ เพ่อื ใชใ้ นครวั เรอื น และถวายพระสงฆเ์ พื่อใชใ้ นวดั นอกจากนนั้ จะถือวา่ เป็นของฝากมอบ ใหผ้ มู้ าเยอื น เสอ่ื สองหนา้ สนิ คา้ มีชื่อของบา้ นดอนหนั ความพิเศษเพราะมสี องสใี นสองดา้ นทงั้ สวยงามเอนกประสงค์
เครอ่ื งจกั สานจากไมไ้ ผ่ ไมไ้ ผเ่ ป็นวตั ถดุ บิ คบู่ า้ นท่ีใชก้ นั มานาน เม่อื การ ทอ่ งเทย่ี ว OTOP นวตั วิถีมาถงึ จากเครอ่ื งจกั สาน สาหรบั ใชง้ านประจาวนั ก็จะถกู ถกั รอ้ ยเป็นของที่ ระลกึ เพื่อการทอ่ งเทีย่ ว ที่มีทงั้ ความเป็นมงคลใน ความเชื่อและสรา้ งคณุ คา่ ทเ่ี พิม่ มากขนึ้ คือ ไซดกั ทอง ขอ้ งใสเ่ งิน เหมาะท่ีจะเป็นของฝากทกุ คน
ภมู ิปัญญาพืน้ ถ่ินอีสานท่ีมีช่ือเสียง คอื ผา้ ไหมมดั หม่ี
ของฝากของท่ีระลกึ สนิ คา้ ของฝากชมุ ชนจากบา้ นดอนหนั มที งั้ สนิ คา้ แปรรูปจากผลติ ภณั ฑเ์ กษตร และงานฝีมอื ทีส่ รา้ งสรรคเ์ พอ่ื เป็นสนิ คา้ ท่รี ะลกึ ใหแ้ กน่ กั ทอ่ งเท่ียว ไดแ้ ก่ ผลิตภณั ฑ์ OTOP ไดแ้ ก่ ไมก้ วาดดอกหญา้ ปลาแดดเดียว นา้ กล่นั สมนุ ไพรไลแ่ มลง ผา้ ฝา้ ยทอมอื ผลติ ภณั ฑจ์ ากกะลามะพรา้ ว กลว้ ยมว้ น นา้ ยาลา้ งจาน ตะกรา้ จากไมไ้ ผ่ ผลติ ภณั ฑแ์ ปรรูปจากเหด็ และเสอื่ กก ของที่ระลกึ เพ่ือการท่องเทีย่ ว ได้แก่ ตอ่ เงินตอ่ ทองจากวสั ดธุ รรมชาติ ของที่ระลกึ จากไมไ้ ผ่ (ไซดกั โชค) พวงกญุ แจจากผา้ ฝา้ ยทอมอื ผา้ พนั คอ และผกั ปลอดภยั จากดอนหนั อาหารอร่อยรสชาติพนื้ บ้าน ไดแ้ ก่ ลาบไก่บา้ น ปลาสม้ ตม้ ยาไกบ่ า้ น ซุปหนอ่ ไม้ ลอดชอ่ งแตงไทย
อ่ิมอรอ่ ยกบั พาแลงและความบนั เทิงชาวบา้ น การทอ่ งเท่ยี วป่ าชมุ ชนและชมทิวทศั นย์ ามเยน็ ทอ้ งถ่ินอีสานอนั เป็นความผพู้ นั สายสมั พนั ธด์ จุ อาจทาให้ เกิดความเหน่ือยลา้ แกน่ กั ท่องเท่ยี ว ด่งั พี่นอ้ งกบั สปป.ลาว ชาวบา้ นดอนหนั นยิ ามตนเองวา่ เป็นคน “มกั มว่ น” ชอบความสนกุ บนั เทิง นอกเหนือจากการ นกั ทอ่ งเที่ยว จงึ จะไดร้ บั ความเพลดิ เพลินกบั มคี ณะกลองยาวและนางราแลว้ ในชมุ ชนมกี าร การแสดงแบบมสี ว่ นรว่ ม สามารถเขา้ ไปทดลอง ตงั้ คณะราวงยอ้ นยคุ พรอ้ มกบั มกี ิจกรรมออก ในการฟอ้ นราหรอื เรยี นรูก้ ิจกรรมเขา้ จังหวะของ กาลงั กายในชมุ ชนดว้ ยการฟอ้ นราพนื้ เมือง การเตน้ ราบาสโลปอยา่ ง สนกุ สนานไดพ้ รอ้ มกนั เตน้ ราทานองบาสโลป ซงึ่ เป็นทีน่ ยิ มใน กบั กิจกรรมที่ดาเนินไป
ความรว่ มมอื รว่ มใจ เป็น “คนเลา่ เรอ่ื ง” การเป็นเจา้ บา้ นท่ีดีของคนในหมบู่ า้ น ทกุ เพศทกุ วยั ทพ่ี รอ้ มถา่ ยทอด เรอ่ื งราวตา่ งๆ ผา่ นบทบาทของคนเลา่ เรอ่ื งในชมุ ชน นบั ตงั้ แตผ่ สู้ งู อายุ ปฏิบตั ติ นแบบอยา่ งทดี่ ใี หก้ บั คนใน ชมุ ชน ทงั้ ในเรอื่ งการอนรุ กั ษ์ ศลิ ปวฒั นธรรมพนื้ บา้ น และการ ประพฤติตนตามหลกั พทุ ธศาสนา เป็นผนู้ าในการปฏบิ ตั ศิ าสนกิจตา่ งๆ จนถงึ เยาวชนใหม้ สี ว่ นรว่ มในกิจกรรม อยา่ งสม่าเสมอ
ผ้มู ีองคค์ วามรู้/ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ดา้ นตา่ งๆภายในหมบู่ ้านดอนหนั มดี ังนี้ 1. ภมู ปิ ัญญาด้านสมุนไพร/แพทยแ์ ผนไทย 1) นางจฑุ ากาญจน์ วงศอ์ นุ่ อายุ 45 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นนวดแผนไทย 2) นางสมเพท เทยี นคา อายุ 57 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นสมนุ ไพรหมอพนื้ บา้ น 2. ภมู ิปัญญาด้านอนุรกั ษว์ ัฒนธรรม/ประเพณีทอ้ งถน่ิ (หมอพราหมณ/์ สตู ร/ศิลปะการแสดง) 1) นายประพจน์ บญุ ทองแฝง อายุ 60 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นพิธีทางศาสนา 2) นายปรมินทร์ พทุ ธโคตร อายุ 59 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นการแสดง 3) นางพิกลุ พทุ ธโคตร อายุ 52 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นการแสดง/สรภญั ญะ 3. ภมู ปิ ัญญาดา้ นความเชื่อ/โหรศาสตร/์ 1) นายนิโรจน์ บญุ ชาติ อายุ 65 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นไสยศาสตร์ ภมู ิปัญญาดา้ นไสยศาสตร์ 2) นายบญุ หอง บตุ รดาซุย อายุ 76 ปี 4. ภมู ปิ ัญญาดา้ นการเกษตรกรรม (ขยายพนั ธพุ์ ชื และพนั ธสุ์ ตั ว์ / ป๋ ยุ อนิ ทร/์ ชีวภาพ /ผกั ปลอดสารพิษ / เพาะเหด็ / เลยี้ งไหม /หมอดนิ / หมอสตั ว์ เป็นตน้ ) 1) นายสขุ หวานอารมณ์ อายุ 75 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นป๋ ยุ อินทรยี /์ ชีวภาพ 2) นางผสั บตุ รดาซุย อายุ 73 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นเลยี้ งไหม 3) นางกนกวรรณ ไทยเจรญิ อายุ 53 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นเพาะเห็ด 4) นางเสนห่ า พรมจกั ร อายุ 59 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นมดั หม่ี ทอผา้ ไหม 5. ภมู ิปัญญาดา้ นช่าง (ชา่ งไม/้ ช่างปนู /ชา่ งตดั ผม/ชา่ งตดั เยบ็ /ช่างแกะสลกั /จกั สาน) 1) นายเฉลยี่ พรานสมนั อายุ 66 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นจกั สาน 2) นายรงั สรรค์ มลู ตรภี กั ดี อายุ 63 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นชา่ งไม้ 3) นายวญิ ญู วงษ์อนุ่ อายุ 52 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นชา่ งปนู 4) นายสมบรู ณ์ แดนสามสวน อายุ 67 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นช่างปั้นเตา 5) นายประจวบ บญุ จวง อายุ 65 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นช่างไมเ้ รอื นไทย 6) นายพนม มลู ตรภี กั ดี อายุ 72 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นจกั สาน 7) นางปิน โสดาศรี อายุ 63 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นทาพานบายศรี 8) นางปรางค์ เทียนคา อายุ 44 ปี ภมู ปิ ัญญาดา้ นเย็บปักถกั รอ้ ย 6. ภมู ปิ ัญญาด้านศลิ ปกรรม 1) หลวงพอ่ พระครูประโชตวิ รญาน วดั ดอนจนั ทร์ อายุ 89 ปี ภมู ิปัญญาดา้ นแกะสลกั หนิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: