โครงสรา้ งและการเจรญิ เตบิ โตของพชื
เน้อื เย่อื พชื
ผนังเซลล์ของพืชเป็นลักษณะร่วมกัน ของเซลล์พืชแต่ละชนิด โดยเซลล์พืชมีผนัง เซลล์เป็นกรอบล้อมอยู่รอบนอกและให้ความ แข็งแรงแก่โครงสร้างเซลล์พืช ผนังเซลล์ของ เซลล์ ประกอบด้วย มิดเดิลลาเมลลา ผนัง เซลล์ปฐมภูมิและผนังเซลล์ทุติยภูมิ โดยแต่ละ ส่วนมลี กั ษณะและความสาคญั ท่แี ตกต่างกัน
จาแนกเน้อื เย่อื พชื ตามการแบ่งเซลล์ แบง่ ออกได้เป็น 2 ประเภท คอื • เนอื้ เยื่อเจริญ (meristematic tissue) • เนอื้ เย่ือถาวร (permanent tissue)
เนือ้ เยอ่ื เจริญ (meristematic tissue) เน้ือเย่ือเจริญประกอบด้วยเซลล์เจริญท่ีมีผนังเซลล์ปฐมภูมิบาง มีนิวเคลียส ขนาดใหญ่เม่ือเทียบกับขนาดของเซลล์ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพ่ือเพ่ิมจานวนได้ ตลอดชวี ติ ของเซลล์ และเซลล์ท่ีไดจ้ ากการแบง่ ส่วนหนงึ่ จะเปล่ียนแปลงเปน็ เน้ือเย่ือ ถาวรเพอ่ื ทาหนา้ ท่เี ฉพาะตอ่ ไป
ลกั ษณะและชนดิ ของเนอื้ เยอ่ื เจริญ 1. เปน็ เซลล์ท่ยี ังมชี วี ิตอยู่ 2. มีผนังเซลล์ (cell wall) บาง ซง่ึ ประกอบด้วยเซลลูโลสเปน็ ส่วนใหญ่ 3. มีนิวเคลียสคอ่ นขา้ งใหญ่ มองเห็นได้ชดั แตม่ แี วควิ โอล (vacuole) เล็ก หรอื ไมม่ ีเลย 4. เซลลอ์ าจมรี ูปรา่ งได้หลายแบบ แต่สว่ นมากคอ่ นข้างกลม หรือหลายเหลี่ยม 5. เซลล์จะอยู่กนั อย่างเบียดเสยี ดจนไมม่ ีชอ่ งวา่ งระหวา่ งเซลล์ (intercellular space) 6. มกี ารแบง่ เซลล์ตลอดเวลาและยังรกั ษาลกั ษณะเดิมไว้ จนกวา่ จะแปรสภาพ ไปเป็นเนอื้ เย่อื ถาวร
เนื้อเยอ่ื เจริญแบ่งตามตาแหนง่ ที่อย่ไู ด้เป็น 3 ประเภทไดแ้ ก่ เน้อื เยอื่ เจรญิ สว่ นปลาย เนือ้ เยือ่ เจริญด้านขา้ ง และเน้อื เย่ือเจริญเหนอื ขอ้
1. เน้อื เย่ือเจริญสว่ นปลาย (apical meristem) - พบบริเวณปลายราก เรียกเนื้อเย่ือเจริญส่วนปลายราก (apical root meristem) เมื่อแบ่งเซลลจ์ ะทาใหร้ ากยาวข้ึน - พบที่บริเวณปลายยอดเรียกว่า เนื้อเย่ือเจริญส่วนปลายยอด (apical shoot meristem) ทาใหพ้ ืชยืดยาว และสูงข้นึ ตลอดอายขุ ัย พบทั้งในพชื ใบเล้ยี งคู่ และพืชใบเล้ยี งเด่ยี ว
2. เนอื้ เยื่อเจรญิ ด้านขา้ ง (lateral meristem) อยู่ในแนวขนานกับเส้นรอบวงมีการแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนออกทาง ด้านข้างทาให้รากและลาต้นขยายขนาดใหญ่ข้ึน โดยการเติบโตท่ีเกิดจากการ แบ่งเซลล์ของเน้ือเยื่อเจริญด้านข้างจัดเป็นการเติบโตทุติยภูมิพบในรากและลา ต้นของพืชใบเล้ียงคู่ทั่วไปและพืชใบเล้ียงเดี่ยวบางชนิด เนื้อเย่ือเจริญด้านข้าง เรียกอกี อยา่ งว่า แคมเบียม แบ่งตามการทาหนา้ ที่ได้เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
- วาสคิวลารแ์ คมเบียม มหี น้าทีแ่ บง่ เซลล์ทาใหเ้ กิดเนอื้ เย่อื ทอ่ ลาเลยี งเพ่มิ ขนึ้ ใน การเตบิ โตทตุ ิยภูมิ วาสคิวลารแ์ คมเบยี มพบอย่รู ะหวา่ งเนอื้ เยื่อทอ่ ลาเลียงนา้ และ ท่อลาเลียงอาหาร - คอร์กแคมเบยี ม มหี นา้ ทแี่ บ่งเซลลใ์ ห้คอรก์ และเนอื้ เยอ่ื อืน่ ๆ เพอ่ื ทาหน้าท่ีแทน เนอื้ เยื่อผิวเดิมในการเตบิ โตทุติยภมู ิในพชื บางชนิด
วาสคิวลารแ์ คมเบียม (vascular cambium) ไซเล็ม โฟลเอ็ม (xylem) (phloem)
3. เน้อื เยื่อเจรญิ เหนอื ขอ้ (intercalary meristem) - ขอ้ (node) เป็นบริเวณของลาตน้ ที่มกั นูนหรือพองโตกว่าสว่ นอ่นื ๆ ท่ีติดกนั มตี า (bud) ตดิ อยู่ซงึ่ อาจแตกเป็นก่งิ ใบหรอื ดอก ปลอ้ ง (internode) เป็นสว่ นท่อี ยู่ระหว่างขอ้ เนื้อเย่ือเจริญเหนือข้อพบบริเวณเหนือข้อลา่ ง หรือโคน ของปลอ้ งบนทาให้ปล้องยาวขนึ้ พบในพืชใบเล้ยี งเดี่ยวท่ัวไป เชน่ ไผ่ ข้าว ข้าวโพด ออ้ ย และหญ้า และ พชื ใบเลยี้ งคู่บางชนิด
ปล้อง (internode) บริเวณเซลลย์ ดื ตัว (zone of cell elongation) เนอ้ื เยอ่ื เจริญเหนอื ขอ้ (intercalary meristem) ข้อ (nodes)
เน้อื เยอ่ื ถาวร เนื้อเย่ือถาวรเปล่ียนแปลงมาจากเนื้อเยื่อเจริญประกอบด้วย เซลล์ที่เจริญเต็มท่ี มีรูปร่างคงที่ ทาหน้าท่ีต่าง ๆ ตามลักษณะ โครงสรา้ งของเซลลส์ ว่ นใหญจ่ ะไม่สามารถแบง่ เซลล์ไดอ้ ีกต่อไป
ลักษณะสาคญั ของเนือ้ เย่อื ถาวร มลี กั ษณะ ดังนี้ 1. ไมม่ กี ารแบ่งเซลล์ 2. รูปร่างของเซลลค์ งทไี่ มม่ กี ารเปลี่ยนแปลง 3. มกี ารสะสมสารบนผนงั เซลลม์ าก ก่อให้เกดิ ความแขง็ แรง 4. มีแวคิวโอลขนาดใหญ่
เนื้อเย่ือถาวรแบง่ ตามหน้าท่ไี ด้ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบเนอ้ื เยอ่ื ผวิ ระบบเน้อื เย่อื พื้น ระบบเนอื้ เยอ่ื ท่อลาเลยี ง 1. ระบบเนื้อเย่ือผวิ ได้แก่ เอพเิ ดอรม์ ิส และ เพรเิ ดริ ม์ 2. ระบบเนอื้ เยอ่ื พืน้ ไดแ้ ก่ พาเรงคมิ า คลอเลงคมิ า สเกลอเลงคมิ า 3. ระบบเนือ้ เยื่อท่อลาเลยี ง ไดแ้ ก่ ไซเล็ม โฟลเอม็
1. ระบบเนื้อเย่ือผิว ไดแ้ ก่ เอพเิ ดอรม์ สิ และ เพรเิ ดิร์ม 1.1 เอพิเดอร์มสิ (epidermis) - เป็นเน้ือเย่ือทีอ่ ยูท่ ่ีผวิ นอกสดุ ของสว่ นต่างๆ ของพชื - เซลลบ์ างเรยี งตัวเบียดกันแนน่ เปน็ แถวเดียว เซลล์มรี ูปคล้าย กระสอบเลก็ ๆ
- เซลล์ที่ยังมีชีวิตอยูแ่ ตเ่ ม่ือแกแ่ ลว้ จะมีแวคิวโอลขนาดใหญ่ สว่ นมากไมม่ เี ม็ดคลอ โรพลาสต์ ยกเวน้ เซลลค์ มุ (guard cell) มรี ปู รา่ งคลา้ ยเมลด็ ถวั่ แดงอยเู่ ป็นคู่ ประกบกันบรเิ วณกลางๆ ด้านท่ีประกบกันไมไ่ ดเ้ ช่ือมติดกนั เกิดเป็นชอ่ งเรยี กว่า รปู ากใบ (stomatal pore) ผนงั เซลล์ปฐมภมู บิ รเิ วณรอบรปู ากใบจะหนากวา่ บรเิ วณอ่นื ภายในเซลล์คุมมคี ลอโรพลาสต์ รวมเรยี กเซลล์คุม และ รูปากใบวา่ ปากใบ (stoma)
1.2 เพริเดิร์ม พบในพืชที่มีอายุมากข้ึน เกิดจากการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อบริเวณ เส้น รอบวงของรากและลาต้น คือ เน้ือเยื่อ คอร์กแคมเบียม หรือ เฟลโลเจน (phellogen) การแบง่ ตวั ของเนื้อเย่ือชนิดน้ีทาให้เอพิเดอร์มิสแตกออก เนื้อเยื่อ ที่มาแทนทน่ี เ้ี รียกว่าเพอริเดิร์ม ซ่ึงจัดว่าเป็นการเจริญเติบโตทุตยิ ภูมิ(secondary growth) ทาให้ลาตน้ และรากขยายขนาด
2. ระบบเนื้อเยือ่ พ้ืน ไดแ้ ก่ พาเรงคมิ า คลอเลงคมิ า สเกลอเลงคิมา 2.1 พาเรงคมิ า (parenchyma) - เป็นเซลลพ์ นื้ ฐานพบทกุ สว่ นของพชื - เซลลม์ ลี กั ษณะทรงกลมหรือทรงรี มผี นงั เซลลบ์ าง (เซลลโู ลส) แวคิวโอล ขนาดใหญ่ เซลล์ท่ีมีชีวิตอยู่ - ถ้าเซลลช์ นิดน้มี เี มด็ คลอโรพลาสต์อยู่ด้วย เรยี กว่า คลอเรงคิมา (chlorenchyma) จงึ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ - ช่องว่างทเ่ี กิดจากการเรยี งตัวกันของเซลล์พาเรงคมิ า เรยี ก แอเรงคิมา aerenchyma หรอื intercellular space
ช่องวา่ งระหวา่ งเซลล์ (intercellular space) พาเรงคมิ า (parenchyma)
หนา้ ที่ 1) สะสมอาหารพวกแป้ง โปรตนี ไขมัน และนา้ 2) ในพืชบางชนดิ จะเปลีย่ นไปเปน็ ต่อมสร้างกลน่ิ ของเหลวและชว่ ยในการหายใจ 3) เปน็ ส่วนประกอบของทอ่ ลาเลยี งนา้ (xylem) และ ท่อลาเลยี งอาหาร (phloem)
2.2 คลอเลงคมิ า (collenchyma) -เปน็ เซลล์ที่พบทุกสว่ นของพืชท้งั ทอ่ี อ่ นและสว่ นที่แก่ บรเิ วณชั้นในคอรเ์ ทกซ์ กา้ นใบ และเส้นกลางใบ - เป็นเซลลท์ ่ยี งั มชี วี ติ อยู่ - รูปรา่ งส่ีเหล่ยี มแตย่ าวมาก ขนาดของเซลล์เลก็ - ผนงั เซลลป์ ระกอบด้วยเซลลูโลสกับสารเพกติน (pectin) สะสมอยู่เปน็ บาง แห่งไม่สมา่ เสมอ จงึ ทาใหเ้ ซลล์แขง็ แรง - แวควิ โอลมีขนาดใหญ่ดันให้ไซโทพลาซึมอยชู่ ดิ ขอบเซลลแ์ ละยังคงเปน็ เซลล์ ทีม่ ีนวิ เคลียส
หนา้ ที่ ช่วยใหส้ ่วนตา่ งๆ ของพืชมคี วามเหนียว ยืดหยุ่นไดด้ ี และยงั ชว่ ยป้องกนั แรงเสียด ทานอีกดว้ ย
epidermis collenchyma parenchyma
2.3 สเกลอเลงคิมา (sclerenchyma) แบ่งตามรูปร่างออกเปน็ 2 ชนดิ 1. ไฟเบอร์ (fiber) - เป็นเซลล์ท่ีมลี ักษณะเรียวยาวคล้ายเส้นดา้ ย มคี วามเหนียว และยืดหยุ่นได้ดีมาก จึงชว่ ยเสรมิ ความแขง็ แรง พยงุ ลาตน้ กิง่ ก้าน ให้คงรูปอยู่ - ประโยชน์ในการนามาทอถักเปน็ เชือก เครื่องนุ่งหม่ และ ชว่ ยในการขบั ถ่ายของคนไดด้ ี
2) สเกลอรีด (sclereid) หรือเซลล์หิน (stone cell) - มีหลายรปู ร่าง เช่น รูปหลายเหลย่ี ม รปู ดาว เป็นต้น - เป็นเซลล์ท่ตี ายแล้วมีสารพวกเพกติน (pectin) และลกิ นิน (lignin) มาสะสมอยมู่ าก จึงแขง็ และเหนยี ว - พบมากตามสว่ นของพชื เชน่ เปลือกหมุ้ เมลด็ ของพวกพทุ รา มะยม กะลามะพร้าว และกา้ นบัว
สเกลอรีด (sclereid
3. ระบบเนื้อเยอ่ื ทอ่ ลาเลยี ง ไดแ้ ก่ ไซเล็ม โฟลเอม็ 3.1 ไซเล็ม (xylem) เป็นเนื้อเย่ือท่ีทาหน้าท่ีลาเลียงน้า และแร่ธาตุ ไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืชในรูปของสารละลาย มีทิศทางการลาเลียงจากรากข้ึน ไปสู่ลาต้น ก่ิง ก้าน ใบ นอกจากน้ีเนื้อเย่ือของไซเล็มยังช่วยค้าจุนเสริมความ แข็งแรงให้แก่สว่ นตา่ งๆ ของพชื
ส่วนประกอบของไซเล็ม (xylem) มี 4 ประเภท 1. เทรคดี (tracheid) 2. เวสเซลเมมเบอร์ (vessel member) 3. ไซเล็มพาเรงคมิ า (xylem parenchyma) 4. ไซเล็มไฟเบอร์ (xylem fiber)
1. เทรคดี (tracheid) เทรคีด (tracheid) เซลล์ที่มลี กั ษณะผอมยาว ปลายทั้งสองขา้ งคอ่ นขา้ ง แหลม ท่ผี นงั เซลลม์ สี ารพวกลกิ นนิ มาสะสม ผนงั หนาไม่เท่ากันบางตอนของผนงั เซลลจ์ ะบาง เรียกวา่ พทิ (pit) สว่ นผนังเซลลห์ ัวท้ายไม่มีรทู ะลุ ทาใหส้ ามารถแพร่ ผา่ นจากเซลลห์ น่งึ ไปอกี เซลล์หนง่ึ ได้ทางผนังเซลลด์ า้ นข้างบรเิ วณทย่ี งั บางอยู่ เมอื่ เซลล์โตเตม็ ท่ีเซลลจ์ ะตาย จงึ มีช่องว่างใหญ่ (lumen) เพราะไซโทพลาซึม สลายไป
หนา้ ท่ีของเทรคดี 1) เปน็ ทอ่ ลาเลียงนา้ และแร่ธาตุ ซง่ึ ทาหน้าทไ่ี ด้ดีเม่ือเซลล์ตายแล้ว 2) ชว่ ยคา้ จนุ สว่ นตา่ งๆ ของพชื เนื่องจากมีผนังเซลลแ์ ขง็ แรง ปลายสุดของ เซลลจ์ ะเสย้ี มแหลม
2. เวสเซลเมมเบอร์ (vessel member) ลักษณะเปน็ ท่อสั้นๆ ปลายเซลล์อาจเฉียงหรือ ตรง เม่ือเซลล์เจริญ เต็มที่แล้วเซลล์จะตายไป ตรงกลางเซลล์เป็นช่องขนาดใหญ่ เพราะไซ โทพลาซึมสลายไป ผนังเซลล์มีสารจาพวกลิกนินสะสม แต่ผนังเซลล์บาง แห่งหนาไมเ่ ทา่ กัน บริเวณท่ีบางเรยี กว่า พิท (pit)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110